Beside...สายลมเคียงใจนายตะวัน
เขียนโดย OUM_PF
วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 12.31 น.
แก้ไขเมื่อ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557 17.57 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
36)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
Beside...สายลมเคียงใจนายตะวัน
ตอนที่๓๖
หนึ่งอาทิตย์ของภาณุผ่านพ้นไปด้วยความอึดอัด ทั้งรูปที่รถของเขาเข้าบ้านตั้งประภาพร ทั้งรูปที่เขาไปส่งพิมประภาที่กองถ่ายว่อนไปทั่วสังคมออนไลน์ เขาไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้ต้องมาเจอเรื่องบ้าบอ เจอปาปารัซซีตามเหมือนดาราจนเสียความเป็นส่วนตัวไปหมด เสียความเป็นส่วนตัวไม่พอ ยังเกือบจะเสียคนรักอีก ตอนนี้คนตัวเล็กงอนเขาไปหลายรอบแล้ว แม้เรื่องมันจะเข้าใจไม่ยากเพราะกองถ่ายนี้ถ่ายทำอยู่ในที่ทำงานเขา และผู้ใหญ่ก็ขอให้เขาเป็นธุระไปรับไปส่งพิมประภา เขาก็เห็นว่าไม่ลำบากอะไรจึงตอบตกลง แต่เรื่องมันก็ใหญ่ขึ้นมาราวกับเขาแอบไปคบชู้กับใคร... คงเป็นเพราะนักข่าวที่สามัคคีกันอีกนั่นแหละ เนื้อความของข่าวมันถึงได้ตรงข้ามกับความเป็นจริงเสียทุกอย่าง
และที่น่าหนักใจมากถึงมากที่สุดคือธนันต์ธรญ์ แม่ตัวดีงอนเขาจนเขาร้อนใจ คิดว่าวันหยุดยาวที่จะถึงนี้ต้องหาโอกาสขึ้นเชียงรายไปเพื่อเคลียร์กับเธอให้ได้ นี่ถึงกับว่าประกาศตัดความสัมพันธ์กับเขา แถมโทร.ไปยังไม่รับสาย เธอเข้าใจว่าเขาและพิมประภาคบกันจริงๆ แถมภาพที่เขาเข้านอกออกในบ้านนั้นเป็นประจำเธอคงจะเห็นอีกเช่นกัน...
ทำไมมีแฟนเด็กแล้วมันปวดหัวอย่างนี้วะ! แล้วทำไมชีวิตเขาต้องมาเจอกับนักข่าวโรคจิต แล้วทำไมเขาต้องมายุ่งเกี่ยวกับพิมประภาอยู่เนืองๆ ถ้านี่ไม่เห็นว่ามารดาเขาเอ็นดูคนรักของเขา เขาคงปักใจเชื่อไปแล้วว่าเป็นมารดาที่จงใจวางเรื่องทั้งหมดให้มันเป็นแบบนี้!
“โว้ย!”
เสียงเข้มตะโกนขึ้นมาอย่างสุดจะทน ให้ตายเถอะ!
“เป็นไรไอ้ป๊อป อ้าวทำไมมึงยังไม่แต่งตัวอีก”เขาหันไปมองภัทรดนัยและวิศวะที่อยู่ในชุดสูทเรียบร้อยอย่างนึกปวดหัว วันนี้เป็นวันเกิดของคุณโชติ และแน่นอนว่าแผนที่เขาคิดจะหนีงานนี้ก็ล่มไม่เป็นท่า เพราะเป็นมารดาเสียเองที่ตอนนี้ไม่สบายหนัก เขาจึงต้องไปงานนี้อยากหลีกเลี่ยงไม่ได้
“กูไม่อยากไปแล้ว นักข่าวทำกูทะเลาะกับแฟนเนี่ย”เขามองเพื่อนรักทั้งสองทำขำกันตัวงอด้วยดวงตาเขียวปั้ด มันน่าตลกตรงไหนวะ!
“ขำหาอะไร กูไม่ไปแล้ว”เขาทรุดตัวนั่งลงบนเตียง ก่อนจะยกมือขึ้นกอดอกอย่างยืนยันในคำพูด
“ได้ไง แม่มึงไม่ไป ฝากมึงให้เอาของขวัญไปให้คุณอาแทน หรือมึงอยากทำให้ผู้ใหญ่เสียหน้า”ภัทรดนัยพูดอย่างมีเหตุผล และแน่นอนว่ามันเป็นเหตุผลที่เขาอยากจะละทิ้ง
“รอสิบห้านาที หาไรทำไปก่อนละกัน”เขาว่าก่อนจะเดินไปหยิบชุดเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำอย่างจำใจ ส่วนไอ้เพื่อนตัวดีก็พุ่งตัวเข้าไปเลือกเกมมาเล่นฆ่าเวลา
สามหนุ่มที่เดินเข้ามาในงานเรียกความสนใจจากบรรดานักข่าวได้ไม่น้อย แสงแฟลชจากกล้องหลายสิบตัวสาดส่องไปที่ร่างสูงของสามเกลออยู่เนืองๆ ทั้งสามปั้นหน้ายิ้มให้อย่างรู้ในหน้าที่เพราะเจนจัดกับการออกงานสังคมที่มีแต่การสวมหน้ากากเข้าหากัน
ภาณุรีบเดินเลี่ยงนักข่าวที่เขารู้ดีว่ากำลังจะถามอะไรไปที่ซุ้มหน้างาน เขายื่นกล้องของขวัญให้คุณโชติ ก่อนจะอวยพรท่านตามมารยาท
“คุณแม่ฝากมาให้ครับ ขอให้คุณอามีความสุขมากๆนะครับ”
“ขอบใจลูก น้องพิมพาพี่เขาเข้าไปนั่งในงานก่อนลูก”เขาเตรียมจะปฏิเสธเพราะไม่อยากให้เป็นเป้าสายตาไปมากกว่านี้ แต่ดูเหมือนจะไม่ทันเมื่อพิมประภาจูงมือเขาเข้าไปในงานก่อนแล้ว
ภาณุนั่งเงียบบนโต๊ะอาหารที่มีวิศวะและภัทรดนัยจ้องมองมาด้วยความเป็นห่วง ไวน์แก้วแล้วแก้วเล่าถูกสาดเข้าปากของภาณุราวกับมันเป็นน้ำเปล่า
“เห้ย พอแล้วเว้ย เขาไม่ได้แข่งดื่มมึงจะดื่มทำไมเยอะ”วิศวะจับมือที่กำลังยกแก้วเหล้าขึ้น ก่อนจะคว้ามันไปวางไกลๆภาณุ
“มันไม่มีอะไรหรอกน่า มึงอย่ากังวลมากนักสิวะ”ภัทรดนัยเอ่ยปลอบ เมื่อสังเกตได้ว่าตอนนี้ภาณุกำลังเครียดจัด
“ขนาดเรื่องมันไม่มีอะไรเขายังทำให้มีอะไรได้เลย กูไม่รู้จะทำไงแล้วว่ะ ฟางงอนกูหนักเลย”
“เออน่า มึงใจเย็น เดี๋ยวพวกกูช่วย”
“ช่วย! ช่วยยังไง?”
วิศวะยิ้มน้อยๆ ดวงตาคมประกายแวววาว ไม่คิดมาก่อนเลยว่าความรักของคนที่ไม่เคยมีความรักมาก่อนอย่างภาณุมันจะน่าปวดหัวขนาดนี้ และต่อให้เขาเป็นผู้หญิงคนนั้น และต่อให้เขาเป็นคนมีเหตุผลมากแค่ไหน แต่เจอข่าวที่เขียนตรงข้ามกับความเป็นจริงและภาพคมชัดขนาดนั้น เขาพูดเลยว่าหากเขาเป็นคนรักของภาณุก็อดหวั่นไหวไม่ได้ พิมประภาก็ใช่ว่าจะสวยน้อยเสียเมื่อไหร่ แต่ก็นั่นแหละ เขาก็ยังไม่เคยเห็นหน้าหวานใจของภาณุเลยสักครั้ง บางทีเธอคนนั้นอาจจะสวยกว่า หรือไม่ก็มีอะไรที่ทำให้คนอย่างภาณุต้องยอมสยบให้ก็เป็นได้
“ยิ้มหาอะไร”เขาตวัดหางตาให้คนพาล มันน่าช่วยไหมนี่
“ก็กอยากยิ้มสมน้ำหน้ามึงไง”
“เอ้า ไอ้โมะ”เขาตบบ่าเพื่อนเบาๆก่อนจะเอ่ยอย่างจริงจัง
“ก็วันหยุดนี้ไงวะ พาเธอไปคุยกันให้รู้เรื่อง...แบบสองต่อสอง วิธีนี้ได้ผลชัวร์”
“มึงลองมาแล้วงั้นสิ”เขายิ้มให้ภัทรดนัย ก่อนจะส่ายหน้า
“ยังว่ะ แก้วโหดจะตาย ใครจะกล้าเสี่ยง”
“แหม แล้วทำมาเป็นพูดดี”
“เออ วันหยุดนี้กูก็กะว่าจะขึ้นไปอยู่แล้ว โทร.ไปก็ไม่รับ งอนเก่งเป็นบ้า”
สามหนุ่มยุติบทสนทนาลงเมื่อเจ้าของงานวันเกิดขึ้นกล่าวอะไรบางอย่างบนเวที โดยมีภรรยา ลูกชายและลูกสาวอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ไฟในงานถูกหรี่แสงลง พร้อมกับร่างบางของพิมประภาที่ถือเค้กเดินขึ้นมาบนเวที เสียงเพลงแฮปปี้เบิร์ทเดย์ดังไปทั่วงาน คุณโชติที่เพิ่งจะก้าวสู่วัยห้าสิบหมาดๆเป่าเทียน และแสงไฟก็สว่างขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
“ขอบคุณทุกคนมากครับที่มาร่วมงานวันเกิดปีที่ห้าสิบของผม ผมรู้สึกมีความสุขมาก ครอบครัวเราได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา และทุกคนในงานล้วนแต่เป็นมิตรที่ปรารถนาดีต่อผม กรุณามาอวยพรวันเกิดให้ผมในวันนี้ ขอบคุณครับ”เสียงปรบมือดังขึ้นเมื่อเจ้าของวันเกิดเอ่ยจบ แต่เมื่อพิธีการเอ่ยเชิญภรรยาขึ้นอวยพรวันเกิดให้สามีของคุณโชติ ทุกคนจึงเงียบเสียงลงอีกครั้ง
“ดิฉันในฐานะภรรยาของคุณโชติ ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันเรื่อยมา ดิฉันปรารถนาให้คุณพี่มีความสุข สุขภาพแข็งแรง อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ตั้งประภาพรตลอดไปค่ะ และสิ่งที่คนเป็นพ่อและแม่หวังมากที่สุดในชีวิตแล้ว นอกจากความสุขของลูก ยังมีอีกอย่างหนึ่ง...”ประโยคนั้นเรียกเสียงฮือฮาให้ดังขึ้นในงานได้เป็นอย่างดี
“เมื่อลูกกำลังจะได้เป็นฝั่งเป็นฝา คนเป็นพ่อและแม่ย่อมดีใจไปกับลูกด้วย”นักข่าวและคนในงานดูจะฮือฮาไม่น้อยเมื่อคุณทิพย์ธาราพูดออกมาเช่นนั้น ต่างจากภาณุที่คิดว่ากำลังจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับตนเอง เมื่อคุณทิพย์ธารามองมาที่เขา
“หมายถึงคุณพิมประภากับคุณภาณุรึเปล่าคะ”นักข่าวคนหนึ่งถามขึ้น นั่นทำเอาคนถูกพาดพิงถึงกับนั่งไม่ติด
“ใช่ค่ะ”
“!!!”
...สายลมแห่งตะวัน
ง่าาาาา ลงตอนซ้ำหรอเนี่ย ขอโทษด้วยนะคะ เน็ตบ้านเราช่วงนี้ผีเข้าผีออก เห็นว่ามันช้าเลยกดรัว
ซะเลย สุดท้ายคลอดออกมาเป็นตอนที่36 ซะงั้น ขอโทษจริงๆนะคะ ต่อไปจะดูให้ดีกว่านี้ ขอบคุณที่ช่วยดูช่วยเตือนให้นะค้า ตอนนี้ใกล้จะจบเต็มทีแล้ว ขอเม้น+โหวตให้เป็นกำลังใจดีๆให้เราหน่อยน้า
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ