เพราะรัก..color of love fic exo chansoo
เขียนโดย onni
วันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.19 น.
แก้ไขเมื่อ 29 กันยายน พ.ศ. 2557 19.58 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
2) เพราะรัก...1 100%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความสนามบินอิลซอล 13:00 น
ปาร์ค ชานยอล เกลียดความวุ่นวายเป็นที่สุดคนรอบตัวเค้ารู้ทุกคน แต่ทำใมเวลาน้ีลูกชายคนเล็กแห่งตระกูล"ปาร์ค" ถึงได้มาติดอยู่ในที่ๆมีผู้คนมากมายขนาดนี้ อย่างที่ไม่ปริปากโวยวายอะไรออกมาสร้างความตกใจให้กับผู้คน ถึงแม้ว่าความสูงที่มีจะทำให้ชายหนุ่มเป็นจุดเด่นได้ไม่ยากแล้วนั้น แต่ทุกคนที่ได้พบเจอคุณหนูคนเล็กของตระกูล "ปาร์ค" แล้วละก็คงไม่มีใครปฏิเสธได้ ปาร์ค ชานยอล นั้นหล่อเหลาอย่างร้ายกาจ จมูกที่โด่งเป็นสันรับเข้ากับริมฝีปากบางเป็นกระจับ ดวงตาถึงแม้ว่ามันจะดูกลมโตแต่ก็ดูดุดันคมเข้มได้อย่างหน้าประหลาด แค่คุณสมบัติเพียงแค่นี้ ปาร์ค ชานยอล ก็มีสาวๆมากมายที่ต่างอยากจะจับจองเป็นพ่อของลูกในอนาคต ยังไม่นับถึง นามสกุล ปาร์ค ที่มีนั่นอีก ที่เป็นจุดบ่งบอกได้ว่าใครก็ตามที่ได้หัวใจของ ปาร์ค ชานยอลไปละก็ ชาตินี้คงสบายไปทั้งชาติแน่นอน ก็นะคุณหนูปาร์คเค้าเป็นถึงลูกชายคนเล็กของเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์รายใหญ่นี่นา ใครบ้างละที่จะไม่ต้องการตัว
ปาร์ค ชานยอลกำลังเหล่มอง lolex ที่ข้อมือเป็นรอบที่สามสิบห้า นับตั้งแต่เข้ามาถึงที่สนามบิน พร้อมกับคิ้วเรียวขมวดลงเล็กน้อย บ่งบอกถึงอาการที่คนสนิทที่อยู่รายล้อมต่างพากันรู้ว่า คุณชายกำลังไม่พอใจแต่ต้องอดทน อาการที่หาได้ยากจากคนที่ถูกตามใจมาตั้งแต่เด็กยันทุกวันนี้ ถึงตอนนี้พวกเค้าทั้งหมดคงต้องขอบคุณใครอีกคนที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้าที่ทำให้ความสนใจทั้งหมดของร่างสูงเพ่งตรงไปยังประตูขาเข้าประเทศของสนามบิน
"คุณชายครับ คุณลู่หานออกมาแล้วครับ" คิม จงแด บอดี้การ์ดร่างเล็กทำหน้าที่บอกเจ้านายเมื่อเห็นว่าบุคคลที่รอคอยปรากฏขึ้น ชานยอลถอนสายตาจากนาฬิกาก่อนจะมองไปยัง ร่างโปร่งที่เดินออกมาพร้อมรอยยิ้มที่ระบายเต็มหน้า ส่งผลให้ใบหน้าสวยหวานขึ้นไปอีก ร่างสูงที่ถึงแม้จะสูงน้อยกว่าเค้าก็เถอะ 'ซี ลู่หาน' ไม่ว่าวันไหนผู้ชายคนนี้ก็มีรอยยิ้มที่สดใสระบายอยู่เต็มใบหน้าเสมอ
"ชานยอล รอนานใหมโทษที่ว่ะพอดีเอกสารมีปัญหานิดหน่อยนะ" ทันทีที่มาถึงตัวลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง คนที่เพิ่งมาถึงเกาหลีก็เอ่ยปากอธิบายทันที
"ซี ลู่หาน พี่เกือบจะทำให้ผมอาละวาดไปแล้วรู้ตัวหรือเปล่า ผมไม่สนว่าเอกสารของพี่จะมีปัญหาตรงไหนแต่เพราะผมรอพี่นานมากวันนี้พี่ต้องพาผมไปเลี้ยง"คำพูดที่ทำให้คนเป็นพี่ชายเกือบจะต้องหัวเราะออกมาดังๆถ้าไม่ติดเกรงใจว่าที่นี่คือที่ สาธาระณะ แน่ละไอ้อาการเชิดหน้ามองค้อนเหมือนเด็กผู้หญิงที่เค้าได้รับจากน้องชายตัวโตมันหน้าขำน้อยเสียเมื่อไร ทั้งๆที่เค้าบอกไปแล้วเชียวว่าไม่ต้องมารับเค้าเองก็ได้ เพราะแค่เดินทางไปบ้านน้าตัวเองแค่นี้สำหรับ หนุ่มอารมณ์ดีอย่าง ลู่หานนั้นไม่มีปัญหาเลยซักนิด เพราะตั้งแต่ลู่หานย้ายไปเรียนที่จีนตามแม่ที่ต้องการไปอยู่กับพ่อที่แผ่นดินใหญ่นั้น เมื่อไรที่ปิดเทอมไม่มีเทอมไหนที่ชานยอลน้อยคนนี้จะไม่โทรไปรบเร้าให้เค้ามาที่เกาหลีเสียตั้งแต่ปิดเทอมวันแรก
"น่าๆๆๆๆ โอเคฉันจะเลี้ยงนายเอง ชานยอล 555"บอกพร้อมกับตบไหล่ร่างสูงอย่างอารมณ์ดี ก่อนทั้งหมดจะพากันย้ายขบวนออกจากสนามบินไปยังรถที่จอดรออยู่
"จงแด เดี๋ยวฉันขับเอง นายเอากระเป๋าไปไว้อีกคันหนึ่งแล้วขับไปไว้ที่บ้านใหญ่ได้เลย"สั่งงานคนสนิทเสร็จ ชานยอลก็หมุนกุญแจโชว์พี่ชาย ก่อนดันคนตัวเล็กกว่าให้เข้าไปนั่งในรถแทน
"เฮ้ๆๆ ชานยอลนายจะพาพี่ไปไหนเนีย"เอ่ยถามน้องชายทันที ที่คนเป็นน้องขับรถออกมาได้ซักพัก นอกจากไม่ได้คำตอบจากผู้เป็นน้องแล้วบนใบหน้าหล่อเหลากลับมีแต่รอยยิ้มอย่างที่คนเป็นพี่ได้แต่เลิกคิ้วมอง ก็รอยแบบนี้มันเป็นรอยยิ้มเจ้าเลห์ของชานยอลชัดๆ
'นับเป็นเวลา กว่าห้าเดือนแล้วที่ สำหรับการหายสาปสูญไปของคุณคิม มินซอก และ คุณโด คยองซู คุณหนูเล็กและคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลโด มีข่าวออกมามากมายว่าทั้งสองคนอาจเสียชีวิตไปจากเหตุอุบัติเหตุรถรถยนต์ของทั้งคู่พลิกคว่ำ แต่งานนี้ นายโด อินซู ผู้เป็นอาได้กล่าวถึงผู้สืบทอดกิจการทั้งหมดของตะกูลโดว่า จะไม่มีทางตกเป็นของใครแน่นอนเพราะตัวเค้าเองไม่มีทางเชื่อว่าหลานชายทั้งสองของตนจะเสียชีวิต และยังยื่นยันว่าจะรออย่างมีความหวังจนกว่าจะสิ้นหวัง นายอินซูกล่าวทั้งน้ำตา....ต่อไปจะเป็นการรายงาน...'
"หึ..."น้ำเสียงหัวเราะขึ้นจมูกที่ดังมาจากร่างเล็กที่ปกคลุมไปด้วยผ้าผันคอที่ผันไว้หนาจนโผล่พ้นมาเพียงริมฝีปากบาง มวลผมหนานุ่มถูกหมวกปกคลุมไว้เกือบทั้งหมด ดวงตากลมโตมองไปยังทีวีเบื้องหน้าที่ตอนนี้เปลี่ยนไปฉายข่าวอื่นแทนข่าวเมื่อครู่เสียแล้ว อย่างเย้ยหยันในเมื่อคนที่ควรจะหายสาปสูญหรือแม้กระทั่งควรตายไปกับเหตุการณ์ในครั้งนั้น ไม่สมควรซักนิดที่จะยื่นอยู่ตรงนี้ ใช่คนที่นักข่าวคนนั้นผูดถึงคือเค้าเอง คิม มินซอก คนที่คุณอาคนดีแทบจะพลิคแผนดินโซลหาเค้าพี่น้องสองคน แต่ต้องนึกสงสารคุณอาคนดีเสียหน่อยที่ต่อไปนี้คนที่คุณอาตามหาอาจจะยากเสียหน่อยเพราะในเมื่อตอนนี้จะมีก็แต่ ซิ่วหมิน และดีโอ สองพี่น้องที่ใช้ชีวิตเฉกเช่นคนธรรมดา คนธรรมดาที่รอเวลาเอาคืน พญาซาตานอย่าง โด อินซู คุณอาผู้แสนดี
เสียงดังขอไม้เท้าที่ดังอยู่ข้างหลัง ทำให้ เค้าหันกลับไปมองทันทีก่อนจะพบคนตัวเล็กกว่าเค้าเล็กน้อย เดินออกมาจากโรงเรียนสอนเปียโนด้านข้าง ดวงตากลมโตที่เหม่อมองไปด้านหน้าไม่ต่างไปจากคนปกติทั่วไปแต่เพราะไม้ค้ำที่อยู่ในมือเล็กนั่นทำให้คนตรงหน้าแตกต่าง ดีโอน้องชายของเค้าสูญเสียดวงตาจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นและมันยังทำให้น้องชายของเค้าสูญเสียไปแม้กระทั่งรอยยิ้มสดใสที่มักจะมีติดหน้าเสมอ ซิ่วหมินเดินตรงไปหาน้องชายอย่างเช่นเคยทุกครั้งที่เค้าต้องมารับน้องจากโรงเรียนสอนเปียโน
"ดีโอ วันนี้เป็นยังไงบ้างเรียนเปียโนสนุกใหม"ซิ่วหมินนึกดีใจที่โทรทัศน์ช่องนั้นนำเสนอข่าวนักร้องดังไปเสียแล้วเค้าไม่ต้องการให้คนตัวเล็กรับรู้อะไรอีกต่อไป แค่นี้น้องชายเค้าก็สูญเสียมากพอแล้ว
"ซิ่วหมินฮยอง รอผมนานใหมครับ"เสียงหวานเอ่ยถามพี่ชายก่อนจะใช้ดวงตาคู่โตหันมายังที่มาของเสียง รอยยิ้มเล็กน้อยถูกยกขึ้นที่มุมปากให้กับผู้เป็นพี่ชายอย่างเช่นทุกครั้ง รอยยิ้มที่คนเป็นพี่ชายดูออกเสมอว่าน้องรักฝื้นยิ้ม แต่ก็เลือกที่จะปัดความคิดนั้นทิ้งพร้อมกับเอื้อมมือมากระซับผ้าผันคอให้น้องชายให้แน่นขึ้นแม้ตอนนี้บรรยากาศจะอุ่นขึ้นแล้วแต่สำหรับคนขี้หนาวอย่างเค้าทั้งสองคนมันก็ยังหนาวไปอยู่ดี
"ไม่เลยซักนิด ไปกันเถอะดีโอวันนี้จุนมยองสัญญาว่าจะทำสปาเกตี้ของโปรดของนาย แล้วแบคฮยอนยังอนุญาติให้นายนั่งรอพี่จนกว่าพี่จะเลิกงานได้เลยนะ"ซิ่วหมินพูดพร้อมกับดึงไม้เท้าออกจากมือน้องชายก่อนจะเป็นผู้จับจูงไปตลอดทาง ปากอิ่มก็เอื่อนเอยถึงเจ้านายของเค้าทั้งสองคนที่เรียกได้ว่าเป็นเสมือนผู้มีพระคุณสำหรับเค้าและน้องชายเลยก็ว่าได้
"รบกวนฮยองทั้งสองหรือป่าวครับ ผมกลับไปรอที่บ้านก่อนก็ได้ครับ แล้วพอฮยองเลิกงานจากร้านจุนมยองฮยองแล้วค่อยมารับผมไปที่คลับของแบคฮยองก็ได้ครับ" ดีโอบอกพร้อมกับขืนตัวเองเบาๆเป็นการขัดขืนพี่ชาย แต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะดังจากข้างตัวแทน
"ดีโออ่า ถ้าวันนายไม่ไป จุนมยองกับแบคฮยอนต้องไล่พี่กลับไปรับนายแน่นอน รู้ตัวหรือป่าวว่าสองคนนั้นน่ะเป็นแฟนบอยของนายเชียวนะ"บอกพร้อมรอยยิ้มกว้างเมื่อนึกถึงเจ้าของร้านอาหารและเจ้าของคลับที่เค้าทำงานอยู่ ก็สองคนนี้เรียกได้ว่าคลั้งไคล้น้องชายของเค้าเป็นที่สุดก็ว่าได้ แต่แล้วแรงขืนตัวจากน้องชายที่ยังไม่ยอมเดินต่อทำให้ซิ่วหมินหันมามองไม่ได้
"ฮยองเหนื่อยใหมครับ เพราะผมใช่ใหมครับทำให้ฮยองเหนือยขนาดนี้"ร่างเล็กก้ทหน้าลงพร้อมกับบอกกับพี่ชายที่ทนทำงานหนักมาตลอดเพื่อเราทั้งสองคน ถ้าเพียงแต่เค้าจะตายไปซะ ซิ่วหมินฮยองคงไม่ต้องเหนื่อยทำงานจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อนขนาดนี้
"ดีโออ่า ฮยองไม่เคยเหนื่อยเลยนะ ขอแค่น้องชายของฮยองคนนี้คอยยิ้มให้กับฮยองก็พอ"บอกพร้อมกับเอื้อมมือไปยกมุมปากทั้งคู่ของคนตรงหน้าให้ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มก่อนคนเป็นน้องจะยอมหัวเราะออกมา มืออิ่มของคนเป็นพี่ชายเอื้อมมาโอบเอวน้องไว้ก่อนจะพาก้าวเดินต่อไปยังจุดหมายคือร้านอาหารของ จุนมยอง
'ดีโออ่า คยองซูอ่า ไม่ว่าจะเป็นชื่อไหนนายคือน้องชายคือสิ่งสำคัญที่สุดของชีวิตฮยอง เพราะงั้นแค่เพียงนายยิ้มฮยองคนนี้ไม่เหนื่อยเลยซักนิดกับสิ่งที่ทำอยู่แล้วอีกไม่นานหรอกอะไรที่มันเป็นของเราฮยองจะไปเอากลับมาให้นายเอง' คนเป็นพี่หมายมั่นในใจพร้อมกับมือที่กระชับร่างของน้องชายให้แน่นขึ้นอย่างหวงแหน รอยยิ้มที่ติดอยู่บนใบหน้าหวานเลือนหายไปอย่างช้าๆ
บนโลกกลมๆที่แสนกว้างใหญ่ไม่มีใครอยู่กับความเพอเฟ็คได้ตลอดเวลา จากคนที่เคยอยู่สูงที่สุดรอบข้างรายล้อมไปด้วยบุคคลที่ยกยอปอปั้นแต่เมื่อไรที่ ร่วงหล่นลงมาบนพื้น คนเหล่านั้นก็ไม่ต่างจากฝูงแร้งที่คอยดึงทึ้งซ้ำเติมให้ยืนแทบไม่ไหว บนโลกใบนี้น่ะสิ่งสำคัญที่ต้องปกป้องสำหรับเค้ามีแค่คนเดียวก็พอแล้ว โด อินซู อีกไม่นานหรอกฉันจะไปทวงที่ๆเป็นของพวกเราคืน
*****************************************************************************************************
100% แล้ว เรื่องนี้ดราม่าเรื่องแรกของonniเลยนร้ายังไงก็ติชมได้นะค่ะ^___^ รักคนอ่านทุกคนเบยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ