▲Lost in love เพลิงแค้นสิเน่หา▲

-

เขียนโดย ไอริ

วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 20.55 น.

  2 Epodie ▲
  0 วิจารณ์
  6,104 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2557 11.07 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

2) The best way

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Lost in love 01

The best way

ทางออกที่ดีที่สุด

 

 

 

“พ่อคะ วันนี้มีหมายศาลมาที่บ้านเรา...มันเกิดอะไรขึ้นคะ” คำถามที่ออกมาจากปากของบุตรสาวคนโต ตามมาด้วยสายตาคาดคั้นจากบุตรสาวคนเล็ก ทำให้ยงจุนหลบตาด้วยความอึดอัด

            “มันไม่อะไรหรอกลูก ยุนอา นาอึน ตำรวจเค้ามาค้นผิดบ้านน่ะ” เพื่อความสบายใจของทุกคน ชายวัยกลางคนจึงเลือกที่จะโกหกออกไป

            “จริงเหรอคะพ่อ” นาอึนถามบิดาเสียงเรียบ ทั้งๆ ที่เธอรู้ความจริงอยู่เต็มอก

            “จริงสิ พ่อจะโกหกหนูทำไมล่ะลูก มาๆ ทานข้าวกันดีกว่า เลยเวลาอาหารเย็นนานแล้ว” ซนยงจุนแสร้งปรับท่าทีกระตือรือร้น หยิบโถข้าวจากคนรับใช้ก่อนจะชะงักไปเมื่อได้ยินประโยคหนึ่ง

            “พวกหนูรู้ความจริงหมดแล้วค่ะพ่อ” ยุนอาเอ่ย สบตาบิดาด้วยความผิดหวัง “ในหมายศาลเค้าบอกมาว่า...ถูกจับ ข้อหา...ยักยอกเงินของบริษัท มูลค่านับสองร้อยล้านวอน”

            สองมือเหี่ยวย่นทิ้งลงข้างตัวด้วยความอ่อนแรง นาอึนมองบิดาทั้งน้ำตา...เป็นน้ำตาแห่งความผิดหวัง หาใช่ความรังเกียจไม่

            “ทำไมพ่อไม่บอกพวกหนูคะ ทำไมต้องเอาเงินของบริษัทมาจ่ายค่าบ่อนที่พ่อติดค้างอยู่ ทำไมไม่บอกพวกหนูดีๆ”

            ซนดงยงจุนเบือนหน้าหนีเพื่อซ่อนน้ำตาที่รินไหลลงมาด้วยความละอายใจ มันเป็นความผิดของเขาเอง ที่ถูกผีพนันเข้าสิงจนหน้ามืดตามัว...

            เรื่องราวทั้งหมดถูกถ่ายทอดออกมาจากปากของเจ้าตัวโดยไม่ปิดบัง แม้แต่เรื่องที่ประธานลียื่นข้อเสนอมานั้นเขาก็ได้บอกไปจนหมดสิ้น ยุนอาและนาอึนรับฟังโดยไม่ออกความเห็น...มีเพียงแววตาเท่านั้นที่มีแต่ความผิดหวังยามมองเขา

            “พ่อขอโทษ”

            หนุ่มใหญ่คิดชะล่าใจ ขอเวลาจากอดีตเจ้านายของเขาในการไตร่ตรองอีกสักพัก จนเวลาล่วงเลยมาถึงสามวันดังที่คริสและแทมินยื่นข้อเสนอไว้...

            “พ่อคิดจะให้พวกหนูแต่งงานเพื่อเลิกกับหนี้อย่างนั้นเหรอคะ” เสียงหวานติดสั่นเครือของนาอึนถามบิดา ใบหน้าน่ารักแทบจะร้องไห้ออกมาเสียให้ได้

            “พ่อ...ไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ” ยงจุนก้มหน้านิ่งด้วยความละอายใจ มาถึงตอนนี้คำว่าศักดิ์ศรีแทบจะไม่มีเหลืออยู่ให้ภูมิใจแล้ว

            “แล้วถ้าทางลูกชายของประธานลีรู้...พวกเค้าจะมองพวกหนูเป็นตัวอะไรคะ ตัวแลกเงินอย่างนั้นเหรอ?” ยุนอาถามเสียงเบา ในใจหวิวโหวงไปหมด

            “เราไม่มีทางเลือกแล้วลูก...ไม่อย่างนั้นบ้านเราก็ต้องถูกยึด ลำพังตัวพ่อติดคุกน่ะไม่เท่าไหร่ แต่เค้ายังจะเอาเรื่องกับพวกหนูอีก เรายังจะมีทางออกที่ดีกว่านี้อีกเหรอลูก”

            นาอึนและยุนอานิ่งไป จนตรอกกับเหตุผลของบิดาหลังจากที่ใคร่ครวญอย่างถ้วนถี่แล้ว ก็คงไม่มีทางไหนที่จะหาเงินเกือบๆ สองร้ายล้านวอนมาคืนอีกฝ่ายได้ภายในวันนี้แน่ๆ นอกจากการแต่งงานตามข้อเสนอของประธานลีเท่านั้น

            “หนูหาทางออกได้แล้วค่ะพ่อ” ยุนอาตัดสินใจเอ่ยขึ้นเมื่อปรึกษากับน้องสาวแล้ว ทางนี้คงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

            “หมายความว่ายังไง...ยุนอา”

            “หนูกับพี่ ยอมรับข้อเสนอของประธานลีค่ะพ่อ” นาอึนตอบแทนพี่สาว ยงจุนเบิกตากว้างก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ

            “เพราะพ่อ...เพราะพ่อมันไม่ดีเองลูก ที่ทำให้พวกหนูต้องตกอยู่ในสภาพนี้” หนุ่มใหญ่เอ่ยเสียงสั่น กอดบุตรสาวทั้งสองคนไว้ในอ้อมกอดความสะเทือนใจ

            “พ่ออย่าพูดแบบนี้สิคะ...เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะคะพ่อ” น้องเล็กของบ้านน้ำตาไหลอาบแก้มเมื่อได้ยินประโยคนั้น

            “ไม่ว่ายังไง หนูกับนาอึนก็ไม่ยอมให้พ่อต้องไปลำบากแน่ๆ” ยุนอาสำทับพลางเช็ดน้ำตาที่เปื้อนแก้มของนาอึนเบาๆ ทั้งสามคนกอดกันแน่น ร้องไห้ออกมาด้วยความท้อแท้กับปัญหาชีวิตที่พัดพาเข้ามาไม่หยุดไม่หย่อน

            และทั้งคู่ไม่อาจรู้เลย...ว่าโชคชะตาจะกำหนดให้พวกเธอต้องไปร่วมชีวิตกับเขาเพลิงอัคคีที่แสนโหดร้าย...สองหนุ่มที่จิตใจเต็มไปด้วยความแค้นจากการกระทำของบิดาเธอในอดีต

     

 

 

            “พี่คะ เราต้องไปจริงๆ เหรอ”

            ร่างบางในชุดเดรสสีดำยาวถึงหัวเข่า ใบหน้าน่ารักที่ปกปิดความหมองเศร้าโดยการใช้เครื่องสำอางกลบ แต่ทว่าดวงตาที่เคยเปล่งประกายกลับหมองลงจนเห็นได้ชัด

            ภัตตาคารขนาดใหญ่ในกลางเมืองที่แสนหรูหราคือที่นัดหมายในการดูตัว ยุนอาก้าวลงจากรถด้วยท่าทางสง่างามสมกับการเป็นนางแบบให้กับโมเดลลิ่ง

            แม้จะไม่มีชื่อเสียงมากนัก เนื่องจากงานถ่ายแบบนั้นเป็นเพียงงานอดิเรก แต่เธอก็นิยมชมชอบมันอยู่พอตัว เมื่อบิดาปรารถนาให้หางานที่มั่นคงกับชีวิตมากกว่าเดิม การเข้าทำงานในร้านเสื้อชื่อดังแห่งหนึ่งจึงเป็นสิ่งที่เธอเลือก

            “เราถอยหลังไม่ได้แล้วนาอึน”

            คนเป็นพี่บีบไหล่บางที่ลู่เล็กน้อยด้วยความเสียใจไม่แพ้กัน แม้ผ่านโลกมาไม่นาน...แต่การเป็นพี่ที่ต้องเลี้ยงน้องซึ่งเป็นเด็กหญิงเพียงคนเดียวทำให้ยุนอาเข้มแข็งกว่า

            “มันเป็นกรรมน่ะ”

            “แล้วเมื่อไหร่เราจะพ้นจากกรรมนี้เสียทีคะ”

            คงไม่ใช่เรื่องยินดีที่ต้องใช้ชีวิตกับคนที่แม้แต่ไม่เคยรู้จักกัน แต่เพื่อบิดาอันเป็นที่รัก นาอึนก็ยอมกลืนความทรมานในใจเพื่อท่าน

            “คงแล้วแต่ฟ้ากำหนด...เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น”

            ยุนอาตอบพลางถอนหายใจด้วยความกังวล รู้ดีว่าประธานลีนั้นเป็นคนดี ดีต่อเธอและครอบครัวมากมายจนชีวิตนี้อาจชดใช้ได้ไม่หมด แล้วลูกชายของเขาล่ะ...จะยินดีต้อนรับเธอและน้องหรือเปล่า?

            สองสาวก้าวเข้ามาภายในภัตตาคารด้วยความไม่มั่นใจ ขาเรียวที่ทรงตัวอยู่บนรองเท้าส้นสูงกลับเซเสียดื้อๆ เมื่อบริกรชายที่นำทางมาหยุดอยู่หน้าประตูบานใหญ่

“ท่านประธานจองห้องวีไอพีไว้ครับ” เด็กหนุ่มบอกก่อนจะขอตัวออกไป

            ปกติยุนอาและนาอึนไม่เคยคิดที่จะย่างกรายเข้ามาในภัตตาคารแห่งนี้เลย แค่ดูการตกแต่งภายนอกก็รู้แล้วว่าหรูหราและแพงเอาการ แต่ที่ต้องมา...เพราะมีเหตุจำเป็นอย่างมาก

            เนื่องจากข้อเสนอของประธานลี ทำให้พวกเธอต้องตกลงโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ซนยงจุนถูกส่งไปทำงานกับบริษัทแม่ที่อเมริกาตั้งแต่เมื่อวาน และวันนี้เป็นวันที่เธอต้องมาดูตัวตามคำขอร้องของเขา

            หัวใจของสองสาวเต้นด้วยความหวาดหวั่น นาอึนกัดริมฝีปากจนเกือบห้อเลือด มือที่กุมพี่สาวไว้เย็นเฉียบ ยุนอานิ่งกว่าแต่ทว่าฝ่ามืออีกข้างกลับชื้นไปด้วยเหงื่อ

            “จะให้ผมเข้าไปส่งไหมครับ” บอดี้การ์ดหนุ่มตัวโตถามเสียงเข้ม นาอึนสะดุ้งด้วยความตกใจ แต่เพราะมีมือของพี่สาวที่กุมไว้ตลอดเวลาทำให้คลายความตกใจไปเล็กน้อย

            ยุนอามองน้องสาวที่ดวงตาฉายความกังวลปนกลัวก็ส่ายหน้าด้วยความระอา ก็รู้อยู่ว่ายัยตัวเล็กเป็นคนขี้กลัวขนาดไหน จะไม่ให้เธอปกป้องได้ยังไงกัน ถึงแม้ไม่ใช่น้องแท้ๆ แต่ก็รักราวกับพี่น้องที่คลานตามกันมา

            “ขอบคุณค่ะ แต่ฉันกับน้องเข้าไปเองจะดีกว่า”

            อิม ยุนอา สาวเกาหลีแท้ๆ ที่บิดามารดาเสียชีวิตไปตั้งแต่เล็กๆ ถูกอุปการะจากครอบครัวซนเนื่องจากเป็นเพื่อนเก่าแก่กับครอบครัวของเธอ ถึงแม้จะไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่อึนวอนและยงจุนก็ให้ความรักและเลี้ยงดูเธออย่างดีไม่ต่างจากนาอึนเลยแม้แต่น้อย

            ซน นาอึน ลูกสาวเพียงคนเดียวของครอบครัวซน หญิงสาวผู้เรียบร้อยและอ่อนหวาน ในชีวิตที่แสนงดงามของเธอมีเพียงแค่พี่สาวและบิดาเพียงเท่านั้น

             “แน่ใจนะครับ” แม้จะหน้าโหดไปหน่อยแต่ความมีน้ำใจก็นับว่าดี

             “แน่ใจค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”

             ยุนอาตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล บีบมือของน้องสาวแน่นเพื่อรวบรวมกำลังใจ

             บอดี้การ์ดหนุ่มพยักหน้าก่อนจะเปิดประตูให้ ภายในห้องอาหารระดับวีไอพีซึ่งเป็นโซนส่วนตัว มีร่างของชายวัยกลางคนนั่งที่แม้มองไม่ชัดแต่ก็มีความน่าเกรงขามปรากฏและชายหนุ่มในชุดสูทอีกสองคนที่นั่งต่อจากบิดาคนละฝั่ง

             นัยน์ตาของยุนอาหวั่นไหวไปเล็กน้อย...เมื่อเจอสองหนุ่มที่พบเมื่อสองปีก่อน คราวที่เธอและน้องสาวไปเคารพศพมารดา

            ร่างสูงในชุดสูทผมสีบลอนด์ทองหันมามองหญิงสาวที่ได้เจอกันเมื่อสองปีก่อน ใบหน้าหล่อเหลาราวกับพระเจ้าจงใจปั้นแต่งเหยียดยิ้มออกมาด้วยความสมเพช

            การที่เติบโตมาในครอบครัวที่อบอุ่น พี่และพ่อให้ความรักแก่เธอมาตลอดทำให้นาอึนอดไม่ได้ที่ต้องน้ำตาซึมออกมาเมื่อถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยาม ยุนอากลืนน้ำลายลงคอฝืนๆ ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน

          เพราะไม่คิด...ว่าพวกเขาจะตั้งแง่รังเกียจแก่เธอและน้องทั้งๆ ที่เพิ่งได้รู้จักกันวันนี้

            ลีแทซูมองสองสาวที่มาใหม่ด้วยรอยยิ้มดีใจแสร้งเบือนสายตาจากลูกชายทั้งสอง ร่างสันทัดที่ยังแข็งแรงลุกขึ้นต้อนรับด้วยอาการกระฉับกระเฉง

            “มากันแล้วเหรอ นั่งก่อนสิ” ประธานใหญ่มองสองสาวด้วยความชอบใจ คิดไม่ผิดจริงๆ ที่เลือกลูกสาวของลูกน้องคนสนิทมาเป็นสะใภ้

            คนหนึ่งก็สวยทะนุถนอม...อีกคนก็น่ารักอ่อนหวาน

            “สวัสดีค่ะคุณลี ยินดีที่ได้พบกันนะคะ” ยุนอาโค้งด้วยความสุภาพ

            “ไม่ต้องเป็นทางการแบบนั้นก็ได้ มาทานอาหารด้วยกันก่อน ทานไปคุยกันไป จะได้ไม่เครียด” ชายวัยกลางคนคลี่ยิ้มอ่อนโยน เดินนำมายังโต๊ะทานอาหารที่อยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง

            สายตาของหนุ่มวัยไล่เลี่ยกันทั้งสองคนมองเธอและน้องอย่างไม่เป็นมิตร ยุนอาและนาอึนอดเกร็งไม่ได้กับความไม่ชอบใจที่เขาแสดงออกมาอย่างเปิดเผย

            อี้ฟานหรือคริส ลูกชายคนโตของ ลี แชริม และเจ้าสัวอู๋ เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของแผ่นดินมังกร ชายหนุ่มสูญเสียบิดาตั้งแต่ยังเล็กๆ และในเวลาสองปีต่อมามารดาก็แต่งงานใหม่

            ลี แทซู บิดาเลี้ยง สามีคนที่สองของแชริมเลี้ยงดูชายหนุ่มราวกับลูกแท้ๆ ให้ความรักแก่คริสและแทมินอย่างเท่าเทียมกัน คอยอบรมเลี้ยงดูให้ลูกๆ นั้นรักใคร่และกลมเกลียวกันเป็นอย่างดี สองพี่น้องจึงผูกพันกันมาก

            ลี แทมิน ลูกชายของประธานลี มุทะลุดื้อดึงไปบ้าง แต่ก็รักและเคารพพี่ชาย ถึงเขาจะไม่ได้สูญเสียพ่อของตน แต่แม่ที่เสียไปนั้น...ก็ไม่สามารถหาสิ่งไหนทดแทนได้เช่นกัน!

            “ตามสบายนะ มื้อนี้ฉันเลี้ยง”

            “ขอบคุณค่ะ แต่ดิฉันขอไม่รบกวนจะดีกว่า” ยุนอาเอ่ยด้วยความเกรงใจ บุคลิกที่อ่อนน้อมและมีสัมมาคารวะนั้นทำให้ชายวัยกลางอดยิ้มออกไม่ได้

            “ดูท่าทางเธอคงจะรีบมาก” ประธานลีตั้งข้อสังเกต

            “ดิฉันกลัวจะรบกวนเวลาของคุณแทซูค่ะ เรื่องที่มานั้นคุณช่วยครอบครัวของดิฉันมากเหลือเกิน”

            หญิงสาวเอ่ยเสียงนุ่มนวล นัยน์ตาสีน้ำตาลของคนตรงข้ามที่จ้องเธอตลอดเวลาทำให้สูญเสียความมั่นใจไปชั่วขณะ

            “ไม่หรอก...อะไรที่พอช่วยได้ฉันก็จะช่วย”

            “ขอบคุณอีกครั้งค่ะ”

            ยุนอากล่าวพลางคิดในใจว่าประธานลีไม่ธรรมดา เพียงแค่พบหน้ากันก็สามารถทำให้เธอเอ่ยขอบคุณได้ถึงสองครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน

            นับว่าเขามีจิตวิทยาในการเป็นนักธุรกิจสูงมาก...

            “คริส แทมิน แกจะไม่พูดอะไรกับน้องเลยเหรอ”

            ลีแทซูกวาดสายตามองลูกชายทั้งสองที่นิ่งเงียบ คริสนั้นโตเป็นผู้ใหญ่กว่าลูกชายคนสุดท้อง วุฒิภาวะและการควบคุมอารมณ์จึงสูงกว่า และทำให้ชายหนุ่มเก็บความไม่พอใจบนใบหน้าได้ดีกว่า

            “น้องผมมีคนเดียวคือแทมิน”

            “ผมมีพี่คนเดียว...ไม่มีน้อง”

            “พวกแกนี่มัน...” คนเป็นพ่อส่ายหน้าความระอาใจ สรรหาคำพูดที่จะเอ่ยไม่ออก

            “เข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะคุณแทซู จะได้ไม่ต้องอึดอัดทั้งสองฝ่าย” ยุนอารีบเอ่ยแทรกขึ้นเมื่อเห็นว่าเรื่องราวกำลังจะบานปลาย

             นาอึนก้มหน้านิ่งตลอดเวลาการสนทนา เมื่อต้องนั่งตรงข้ามกับแทมิน เขามองเธอด้วยสายตาโกรธแค้นอย่างเปิดเผย โดยที่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำอะไรให้

            เงินเขาก็มีตั้งมากมาย ใช้ทั้งชาตินี้ยังไม่หมด กับแค่บิดายักยอกเห็นในบริษัทไป...ถึงกับโกรธแค้นขนาดนี้เชียวหรือ

            “ก็อย่างที่บอกไป ฉันจะให้พวกเธอแต่งกับลูกชายของฉันทั้งสองคน” คำพูดเรียบง่ายของประธานลีทำให้คนเป็นลูกหันไปโวยวายด้วยความหงุดหงิด

            “ผมบอกพ่อแล้วว่าผมไม่แต่ง!” แทมินตะคอกเสียงดัง หันไปมองหญิงสาวสองคนด้วยความรังเกียจ“พอดีผมไม่แต่งงานกับลูกคนขี้ขโมย!”

              ประโยคแสนร้ายกาจทำให้นาอึนถึงกับเงยหน้าสบตากับชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความโกรธ แต่ก็ต้องหลุบลงเมื่อสายตาคมราวกับหมาป่าหนุ่มมองเหยียดๆ

             “ขอโทษนะคะ แต่ขอความกรุณาให้เกียรติพ่อของดิฉันด้วย” ยุนอาเอ่ยเสียงเรียบแต่เจือไว้ด้วยความไม่พอใจอย่างหนัก

            “เกียรติของพวกเธอยังมีอยู่เหรอ? มันหายไปตั้งแต่ที่พวกเธอก้าวมาในห้องนี้ เพื่อแต่งงานใช้หนี้แล้วล่ะ แล้วไหนล่ะเกียรติที่พวกเธอควรจะได้รับ!” คริสตอบกลับนิ่งๆ

            “หยุด! แกควรจะให้เกียรติพวกเธอ”

            “เหอะ! แล้วทีแม่ผมตาย แม่ได้รับเกียรติบ้างไหม!” แทมินลุกขึ้นตวาดเสียงดัง มือหนาทุบโต๊ะดังปึงทำเอาคนตรงหน้าสะดุ้ง

            ทั้งห้องจมอยู่กับความเงียบ ยุนอากลอกสายตาไปมาด้วยความอึดอัด แม้แต่หายใจยังต้องค่อยๆ พ่นลมออกมาทางจมูกเบาๆ ส่วนนาอึนนั่งนิ่ง นัยน์ตากลมสั่นไหวระริกด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในนั้น

            ความกดดันค่อยแปรเปลี่ยนให้กลายเป็นน้ำตาที่รินไหลลงมาด้วยเจ็บช้ำ มือบางรีบปาดทิ้งเร็วๆ ราวกับไม่ต้องการแสดงความอ่อนแอให้อีกฝ่ายเห็น

            คริสเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดีจึงรีบดึงแทมินให้นั่งลง อารมณ์ของน้องชายยามโมโหนั้นยิ่งกว่าไฟร้อนที่สามารถแผดเผาทุกอย่างให้มอดไหม้ได้

            “แทมิน...ใจเย็น”

            เมื่อพี่ชายออกปากมาอย่างนั้นร่างสูงโปร่งจึงทรุดลงแต่โดยง่าย เขาเชื่อมั่นว่าผู้มากวัยกว่าจะต้องสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างดี

            แต่ประโยคที่หลุดออกจากปากของคริสต่อจากนี้ราวกับพังทลายความหวังยับเยิน!

            “ผมแต่งก็ได้ครับ ถ้าพ่อต้องการแบบนั้น”

            ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบเฉย ทุกคนบนโต๊ะเบิกตากว้างด้วยความตกใจโดยเฉพาะแทมินที่ออกอาการคัดค้านอย่างหนัก

             “อะไรพี่! สมองกลับไปแล้วเหรอวะ ไหนบอกจะไม่แต่งไง!” คนเป็นน้องเขย่าตัวพี่ชายด้วยความโมโหเมื่อไม่ได้ดั่งใจ

             “แทมิน แกสงบบ้าง” เขาหันไปปรามน้อง ยิ้มให้บิดาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก “ผมทำตามที่พ่อต้องการแล้วนะ คุยรายละเอียดที่เหลือต่อกันเองแล้วกัน”

           ร่างสูงสง่าก้าวออกไปด้วยท่าทางสง่างามพลางตบบ่าน้องชายหนักๆ เป็นเชิงให้ออกมาคุยกันนอกห้อง สองสาวมองตามไปจนลับสายตา

            น่าแปลก...แค่เห็นแผ่นหลังกว้างเท่านั้น แต่พวกเขากลับดูดีอย่างประหลาด

            “ขอโทษนะ ลูกชายฉันเสียมารยาทจริงๆ” ลีแทซูเอ่ยกับสองสาวด้วยความหนักใจ “ลูกชายฉันเขาตอบตกลงแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่พวกเธอ”

            “ที่พวกเรามาวันนี้ก็เพื่อเรื่องนี้แหละค่ะ พวกเราตอบตกลงตามข้อเสนอของคุณแล้ว” น้ำเสียงนุ่มนวลเริ่มแข็งขึ้นเล็กน้อย นาอึนกระชับมือพี่สาวแน่นเพราะรู้ดีว่ายุนอากำลังโกรธ

            “ฉันรู้ว่าพวกเธอลำบากใจไม่แพ้กัน ฉันมีลูกชายแค่สองคน ไม่อยากเห็นพวกเขาใช้ชีวิตเสเพลอีกต่อไปแล้ว” ประธานลีพูดน้ำเสียงเศร้า

            “อย่าคิดมากเลยค่ะคุณแทซู ฉันเข้าใจว่าคุณก็ลำบากใจไม่แพ้กันในการตัดสินใจที่จะช่วยพ่อของฉัน” นาอึนที่เงียบมานานเอ่ยขึ้น คนแก่วัยกว่ายิ้มรับกับคำพูดปลอบประโลมของเด็กสาว

            “ยังไงก็ขอฝากลูกชายไว้กับพวกเธอด้วยนะ”

            ไม่มีคำพูดออกมาจากปากของคนที่ถูกฝากความหวัง นอกเสียจากรอยยิ้มที่มอบให้แต่มันกลับเต็มไปด้วยความหนักใจที่ต้องเผชิญกับชะตาชีวิตต่อจากนี้

 

 

 

อีกด้านหนึ่ง.....

 

            “พี่บ้าไปแล้วเหรอ! ไปรับข้อเสนอของพ่อทำไม ผมไม่อยากแต่งงานกับยัยนั่น ไม่อยากแต่ง!” แทมินโวยวายพลางรัวคำถามกับพี่ชายด้วยอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยง

            ไม่ว่าจะยังไง...น้องชายคนนี้ก็ยังเลือกใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลอยู่เสมอ แต่ด้วยความเป็นน้องจากสายเลือดซึ่งก็ย่อมข้นกว่าน้ำ ทำให้เขาเลือกที่จะพูดกับคนอ่อนวัยกว่าด้วยความใจเย็น

            “ถึงไม่อยากแต่ง ยังไงก็ต้องแต่งอยู่ดี แกจะขัดไปทำไม”

            “แต่ผมเกลียดครอบครัวนั้น! แค่หน้ายังไม่อยากจะมอง! แล้วจะให้ผมไปแต่งงานไร้สาระแบบนั้น ฆ่าผมเลยเถอะ!” แทมินตะคอกอย่างเหลืออด ในบริเวณที่พูดคุยกันลับตาคนพอควร ทำให้ไม่ต้องเก็บกักอารมณ์ที่คุกครุ่นในใจมาเนิ่นนาน

            “แกควรสงบสติอารมณ์ของตัวเองแล้วฟังพี่”คริสเอ่ยเสียงเรียบ

            “พี่ก็เอาแต่เป็นแบบนี้! โธ่เว้ย!”

            แทมินเตะถังขยะจนล้มลง ระบายอารมณ์โมโหที่ทำอะไรไม่ได้ มองพี่ชายด้วยสายตาคาดโทษด้วยความหงุดหงิดที่เขายังเอาแต่นิ่ง

            “อยากแก้แค้นแทนแม่ไหมล่ะ?”

            คนถามพลางยิ้มมุมปาก ส่วนอีกคนก็เหมือนจะเข้าใจลางๆ

            “อ้อ...ก็น่าจะบอกผมแต่แรก” แทมินเริ่มสงบมากขึ้น มือหนาสางผมที่ชื้นไปด้วยเหงื่อด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายลงกว่าเดิม คนเป็นพี่หัวเราะเบาๆ กับอาการที่เปลี่ยนไป

            “เมื่อกี้อารมณ์เสียอยู่ไม่ใช่เหรอไอ้น้องชาย”

            “ก็ตอนนี้ผมอารมณ์ดีแล้ว แล้วพร้อมที่จะเปิดเกมแล้วด้วย”

ภายใต้บุคลิกนิ่งขรึมของคริส ไม่อาจคาดเดาได้ว่าเขาคิดจะทำอะไรอยู่ นัยน์ตาสีน้ำตาลเหลือบทองหันไปมองน้องชายที่ล้วงกระเป๋าด้วยท่าทางสบายๆ

            “ในเมื่อไม่รู้จะหาความถูกต้องได้จากใคร...เราก็จะเป็นคนพิพากษาสองคนนั่นเอง”

            เพราะ อนาคต...คือ สิ่งที่เราไม่รู้

            จึงควรอยู่กับ สิ่งที่รู้...นั่นคือ ปัจจุบัน

 

 

 

 

 อีกตอนจัดยาวๆ ถ้ามีคนอ่านอยู่ก็จะรีบมาอัพนะคะ >_<

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา