Beside...สายลมเคียงใจนายตะวัน
9.7
เขียนโดย OUM_PF
วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 12.31 น.
45 ตอน
590 วิจารณ์
95.06K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557 17.57 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
23)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความBeside...สายลมเคียงใจนายตะวัน
ตอนที่๒๓
ธนันต์ธรญ์นั่งมองมารดาที่คุยกับภาณุอย่างถูกคอ เธอฟังเขาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตนักบินที่ยากทั้งตอนเรียนและตอนทำงาน เธอสัมผัสได้เลยว่าเขาทั้งฉลาด และมีไหวพริบปฏิภาณ ก็สังเกตได้จากความเจ้าเล่ห์จอมมารยาของเขาทั้งแต่เธอพบกับเขามา ผู้ชายบ้าอะไรมีมารยาพันเล่มเกวียน
“แล้วตอนโดดร่มนี่คุณรอดมาได้ยังไง”เธอถามกวนประสาทเขา ก่อนจะโดนมารดาดุที่พูดจากำกวมเหมือนจะแช่งเขา
“น้องอู้อะหยัง บ่น่าฮักเลยหนาลูก(น้องพูดอะไรไม่น่ารักเลยนะลูก)”
“ไม่เป็นไรครับ อันที่จริงผมก็เกือบจะไม่รอดเหมือนกันครับ ตอนครูฝึกถีบลงมาร่มมันไม่กาง ตอนนั้นสติแตกเลยครับ แต่ไอ้เพื่อนบ้าบอสองคนของผมมันตะโกนบอกให้ว่ามีร่มฉุกเฉินอยู่ ตอนนั้นผมตั้งสติได้รีบกางร่มครับ โชคดีที่ร่มมันกางไม่อย่างนั้นศพคงไม่หล่อเท่าไหร่ แต่ไอ้เพื่อนผมมันตะโกนจนเส้นเสียงอักเสบคอแหกพูดไม่ได้เป็นสองเดือนเลยล่ะครับ และมันทำให้ผมรู้ว่าพวกมันพร้อมจะอยู่ข้างๆผมเสมอ ตอนที่ผมหนีมาบ้านคุณยายก็พวกมันทั้งนั้น”เธอไม่รู้จะหัวเราะหรือตกใจในสิ่งที่ภาณุเล่าดี แต่ดูเหมือนมารดาจะสนใจอย่างอื่นมากกว่า
“หนี ทำไมต้องหนีจ๊ะ”เธอหันขวับไปมองเขา ที่มีสีหน้าตกใจไม่แพ้กันที่เผลอพูดเรื่องนี้ขึ้นมา
“เอ่อ คือว่าผมมีปัญหานิดหน่อยน่ะครับ คุณน้าอย่าสนใจเลยครับ”เธอโล่งอกเมื่อมารดาพยักหน้ารับแต่โดยดี
“เย็นแล้ว เดี๋ยวน้าไปทำอาหารดีกว่า คุณภาณุอยู่ทานด้วยกันนะคะ”
“ด้วยความยินดีครับ”
ภาณุมองเสี้ยวหน้าหวานที่นั่งอยู่เงียบๆ วันนี้เธอคงจะเหนื่อยมาทั้งวันถึงไม่ได้แผลงฤทธิ์เหมือนทุกวัน เขาเองก็เหนื่อยเหมือนกัน ไม่เคยขับรถมาแบบเอื้อยๆอย่างนี้นานแล้ว ทำให้ใช้เวลาในการเดินทางนานกว่าทุกครั้ง มากกว่าครั้งที่หนีหัวซุกหัวซุนจากกรุงเทพฯมาลำปางเสียอีก
“ฮ้าว ง่วงนอน นอนแป๊บนึงนะ”
“ไม่ไปช่วยแม่ทำอาหารหรือไง”เขาถามอย่างแปลกใจ เพราะอยู่ที่นู้นก็ไม่ค่อนจะเห็นหญิงสาวเข้าครัว เว้นก็แต่ตอนที่เข้าไปหาของกินเท่านั้น มันผิดกับหน้าตาหวานๆของเจ้าหล่อนเป็นบ้า
“เข้าครัวหรอ แม่ได้เตะฉันออกมาแหงๆ”
“ทำไม”
“ง่ายๆ ฉันทำอะไรไม่เป็นเลยสักอย่าง”
“ฮะ! ต้องมีสักอย่างสิที่คุณทำเป็นเอ่อ ไข่ต้มไงง่ายๆ”เขาชวนเธอคุยต่อ มองใบหน้าหวานที่เหยเกของเธอยิ้มๆ
“ฉันทำมันแตกตอนหย่อนมันลงไปในน้ำร้อนเดือดๆ ดูสิ แขนยังมีแผลเป็นอยู่เลย”เธอยื่นแขนให้เขาดูก่อนจะเห็นรอยสีน้ำตาลรอยเล็กๆอยู่บริเวณท้องแขนขาวนวล
“มันน่าเอามาทำเมียไหมนี่”เขาจิ้มหน้าผากคนตัวเล็กจนหน้าหงาย คนตัวเล็กพอตั้งหลักได้ทันก็จะเอาคืนเขาบ้าง แต่ดีที่เขากันหมัดเล็กๆของเธอได้ก่อน
“ปล่อยนะ ไม่งั้นจะฟ้องแม่จริงๆด้วย จะบอกด้วยว่าคุณเอาฉันเข้าไปเกี่ยวกับแผนบ้าบอของคุณ”เขารวบเอวเล็กเข้ามาใกล้จนแทบจะเกยตัก ก่อนจะเอ่ยเสียงเข้ม
“แหม ทำไมพูดกับผัวขาอย่างนั้นล่ะคะเมียจ๋า”เขาสนุกเป็นบ้าที่ได้กวนประสาทเธอ ใบหน้าหวานของเธอเหมือนคนกำลังจะร้องไห้อย่างไรอย่างนั้น
“คนบ้า! ทำไมคุณถึงได้กวนประสาทฉันเก่งแบบนี้นะ ไม่ไหวแล้วนะ”
“ทำไม จะทำอะไร”เขาถามอย่างท้าทาย พลางดึงร่างเล็กเข้ามาแนบชิด มองใบหน้าหวานที่แก้มสองข้างของเธอป่องขึ้นอย่างแสนงอน นึกอยากจะหอมให้มันช้ำไปเลยเสียด้วยซ้ำ หากนี้เขาไม่ได้อยู่ที่บ้านของหญิงสาว และคิดว่ากำลังอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ ที่เขาและเธออยู่ในท่วงท่าที่ใกล้ชิดกันแบบนี้ก็ไม่สมควรแล้ว แต่เขายังอยากจะข่มขวัญคนอวดดีต่ออีกสักหน่อย
“เอาหูมาใกล้ๆสิจะบอกให้”เขาหัวเราะน้อยๆก่อนจะยื่นหูเข้าไปใกล้คนตัวเล็กแต่โดยดี แม่ตัวดีเอามือป้องปาก ก่อนจะ...
“กรี๊ด!!!!”
ธนันต์ธรญ์มองชายหนุ่มที่ส่งสายตาอาฆาตมาให้ยิ้มๆ ลอยหน้าลอยหน้ายิ้มให้เขาอย่างไม่รู้สึกรู้สา สะใจเป็นบ้า อย่างนี้คงหูดับไปอีกหลายวันแน่ๆ ช่วยไม่ได้ใครใช้ให้มาแกล้งเธอก่อน
“อ้าว เป็นอะไรไปล่ะคะคุณภาณุ”
“ยายตัวแสบ”
“โอ้ย เจ็บจังเลยค่ะ อย่าด่าเมียจ๋าอย่างนั้นสิคะ...สามีขา”
คุณพิมพ์ดาวสะดุ้งน้อยๆเมื่อโดนอ้อมแขนเรียวของลูกสาวกักกอดไว้พร้อมกับจมูกโด่งรั้นที่หอมแก้มหล่อนฟอดใหญ่ หล่อนตีมือคนช่างอ้อนเบาๆอย่างมันเขี้ยว
“แม่ยะกับข้าวยังบ่เสร็จเตื้อ(แม่ยังทำอาหารไม่เสร็จ) ออกไปก่อนป่ะ”
“บ่เอา น้องจะอยู่จ้วยแม่(น้องจะอยู่ช่วยแม่)”ว่าแล้วร่างเล็กของลูกสาวก็เดินไปหยิบผักในตะกร้าไปล้างอย่างที่เคยทำประจำ หล่อนมองลูกสาวสลับกับร่างสูงใหญ่ของภาณุที่นั่งนิ่งอยู่ใต้ต้นปีบ ท่าทางทั้งสองสนิทสนมกันเกินกว่าที่หล่อนคิดไว้ซะอีก...
“ตะกี้น้องไปตะโกนใส่หูเปิ้นได้จะใดฮึ”หล่อนเอ่ยคาดโทษลูกสาวที่เมื่อกี้หล่อนเห็นกับตาว่าเด็กน้อยแผลงฤทธิ์ใส่ชายหนุ่ม
“น้องบ่ได้ตะโกนเน้อ น้องเอ๊กเอา(น้องกรี๊ดต่างหาก)”
“นั่นแหละ ยะจะอี้บ่น่าฮักเลยฮู้ก่อ(ทำอย่างนี้ไม่น่ารักเลยรู้ไหม)”
“โธ่แม่ขา ก็เปิ้นเคียว(แกล้ง)น้องก่อน”ลูกสาวออดอ้อนเสียงหวาน ก่อนจะวางตะกร้าผักลงบนโต๊ะ
“น้าดาวเจ้า ยอดมะขามได้แล้ว”เสียงแหลมเล็กของแตงกวาก็เข้าขัดจังหวะก่อนที่หล่อนจะได้ดุลูกสาวต่อ ร่างเล็กของแตงกวาเดินเข้ามาในห้องครัว ก่อนจะอุทานราวกับไม่เคยเห็นธนันต์ธรญ์
“คุณฟาง!”
“อะหยัง ยะอย่างบ่เกยหันฟาง โอ๊ะ บ่ต้องมากอดเลย(อะไร ทำอย่างกับไม่เคยเห็ยฟาง โอ๊ะ ไม่ต้องมากอดเลยนะ)”
“แฟนคุณฟางหล้อหล่อเจ้า เหมือนหนูเกยหัน(เคยเห็น)ในทีวีเลย”หล่อนส่ายหน้าเอือมระอากับความแก่แดดของแตงกวา ก่อนจะหันมาสนใจอาหารที่กำลังปรุงอยู่ต่อ
“จะหันได้จะใด เปิ้นบ่ใจ้ดาราสักหน่อย แล้วเปิ้นก็บ่ได้เป็นแฟนฟางโตย(จะเห็นได้ยังไง เขาไม่ใช่ดาราสักหน่อย แล้วเขาก็ไม่ใช่แฟนฟางด้วย)”
“เอ้า ก็หันแต้ๆเนี่ยหนาเจ้า เหมือนเปิ้นหนีงานแต่งเอี้ยเจ้า(เหมือนเขาหนีงานแต่งงานอะไรประมาณเนี่ยค่ะ) แม่หญิงเปิ้นก็น่าฮักหนา แต่ว่าต้องเป็นหม้ายขันหมาก ตอนนี้ข่าวนี้ดังกลบกระแสคู่จิ้นสมเดชกับยาหญ้าเลยหนาเจ้า”หล่อนหัวเราะอย่างอดไม่ได้เมื่อเห็นแตงกวาเริ่มเพ้อเจ้อใหญ่แล้วจึงเรียกใช้
“น้าว่าตั๋วเพี้ยนแล้ว อู้นักแต้ๆละอ่อนคนนี่ เอายอดมะขามมาหื้อน้าหน่อยเร็ว”
ธนันต์ธรญ์ช็อกจนแทบบ้าเมื่อได้ยินเรื่องที่แตงกวาบอกเล่า ถ้าข่าวดังขนาดนี้ แสดงว่าเขาต้องไม่ใช่คนรวยธรรมดา แต่ต้องมีชื่อเสียงด้วย แล้วเธอจะติดร่างแหไปกับเขาหรือเปล่า เธอไม่อยากถูกตราหน้าว่าแย่งผู้ชายของใครหรอกนะ เธอก้าวเร็วๆไปยังร่างสูงที่นั่งอยู่บนตั่งใต้ต้นปีบ
“คุณ!”
“อะไร ผมตกใจหมดคุณนี่มันเสียงดังจริงๆเลยนะ”
“คุณได้ดูทีวีบ้างหรือเปล่า แตงกวาบอกว่าข่าวของคุณกับผู้หญิงคนนั้นดังมากเลยนะ”
“แล้วไง?”
“แล้วไงหรอ ถ้าคุณดังขนาดนั้น คนก็ต้องตามหาล่ะสิว่าฉันเป็นใคร มาแย่งคุณไปได้ยังไงทั้งที่คุณกำลังจะแต่งงาน คราวนี้แหละฉันกลายเป็นหญิงแพศยาแน่”
“แพศยงแพศยาบ้าบออะไร ก็บอกอยู่หยกๆว่าผมจีบคุณอยู่ เข้าใจอะไรยากจริง”เธออยากจะกระโดดงับหูเขาเดี๋ยวนี้ และเดี๋ยวนี้ เขาบ้าไปแล้วหรือไงนะถึงมองไม่เห็นปัญหาใหญ่ที่กำลังตามมา
“ฉันเข้าใจย่ะ แต่คนอื่นจะเข้าใจเหมือนเรารึเปล่า ไม่เอานะคุณฉันไม่อยากโดนด่านะ ฉันอยู่ของฉันดีๆนะเว้ย คุณมายุ่งกับฉันก่อน”
“เออๆ เข้าใจแล้วครับ แต่ตอนนี้คุณผู้หญิงใจเย็นๆก่อนนะ นักข่าวสืบถึงฟางเมื่อไหร่ผมจะบอกเองว่าต้องทำยังไง”
“แล้วทำยังไงล่ะ”
“ก็แต่งงานกันไง หลังจากนั้นก็ไปฮันนีมูน มีลูก เลี้ยงลูก ส่งลูกเรียน นั่งมองความสำเร็จของลูก อยู่เป็นเพื่อนรู้ใจกันยามแก่เฒ่า นั่งจับมือกันบนเก้าอี้โยกในสวนดอกปีบ”เขาจับมือของเธอขึ้นกดจูบเบาๆ ทว่ารอยจูบของเขากลับมาอิทธิพลมากมายกับเธอ เขาวาดอนาคตไว้ร่วมกับเธออย่างนั้นหรือ...เขาคิดจะหยุดที่เธอคนเดียวจริงๆหรือ...
“พูดเหมือนง่าย ถ้าอยากแต่งงานกับฉันสามปีเป็นอย่างต่ำย่ะ อ้อ และฉันก็ไม่คิดงี่เง่าจะทำแบบนั้นแน่ แต่งงานกับคุณเป็นทางสุดท้ายที่ฉันจะเลือก”
“งั้นผมก็จะทำทุกวิถีทาง บีบให้มันเหลือแค่หนทางสุดท้าย เพราะผมต้องการคุณ”
...สายลมแห่งตะวัน
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ