Beside...สายลมเคียงใจนายตะวัน
9.7
เขียนโดย OUM_PF
วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 12.31 น.
45 ตอน
590 วิจารณ์
95.03K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557 17.57 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
25)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความBeside...สายลมเคียงใจนายตะวัน
ตอนที่๒๕
ภาณุมองสายน้ำที่ทอดตัวยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตายิ้มๆ สายน้ำเย็นๆบวกกับละอองน้ำที่สาดกระเซ็นขึ้นมาปะทะผิวกายกำลังทำให้เขามีความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน มันเป็นความสุขที่มีแต่ความสงบและสุขใจ... ตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่บนเรือที่กำลังแล่นไปตามสายน้ำโขงที่เชื่อมระหว่างชายแดนสามเหลี่ยมทองคำและประเทศลาว ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเขาเห็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆที่มีบ้านเพียงไม่กี่หลังคา เห็นชาวบ้านกำลังทอดแหหาปลากัน ทุกคนที่นี่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายจนเขานึกอิจฉาความเรียบง่ายที่แสนจะมีความสุขของพวกเขา
“เมาเรือหรอ”เขาหันมาสนใจเสียงหวานที่ดังขึ้นใกล้ๆ ก่อนจะยิ้มน้อยๆ
“ไม่นี่..ร้อนรึเปล่า”เธอไม่ตอบอะไรเพียงแค่ยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่ซึมตามไรผม เขาลูบเส้นผมนุ่มของเธออย่างเอ็นดู เขามองหัวคิ้วมนเหนือดวงตากลมโตที่ขมวดมุ่นเข้าหากันยามมองไปเบื้องหน้า เขาจึงถอดแว่นตากันแดดที่ใส่อยู่ยื่นให้คนตัวเล็ก
“ใส่ซะ เดี๋ยวจะแสบตา”
“ไม่เอา”เขาจัดการสวมแว่นตาให้เด็กดื้อเสร็จสรรพ มองผืนน้ำที่สะท้อนแสงอาทิตย์จ้ายามบ่ายอย่างระคายตา ก่อนจะเบนสายตาไปมองวิวทิวทัศน์ที่อยู่ตรงหน้าอย่างเดิม
เป็นเวลานานที่เขาได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติอย่างเงียบๆ เรือก็กลับมาจอดเทียบท่า เขาก้าวขึ้นฝั่งก่อนจะส่งมือให้คนตัวเล็กจับ เขาออกแรงดึงคนตัวเล็กขึ้นมา ก่อนจะถอดหมวกที่สวมอยู่ใส่ให้กับหญิงสาวเมื่อเห็นว่าแดดร้อนจัด
“มานี่สิ”เธอดึงมือเขาให้เดินตามอย่างกระตือรือร้น ก่อนจะหยุดอยู่หน้าฆ้องขนาดใหญ่
“ฆ้องเนี่ย เขาว่ากันว่าถ้าใครลูบแล้วมีเสียงแปลว่ามีบุญนะ ลองดูสิ”คนตัวเล็กจับมือของเขาลูบฆ้องขนาดใหญ่นั่น และมันก็ไม่ได้มีเสียงอะไรดังขึ้นเลย นอกจากความร้อนของโลหะที่แผ่เข้าสู่มือของเขา
“เอ้า คุณไม่มีบุญหรอกหรอเนี่ย ฮ่าๆ”เธอเยาะเย้ยเขา ก่อนจะหัวเราะเสียงใส
“งั้นคุณก็ลองลูบบ้างสิ”เขาท้าทาย อยากจะรู้เหมือนกันว่าที่ยืนหัวเราะอยู่นี่มีบุญกับเขาบ้างหรือเปล่า
“ก็ต้องมีสิยะ ไม่อย่างนั้นจะได้เกิดเป็นคนหรอ อ้อ แล้วฆ้องมันก็ร้อนออกอย่างนี้ใครจะกล้าลูบ ไหนดูซิว่ามือคนไม่มีบุญไหม้รึยัง ฮ่าๆ”และวินาทีนั้นเขาก็รู้ตัวว่าถูกแม่ตัวดีแกล้งเข้าให้แล้ว นึกอยากจะจับหัวคนขี้แกล้งตีฆ้องให้มันดังซะรู้แล้วรู้รอด
“เห้ยๆ อย่างอนน่า มานี่ๆ”เธอจูงมือเขาเดินเขามาในลานกว้างอีกนิดหน่อยก็เจอเข้ากับรูปปั้นช้างขนาดใหญ่ คนตัวเล็กเดินไปพรีเซนต์อย่างคล่องแคล่ว
“นี่ๆ เขาบอกว่าลอดท้องช้างจะทำให้โชคดี รอดพ้นจากเคราะห์ภัยอันตราย” เธอยิ้มหวานก่อนจะเดินมาจูงมือเขาเดินไปลอดท้องช้างด้วยกัน
“เดี๋ยวขึ้นไปไหว้พระกัน”เธอเดินจูงมือเข้าขึ้นบันไดสูงที่ข้างบนมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่ เขาเดินไปหยิบดอกไม้ธูปเทียนให้คนตัวเล็กและบริจาคเงินใส่ตู้รับบริจาค ก่อนจะเดินไปนั่งคุกเข่าหน้าพระพุทธรูปปางสมาธิขนาดใหญ่ เขาสวดมนต์ตามบทสวดที่แปะไว้เบื้องหน้าก่อนจะอธิษฐานในสิ่งที่ใจปรารถนา...
ธนันต์ธรญ์มองชายหนุ่มที่ยืนชมวิวอยู่เงียบๆ อดคิดไม่ได้ว่าอันที่จริงเขาก็ไม่ใช่ผู้ชายที่พูดมาก เขาติดจะเงียบขรึมและกับคนอื่นเขาไม่ใช่คนที่จะสนุกสนานอะไร แต่ทำไมเวลาเธออยู่กับเขาเธอถึงได้รู้สึกว่าเขาทำให้เธอมีความสุข อบอุ่นใจ แม้ไม่ได้พูดคุยกัน แค่สายตาของเขาที่มองมา มันก็ทำให้เธอมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
“เมาแดดหรอ ทำไมเงียบไปล่ะ”เธอเอ่ยกับเขา ชายหนุ่มหันมามองเธอก่อนจะยิ้มน้อยๆ
“ผมแค่กำลังคิดว่าถ้าชีวิตของผมไม่วุ่นวาย ไม่มีเรื่องให้หนักใจอะไร ตอนนี้ผมคงมีความสุขมากกว่านี้”
“แล้วตอนนี้ไม่มีความสุขหรอคะ”
“ไม่ ตอนนี้ผมมีความสุข...แต่ผมคิดว่าผมกำลังจะมีเรื่องน่ะสิ”
“ผู้หญิงคนนั้นเขาไม่ยอมหรอคะ”เธอเอ่ยถามอย่างอยากรู้
“คิดว่าอย่างนั้นนะ...ช่างมันเถอะ กินไอติมไหม”เธอพยักหน้าน้อยๆ คิดว่าชายหนุ่มคงไม่อยากมีเรื่องไม่สบายใจมาให้ขบคิดตอนนี้ ตอนนี้เขามาเที่ยวและเธอก็อยากให้เขามีความสุข
เธอนั่งรอชายหนุ่มที่ไปซื้อไอศกรีมอยู่บนม้านั่งใต้ร่มไม้ รอเพียงไม่นานเขาก็ยื่นไอศกรีมให้เธอ เธอรับมาก่อนเขาจะนั่งลงใกล้ๆกัน
“ร้อนล่ะสิ”
“ร้อนสิ แดดส่องเหม่งขนาดนี้หนาวมั้ง”เธอว่าพลางทานไอศกรีม เธอมองเขางงๆเมื่อเขายื่นไอศกรีมของเขาให้เธอ
“ให้ถือไม่ได้ให้กิน”เธอเบ้ปากให้เขา ก่อนจะถือไอศกรีมของเขาขึ้นมากินซะเลย ใครสนคำสั่งของเขากัน!
ภาณุยีผมนุ่มของคนตัวเล็กอย่างหมั่นไส้ในความดื้อรั้นของเจ้าตัว เขาเดินอ้อมาด้านหลังร่างเล็ก หยิบยางรัดผมที่เพิ่งจะซื้อมา สางผมนุ่มก่อนจะรวบและมัดอย่างเก้ๆกังๆเพราะไม่เคยทำให้ใคร
“หายร้อนยัง”เขาถามขณะเดินมานั่งข้างๆร่างเล็ก เธอพยักหน้าน้อยๆ ใบหน้าของเธอแดงก่ำและเขาไม่รู้ว่าเพราะอากาศหรือเธอกำลังเขินอายกันแน่
“อ่ะ”เขามองไอศกรีมที่ถูกกินไปกว่าครึ่งก่อนจะเอ่ยยิ้มๆ
“เอาไปเหอะ น่าเกลียดจริงๆ กินเหลือแค่นี้ยังมีหน้าเขามาให้อีก”
“รังเกียจหรือไง”
“แค่กินไอติมด้วยกันจะสู้จูบในห้องนอนผมได้หรอ”เธอมองเขาตาขวาง
“นิสัยไม่ดี!”
“อะไร ก็พูดความจริง”
“ความจริงข้อนี้ลืมไปเลยก็ได้ย่ะ”เขาหัวเราะร่วน ก่อนจะนั่งมองธนันต์ธรญ์ทานไอศกรีมเงียบๆ สายลมพัดพาความเย็นสบายเข้ามาเอื่อยๆ เขาอยากหยุดวินาทีนี้ไว้นานๆ วินาทีที่เขามีธนันต์ธรญ์อยู่ข้างกาย วินาทีที่มีแต่ความสงบได้ยินเพียงเสียงของสายลมที่พัดผ่าน...
“เหนื่อยแล้วหรอ นี่เราไปซื้อกับข้าวไปทำที่บ้านฉันไหม คุณบอกว่าชอบฝีมือแม่ฉันไม่ใช่หรอ”เขามองคนตัวเล็กที่เอ่ยชวนเสียงหวานยิ้มๆ
“ที่ไหนล่ะ”
“ไม่ไกลหรอก ที่นี่ไม่มีกุ้ง หมึกทะเลสดๆ แต่ว่าปลานี่สดม้ากมาก”เธอยิ้มสดใส ก่อนจะจูงมือเขาไปที่รถเพื่อไปซื้อกับข้าวสำหรับเย็นนี้
เย็นนี้ดูเหมือนว่าบ้านนีระสิงห์จะคึกคักเป็นพิเศษ ภาณุกำลังติดถ่านเตาย่างเพื่อให้ธนันต์ธรญ์เอาปลาแม่น้ำโขงตัวโตๆ และกุ้งแม่น้ำสดๆที่เขาได้มาเมื่อตอนบ่ายมาย่าง ทว่าเมื่อเขาติดเตาเสร็จเสียงกริ่งหน้าบ้านกลับดังขึ้น
ภาณุหันซ้ายหันขวาไม่เห็นใคร เพราะเข้าใจว่าทุกคนกำลังวุ่นๆอยู่ในครัว จึงเดินไปเปิดประตูบ้าน
“สวัสดีครับ มาหาใครครับ”เขาเอ่ยทักขณะเปิดกลอนประตู หากแต่ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูทำให้เขาต้องตกใจ!
...สายลมแห่งตะวัน
เม้น+โหวต Naaaaaaa
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ