[ChanBeak]-Love you only

10.0

เขียนโดย Metoric_soul

วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 11.58 น.

  15 chapter
  14 วิจารณ์
  25.34K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 เมษายน พ.ศ. 2557 12.25 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

10) ผมเนี่ยนะต้องง้อไอ้หยอย!!

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Baekhyun Part’s

 

“พี่ลู่หวัดดีฮะ”

 

“อ้าวแบคฮยอน เย็นปานนี้แล้วยังไม่กลับบ้านอีกหรอ” วันนี้ก่อนกลับผมกะจะเลี้ยงขอบคุณพี่ลู่ในหลายๆเรื่องที่ผ่านมาที่ทำให้เวลาหนึ่งเดือนที่ได้รู้จักกับทุกคนมันเป็นอะไรที่วิเศษ แต่วันนี้ทุกคนกลับพร้อมใจกันไม่ว่างก็เหลือแค่พี่ลู่ที่กำลังซ้อมกับรุ่นน้องในชมรมอย่างเข้มงวด คงไม่ว่างอีกคนสินะ...

 

“ยังละครับกะจะนั่งดูพี่ซ้อมซะหน่อย”

 

“ฮ่าๆๆๆ แบคมานั่งดูแบบนี้พี่ก็เขินสิ” พี่ลู่ยิ้มให้ก่อนจะวิ่งเข้าสนามไป ตอนนี้ยังไม่อยากกลับบ้านเลยเพราะพักหลังผมกลับเย็นจนชิน พอกลับบ้านไปก็ไม่รู้จะทำอะไร ส่วนดีโอเห็นช่วงนี้กลายเป็นครูสอนอาหารประจำตัวของนายไคไปซะแล้ว หวังว่าคงไม่คิดจะทิ้งผมไปอยู่กับหมอนั้นหรอกนะ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูคลิปวันวิชาการที่ตอนนี้มันแพร่ไปทั่วโซลเชียล

 

“แบค” หลังจากผมนั่งดูได้สักพักอยู่ๆพี่ลู่ก็เดินมาเรียกผมที่ถอดหูฟังออกแล้วตั้งใจฟังที่พี่ลู่จะพูด

 

“วันนี้ไปเดินเล่นกันหน่อยมั้ย พี่กะจะซื้อของเข้าห้องหน่อย ช่วงซิ่วหมินมีงานเยอะส่วนคริสก็ไม่ค่อยว่าง แล้วแวะไปหอพี่มั้ยละ” ก่อนอื่น อะไรจะใจตรงกันขนาดนั้น ผมกำลังอยากชวนพี่ลู่ออกไปเดินเล่นพอดีเนี่ยดิแถมยังได้ไปห้องพี่ลู่ด้วย ทำไมนายโชคดีอย่างนี้นะแบคฮยอนนน~~~

 

“ตกลงมั้ยละ”

 

“ตกลงฮะ ผมกะจะชวนพี่ออกไปข้างนอกพอดีเลย”

 

“งั้นรอพี่ซ้อมต่ออีกแปปนึงนะแล้วเดี๋ยวออกไปพร้อมกัน” พี่ลู่เอื้อมมือมาขยี้หัวผมแล้ววิ่งกลับเข้าไปในสนามอีกครั้ง ผมอยากมีพี่ชายแบบนี้จัง ทั้งอบอุ่น แสนดี อ่อนโยนและที่สำคัญ โครตสวยเลย

 

หลังจากที่นั่งรอพี่ลู่ซ้อมเสร็จผมกับพี่ลู่ก็ออกมาซื้อของและแวะหาไรกินกัน สรุปก็เป็นร้านอาหารเจ้าประจำที่ชานยอลชอบพาเพื่อนๆในห้องมาเลี้ยง พี่ลู่กวาดตามองรอบๆหลังจากได้ที่นั่งแล้ว

 

“ร้านนี้น่ะ พี่เคยมากับชานยอลบ่อยๆ ชอบมั้ยละ” มันเป็นร้านอาหารที่บรรยากาศดีเลยทีเดียวแถมยังมีดนตรีเพราะกับอาหารที่น่าตาดูน่ากินมากๆ การบริการเป็นเลิศแถมราคาโครตเป็นกันเองเลย (นี้ผมกำลังโปรโมทร้านใช่มั้ยเนี่ย)

 

“อ้าว พี่กับชานยอลสนิทกันมาก่อนหรอฮะ”

 

“ก็พอสมควรละ^^” ทำไมนะ...ผมถึงรู้สึกแปลกเพราะคำนี้ด้วย ไม่สิ มันรู้สึกไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไหร่หรอก แต่ผมไม่ชอบใจอะไรกันแค่พี่ลู่เคยสนิทกับชานยอลนั้นหมายถึงอดีต

 

“แบคคิดยังกับชานยอลหรอ”

 

“ก็...เป็นเพื่อนที่ดีละมั้งฮะ” จะบอกว่าที่มาไม่สมควรเรียกมันว่าเพื่อนนะ หอมแก้มเอย ลูบหน้าลูบหลังกอดอ้อนจับมือแล้วก็...เอิ่ม ม่ายยยยยอาววววว แบคอยากลืมมมม ฮือ ผมไม่น่าคิดเลย

 

“พี่ถามอะไรแทงใจดีรึเปล่า ขอโทษนะ”

 

“ไม่เป็นไรฮะ T^T” ตอนนี้สมองผมจะแตกอยู่แล้ว เมื่อไหร่ผมจะลืมมันได้นะ โอ๊ย! ไม่สิจริงๆผมลืมมันไปแล้วแต่ว่าเพราะคำถามเมื่อกี้ทำให้นึกขึ้นได้ ฮือ...เจ๊ากันนะพี่ลู่ที่ผมถามเรื่องอย่างว่า

 

ครืด....

 

“พี่ขอเวลาแปปนะ” พี่ลู่ลุกออกไปรับโทรศัพท์ ตอนนี้ในร้านคนเริ่มทยอนเข้ามากันเพราะเริ่มเลิกงานกันแล้วสินะ บรรยากาศตอนนี้จะบอกว่ามันดีมากๆเลยเพราะหยดน้ำหลายหยดเกาะอยู่เต็มกระจกใส ฝนเริ่มปอยลงมาทำให้อากาศในร้านเริ่มเย็น จริงสิ...ปานนี้ชานยอลกลับห้องรึยังนะ ถ้าตากฝนอยู่ก็แย่ละสิ แล้วถ้ายิ่งอยู่คนเดียวก็แย่หนักเลย แต่ทำไมผมถึงไม่กล้าที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหานะ เพราะอะไรกัน

 

ครืด...

 

นายไม่ต้องรู้ใจฉันตลอดเวลาก็ได้ชานยอล T^T อะไรจะใจตรงกันขนาดนี้ ผมกดรับแล้วพยายามพูดด้วยน้ำเสียงดีๆไม่ให้ไอ้หยอยจับได้ว่าตอนนี้ผมกำลังรู้สึกอึดอัดมากๆอยู่

 

(วันนี้นึกยังไงมากินข้าวคนเดียวเนี่ย)

 

“ฉันมากับพี่ลู่ แต่เดี๋ยว...ทำไมถึงคิดว่าฉันมากินข้าวคนเดียว”

 

(ก็ฉันไม่เห็นนายอยู่กับใครเลยนิ)

 

เห็นหรอ ? อย่าบอกนะว่า

 

“แล้วพี่ลู่ไปไหนแล้วละ” นั้นไง เสียงไม่ได้มาจากในโทรศัพท์ ผมหันซ้ายหันขวากับเจอร่างสูงยืนยิ้มให้อยู่ข้างๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินอ้อมไปนั่งฝั่งตรงข้ามผม

 

“มาไงละเนี่ย”

 

“ปั่นจักรยานออกมาซื้อของ แต่ฝนดันตกซะก่อน” ชานยอลหันไปสั่งของเล็กๆน้อยๆแล้วหันมาสนใจผมต่อ

 

“แล้วนายละ”

 

“เดินมาจากโรงเรียนกะพี่ลู่ พี่เขาชวนไปที่ห้องด้วย”

 

“งั้นหรอ ฝากบอกเฮียด้วยละกันว่าพ่อกับแม่คิดถึง” ผมพยักหน้าเบาๆ จริงด้วย สองคนนี้ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่นิเน๊อะ เหมือนกับดีโอเลยแถมพี่น้องยังแยกกันอยู่นี้ไม่เหงาหรอ เป็นผมนี้คงเหงาตายเลยวันๆต้องอยู่คนเดียว ไม่สิชานยอลยังมีไคอยู่เป็นเพื่อนถึงแม้จะอยู่คนละห้องแต่ยังไงก็คงเจอกันเช้ากลางวันเย็นอยู่แล้วส่วนพี่คริสชานยอลเคยเล่าว่าอยู่หอรวมกับพี่ลู่พี่ซิ่วหมิน แต่เป็นห้องแบบพิเศษที่มีสามห้องนอนพอดีจำนวนคน เนี่ยละน้า~ ลูกคนรวย ผมมองไอ้หยอยแล้วถอนหายใจออกมา ผมสีดำสนิทเปียกปอยลู่ลงมาตามกรอบหน้าเรียว นายจะหล่อทุกเวลาเลยใช่มั้ยชานยอล -////-

 

“อ้าวชานยอล มาไงละเนี่ย”

 

“มาซื้อของ ฮยองอ่ะ”

 

“เฮ้ยเหมือนกันเลยซื้อรึยังละ”

 

“ยังเลยเพิ่งมาถึงกลับไปเปลี่ยนเสื้อที่ห้องมา”

 

“หรอ งั้นไปด้วยกันเลยมั้ยละ” ทำไมเวลาสองคนนั้อยู่ด้วยกันผมรู้สึกอึดอัดแปลกๆนะ เหมือนเป็นส่วนเกินยังไงไม่รู้ จริงสิ ร้านนี้พี่ลู่กับชานยอลชอบมาด้วยกันบ่อยๆนิเน๊อะ แต่คราวนี้กลับมีตัวแถมอย่างผมมาด้วย ทำไมรู้สึกปวดหนึบที่อกซ้ายด้วยนะ ทำไมต้องรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกด้วยนะ แน่นหน้าอกไปหมดเลย ทำตัวไม่ถูกด้วย ผมว่าผมต้องเป็นฝ่ายแยกออกไปแล้วแหละ

 

“อ้อ...แย่ละ ลืมธุระของม๊าซะสนิทเลย พี่ลู่ ขอโทษนะฮะผมคงต้องกลับก่อนแล้ว” ผมโพล่งออกทำให้พี่ลู่ที่กำลังคุยอย่างสนุกสนามชะงักแล้วหันมาทำหน้าเสียดาย

 

“จะกลับแล้วหรอ งั้นให้พี่ไปส่งมั้ย”

 

“ไม่เป็นไรฮะ งั้นผมกลับแล้วนะหวัดดีฮะ”

 

“ครับๆ งั้นกลับดีๆนะ” แล้วผมก็พุ่งพรวดออกจากร้านทันที แต่ว่า...

 

“แบคฮยอน!” ชานยอล...นายตามออกมาทำไม ทำไมไม่อยู่กับพี่ลู่ ทิ้งพี่เขาไว้คนเดียวได้ยังไง นี้ผมอุส่าเป็นคนแยกออกมาเองนะทั้งทียังอยากนั่งอยู่ในนั้น เพราะเสียงของชานยอลที่เรียกผมไว้ทำให้ผมชะงักแล้วยืนตากฝนอยู่อย่างนั้น

 

“เดี๋ยวไปส่ง รอนี้เดี๋ยวไปเอาจักรยานแปป”

 

“ไม่ต้องหรอก...”

 

“?” ชานยอลทำท่าจะเดินไปที่จอดจักรยานแต่เหมือนกับได้ยินเสียงแผ่วเบาของผมเลยหยุดชะงักแล้วหันมามองผมงงๆ ผมกันไปกลับไปยิ้มให้แล้วเดินออกมาจากตรงนั้น เนียนดีจัง...ชอบจัง เวลาฝนตกแล้วน้ำตาไหล มันทำให้คนดูเราไม่ออกว่าเรากำลังอ่อนแอ มันปกปิดความรู้สึกทั้งหมดไว้ ขอบคุณฝนที่หยดลงมาปนเปกับน้ำตาทำให้ผมหันไปยิ้มให้ชานยอลได้โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะเห็นน้ำตาของผม ส่วนทำไมผมถึงร้องไห้น่ะหรอ...

 

ก็ไม่รู้เหมือนกัน...

 

รู้แค่ว่ามันรู้สึกแย่มากที่สองคนนั้นอยู่ด้วยกันสองคน ผมเดินตากฝนมาเรื่อยอย่างไร้จุดหมาย ผมไม่คิดจะกลับบ้านสภาพนี้แน่ๆอย่างน้อยก็ขอให้ได้ทำอะไรให้สบายใจขึ้นบางก็ยังดี แต่ผมไม่รบกวนเวลาของดีโอแน่นอน ตอนนี้คงกำลังมีความสุขกับการทำอาหารอยู่แน่ๆ แล้วผมจะไปที่ไหนดี...

 

“อ้าวพี่ มาเดินตากฝนทำไมเนี่ย” อยู่ๆก็มีเสียงทักจากด้านหลังและผมก็ไม่รู้สึกถึงเม็ดฝน พอหันกลับไปก็เจอน้องจื่อเทาปีหนึ่งยืนอยู่ข้างแบ่งพื้นที่ใต้ร่มใสให้ผม ผมยิ้มบางๆเป็นเชิงขอบคุณ น้องจื่อเทาไม่ลืมพกแพนด้าน้อยที่สะพายหลังมาด้วย คือขาดมันไม่ได้ว่างั้น - -^

 

“ให้ผมไปส่งมั้ย”

 

“พี่เองก็ไม่รู้จะไปไหนเหมือนกัน” แล้วก็ยิ้มออกมาพร้อมอาการเหนื่อยอ่อนจนน้องจื่อเทาทำหน้างง

 

“พี่ร้องไห้?”

 

“เพราะเหนื่อยนะ...เหนื่อยเพราะอะไรกันนะ” คราวนี้ผมก้มหน้าลงค่อยก้าวเดินต่อโดยไม่ลืมหันมาขอบคุณและบอกลาน้องจื่อเทาที่ยังยืนงงกับพฤติกรรมของผม คราวนี้ถ้าผมเจอพวกที่จ้องจะรุมกระทืบผมอีก คงไม่เจ็บมากแล้วแหละเพราะตอนนี้ที่รู้สึกทั้งจุกทั้งเจ็บคือหัวใจผมมากกว่า ทำไมนะกัน...ไม่เข้าใจจริงๆ

 

วันต่อมา...

 

“แบคฮยอน!” พออาจารย์ออกปุ๊บชานยอลก็ตรงมาหาผมทันที

 

“เมื่อวานตากฝนนานรึเปล่า เมื่อคืนกินยารึยังไงมีปวดหัวตัวร้อนบ้างมั้ย”

 

“เอ่อ...” คือต่อให้ผมมีสามปากก็ตอบไม่ทันหรอกครับ ผมนั่งงงอยู่สักพักก่อนจะพยักหน้าเบาโดนที่ลืมไปแล้วว่าคำถามคืออะไร

 

“ดีมาก งั้นวันนี้ให้ไปส่งมั้ยละ” บรรยากาศยังอึมครึมเหมือนเมื่อวานอย่าบอกนะว่าจะฝนตกอีกแล้วน่ะ ผมหันไปปลุกดีโอที่หลับปุ๋ยอยู่

 

“ว่าไงแบค?”

 

“ได้พกร่มมามั้ย”

 

“ไคพกมาน่ะ” ดีโอตอบด้วยน้ำเสียยานคางเพราะเพิ่งตื่น เจ้าตัวบิดขี้เกียจไปมาสองสามทีก่อนจะหันมาทำหน้าง่วงต่อใส่ผม ทำเอาสาวๆในห้องแอบกรี๊ดกันเบาๆ ไม่แปลกเลย เพราะเวลาดีโอง่วงดูน่ารักมาก ขนาดผมที่ไม่ค่อยชมใครยังบอกเลย ก็เพื่อนผมมันน่ารักจริงๆนิหว่า ^^

 

“ว่าไงแบค”

 

“ชานยอล!” อยู่ๆพี่ลู่ก็วิ่งพรวดเข้ามาในห้องตรงมาหาชานยอลทันที

 

“ทำไงดีอ้า T^T” พี่ลู่ทำหน้าโอดครวญสุดๆส่วนชานยอลคว้าตัวพี่ลู่ให้สงบสติอารมณ์ เหมือนที่ทำกับผมตอนนั้นเลย...

 

“ใจเย็นฮยอง ไหนว่ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้น”

 

“คริสสั่งห้ามไม่ให้เจอเซฮุนอีกเลย เพราะคราวนั้นคริสจับได้ พี่จะทำไงดีอ้า T^T” ชานยอลถอนหายใจอย่างหน่ายๆก่อนจะหันไปมองที่โต๊ะว่างข้างที่นั่งตัวเอง วันนี้เซฮุนไปทำธุระที่ต่างจังหวัดเลยไม่ได้มาโรงเรียน แล้วจับได้อะไรยังไงผมงงนะเนี่ยว่าสองคนนี้คุยอะไรกัน ชานยอลส่ายหน้าเบาๆแล้วหันมามองพี่ลู่ที่ทำหน้าเหมือนจะร้องเต็มที มันกำลังจะมา แบคสัมผัสได้ถึงลูลู่พิฆาตกำลังจะมา - -^

 

“จะลองคุยกับเฮียให้ แต่นี้มันครั้งที่เท่าไหร่แล้วเนี่ย”

 

“ขอโทษแต่...ก็มัน...คือ...”

 

“โอเคๆ ไม่อยากล่วงเกินความสุขส่วนตัวหรอก แต่อย่าให้มันเดือดร้อนคนอื่นนักสิ” พี่ลู่ยิ้มแห้งกับคำดุของชานยอลแล้วผมมานั่งเสนอหน้าทำอะไรตรงนี้เนี่ย กลับบ้านกลับช่องสิครับ!

 

ผมลุกพรวดออกมาเลยส่วนที่ดีโอเดี๋ยวไคก็คงจัดการเองแต่ยังไม่ทันออกจากห้องชานยอลก็เรียกผมไว้ก่อนแต่ผมแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินแล้วเดินออกมาทันที เอาอีกแล้ว เวลาสองคนนั้นอยู่ด้วยกันทำไมรู้สึกเจ็บอกซ้ายขึ้นมาตลอด ทำไมตอนแรกไม่เห็นเป็นเลย

 

“เจอกันอีกแล้วนะฮะ”

 

“อ้าวจื่อเทา” ผมหันไปยิ้มให้แล้วเดินเข้าไปหา

 

“เพิ่งเลิกเรียนหรอ”

 

“ฮะ แล้วพี่ละฮะ”

 

“เลิกสักพักละ นั่งคุยเพื่อนในห้องอยู่นะ งั้นพี่ขอตัวกลับบ้านก่อนนะ” ผมยิ้มปิดท้ายแล้วเดินออกมาทันที ว่าแต่น้องเขามาทำอะไรชั้นสอง ชั้นนี้มีแต่เด็กปีสองนะ ไม่สิ ที่นี้ไม่ใช่ตึกสำหรับเด็กปีหนึ่งมีแค่พี่สามที่อยู่ชั้นบนและปีสองที่อยู่ชั้นนี้ ช่างเถอะ...ผมจะไปสนใจเรื่องของคนอื่นทำไม...ในเมื่อเรื่องของตัวเองก็ยังไม่เข้าใจเลย

 

@บ้านบยอน

 

“งั้นม๊าไปนะ ฝันดีน้าแบคฮยอน”

 

“กลับบ้านดีๆนะฮะ” ผมมาส่งม๊าที่หน้าประตูหลังจากม๊าไปแล้วผมก็เดินเข้าห้องแล้วทิ้งตัวลงนอนทันที ทั้งๆที่วันนี้ไม่ได้ทำอะไรเลยทำไมรู้สึกเหนื่อยจัง

 

ครืด..............

 

“ฮัลโหล” ผมเด้งตัวขึ้นนั่งแล้วรับโทรศัพท์โดยที่ไมได้ดูว่าใครโทรมา

 

(วันนี้ตากฝนรึเปล่า ?) ชานยอล ? ไหนบอกจะไปคุยกับพี่คริสเรื่องพี่ลู่ไงแล้วทำไมถึงโทรหาผมซะได้

 

“ตากไม่นาน นายมีอะไร”

 

(ก็บอกแล้วไงว่าเป็นห่วง) ทำไมคำนี้ไม่ได้ทำให้ผมใจเต้นเหมือนเดิมนะ...เพราะหัวใจผมเหมือนถูกถ่วงไว้ให้มีการตอบสนองใดๆจากคำพูดของผู้ชายคนนี้ มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ

 

“แค่นี้ใช่มั้ย งั้นนอนละบาย”

 

(โกรธอะไรรึเปล่าเนี่ย) เสียงเหมือนคนกำลังอารมณ์เสียเอาทำผมสะดุ้งเล็กน้อย

 

“ไม่...” ทำไมผมต้องเงยหน้าขึ้นกลั้นน้ำตาด้วย ไม่มีใครเห็นซะหน่อยแทนที่หันมากลั้นไม่เสียงสั่นไปมากกว่านี้

 

(แบค...พูดมาเหอะว่าโกรธอะไร จะเก็บไว้คนเดียวทำไมตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ)

 

“ก็บอกว่าไม่ไง”

 

(ไม่อะไร แบคแปลกไปนะ...ทำไม...)

 

“ทำไมต้องสนใจด้วยเล่าในเมื่อนายมีพี่ลู่แล้ว!!” ผมตัดสายทิ้งทันที หมดแล้วความรู้สึกดีๆที่หมดแล้วไม่ใช่ผมหรอกแต่คงเป็นชานยอล ผมเดินหนี วิ่งหนี พยายามไม่สนใจแต่ทำไมถึงทำไม่ได้จนกระทั่งที่ผ่านตอนนี้รอบตัวชานยอลก็มีแต่พี่ลู่ส่วนพี่ลู่ก็มีแต่ชานยอล แล้วผมหายไปไหนละ...เพราะสองคนนั้นสนิทกันเกินไปรึผมถึงจะเป็นบ้าแบบนี้ แต่ทำไมละ ?

 

ครืด....

 

‘ชานยอล’

 

ผมมองโทรศัพท์ที่สั่นไม่หยุดอยู่อย่างนั้นทั้งน้ำตา ทำไมผมต้องร้องไห้ด้วย ผมไม่อยากคุยไม่อยากได้ยินเสียงไม่อยากเห็นรูปตอนที่ชานยอลโทรมาก ผมเกลียดความรู้สึกนี้เหลือเกิน

 

ครืด...

 

ผมหมดความอดทน กดรับแล้ววีนแตกทันที

 

“จะโทรมาทำนักหนา ฟังไม่รู้เรื่องรึไงว่าไม่ต้องมาสนใจ!!”

 

(บะ...แบคโกรธอะไรพี่หรอ)

 

พี่ลู่ !! ชิบละ

 

“อะ...เอ่อ...ขอโทษฮะผมไม่ทันดูกว่าใครโทรมา” ผมพยายามบังคับเสียงให้กลับมาปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ หวังว่าพี่ลู่คงไม่รู้หรอกนะ

 

(เป็นอะไรรึเปล่าแบค โกรธใครมาอ่ะ)

 

“ไม่มีอะไรหรอกฮะ”

 

(หรอ...วันนี้เห็นอยู่ๆแบคก็เดินออกมาเลย ทำไมกลับบ้านคนเดียวละทีหลังบอกพี่ก็ได้) นี้พี่ห่วงความรู้สึกผมด้วยหรอ...ทำไมรู้เหมือนผมกำลังกลายเป็นตัวอิจฉายังไงไม่รู้ ในขนาดที่ผมเกลียดภาพไอ้หยอยที่คอยอยู่ข้างพี่ลู่ตลอดแต่พี่ลู่กลับห่วงความรู้สึกของผม ทั้งเป็นกำลังใจและช่วยเหลือในหลายๆเรื่อง คอยยิ้มให้เสมอ...ละอายแก่ใจเหลือเกิน...

 

“ผมโอเคฮะ แค่ต้องรีบออกมาทำธุระเลยขอตัวกลับก่อน”

 

(หรอ...นี้ วันเสาร์นี้ไปเที่ยวกันมั้ย)

 

“ไม่ละฮะผม...”

 

(ไปน้า~) แม้ในโทรศัพท์ก็ทำลูลู่พิฆาตได้เหมือนกันรึ ฮึ้ย! ผมไม่น่าพลาดเลย T^T

 

“กะ...ได้ฮะ”

 

(โอเคงั้นเดี๋ยวโทรชวนยอลได้ด้วยละกัน งั้นฝันดีนะ บ๊าย~) ผมรู้สึกจุกขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินชื่อนี้ นี่พี่ลู่คิดจะซ้ำเติมอะไรผมอีกรึเปล่าเนี่ย ผมควรจะไปดีมั้ยนะ เฮ้อ...ไม่อยากไปเลยถ้าต้องเห็นภาพสองคนนั้นอยู่ใกล้ๆกัน ทำไมผมต้องรู้สึกอยากจะบ้าตายทุกทีนะ โทรไปปฏิเสธทีหลังก็ได้มั้ง อีกอย่างก่อนหน้านี้ผมก็หลุดพูดกับไอ้หยอยไปแล้วด้วยนิ เฮ้อ...แบคเครียดครับ - - วันต่อมา...

 

"อ้าวทำไมวันนี้มาสายละแบค” ดีโอทักทันทีเมื่อผมเดินมาถึงที่ของตัวเอง ผมต่างหากที่ต้องถามถ้าดีโอมาพร้อมไคแล้วมาเช้าเนี่ยสิเรื่องแปลก เพราะหมอนี้หลับได้หลับดีจริงๆ ขนาดคาบพละยังหนีไปนอนได้เลยนิ หรือโดนดีโอปลุกเข้าให้ สมน้ำหน้าอยากเอาคนตื่นเช้าไปนอนค้างด้วยเอง ส่วนไอ้หยอยก็นั่งอยู่โต๊ะมันตามปกติโดยไม่แม้แต่จะหันมาสนใจผมเลย...เจ็บ

 

ช่างมันสิ!!

 

ผมทำเป็นไม่แคร์แล้วนั่งท้ายคางหันหน้าหนีทันที

 

“นี้ๆ ทำไมวันนี้ทั้งสองคนดูแปลกๆอ่ะ”

 

“อะไรแปลก” ผมหันไปมองดีโออย่างงๆ แปลกตรงไหนแค่ไม่คุยกัน

 

“ก็เห็นปกติโชว์หวานเลยนิ ทำไมวันนี้ทักกันสักคำยังไม่มี”

 

“ใครจะไปหวานลง อย่าหมอนั้นจะทำอะไรก็เรื่องมันเถอะ” ผมหายใจฮึดฮัดเพราะรู้สึกอารมณ์เสียสุดๆ ให้ตายเถอะทำไมมองหน้าไอ้หยอยทีไรต้องรู้สึกอยากเข้าไปคุย อยากเข้าไปขอโทษที่พูดแรงไป ไม่ได้ๆๆๆ นายต้องรักษาฟอร์มไว้สิแบคฮยอนห้ามใจอ่อนเด็ดขาด ตอนนี้งอนโว้ย!!

 

“โกรธไรกันป่ะเนี่ย” ดีโอสะกิดแต่เพราะอารมณ์ผมมันแทบจะปะทุอยู่พอโดนจี้ใจดำทำให้ระเบิดออกมาเลย

 

“มันจะเป็นอะไรก็เรื่องของมันสิ!!”

 

.............................................

 

ทะ...ทำไมรู้สึกเหมือนถูกสายตานับสิบมองมาทางผมคนเดียวเลยง่ะ... ยกเว้นสายตาคนที่ไม่แม้แต่จะหันมาส่วนอีกสายตาอีกหนึ่งคู่กำลังมีน้ำใสคลอขึ้นมา

 

“บะ....แบค เราทำไรผิดอ่ะ” ดีโอก้มหน้าลงยกมือขึ้นกอดตัวเองที่สั่นงกๆ นี้ผมเผลอทำอะไรบ้าๆลงไปอีกแล้วใช่มั้ย เมื่อไหร่ผมจะเลิกทำคนอื่นเดือดร้อยและเสียใจสักที

 

“แบค!” ผมวิ่งพรวดออกมาทัน เมื่อไหร่จะหนีพ้นซะที ความรู้สึกที่ผมเกลียดสุดๆในตอนนี้ เลิกตามผมมาซะที ก่อนที่จะไม่เป็นตัวเองตัวเองมากไปกว่านี้

 

.............................

 

ผมวิ่งมาเรื่อยๆ ออกมานอกโรงเรียนแล้วด้วยซ้ำแล้วก็ไม่รู้จะไปที่ไหนดี วิ่งออกมาจนถึงริมฟุตใกล้ท่าเรือก็เริ่มหมดแรง ตอนนี้จุดที่ผมยืนสามารถเห็นทะเลยามเช้าได้อย่างกว้างขวาง...ทะเลงั้นหรอ ผมนึกอะไรบางอย่าออกก็เริ่มออกแรงวิ่งอีกครั้ง จุดหมายของผมคือโขดหิน พอผมมายืนบนอันที่คิดว่ากว้างพอจะยืนได้นานๆก็ตะโกนออกไปสุดเสียง

 

“ไอ้หยอยบ้าเอ้ยยยยยยยยยยยยยยยย!!!” ยิ่งตะโกน ทำไมน้ำตายิ่งไหลทะลักหนักกว่าเดิมอีกแล้ว แทนที่จะสบายใจขึ้น...ทำไมถึงยังไม่หายเลย ทำไมถึงรู้สึกวังเวง รู้สึกเหมือนที่ผ่านมาอยู่ตัวคนเดียวตลอด รู้สึกเหมือนตอนนี้กำลังถูกทิ้ง ไหนจะดีโอที่เอาแต่อยู่กับไค ชานยอลที่มีแต่พี่ลู่ แล้วผมละ!

 

“แล้วฉันล่าาาาาาาา!!!”

 

ซ่า...!

 

เหมือนทะเลจะได้ยินและสะท้อนอารมณ์ที่พุ่งพล่านของผมกลับมาเป็นคลื่นลูกใหญ่พอสมควรกระทบบนหินที่ผมยืนอยู่จนน้ำกระเซนโดนเสื้อนักเรียนเปียกไปหมด...ทำไมถึงซวยขนาดนี้ ทำไม...หลังจากวันนั้นชีวิตผมถึงไม่มีอะไรดีขึ้นเลย

 

“ทำไม...” ผมทำได้แต่ทรุดตัวลงนั่งกอดเข่าแล้วร้องไห้ออกมาทั่งอย่างนั้น โชคดีที่แถวนี้ไม่มีคนเลยร้องไห้ออกมาได้โดยที่ไม่ต้องอายใคร จากท้องฟ้าที่สดใสยามเช้าค่อยๆเปลี่ยนไปเรื่อยๆแดดเริ่มแรงขึ้นแสดงว่าเป็นเวลาเที่ยงแล้ว และค่อยๆถูกย้อมเป็นสีส้มแสดงว่าตอนนี้เริ่มเย็นแล้ว...ทุกคน จะเป็นห่วงผมบ้างมั้ย

 

“ไม่มีทางหรอก...” เพราะผมประกาศศึกสงครามประสาทกับไอ้หยอย ตะคอกใส่จนดีโอร้องไห้ซะขนาดนั้น ผมดูแย่มากเลยใช่มั้ย ผมไม่มีหน้าจะกลับไปหาทุกคนแล้ว

 

“นายนี้ก็บ้าบิ่นดีเหมือนกันนะ”

 

“แล้วพี่มายุ่งอะไรด้วยละ” ผมยังก้มหน้าก้มตาร้องไห้ เพราะน้ำเสียงเย็นช้าแบบนี้มีคนเดียวเท่านั้นแหละผมเลยไม่สนใจที่จะเสวนาด้วย แต่อยู่ๆก็รู้สึกเหมือนร่างสูงทรุดตัวลงนั่งๆข้างแล้วตบที่ไหล่ตัวเองเบาๆ

 

“ตรงนี้น่ะ...จะร้องไห้แล้วซบตรงนี้ก็ได้นะ” พี่คริสไม่พูดอะไรต่อก่อนจะหันหน้าไปทางทะเลกว้างแสงอาทิตย์สีส้มกระทบกับใบหน้าหล่อไร้ที่ติทำเอาผมเครื่องค้างไปชั่วขณะ สายตานี้ดูอบอุ่นมากจนผมถึงกับตะลึ่งว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับผู้ชายเย็นชาคนนี้ จากที่ปกติดูเย้อหยิ่งแต่กลับมานั่งให้ผมซบไหล่ร้องไห้ง่ายๆ เอาเถอะ เห็นแก่ความหวังดีผมเลยซบที่ไหล่กว้างแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา

 

“ออกมาตั้งแต่เช้าเลยละสิ”

 

“ฮะ...” ผมตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า

 

“งั้นหรอ...เหนื่อยมากมั้ยละ” พี่คริสเปลี่ยนเป็นโอบผมไว้ก่อนจะเลื่อนมือขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ

 

“ตอนนี้ที่โรงเรียนเขาเลิกเรียนกันแล้ว กระเป๋าของนายอยู่บนรถฉันจะกลับไปเลยมั้ย” พี่คริสยังลูบหัวผมอยู่อย่างนั้น ผมมองกลับไปที่ฟุตบาทตอนนี้มีรถจอดอยู่

 

“ผมควรจะกลับไปที่ไหนดี” ผมงุดหน้าลงอีกครั้ง

 

“งั้นกลับไปนั่งที่โรงเรียนสบายใจก่อนมั้ยละ ตอนนี้ไม่มีใครอยู่แล้ว” ผมพยักหน้าเบาๆแล้วลุกขึ้นตามพี่คริสแต่อยู่ๆเหมือนพี่คริสจะเห็นว่าตัวผมเปียเลยถอดสูทมาคลุมตัวผมไว้ ทำไมผู้ชายคนนี้ดูอบอุ่นกว่าที่ผมคิดนะ กว่าภายนอกที่ดูเหมือนเจ้าชายที่เย้อหยิ่งแต่จริงๆแล้วดูอ่อนโยน อยู่ๆภาพคนๆนึงก็ซ้อนทับกับภาพี่คริส จริงด้วยก่อนผมจะวิ่งออกมาสายตาชานยอลดูเยือกเย็น เหมือนน้ำแข็งแหลมทิ่มแทงหัวใจผมเต็มๆผิดกับรอยยิ้มก่อนหน้าที่ใครๆก็บอกว่าเขาคือผู้ชายอารมณ์ดี ดูอบอุ่นน่าคบหา ผมก็เคยคิดอย่างนั้นแต่พอมาเจอแบบนี้ความคิดผมกลับเปลี่ยนไปเลย ทำไมพี่น้องสองคนนี้ถึงตามปั่นหัวผมตลอดนะ หัวใจผมปั่นป่วนไปหมดแล้วนะ

 

“เป็นอะไรไปแบคฮยอน มาสิ...” พี่คริสยื่นมาตรงหน้า ถ้าผมจับมือนี้ไว้ผมไม่ต้องกลัวว่าจะทำเขาเสียใจใช่มั้ยเพราะผมเชื่อว่าเขาคงรับเรื่องแย่ๆที่ผมทำได้แน่นอน พอขึ้นมาบนรถที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆชวนให้เคลิ้มผมก็หลับตลอดทางเลย พี่คริสปลุกอีกทีก็ตอนถึงโรงเรียนแล้ว

 

“ยังง่วงอยู่มั้ยจะได้เปิดแอร์บนรถให้” ผมส่ายหน้าแล้วก้าวลงจากรถทันที ตอนนี้โรงเรียนเงียบมากๆ ผมควรจะไปอยู่ส่วนไหนของโรงเรียนดีนะ ตรงสนามนั้นก็ทำให้นึกถึงพี่ ห้องซ้อมดนตรีก็นึกถึงดีโอ แล้วที่ห้องเรียนก็นึกชานยอลอีก...ผมควรไปอยู่ที่ไหนดี

 

“ฉันรออยู่รถนะ สบายใจแล้วเดินกลับมาละกัน” ผมหันไปโค้งขอบคุณแล้วเดินออกมาทันที เลาะไปเรื่อยมาจนถึงอ่างล้างหน้าที่พี่ลู่ชอบมาพักบ่อยๆ...และตอนนี้พี่ลู่ก็ยืนอยู่ตรงนี้ แต่ว่าสายตานั้นเปลี่ยนไป พี่ลู่ขมวดคิ้วมองผมเหมือนพยายามจะถามอะไรบางอย่าแต่กลับเงียบแล้วเดินกลับไปที่สนามทันที...คงรู้เรื่องแล้วสิ

 

“ง่าๆๆๆ ไม่ทันแล้ว ไหงนายต้องรับงานหนักมาทำตอนเย็นด้วยเนี่ย”

 

“โทษทีๆเผลอหลับในห้องซะได้ ขอบคุณนะที่มาช่วย” เสียงจากทางเดินทำให้ผมรีบหันไปพอดีกับจังหวะที่ดีโอกับไควิ่งถือกองเอกสารผ่านหน้าผมไป ไคชะลอความเมื่อเห็นผมแต่ดีโอกลับวิ่งผ่านไปเลย...ไหนนายบอกว่าจะไม่เปลี่ยนไปไงดีโอ...

 

พอแล้ว...ตอนนี้ผมเจอพี่ลู่ ดีโอแล้ว คนต่อไปคงไม่พ้น...

 

!!

 

ชานยอล...

 

ร่างสูงเดินถือกองเอกสารขนาดใหญ่ด้วยท่าทีสบายๆผิดกับดีโอที่จะล้มแหล่ไม่ล้มแหล

 

“ชะ...ชาน....!!” ร่างสูงเดินผ่านผมเหมือนเป็นแค่อากาศ...ทำไมนายถึงเปลี่ยนเป็นคนเย็นชาได้ขนาดนี้ แล้วทำไมหัวใจผมถึงเจ็บได้ขนาดนี้ ผมไม่ไหวแล้ว...รู้สึกไม่มีแรงแม้แต่จะยืนทำให้ทรุดลงไปทั้งอย่างนั้นเลย

 

“นึกว่าจะดีขึ้นซะอีก”

 

“พี่ไม่น่าพาผมกลับมาเลย...” พี่คริสถอนหายใจแล้วก้มลงช้อนร่างผมขึ้น พามาที่รถแล้วปล่อยให้ผมร้องไห้อยู่เงียบๆอย่างนั้น ผมไม่เคยเสียน้ำตามากขนาดนี้มากก่อน เพราะดีโอไม่เคยลืมไม่เคยห่างผม เพราะไม่เคยมีใครทำให้ผมรู้สึกรักและชื่นชมได้มากเท่าพี่ลู่และไม่มีใครทำให้ผมเต้นใจทุกครั้งที่นึกถึงเหมือนชานยอล...เพียงเพราะคำพูดพร้อยๆของผมทำให้ทุกอย่างที่พยายามรักษาและประคับประคองอย่างดีพังไปต่อหน้าต่อตา พี่คริสจอดรถที่หอพักแห่งนึงแล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูก่อนจะก้มลงช้อนตัวผมขึ้น พอมาถึงหน้าห้องพี่คริสเปิดประตูด้วยคีย์การ์ดแล้วตรงมายังห้องนอนทันที ผมไม่รู้ว่านี้เป็นห้องนอนใครนะแต่ทำไมพี่เขาถึงดูรนๆตั้งแต่ตอนอุ้มผมขึ้นรถที่โรงเรียนแล้ว

 

“นายรู้สึกปวดหัวบ้างมั้ย”

 

“กะ...ก็มีบ้างฮะ”

 

“ตัวนายร้อนมากเลยนะ” จริง ? เพราะสองวันที่ผ่านมาผมตากฝนตลอดแถมวันนี้ยังนั่งตากลมทั้งๆที่ตัวเปียกน้ำทะเลด้วย ไม่แปลกใจได้ถ้าจะเป็นไข้ พี่คริสช่วยผมถอดสูทแล้วส่งใส่ยืดสีขาวให้

 

“เดี๋ยวออกไปเอาผ้ามาเช็ดตัวมาให้ ถอดเสื้อซะ” ทำไมผมต้องทำตามคำสั่งไอ้รุ่นพี่ที่ผมเคยเกลียดนักเกลียดหนาด้วยนะ พี่คริสเดินเข้ามาในจังหวะเดียวกับที่ผมถอดเสื้อเสร็จพอดี แค่เสื้อนะ มือหนาใช้ผ้าซับไปตามใบหน้าแล้วไล่ลงมาตามตัว ระยะทำให้เห็นนัยน์ตาคู่สวยนี้ง่ายมาก นัยน์ตาสีดำสนิทจนไม่เห็นรูปม่านตามีประกรายระยิบระยับคล้ายพี่ลู่ แต่พี่ลู่สวยกว่านะ

 

“ทำไรอ่ะเฮีย”

 

“ออ...เจอรุ่นน้องที่โรงเรียนทรุดไข้เลยพามาพัก”

 

“หรอ” สายตาเย็นเหยียบเหมือนมีคมลากจากพี่ชายมามองที่ผมแล้วลากลงมามองที่มือพี่คริสที่ซับตรงต้นคอผมอยู่ จริงด้วย! ตอนนี้ผมไมได้ใส่เสื้อ!! ผมรีบยกมือขึ้นกอดตัวองเพื่อปกปิด ถามว่าผู้ชายด้วยกันอายทำไม...นั้นดิ ทำไมผมต้องอายไอ้หยอยด้วยวะ!!

 

“ไม่เชื่อกันรึไง” พี่คริสพูดขำๆ แต่ผมไม่ขำนะพี่!!

 

“สมควรเชื่อมั้ย”

 

“ก็แล้วแต่...แล้วมีอะไร”

 

“เปล่า คิดถึงพี่ชาย มาไม่ได้รึไง” คิดถึงอะไรวันนี้ว้าาา (ไรท์:แบคๆประโยคมันแปลกๆนะเหมือนนายกับพี่คริสจะ...) ผมรีบคว้าเสื้อยืดบนทีนอนมาใส่ทันที ไม่ต้องชงต้องเช็ดมันแล้ว พี่คริสมองผมสลับกับชานยอลแล้วยิ้มออกมา

 

“เดี๋ยวออกซื้อยาแปป ลู่ไม่อยู่เล่นไปเหอะคอมอ่ะ” จริงด้วย ลืมไปเลยว่าพี่คริสอยู่กับพี่ลู่แล้วก็พี่ซิ่วหมิน แล้วถ้าพี่ลู่กลับตอนที่ชานยอลอยู่...โอย นึกแล้วเจ็บจี๊ดขึ้นสมองเลย เฮียอย่าทิ้งผมเด้ T^T/

 

ปัง

 

นั้น! เสียงปิดประตูมันชัดมาก คือพี่แกปิดแค่ประตูเข้าห้องนั่งเล่นแต่ประตูห้องนอนกลับเปิดไว้ สายตาเย็นเหยียบเหมือน้ำแข็งมองผมสักพักก่อนจะเดินไปหาหนังสือมานั่งอ่านเล่นที่โซฟา ผมควรทำยังไงดี... เอาเถอะตอนนี้จะหน้าแตกก็แค่กับไอ้หยอยเท่านั้นแหละ ไม่มีใครเห็นซะหน่อย ผมเดินไปท้ายโซฟาแล้วสะกิดไอ้หยอยจากข้างแต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง

 

“กะแล้ว...” ผมพูดออกมาอย่างที่คิด แอบเห็นนะว่าคิ้วเข้มนั้นขมวดเข้าหากันแล้วทำเนียนเหมือนมองไม่ค่อยเห็นตัวหนังสือ เรื่องเนียนนายไม่ทันฉันหรอกชานยอล - -+

 

“เฮ้อ...ยังไงนายก็คงไม่หายโกรธฉันแน่ๆ ใช่มั้ย!” ผมโดดไปนั่งข้างแล้วแล้วชี้นิ้วใส่แบบหยอกๆ แต่เจ้านอกจากจะไม่ตอบโต้อะไรแล้วยังพยายามเขยิบหนีด้วย... ผมลดมือลงด้วยท่าทางหง๋อยสุดๆ ก่อนจะทำท่าเหมือนจับกีตาร์แล้วดีดเล่นตามที่ไอ้หยอยเคยสอนเป๊ะ แล้วมันก็เรียกความสนใจได้ดีเพราะสายตานิ่งๆนั้นแวะมามองผมแวบนึงแล้วหันไปสนใจหนังสือต่อ อย่าหยิ่งนักเลย ลำบากใจนะเนี่ยทำน่ะ เอาตามตรงไม่เคยง้อใครมาก่อนเลย

 

“so lucky my love~” ผมร้องท่อนนึงในเพลง lucky ที่เคยร้องให้ไอ้หยอยฟังตอนอยู่โรงพยาบาล นั้น! มันแอบยิ้มด้วย ใกล้สำเร็จแล้วเว้ย > <

 

“บ้ารึเปล่า”

 

“....” ที่ยิ้มน่ะ...กำลังสมเพสกันหรอกหรอ ? ผมเดินกลับมานั่งบนทีนอนอย่างเงียบ ยิ่งเห็นแผ่นหลังนั้นไม่มีวี่แววจะหันกลับมายิ้มให้เหมือนเดิม

 

“ขอโทษ...” ผมพูดแค่นั้นแล้วนั่งหันหลังกอดเข่าปล่อยให้น้ำตาไหลอยู่อย่างนั้นเงียบจนหนังตาอึ้งเลยขอล้มตัวลงนอนก่อน ทั้งปวดหัวแล้วก็เหนื่อยด้วย... หวังว่าตื่นมาแล้วเรื่องพวกนี้จะเป็นแค่ความฝันนะ...

__________________________________________________________

โอ๋เอ๋ลูกแบค ถาซบพี่คริสยังไม่หายซบม่าอีกคนก็ได้น้าาา T^T

ช่วงนี้อัปช้าไว้อาลัยกับเหตุการณ์เรือเซวอลล่มที่เกาหลีใต้ค่ะ T^T ขอพระเจ้าคุ้มครองให้ทุกตนปลอดภัยกันนะค่ะ//อินกว่าฟิคชานแบคแบบ 3D

-THx.-

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา