[ChanBeak]-Love you only
10.0
เขียนโดย Metoric_soul
วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 11.58 น.
15 chapter
14 วิจารณ์
25.34K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 9 เมษายน พ.ศ. 2557 12.25 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
9) งานโรงเรียน !!
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความBaekhyun Part’s
“แบค เป็นไงบ้าง” พอประตูห้องผู้ป่วยเปิดออกดีโอก็รีบตรงมาหาผมทันทีส่วนไคกับพี่คริสก็เดินไปดูอาการชานยอลซึ่งตอนนี้ยังหลับอยู่ ผมชันตัวขึ้นนั่งแล้วกอดดีโอไว้แน่น แขนเล็กกอดผมตอบและลูบหลังผมไปพรางๆ
“มันเกิดอะไรขึ้น” ไคหันมาถามผม
“เราว่าอย่าเพิ่งถามเลย ให้แบคหายดีก่อนเถอะ” ดีโอยังกอดผมไว้แน่น นั้นช่วยคลายความกังวลผมได้มาก บางทีผมก็อยากทำตัวอ่อนแอให้คนอื่นได้ดูแลบ้าง อย่าน้อยก็ขอแค่ตอนนี้ เพราะผมรู้สึกไม่ดีจริงๆ ทำไมคนที่ผมรัก ทั้งเพื่อน ทั้งรุ่นพี่แล้วก็...ชานยอล ทำไมเขาก็มาเจออะไนซวยๆเพราะผมด้วยนะ
“เป็นไงบ้าง” พี่ลู่ที่เพิ่งตามมาที่หลังเดินเข้ามาหาผม พอเห็นสภาพก็ถึงกับถอนหายใจแล้วนั่งลงบนเตียงข้างๆผมก่อนจะใช้มืออุ่นลูบหัวผมเบาๆเป็นเชิงปลอบ
“ผมไม่เป็นไรหรอฮะ...พี่ลู่ ถ้าผมหายไม่ทันขึ้นร้องผมก็ขอโทษด้วยนะฮะ...ทั้งหมดนี้ มันเป็นความผิดผมเอง” ทุกคนในห้องหันมามองผมด้วยสายตาไม่เข้าใจยกเว้นพี่คริสที่ยังว่าท่าเฉยชาไม่ได้สนใจอะไร
“แบคอย่าโทษตัวเองสิ ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นซะหน่อย” พี่ลู่ปลอบนั้นทำให้น้ำตาผมไหลทะลักออกมาเหมือนเขื่อนแตก ส่วนดีโอก็พยักหน้าเห็นด้วย ทั้งๆที่ผมทำให้ทุกคนเดือดร้อนแต่ทำไมทุกคนยังดีกับผมอยู่นะ ตอนนี้ผมรู้สึกผิดและรู้สึกดีในเวลาเดียวกัน สับสนไปหมดเลย
“ลู่เกอ~ ได้ข่าวว่ารุ่นน้องป่วย เค้าซื้อผลไม้มาฝากน้า” พี่ซิ่วหมินปรากฎตัวพร้อมรอยยิ้ม ทำให้บางคนยิ้มตาม ช่วยให้บรรยากาศในนี้ดูดีขึ้นหลานเท่าตัวเพราะความน่ารักผิดวัย
“เป็นไงบ้างแบคกี้ ซนนักนะ” พี่ซิ่วหมินยื่นหน้ามาใกล้แล้วฉีกยิ้มกว้างก่อนจะแกล้งบีมจมูกผม
“โอ๊ยรุ่นพี่ทำอะไรเนี่ย ผมเจ็บนะ!”
“ทำโทษเด็กดื้อไง” พี่ซิ่วหมินทำท่าเหมือนอาจารย์กำลังดุนักเรียนทำให้ทุกคนในนี้ดูผ่อนคลายลงไปเยอะ แต่ว่าจมูกผมมมม ปวดหมดเลยฮือ...T^T
“วันนี้น้องที่ชมรมว่าไงบ้าง”
“อ้อ ซ้อมได้ดีเลยแหละ อ้อมีเพื่อนที่หน้าเหมือนไดโนเสาร์ฝากมาบอกด้วยว่านี้ติดธุระอาจจะกลับเร็วเลยไม่ได้อยู่ซ้อมร้องเพลง พอบอกว่าทุกคนลาหยุดมาเยี่ยมรุ่นน้องก็กลายร่างเป็นอูฐแล้วเดินหายไปเลยละ” พี่ซิ่วหมินเล่าหน้าตาเฉยโดนไมได้สนเลยว่าคนฟังกำลังนั่งงงเป็นไก่ตาแตกกันอยู่ มีแค่พี่ลู่คนที่ยิ้มแห้งๆตอบ คงเข้าใจศัพท์พี่ซิ่วหมินละมั้ง- -^
“แล้วยอลลี่เป็นไงบ้างอุยาง” คราวนี้เจ้าตัวเปลี่ยนเป้าหมายหันมาถามคนหน้า(น่า)ตายที่นั่งไขว่ห้างไม่แยแสสายตาใครทั้งนั้น นั้นสินะ...ก็แค่ผู้ชายเย็นชา - -^
“นายเห็นมั้ยละ”
“เค้าไม่ได้เห็นถึงตับไตไส้พุงว่าช้ำมั้ยเหมือนหมอซะหน่อย” โอว์ ย้อนสรได้รุนแรงมากสองคนนี้เป็นเพื่อนกันไงเนี่ย พี่ลู่ด้วย พวกพี่สภานี้ก็ประหลาดกันเยอะเน๊อะ ขอยกเว้นพี่ลู่ไว้คนเดียวละกัน
“หมอว่าไงมีใครรู้บ้าง” คราวนี้พี่ซิ่วหมินกวาดตาไปทั่ว
“หมอบอกว่า...ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว แต่ว่าแผลเยอะมากแล้วข้างในก็ช้ำหนักด้วย” ผมเป็นคนตอบ พอได้ยินแบบนี้พี่ลู่ก็ถึงกับถอนหายใจแล้วเหล่ตามองพี่คริส...เอิ่ม ที่ยังนั่งนิ่ง - -^ พี่ฮะ น้องพี่เกือบตายแล้วพี่ยังไม่แสดงสีหน้าอะไรสักหน่อยหรือฮะพี่ ถ้าผมเป็นน้องพี่แกนะคงขาดใจตายตั้งแต่ที่ได้รู้ว่ามีพี่แบบนี้แล้วแหละ
“ไอ้ยอลมันหนังเหนียว ปล่อยไว้สักพักเดี๋ยวก็หาย ฉันกลับไปที่โรเรียนละ” พี่คริสลุกพรวดแล้วเดินออกไป
“โอ๊ะ งั้นเค้าไปพร้อมอุยางเลยละกัน หายไวๆนะแบคกี้ ^+++^” แล้วพี่ซิ่วหมินก็ชิ่งหนีตามพี่คริสไป
“ที่เหลือนี้คือลาหยุดแล้วใช่มั้ย” ผมถามทุกคน
“อื้อ วันนี้ขออยู่เป็นเพื่อนแบควันนึงละกัน กินไรยังละ” ดีโอถาม ผมส่ายหน้าเบาๆแล้วยิ้มแห้งๆให้
“ยังไม่หิวอ่ะ ส่วนหมอนั้นยังกินไม่ได้” ผมชี้ไปที่ร่างที่ยังนอนนิ่ง ไม่รู้เพราะฤทธิ์ยานอนหลับหรือเพราะอาการเพลียกันแน่ถึงทำให้หลับได้หลับดีขนาดนี้ ตั้งที่เมื่อคืนก่อนจะหลับกันยังขอให้ผมร้องเพลงให้ฟังอยู่เลย จะบอกว่าชานยอลโดนหนักกว่าและนานกว่าผมอีก เลยหลับเป็นตายอย่างที่เห็นกัน
“พวกเดิมใช่มั้ย” ไคมองชานยอลสักพักก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธแค้นลึกๆ อันนี้ผมรู้สึกนะไม่รู้ว่าทุกคนจะรู้สึกเหมือนผมมั้ย ผมพยักหน้าเบาๆ
“แล้วพวกนั้นมันเป็นแค้นอะไรนายนักหนา”
“คือ...” ผมไม่ค่อยอยากเล่าเร่องตอนอยู่ ม.ต้นให้ใครฟังสักเท่าไหร่ เพราะตอน ม.ต้น ผมมีเรื่องบ่อยๆไม่ค่อยได้ใฝ่เรียนสักเท่าไหร่ แถมยังมีวีรกรรมอีกเยอะเลย กลายเป็นเสียงลื่อเสียงเล่าอ้างหนาหูในหมู่รุ่นพี่ พี่ลู่กับพี่คริสเองก็คงรู้แต่พอขึ้น ม.ปลายผมมีดีโอคอยอยู่ข้างๆทำให้ใจเย็นลงไปเยอะและรู้จักคิดมากขึ้นมันก็เลยเงียบลงไปเอง ดีโอกับพี่ลู่มองผมที่คิดหนักก่อนจะหันไปตอบให้แถน
“พีได้ข่าวมาว่าพวกนั้นเป็นรุ่นพี่โรงเรียนที่ชอบมาหาเรื่องแบคใช่มั้ยละ”
“พี่ลู่รู้แล้วหรอครับ”
“ใช่ แต่พี่ไม่ค่อยสนิทกับรุ่นพี่รุ่นก่อนๆเพราะมีข่าวไม่ดีเยอะน่ะ” พี่ลู่ทำหน้าเหนื่อยใจ ส่วนดีโอก็กเล่าต่อจากพี่ลู่เลย
“ตอนนี้มันมาหาเรื่องแบคแล้วท้าตัวต่อตัวหลังห้องน้ำชายตึก ม.ต้นนั้นแหละ ตอนนี้เป็นข่าวใหญ่ในโรงเรียนเพราะว่าแบคที่ตัวเล็กกลับล้มคนแบบนั้นได้ ทำให้มันขายหน้าแล้วย้ายโรงเรียนนี้ไปเลย” ไคพยักเหมือนเริ่มเข้าใจก่อนจะลากสายตากลับมามองที่ชานยอล
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับไอ้ชาน?”
!!
คำถามเมื่อกี้ทำเอาผมถึงกับสะอึก มือกำกันแน่นจนรู้สึกว่าเส้นเลือดปูดขึ้นมาเลย ผมควรจะพูดออกไปดีมั้ย แล้วถ้าพูดออกไปผมควรพูดว่ายังไงดี ว่าชานยอลเอาตัวเข้าปกป้องผมโดยที่ไม่คิดเลยว่ามันอันตรายขนาดไหน ทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ทั้งๆคนที่สมควรนอนไม่มีเรี่ยวแรงน่าจะเป็นผม
“เรื่องมันผ่านไปแล้วจะเค้นถามให้ได้อะไรอีกละ” ดีโอเริ่มขึ้นเสียงนิดๆ อันนี้แสดงว่าดีโอโกรธขึ้นมาจริงๆละ ปกติดีโอจะนิ่งๆไม่ค่อยโกรธใคร ถ้าจะโกรธคงเป็นเรื่องใหญ่น่าดู
“แล้วทำไมต้องขึ้นเสียงละ”
“แล้วที่นายถามน่ะ นายห่วงความรู้สึกเพื่อนบ้างมั้ย ? คงไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นหรอก แล้วนายจะเอาอะไรนักหนา ทำให้ต้องย้ำให้แบคนึกถึงเรื่องแย่ๆด้วย”
“พอเหอะดีโอ” ผมคว้ามือเล็กไว้แล้วยิ้มเป็นนัยน์ว่าไม่เป็นไร ก่อนจะหันไปสบตาไคเป็นเชิงขอโทษแทนดีโอที่อยู่ๆก็อารมณ์เสียใส ผมรู้ว่าดีโอห่วงผมขนาดไหน ห่วงความรู้สึกผมมากแค่ไหน แต่ถึงขั้นโกรธนี้ก็มากไปหน่อยมั้ง
“คือ...ผมว่าพวกคุณๆเลิกทำให้แบคเคลียดเถอะครับ - -^”
“ชานยอล ?” ผมหันขวับไปทางต้นเสียงทันที เจ้าตัวทำสีหน้าไม่ค่อยพอใจ ไม่สิ เหมือนโดนขัดใจที่ถูกปลุกซะมากกว่า ก็แน่ละเพราะก็เริ่มเอะอะกันแล้วนี้
“ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
“เมื่อกี้แหละ” ชานยอลพยายามชันตัวขึ้นนั่งแล้วหันมายิ้มให้ผม
“อรุณสวัสดิ์แบค”
“อะ...อรุณสวัสดิ์” ผมตอบกลับแล้วหลบหน้าทันที เพราะคำพูดของไคทำให้ผมไม่กล้าสู้หน้าชานยอลเลย เพราะเรื่องทั้งหมดต่อให้พูดปลอบยังไงผมคงไม่หายรู้สึกผิดอยู่ดี จนกว่าผมจะลืมเรื่องนี้ละนะ พี่ลู่ย้ายไปนั่งบนเตียงชานยอลแทน
“เป็นไงบ้างละ”
“ระบมเลยแหละ - -^ เหมือนที่ฮยองบ่นทุกเช้าไง”
“อะ...ไอบ้า พูดอะไรของนายเนี่ย” พี่ลู่แกล้งทำท่าเหมือนจะต่อยชานยอลที่เอี้ยวตัวหลบด้วยความผวา สองคนนี้เวลาเล่นกันแล้วดูสนิทกันดีจัง ก็แน่ละ เพื่อนพี่ชายนิเน๊อะ
“แล้วฮยองหนีเรียนมาทำไรเนี่ย”
“หนีเรียนบ้านนายดิ ลาหยุดมาเยี่ยมพวกนายเนี่ยแหละ สภาพดูไม่ได้เลยนะไหนบอกเก่งนักเก่งหนาไง” พี่ลู่แซวโดยที่ไมได้นึกเลยว่ามันกระทบอีกแล้ว ผมเห็นชานยอลค่อยๆหุบยิ้มแล้วก้มหน้าลงทำให้พี่ลู่ทำหน้าตื่นเหมือนรู้ทันทีว่าตัวเองพูดอะไรออกไปแล้วรีบหันมามองหน้าผม
“แบค พี่ขอโทษ”
“มะ...ไม่เป็นไรฮะ แล้วเรื่องซ้อมละ”
“มันไม่ได้กระชากกล่องเสียงนายไปซะหน่อย ซ้อมที่นี้ก็หมดเรื่อง” ชานยอลช่วยเสนอส่วนพี่ลู่ก็ทำหน้าครุกคิดสักพักแล้วพยักหน้าเห็นด้วย
“สู้มั้ยละแบคฮยอน ^ ^”
“โฮพี่ มาขนาดนี้แล้วผมต้องสู้สิ ยังไง...ผมก็จะกลับไปร้องกับพี่ให้ได้”
“ต้องอย่างนี้สิ” พี่ลู่ว่าพลางยื่นมาข้างหน้าส่วนดีโอก็วางมือลงบนมือพี่ลู่แล้วหันมายิ้มให้ผม พอหันไปมองชานยอลเจ้าตัวก็ยิ้มแล้วพยักหน้าให้ ตอนนี้ทุกคนไว้ใจและคอยให้กำลังใจผม ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอพวกเขาสร้างความประทับใจให้ผมอย่างมาก และครั้งนี้ พวกเขายังเป็นกำลังใจให้ผมสู้ ผมจะไม่ลังเล จะไม่กลัวความรู้สึกผิดอีกแล้ว ผมยื่นมือออกไปวางนั้นทำให้สองคนยิ้มกว้าง
“งั้น...มาทำให้เป็นเพลงที่ดีที่สุดด้วยกันนะ”
“เฮ้!”
Xiumin Part’s
“เค้าว่าแล้วว่ายังไงอุยางก็ห่วงน้องอยู่ดี”
“หึ” เสียงหึสั้นๆในลำคอที่เป็นคำตอบที่ยาวสำหรับผมที่คุยกับอุยาง หรือ ‘คริส’ บ่อยๆ ก็แค่ผู้ชายเย็นชาที่น่ารักในบางเวลาเท่านั้น เนี่ยแหละรุ่นพี่คริสที่น้องๆกลัวนักลัวหนา เมื่อไหร่จะมีคนเห็นเหมือนที่ผมกับลู่เกอเห็นบ้างนะว่าจริงๆแล้วคริสดีขนาดไหน แล้วเมื่อไหร่น้า~ไอ้เพื่อนเย็นชาคนนี้จะยอมเปิดใจให้ใครสักคน
“แล้วนายละ ไหนบอกจะกลับโรงเรียน”
“แบคกี้คือเด็กที่อุยางบอกจริงๆหรอ ทำไมละ”
“แล้วนายดูสายตาชานยอลไม่ออกรึไง” อันนั้นดูออกนานแล้วละ แต่ว่านะ...อย่างยอลลี่เนี่ยนะจะอยากดูแลใครจริงๆจังๆสักคน แล้วที่ยังสงสัยไม่หายก็คือทำไมต้องเป็นเด็กนี้ คนเดียวกับที่คริสสนใจด้วยนะ
“ดูแสบซ่าๆดีมั้ยละ ตอน ม.ต้นหมอนี้หนักกว่านี้อีก เลยรู้สึกหมั่นไส้นิดหน่อย” ใบหน้าหล่อเหลากรีดยิ้มบางพลางมองผ่านประตูเข้าไปในห้องผู้ป่วย สายตาที่ดูยังไงก็อบอุ่นพอๆกับการลู่เกอที่เป็นที่รักของรุ่นน้อง แต่ทำไมโลกช่างไม่ยุติธรรมนะ แค่มีคาแรคเตอร์เป็นคนเย็นชาเฉยๆกลับถูกรักไม่เท่ากับคนที่ดูน่าคบหาในสายตาคนอื่นเสมอ ทั้งที่จริงๆแล้วทั้งสองคนเป็นคนดีเหมือนกัน
“จะไปแล้วหรอ”
“ได้เวลาให้อาหารเด็กๆแล้ว เดี๋ยวหิวตายขึ้นมานายตาเหลือกนั้นจะโกรธฉันเอา” อ้า~หมายถึงลูกหมีคยองน่ะหรอ ทำไมถึงเรียกลูกหมีนะหรอ ก็น้องเขาดูตัวเล็กน่ารักดีนินา ตาโตๆนั้นยิ่งดูก็ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่ เอ๊ะ แล้วเค้า ?
“เฮ้อ...ให้ตายสิ” ผมถอนหายใจออกมาพร้อมรอยยิ้มแล้วเดินตามคริสมาที่รถส่วนตัวของเขา
“ทำไมอุยางถึงยอมทำตามที่ยอลลี่ของ่ายๆหรอ” หลังจากที่ขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยผมก็เริ่มคำถามต่อ
“เพราะมันไม่เคยขออะไรฉันมาก่อนเลยนะสิ” อ๋อ ผมเข้าใจละ อยากมีน้องชายที่เป็นเด็กดีเหมือนยอลลี่แล้วก็มีพี่ชายที่ใจดีแบบอุยางบ้างจัง เฮ้อ...เค้าก็เหงาเป็นน้า
@หลังห้องเก็บของ
“ทำอุยาง....”
“ทำไมนายช่างถามจัง”
“อ้าว เค้านึกว่าอุยางชินแล้วนะ”
“ก็ชินแล้ว แต่แค่อยากรู้” อุยางหยุดเดินแล้วหันมายิ้มบางๆให้ ผมรู้นะ อุยางจงใจจะกัดผมอยู่ ผมไหวไหล่แล้วเดินนำมาที่ลังก่อนจะเริ่มคำถามต่อทันที
“ทำไมอุยางไม่เอาไปไว้ที่ห้องละ ทั้งที่อยากดูแลพวกเด็กๆมากไม่ใช่หรอ” ผมทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าลังที่ที่มีผ้าปูอย่างดี ข้างในมีลูกแมวตัวอ้วนกลมน่ารักสามตัวกำลังกลิ้งเล่นกันอย่างสบายใจ ข้างๆลังมี เนินเล็กและแต่ละเนินมีหินปักไว้พร้อมดอกไม้ที่วางไว้ มันคือหลุมศพขนาดเล็กของลูกแมวตัวที่อดตายก่อนที่อุยางจะมาเจอ ส่วนสามตัวรู้สึกว่าอุยางจะผลัดกันเลี้ยงกับลูกหมีนะแต่ลูกหมีไม่รู้ตัว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครทำหลุมศพน้อยพวกนี้
“เพราะนายตาเหลือกชอบลูกแมว”
“หรา - -+” เอาเถอะ เชื่อที่เพื่อนพูดละกัน
@วันงานโรงเรียน
Baekhyun Part’s
ฮูย...ผมตื่นเต้นจริงๆนะเนี่ย > <’ จะได้ขึ้นร้องเพลงกับพี่ลู่กับดีโอ นี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้โชว์พลังเสียงให้คนทั้งโรงเรียนได้ฟังกันนะเนี่ย แถมยังได้เป็นพิธีกรคู่กับพี่ซิ่วหมินอีกด้วย แต่ตอนนี้ผมมาเตรียมตัวตั้งแต่ตีสี่กว่าๆ ซึ่งมีแค่รุ่นพี่กับนักเรียนที่ครูเรียกให้มาช่วยงาน
“ไงแบคฮยอนตื่นเต้นมั้ย^^” พี่ลู่เดินมาตบบ่าผมแล้วยิ้มทัก
“วันนี้ต้องฝากด้วยนะแบคกี้” พี่ซิ่วหมินที่โผล่มาข้างพี่ลู่ยื่นมือมาข้างหน้า ผมจับตอบแล้วโค้งให้
“ผมก็ต้องฝากด้วยนะครับ ^^” ผมออกจากโรงบาลตั้งแต่เมื่อวันก่อนพร้อมกับชานยอล วันนี้ก็ไม่เห็นมาเลยทั้งๆที่เห็นพี่คริสยืนกำกับงานอยู่บนเวที แล้วน้องไปไหน
“มองหาชานยอลหรอ กำลังเตรียมตัวน่ะ”
“เตรียมตัว ?” พี่ลู่ยิ้มแล้วขยิบตาให้
“เดี๋ยวก็รู้ ^^” อะไรกัน มีอะไรไม่ค่อยจะบอกผมหรอกไอ้หยอย ทั้งๆที่คิดว่าหลังจากเหตุการณ์วันนั้นผมกับมันจะสนิทกันมากขขึ้นแท้ๆ ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะขอตัวเข้าห้องน้ำ พอทำธุระเสร็จก็กะจะล้างหน้าล้างตาให้สดชื่อขึ้นหน่อย นี้เพิ่งตีห้าสามนาทีเอง นี้เป็นครั้งแรกเลยที่ผมมาโรงเรียนเช้าขนาดนี้ ผมเงยหน้าขึ้นสบนัยน์ตาของตัวเอง เอาหล่ะ...มาลองกันสักตั้งเถอะ
แอ๊ด...
ชานยอล ?
“อ้าวแบค มาแต่เช้าเชียว” ผมหันไปประจันหน้ากับร่างสูง ที่แปลกคือชานยอลไม่ใส่เสื้อนักเรียนแต่เป็นเสื้อยืดสีดำแล้วใส่เสื้อคล้ายๆเสื้อสูทสีฟ้าอ่อนทับไม่ติดกระดุมพับแขนขึ้นมาถึงศอก ผมหน้าถูกเซ็ตขึ้นเปิดหน้าผากทำให้เขาดู...หล่อแล้วก็เท่มากๆ... ผมจ้องใบหน้านั้นอยู่นาน เพราะผมไม่เคยเห็นมันหล่อได้ขนาดนี้
“มีอะไรติดหน้าฉันรึเปล่าเนี่ย” เขาพูดขำๆแล้วเดินมาสำรวจหน้าตัวเองตรงหน้ากระจกก่อนจะหันมายิ้มยิงฟันให้
“วันนี้จะรอดูนายนะ สู้ๆ^^”
“อะ...เอ่อ วันนี้ก็เต็มทีเลยนะ” ชานยอลยิ้มก่อนจะย่อตัวเอามือท้ายเข่าเอาไว้ ส่วนอีกข้างเอื้อมมาประคองหน้าทำผมไว้ทำให้ความอบอุ่นจากมือเปลี่ยนเป็นความร้อนแผ่ซานไปทั่วทั้งใบหน้า ลามมาถึงหัวใจที่เต้นเร็วอยู่แล้วให้เต้นหนักกว่าเดิมอีก
“วันนี้นายดูดีมากนะ^^” คำนี้ ฉันต้องพูดกับนายมากกว่าชานยอล
“ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”
“สายตานายไง” ชานยอลเปลี่ยนเป็นยิ้มอ่อนโยนแล้วเลื่อนมือขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ
“นายเองก็...ดูดีเหมือนกัน” ชานยอลชักมือกลับไปถูท้ายทอยตัวเองแล้วยิ้มแห้ง บนหน้าหล่อเหลานั้นมีสีแดงระเรือขึ้นมา พอหายเขินลงบ้างเจ้าตัวก็เอามือล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วกลับมาฉีกปากยิ้มกว้างให้ผมอีกครั้ง นายนี้ก็ขยันยิ้มดีเน๊อะ
“ฉันต้องไปเตรียมตัวแล้วละ วันนี้จะรอดูนายร้องนะ^^”
“อะ...อื้ม ขอบคุณนะ” พอร่างสูงเดินออกไปแล้ว แต่ใจผมกลับเต้นอยู่กับที่ ตัวยังแข็งถื่อขยับไมได้ เลื่อนมือขึ้นมาลูบแก้มข้างเดียวกับที่ชานยอลจับเมื่อกี้ ทำไมนายถึงชอบทำให้ฉันหวั่นไหวนะ ผมเดินออกจากห้องน้ำมาสมทบกับพวกพี่ลู่ตอนนี้มีดีโอกับพี่เฉินเพิ่มมาด้วน
“แบคกี้นี้รายชื่อบู๊ทในงานแล้วก็ตารางโชว์บนเวที” พี่ซิ่วหมินยื่นกระดาษแผ่นนึงให้ผมรับแล้วพับเก็บใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะรับไมค์ไวเลทและหูฟังจากพี่ที่ดูแลเรื่องเครื่องเสียงมาใส่ให้เรียบร้อย
“มินซอกเทสด์ไมค์ดิ”
“ฮัลโหลวันทูเทสด์ วันทู เทสด์” โห...เทสด์ไมค์ได้มืออาชีพมาก ผมชักประหม่าแล้วเนี่ย
“โอเค น้องแบคเทสด์ไมค์หน่อยครับ” เอิ่ม ผมจะเทสด์ยังไงดีเนี่ยเอาง่ายให้ได้ยินเสียงก็พอใช่มั้ย
“ฮัลโหลอาอาอิอิยาอายูยิ (Cr::EXO-ST ep.1 ตอนแบคเทสด์ไมค์)” หลังผมเทสด์เสร็จทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ปล่อยก๊ากกันออกมาเลยทีเดียว ไม่เว้นแม้แต่พี่ลู่ที่หัวเราะหน้าแทบทิ่ม ผมไม่อายหรอกถือซะว่าสร้างสีสัน
“ซิ่วหมิน ลู่หายไปช่วยกันจัดบู๊ทห้องเราก่อนได้มั้ยตอนนี้คนยังไม่มาช่วยเลยไปดูอย่างอื่นกันหมด”
“อ่าๆแบคกี้เค้าฝากประกาศเรียกนักเรียนที่จะขึ้นเวทีตามชุดนี้หน่อยดิเดี๋ยวเค้ามา” พี่ซิ่วหมินยื่นกระดาษรายชื่อให้ผมแล้วลากพี่ลู่วิ่งหายไปส่วนพี่เฉินที่กำลังจะเดินตามไปถูกดีโอเรียกไว้ก่อน
“ห้องพี่ทำอะไรกันหรอครับ”
“อ๋อ ประกวดภาพถ่ายนะมีคริสแล้วก็ลู่หานเป็นนายแบบ” โฮ...มีดีกรีเป็นถึงนายแบบของห้องเลยหรอ ก็ไม่แปลกเล่นหล่อสวยกันขนาดนั้น ผมอยากเห็นบ้างจัง ไม่สิ อยากขอบรูปพี่ลู่กลับไปใส่ใต้หมอนเลย > <’
“แบคไม่ประกาศชื่อหรอ”
“เออจริงด้วย” ผมเปิดไมค์แล้วเริ่มประกาศทันที
“ตอนนี้ขอให้นักเรียนที่จะขึ้นแสดงบนเวทีกลางมาพบกันที่หลังเวทีด้วยนะครับ”
“โห...ครั้งแรกก็มืออาชีพเลยนะแบค” ดีโอแซว ตอนนี้ผมเริ่มเห็นรุ่นพี่รุ่นน้องหลายคนทยอนเดินมาหลังเวทีกันยกเว้นโชว์ของผมที่ขาดที่ลู่กันพี่เฉิน เอ๊ะ ? นั้นไอ้หยอยกับเซฮุนนิ ไคด้วย พอชานยอลเห็นผมกตรงมาหาทันทีตามด้วยสองหนุ่มที่เหลือ
“ก็ว่าใครประกาศ นายนี้เอง”
“ดูโปรดีใช่มั้ยละ”
“เปล่า ดูมือใหม่มาก”
ขอบคุณครับ !! ถ้าจะพูดแบบนี้เราคุยกันอีกเลยเถอะไอ้หยอยเอ้ย !! - -^
“ฮ่าๆๆล้อเล่น แล้วนี้เป็นพิธีกรหรอ” ผมพยักหน้ารัวเพราะรู้สึกดีแล้วก็ภูมิใจที่ได้หน้าที่นี้เพียงเพราะผมดูเหมือนรุ่นน้องที่พี่ลู่สนิทพวกรุ่นพี่เลยไว้ใจให้ผมช่วยงานแล้วก็ได้งานนี้มา ต้องขอบคุณพี่ลู่จริงๆที่แบ่งรังสีออลาร์เสริมวาสนาผมขนาดนี้
“แล้วให้เรียกมาทำไมละ”
“น้องแบคเดี๋ยวตรงนี้พี่จัดการเอง ไปเดินเล่นก่อนไป” พี่ที่ดูเรื่องเครื่องเสียงเดินมาบอก ผมพยักหน้าเบาๆแล้วลากดีโอออกมาทันที
“เดินดูกันหน่อยมั้ยละ”
“งานเริ่มกี่โมงอ่ะ”
“เจ็ดโมงกว่าๆ ตอนนี้เพิ่งตีห้าครึ่ง ฮืม...เวลาเหลือเฟือเลย”
“สำหรับพวกที่ว่างละนะ” ผมกับดีโอรีบหันไปหาต้นเสียง พี่คริสเดินเข้ามา มือก็ขยับจัดไมค์ไวเลทไปพลาง ขอพูดอะไรตรงๆสักอย่างได้มั้ยครับ พี่แกดูหล่อมากกกก นี้พูดจริงๆจากใจนะเนี่ยทั้งที่ชีวิตนี้ไม่คิดจะพูดคำนี้กะพี่แกเลยเพราะวันนี้พี่แกใส่เสื้อเซิตร์สีขาวปลดกระดุมเม็ดบนๆเผยให้เห็นแผงอกขาวเนียน โอย...แบคหวั่นไหว ไม่ใช่!!
“ถ้าพวกนายว่างนักก็ตามฉันมา” พี่คริสไม่หยุดเดินแต่เดินผ่านผมไปเลย ผมกับดีโอมองหน้ากันอย่างงงๆแต่ก็ยอมเดินตามไปแบบว่างงายจนถึงห้องเก็บของชั้นสองของอาคาร
“พวกนายช่วยกันขนเก้าอี้พวกนี้ลงไปให้หมด งานปีนี้เราเปิดให้คนรอบนอกเข้าชมได้เลยต้องเอาไปเพิ่ม” พี่คริสว่าพลางยกเก้าอี้ที่ซ้อนกันกันประมานห้าหกตัวแล้วเดินนำลงไป ผมเงยหน้ามองเก้าอี้ที่สูงกว่าตัวผมหลายเท่าก่อนจะถอนหายใจออกมา ดีนะผมกับดีโอใส่เสื้อยืดสีดำที่เขียนว่า ‘staff’ เพราฉะนั้นถึงเหงื่อออกก็ไม่เป็นไร
“นายขนไหวมั้ยเนี่ยดีโอ”
“แบคนั้นแหละแผลเพิ่งหายไหวหรอ?” ผมยิ้มท้าทายส่วนดีโอก็ยิ้มรับคำท้า หลังจากนั้นพวกผมก็แข่งกันขนลงมาใครขนส่วนของตัวเองเสร็จก่อนก็ชนะ ไม่ถึงอึดใจพวกผมก็ขนลงมาจนหมดเพราะการแข่งขันทำให้มันเร็วขึ้นส่วนใครชนะน่ะหรอ ? พร้อมกันครับ ^^
“ไวดีนิ ที่เหลือเดี๋ยวพวกฉันจัดการเองเอง นายไปดูเรื่องซ้อมของพวกบนเวทีละกัน นี้ถือเป็นงานที่ฉันมอบหมายนะ” ผมพยักหน้ารับแบบส่งๆส่วนดีโอรู้สึกจะเครื่องติดแล้วนะ ตื่นเต้นกับการได้ทำงานกับรุ่นพี่สินะ ผมเองก็ตื่นเต้นเพราะรุ่นที่นี้ทุกคนสุดยอดมาก ผมกับดีโอวิ่งกลับมาทีเวทีแต่ระหว่างทางผมกลับชนเขากับใครบางคนที่กำลังขนของหนักอยู่ล้มทั้งคู่ ตายละวิ่งชนรุ่นพี่ซะแล้ว
“เป็นอะไรรึเปล่าครับพี่ ผมช่วยนะ” ผมรีบลุกไปช่วยที่เขาทันทีแต่พอเห็นเข็มกลัดผมก็ถึงกับชะงักทันที ปีหนึ่งนิหว่า
“อ้าว...พี่อยู่ปีไหนอ่ะฮะ”
“ปะ...ปีสองครับ น้องปีหนึ่งมาทำอะไรแต่เช้าเนี่ย” ผมช่วยพยุงพลางถามอย่างงงๆ ส่วนน้องเขาก็ยิ้มให้แล้วหันไปเก็บตุ๊กตาแพนด้าขึ้นมากอด เอิ่ม...
“ผมเป็นสภานักเรียนฮะ ผมชื่อจื่อเทายินดีทีได้รู้จักฮะ” แล้วน้องจื่อเทาก็โค้งให้ทีนึง ก่อนจะดึงสายสะพายออกจากหลังแพนด้ามาสะพายหลังตัวเองแล้วหันกลับไปเก็บที่หล่นต่อ ส่วนผมน่ะหรอ...ยืนแข็งถืออยู่นี่ไง เหลือเชื่อ ! เด็กปีหนึ่งเป็นสภานักเรียน!!
“มะ...มาพี่ช่วยเก็บครับ”
“ขอบคุณครับ” ผมช่วยจื่อเทาเก็บของแล้วขนมาวางที่บู๊ทให้ จากนั้นก็รีบวิ่งตามดีโอกลับมาที่เวที ภาพที่เห็นบนเวทีคือชานยอลเซฮุนแล้วก็ไคโค้งขอบคุณแล้วเดินลงเวทีไป หวา...มาช้าซะได้อดดูเลยว่ามันโชว์อะไร ผมว่ามันคงโชว์เล่นตลกกันละมั้งหน้าอย่างไอ้หยอยอ่ะ
“มาละดีโอ โทษทีที่ช้า” ผมวิ่งมาอยู่ข้างๆดีโอที่ยืนอ้าปากค้าง เฮ้ย! เพื่อนผมเป็นอะไรไปเนี่ย
“มะ...เมื่อกี้แบคเห็นเหมือนเรามั้ย” หะ...เห็นอะไร ทำไมผมมองขึ้นไปบนเวทีก็ไม่เห็นมีอะไร หรือว่าดีโอสัมผัสได้! ไม่ใช้โว้ย!!
“เมื่อกี้...พวกเขา...สุดยอดมากเลย” อะไรสุดยอดวะ ผมไม่น่าพลาดดูไอ้หยอยเลย ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมก็เห็นเองละตอนมันแสดงจริง ชานยอลพอลงจากเวทีก็ตรงมาหาผมทันที
“เป็นไงละ”
“มาไม่ทันเห็น”
“อ้าวหรอ...เสียดายจัง อยากให้นายเห็นเร็วๆนะเนี่ย” ชานยอลยกแขนขึ้นปาดเหงื่อที่ผุดเต็มหน้าเต็มคอ คือนอกจากจะดูเท่แล้วนายดูเซ็กซี่ขึ้นนะ -/////- เฮ้ยๆนี้ผมคิดบ้าอะไรเนี่ย! ผมถอนหายใจเฮือกนึงแล้วหยิบผ้าเช็นหน้าขึ้นมาซับเหงื่อให้ ไอ้หยอยค้างไปสามวิแล้วค่อยเอื้อมมือจับมือผมไว้
“ขอบคุณนะ”
“อะ...อะไรเล่า ก็แค่เช็ดให้ -////-”
“อะแฮมแง่มๆ!!” ถ้าจะไอขนาดนั้นไปอ้วกเหอะดีโอ - -^ ผมรีบชักมือแล้วยัดผ้าเช็ดหน้าใส่มือไอ้หยอยอย่างรนๆแต่มือหนาก็ไม่ยอมปล่อมมือผม
“ปล่อยดิ”
“เช็ดให้ก่อนดิ เนี่ยยังเหนื่อยอยู่เลย” มันเริ่มอ้อน ก็ได้วะ!-/////- ชานยอลย่อตัวลงมาให้ผมเช็ดให้ เออครับคุณสูง - -^ นี้กำลังหลอกด่าผมในตัวป่ะเนี่ยว่าผมเตี้ย ไอ้หยอยยื่นหน้าให้ผมเช็นง่ายๆส่วนไอ้หนึ่งคนสองตัวนะหรอร้องโห่เหมือนตอนแห่ขันหมากยังไม่รู้ พอเช็ดเหงื่อออกหมดอยู่ชานยอลก็พุ่งหน้ามาหอมแก้มโดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว
“ขอบคุณนะ^^”
“อะ...ไอ้หยอย!O/////O” ผมถึงกับเครื่องค้าง ส่วนไอ้หยอยก็เดินผิวปากอารมณ์ดีกลับไปหาเพื่อนๆ ผมเห็นมันแปะมือกะไคแล้วก็ทำท่า ‘เย่เฮท’ กับเซฮุนด้วย อะไรจะดีใจปานนั้น แล้วผมก็ทำเหมือนตอนอยู่ในห้องน้ำเลย มือเลื่อนขึ้นมาลูบแก้มอีกครั้ง รู้สึกว่ามันร้อนจริงๆนะเนี่ย
“หน้าแดงเชียวนะแบค^^”
“กะ...ก็เพราะแซวกันนั้นแหละ ไปทำงานเหอะเดี๋ยวพี่คริสว่า” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องแล้วเดินนำออกมา ดีโอที่เดินมาตามยังยิ้มแซวไม่หยุด ให้ตายเถอะนี้ผมเป็นอะไรไปเนี่ย ทำอะไรก็รนไปหมดแถมยังร้อนที่หน้าไม่หายแสดงว่าหน้าผมก็แดงไม่หายเหมือนกันน่ะสิ โธ่! ไอ้หยอยทำพิษเอ้ย!!
.......................................................
“ยินดีต้อนรับนักเรียน ผู้ปกครองและผู้เข้าชมทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมงานโรงเรียนของเรานะฮะ” พี่ซิ่วหมินเริ่มเปิด กวาดยิ้มกว้างทำเอาสาวที่เดินผ่านมองกันตาละห้อยบางคนก็กรี๊ดออกมาเบาๆ บางคนก็มองค้างจนเดินชนเสาเลยทีเดียวไม่แปลกหรอก พี่แกเล่นน่ารักผิดวัยขนาดนั้น - -^
“ผมซิ่วหมินปีสามและ”
“ผมแบคฮยอนปีสองรับหน้าที่พิธีกรในงานวันนี้นะฮะ” ผมรับช่วงต่ออย่างรวดเร็วอย่างที่ซ้อมกันไว้ แอบเห็นสาวยิ้มให้ด้วยอ่ะ แสดงว่าผมก็มีมุมหล่อเหมือนกันละสิ ฮ่าๆๆๆๆ
“สำหรับรายการแรกประธานจะขึ้นมาเปิดพิธีที่เวทีกลางในเวลาเจ็ดโมงตรงนะฮะ”
“ก่อนอื่นต้องขอบคุณทุกท่านที่สละเวลามาในวันนี้นะฮะ”
“และไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราไปชมโชว์แรกกันเลยดีกว่านะฮะ!!” พอจบช่วงแรกที่พวกต้องออกมากล่าวต้อนรับที่เวทีหน้าผมกับพี่ซิ่วหมินก็ตรงมาที่เวทีกลางทันที ตอนนี้พี่ลู่กับดีโอยืนสแตนด์บายรอแล้ว เพราะเวทีกลางเป็นเวทีใหญ่เลยต้องมีพิธีกรเสริม คือโรงเรียนผมนี้จัดอลังการสุดยอดจริงๆ เพราะเท่าที่รู้มามีเวทีที่ผมต้องขึ้นถึงสี่เวทีด้วยกัน โห...วิ่งกันหอบแหกเลยทีเดียว
“เวทีหน้าเป็นไงบ้าง” พี่ลู่ถามในระหว่างที่พยายามใส่ไมค์แต่ใส่ไม่ได้สักทีพี่ซิ่วหมินเลยเข้าไปช่วย
“คนเยอะมากเลยฮะ ผมชักตื่นเต้นแล้วเนี่ย” ผมกระโดดแหย้งๆเพราะความตื่นเต้น ไม่เคยทำงานแบบนี้มาก่อนเลย แล้วก็ไม่คิดว่ามันจะสนุกอย่างนี้ด้วย
“ตอนนี้คริสไปเชิญประธานมาละ อีกเดี๋ยวก็คงมา” หลังจากใส่ไมค์เสร็จพี่ลู่ก็หันไปสั่งทุกคนที่ทำงานฝ่ายเครื่องเสียงด้วยภาษาที่เข้าใจยาก คือพวกพี่แกสั่งเร็วทำเร็วจริงๆ นี่สินะการทำงานเป็นทีมของรุ่นพี่ปีสาม สุดยอดจริงๆ
“ขึ้นละนะ” พี่ซิ่วหมินเดินนำขึ้นเวทีตามด้วยดีโอแล้วก็...
จึก!
!!
ผมเผลอสะดุดขั้นบันไดหน้าเกือบทิ่ม ดีนะที่พี่ลู่คว้าผมไว้ทัน แต่เดี๋ยวมือพี่ลู่เล็กกว่านี้ไม่ใช่หรอ แล้วนี้มีใคร ? พอผมเงยหน้าขึ้นก็พบคำตอบทันที ไอ้หยอยถอนหายใจเฮือกนึงแล้วดึงผมให้ยืนปกติ
“กะจะมาเตือนเรื่องบันได ตอนซ้อมฉันก็สะดุดไปทีแล้ว ไม่เป็นไรใช่มั้ย”
“มะ...ไม่เป็นไร ขอบคุณ”
“ไปแบค ขึ้นได้แล้ว” พี่ลู่ดันหลังผมขึ้นมาบนเวที ฮือ...คนเยอะอ่ะ ตื่นเต้นนะเนี่ย แล้วเมื่อกี้เพิ่งมีฉากหน้าอายริมเวทีซะด้วย คือมันเป็นเวทีกลางแจ้งไง โอย...สั่นโว้ย
“ก่อนอื่นก็ขอสวัสดีทุกท่านก่อนนะฮะ ผมดีโอปีสอง”
“ผมลู่หานปีสามรับหน้าที่พิธีกรเสริมครับ^^” พี่ลู่โปรยยิ้มหวานนั้นทำให้...
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด !!
เอิ่ม...ผมเห็นประธานยกมือขึ้นปิดหูแถบไม่ทันเช่นด้วยกับพี่ลู่ที่ยิ้มแห้งเป็นเชิงขอโทษแล้วเริ่มรายการต่อ โอ๊ะ ผมเห็นพี่คริสนั่งข้างประธานด้วย ประธานก็ผู้อำนวยการนั้นแหละส่วนพี่คริสเป็นประธานนักเรียน ดูเหมือนพ่อลูกกันเลยเว้ย - -^
“ตอนนี้ก็ได้เวลาอันสมควรแล้ว ขอเรียนเชิญท่านประธานและประธานนักเรียนขึ้นมากล่าวเปิดงานโรงเรียนด้วยนะครับ” พี่ลู่ยิ้มหวายปิดท้ายในขณะที่ประธานกำลังเดินมา เสียงกรี๊ดที่ดังสนั่นทำให้ประธานสะดุ้งโหย่งอีกครั้ง ผมลงจากเวทีมายืนอยู่ข้างไอ้หยอยมองดูพี่คริสยืนอยู่ข้างๆผู้อำนวยการ ดูเท่ไม่เบาเลยแฮะ โอ๊ะ !(โอ๊ะไรนักหนาวะ - -^) พี่เลย์ก็เดินขึ้นมาด้วยนิหว่า พี่เลย์เป็นรองประธานที่ผมจัดว่าหน้าสวยรองจากพี่ลู่เลย มีรอยยิ้มพิฆาตพอกันแต่ว่าพี่แกพูดน้อยกว่าอีกอย่างส่วนมาจากอยู่กับพี่คริสมากว่ามาอยู่กับทางนี้ผมเลยไม่เคยได้คุยด้วยเลย แต่ดูจากบุคลิกแล้วคุณหนูไม่เบาเลยจริงๆ
“พี่เลย์เข้ากับเฮียดีนะ”
“หมายความว่าไง”
“ดูเอาก็น่าจะรู้นิ ว่าสองคนนั้นดูเหมาะกันมาก” ผมพยายามมองให้ได้อย่างที่ไอ้หยอยบอก เออจริง เหมาะกันมาก ประธานเย็นชากับนางฟ้าหน้านิ่ง - -^ ประธานพูดจบพี่คริสก็โค้งให้ประธานแล้วเริ่มพูดต่อทันที แค่เพียงพี่แกขยับไมค์เสียงกรี๊ดก็ดังสนั่นอีกครั้ง คราวนี้ดังกว่าขอพี่ลู่อีก(ของพี่ลู่มีเสียงผู้ชายด้วยนะ ไม่แปลก นางสวย- -^)
“เอาหล่ะ เดี๋ยวซิ่วหมินไปรอที่เวทีข้างในเลยนะ ส่วนแบครออยู่ที่นี้เดี๋ยวพี่จะสั่งมาทางสมอล์ท็อคนะ” ผมพยักหน้ารับคำสั่งแล้วเดินขึ้นเวทีอีกรอบโดยไม่ลืมห้อยดีโอขึ้นมาด้วย
“ต้องขอบคุณท่านประธานและประธานนักเรียนด้วยนะฮะ ต่อไปขอเชิญทุกท่านชมการแสดงเปียโนจากตัวแทนนักเรียนปีสามครับ” ผมแล้วก็เดินลง เหนื่อยเน๊อะเดินขึ้นเดินลง หลังจากนี้จะเป็นการเต้นของปีสองซึ่งก็ไม่รู้อยู่ดีว่าเป็นใครเพราะผมไม่ได้ดูชุดนี้ตอนซ้อมซะที พี่เลย์โค้งให้คนดูก่อนจะนั่งลง นิ้วเรียวกดลงเปียโนเป็นเพลงที่เพราะมากๆ คนดูข้างล่างราวกับถูกสะกดให้อยู่ในความเงียบเพื่อฟังเสียงเปียโนของพี่เลย์เพียงคนเดียว แต่ที่สะดุดตาผมมากกว่านั้นคือสายตาที่มันสื่อสุดๆของพี่คริสที่มองพี่เลย์ หรือที่ไอ้หยอยมันพูดจะมีอะไรแฝงวะ พอจบการแสดงของพี่เลย์ก็ตามด้วยชุดเต้นสินะ ผมหยิบกระดาษรายการโชว์ขึ้นมาอ่าน ‘Rap and dances Two moons’ หือ ? สนใจพาผมขึ้นไปบีทบ็อคอีกคนมะ ฮ่าๆๆ น่าจะสนุกนะ ถึงผมจะฟังพวกแร็ปไม่ค่อยทันแต่ผมว่ามันมันส์ดีนะ
“ขึ้นละ ตั้งใจดูด้วยนะ” ชานยอลขยิบตาให้ทีนึงแล้วเดินขึ้นเวทีไปพร้อมกับๆเซฮุนไคแล้วก็พี่คริสพี่เพิ่งเปลี่ยนเสื้อเสร็จ ไปเปลี่ยนตอนไหนวะเนี่ย ไว้ชิบ
“Hi Kris!”
“Hey whatup Chanyeol!”
“The hey,the hey,the hey......”
ฟังเพลง Two moons exo >>>http://www.youtube.com/watch?v=T_66evRrl_U
พอสองพี่น้องเริ่มแร็ป ไคกับเซฮุนก็ออกลีลาเต้นในแบบที่น่าทึ้งสุดๆ ทั้งสองอย่างผสมผสานกันอย่างลงตัวจนผมถึงกับตะลึง สุดยอดจริงๆ ชานยอลตอนอยู่บนเวทีดูเท่มาก น้ำเสียงเข้มแข็ง ท่าทางการแร็ปดูดุดันผิดกับตอนมันปกติลิบ ส่วนสาวข้างล่างก็พากันกรี๊เสนั่น
“เท่มากเลยเน๊อะแบค เนี่ยแหละที่เราบอก”
“สุดยอด....” ผมไม่แปลกใจเลยที่ตอนซ้อมไอ้หยอยจะเหงื่อออกได้ขนาดนั้น เพราะทั้งแร็ปทั้งเต้นใช้พลังงานเยอะพอๆกันนี้เอง ถึงว่าทำไมถึงต้องเริ่มซ้อมก่อนะพวกผม เพราะทุกอย่างดูยากกว่าหลายเท่า
ตึกๆ ๆๆ ๆๆ
เสียงจบของเพลงเป็นเสียงหัวใจที่ดังพอๆกับหัวใจของผม ทั้งสี่เดินมารวมกันตรงกลาง
“หนึ่ง สอง สาม”
“วี อาร์ วัน! ขอบคุณที่รับชมครับ!!”
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!
น้ำเสียงที่หนักแน่นของทั้งสี่คนเรียกเสียงกรี๊ดได้อย่างดี สุดยอดจริงๆ... พอชานยอลลงมาก็ตรงมาหาผมทันที นี้มีอะไรกับผมมามั้ยเนี่ยว่างไม่ได้เป็นต้องมาหาตลอด
“เป็นไง” ชานยอลยิ้มพลางรับผ้าจากพี่สตาร์ฟแล้วมานั่งซับเหงื่อข้างๆผม
“เท่มากเลยแหละ สุดยอดเลย”
“ขอบคุณคร๊าบ แล้วจะรอดูนายนะ”
“ขอฉันก็แค่ร้องเพลงธรรมดาเอง”
“ไม่รู้อะไรซะแล้ว...การที่นายร้องเพลงคือสิ่งที่วิเศษแล้วก็พิเศษสำหรับฉันนะ” พอเถอะ...นับวันนายจะทำให้ฉันหวั่นไหวมากกว่าเดิมอีกนะ เพราะรอยยิ้มที่ไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อยกับกำลังใจของนายจะทำให้ฉันถอนตัวไม่ขึ้นแล้วนะ หลังจากผ่านไปหลายๆรายการผมมีขึ้นไปพูดบ้าง อ่ะต่อไปพี่คริสกับพี่เลย์ร้องเพลงนิ กิจกรรมเยอะจริงๆครับคุณพี่ ก่อนขึ้นผมเห็นพี่เลย์ช่วยจัดเสื้อให้พี่คริสดู เหมือนคู่รักเลยเว้ย - -
เพลงนี้ที่คริสกับพี่เลย์ขึ้นลร้อง อิเมจิ้นเอานะฮะว่าไหนเสียงเลย์เสียงคริส>>>
นอกจากเรื่องแร็ปไม่เป็นรองแล้วเรื่องร้องยังสุดยอดอีก ผมเริ่มอิจฉาชานยอลแล้วนะที่มีพี่ชายมากความสามารถแบบนี้ แถมยังหน้าตาดีหัวไวอีกต่างหาก หลังจากจบเพลงขอพี่คริสก็ปิดท้ายด้วยเพลงของพวกผมแล้ว
(ทุกคนมาเตรียมตัวที่เวทีกลางเลยนะ พี่กำลังไป) พี่ลู่สั่งทางสมอล์ท็อค พอผมที่อยู่ใกล้ที่สุดจึงไปถึงก่อนตามด้วยพี่เฉิน ดีโอแล้วก็พี่ลู่
“ทุกคนเต็มที่เลยนะ” พี่ลู่ยื่นออกมาผมกับดีโอวางมือบนมือพี่ลู่ตามด้วยพี่เฉิน
“ทุกคน ไฟท์!”
“โอ้~!”
เพลงที่ Open arms by exo>>>http://www.youtube.com/watch?v=75bmyThpm2Y
“ขอบคุณครับ!!” พอจบเพลงพวกเราก็ทยอยกันเดินลงมา ฮูว...จะบอกว่าตอนอยู่บนเวทีเหมือนหัวใจผมหยุดเต้นเลย มันตื่นเต้นไปหมด ประหม่าด้วย แต่ดีที่บางท่อนพี่ลู่วางมือเล็กลงบนบ่าคลายความกดดันผมลงได้
“ทำได้ดีมากทุกคน จบงานนี้พี่เลี้ยง!!”
“เย้!!”
มีความสุขจัง ที่ได้ทำงานกับทุกคน ^ ^
__________________________________________________________
จบด้วยบรรยากาศดีๆนะฮะ
-THx.-
“แบค เป็นไงบ้าง” พอประตูห้องผู้ป่วยเปิดออกดีโอก็รีบตรงมาหาผมทันทีส่วนไคกับพี่คริสก็เดินไปดูอาการชานยอลซึ่งตอนนี้ยังหลับอยู่ ผมชันตัวขึ้นนั่งแล้วกอดดีโอไว้แน่น แขนเล็กกอดผมตอบและลูบหลังผมไปพรางๆ
“มันเกิดอะไรขึ้น” ไคหันมาถามผม
“เราว่าอย่าเพิ่งถามเลย ให้แบคหายดีก่อนเถอะ” ดีโอยังกอดผมไว้แน่น นั้นช่วยคลายความกังวลผมได้มาก บางทีผมก็อยากทำตัวอ่อนแอให้คนอื่นได้ดูแลบ้าง อย่าน้อยก็ขอแค่ตอนนี้ เพราะผมรู้สึกไม่ดีจริงๆ ทำไมคนที่ผมรัก ทั้งเพื่อน ทั้งรุ่นพี่แล้วก็...ชานยอล ทำไมเขาก็มาเจออะไนซวยๆเพราะผมด้วยนะ
“เป็นไงบ้าง” พี่ลู่ที่เพิ่งตามมาที่หลังเดินเข้ามาหาผม พอเห็นสภาพก็ถึงกับถอนหายใจแล้วนั่งลงบนเตียงข้างๆผมก่อนจะใช้มืออุ่นลูบหัวผมเบาๆเป็นเชิงปลอบ
“ผมไม่เป็นไรหรอฮะ...พี่ลู่ ถ้าผมหายไม่ทันขึ้นร้องผมก็ขอโทษด้วยนะฮะ...ทั้งหมดนี้ มันเป็นความผิดผมเอง” ทุกคนในห้องหันมามองผมด้วยสายตาไม่เข้าใจยกเว้นพี่คริสที่ยังว่าท่าเฉยชาไม่ได้สนใจอะไร
“แบคอย่าโทษตัวเองสิ ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นซะหน่อย” พี่ลู่ปลอบนั้นทำให้น้ำตาผมไหลทะลักออกมาเหมือนเขื่อนแตก ส่วนดีโอก็พยักหน้าเห็นด้วย ทั้งๆที่ผมทำให้ทุกคนเดือดร้อนแต่ทำไมทุกคนยังดีกับผมอยู่นะ ตอนนี้ผมรู้สึกผิดและรู้สึกดีในเวลาเดียวกัน สับสนไปหมดเลย
“ลู่เกอ~ ได้ข่าวว่ารุ่นน้องป่วย เค้าซื้อผลไม้มาฝากน้า” พี่ซิ่วหมินปรากฎตัวพร้อมรอยยิ้ม ทำให้บางคนยิ้มตาม ช่วยให้บรรยากาศในนี้ดูดีขึ้นหลานเท่าตัวเพราะความน่ารักผิดวัย
“เป็นไงบ้างแบคกี้ ซนนักนะ” พี่ซิ่วหมินยื่นหน้ามาใกล้แล้วฉีกยิ้มกว้างก่อนจะแกล้งบีมจมูกผม
“โอ๊ยรุ่นพี่ทำอะไรเนี่ย ผมเจ็บนะ!”
“ทำโทษเด็กดื้อไง” พี่ซิ่วหมินทำท่าเหมือนอาจารย์กำลังดุนักเรียนทำให้ทุกคนในนี้ดูผ่อนคลายลงไปเยอะ แต่ว่าจมูกผมมมม ปวดหมดเลยฮือ...T^T
“วันนี้น้องที่ชมรมว่าไงบ้าง”
“อ้อ ซ้อมได้ดีเลยแหละ อ้อมีเพื่อนที่หน้าเหมือนไดโนเสาร์ฝากมาบอกด้วยว่านี้ติดธุระอาจจะกลับเร็วเลยไม่ได้อยู่ซ้อมร้องเพลง พอบอกว่าทุกคนลาหยุดมาเยี่ยมรุ่นน้องก็กลายร่างเป็นอูฐแล้วเดินหายไปเลยละ” พี่ซิ่วหมินเล่าหน้าตาเฉยโดนไมได้สนเลยว่าคนฟังกำลังนั่งงงเป็นไก่ตาแตกกันอยู่ มีแค่พี่ลู่คนที่ยิ้มแห้งๆตอบ คงเข้าใจศัพท์พี่ซิ่วหมินละมั้ง- -^
“แล้วยอลลี่เป็นไงบ้างอุยาง” คราวนี้เจ้าตัวเปลี่ยนเป้าหมายหันมาถามคนหน้า(น่า)ตายที่นั่งไขว่ห้างไม่แยแสสายตาใครทั้งนั้น นั้นสินะ...ก็แค่ผู้ชายเย็นชา - -^
“นายเห็นมั้ยละ”
“เค้าไม่ได้เห็นถึงตับไตไส้พุงว่าช้ำมั้ยเหมือนหมอซะหน่อย” โอว์ ย้อนสรได้รุนแรงมากสองคนนี้เป็นเพื่อนกันไงเนี่ย พี่ลู่ด้วย พวกพี่สภานี้ก็ประหลาดกันเยอะเน๊อะ ขอยกเว้นพี่ลู่ไว้คนเดียวละกัน
“หมอว่าไงมีใครรู้บ้าง” คราวนี้พี่ซิ่วหมินกวาดตาไปทั่ว
“หมอบอกว่า...ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว แต่ว่าแผลเยอะมากแล้วข้างในก็ช้ำหนักด้วย” ผมเป็นคนตอบ พอได้ยินแบบนี้พี่ลู่ก็ถึงกับถอนหายใจแล้วเหล่ตามองพี่คริส...เอิ่ม ที่ยังนั่งนิ่ง - -^ พี่ฮะ น้องพี่เกือบตายแล้วพี่ยังไม่แสดงสีหน้าอะไรสักหน่อยหรือฮะพี่ ถ้าผมเป็นน้องพี่แกนะคงขาดใจตายตั้งแต่ที่ได้รู้ว่ามีพี่แบบนี้แล้วแหละ
“ไอ้ยอลมันหนังเหนียว ปล่อยไว้สักพักเดี๋ยวก็หาย ฉันกลับไปที่โรเรียนละ” พี่คริสลุกพรวดแล้วเดินออกไป
“โอ๊ะ งั้นเค้าไปพร้อมอุยางเลยละกัน หายไวๆนะแบคกี้ ^+++^” แล้วพี่ซิ่วหมินก็ชิ่งหนีตามพี่คริสไป
“ที่เหลือนี้คือลาหยุดแล้วใช่มั้ย” ผมถามทุกคน
“อื้อ วันนี้ขออยู่เป็นเพื่อนแบควันนึงละกัน กินไรยังละ” ดีโอถาม ผมส่ายหน้าเบาๆแล้วยิ้มแห้งๆให้
“ยังไม่หิวอ่ะ ส่วนหมอนั้นยังกินไม่ได้” ผมชี้ไปที่ร่างที่ยังนอนนิ่ง ไม่รู้เพราะฤทธิ์ยานอนหลับหรือเพราะอาการเพลียกันแน่ถึงทำให้หลับได้หลับดีขนาดนี้ ตั้งที่เมื่อคืนก่อนจะหลับกันยังขอให้ผมร้องเพลงให้ฟังอยู่เลย จะบอกว่าชานยอลโดนหนักกว่าและนานกว่าผมอีก เลยหลับเป็นตายอย่างที่เห็นกัน
“พวกเดิมใช่มั้ย” ไคมองชานยอลสักพักก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธแค้นลึกๆ อันนี้ผมรู้สึกนะไม่รู้ว่าทุกคนจะรู้สึกเหมือนผมมั้ย ผมพยักหน้าเบาๆ
“แล้วพวกนั้นมันเป็นแค้นอะไรนายนักหนา”
“คือ...” ผมไม่ค่อยอยากเล่าเร่องตอนอยู่ ม.ต้นให้ใครฟังสักเท่าไหร่ เพราะตอน ม.ต้น ผมมีเรื่องบ่อยๆไม่ค่อยได้ใฝ่เรียนสักเท่าไหร่ แถมยังมีวีรกรรมอีกเยอะเลย กลายเป็นเสียงลื่อเสียงเล่าอ้างหนาหูในหมู่รุ่นพี่ พี่ลู่กับพี่คริสเองก็คงรู้แต่พอขึ้น ม.ปลายผมมีดีโอคอยอยู่ข้างๆทำให้ใจเย็นลงไปเยอะและรู้จักคิดมากขึ้นมันก็เลยเงียบลงไปเอง ดีโอกับพี่ลู่มองผมที่คิดหนักก่อนจะหันไปตอบให้แถน
“พีได้ข่าวมาว่าพวกนั้นเป็นรุ่นพี่โรงเรียนที่ชอบมาหาเรื่องแบคใช่มั้ยละ”
“พี่ลู่รู้แล้วหรอครับ”
“ใช่ แต่พี่ไม่ค่อยสนิทกับรุ่นพี่รุ่นก่อนๆเพราะมีข่าวไม่ดีเยอะน่ะ” พี่ลู่ทำหน้าเหนื่อยใจ ส่วนดีโอก็กเล่าต่อจากพี่ลู่เลย
“ตอนนี้มันมาหาเรื่องแบคแล้วท้าตัวต่อตัวหลังห้องน้ำชายตึก ม.ต้นนั้นแหละ ตอนนี้เป็นข่าวใหญ่ในโรงเรียนเพราะว่าแบคที่ตัวเล็กกลับล้มคนแบบนั้นได้ ทำให้มันขายหน้าแล้วย้ายโรงเรียนนี้ไปเลย” ไคพยักเหมือนเริ่มเข้าใจก่อนจะลากสายตากลับมามองที่ชานยอล
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับไอ้ชาน?”
!!
คำถามเมื่อกี้ทำเอาผมถึงกับสะอึก มือกำกันแน่นจนรู้สึกว่าเส้นเลือดปูดขึ้นมาเลย ผมควรจะพูดออกไปดีมั้ย แล้วถ้าพูดออกไปผมควรพูดว่ายังไงดี ว่าชานยอลเอาตัวเข้าปกป้องผมโดยที่ไม่คิดเลยว่ามันอันตรายขนาดไหน ทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ทั้งๆคนที่สมควรนอนไม่มีเรี่ยวแรงน่าจะเป็นผม
“เรื่องมันผ่านไปแล้วจะเค้นถามให้ได้อะไรอีกละ” ดีโอเริ่มขึ้นเสียงนิดๆ อันนี้แสดงว่าดีโอโกรธขึ้นมาจริงๆละ ปกติดีโอจะนิ่งๆไม่ค่อยโกรธใคร ถ้าจะโกรธคงเป็นเรื่องใหญ่น่าดู
“แล้วทำไมต้องขึ้นเสียงละ”
“แล้วที่นายถามน่ะ นายห่วงความรู้สึกเพื่อนบ้างมั้ย ? คงไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นหรอก แล้วนายจะเอาอะไรนักหนา ทำให้ต้องย้ำให้แบคนึกถึงเรื่องแย่ๆด้วย”
“พอเหอะดีโอ” ผมคว้ามือเล็กไว้แล้วยิ้มเป็นนัยน์ว่าไม่เป็นไร ก่อนจะหันไปสบตาไคเป็นเชิงขอโทษแทนดีโอที่อยู่ๆก็อารมณ์เสียใส ผมรู้ว่าดีโอห่วงผมขนาดไหน ห่วงความรู้สึกผมมากแค่ไหน แต่ถึงขั้นโกรธนี้ก็มากไปหน่อยมั้ง
“คือ...ผมว่าพวกคุณๆเลิกทำให้แบคเคลียดเถอะครับ - -^”
“ชานยอล ?” ผมหันขวับไปทางต้นเสียงทันที เจ้าตัวทำสีหน้าไม่ค่อยพอใจ ไม่สิ เหมือนโดนขัดใจที่ถูกปลุกซะมากกว่า ก็แน่ละเพราะก็เริ่มเอะอะกันแล้วนี้
“ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
“เมื่อกี้แหละ” ชานยอลพยายามชันตัวขึ้นนั่งแล้วหันมายิ้มให้ผม
“อรุณสวัสดิ์แบค”
“อะ...อรุณสวัสดิ์” ผมตอบกลับแล้วหลบหน้าทันที เพราะคำพูดของไคทำให้ผมไม่กล้าสู้หน้าชานยอลเลย เพราะเรื่องทั้งหมดต่อให้พูดปลอบยังไงผมคงไม่หายรู้สึกผิดอยู่ดี จนกว่าผมจะลืมเรื่องนี้ละนะ พี่ลู่ย้ายไปนั่งบนเตียงชานยอลแทน
“เป็นไงบ้างละ”
“ระบมเลยแหละ - -^ เหมือนที่ฮยองบ่นทุกเช้าไง”
“อะ...ไอบ้า พูดอะไรของนายเนี่ย” พี่ลู่แกล้งทำท่าเหมือนจะต่อยชานยอลที่เอี้ยวตัวหลบด้วยความผวา สองคนนี้เวลาเล่นกันแล้วดูสนิทกันดีจัง ก็แน่ละ เพื่อนพี่ชายนิเน๊อะ
“แล้วฮยองหนีเรียนมาทำไรเนี่ย”
“หนีเรียนบ้านนายดิ ลาหยุดมาเยี่ยมพวกนายเนี่ยแหละ สภาพดูไม่ได้เลยนะไหนบอกเก่งนักเก่งหนาไง” พี่ลู่แซวโดยที่ไมได้นึกเลยว่ามันกระทบอีกแล้ว ผมเห็นชานยอลค่อยๆหุบยิ้มแล้วก้มหน้าลงทำให้พี่ลู่ทำหน้าตื่นเหมือนรู้ทันทีว่าตัวเองพูดอะไรออกไปแล้วรีบหันมามองหน้าผม
“แบค พี่ขอโทษ”
“มะ...ไม่เป็นไรฮะ แล้วเรื่องซ้อมละ”
“มันไม่ได้กระชากกล่องเสียงนายไปซะหน่อย ซ้อมที่นี้ก็หมดเรื่อง” ชานยอลช่วยเสนอส่วนพี่ลู่ก็ทำหน้าครุกคิดสักพักแล้วพยักหน้าเห็นด้วย
“สู้มั้ยละแบคฮยอน ^ ^”
“โฮพี่ มาขนาดนี้แล้วผมต้องสู้สิ ยังไง...ผมก็จะกลับไปร้องกับพี่ให้ได้”
“ต้องอย่างนี้สิ” พี่ลู่ว่าพลางยื่นมาข้างหน้าส่วนดีโอก็วางมือลงบนมือพี่ลู่แล้วหันมายิ้มให้ผม พอหันไปมองชานยอลเจ้าตัวก็ยิ้มแล้วพยักหน้าให้ ตอนนี้ทุกคนไว้ใจและคอยให้กำลังใจผม ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอพวกเขาสร้างความประทับใจให้ผมอย่างมาก และครั้งนี้ พวกเขายังเป็นกำลังใจให้ผมสู้ ผมจะไม่ลังเล จะไม่กลัวความรู้สึกผิดอีกแล้ว ผมยื่นมือออกไปวางนั้นทำให้สองคนยิ้มกว้าง
“งั้น...มาทำให้เป็นเพลงที่ดีที่สุดด้วยกันนะ”
“เฮ้!”
Xiumin Part’s
“เค้าว่าแล้วว่ายังไงอุยางก็ห่วงน้องอยู่ดี”
“หึ” เสียงหึสั้นๆในลำคอที่เป็นคำตอบที่ยาวสำหรับผมที่คุยกับอุยาง หรือ ‘คริส’ บ่อยๆ ก็แค่ผู้ชายเย็นชาที่น่ารักในบางเวลาเท่านั้น เนี่ยแหละรุ่นพี่คริสที่น้องๆกลัวนักลัวหนา เมื่อไหร่จะมีคนเห็นเหมือนที่ผมกับลู่เกอเห็นบ้างนะว่าจริงๆแล้วคริสดีขนาดไหน แล้วเมื่อไหร่น้า~ไอ้เพื่อนเย็นชาคนนี้จะยอมเปิดใจให้ใครสักคน
“แล้วนายละ ไหนบอกจะกลับโรงเรียน”
“แบคกี้คือเด็กที่อุยางบอกจริงๆหรอ ทำไมละ”
“แล้วนายดูสายตาชานยอลไม่ออกรึไง” อันนั้นดูออกนานแล้วละ แต่ว่านะ...อย่างยอลลี่เนี่ยนะจะอยากดูแลใครจริงๆจังๆสักคน แล้วที่ยังสงสัยไม่หายก็คือทำไมต้องเป็นเด็กนี้ คนเดียวกับที่คริสสนใจด้วยนะ
“ดูแสบซ่าๆดีมั้ยละ ตอน ม.ต้นหมอนี้หนักกว่านี้อีก เลยรู้สึกหมั่นไส้นิดหน่อย” ใบหน้าหล่อเหลากรีดยิ้มบางพลางมองผ่านประตูเข้าไปในห้องผู้ป่วย สายตาที่ดูยังไงก็อบอุ่นพอๆกับการลู่เกอที่เป็นที่รักของรุ่นน้อง แต่ทำไมโลกช่างไม่ยุติธรรมนะ แค่มีคาแรคเตอร์เป็นคนเย็นชาเฉยๆกลับถูกรักไม่เท่ากับคนที่ดูน่าคบหาในสายตาคนอื่นเสมอ ทั้งที่จริงๆแล้วทั้งสองคนเป็นคนดีเหมือนกัน
“จะไปแล้วหรอ”
“ได้เวลาให้อาหารเด็กๆแล้ว เดี๋ยวหิวตายขึ้นมานายตาเหลือกนั้นจะโกรธฉันเอา” อ้า~หมายถึงลูกหมีคยองน่ะหรอ ทำไมถึงเรียกลูกหมีนะหรอ ก็น้องเขาดูตัวเล็กน่ารักดีนินา ตาโตๆนั้นยิ่งดูก็ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่ เอ๊ะ แล้วเค้า ?
“เฮ้อ...ให้ตายสิ” ผมถอนหายใจออกมาพร้อมรอยยิ้มแล้วเดินตามคริสมาที่รถส่วนตัวของเขา
“ทำไมอุยางถึงยอมทำตามที่ยอลลี่ของ่ายๆหรอ” หลังจากที่ขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยผมก็เริ่มคำถามต่อ
“เพราะมันไม่เคยขออะไรฉันมาก่อนเลยนะสิ” อ๋อ ผมเข้าใจละ อยากมีน้องชายที่เป็นเด็กดีเหมือนยอลลี่แล้วก็มีพี่ชายที่ใจดีแบบอุยางบ้างจัง เฮ้อ...เค้าก็เหงาเป็นน้า
@หลังห้องเก็บของ
“ทำอุยาง....”
“ทำไมนายช่างถามจัง”
“อ้าว เค้านึกว่าอุยางชินแล้วนะ”
“ก็ชินแล้ว แต่แค่อยากรู้” อุยางหยุดเดินแล้วหันมายิ้มบางๆให้ ผมรู้นะ อุยางจงใจจะกัดผมอยู่ ผมไหวไหล่แล้วเดินนำมาที่ลังก่อนจะเริ่มคำถามต่อทันที
“ทำไมอุยางไม่เอาไปไว้ที่ห้องละ ทั้งที่อยากดูแลพวกเด็กๆมากไม่ใช่หรอ” ผมทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าลังที่ที่มีผ้าปูอย่างดี ข้างในมีลูกแมวตัวอ้วนกลมน่ารักสามตัวกำลังกลิ้งเล่นกันอย่างสบายใจ ข้างๆลังมี เนินเล็กและแต่ละเนินมีหินปักไว้พร้อมดอกไม้ที่วางไว้ มันคือหลุมศพขนาดเล็กของลูกแมวตัวที่อดตายก่อนที่อุยางจะมาเจอ ส่วนสามตัวรู้สึกว่าอุยางจะผลัดกันเลี้ยงกับลูกหมีนะแต่ลูกหมีไม่รู้ตัว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครทำหลุมศพน้อยพวกนี้
“เพราะนายตาเหลือกชอบลูกแมว”
“หรา - -+” เอาเถอะ เชื่อที่เพื่อนพูดละกัน
@วันงานโรงเรียน
Baekhyun Part’s
ฮูย...ผมตื่นเต้นจริงๆนะเนี่ย > <’ จะได้ขึ้นร้องเพลงกับพี่ลู่กับดีโอ นี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้โชว์พลังเสียงให้คนทั้งโรงเรียนได้ฟังกันนะเนี่ย แถมยังได้เป็นพิธีกรคู่กับพี่ซิ่วหมินอีกด้วย แต่ตอนนี้ผมมาเตรียมตัวตั้งแต่ตีสี่กว่าๆ ซึ่งมีแค่รุ่นพี่กับนักเรียนที่ครูเรียกให้มาช่วยงาน
“ไงแบคฮยอนตื่นเต้นมั้ย^^” พี่ลู่เดินมาตบบ่าผมแล้วยิ้มทัก
“วันนี้ต้องฝากด้วยนะแบคกี้” พี่ซิ่วหมินที่โผล่มาข้างพี่ลู่ยื่นมือมาข้างหน้า ผมจับตอบแล้วโค้งให้
“ผมก็ต้องฝากด้วยนะครับ ^^” ผมออกจากโรงบาลตั้งแต่เมื่อวันก่อนพร้อมกับชานยอล วันนี้ก็ไม่เห็นมาเลยทั้งๆที่เห็นพี่คริสยืนกำกับงานอยู่บนเวที แล้วน้องไปไหน
“มองหาชานยอลหรอ กำลังเตรียมตัวน่ะ”
“เตรียมตัว ?” พี่ลู่ยิ้มแล้วขยิบตาให้
“เดี๋ยวก็รู้ ^^” อะไรกัน มีอะไรไม่ค่อยจะบอกผมหรอกไอ้หยอย ทั้งๆที่คิดว่าหลังจากเหตุการณ์วันนั้นผมกับมันจะสนิทกันมากขขึ้นแท้ๆ ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะขอตัวเข้าห้องน้ำ พอทำธุระเสร็จก็กะจะล้างหน้าล้างตาให้สดชื่อขึ้นหน่อย นี้เพิ่งตีห้าสามนาทีเอง นี้เป็นครั้งแรกเลยที่ผมมาโรงเรียนเช้าขนาดนี้ ผมเงยหน้าขึ้นสบนัยน์ตาของตัวเอง เอาหล่ะ...มาลองกันสักตั้งเถอะ
แอ๊ด...
ชานยอล ?
“อ้าวแบค มาแต่เช้าเชียว” ผมหันไปประจันหน้ากับร่างสูง ที่แปลกคือชานยอลไม่ใส่เสื้อนักเรียนแต่เป็นเสื้อยืดสีดำแล้วใส่เสื้อคล้ายๆเสื้อสูทสีฟ้าอ่อนทับไม่ติดกระดุมพับแขนขึ้นมาถึงศอก ผมหน้าถูกเซ็ตขึ้นเปิดหน้าผากทำให้เขาดู...หล่อแล้วก็เท่มากๆ... ผมจ้องใบหน้านั้นอยู่นาน เพราะผมไม่เคยเห็นมันหล่อได้ขนาดนี้
“มีอะไรติดหน้าฉันรึเปล่าเนี่ย” เขาพูดขำๆแล้วเดินมาสำรวจหน้าตัวเองตรงหน้ากระจกก่อนจะหันมายิ้มยิงฟันให้
“วันนี้จะรอดูนายนะ สู้ๆ^^”
“อะ...เอ่อ วันนี้ก็เต็มทีเลยนะ” ชานยอลยิ้มก่อนจะย่อตัวเอามือท้ายเข่าเอาไว้ ส่วนอีกข้างเอื้อมมาประคองหน้าทำผมไว้ทำให้ความอบอุ่นจากมือเปลี่ยนเป็นความร้อนแผ่ซานไปทั่วทั้งใบหน้า ลามมาถึงหัวใจที่เต้นเร็วอยู่แล้วให้เต้นหนักกว่าเดิมอีก
“วันนี้นายดูดีมากนะ^^” คำนี้ ฉันต้องพูดกับนายมากกว่าชานยอล
“ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”
“สายตานายไง” ชานยอลเปลี่ยนเป็นยิ้มอ่อนโยนแล้วเลื่อนมือขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ
“นายเองก็...ดูดีเหมือนกัน” ชานยอลชักมือกลับไปถูท้ายทอยตัวเองแล้วยิ้มแห้ง บนหน้าหล่อเหลานั้นมีสีแดงระเรือขึ้นมา พอหายเขินลงบ้างเจ้าตัวก็เอามือล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วกลับมาฉีกปากยิ้มกว้างให้ผมอีกครั้ง นายนี้ก็ขยันยิ้มดีเน๊อะ
“ฉันต้องไปเตรียมตัวแล้วละ วันนี้จะรอดูนายร้องนะ^^”
“อะ...อื้ม ขอบคุณนะ” พอร่างสูงเดินออกไปแล้ว แต่ใจผมกลับเต้นอยู่กับที่ ตัวยังแข็งถื่อขยับไมได้ เลื่อนมือขึ้นมาลูบแก้มข้างเดียวกับที่ชานยอลจับเมื่อกี้ ทำไมนายถึงชอบทำให้ฉันหวั่นไหวนะ ผมเดินออกจากห้องน้ำมาสมทบกับพวกพี่ลู่ตอนนี้มีดีโอกับพี่เฉินเพิ่มมาด้วน
“แบคกี้นี้รายชื่อบู๊ทในงานแล้วก็ตารางโชว์บนเวที” พี่ซิ่วหมินยื่นกระดาษแผ่นนึงให้ผมรับแล้วพับเก็บใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะรับไมค์ไวเลทและหูฟังจากพี่ที่ดูแลเรื่องเครื่องเสียงมาใส่ให้เรียบร้อย
“มินซอกเทสด์ไมค์ดิ”
“ฮัลโหลวันทูเทสด์ วันทู เทสด์” โห...เทสด์ไมค์ได้มืออาชีพมาก ผมชักประหม่าแล้วเนี่ย
“โอเค น้องแบคเทสด์ไมค์หน่อยครับ” เอิ่ม ผมจะเทสด์ยังไงดีเนี่ยเอาง่ายให้ได้ยินเสียงก็พอใช่มั้ย
“ฮัลโหลอาอาอิอิยาอายูยิ (Cr::EXO-ST ep.1 ตอนแบคเทสด์ไมค์)” หลังผมเทสด์เสร็จทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ปล่อยก๊ากกันออกมาเลยทีเดียว ไม่เว้นแม้แต่พี่ลู่ที่หัวเราะหน้าแทบทิ่ม ผมไม่อายหรอกถือซะว่าสร้างสีสัน
“ซิ่วหมิน ลู่หายไปช่วยกันจัดบู๊ทห้องเราก่อนได้มั้ยตอนนี้คนยังไม่มาช่วยเลยไปดูอย่างอื่นกันหมด”
“อ่าๆแบคกี้เค้าฝากประกาศเรียกนักเรียนที่จะขึ้นเวทีตามชุดนี้หน่อยดิเดี๋ยวเค้ามา” พี่ซิ่วหมินยื่นกระดาษรายชื่อให้ผมแล้วลากพี่ลู่วิ่งหายไปส่วนพี่เฉินที่กำลังจะเดินตามไปถูกดีโอเรียกไว้ก่อน
“ห้องพี่ทำอะไรกันหรอครับ”
“อ๋อ ประกวดภาพถ่ายนะมีคริสแล้วก็ลู่หานเป็นนายแบบ” โฮ...มีดีกรีเป็นถึงนายแบบของห้องเลยหรอ ก็ไม่แปลกเล่นหล่อสวยกันขนาดนั้น ผมอยากเห็นบ้างจัง ไม่สิ อยากขอบรูปพี่ลู่กลับไปใส่ใต้หมอนเลย > <’
“แบคไม่ประกาศชื่อหรอ”
“เออจริงด้วย” ผมเปิดไมค์แล้วเริ่มประกาศทันที
“ตอนนี้ขอให้นักเรียนที่จะขึ้นแสดงบนเวทีกลางมาพบกันที่หลังเวทีด้วยนะครับ”
“โห...ครั้งแรกก็มืออาชีพเลยนะแบค” ดีโอแซว ตอนนี้ผมเริ่มเห็นรุ่นพี่รุ่นน้องหลายคนทยอนเดินมาหลังเวทีกันยกเว้นโชว์ของผมที่ขาดที่ลู่กันพี่เฉิน เอ๊ะ ? นั้นไอ้หยอยกับเซฮุนนิ ไคด้วย พอชานยอลเห็นผมกตรงมาหาทันทีตามด้วยสองหนุ่มที่เหลือ
“ก็ว่าใครประกาศ นายนี้เอง”
“ดูโปรดีใช่มั้ยละ”
“เปล่า ดูมือใหม่มาก”
ขอบคุณครับ !! ถ้าจะพูดแบบนี้เราคุยกันอีกเลยเถอะไอ้หยอยเอ้ย !! - -^
“ฮ่าๆๆล้อเล่น แล้วนี้เป็นพิธีกรหรอ” ผมพยักหน้ารัวเพราะรู้สึกดีแล้วก็ภูมิใจที่ได้หน้าที่นี้เพียงเพราะผมดูเหมือนรุ่นน้องที่พี่ลู่สนิทพวกรุ่นพี่เลยไว้ใจให้ผมช่วยงานแล้วก็ได้งานนี้มา ต้องขอบคุณพี่ลู่จริงๆที่แบ่งรังสีออลาร์เสริมวาสนาผมขนาดนี้
“แล้วให้เรียกมาทำไมละ”
“น้องแบคเดี๋ยวตรงนี้พี่จัดการเอง ไปเดินเล่นก่อนไป” พี่ที่ดูเรื่องเครื่องเสียงเดินมาบอก ผมพยักหน้าเบาๆแล้วลากดีโอออกมาทันที
“เดินดูกันหน่อยมั้ยละ”
“งานเริ่มกี่โมงอ่ะ”
“เจ็ดโมงกว่าๆ ตอนนี้เพิ่งตีห้าครึ่ง ฮืม...เวลาเหลือเฟือเลย”
“สำหรับพวกที่ว่างละนะ” ผมกับดีโอรีบหันไปหาต้นเสียง พี่คริสเดินเข้ามา มือก็ขยับจัดไมค์ไวเลทไปพลาง ขอพูดอะไรตรงๆสักอย่างได้มั้ยครับ พี่แกดูหล่อมากกกก นี้พูดจริงๆจากใจนะเนี่ยทั้งที่ชีวิตนี้ไม่คิดจะพูดคำนี้กะพี่แกเลยเพราะวันนี้พี่แกใส่เสื้อเซิตร์สีขาวปลดกระดุมเม็ดบนๆเผยให้เห็นแผงอกขาวเนียน โอย...แบคหวั่นไหว ไม่ใช่!!
“ถ้าพวกนายว่างนักก็ตามฉันมา” พี่คริสไม่หยุดเดินแต่เดินผ่านผมไปเลย ผมกับดีโอมองหน้ากันอย่างงงๆแต่ก็ยอมเดินตามไปแบบว่างงายจนถึงห้องเก็บของชั้นสองของอาคาร
“พวกนายช่วยกันขนเก้าอี้พวกนี้ลงไปให้หมด งานปีนี้เราเปิดให้คนรอบนอกเข้าชมได้เลยต้องเอาไปเพิ่ม” พี่คริสว่าพลางยกเก้าอี้ที่ซ้อนกันกันประมานห้าหกตัวแล้วเดินนำลงไป ผมเงยหน้ามองเก้าอี้ที่สูงกว่าตัวผมหลายเท่าก่อนจะถอนหายใจออกมา ดีนะผมกับดีโอใส่เสื้อยืดสีดำที่เขียนว่า ‘staff’ เพราฉะนั้นถึงเหงื่อออกก็ไม่เป็นไร
“นายขนไหวมั้ยเนี่ยดีโอ”
“แบคนั้นแหละแผลเพิ่งหายไหวหรอ?” ผมยิ้มท้าทายส่วนดีโอก็ยิ้มรับคำท้า หลังจากนั้นพวกผมก็แข่งกันขนลงมาใครขนส่วนของตัวเองเสร็จก่อนก็ชนะ ไม่ถึงอึดใจพวกผมก็ขนลงมาจนหมดเพราะการแข่งขันทำให้มันเร็วขึ้นส่วนใครชนะน่ะหรอ ? พร้อมกันครับ ^^
“ไวดีนิ ที่เหลือเดี๋ยวพวกฉันจัดการเองเอง นายไปดูเรื่องซ้อมของพวกบนเวทีละกัน นี้ถือเป็นงานที่ฉันมอบหมายนะ” ผมพยักหน้ารับแบบส่งๆส่วนดีโอรู้สึกจะเครื่องติดแล้วนะ ตื่นเต้นกับการได้ทำงานกับรุ่นพี่สินะ ผมเองก็ตื่นเต้นเพราะรุ่นที่นี้ทุกคนสุดยอดมาก ผมกับดีโอวิ่งกลับมาทีเวทีแต่ระหว่างทางผมกลับชนเขากับใครบางคนที่กำลังขนของหนักอยู่ล้มทั้งคู่ ตายละวิ่งชนรุ่นพี่ซะแล้ว
“เป็นอะไรรึเปล่าครับพี่ ผมช่วยนะ” ผมรีบลุกไปช่วยที่เขาทันทีแต่พอเห็นเข็มกลัดผมก็ถึงกับชะงักทันที ปีหนึ่งนิหว่า
“อ้าว...พี่อยู่ปีไหนอ่ะฮะ”
“ปะ...ปีสองครับ น้องปีหนึ่งมาทำอะไรแต่เช้าเนี่ย” ผมช่วยพยุงพลางถามอย่างงงๆ ส่วนน้องเขาก็ยิ้มให้แล้วหันไปเก็บตุ๊กตาแพนด้าขึ้นมากอด เอิ่ม...
“ผมเป็นสภานักเรียนฮะ ผมชื่อจื่อเทายินดีทีได้รู้จักฮะ” แล้วน้องจื่อเทาก็โค้งให้ทีนึง ก่อนจะดึงสายสะพายออกจากหลังแพนด้ามาสะพายหลังตัวเองแล้วหันกลับไปเก็บที่หล่นต่อ ส่วนผมน่ะหรอ...ยืนแข็งถืออยู่นี่ไง เหลือเชื่อ ! เด็กปีหนึ่งเป็นสภานักเรียน!!
“มะ...มาพี่ช่วยเก็บครับ”
“ขอบคุณครับ” ผมช่วยจื่อเทาเก็บของแล้วขนมาวางที่บู๊ทให้ จากนั้นก็รีบวิ่งตามดีโอกลับมาที่เวที ภาพที่เห็นบนเวทีคือชานยอลเซฮุนแล้วก็ไคโค้งขอบคุณแล้วเดินลงเวทีไป หวา...มาช้าซะได้อดดูเลยว่ามันโชว์อะไร ผมว่ามันคงโชว์เล่นตลกกันละมั้งหน้าอย่างไอ้หยอยอ่ะ
“มาละดีโอ โทษทีที่ช้า” ผมวิ่งมาอยู่ข้างๆดีโอที่ยืนอ้าปากค้าง เฮ้ย! เพื่อนผมเป็นอะไรไปเนี่ย
“มะ...เมื่อกี้แบคเห็นเหมือนเรามั้ย” หะ...เห็นอะไร ทำไมผมมองขึ้นไปบนเวทีก็ไม่เห็นมีอะไร หรือว่าดีโอสัมผัสได้! ไม่ใช้โว้ย!!
“เมื่อกี้...พวกเขา...สุดยอดมากเลย” อะไรสุดยอดวะ ผมไม่น่าพลาดดูไอ้หยอยเลย ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมก็เห็นเองละตอนมันแสดงจริง ชานยอลพอลงจากเวทีก็ตรงมาหาผมทันที
“เป็นไงละ”
“มาไม่ทันเห็น”
“อ้าวหรอ...เสียดายจัง อยากให้นายเห็นเร็วๆนะเนี่ย” ชานยอลยกแขนขึ้นปาดเหงื่อที่ผุดเต็มหน้าเต็มคอ คือนอกจากจะดูเท่แล้วนายดูเซ็กซี่ขึ้นนะ -/////- เฮ้ยๆนี้ผมคิดบ้าอะไรเนี่ย! ผมถอนหายใจเฮือกนึงแล้วหยิบผ้าเช็นหน้าขึ้นมาซับเหงื่อให้ ไอ้หยอยค้างไปสามวิแล้วค่อยเอื้อมมือจับมือผมไว้
“ขอบคุณนะ”
“อะ...อะไรเล่า ก็แค่เช็ดให้ -////-”
“อะแฮมแง่มๆ!!” ถ้าจะไอขนาดนั้นไปอ้วกเหอะดีโอ - -^ ผมรีบชักมือแล้วยัดผ้าเช็ดหน้าใส่มือไอ้หยอยอย่างรนๆแต่มือหนาก็ไม่ยอมปล่อมมือผม
“ปล่อยดิ”
“เช็ดให้ก่อนดิ เนี่ยยังเหนื่อยอยู่เลย” มันเริ่มอ้อน ก็ได้วะ!-/////- ชานยอลย่อตัวลงมาให้ผมเช็ดให้ เออครับคุณสูง - -^ นี้กำลังหลอกด่าผมในตัวป่ะเนี่ยว่าผมเตี้ย ไอ้หยอยยื่นหน้าให้ผมเช็นง่ายๆส่วนไอ้หนึ่งคนสองตัวนะหรอร้องโห่เหมือนตอนแห่ขันหมากยังไม่รู้ พอเช็ดเหงื่อออกหมดอยู่ชานยอลก็พุ่งหน้ามาหอมแก้มโดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว
“ขอบคุณนะ^^”
“อะ...ไอ้หยอย!O/////O” ผมถึงกับเครื่องค้าง ส่วนไอ้หยอยก็เดินผิวปากอารมณ์ดีกลับไปหาเพื่อนๆ ผมเห็นมันแปะมือกะไคแล้วก็ทำท่า ‘เย่เฮท’ กับเซฮุนด้วย อะไรจะดีใจปานนั้น แล้วผมก็ทำเหมือนตอนอยู่ในห้องน้ำเลย มือเลื่อนขึ้นมาลูบแก้มอีกครั้ง รู้สึกว่ามันร้อนจริงๆนะเนี่ย
“หน้าแดงเชียวนะแบค^^”
“กะ...ก็เพราะแซวกันนั้นแหละ ไปทำงานเหอะเดี๋ยวพี่คริสว่า” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องแล้วเดินนำออกมา ดีโอที่เดินมาตามยังยิ้มแซวไม่หยุด ให้ตายเถอะนี้ผมเป็นอะไรไปเนี่ย ทำอะไรก็รนไปหมดแถมยังร้อนที่หน้าไม่หายแสดงว่าหน้าผมก็แดงไม่หายเหมือนกันน่ะสิ โธ่! ไอ้หยอยทำพิษเอ้ย!!
.......................................................
“ยินดีต้อนรับนักเรียน ผู้ปกครองและผู้เข้าชมทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมงานโรงเรียนของเรานะฮะ” พี่ซิ่วหมินเริ่มเปิด กวาดยิ้มกว้างทำเอาสาวที่เดินผ่านมองกันตาละห้อยบางคนก็กรี๊ดออกมาเบาๆ บางคนก็มองค้างจนเดินชนเสาเลยทีเดียวไม่แปลกหรอก พี่แกเล่นน่ารักผิดวัยขนาดนั้น - -^
“ผมซิ่วหมินปีสามและ”
“ผมแบคฮยอนปีสองรับหน้าที่พิธีกรในงานวันนี้นะฮะ” ผมรับช่วงต่ออย่างรวดเร็วอย่างที่ซ้อมกันไว้ แอบเห็นสาวยิ้มให้ด้วยอ่ะ แสดงว่าผมก็มีมุมหล่อเหมือนกันละสิ ฮ่าๆๆๆๆ
“สำหรับรายการแรกประธานจะขึ้นมาเปิดพิธีที่เวทีกลางในเวลาเจ็ดโมงตรงนะฮะ”
“ก่อนอื่นต้องขอบคุณทุกท่านที่สละเวลามาในวันนี้นะฮะ”
“และไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราไปชมโชว์แรกกันเลยดีกว่านะฮะ!!” พอจบช่วงแรกที่พวกต้องออกมากล่าวต้อนรับที่เวทีหน้าผมกับพี่ซิ่วหมินก็ตรงมาที่เวทีกลางทันที ตอนนี้พี่ลู่กับดีโอยืนสแตนด์บายรอแล้ว เพราะเวทีกลางเป็นเวทีใหญ่เลยต้องมีพิธีกรเสริม คือโรงเรียนผมนี้จัดอลังการสุดยอดจริงๆ เพราะเท่าที่รู้มามีเวทีที่ผมต้องขึ้นถึงสี่เวทีด้วยกัน โห...วิ่งกันหอบแหกเลยทีเดียว
“เวทีหน้าเป็นไงบ้าง” พี่ลู่ถามในระหว่างที่พยายามใส่ไมค์แต่ใส่ไม่ได้สักทีพี่ซิ่วหมินเลยเข้าไปช่วย
“คนเยอะมากเลยฮะ ผมชักตื่นเต้นแล้วเนี่ย” ผมกระโดดแหย้งๆเพราะความตื่นเต้น ไม่เคยทำงานแบบนี้มาก่อนเลย แล้วก็ไม่คิดว่ามันจะสนุกอย่างนี้ด้วย
“ตอนนี้คริสไปเชิญประธานมาละ อีกเดี๋ยวก็คงมา” หลังจากใส่ไมค์เสร็จพี่ลู่ก็หันไปสั่งทุกคนที่ทำงานฝ่ายเครื่องเสียงด้วยภาษาที่เข้าใจยาก คือพวกพี่แกสั่งเร็วทำเร็วจริงๆ นี่สินะการทำงานเป็นทีมของรุ่นพี่ปีสาม สุดยอดจริงๆ
“ขึ้นละนะ” พี่ซิ่วหมินเดินนำขึ้นเวทีตามด้วยดีโอแล้วก็...
จึก!
!!
ผมเผลอสะดุดขั้นบันไดหน้าเกือบทิ่ม ดีนะที่พี่ลู่คว้าผมไว้ทัน แต่เดี๋ยวมือพี่ลู่เล็กกว่านี้ไม่ใช่หรอ แล้วนี้มีใคร ? พอผมเงยหน้าขึ้นก็พบคำตอบทันที ไอ้หยอยถอนหายใจเฮือกนึงแล้วดึงผมให้ยืนปกติ
“กะจะมาเตือนเรื่องบันได ตอนซ้อมฉันก็สะดุดไปทีแล้ว ไม่เป็นไรใช่มั้ย”
“มะ...ไม่เป็นไร ขอบคุณ”
“ไปแบค ขึ้นได้แล้ว” พี่ลู่ดันหลังผมขึ้นมาบนเวที ฮือ...คนเยอะอ่ะ ตื่นเต้นนะเนี่ย แล้วเมื่อกี้เพิ่งมีฉากหน้าอายริมเวทีซะด้วย คือมันเป็นเวทีกลางแจ้งไง โอย...สั่นโว้ย
“ก่อนอื่นก็ขอสวัสดีทุกท่านก่อนนะฮะ ผมดีโอปีสอง”
“ผมลู่หานปีสามรับหน้าที่พิธีกรเสริมครับ^^” พี่ลู่โปรยยิ้มหวานนั้นทำให้...
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด !!
เอิ่ม...ผมเห็นประธานยกมือขึ้นปิดหูแถบไม่ทันเช่นด้วยกับพี่ลู่ที่ยิ้มแห้งเป็นเชิงขอโทษแล้วเริ่มรายการต่อ โอ๊ะ ผมเห็นพี่คริสนั่งข้างประธานด้วย ประธานก็ผู้อำนวยการนั้นแหละส่วนพี่คริสเป็นประธานนักเรียน ดูเหมือนพ่อลูกกันเลยเว้ย - -^
“ตอนนี้ก็ได้เวลาอันสมควรแล้ว ขอเรียนเชิญท่านประธานและประธานนักเรียนขึ้นมากล่าวเปิดงานโรงเรียนด้วยนะครับ” พี่ลู่ยิ้มหวายปิดท้ายในขณะที่ประธานกำลังเดินมา เสียงกรี๊ดที่ดังสนั่นทำให้ประธานสะดุ้งโหย่งอีกครั้ง ผมลงจากเวทีมายืนอยู่ข้างไอ้หยอยมองดูพี่คริสยืนอยู่ข้างๆผู้อำนวยการ ดูเท่ไม่เบาเลยแฮะ โอ๊ะ !(โอ๊ะไรนักหนาวะ - -^) พี่เลย์ก็เดินขึ้นมาด้วยนิหว่า พี่เลย์เป็นรองประธานที่ผมจัดว่าหน้าสวยรองจากพี่ลู่เลย มีรอยยิ้มพิฆาตพอกันแต่ว่าพี่แกพูดน้อยกว่าอีกอย่างส่วนมาจากอยู่กับพี่คริสมากว่ามาอยู่กับทางนี้ผมเลยไม่เคยได้คุยด้วยเลย แต่ดูจากบุคลิกแล้วคุณหนูไม่เบาเลยจริงๆ
“พี่เลย์เข้ากับเฮียดีนะ”
“หมายความว่าไง”
“ดูเอาก็น่าจะรู้นิ ว่าสองคนนั้นดูเหมาะกันมาก” ผมพยายามมองให้ได้อย่างที่ไอ้หยอยบอก เออจริง เหมาะกันมาก ประธานเย็นชากับนางฟ้าหน้านิ่ง - -^ ประธานพูดจบพี่คริสก็โค้งให้ประธานแล้วเริ่มพูดต่อทันที แค่เพียงพี่แกขยับไมค์เสียงกรี๊ดก็ดังสนั่นอีกครั้ง คราวนี้ดังกว่าขอพี่ลู่อีก(ของพี่ลู่มีเสียงผู้ชายด้วยนะ ไม่แปลก นางสวย- -^)
“เอาหล่ะ เดี๋ยวซิ่วหมินไปรอที่เวทีข้างในเลยนะ ส่วนแบครออยู่ที่นี้เดี๋ยวพี่จะสั่งมาทางสมอล์ท็อคนะ” ผมพยักหน้ารับคำสั่งแล้วเดินขึ้นเวทีอีกรอบโดยไม่ลืมห้อยดีโอขึ้นมาด้วย
“ต้องขอบคุณท่านประธานและประธานนักเรียนด้วยนะฮะ ต่อไปขอเชิญทุกท่านชมการแสดงเปียโนจากตัวแทนนักเรียนปีสามครับ” ผมแล้วก็เดินลง เหนื่อยเน๊อะเดินขึ้นเดินลง หลังจากนี้จะเป็นการเต้นของปีสองซึ่งก็ไม่รู้อยู่ดีว่าเป็นใครเพราะผมไม่ได้ดูชุดนี้ตอนซ้อมซะที พี่เลย์โค้งให้คนดูก่อนจะนั่งลง นิ้วเรียวกดลงเปียโนเป็นเพลงที่เพราะมากๆ คนดูข้างล่างราวกับถูกสะกดให้อยู่ในความเงียบเพื่อฟังเสียงเปียโนของพี่เลย์เพียงคนเดียว แต่ที่สะดุดตาผมมากกว่านั้นคือสายตาที่มันสื่อสุดๆของพี่คริสที่มองพี่เลย์ หรือที่ไอ้หยอยมันพูดจะมีอะไรแฝงวะ พอจบการแสดงของพี่เลย์ก็ตามด้วยชุดเต้นสินะ ผมหยิบกระดาษรายการโชว์ขึ้นมาอ่าน ‘Rap and dances Two moons’ หือ ? สนใจพาผมขึ้นไปบีทบ็อคอีกคนมะ ฮ่าๆๆ น่าจะสนุกนะ ถึงผมจะฟังพวกแร็ปไม่ค่อยทันแต่ผมว่ามันมันส์ดีนะ
“ขึ้นละ ตั้งใจดูด้วยนะ” ชานยอลขยิบตาให้ทีนึงแล้วเดินขึ้นเวทีไปพร้อมกับๆเซฮุนไคแล้วก็พี่คริสพี่เพิ่งเปลี่ยนเสื้อเสร็จ ไปเปลี่ยนตอนไหนวะเนี่ย ไว้ชิบ
“Hi Kris!”
“Hey whatup Chanyeol!”
“The hey,the hey,the hey......”
ฟังเพลง Two moons exo >>>http://www.youtube.com/watch?v=T_66evRrl_U
พอสองพี่น้องเริ่มแร็ป ไคกับเซฮุนก็ออกลีลาเต้นในแบบที่น่าทึ้งสุดๆ ทั้งสองอย่างผสมผสานกันอย่างลงตัวจนผมถึงกับตะลึง สุดยอดจริงๆ ชานยอลตอนอยู่บนเวทีดูเท่มาก น้ำเสียงเข้มแข็ง ท่าทางการแร็ปดูดุดันผิดกับตอนมันปกติลิบ ส่วนสาวข้างล่างก็พากันกรี๊เสนั่น
“เท่มากเลยเน๊อะแบค เนี่ยแหละที่เราบอก”
“สุดยอด....” ผมไม่แปลกใจเลยที่ตอนซ้อมไอ้หยอยจะเหงื่อออกได้ขนาดนั้น เพราะทั้งแร็ปทั้งเต้นใช้พลังงานเยอะพอๆกันนี้เอง ถึงว่าทำไมถึงต้องเริ่มซ้อมก่อนะพวกผม เพราะทุกอย่างดูยากกว่าหลายเท่า
ตึกๆ ๆๆ ๆๆ
เสียงจบของเพลงเป็นเสียงหัวใจที่ดังพอๆกับหัวใจของผม ทั้งสี่เดินมารวมกันตรงกลาง
“หนึ่ง สอง สาม”
“วี อาร์ วัน! ขอบคุณที่รับชมครับ!!”
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!
น้ำเสียงที่หนักแน่นของทั้งสี่คนเรียกเสียงกรี๊ดได้อย่างดี สุดยอดจริงๆ... พอชานยอลลงมาก็ตรงมาหาผมทันที นี้มีอะไรกับผมมามั้ยเนี่ยว่างไม่ได้เป็นต้องมาหาตลอด
“เป็นไง” ชานยอลยิ้มพลางรับผ้าจากพี่สตาร์ฟแล้วมานั่งซับเหงื่อข้างๆผม
“เท่มากเลยแหละ สุดยอดเลย”
“ขอบคุณคร๊าบ แล้วจะรอดูนายนะ”
“ขอฉันก็แค่ร้องเพลงธรรมดาเอง”
“ไม่รู้อะไรซะแล้ว...การที่นายร้องเพลงคือสิ่งที่วิเศษแล้วก็พิเศษสำหรับฉันนะ” พอเถอะ...นับวันนายจะทำให้ฉันหวั่นไหวมากกว่าเดิมอีกนะ เพราะรอยยิ้มที่ไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อยกับกำลังใจของนายจะทำให้ฉันถอนตัวไม่ขึ้นแล้วนะ หลังจากผ่านไปหลายๆรายการผมมีขึ้นไปพูดบ้าง อ่ะต่อไปพี่คริสกับพี่เลย์ร้องเพลงนิ กิจกรรมเยอะจริงๆครับคุณพี่ ก่อนขึ้นผมเห็นพี่เลย์ช่วยจัดเสื้อให้พี่คริสดู เหมือนคู่รักเลยเว้ย - -
เพลงนี้ที่คริสกับพี่เลย์ขึ้นลร้อง อิเมจิ้นเอานะฮะว่าไหนเสียงเลย์เสียงคริส>>>
นอกจากเรื่องแร็ปไม่เป็นรองแล้วเรื่องร้องยังสุดยอดอีก ผมเริ่มอิจฉาชานยอลแล้วนะที่มีพี่ชายมากความสามารถแบบนี้ แถมยังหน้าตาดีหัวไวอีกต่างหาก หลังจากจบเพลงขอพี่คริสก็ปิดท้ายด้วยเพลงของพวกผมแล้ว
(ทุกคนมาเตรียมตัวที่เวทีกลางเลยนะ พี่กำลังไป) พี่ลู่สั่งทางสมอล์ท็อค พอผมที่อยู่ใกล้ที่สุดจึงไปถึงก่อนตามด้วยพี่เฉิน ดีโอแล้วก็พี่ลู่
“ทุกคนเต็มที่เลยนะ” พี่ลู่ยื่นออกมาผมกับดีโอวางมือบนมือพี่ลู่ตามด้วยพี่เฉิน
“ทุกคน ไฟท์!”
“โอ้~!”
เพลงที่ Open arms by exo>>>http://www.youtube.com/watch?v=75bmyThpm2Y
“ขอบคุณครับ!!” พอจบเพลงพวกเราก็ทยอยกันเดินลงมา ฮูว...จะบอกว่าตอนอยู่บนเวทีเหมือนหัวใจผมหยุดเต้นเลย มันตื่นเต้นไปหมด ประหม่าด้วย แต่ดีที่บางท่อนพี่ลู่วางมือเล็กลงบนบ่าคลายความกดดันผมลงได้
“ทำได้ดีมากทุกคน จบงานนี้พี่เลี้ยง!!”
“เย้!!”
มีความสุขจัง ที่ได้ทำงานกับทุกคน ^ ^
__________________________________________________________
จบด้วยบรรยากาศดีๆนะฮะ
-THx.-
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ