ภาม รินปริศนาเกมส์เเห่งความตาย
10.0
เขียนโดย winter
วันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 05.16 น.
5 เกมส์ที่
3 วิจารณ์
11.30K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน พ.ศ. 2557 05.27 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
1) ความตายที่รุกคืบ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเกมส์ที่ 1
ความตายที่รุกคีบ
เสียงฝีเท้าในความมืดของใครคนหนึ่งก้าวเป็นจังหวะอย่างช้าๆ แต่มีเสียงฝีเท้าอีกสองคู่ที่ฟังดูแล้วบอกได้ถึงความรีบเร่งสาวเท้าให้ทันฝีเท้าของคนแรกที่เดินไปเรื่อยๆอย่างเป็นจังหวะ ภายในซอยแห่งนี้ทั้งมืดและเปลี่ยวมากๆ เสียงฝีเท้าที่เดินเป็นจังหวะเมื่อครู่หยุดลงและฟังเสียงฝีเท้าที่เดินตามตนมาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจเดินต่อไปเรื่อยๆเพื่อหนีให้พ้นเสียงฝีเท้าทั้งสองคู่นั้น แต่แล้ว
“เดียวสิคุณ”
เสียงฝีเท้าสองคู่ที่เดินตามมาเมื่อครู่มีเสียงเอ่ยขึ้นหลังจากเห็นเป้าหมายเร่งฝีเท้าเพื่อหนีพวกเขา เสียงนั้นทำให้เขาสะดุ้งและรีบหันมาประจันหน้าพวกเขาที่เดินตามมาทันที
“มะ..มีอะไร”เสียงเขาสั่นเล็กน้อย
“คุณกำลังจะตาย สนใจยกความตายให้ฉันไหม”
เสียงของชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาจากหนึ่งในสองคนที่เดินตามเขามาพูดกับเขาด้วยเสียงเรียบๆ แต่กลับสร้างความสงสัยให้กับเขาแทนที่ความหวาดกลัวเมื่อครู่
“อะ...อะไรนะ ว่ายังไงนะ ฉันกำลังจะตายงั้นเหรอ”
เป้าหมายย้อนถามกลับไปยังชายคนเดินตามเขามาคนนั้นด้วยความสงสัย
“ใช่ คุณกำลังจะตายสนใจยกความตายให้ฉันไหม”
“นายบ้ารึเปล่า นายรู้ได้ยังไงว่าฉันกำลังจะตาย เดินตามฉันมาเพื่อพูดอะไรบ้าๆแค่นี้เนี่ยนะ นายมีเวลาว่างมากนักรึไงไอ้โรคจิต”
เขาถามผู้เดินตามมาเรื่องที่เขาพูดเมื่อครู่ด้วยความสงสัยอีกครั้ง พร้อมเสร็จด้วยคำบ่นบนด่าไปในตัวแล้วรีบเดินหนีพวกเขาไป
“เอายังไงดีล่ะนาย”
เสียงของผู้เดินตามมาด้วยกันอีกคนเป็นเสียงใสๆที่ฟังดูแล้วต้องเป็นเสียงของผู้หญิงแน่ๆเอ่ยถามขึ้น และเดินนำหน้าเขาไปเล็กน้อย
“จะตามหรือจะกลับ”
“เป็นความตายที่น่าสนใจมากๆเลยล่ะ”
เขาไม่ได้ตอบตรงคำถามของเสียงใสนั้น และเดินนำเธอไป เป็นคำตอบที่เจ้าตัวไม่ต้องถามซ้ำว่าจะตามหรือจะกลับ และเธอก็เดินตามเขาไป
“นายไม่เบื่อบ้างเหรอตามคนอื่นเขาแบบนี้”
เสียงใสๆถามขึ้น แต่ไม่มีเสียงคำตอบจากคนตรงหน้า เธอพยายามวิ่งตามให้ทันเขา
แต่พอถึงทางแยกตรงซอยที่เขาเลี้ยวตามเป้าหมายที่เห็นหลังไวๆแต่พอเธอวิ่งตามและเลี้ยวตามตรงนั้นชายที่วิ่งนำหน้าเธอมากลับหายไปพร้อมทั้งเป้าหมายที่วิ่งตามมาเมื่อครู่
“หายไปไหนแล้ว หมอนั้นก็ด้วย”
เธอพรึมพรำกับตนเองแล้วเดินหาดูตามหมู่บ้านจัดสรรที่ทิ้งร้าง บริเวณนั้นทีละหลังทีละหลัง และตะโกนเรียกเขาไปเรื่อยๆแต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา
“นี่นาย!!! อยู่ไหนน่ะ”
ฉึก
เสียงของแหลมคมขนาดเล็กจิ้มเข้าที่คอของเธอ และฉีดของเหลวเขาไปในตัวเธออย่างรวดเร็วในปริมาณที่ไม่มากนักแต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เหยื่อหมดสภาพและล้มลงอย่างรวดเร็ว
สติของเธอเริ่มจะดับวูบลง แต่ยังกระเสือกกระสนที่จะเอาชีวิตรอด พยายามผืนตัวเองไม่ให้หมดสติตามฤทธิ์ยานั้น แต่พอเธอพยายามผืนตาตัวเองมองหน้าคนที่ฉีดอะไรบางอย่างให้เธอเมื่อครู่แต่ไม่ทันที่จะได้หันกลับไปมอง เธอกลับเห็นใครคนหนึ่งซึ่งไม่ยากที่จะเดานักว่าคงโดนแบบเดียวกับเธอนอนคว่ำสลบอยู่ไม่ห่างจากเธอนัก
ชายสวมหมวกแกะสีขาวหน้ารักๆที่เธอเดินตามเขามาเมื่อครู่ ถูกบุคลปริศนาทำร้ายจนหมดสภาพเหมือนๆกับเธอคลายความสงสัยเมื่อครู่ที่เขาหายไปจากการติดตามของเธอ และกำลังถูกคนร้ายใช้เท้าเขี่ยให้หงายขึ้นแล้วลากเขาไปยังมุมมืดๆของห้องเช่าแถวอย่างช้าๆ
ภาพตรงหน้าค่อยๆมืดลงทีละนิดๆ และในที่สุดเธอก็หมดสติไป
“ภะ...ภาม”
………………………………………………………………………………………………………
“สวัสดีลัล” เสียงเรียกดังมาจากด้านหลังเด็กสาว พอเธอหันกลับตามเสียงเรียกนั้นและยิ้มทักทายให้กับเด็กสาวที่เรียกเธอทันที
“จ๊ะ สวัสดี แล้วยัยนีล่ะเอม” เด็กสาวเพื่อนของเธอทันทีเมื่อไม่เห็นเพื่อนของเธออีกคน
“สงสัยจะตื่นสายละมั่ง เห็นเมื่อวานการบ้านเยอะจะตายไป” เอม หรือเอมิกาตอบลัล และนั่งลงตรงโต๊ะหินอ่อนใกล้ๆเธอ
“แล้วเอมล่ะเธอทำการบ้าเสร็จแล้วเหรอ ถึงนั่งลอยหน้าลอยตาแบบนี้ ขนาดฉันยังทำไม่เสร็จเลย” ลัลถามขึ้นอย่างสงสัย
“ยังจ๊ะ รอลอกยัยนีเอา แต่วิชาไหนลัลทำเสร็จแล้ว ก็เอามาลอกก่นเลย เดี๋ยวไม่ทัน” เด็กสาวยิ้มแล้วส่ายหน้าบงบอกว่าไม่ไหวเลยเพื่อนคนนี้แล้วหยิบการบ้านสามวิชาที่ทำเสร็จแล้วให้เอมไป
“ขอบใจจ้าลัล” เอมยิ้มแล้วรับการบ้านจากลัลไป แต่ไม่ลืมหยิบช็อคโกแล็ตในกระเป๋าให้ แต่ลัลได้แต่ยิ้มแล้วส่ายหน้าปฏิเสธของตอบแทนจากเอมิกา
“หัดทำด้วยตัวเองบ้าสิ เธอก็เรียนเก่งไม่ใช่เหรอ แค่นี้เอมก็น่าจะทำได้นี่”ลัลขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วบอกเอม
“ก็มันขี้เกียดนี่” เอมตอบลัลแล้วบรรจงลอกต่อไปอย่างรวดเร็ว
วันนี้น่าเบื่อชะมัดเลย...เมื่อไหร่จะมีอะไรสนุกสนุกซะทีนะ...ยัยแม่มดช่วงนี้ไม่ได้เรื่องเอาซะเลย
ลัลทริมาสดุ้งเล็กน้อย เสียงหนึ่งดังขึ้นภายในหัวของลัลทริมา เป็นเสียงที่คุ้นเคยกับเธอเป็นที่สุด น้ำเสียงที่ชวนขนลุกในทันทีที่ใครเขาได้ยินหากแต่มีเพียงแค่ลัลทริมาเท่านั้นที่ได้ยิน พอเธอหันไปตามเสียงความคิดนั้นก็เจอกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งลงโต๊ะหินอ่อนข่างๆเธอแบบเงียบๆ ในมือเขาถือหนังสือเก่าๆ ส่วนมืออีกข้างแก่วงกระดึ่งไปมาแต่ไม่มีเสียงอะไรเพราะมันคือกระดิ่งโหงครวญ จะมีเสียงก็ต่อเมื่อมีอาถรรพ์หรือเรื่องลี้ลับเท่านั้น เขาค่อยๆเปลี่ยนสายตาจากกระดิ่งแล้วมองมาที่เธอแล้วยิ้มชวนสยองส่งให้ลัลทริมา
“การิน” ลัลเรียกชื่อของเด็กหนุ่มคนนั้นขึ้นอย่างแผ่วเบาเมื่อเห็นว่าเจ้าของความคิดชวนสยองเมื่อครู่เป็นใคร ก่อนจะหันกลับมาดูเอมลอกการบ้านเธอแทนที่จะสนใจเขาต่อ
การินยิ้มแบบเย็นเยือก แล้วยกขาขึ้นมาวางพาดโต๊ะหินอ่อนอีกตัวอย่างไม่สนใจคนรอบข้างที่เขานั่งกันอยู่บริเวณนั้น
ซักครู่หนึ่งที่ลัลนั่งทนแรงกดดันสุดสะเอียนของการินอยู่ นีหรือมัณฑินีก็เดินแบบอิดโรยเข้ามาในโรงเรียน แล้วพอเห็นลัลทริมากับเอมิกานั่งอยู่ด้วยกันเลยรีบเดินเข้ามาหาทั้งสอง แล้วนั่งลงโต๊ะอีกตัวที่อยู่ข้างๆลัลและเอมอย่างหมดแรง
“เป็นอะไรไปยัยนี ไปทำอะไรมา เหงื่อเต็มเลยแถมทำยังกับไปแข่งโอลิมปิกมาแหนะ” เอมเงยหน้าขึ้นหลังนีนั่งลงแล้วฟุบลงบนโต๊ะที่เอมลอกการบ้านลัลอยู่
“เหนื่อย...เมื่อคืนนอนดึกแล้วนะ นี้ยังต้องรีบตื่นแต่เช้ามาซื้อกับข้าวที่ตลาดอีก” มัณฑินีพูดแล้วเงยหน้าขึ้นมาเผยเหงื่อเต็มใบหน้าของเธอจนเธอต้องถอดแว่นของเธอออกมาเช็ดคราบเหงื่อ
“แล้วไหงเธอไม่นั่งรถแท็กซี่มาล่ะ อ๊ะเกือบลืมการบ้านล่ะเสร็จแล้วยัง ฉันลอกของลัลไปสามวิชาแล้วนะ” เอมพูดขึ้นแต่ก็ไม่ลืมถามถึงการบ้านที่เหลือที่ลัลทำไม่เสร็จจากนี
“อะนี่ เสร็จแล้วให้ลัลดูอันที่ยังไม่เสร็จด้วยล่ะ” นีหยิบการบ้านในกระเป๋าของเธอออกมาให้เอมแล้วนั่งพิงที่พิงหลังของโต๊ะเพื่อพักให้หายเหนื่อยต่อ
“แย่ชะมัด ตอนมารงเรียนเนี่ยรถติดชะมัดเลย แถมที่รถติดก็เพราะรถเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วก็รถนักข่าวน่ะจอดขวางทางจราจรตรึมเลย รถงี้ติดเป็นกิโลเลย” นีพูดบ่นบนอาการที่ยังเหนื่อยอยู่ออกมาให้เพื่อนๆทั้งสองที่นั่งอยู่ฟัง
“แล้วทำไมถึงรถติดขนาดนั้นเลยล่ะนี” ลัลทริมาถามด้วยความสงสัย
“ก็เห็นคนบนรถเมล์เขาบอกว่ามีคนถูกฆาตกรรมตรงห้างที่พวกเราชอบไปเที่ยวบ่อยๆน่ะ”นีเว้นวรรคหายใจเล็กน้อย “สภาพศพเห็นเขาบอกว่าตายสยองมากเลยล่ะ” นีกลืนน้ำลายแล้วพูดต่อ “เห็นบอกว่า ชื่อ สส.มานิตน่ะ”
“ใครเหรอสส.มานิต ฟังดูแล้วน่าเป็นคนใหญ่คนโตน่าดูเลยนะถึงทำให้รถนักข่าวมาทำข่าวจนรถติดขนาดนั้น”
“นีลัลไม่รู้จักเหรอ สส.มานิตน่ะก็พ่อของยัยพิมพาห้องเดียวกับเราไง” เอมที่นั่งลอกการบ้านอยู่หยุดมือลงแล้วพูดขึ้นมาบ้าง
“งั้นเหรอ แล้วเป็นยังไงบ้างสภาพศพของเจ้านั้นน่ะ เละขนาดไหนกัน” เสียงหนึ่งที่นั่งขาพาดโต๊ะหินอ่อนอยู่เมื่อครู่เด้งตัวลุกขึ้นแล้วตรงมาที่โต๊ะของลัลทันที
“การิน ถ้านายอยากรู้นายก็ไปดูเองซะสิ มาถามพวกฉันทำไม” เอมพูดขึ้น แล้วทำหน้าบ่งบอกไม่สบอารมณ์เอามากกับการินทันที
“เห็นเขาบอกว่า สส.มานิตน่ะถูกจับขังไว้ในตู้โชว์หน้าห้างน่ะ แล้วก็ถูกคนร้ายจับใส่อะไรซักอย่างนี่แหละ แล้วจู่ๆก็มีเสียงของคนร้ายที่บันทึกเอาไว้ดังขึ้นจากแถวนั้นว่าจะเล่นเกมอะไรซักอย่างนี่แหละ”
“เกมส์งั้นเหรอ” เสียงของการินพูดขึ้นสร้างความสงสัยของผู้ที่นั่งฟังกันอยู่
“นายยังยืนฟังพวกฉันอยู่อีกเหรอเนี่ย” เอมพูดขึ้นหลังจากการินเอนตัวนั่งลงข้างๆกับมัณฑินีซึ่งก็ทำให้เธอรู้สึกกลัวเธอเลยย้ายมานั่งกับลัลแทน
“ว่ามาสิ” การินเท้าคางแล้วถามมัณฑินี
“คะ...คือ” มัณฑินีเริ่มตัวสั่นหลังจากการินจ้องเธอด้วยสายตาเย็นเยือกชวนขนลุก
“นี่การิน นายหยุดทำแบบนี้เลยนะ นีเขากลัวนายจะแย่แล้ว” ลัลทริมาตวาดการินแต่เขายังจ้องมัณฑินีอยู่ไม่วางตา
“....” เขาไม่ตอบแต่หันหน้าเบือนหนีแทน
...ยุ่งอะไรด้วยฟะ ยัยแม่มด
ตึ่ง...ตึง...ตึ้ง...
...สวัสดีนักเรียนโรงเรียนนิศาพาณิชย์ทุกคน...
ความตายที่รุกคีบ
เสียงฝีเท้าในความมืดของใครคนหนึ่งก้าวเป็นจังหวะอย่างช้าๆ แต่มีเสียงฝีเท้าอีกสองคู่ที่ฟังดูแล้วบอกได้ถึงความรีบเร่งสาวเท้าให้ทันฝีเท้าของคนแรกที่เดินไปเรื่อยๆอย่างเป็นจังหวะ ภายในซอยแห่งนี้ทั้งมืดและเปลี่ยวมากๆ เสียงฝีเท้าที่เดินเป็นจังหวะเมื่อครู่หยุดลงและฟังเสียงฝีเท้าที่เดินตามตนมาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจเดินต่อไปเรื่อยๆเพื่อหนีให้พ้นเสียงฝีเท้าทั้งสองคู่นั้น แต่แล้ว
“เดียวสิคุณ”
เสียงฝีเท้าสองคู่ที่เดินตามมาเมื่อครู่มีเสียงเอ่ยขึ้นหลังจากเห็นเป้าหมายเร่งฝีเท้าเพื่อหนีพวกเขา เสียงนั้นทำให้เขาสะดุ้งและรีบหันมาประจันหน้าพวกเขาที่เดินตามมาทันที
“มะ..มีอะไร”เสียงเขาสั่นเล็กน้อย
“คุณกำลังจะตาย สนใจยกความตายให้ฉันไหม”
เสียงของชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาจากหนึ่งในสองคนที่เดินตามเขามาพูดกับเขาด้วยเสียงเรียบๆ แต่กลับสร้างความสงสัยให้กับเขาแทนที่ความหวาดกลัวเมื่อครู่
“อะ...อะไรนะ ว่ายังไงนะ ฉันกำลังจะตายงั้นเหรอ”
เป้าหมายย้อนถามกลับไปยังชายคนเดินตามเขามาคนนั้นด้วยความสงสัย
“ใช่ คุณกำลังจะตายสนใจยกความตายให้ฉันไหม”
“นายบ้ารึเปล่า นายรู้ได้ยังไงว่าฉันกำลังจะตาย เดินตามฉันมาเพื่อพูดอะไรบ้าๆแค่นี้เนี่ยนะ นายมีเวลาว่างมากนักรึไงไอ้โรคจิต”
เขาถามผู้เดินตามมาเรื่องที่เขาพูดเมื่อครู่ด้วยความสงสัยอีกครั้ง พร้อมเสร็จด้วยคำบ่นบนด่าไปในตัวแล้วรีบเดินหนีพวกเขาไป
“เอายังไงดีล่ะนาย”
เสียงของผู้เดินตามมาด้วยกันอีกคนเป็นเสียงใสๆที่ฟังดูแล้วต้องเป็นเสียงของผู้หญิงแน่ๆเอ่ยถามขึ้น และเดินนำหน้าเขาไปเล็กน้อย
“จะตามหรือจะกลับ”
“เป็นความตายที่น่าสนใจมากๆเลยล่ะ”
เขาไม่ได้ตอบตรงคำถามของเสียงใสนั้น และเดินนำเธอไป เป็นคำตอบที่เจ้าตัวไม่ต้องถามซ้ำว่าจะตามหรือจะกลับ และเธอก็เดินตามเขาไป
“นายไม่เบื่อบ้างเหรอตามคนอื่นเขาแบบนี้”
เสียงใสๆถามขึ้น แต่ไม่มีเสียงคำตอบจากคนตรงหน้า เธอพยายามวิ่งตามให้ทันเขา
แต่พอถึงทางแยกตรงซอยที่เขาเลี้ยวตามเป้าหมายที่เห็นหลังไวๆแต่พอเธอวิ่งตามและเลี้ยวตามตรงนั้นชายที่วิ่งนำหน้าเธอมากลับหายไปพร้อมทั้งเป้าหมายที่วิ่งตามมาเมื่อครู่
“หายไปไหนแล้ว หมอนั้นก็ด้วย”
เธอพรึมพรำกับตนเองแล้วเดินหาดูตามหมู่บ้านจัดสรรที่ทิ้งร้าง บริเวณนั้นทีละหลังทีละหลัง และตะโกนเรียกเขาไปเรื่อยๆแต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา
“นี่นาย!!! อยู่ไหนน่ะ”
ฉึก
เสียงของแหลมคมขนาดเล็กจิ้มเข้าที่คอของเธอ และฉีดของเหลวเขาไปในตัวเธออย่างรวดเร็วในปริมาณที่ไม่มากนักแต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เหยื่อหมดสภาพและล้มลงอย่างรวดเร็ว
สติของเธอเริ่มจะดับวูบลง แต่ยังกระเสือกกระสนที่จะเอาชีวิตรอด พยายามผืนตัวเองไม่ให้หมดสติตามฤทธิ์ยานั้น แต่พอเธอพยายามผืนตาตัวเองมองหน้าคนที่ฉีดอะไรบางอย่างให้เธอเมื่อครู่แต่ไม่ทันที่จะได้หันกลับไปมอง เธอกลับเห็นใครคนหนึ่งซึ่งไม่ยากที่จะเดานักว่าคงโดนแบบเดียวกับเธอนอนคว่ำสลบอยู่ไม่ห่างจากเธอนัก
ชายสวมหมวกแกะสีขาวหน้ารักๆที่เธอเดินตามเขามาเมื่อครู่ ถูกบุคลปริศนาทำร้ายจนหมดสภาพเหมือนๆกับเธอคลายความสงสัยเมื่อครู่ที่เขาหายไปจากการติดตามของเธอ และกำลังถูกคนร้ายใช้เท้าเขี่ยให้หงายขึ้นแล้วลากเขาไปยังมุมมืดๆของห้องเช่าแถวอย่างช้าๆ
ภาพตรงหน้าค่อยๆมืดลงทีละนิดๆ และในที่สุดเธอก็หมดสติไป
“ภะ...ภาม”
………………………………………………………………………………………………………
“สวัสดีลัล” เสียงเรียกดังมาจากด้านหลังเด็กสาว พอเธอหันกลับตามเสียงเรียกนั้นและยิ้มทักทายให้กับเด็กสาวที่เรียกเธอทันที
“จ๊ะ สวัสดี แล้วยัยนีล่ะเอม” เด็กสาวเพื่อนของเธอทันทีเมื่อไม่เห็นเพื่อนของเธออีกคน
“สงสัยจะตื่นสายละมั่ง เห็นเมื่อวานการบ้านเยอะจะตายไป” เอม หรือเอมิกาตอบลัล และนั่งลงตรงโต๊ะหินอ่อนใกล้ๆเธอ
“แล้วเอมล่ะเธอทำการบ้าเสร็จแล้วเหรอ ถึงนั่งลอยหน้าลอยตาแบบนี้ ขนาดฉันยังทำไม่เสร็จเลย” ลัลถามขึ้นอย่างสงสัย
“ยังจ๊ะ รอลอกยัยนีเอา แต่วิชาไหนลัลทำเสร็จแล้ว ก็เอามาลอกก่นเลย เดี๋ยวไม่ทัน” เด็กสาวยิ้มแล้วส่ายหน้าบงบอกว่าไม่ไหวเลยเพื่อนคนนี้แล้วหยิบการบ้านสามวิชาที่ทำเสร็จแล้วให้เอมไป
“ขอบใจจ้าลัล” เอมยิ้มแล้วรับการบ้านจากลัลไป แต่ไม่ลืมหยิบช็อคโกแล็ตในกระเป๋าให้ แต่ลัลได้แต่ยิ้มแล้วส่ายหน้าปฏิเสธของตอบแทนจากเอมิกา
“หัดทำด้วยตัวเองบ้าสิ เธอก็เรียนเก่งไม่ใช่เหรอ แค่นี้เอมก็น่าจะทำได้นี่”ลัลขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วบอกเอม
“ก็มันขี้เกียดนี่” เอมตอบลัลแล้วบรรจงลอกต่อไปอย่างรวดเร็ว
วันนี้น่าเบื่อชะมัดเลย...เมื่อไหร่จะมีอะไรสนุกสนุกซะทีนะ...ยัยแม่มดช่วงนี้ไม่ได้เรื่องเอาซะเลย
ลัลทริมาสดุ้งเล็กน้อย เสียงหนึ่งดังขึ้นภายในหัวของลัลทริมา เป็นเสียงที่คุ้นเคยกับเธอเป็นที่สุด น้ำเสียงที่ชวนขนลุกในทันทีที่ใครเขาได้ยินหากแต่มีเพียงแค่ลัลทริมาเท่านั้นที่ได้ยิน พอเธอหันไปตามเสียงความคิดนั้นก็เจอกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งลงโต๊ะหินอ่อนข่างๆเธอแบบเงียบๆ ในมือเขาถือหนังสือเก่าๆ ส่วนมืออีกข้างแก่วงกระดึ่งไปมาแต่ไม่มีเสียงอะไรเพราะมันคือกระดิ่งโหงครวญ จะมีเสียงก็ต่อเมื่อมีอาถรรพ์หรือเรื่องลี้ลับเท่านั้น เขาค่อยๆเปลี่ยนสายตาจากกระดิ่งแล้วมองมาที่เธอแล้วยิ้มชวนสยองส่งให้ลัลทริมา
“การิน” ลัลเรียกชื่อของเด็กหนุ่มคนนั้นขึ้นอย่างแผ่วเบาเมื่อเห็นว่าเจ้าของความคิดชวนสยองเมื่อครู่เป็นใคร ก่อนจะหันกลับมาดูเอมลอกการบ้านเธอแทนที่จะสนใจเขาต่อ
การินยิ้มแบบเย็นเยือก แล้วยกขาขึ้นมาวางพาดโต๊ะหินอ่อนอีกตัวอย่างไม่สนใจคนรอบข้างที่เขานั่งกันอยู่บริเวณนั้น
ซักครู่หนึ่งที่ลัลนั่งทนแรงกดดันสุดสะเอียนของการินอยู่ นีหรือมัณฑินีก็เดินแบบอิดโรยเข้ามาในโรงเรียน แล้วพอเห็นลัลทริมากับเอมิกานั่งอยู่ด้วยกันเลยรีบเดินเข้ามาหาทั้งสอง แล้วนั่งลงโต๊ะอีกตัวที่อยู่ข้างๆลัลและเอมอย่างหมดแรง
“เป็นอะไรไปยัยนี ไปทำอะไรมา เหงื่อเต็มเลยแถมทำยังกับไปแข่งโอลิมปิกมาแหนะ” เอมเงยหน้าขึ้นหลังนีนั่งลงแล้วฟุบลงบนโต๊ะที่เอมลอกการบ้านลัลอยู่
“เหนื่อย...เมื่อคืนนอนดึกแล้วนะ นี้ยังต้องรีบตื่นแต่เช้ามาซื้อกับข้าวที่ตลาดอีก” มัณฑินีพูดแล้วเงยหน้าขึ้นมาเผยเหงื่อเต็มใบหน้าของเธอจนเธอต้องถอดแว่นของเธอออกมาเช็ดคราบเหงื่อ
“แล้วไหงเธอไม่นั่งรถแท็กซี่มาล่ะ อ๊ะเกือบลืมการบ้านล่ะเสร็จแล้วยัง ฉันลอกของลัลไปสามวิชาแล้วนะ” เอมพูดขึ้นแต่ก็ไม่ลืมถามถึงการบ้านที่เหลือที่ลัลทำไม่เสร็จจากนี
“อะนี่ เสร็จแล้วให้ลัลดูอันที่ยังไม่เสร็จด้วยล่ะ” นีหยิบการบ้านในกระเป๋าของเธอออกมาให้เอมแล้วนั่งพิงที่พิงหลังของโต๊ะเพื่อพักให้หายเหนื่อยต่อ
“แย่ชะมัด ตอนมารงเรียนเนี่ยรถติดชะมัดเลย แถมที่รถติดก็เพราะรถเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วก็รถนักข่าวน่ะจอดขวางทางจราจรตรึมเลย รถงี้ติดเป็นกิโลเลย” นีพูดบ่นบนอาการที่ยังเหนื่อยอยู่ออกมาให้เพื่อนๆทั้งสองที่นั่งอยู่ฟัง
“แล้วทำไมถึงรถติดขนาดนั้นเลยล่ะนี” ลัลทริมาถามด้วยความสงสัย
“ก็เห็นคนบนรถเมล์เขาบอกว่ามีคนถูกฆาตกรรมตรงห้างที่พวกเราชอบไปเที่ยวบ่อยๆน่ะ”นีเว้นวรรคหายใจเล็กน้อย “สภาพศพเห็นเขาบอกว่าตายสยองมากเลยล่ะ” นีกลืนน้ำลายแล้วพูดต่อ “เห็นบอกว่า ชื่อ สส.มานิตน่ะ”
“ใครเหรอสส.มานิต ฟังดูแล้วน่าเป็นคนใหญ่คนโตน่าดูเลยนะถึงทำให้รถนักข่าวมาทำข่าวจนรถติดขนาดนั้น”
“นีลัลไม่รู้จักเหรอ สส.มานิตน่ะก็พ่อของยัยพิมพาห้องเดียวกับเราไง” เอมที่นั่งลอกการบ้านอยู่หยุดมือลงแล้วพูดขึ้นมาบ้าง
“งั้นเหรอ แล้วเป็นยังไงบ้างสภาพศพของเจ้านั้นน่ะ เละขนาดไหนกัน” เสียงหนึ่งที่นั่งขาพาดโต๊ะหินอ่อนอยู่เมื่อครู่เด้งตัวลุกขึ้นแล้วตรงมาที่โต๊ะของลัลทันที
“การิน ถ้านายอยากรู้นายก็ไปดูเองซะสิ มาถามพวกฉันทำไม” เอมพูดขึ้น แล้วทำหน้าบ่งบอกไม่สบอารมณ์เอามากกับการินทันที
“เห็นเขาบอกว่า สส.มานิตน่ะถูกจับขังไว้ในตู้โชว์หน้าห้างน่ะ แล้วก็ถูกคนร้ายจับใส่อะไรซักอย่างนี่แหละ แล้วจู่ๆก็มีเสียงของคนร้ายที่บันทึกเอาไว้ดังขึ้นจากแถวนั้นว่าจะเล่นเกมอะไรซักอย่างนี่แหละ”
“เกมส์งั้นเหรอ” เสียงของการินพูดขึ้นสร้างความสงสัยของผู้ที่นั่งฟังกันอยู่
“นายยังยืนฟังพวกฉันอยู่อีกเหรอเนี่ย” เอมพูดขึ้นหลังจากการินเอนตัวนั่งลงข้างๆกับมัณฑินีซึ่งก็ทำให้เธอรู้สึกกลัวเธอเลยย้ายมานั่งกับลัลแทน
“ว่ามาสิ” การินเท้าคางแล้วถามมัณฑินี
“คะ...คือ” มัณฑินีเริ่มตัวสั่นหลังจากการินจ้องเธอด้วยสายตาเย็นเยือกชวนขนลุก
“นี่การิน นายหยุดทำแบบนี้เลยนะ นีเขากลัวนายจะแย่แล้ว” ลัลทริมาตวาดการินแต่เขายังจ้องมัณฑินีอยู่ไม่วางตา
“....” เขาไม่ตอบแต่หันหน้าเบือนหนีแทน
...ยุ่งอะไรด้วยฟะ ยัยแม่มด
ตึ่ง...ตึง...ตึ้ง...
...สวัสดีนักเรียนโรงเรียนนิศาพาณิชย์ทุกคน...
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ