[ChanBeak]-Love you only
10.0
เขียนโดย Metoric_soul
วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 11.58 น.
15 chapter
14 วิจารณ์
25.35K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 9 เมษายน พ.ศ. 2557 12.25 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
5) เกมลดนิ้ว ^ ^
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความD.O. Part's
“อะ...อึก” ปะ...ปวดหัวจัง แล้วที่นี้มันที่ไหน ทำไมภาพแรกที่ผมเห็นมันไม่ใช่เพดานห้องที่ผมคุ้นเคย ผมดันตัวลุกขึ้นพบว่าตอนนี้ตัวเองอยู่บนเตียงอุ่นนิ่มในห้องๆนึง ผมพยายามกวาดตามองรอบห้องเพื่อค้นหาเจ้าของห้องและคนที่พาผมมาที่นี้ ก็สบกับร่างนึงที่นอนอ่านหนังสืออยู่บนโซฟา พอเจ้าตัวเห็นผมลุกขึ้นนั่งก็ถอดหูฟังแล้วลุกมาหาทันที...จงอิน ห้องเดียวกับผมนิ
“ดีขึ้นแล้วหรอ”
“อะ...อืม เรามาอยู่ที่นี้ได้ไงน่ะ” ผมถามพลางถูที่ท้ายทอยเพราะรู้สึกปวดตรงนี้เป็นพิเศษ จำได้ว่าล่าสุดเราใช้ไม้หนักๆฝาดเข้าที่คนที่กำลังทำร้ายพี่ลู่ พอจะพาพี่ลู่หนีแล้วตามคนมาช่วยแบคอยู่ๆก็รู้สึกแปล๊ดที่ท้ายทอยแล้วภาพทุกอย่างก็เลือนราง ภาพแบคที่ค่อยๆเลือนราง...
“ละ....แล้วแบคละ! แบคฮยอนละ!” ผมรีบเขย่าแขนจงอินด้วยมือสั่นๆ ทำไมแบคไม่ได้อยู่ที่นี้ แบคปลอดภัยรึเปล่าแล้วพี่ลู่ด้วย แล้วทำไมมีแค่ผมที่มาอยู่ที่นี้ได้
“ใจเย็นๆ ตอนนี้ทุกคนปลอดภัยแล้วก็เป็นห่วงนายมากเพราะเหลือนายคนเดียวที่เพิ่งตื่นมาเนี่ย ส่วนพี่ลู่หาน เซฮุนน่าจะจัดการเองแหละ แล้วก็แบคฮยอนเพื่อนนายอยู่ห้องตรงข้ามนี้กับชานยอล” โล่งไปที...ทุกคนปลอดภัยแล้ว ค่อยยังชั่ว...
“นี้นายห่วงเพื่อนมากกว่าตัวเองอีกหรอ”
“ก็แน่ละ ยังไงแบคก็สำคัญสำหรับเรามากนิ” ผมพูดออกพร้อมยิ้มแห้งๆ
“หิวรึยัง ฉันทำข้าวต้มไว้ให้” หืม ? ผมไม่อยากจะว่าใครหรอกนะแต่ผมเคยเห็นตอนสอบทำอาหารจงอินทำข้าวต้มไหม้ให้อาจารย์กับเพื่อนทั้งห้องได้ลองชิมด้วยแหละ ขนาดแบคที่กินอะไรก็ได้ยังทนกินไม่ถึงสองสามคำ ผมไม่ค่อยสนิทน่ะเลยเรียกชื่อจริงแทน จงอินเดินเข้าไปในครัวแล้วออกมาพร้อมข้ามต้มที่น่าตาดูน่ากินมากๆ ผมเพิ่งสังเกตว่าที่มือนั้นมีพลาสเตอร์ยาติดสองถึงสามอัน และแผลในมืออีกเยอะเลย
“แล้วนายก็เลิกเรียกฉันว่าจงอินได้แล้ว เรียกไคธรรมดาก็ได้”
“อะ...อื้ม นี้นายทำเองหรอ” ผมก้มลงมองข้าวต้มในชาม มันผิดกับที่เห็นตอนสอบลิบเลยนะ ไม่แน่เขาอาจจะซื้อมาก็ได้
“ใช่ ลองผิดลองถูกหลายรอบละ ฉันว่าอันนี้น่าจะดีที่สุดแล้วแล้วนายก็ได้กินเป็นคนแรกด้วย” ความรู้สึกเหมือนตัวโดนทดลองยังไม่รู้แต่เอาเถอะ ไหนๆเขาก็ช่วยเราแล้วนิเน๊อะ ผมเอื้อมไปหยิบช้อนแต่ต้องรีบดึงกลับเพราะเพียงขยับไหล่นิดเดียวก็ปวดจี๊ดไปทั้งแทบ มันฝาดลงมาอีท่าไหนเนี่ย เจ็บง่า
“เจ็บหรอ เมื่อคืนทายาให้ตั้งเยอะแล้วนะ”
“ขอโทษนะ นี้ฉันรบกวนนายมากไปรึเปล่าเนี่ย”
“ไม่เป็นไรหรอก ยินดีดูแลเสมอแหละ”
ตึกๆ....
ทำไมรอยยิ้มนั้น เหมือนกันอีกแล้ว ความรู้สึกเหมือนกำลังถูกปกป้องด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนอีกครั้งเหมือนกับแบค...กับพี่คริสเลย
“ขะ...ขอบคุณนะ (.////.)” ผมเริ่มรู้สึกร้อนขึ้นมาที่หน้า รีบงุดหน้าที่คิดว่าน่าจะแดงลง
“ดีโอ”
“ฮะ...หื้อ?” ผมเงยหน้าขึ้นช้าก็พบว่าไคตักข้าวต้มพอดีคำแล้วยื่นมาตรงหน้า แต่พอผมอ้าปากรับเขาก็ชักกลับไปเหมือนทำหน้านึกขึ้นได้ก่อนจะค่อยๆเป่าสองสามทีแล้วยื่นกลับมาใหม่พร้อมรอยยิ้ม ผมพยักหน้าขอบคุณแล้วงับเข้าไปเต็มช้อน ถึงข้าวต้มจะเป็นอาหารที่ไม่ค่อยจะมีรสชาติก็เถอะ แต่นี้มีอร่อยมากเลย
“อร่อยแฮะ สุดยอดเลยไค” ผมยิ้มออกมาด้วยความตะลึง ทำเอาไคหลุดหัวเราะออกมาแล้วลูบหัวผมเบาๆ
“ฮ่าๆๆๆไม่ขนาดนั้นหลอก รีบกินแล้วไปหาแบคกันมั้ยละ”
“อื้ม^ ^”
Luhan Part’s
“เซฮุน....” ผมพยายามหยุดร้องไห้รอบที่ไหร่แล้วนะ แต่ทำยังไงภาพที่น่ากลัวนั้นก็ยังผุดขึ้นมาในหัว สุดท้ายน้ำตาก็ทะลักออกมาเหมือนเขื่อนแตกอีกครั้ง เพราะเซฮุนเอาแต่เดินไปเดินมา ปาข้าวของเสียหายระบายอารมณ์แล้วเอาสบถคำด่ากลุ่มผู้ชายเมื่อวานไม่หยุดไม่หย่อน ยิ่งทำให้น้ำตาอุ่นลวกดวงตาผมมากกว่าเดิม
“เซฮุน...ฮึก...”
“รู้งี้ผมไม่น่าปล่อยฮยองไปเลย” เซฮุนพูดขัดขึ้นมา หมัดหนักต่อยเข้าที่ขอบหน้าต่างทำเอาผมสะอึก คราวนี้ผมก็ปล่อยโฮมาเลย
“พี่ไม่รู้ว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่ว่า...ฮึก แบคฮยอน น้องเขาไม่ผิดนะ ขอร้องละฮุนพวกนายเป็นเพื่อนกันนะ อีกอย่างเรื่องมันก็จบไปแล้ว ฮึก...ฮุน...” ผมพยายามเรียกด้วยน้ำเสียงสั่นเท่าที่มีแรง
“ถ้าจบแล้วทำไมฮยองยังไม่หยุดร้องไห้ละ ทำไมฮยองยังกลัวอยู่ละ!!” อยู่ๆเซฮุนก็พุ่งเข้าบีบไหล่ผมแน่น จ้องลึกเข้ามาในตาผมด้วยอารมณ์เดือดปุดจนผมกลัว ไม่ได้กลัวว่าเขาจะทำร้ายผมมากไปกว่านี้ ไม่ได้กลัวว่าเขาจะอารมณ์เสียกลับไปทำลายข้าวของเหมือนเดิม แต่ผมเป็นห่วง ห่วงความรู้สึกของเขา
“เซฮุน....” ผมพยายามอ้อนให้เขาใจเย็นลง และก็ได้ผลเซฮุนเปลี่ยนจากบีบแล้วกอดผมไว้ ไม่นานก็ผละออกแล้วโน้มหน้าหล่อเหลาลงมา ริมฝีปากอุ่นสัมผัสกันเบาๆ มือข้างนึงเลื่อนขึ้นมาประคองหน้าผมไว้
“ขอโทษ...”
“ไม่หรอก...อยู่เป็นเพื่อนสักวันได้มั้ย” เซฮุนยิ้มให้กับคำขอของผม ไม่นานผมก็รู้สึกเจ็บจี๊ดที่ต้นเพราะริมฝีอุ่นไล่ไปมาและขบกัดอย่างหมั่นเขี้ยว มืออุ่นดึงผ้าห่มซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ปกคลุมตัวผมออก ลิ้นร้อนไล่ลงมาที่หัวไหล่ในขณะที่พยายามผลักผมเอนลงนอน
“ฮยองเรียกร้องเองนะ”
“รู้แล้วน่า”
Baekhyun Part’s
เมื่อคืนผมนอนแทบไม่หลับเลยถ้าไม่ได้ไอ้หยอยจับกรอกยานอนหลับปิดปากเพราะผมเอาแต่แหกปากโวยวายจะไปหาดีโอลูกเดียว ก็คนมันเป็นห่วงอ่ะ แล้วทีตอนนี้ก็ยังไม่ได้ไป โธ่เว้ย ไอ้หยอยก็ไม่อยู่แถมยังล็อคประตูขังผมไว้ในห้องนอนอีก จะบ้าตายยยย เออจริงด้วย โทรศัพท์ผม ผมลื้อเสื้อผ้านักเรียนเมื่อวานเพื่อหาโทรศัพท์แต่กลับพบเพียงกระดาษที่เขียนข้อความเอาไว้
‘อย่าคิดซนเชียวนะ อยู่เฉยๆบ้างแผลยังไม่หายดี’
อ๊ากกกกกกกกกก ไอ้ปาร์คชานหยอย ทำไมทำกับแบคอย่างนี้ ฮือ...
“กลับมาละ” พอประตูเปิดผมก็รีบพุ่งไปหาต้นเสียงอย่างรวดเร็วแล้วคว้าร่างสูงมาเขย่าเป็นว่าเล่น
“แล้วเมื่อไหร่นายจะพาไปหาดีโอ แล้วนายเอาโทรศัพท์ฉันไปทำมะเขือเทศอะไรฟะ!!!” ร่างสูงรีบปัดผมออกแล้วยกมือขึ้นปิดหูทันทีเหมือนรู้ว่าผมจะโวย ก่อนจะเหวี่ยงถุงหลายใบลงบนที่นอนแล้วคว้าตัวผมไว้ให้อยู่นิ่ง
“เลิกโวยเป็นหมาบ้าได้แล้ว เพื่อนนายสบายดี รู้แค่นี้ โอเค?”
“ยังโว้ย ถ้ายังไม่เห็นด้วยตาก็ไม่สบายใจหรอก”
“อยากเห็นมากนักใช่มั้ย” ไอ้หยอยกดเสียงต่ำทำเอาผมเริ่มหวั่น
“ก็เออไง”
“งั้นก็ทำตัวดีๆ จบ!” เฮ้ย ! บทสรุปง่ายมากให้ทำตัวดีๆมันหมายความว่ายังไง ทำเหมือนผมเป็นพวกอยู่ไม่นิ่งป่วนชาวบ้านเขาไปทั่วงั้นแหละ ก็ผมห่วงเพื่อนมันผิดตรงไหน
“นาย...ไม่เข้าใจหรอกว่าดีโอสำคัญขนาดไหน” เสียงผมเริ่มสั่น ผมทิ้งตัวลงนั่งกอดเข่ากับพื้นมือจิกบนข้อศอกทั้งสองข้างแน่นทำให้ไอ้หยอยหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วหันมามองผมด้วยสายตาหน่ายใจ ก่อนจะเดินมานั่งตรงหน้า
“หมาน้อย เข้าใจหรอกว่านายห่วงเพื่อน แต่ตอนนี้ต่างคนก็ต่างพักก่อน แผลนายเองก็ยังไม่หายดีแค่ลุกขึ้นมาเดินแบบนี้ก็ฝืนมากแล้วนะ” ไอ้หยอยดึงมือผมไปกุมไว้ ก่อนจะยิ้มให้แล้วชูนิ้วโป่งพลางทำปากเหมือนพูดว่าไฟท์ติ้ง นั้นทำให้ผมยิ้มตาม
“เอางี้ แก้เครียดๆเรามาเล่นลดนิ้วกัน”
“ฮือ ? ยังไงอ่ะ”
“ง่ายๆ หนึ่งมือมีห้านิ้วใช่มั้ยละ สมมติว่าฉันบอกคนที่เตี้ยที่สุดใครเตี้ยที่สุดก็ลดนิ้วลงไปใครนิ้วหมดก่อนก็แพ้ไป” มันเหมือนเป็นเกมง่ายๆนะแต่ฟังๆดูก็น่าจะแก้เครียดได้บ้าง
“งั้นนายเริ่มเลย” ผมว่าพลางชูมือขึ้นมา
“จริงเกมนี้ต้องเล่นหลายๆคนละนะ แต่เล่นแค่นี้ก็ได้ คนที่กำลังห่วงคนอื่นอยู่ตอนนี้” สิ้นเสียงผมก็ลดนิ้วลงแบบไม่ต้องแต่ที่ผมสงสัยคือทำไมไอ้หยอยต้องลดนิ้วด้วย
“นายห่วงใครน่ะ”
“ก็นายไง”
“-//////-”
“ฮ่าๆๆๆๆ ทำไมต้องหน้าแดงด้วยตานายแล้วนะ”
“คนที่มั่นใจว่าตัวเองหล่อที่สุด” ผมลดนิ้วลงอย่างมั่นใจ มั่นหน้ามั้ยละ555 ตามตบได้ที่บ้านนะ แต่ฮูย...ไอ้หยอยนี้ก็รู้ตัวดีนิว่าตัวเองไม่หล่อเลยไม่กล้าลดนิ้ว แต่เดี๋ยวเฮ้ยกติกามันว่ายังไงใครแพ้นะลืม ช่าง...ถึงเวลาเดี๋ยวก็รู้เอง
“คนแพ้ต้องทำตามที่คนชนะขอนะ”
“ได้” ไอ้หยอยยิ้มขึ้นมาทันทีก่อนจะเริ่มเกมต่อ
“คนที่มีแผลมาที่สุด” ผมลดนิ้วลงเหมือนเดิม ตอนนี้ผมเหลือสองส่วนไอ้หยอยเหลือสี่
“คนเรียนเก่ง” ผมลดนิ้วอย่างมั่นใจอีกครั้ง คราวนี้ไอ้หยอยก็ลดนิ้ว ผมไม่เกี่ยงหรอกเพราะมันเรียนเก่งจริง เก่งกว่าผมมากแต่ผมคิดว่าตัวผมเองก็ไม่ได้เรียนแย่นะ
“หึ เสร็จฉันละ คนที่ชอบซื้อไอติมช็อคโกแลตร้านป้าในโรงเรียน” นิ้วผมหมดแล้ว แล้วยังไงต่อ
“นายแพ้มาน้อย ใครนิ้วหมดก่อนถือว่าแพ้” ฮะ ? โอ๊ยยยย ไม่น่าลืมเลย แค่เกมง่ายๆดันแพ้ไอ้หยอยซะได้ ฮือ....
“อืม...ขออะไรดีน้าาาา” ไอ้หยอยเอามือจับคางทำท่าครุกคิดแต่ก็ยังเหลือบมองด้วยสายตาที่เต็มไปได้เลศนัยน์ ก่อนจะปรมมือเสียงดังจนผมสะดุ้ง - -“ นึกไรออกพูดมาเถอะ ไม่ต้องปรมมือหรอก
“ขอให้นายมีความสุข ^ ^”
“ขออะไรของนายเนีย -//////-” ผมต่อยไหล่แกร่งแบบหยอกๆ แล้วเบ้หน้าหนีทันที ทำไมต้องรู้สึกร้อนขึ้นมาที่หน้า
“เฮ้ๆ นายไม่มีสิทธิ์ทำหน้าบูดแบบนั้นนะ ฉันขอไปแล้วอย่าลืมสิ”
“อะไรของนาย”
“ก็ที่ฉันขอเพราะอยากให้นายมีความสุขไง ทำตามหน่อยสิ”
ตึกๆ.....
ไอ้หยอยทำหน้างอนแล้วกอดอกหันหน้าหนีไปอีกทาง โดยที่ไม่รู้เลยว่าคนนี้ตรงหัวใจเต้นวูบจนเกิดอาการค้าง จากที่ร้อนแค่หน้าตอนนี้มันร้อนไปทั้งตัวแล้ว
“เงียบไม...อ่ะ” เพราะใบหน้าหล่อรีบหันมาในจังหวะที่ตัวผมเองขยับเข้าใกล้เพราะอยากเห็นใบหน้านั้นชัดๆ ผมควบคุมตัวเองไม่อยู่ ห้ามไม่ให้อยากขยับเข้าไปใกล้ๆร่างสูงไม่ได้ แต่เพราะอะไรกันนะที่ทำให้ใบหน้านี้หันมาพอดี ระยะนี้มัน...ระยะอันตรายแล้วนะ แต่เพราะอันตรายไงผมถึงอยากลอง ลองท้าทายดูสักครั้ง
“....” ตอนนี้ระยะห่างเท่ากับศูนย์แล้ว สัมผัสอุ่นที่ริมฝีปากแผ่ซานไปทั่วทั้งตัว เปลือกตาหนักอึ้งขึ้นมาทัน รู้สึกได้ถึงความอ่อนโยน อบอุ่น หวงหา และอีกหลายๆความรู้สึกดีๆ...แต่อยู่มันก็ถูกกระชากไปอย่างไม่ใยดี ชานยอลผละออกแล้วเดินหนีออกไปทันที
“นั้นเสื้อผ้านาย อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อซะแล้วจะเข้ามาทำแผลให้” ร่างสูงมองทางถุงเสื้อผ้าแล้วเดินออกไปทันที
“คงไม่ได้โกรธฉัน....อีกคนใช่มั้ย..”
__________________________________________________________
ถึงไม่มีพลังเหมือนพี่เลย์สามหนุ่มเขาเยียวยากันได้เน๊อะ ^ ^
ขอบคุณที่แวะมาอ่านน้าาาา ♥ ซารางฮาจา > w <
-THx.-
“อะ...อึก” ปะ...ปวดหัวจัง แล้วที่นี้มันที่ไหน ทำไมภาพแรกที่ผมเห็นมันไม่ใช่เพดานห้องที่ผมคุ้นเคย ผมดันตัวลุกขึ้นพบว่าตอนนี้ตัวเองอยู่บนเตียงอุ่นนิ่มในห้องๆนึง ผมพยายามกวาดตามองรอบห้องเพื่อค้นหาเจ้าของห้องและคนที่พาผมมาที่นี้ ก็สบกับร่างนึงที่นอนอ่านหนังสืออยู่บนโซฟา พอเจ้าตัวเห็นผมลุกขึ้นนั่งก็ถอดหูฟังแล้วลุกมาหาทันที...จงอิน ห้องเดียวกับผมนิ
“ดีขึ้นแล้วหรอ”
“อะ...อืม เรามาอยู่ที่นี้ได้ไงน่ะ” ผมถามพลางถูที่ท้ายทอยเพราะรู้สึกปวดตรงนี้เป็นพิเศษ จำได้ว่าล่าสุดเราใช้ไม้หนักๆฝาดเข้าที่คนที่กำลังทำร้ายพี่ลู่ พอจะพาพี่ลู่หนีแล้วตามคนมาช่วยแบคอยู่ๆก็รู้สึกแปล๊ดที่ท้ายทอยแล้วภาพทุกอย่างก็เลือนราง ภาพแบคที่ค่อยๆเลือนราง...
“ละ....แล้วแบคละ! แบคฮยอนละ!” ผมรีบเขย่าแขนจงอินด้วยมือสั่นๆ ทำไมแบคไม่ได้อยู่ที่นี้ แบคปลอดภัยรึเปล่าแล้วพี่ลู่ด้วย แล้วทำไมมีแค่ผมที่มาอยู่ที่นี้ได้
“ใจเย็นๆ ตอนนี้ทุกคนปลอดภัยแล้วก็เป็นห่วงนายมากเพราะเหลือนายคนเดียวที่เพิ่งตื่นมาเนี่ย ส่วนพี่ลู่หาน เซฮุนน่าจะจัดการเองแหละ แล้วก็แบคฮยอนเพื่อนนายอยู่ห้องตรงข้ามนี้กับชานยอล” โล่งไปที...ทุกคนปลอดภัยแล้ว ค่อยยังชั่ว...
“นี้นายห่วงเพื่อนมากกว่าตัวเองอีกหรอ”
“ก็แน่ละ ยังไงแบคก็สำคัญสำหรับเรามากนิ” ผมพูดออกพร้อมยิ้มแห้งๆ
“หิวรึยัง ฉันทำข้าวต้มไว้ให้” หืม ? ผมไม่อยากจะว่าใครหรอกนะแต่ผมเคยเห็นตอนสอบทำอาหารจงอินทำข้าวต้มไหม้ให้อาจารย์กับเพื่อนทั้งห้องได้ลองชิมด้วยแหละ ขนาดแบคที่กินอะไรก็ได้ยังทนกินไม่ถึงสองสามคำ ผมไม่ค่อยสนิทน่ะเลยเรียกชื่อจริงแทน จงอินเดินเข้าไปในครัวแล้วออกมาพร้อมข้ามต้มที่น่าตาดูน่ากินมากๆ ผมเพิ่งสังเกตว่าที่มือนั้นมีพลาสเตอร์ยาติดสองถึงสามอัน และแผลในมืออีกเยอะเลย
“แล้วนายก็เลิกเรียกฉันว่าจงอินได้แล้ว เรียกไคธรรมดาก็ได้”
“อะ...อื้ม นี้นายทำเองหรอ” ผมก้มลงมองข้าวต้มในชาม มันผิดกับที่เห็นตอนสอบลิบเลยนะ ไม่แน่เขาอาจจะซื้อมาก็ได้
“ใช่ ลองผิดลองถูกหลายรอบละ ฉันว่าอันนี้น่าจะดีที่สุดแล้วแล้วนายก็ได้กินเป็นคนแรกด้วย” ความรู้สึกเหมือนตัวโดนทดลองยังไม่รู้แต่เอาเถอะ ไหนๆเขาก็ช่วยเราแล้วนิเน๊อะ ผมเอื้อมไปหยิบช้อนแต่ต้องรีบดึงกลับเพราะเพียงขยับไหล่นิดเดียวก็ปวดจี๊ดไปทั้งแทบ มันฝาดลงมาอีท่าไหนเนี่ย เจ็บง่า
“เจ็บหรอ เมื่อคืนทายาให้ตั้งเยอะแล้วนะ”
“ขอโทษนะ นี้ฉันรบกวนนายมากไปรึเปล่าเนี่ย”
“ไม่เป็นไรหรอก ยินดีดูแลเสมอแหละ”
ตึกๆ....
ทำไมรอยยิ้มนั้น เหมือนกันอีกแล้ว ความรู้สึกเหมือนกำลังถูกปกป้องด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนอีกครั้งเหมือนกับแบค...กับพี่คริสเลย
“ขะ...ขอบคุณนะ (.////.)” ผมเริ่มรู้สึกร้อนขึ้นมาที่หน้า รีบงุดหน้าที่คิดว่าน่าจะแดงลง
“ดีโอ”
“ฮะ...หื้อ?” ผมเงยหน้าขึ้นช้าก็พบว่าไคตักข้าวต้มพอดีคำแล้วยื่นมาตรงหน้า แต่พอผมอ้าปากรับเขาก็ชักกลับไปเหมือนทำหน้านึกขึ้นได้ก่อนจะค่อยๆเป่าสองสามทีแล้วยื่นกลับมาใหม่พร้อมรอยยิ้ม ผมพยักหน้าขอบคุณแล้วงับเข้าไปเต็มช้อน ถึงข้าวต้มจะเป็นอาหารที่ไม่ค่อยจะมีรสชาติก็เถอะ แต่นี้มีอร่อยมากเลย
“อร่อยแฮะ สุดยอดเลยไค” ผมยิ้มออกมาด้วยความตะลึง ทำเอาไคหลุดหัวเราะออกมาแล้วลูบหัวผมเบาๆ
“ฮ่าๆๆๆไม่ขนาดนั้นหลอก รีบกินแล้วไปหาแบคกันมั้ยละ”
“อื้ม^ ^”
Luhan Part’s
“เซฮุน....” ผมพยายามหยุดร้องไห้รอบที่ไหร่แล้วนะ แต่ทำยังไงภาพที่น่ากลัวนั้นก็ยังผุดขึ้นมาในหัว สุดท้ายน้ำตาก็ทะลักออกมาเหมือนเขื่อนแตกอีกครั้ง เพราะเซฮุนเอาแต่เดินไปเดินมา ปาข้าวของเสียหายระบายอารมณ์แล้วเอาสบถคำด่ากลุ่มผู้ชายเมื่อวานไม่หยุดไม่หย่อน ยิ่งทำให้น้ำตาอุ่นลวกดวงตาผมมากกว่าเดิม
“เซฮุน...ฮึก...”
“รู้งี้ผมไม่น่าปล่อยฮยองไปเลย” เซฮุนพูดขัดขึ้นมา หมัดหนักต่อยเข้าที่ขอบหน้าต่างทำเอาผมสะอึก คราวนี้ผมก็ปล่อยโฮมาเลย
“พี่ไม่รู้ว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่ว่า...ฮึก แบคฮยอน น้องเขาไม่ผิดนะ ขอร้องละฮุนพวกนายเป็นเพื่อนกันนะ อีกอย่างเรื่องมันก็จบไปแล้ว ฮึก...ฮุน...” ผมพยายามเรียกด้วยน้ำเสียงสั่นเท่าที่มีแรง
“ถ้าจบแล้วทำไมฮยองยังไม่หยุดร้องไห้ละ ทำไมฮยองยังกลัวอยู่ละ!!” อยู่ๆเซฮุนก็พุ่งเข้าบีบไหล่ผมแน่น จ้องลึกเข้ามาในตาผมด้วยอารมณ์เดือดปุดจนผมกลัว ไม่ได้กลัวว่าเขาจะทำร้ายผมมากไปกว่านี้ ไม่ได้กลัวว่าเขาจะอารมณ์เสียกลับไปทำลายข้าวของเหมือนเดิม แต่ผมเป็นห่วง ห่วงความรู้สึกของเขา
“เซฮุน....” ผมพยายามอ้อนให้เขาใจเย็นลง และก็ได้ผลเซฮุนเปลี่ยนจากบีบแล้วกอดผมไว้ ไม่นานก็ผละออกแล้วโน้มหน้าหล่อเหลาลงมา ริมฝีปากอุ่นสัมผัสกันเบาๆ มือข้างนึงเลื่อนขึ้นมาประคองหน้าผมไว้
“ขอโทษ...”
“ไม่หรอก...อยู่เป็นเพื่อนสักวันได้มั้ย” เซฮุนยิ้มให้กับคำขอของผม ไม่นานผมก็รู้สึกเจ็บจี๊ดที่ต้นเพราะริมฝีอุ่นไล่ไปมาและขบกัดอย่างหมั่นเขี้ยว มืออุ่นดึงผ้าห่มซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ปกคลุมตัวผมออก ลิ้นร้อนไล่ลงมาที่หัวไหล่ในขณะที่พยายามผลักผมเอนลงนอน
“ฮยองเรียกร้องเองนะ”
“รู้แล้วน่า”
Baekhyun Part’s
เมื่อคืนผมนอนแทบไม่หลับเลยถ้าไม่ได้ไอ้หยอยจับกรอกยานอนหลับปิดปากเพราะผมเอาแต่แหกปากโวยวายจะไปหาดีโอลูกเดียว ก็คนมันเป็นห่วงอ่ะ แล้วทีตอนนี้ก็ยังไม่ได้ไป โธ่เว้ย ไอ้หยอยก็ไม่อยู่แถมยังล็อคประตูขังผมไว้ในห้องนอนอีก จะบ้าตายยยย เออจริงด้วย โทรศัพท์ผม ผมลื้อเสื้อผ้านักเรียนเมื่อวานเพื่อหาโทรศัพท์แต่กลับพบเพียงกระดาษที่เขียนข้อความเอาไว้
‘อย่าคิดซนเชียวนะ อยู่เฉยๆบ้างแผลยังไม่หายดี’
อ๊ากกกกกกกกกก ไอ้ปาร์คชานหยอย ทำไมทำกับแบคอย่างนี้ ฮือ...
“กลับมาละ” พอประตูเปิดผมก็รีบพุ่งไปหาต้นเสียงอย่างรวดเร็วแล้วคว้าร่างสูงมาเขย่าเป็นว่าเล่น
“แล้วเมื่อไหร่นายจะพาไปหาดีโอ แล้วนายเอาโทรศัพท์ฉันไปทำมะเขือเทศอะไรฟะ!!!” ร่างสูงรีบปัดผมออกแล้วยกมือขึ้นปิดหูทันทีเหมือนรู้ว่าผมจะโวย ก่อนจะเหวี่ยงถุงหลายใบลงบนที่นอนแล้วคว้าตัวผมไว้ให้อยู่นิ่ง
“เลิกโวยเป็นหมาบ้าได้แล้ว เพื่อนนายสบายดี รู้แค่นี้ โอเค?”
“ยังโว้ย ถ้ายังไม่เห็นด้วยตาก็ไม่สบายใจหรอก”
“อยากเห็นมากนักใช่มั้ย” ไอ้หยอยกดเสียงต่ำทำเอาผมเริ่มหวั่น
“ก็เออไง”
“งั้นก็ทำตัวดีๆ จบ!” เฮ้ย ! บทสรุปง่ายมากให้ทำตัวดีๆมันหมายความว่ายังไง ทำเหมือนผมเป็นพวกอยู่ไม่นิ่งป่วนชาวบ้านเขาไปทั่วงั้นแหละ ก็ผมห่วงเพื่อนมันผิดตรงไหน
“นาย...ไม่เข้าใจหรอกว่าดีโอสำคัญขนาดไหน” เสียงผมเริ่มสั่น ผมทิ้งตัวลงนั่งกอดเข่ากับพื้นมือจิกบนข้อศอกทั้งสองข้างแน่นทำให้ไอ้หยอยหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วหันมามองผมด้วยสายตาหน่ายใจ ก่อนจะเดินมานั่งตรงหน้า
“หมาน้อย เข้าใจหรอกว่านายห่วงเพื่อน แต่ตอนนี้ต่างคนก็ต่างพักก่อน แผลนายเองก็ยังไม่หายดีแค่ลุกขึ้นมาเดินแบบนี้ก็ฝืนมากแล้วนะ” ไอ้หยอยดึงมือผมไปกุมไว้ ก่อนจะยิ้มให้แล้วชูนิ้วโป่งพลางทำปากเหมือนพูดว่าไฟท์ติ้ง นั้นทำให้ผมยิ้มตาม
“เอางี้ แก้เครียดๆเรามาเล่นลดนิ้วกัน”
“ฮือ ? ยังไงอ่ะ”
“ง่ายๆ หนึ่งมือมีห้านิ้วใช่มั้ยละ สมมติว่าฉันบอกคนที่เตี้ยที่สุดใครเตี้ยที่สุดก็ลดนิ้วลงไปใครนิ้วหมดก่อนก็แพ้ไป” มันเหมือนเป็นเกมง่ายๆนะแต่ฟังๆดูก็น่าจะแก้เครียดได้บ้าง
“งั้นนายเริ่มเลย” ผมว่าพลางชูมือขึ้นมา
“จริงเกมนี้ต้องเล่นหลายๆคนละนะ แต่เล่นแค่นี้ก็ได้ คนที่กำลังห่วงคนอื่นอยู่ตอนนี้” สิ้นเสียงผมก็ลดนิ้วลงแบบไม่ต้องแต่ที่ผมสงสัยคือทำไมไอ้หยอยต้องลดนิ้วด้วย
“นายห่วงใครน่ะ”
“ก็นายไง”
“-//////-”
“ฮ่าๆๆๆๆ ทำไมต้องหน้าแดงด้วยตานายแล้วนะ”
“คนที่มั่นใจว่าตัวเองหล่อที่สุด” ผมลดนิ้วลงอย่างมั่นใจ มั่นหน้ามั้ยละ555 ตามตบได้ที่บ้านนะ แต่ฮูย...ไอ้หยอยนี้ก็รู้ตัวดีนิว่าตัวเองไม่หล่อเลยไม่กล้าลดนิ้ว แต่เดี๋ยวเฮ้ยกติกามันว่ายังไงใครแพ้นะลืม ช่าง...ถึงเวลาเดี๋ยวก็รู้เอง
“คนแพ้ต้องทำตามที่คนชนะขอนะ”
“ได้” ไอ้หยอยยิ้มขึ้นมาทันทีก่อนจะเริ่มเกมต่อ
“คนที่มีแผลมาที่สุด” ผมลดนิ้วลงเหมือนเดิม ตอนนี้ผมเหลือสองส่วนไอ้หยอยเหลือสี่
“คนเรียนเก่ง” ผมลดนิ้วอย่างมั่นใจอีกครั้ง คราวนี้ไอ้หยอยก็ลดนิ้ว ผมไม่เกี่ยงหรอกเพราะมันเรียนเก่งจริง เก่งกว่าผมมากแต่ผมคิดว่าตัวผมเองก็ไม่ได้เรียนแย่นะ
“หึ เสร็จฉันละ คนที่ชอบซื้อไอติมช็อคโกแลตร้านป้าในโรงเรียน” นิ้วผมหมดแล้ว แล้วยังไงต่อ
“นายแพ้มาน้อย ใครนิ้วหมดก่อนถือว่าแพ้” ฮะ ? โอ๊ยยยย ไม่น่าลืมเลย แค่เกมง่ายๆดันแพ้ไอ้หยอยซะได้ ฮือ....
“อืม...ขออะไรดีน้าาาา” ไอ้หยอยเอามือจับคางทำท่าครุกคิดแต่ก็ยังเหลือบมองด้วยสายตาที่เต็มไปได้เลศนัยน์ ก่อนจะปรมมือเสียงดังจนผมสะดุ้ง - -“ นึกไรออกพูดมาเถอะ ไม่ต้องปรมมือหรอก
“ขอให้นายมีความสุข ^ ^”
“ขออะไรของนายเนีย -//////-” ผมต่อยไหล่แกร่งแบบหยอกๆ แล้วเบ้หน้าหนีทันที ทำไมต้องรู้สึกร้อนขึ้นมาที่หน้า
“เฮ้ๆ นายไม่มีสิทธิ์ทำหน้าบูดแบบนั้นนะ ฉันขอไปแล้วอย่าลืมสิ”
“อะไรของนาย”
“ก็ที่ฉันขอเพราะอยากให้นายมีความสุขไง ทำตามหน่อยสิ”
ตึกๆ.....
ไอ้หยอยทำหน้างอนแล้วกอดอกหันหน้าหนีไปอีกทาง โดยที่ไม่รู้เลยว่าคนนี้ตรงหัวใจเต้นวูบจนเกิดอาการค้าง จากที่ร้อนแค่หน้าตอนนี้มันร้อนไปทั้งตัวแล้ว
“เงียบไม...อ่ะ” เพราะใบหน้าหล่อรีบหันมาในจังหวะที่ตัวผมเองขยับเข้าใกล้เพราะอยากเห็นใบหน้านั้นชัดๆ ผมควบคุมตัวเองไม่อยู่ ห้ามไม่ให้อยากขยับเข้าไปใกล้ๆร่างสูงไม่ได้ แต่เพราะอะไรกันนะที่ทำให้ใบหน้านี้หันมาพอดี ระยะนี้มัน...ระยะอันตรายแล้วนะ แต่เพราะอันตรายไงผมถึงอยากลอง ลองท้าทายดูสักครั้ง
“....” ตอนนี้ระยะห่างเท่ากับศูนย์แล้ว สัมผัสอุ่นที่ริมฝีปากแผ่ซานไปทั่วทั้งตัว เปลือกตาหนักอึ้งขึ้นมาทัน รู้สึกได้ถึงความอ่อนโยน อบอุ่น หวงหา และอีกหลายๆความรู้สึกดีๆ...แต่อยู่มันก็ถูกกระชากไปอย่างไม่ใยดี ชานยอลผละออกแล้วเดินหนีออกไปทันที
“นั้นเสื้อผ้านาย อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อซะแล้วจะเข้ามาทำแผลให้” ร่างสูงมองทางถุงเสื้อผ้าแล้วเดินออกไปทันที
“คงไม่ได้โกรธฉัน....อีกคนใช่มั้ย..”
__________________________________________________________
ถึงไม่มีพลังเหมือนพี่เลย์สามหนุ่มเขาเยียวยากันได้เน๊อะ ^ ^
ขอบคุณที่แวะมาอ่านน้าาาา ♥ ซารางฮาจา > w <
-THx.-
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ