Beside...สายลมเคียงใจนายตะวัน
เขียนโดย OUM_PF
วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 12.31 น.
แก้ไขเมื่อ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557 17.57 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
8)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
Beside...สายลมเคียงใจนายตะวัน
ตอนที่๘
“วันนี้ปอเต้านี้ก่อนเน้อเจ้า(วันนี้พอเท่านี้ก่อนนะคะ) ปี้น้อยกับอ้ายจอมไปพักเตอะเจ้า(พี่น้อยกับพี่จอมไปพักเถอะค่ะ)”เสียงหวานของธนันต์ธรญ์บอกกับผู้ช่วยทั้งสอง หลังจากหญ้าที่รกบริเวณหลังบ้านได้หายไปแล้ว เหลือแค่เพียงเศษกิ่งไม้และใบไม้ที่ต้องเก็บกวาดอีกนิดหน่อย เธอยกมือขึ้นปาดเหงื่อก่อนจะทอดสายตามองไปยังร่างแกร่งของภาณุที่ลงมือเก็บกวาดเศษไม้ที่เหลือ เธอยิ้มบางๆอันที่จริงเขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนี่นา หากวันนี้ไม่มีเขางานก็คงไม่คืบหน้ามากขนาดนี้
“จะอั้นเฮาขอตั๋วก่อนเน้อ วันนี้แดดฮ้อนขนาด(ถ้านั้นพวกเราขอตัวก่อนนะ วันนี้แดดร้อนเหลือเกิน)”เธอพยักหน้ายิ้มให้กับทั้งสอง ก่อนจะวางไม้กวาดทางมะพร้าวในมือลง
“พอเถอะค่ะ เดี๋ยวเจ็บป่วยขึ้นมาแล้วจะมาโทษฉันอีกไม่ได้นะคะ”เธอว่าให้เขา ก่อนใบหน้าหล่อคมที่มาหยาดเหงื่อเกาะพราวจะเงยหน้าขึ้นมองเธอ พร้อมกับเอ่ยตัดพ้อ
“เรารึก็เห็นว่าตัวเล็กนิดเดียวกลัวจะเป็นลมเป็นแล้งไปเลยมาช่วย นี่ถ้าผมป่วยขึ้นมาจริงๆคุณก็จะไม่ดูแลผมใช่ไหมฮะ”เธอค้อนชายหนุ่มขี้น้อยใจ ก่อนจะเดินไปหยิบแก้วน้ำที่วางไว้มายื่นให้เขา
“น้ำค่ะ”
“ขอบคุณครับ”เขารับไปดื่มแต่โดยดี เธอล้วงผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋ากางเกงยื่นให้เขา
“เช็ดเหงื่อหน่อยไหมคะ ไหลเข้าตาแล้วมันจะแสบเอานะ”
ภาณุมองเจ้าของผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กยิ้ม เขายื่นมือไปรับผ้าเช็ดหน้าจากธนันต์ธรญ์และใช้มันซับเหงื่อที่ผุดตามดวงหน้าหวานอย่างทะนุถนอม ก่อนจะนำมันกลับมาเช็ดเหงื่อบนใบหน้าของตัวเองบ้าง เด็กน้อยที่เอาแต่เป็นห่วงคนอื่นกลับไม่ดูตัวเองเอาเสียเลยว่าใบหน้าของเธอนั้นโชกเหงื่อขนาดไหน
“เดี๋ยวผมซักคืนให้นะ ไปเถอะ ไปนั่งพักกันดีกว่าเดี๋ยวค่อยขึ้นไปอาบน้ำ”เขาฉวยโอกาสจับจูงมือเล็กไปนั่งพักบริเวณชานเรือนที่มีลมโกรกเย็นฉ่ำ อันที่จริงเขาไม่ใช่ผู้ชายชอบฉวยโอกาสกับใคร แต่กับผู้หญิงคนนี้เขากลับไม่คิดจะหักห้ามใจ เธอมันน่าทะนุถนอม น่าช่วยโอกาส น่าจับกดเสียให้เข็ด!
“งานเสร็จเร็วกว่าที่คิดอีกนะคะ อย่างนี้ฉันคงจะได้กลับบ้านเร็วขึ้น”เขาหันขวับ
“คุณจะรีบกลับทำไม”
“เอ้า ที่นี่มันไม่ใช่บ้านของฉันนี่คะ ฉันก็ต้องกลับบ้านของฉันสิคะ”จริงสิเขาลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปได้อย่างไร นี่ก็ผ่านมาสองวันแล้ว มารดาคงจะตามเขามาที่นี่ในไม่ช้า แล้วหากเขาไม่มีเมียกับลูกในท้องที่ว่าชีวิตของเขามิพินาศไปเลยหรือ แล้วแม่ของลูกที่พอจะหาได้ตอนนี้ก็คงไม่พ้นสาวน้อยข้างกายตอนนี้ แต่ธนันต์ธรญ์ก็ใช่ว่าจะหัวอ่อนบังคับได้อย่างใจเสียที่ไหน เธอทั้งหัวดื้อหัวรั้น แถมยังขี้โวยวาย หากเขาขอให้เธอช่วย เธออาจจะตะโกนด่าใส่หน้าเขาจนเขาลืมชื่อตัวเองไปเลยก็ได้
“คุณคะ!”เขาสะดุ้งเมื่อเสียงหวานเรียกซะดัง
“อะไรกันคุณนี่ เสียงดังขี้โวยวายชะมัด”
“ฉันเรียกคุณตั้งนานแต่คุณไม่ตอบนี่คะ แล้วหน้าฉันเหมือนหน้าแม่คุณนักหรือไงถึงได้จ้องอยู่ได้”เธอว่าพลางยักคิ้วอย่างกวนประสาท เขาใช้หัวแม่มือกดคิ้วมนของเธออย่างหมั่นเขี้ยว
“ไม่เหมือนแม่ผม แต่เหมือนแม่ของลูก”เขาว่าพลางยักคิ้ว ไม่ทันที่หญิงสาวจะตอบแทนเขาให้สมรัก เสียงรถที่เข้าบ้านมาก็หยุดทั้งเธอและเขาเอาไว้
“ฉิ_หาย...”เขาลุกขึ้นพรึ่บ ก่อนจะยืนมองมารดาลงจากรถด้วยยอมรับชะตากรรมและมองผู้ร่วมชะตากรรมอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า...
‘ขอโทษด้วยนะเด็กน้อย ผมจำเป็น...’
คุณพรพิมลมองร่างสูงใหญ่ของลูกชายก่อนจะกวาดสายตามองร่างเล็กข้างกายของภาณุ และมองเลยไปยังมือใหญ่ที่กอบกุมมือเล็กไว้อย่างหวงแหน
“มีอะไรจะพูดกับแม่รึเปล่า”หล่อนเปิดฉาก ภาณุยังคงรักษาความนิ่งในใบหน้าแลละน้ำเสียงได้เป็นอย่างงดีแม้จะเจอกับรังสีอมหิตของหล่อน
“มีครับ”
“ไหนว่ามาซิ”หล่อนหายใจเข้าอย่างต้องการระงับความโกรธกรุ่น หล่อนมองลำแขนแกร่งของลูกชายที่เคลื่อนมาโอบรัดเอวบางของหญิงสาวข้างกายให้เข้ามาแนบชิดด้วยจิตใจร้อนรุ่ม
“ผู้หญิงคนนี้เธอเป็นของผม ผมรักเขา เราพร้อมที่จะมีครอบครัวด้วยกัน เพราะตอนนี้ลูกของผม เลือดเนื้อเชื่อไขของคุณแม่อยู่ในท้องของเธอแล้วครับ”ภาณุว่าพลางตวัดร่างเล็กของเด็กสาวคนนั้นเข้าไปอยู่ในอ้อมกอด
“ขอตัวนะครับ เมียผมต้องการการพักผ่อน”
ภาณุพูด ก่อนจะตวัดร่างน้อยแข็งทื่อในอ้อมกอดขึ้นอุ้มและเดินไปยังห้องนอน เขาวางเธอลงบนเตียง แปลกใจที่หญิงสาวไม่โวยวายเลยสักนิด เขามองใบหน้าที่ยังคงความรู้สึกตกใจ ก่อนจะนั่งลงเคียงข้างร่างบอบบางและหันร่างเล็กเข้าหาตัวเขา
“ผมขอโทษนะคุณ”เขาว่าอย่างรู้สึกผิด
“ฉันยังไม่ต้องการคำขอโทษจากคุณค่ะ แต่ฉันต้องการเหตุผล”เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ หวังเพียงแต่ว่าอยากให้เธอเข้าใจในสิ่งที่เขาทำ
“ถ้าแม่คุณบังคับให้คุณแต่งงานกับผู้ชายที่เขาไม่ได้รักคุณและคุณก็ไม่ได้รักเขา คุณจะแต่งไหม”
“แต่งกันไปอาจจะรักกันเองก็ได้นี่คะ”เขาหัวเราะแกมสมเพชกับคำพูดของเธอ
“นี่มันชีวิตจริงนะคุณ ผมถามคุณแบบจริงจัง คุณก็ควรที่จะตอบผมแบบจริงจัง ถูกไหม”
“เป็นฉันเองฉันก็คงไม่แต่งค่ะ แต่มันมีเหตุผลอะไรที่คุณต้องลากฉันเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย นอกจากที่ฉันเป็นตัวช่วยที่อยู่ใกล้คุณที่สุด ณ ตอนนั้น”เขาทำหน้าลำบากใจ ยากเหลือเกินที่จะบอกไปแล้วเธอจะเชื่อว่าเขานั้นตกหลุมรักแรกพบของเธอไปแล้ว
“ก็คงไม่มีเหตุผลอะไรนอกจากเรื่องนั้นหรอก คุณช่วยผมเถอะนะ”
“แค่เมื่อตะกี้ฉันไม่ขัดขืน ไม่ปฏิเสธแม่คุณไป มันก็ถือว่าเป็นการช่วยอย่างถึงที่สุดแล้วล่ะค่ะสำหรับคนที่เพิ่งจะรู้จักกันอย่างเรา”
“แต่แม่ผมยังไม่กลับ ถ้าคุณไม่ช่วยผมแล้วใครจะช่วยผม จะให้ผมหาใครมาทันฮะตอนนี้”เขาว่าอย่างหมดหนทางแกมขอร้องให้เห็นใจ
“นั่นมันเป็นเรื่องของคุณ มันไม่เกี่ยวกับฉัน...ขอตัววนะคะ”ว่าแล้วร่างบอบบางก็เดินไปที่ประตูก่อนจะกระชากมันออกและเดินออกไป เขาไม่อยากให้เธอออกไปตอนนี้ เขาต้องคุยกับเธอให้รู้เรื่อง...ไวเท่าความคิด เขาวิ่งไปตะครุบร่างบอบบางของธนันต์ธรญืที่ออกไปจากห้อง ทว่าร่างท้วมของมารดาที่ยืนอยู่หน้าห้องทำให้เขาแทบช็อก แต่นั่นก็เพียงเสี้ยววินาทีเมื่อสัญชาติญาณบอกให้เขาต้องเอาตัวรอด
“โธ่เมียจ๋า อย่างอนพี่เลยนะคะคนดี ไหนเราบอกจะคุยกันด้วยเหตุผลไงคะ”เขาพูดจาออดอ้อนเสียงหวาน ก่อนจะหันขวับเมื่อได้ยินคำสั่งของมารดา
“มาคุยกับแม่ที่ห้องรับแขก เธอด้วยนะ”
ธนันต์ธรญ์เบิกตากว้างเมื่อมารดาของภาณุหันมาที่เธอ เธอพยักหน้าอย่างเสียมิได้ มองร่างท้วมเดินไปจนลับสายตาก่อนจะหันมาจวกชายหนุ่มที่เธอเพิ่งจะผลักเขาออก
“เพราะคุณ คุณจะบ้าหรือไง เรื่องมันไปกันใหญ่แล้วนะ ฉันไม่ใช่เมียคุณนะ เราเพิ่งจะรู้จักกัน คุณทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้นะ”เขาทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกก่อนจะคุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ฉวยเอามือเธอไปแนบแก้มเขาไว้ ก่อนจะเอ่ยอ้อนวอน
“ช่วยผมเถอะนะ หลังจากที่แม่ผมกลับไป หลังจากที่งานแต่งไม่ได้ถูกจัดขึ้นแล้ว ผมสัญญาว่าจะไม่ให้เรื่องพวกนี้มาทำให้คุณไม่สบายใจอีก ช่วยผมเถอะนะ นะ นะครับ นะฟางนะ”เธอเบนสายตาให้ออกจากใบหน้าหล่อคม ไม่รู้ว่าเหตุใดเธอถึงได้ไม่กล้าสบดวงตาคมที่ฉายแววเว้าวอนออดอ้อนของเขา
“...ไม่เอา เรื่องมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คุณคิดเลยนะคะคุณภาณุ คุณคิดบ้างสิคะว่าหลังจากนี้เรื่องราวมันจะเป็นยังไง หลังจากที่ฉันกลายเป็นเมียสมอ้างของคุณ ฉันก็ต้องอยู่กับคุณ หลังจากงานแต่งงานของคุณถูกยกเลิกฉันก็ยังต้องอยู่กับคุณ แล้วอย่างนี้คุณจะหาอิสรภาพที่ไหนมาคืนให้ฉันคะ?”
“แค่งานแต่งถูกยกเลิกเท่านั้น ผมสัญญาว่าจะทำทุกทางเพื่อให้คุณเป็นอิสระ ผมว่าแม่ต้องเข้าใจ ส่วนฝ่ายหญิงถึงแม่จะรู้ว่ามันเป็นเรื่องโกหกของเราสองคน แม่ก็คงไม่กล้าจับผู้หญิงคนนั้นมาแต่งงานกับผมอีกครั้งหรอก ส่วนคนอื่นเมื่อรู้ถึงกิตติศัพท์ของผมก็คงไม่มีใครกล้าเสี่ยงยกลูกสาวให้ผมอีก ขอร้องเถอะนะฟางนะ”
“ฉัน...”
...สายลมแห่งตะวัน
ขอโทษจริงๆค่ะ คือลงแล้วไม่ได้ดูก่อน แต่ตอนนี้แก้ให้แล้วนะ
แล้วอยากจะบอกอีกว่าเราขอลาพักร้อน 3วัน จะมาอัพอีกทีวันที่15 นะ
วันนี้เลยจะอัพให้คูณสอง ขอให้มีความสุขกับการอ่านค่ะ
สวัสดีปีใหม่ไทยนะจ้ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ