▲Lost in love เพลิงแค้นสิเน่หา▲
เขียนโดย ไอริ
วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 20.55 น.
แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2557 11.07 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
1) Lost in love ▲ Prologue 00
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
Lost in love
Prologue
บทนำ
มือเรียวขาววางดอกกุหลาบสีขาวที่มารดาโปรดปรานไว้บนหน้าแท่นหินอ่อนบริสุทธิ์ ตามด้วยหญิงสาวอีกคนที่วางไว้ข้างๆ กัน...วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใสไร้เมฆบดบัง แสงอาทิตย์ในยามสายส่องประกายเจิดจ้าไม่แรงนัก บรรยากาศดีๆ ในตอนนี้ทว่าความรู้สึกในตอนนี้กลับว้าเหว่เหลือเกิน
วันนี้เป็นวันครบรอบสิบปีที่มารดาจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ...
“อึนวอน...วันนี้ผมกับลูกมาเยี่ยมคุณ” ร่างสูงทรุดตัวลงบนพื้นหญ้าสีเขียวขจี มือที่เริ่มเหี่ยวย่นไปตามกาลเวลาแตะรูปของภรรยาที่ยิ้มสดใสอยู่
“คุณเป็นยังไงบ้าง...คงสบายดีสินะ เพราะผมมาหาทีไรก็ยิ้มทุกที”
หญิงสาวสองคนในวัยสะพรั่งหันมามองหน้ากันด้วยความเศร้าใจ เมื่อมาหามารดาคราวใด บิดาก็เสียใจทุกครั้ง แต่มักกลบเกลื่อนด้วยการหัวเราะตามประสา
ซน นาอึนรู้...ว่าบิดายังทำใจไม่ได้กับการสูญเสียภรรยาอันเป็นที่รักในอุบัติเหตุที่ไม่ควรเกิด แต่เมื่ออดีตก็คืออดีต...ย่อมกลับไปแก้ไขไม่ได้
“ลูกสาวของเราโตขึ้นทุกวันแล้วนะ พวกเธอเหมือนคุณมาก”
“เวลายุนอากับนาอึนแต่งงาน ผมชักกลัวแล้วสิ...ว่าต้องถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว”
“ถ้าในอนาคตผมต้องกลายเป็นคุณปู่...อยากให้คุณอยู่ด้วยจัง เราจะได้ช่วยกันเลี้ยงหลานๆ”
ซน ยงจุนยังเอ่ยต่อด้วยท่าทีสนุกสนานตามบุคลิกของเจ้าตัว แต่ในสายตาของคนเป็นลูก...ย่อมรู้ว่าบิดาถวิลหาหญิงสาวคนหนึ่งที่เธอเรียกว่าแม่อยู่ทุกห้วงลมหายใจ
ดวงตากลมโตกวาดมองสถานที่รอบๆ ด้วยความคุ้นชินเนื่องจากมาบ่อยไม่น้อย สุสานแห่งนี้ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชัน อยู่แถวๆ ชานเมือง...เป็นสถานที่พักผ่อนที่เงียบสงบ เหมาะแก่การหลับใหลชั่วนิจนิรันดร์
อิม ยุนอารู้สึกสะดุดใจกับชายสองคนที่ยืนอยู่ไกลลิบแปลกๆ...คนหนึ่งมองมาทางเธอด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ยิ่งเมื่อเขาก้าวเข้ามาใกล้เมื่อไหร่ ในใจกลับหวาดหวั่นมากขึ้นเท่านั้น
ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกัน แต่กลับรู้สึกเหมือนกับว่าเขาชิงชังเธออย่างไรอย่างนั้น
คนหนึ่งชี้มายังทางบิดาของเธอพลางจ้องด้วยสายตาเคียดแค้น ส่วนอีกคนมองตาม ก่อนจะดึงแขนคนร่างสูงไว้ไม่ให้วิ่งมาราวกับไม่พอใจบิดาเธอสักอย่าง....
ลางสังหรณ์ในใจบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
“พ่อคะ นาอึน...พี่ว่าเรากลับกันเถอะ” คนเป็นพี่หันไปบอกน้องสาวที่เช็ดน้ำตาร้องไห้เป็นเพื่อนบิดาอยู่ ชายวัยกลางคนมองบุตรสาวคนโตด้วยความสงสัย
“รีบกลับทำไมล่ะยุนอา เรามายังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเลยนะ”
“นั่นสิคะพี่ยุนอา วันนี้พี่ขอลาหยุดไม่ใช่เหรอ” นาอึนเอ่ยถามด้วยความไร้เดียงสา
“พี่ลืมไป ว่าเจ้านายต้องการเอกสารสำคัญด่วนน่ะ ไว้วันหลังเราค่อยมากันใหม่ดีไหม” หญิงสาวพยายามบังคับเสียงให้ปกติที่สุด
“ก็ได้ค่ะ” ผู้อ่อนวัยกว่าได้แต่พยักหน้าไม่ติดใจอะไร พยุงบิดาขึ้นพร้อมกับร่ำลามารดา โดยให้คำสัญญาว่าจะแวะมาเยี่ยมบ่อยๆ
ทันทีที่ทั้งสามคนเดินออกไป บุรุษนิรนามสองคนที่เพิ่งเดินตามมาถึงกับถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด เมื่อเห็นรถคันสีขาวแล่นฉิวออกไปก่อนพวกเขาเพียงนิดเดียว
“โธ่เว้ย! ไม่ทันอีกจนได้” คริสสบถออกมาด้วยความฉุนเฉียว
“ไม่ทันอะไร พี่ทำอะไรของพี่เนี่ย จู่ๆ ก็ดึงแขนผมวิ่งออกมา” ลี แทมินถามพลางมองพี่ชายด้วยความงุนงง
“แกจำไม่ได้จริงเหรอวะ จำไม่ได้จริงเหรอแทม!” ชายหนุ่มเค้นเสียง...เขาโตพอที่จะจำความได้เมื่อตอนที่มารดาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต คู่กรณีที่ชนนั้นเป็นลูกน้องในบริษัทของบิดาบุญธรรม ซึ่งเป็นพ่อของแทมินทำให้ตามสืบได้ไม่ยากเย็นว่ามันเป็นใคร
“เรื่องอะไรล่ะพี่”
“แม่เราตายก็เพราะมัน! เพราะไอ้แก่นั่นที่มันขับรถไม่ดูที่ดูทาง!”
คำพูดของพี่ชายช่วยย้ำเตือนความทรงจำอันเลวร้ายได้เป็นอย่างดี ภาพที่นักธุรกิจใหญ่ร่ำไห้พลางกอดศพภรรยาที่หนังสือพิมพ์ชื่อดังทุกฉบับต่างก็จงใจลงด้วยกันทั้งสิ้นแวบเข้ามาในความคิดของแทมิน
“มัน....ขับรถชนพ่อกับแม่” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยออกมา สองมือกำเข้าหากันแน่นด้วยความลืมตัว...ลีแทมินจำได้ อุบัติเหตุครั้งนั้นพรากมารดาไปจากเขาตลอดกาล...
“แต่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยความสุข เพราะยังกินเงินเดือนของบริษัทอยู่และพ่อก็ไม่เอาเรื่องกับมัน” คริสเอ่ยเสียงต่ำในลำคอ จ้องมองด้วยความโกรธแค้น
“ต่างกับพวกเรา...ที่มีชีวิตอยู่ด้วยความสูญเสียที่ไม่มีสิ่งไหนทดแทนได้”
“พวกมันต้องชดใช้...” คริสไม่มีวันลืม...และยังคงฝังใจมาจนถึงทุกวันนี้
น่าเสียดายที่บิดาของพวกเขาไม่อยู่...ไม่อย่างนั้นเรื่องคงจะต่อกันอีกยาว ถึงแม้ตำรวจจะสรุปคดีออกมาว่าเป็นเพราะถนนลื่น ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย อีกทั้งบิดาเขาไม่ติดใจเอาความอะไร เนื่องจากฝ่ายคู่กรณีก็สูญเสียภรรยาเช่นกัน
แต่คริสและแทมินกลับคิดว่ามันยังน้อยไป...น้อยไปกับความสูญเสียของพวกเขา
ยิ่งวันนี้เป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของลี แชริม...มารดาอันเป็นที่รัก เป็นการตอกย้ำว่าซนยงจุนควรได้รับการสูญเสียมากกว่านี้
และทั้งคู่ไม่อาจรู้...ว่าความแค้นครั้งนี้ ทำให้ต้องลากอีกสองชีวิตที่ไม่รู้เรื่องราวใดๆ ต้องแปดเปื้อนไปด้วยไฟแห่งโทสะร้าย
2 ปีต่อมา....
สองสีขาวปึกหนาถูกโยนลงมาโดยชายคนหนึ่งในชุดสูทเรียบหรู ซนยงจุนเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความตกใจพลางก้มหน้านิ่ง
“อะ...อะไรครับคุณลี”
ภายในห้องทำงานส่วนตัวของประธานใหญ่แห่งลี คอร์เปอเรชั่น ตกแต่งด้วยโทนสีเทาเรียบง่าย แต่ดูน่าลึกลับค้นหา ถ้าเป็นเวลาปกติซนยงจุนคงไม่พลาดที่จะทอดสายตามองของประดับเหล่านั้นด้วยความชื่นชม หากแต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าอุณหภูมิในห้องกลับร้อนจนเหงื่อเม็ดเล็กเริ่มชื้นตรงฝ่ามือ
“ใบลาออก...พร้อมกับเงินเดือนก้อนสุดท้าย” ดวงตารีเหยียดมองเขาด้วยความผิดหวัง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความสมเพชปนสงสาร
“วะ...ว่ายังไงนะครับ”
“ฉันคงจะไม่เก็บงูเห่าไว้ใกล้ตัวหรอกนะยงจุน นายทำงานกับฉันมานาน...ก็คงจะรู้ดี”
สลิปการเบิกเงินจากธนาคารถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะ ยอดเงินที่ถูกถอนออกไปหร่อยหรอลงมากกว่าเดิมนับเท่าตัว พร้อมกับมีลายเซ็นตวัดไว้ว่า ‘ลี แทซู’
“นอกจากจะริอาจปลอมลายเซ็นฉันไม่พอ...ยังหาญกล้าเบิกเงินสดจำนวนมากออกจากธนาคารอีกต่างหาก จะมีข้อแก้ตัวอะไรมั้ย...ซนยงจุน!”
“จะ...เจ้านาย คือว่า...ผม”
“ฉันเห็นใจนายนะ...เลยไม่คิดจะเอาเรื่องเก่าๆ คดีเก่าๆ มาขุดคุ้ยอีก เพราะไหนๆ ภรรยาฉันและภรรยานายก็เสียชีวิตไปทั้งคู่แล้ว มันคงจะดูไม่ดีนัก...”
“........”
“แต่ฉันไม่คิดเลย ว่านายจะตอบแทนฉันด้วยยักยอกเงินของบริษัทออกไปโดยพลการแบบนี้!”
ปัง!
สองมือหนาทุบลงบนโต๊ะทำงานด้วยความฉุนเฉียว ยิ่งทำให้ยงจุนแทบอึดอัดยิ่งกว่าเดิม ในในใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เพราะรู้ว่าประธานใหญ่เป็นคนที่จริงจังและเด็ดขาดมากแค่ไหน
ถ้าไม่ใช่ติดคุก...ก็คงฟ้องร้องจนเขาหมดเนื้อหมดตัวนั่นแหละ
“ผะ...ผมไม่ได้ตั้งใจขโมยนะครับ แต่มันจำเป็นจริงๆ” ชายหนุ่มตอบเสียงสั่นเครือ “ฐานะทางบ้านผมไม่ค่อยดี ลูกสาวทั้งสองคนเพิ่งจบปริญญา ทำให้เงินหมุนเวียนไม่ค่อยได้ ไหนจะค่าใช้จ่ายส่วนตัวอีก...”
“ก็เลยขโมยเงินของพ่อผมไป...ดูเป็นคนดีมากนะครับ”
ไม่ใช่เสียงของยงจุนและไม่ใช่คำพูดของแทซู แต่เป็นคริสและแทมินที่ยืนอยู่ประตูด้วยความเหยียดหยาม ดูได้จากน้ำเสียงที่เอ่ยออกมาและแววตาแห่งความรังเกียจชัดเจน
“คุณคริส...คุณแทมิน”
“เฮ้อ...ผมก็เห็นใจนะครับ นอกจากจะติดพนันในบ่อนยังไม่พอ ก็ยังทำหน้าที่เป็นพ่อที่ดี ส่งเสียลูกทั้งสองคนเรียนอีก” แทมินเอ่ยพลางหัวเราะเสียงต่ำ
“แต่กลับสร้างเรื่องตลกๆ มาหลอก...อ้อนวอนขอความเห็นใจแบบนี้ ใช้ไม่ได้เลย” คริสเสริมพลางยืนกอดอกมอง
“อย่างนี้คงจะต้องจับเข้าคุกอย่างเดียวนะ ว่ามั้ยพี่คริส?” คนเป็นน้องหันมาถามความเห็น
“แค่เข้าคุก น้อยไปมั้ง? งานนี้คงจะต้องฟ้องร้องจนตายกันไปข้างนั่นแหละ” ชายหนุ่มหันมาหัวเราะให้กันอย่างอารมณ์ดี ยิ่งยงจุนฟังก็ยิ่งหน้าซีด ลำพังตัวเขาคนเดียวนั้นไม่เท่าไหร่ แต่ยุนอากับนาอึนล่ะ? ลูกทั้งสองของเขาไม่ควรได้รับผลจากการกระทำอันเลวร้ายแบบนี้
“คริส แทมิน ออกไปก่อน!”ประธานใหญ่สั่งเสียงเฉียบขาด เมื่อยังเห็นลูกชายทั้งสองยั่วโมโหไม่เลิก คนถูกไล่ยักไหล่พลางนั่งโซฟาด้วยท่าทีสบายๆ
“ไม่ครับ พวกเราจะนั่งอยู่ที่นี่เนี่ยแหละ จนกว่าพ่อจะสั่งให้ตำรวจมาลากคนที่ไม่ศีลคนนี้เข้าคุกก่อน ผมถึงจะไป” แทมินตอบเสียงกวน
“แต่ยังไงยงจุนก็ทำงานกับพ่อมานาน ทำแบบนั้นก็ดูโหดร้ายเกินไป”
“พ่อใจดีตั้งแต่คราวที่แม่ถูกหมอนี่ขับรถชนจนเสียชีวิตแล้วนะครับ เรื่องนี้ก็จะปล่อยไว้เฉยๆ แบบนี้น่ะเหรอ” คริสถามเสียงขรึม ทำให้ลีแทซูถึงกับเงียบไปเมื่อจนด้วยคำพูด
จริงอยู่ที่ภรรยาสุดที่รักสิ้นชีวิตเพราะอุบัติเหตุและข้องเกี่ยวกับซนยงจุนโดยตรง แต่ประธานลีที่ผ่านโลกมามากพอกลับมองว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ
ภรรยาของคนอื่นตายไม่พอ...ภรรยาของยงจุนเองก็สิ้นชีวิตตาม
ผู้ชายคนนี้ก็เสียใจไม่แพ้เขา
“แล้วแกจะให้พ่อทำยังไง” คนเป็นบิดาถามออกไปด้วยความเหนื่อยใจ ชายหนุ่มยิ้มร้ายพลางตวัดสายตาหันไปมองซนยงจุนที่นั่งตัวสั่นเทาอยู่
“ฉันให้เวลาแกสามวัน หาเงินมาคืนให้ได้ ถ้าไม่ได้...ก็เตรียมตัวหอบผ้าไปนอนไปคุกซะ!”
“อ้อ...แล้วพ่อก็อย่าให้ยื่นข้อเสนออะไรให้มันอีกนะครับ งานนี้ ผมเข้าข้างพี่คริส” แทมินกำชับกับบิดา ก่อนจะเดินกอดคอกันสองพี่น้องออกไป
แต่ว่า....เรื่องมันไม่ได้เป็นแบบนี้
อีกสองวันต่อมาหลังจากที่เขาได้ลาออกจากลี คอร์เปอเรชั่น ประธานใหญ่ก็ตัดสินใจมาหาเขาถึงที่บ้านพร้อมกับยื่นข้อเสนอใหม่ที่ได้ฟังแล้วกลับตกใจมากกว่าเดิม
“ฉันมีโปรเจ็คใหม่ที่อเมริกา อยากให้นายกลับไปทำงานกับฉันเหมือนเดิม...”
“แต่ว่าผมสร้างเรื่องให้กับเจ้านาย ผมละลายจนไม่กล้าสู้หน้าใครที่นั่นได้อีกแล้ว”
“เปล่า ฉันหมายถึงให้นายตามฉันไปทำงานที่อเมริกา”
“ผมทำไม่ได้หรอกครับ ความรู้สึกผิดมันยังค้างคาใจผมอยู่...ยิ่งเจ้านายทำดีกับผมแบบนี้ ผมยิ่งรู้สึกผิดมากกว่าเก่า”
“ถ้านายรู้สึกผิด...อยากจะตอบแทนฉันไหมล่ะ”
“อะไรที่เจ้านายอยากให้ผมทำ ก็บอกมาเลยครับ”
“ยกลูกสาวนายสองคนให้แต่งงานกับลูกชายฉันสิ...นี่ถือว่านายตอบแทนฉันแล้วไง”
ยงจุนปฏิเสธออกไปอย่างไม่ลังเล แม้ว่าอีกคนเพียรพยายามเกลี้ยกล่อมมากเท่าไหร่เขาคิดว่าลีแทซูจะโกรธจนหุนหันออกไป ที่ไหนได้...ประธานใหญ่กลับหัวเราะเบาๆ เพียงเท่านั้น
“ฉันพูดจริงๆ นะ...ตั้งแต่แชริมเสียไป เจ้าคริสกับเจ้าแทมก็ควงผู้หญิงแต่ละวันไม่ซ้ำหน้า พวกแกไม่มีแม่ที่คอยมาอบรมดูแลเหมือนเด็กๆ”
“ฉันเองก็ผู้ชาย จะอบรมจะสั่งสอนมันก็ดูยังไงๆ อยู่ จนเจ้าสองตัวนั่นโตมานั่นแหละ มีผู้หญิงมากมายหลายตากระหน่ำอาละวาดที่คฤหาสน์ฉันเป็นประจำ”
“ลูกสาวนายสองคนก็อยู่วัยไล่เลี่ยกันนี่ คงจะเข้ากันได้ไม่ยาก...อีกอย่างนะ ฉันไม่อยากมีลูกสะใภ้ที่วันๆ เอาแต่แต่งตัวเปรี้ยวๆ เข้าผับหรอก หัวใจวายตายกันพอดี”
“เจ้านาย...กำลังจะบอกอะไรกับผมครับ”
“ยกลูกสาวนายให้แต่งงานกับลูกชายฉัน ฉันรับรองว่าจะยกย่องออกหน้าออกตา...หนี้ทุกบาททุกสตางค์ของนายจะถูกชดใช้และนายก็กลับไปทำโปรเจ็คใหญ่กับฉันเหมือนเดิมที่อเมริกา!”
มาอัพให้ค่า เรื่องใหม่ ฝากติดตามด้วยนะคะ :)
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ