(FANFIC) THE HUNGER GAME EVOLUTION
เขียนโดย JOMTUP
วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 10.49 น.
แก้ไขเมื่อ 4 เมษายน พ.ศ. 2557 08.20 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
2) อาสาสมัคร
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความครั้งหนึ่งเมื่อฉันยังเด็กฉันเคยจมน้ำสระหลังโรงเรียนรู้สึกเหมือนระบบหายใจหยุดทำงานแน่หน้าอกเหมือนร่างกายถูกดูดออกซิเจนออกไปจนหมดและนั่นคือสิ่งที่ฉันรู้สึกเมื่อได้สติกลับคืนมาฉันพบว่าตัวองกำลังก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆเหมือนจะไปคว้าพริมไว้ รู้สึกว่าหน้ามืดเหมือนจะเป็นลมแต่ฉันก็ยังฝืนทรงตัวไว้ได้ ทำไมถึงเป็นพริม อีกครั้งที่ฉันมองหน้า แคตนิส เธอดูสิ้นหวังพอๆกับฉัน ฉันจะทำยังไงดี ฉันจะทำยังไงดี ภาพพริมก้าวขึ้นไปบนเวทีเรียกสติของฉันกลับมา
“พริม! ไม่นะ พริม!” ฉันแหวกผู้คนออกแต่ก่อนจะไปถึงตัวเธอ ผู้พิทักษ์สันภาพสองคนในแถวก็มาล็อคตัวฉันไว้ “ไม่ปล่อยนะ ฉันจะอาสา ฉันขออาสา ฉันอาสาเอง” ฉันพูดพร้อมผลักพวกเขาออกไป
“ฉันของอาสาเป็นบรรณาการ!” ฉันพูดด้วยเสียงดังก้อง ผลักผู้พิทักษ์สันติภาพให้พ้นทาง
ฉันวิ่งไปหาพริมกอดเธอไว้ “พริมกลับไปหาแม่นะ ไปให้พ้นจากที่นี่ ไปสิ” ฉันผลักเธอไป “ไม่ ไม่” พริมปฏิเสธ “พี่เสียใจพริม พี่เสียใจ กลับไปอยู่กับแม่นะได้โปรด” ใครบางคนดึงเธอ ออกไป เกล พริมร้องเสียงหลง สิ่งเดียวที่ฉันทำได้คือกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้มันไหลแล้วรีบก้าวขึ้นมาบนเวที
“ โอ้ มีเหตุการณ์พลิกผันบีบคั้นหัวใจ” เอฟฟี่พูด ฉันก้าวขึ้นไปยังบนเวที และลอบมองแคตนิส ฉันรู้ว่าเธอจะพูดอะไรเพียงแค่มองตา ฉันส่ายหน้าให้เธอนิดๆ เอฟฟี่รีบซักถามชื่อฉันทันที
“ชื่ออะไรจ๊ะ” เอฟฟี่ถาม “แวน….แวนด้า เอฟเวอร์ดีน” เอฟฟี่ยิ้มอย่างเริงร่า “นี่เป็นอาสาสมัครคนที่สองจากเขตสิบสอง ปรบมือดังๆหน่อย” เพื่อเป็นเกียรติตลอดกาลของเขตไม่มีใครปรบมือ พวกเขาค่อยๆยกมือซ้ายแนบริมฝีปากและชูขึ้นจากหนึ่งคนและทุกๆคน พร้อมกับยกสามนิ้วขึ้นชูมาทางฉัน บอกให้รู้ถึงการล่ำลาฉัน คำล่ำลาเงียบๆของคนทั้งเขตทำให้น้ำตาฉันร่วงลงมาหนึ่งหยดกับเสียงสะอึกในลำคอ
“ต่อไป ตาหนุ่มๆ” เอฟฟี่รีบกู้สถานการณ์ด้วยการรีบคัดเลือกบรรณาการฝ่ายชาย เธอก้าวฉับๆอย่างรวดเร็วก่อนที่จะคว้านชื่อซักพักและหยิบขึ้นมาแล้วเดินกลับมาที่แท่นโพเดียมและอ่ายชื่อออกมาดังๆ “ปีเตอร์ เมลลาร์ก
ไม่นะ! ทำไมต้องเป็นปีเตอร์ แล้วความคิดหนึ่งก็วาบขึ้นมาในหัว เด็กที่เป็นญาติพี่น้องหรือแม้กระทั่งลูกของผู้พิชิตหากมีพวกเขาในการแข่งจะทำให้เกมปีนั้นน่าตื่นเต้นเหมือนที่กำลังเกิดขึ้นเพราะจะเป็นการเรียกคะแนนจากผู้ชมได้ดี ฉันเฝ้ามองปีเตอร์ค่อยๆเดินขึ้นมาบนเวที ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นไม่ได้มีแววตื่นตระหนก เขาก้าวขึ้นมาอย่างมั่นคงและเข้าประจำที่ยืนข้างฉัน
นายกเทศมนตรีเริ่มอ่านสนธิสัญญาว่าด้วยความผิดฐานกบฏอันยาวเหยียดจนจบและทำท่าบอกให้ฉันกับปีเตอร์จับมือกันมือของปีเตอร์หนักแน่นและอบอุ่นปีเตอร์มองหน้าฉันแล้วฝืนยิ้มให้กำลังใจ
เราหันกลับไปหาฝูงชนขณะที่เพลงชาติบรรเลง
ทันทีที่เพลงชาติจบลงเจ้าหน้าที่ก็พาเราเดินผ่านเข้าไปในประตูด้านหลังอาคารกระทรวงยุติธรรม ทันทีที่เข้าไปข้างในฉันก็ถูกพามายังห้องห้องหนึ่งทิ้งให้อยู่ตามลำพัง ฉันนั่งลงและอำมือลูบผมตัวเองเบาๆขณะพยายามเตรียมรับมือกับการร่ำราแม่ พริม พยายามจะไม่ปล่อยโฮเมื่อแม่กับพริมเข้ามาฉันวิ่งไปกอดบังคับไม่ให้ร้องไห้แต่น้ำตากลับไหลออกมา ฉันยืนกอดแม่ร้องไห้สะอึกสะอื้นระบายความอัดอั้นออกไปจนหมด และเริ่มสั่งเสียแม่ “แม่ฟังหนูพูดให้ดีๆนะ แม่จะต้องรับมันให้ได้” ฉันพูดทั้งที่ตัวเองยังร้องห่มร้องไห้
แม่มองหน้าฉันและลูบเบาๆ “แม่รู้แม่จะพยายาม แต่ลูกเองก็ต้องสัญญากับแม่ว่าลูกก็จะต้องพยายามนะลูกจะแพ้โดยไม่สู้ไม่ได้” แม่พูด ฉันพยักหน้าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือฉันสามารถลืมได้ว่าบรรณาการคนอื่นเป็น มนุษย์
“แม่รู้ว่าลูกกลัวอย่ากลัว ลูกมีอาวุธพร้อมอยู่แล้ว ลูกต้องสู้” แม่พูดอย่างหนักแน่นเป็นครั้งแรกที่แม่พูดอะไรทำนองนี้ ฉันพยักหน้า ฉันหันไปหาพริมและกอดเธอไว้แน่นไม่ว่ายังไงก็ตามพวกเขาคือครอบครัวฉันคือผู้ให้ชีวิตฉัน “แวนด้า พี่อาจชนะก็ได้” คำพูดแรกของพริมทำให้ฉันสะอึก ไม่มีวันที่ฉันจะชนะ พริมรู้ดีฉันไม่เหมือนแคตนิส เธอเก่งกว่าฉันในด้านนี้ แต่ฉันจะพูดแบบนี้ออกไปหรอก “แน่นอน มีโอกาสเพราะพี่หัวดี”
“พี่ล่าสัตว์เป็น” พริมพูด เธอหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋า เป็นสร้อยคอรูปนกม็อกกิ้งเจย์แบบเดียวกับแคตนิสเพียงแต่มันเป็นสร้อยคอ “เก็บไว้คุ้มครองพี่” ฉันรับมา “ขอบใจนะ”
ผู้พิทักษสันติภาพมาที่ประตูบอกว่าหมดเวลา ฉันดึงพริมและแม่ไปกอด “หนูรักแม่มากนะคะ พี่รักเธอนะ ขอบคุณสำหรับทุกๆอย่าง ขอบคุณสำหรับชีวิตใหม่” ฉันพูดได้เท่านี้ตอนพี่พวกเขาดึงแม่และพริมไป “สัญญานะว่าพี่จะชนะ” พริมตะโกนไล่หลัง “พี่สัญญา” ฉันพูดก่อนที่ประตูจะปิดลง
ฉันนั่งลงกับโซฟาเอาหน้าซุกลงตรงฝ่ามือเหมือนจะร้องไห้อีก ใครอีกคนเข้ามาในห้องเมื่อเงยหน้าขึ้นมองพบว่าเป็นพ่อของปีเตอร์ เรารู้จักกันเพราะเขาเป็นเพื่อนกับแม่และบางครั้งฉันก็มักจะเอาแยมผลไม้ที่ฉันทำไปขายให้เขาบ่อยๆเขาหยิบเอาห่อกระดาษสีขาวออกให้เมื่อเปิดดูพบว่ามันคือคุกกี้ช็อกโกแลตของโปรดฉัน
“ขอบคุณค่ะ” ฉันพูดเขาพยักหน้าให้น้อยๆแล้วยิ้มให้ก่อนที่จะเดินออกไป
ระยะทางจากกระทรวงยุติธรรมไปถึงสถานีรถไฟนั่งรถแค่ครู่เดียวฉันไม่เคยนั่งรถยนต์มาก่อนแต่เคยนั่งเกวียนครั้งสองครั้ง เพราะในเขตสิบสองไม่มีรถยนต์ให้ใช้คนส่วนใหญ่จะใช้สองเท้าหรือไม่ก็เกวียนมากกว่า
ฉันคิดผิดมากที่ร้องไห้เพราะสถานีรถไฟคลาคล่ำไปด้วยผู้สื่อข่าวกับกล้องที่เหมือนแมลงซึ่งตรงดิ่งมาที่หน้าฉันกับปีเตอร์ ฉันปั้นสีหน้าให้ดูปกติเพื่อกลบเกลื่อนซึ่งได้ผลทีเดียว
เราต้องยืนหน้าประตูทางขึ้นรถไฟครู่หนึ่งเพื่อให้ กล้องจับภาพ จากนั้นก็ได้รับอนุญาตให้เข้าไปข้างในก่อนที่ประตูจะปิดลงด้านหลังขบวนรถไฟเริ่มขยับทันที ฉันรู้สึกตื่นเต้นกับความเร็ว ฉันไม่เคยขึ้นรถไฟและนี่ไม่ใช่รถไฟธรรมดาแต่เป็นรถไฟความเร็วสูงของแคปิตอล ความเร็วเฉลี่ย 250 ไมล์ต่อชั่วโมง ดังนั้นการเดินทางไปยังแคปิตอลจึงใช้เวลาไม่ถึงวัน
ห้องของขบวนรถไฟหรูหรายิ่งกว่าห้องใดๆ ในกระทรวงยุติธรรม บนห้องนั่งเล่นมีขนมสีสันสดใสกับพายสอดไส้สารพัดวางอยู่บนจานหรูหราและตรงมุมห้องก็ยังมีของเหลวสารพัดสีซึ่งคงต้องเป็นเหล้าหรือไวน์อะไรสักอย่างกับเหยือกใส่น้ำผลไม้หลากชนิด ฉันกับปีเตอร์ตั้งท่าจะหยิบของกินอยู่รอมร่อแต่ เอฟฟี่ บอกให้เราไปดูห้องของตัวเอง ในห้องมีเสื้อผ้าและชุดมากมายให้เลือก และมีเตียงผ้านวมหนาเป็นปุยนุ่ม เอฟฟี่สั่งให้เราอาบน้ำแต่งตัวก่อนแล้วค่อยไปกินมื้อค่ำในอีกหนึ่งชั่วโมง
ฉันถอดเสื้อผ้าออกหมด เนื้อตัวเหนียวเหนอะหนะจากเหงื่อไคล ที่บ้านฉันมีฝักบัวเหมือนกันแต่ไม่ใช่แบบ แคปิตอล แค่แผงควบคุมฝักบัวก็มีปุ่มให้กดนับสิบปุ่ม ฉันเลยลองสุ่มกดตอนอาบน้ำ จบลงด้วยฉันกระโดดสลับเท้าไปมาจากน้ำที่ยังเย็นฉ่ำกลายเป็นน้ำร้อนควันกรุ่นพุ่งออกมาแทน ฉันแทบจะสุกเลยทีเดียว หลังอาบน้ำเสร็จฉันเลือกแต่งตัวด้วยเสื้อยืดคอปกสีดำกับกางเกงขายาวสีน้ำตาล
เอฟฟี่มาตามฉันไปกินอาหารค่ำ ฉันเดินตามเธอไปห้องอาหารพบว่าเฮย์มิตต์ แคตนิสและพีต้า อยู่กันก่อนแล้ว ฉันเดินลงไปนั่งข้างๆปีเตอร์โดยอัตโนมัติ ฉันกับแคตนิสไม่กล้าที่จะสบตากันเพราะกลัวว่าอารมณ์ที่พุ่งพล่านภายในจะระเบิดออกมา
อาหารค่ำมาเป็นชุดทีละอย่างทั้ง สเต็กหมูนุ่มลิ้น ซุปปลา สลัดผัก เนื้อไก่งวงย่าง เค้กวนิลา ผลแอปเปิ้ลที่จุ่มลงในหม้อช็อกโกแลตร้อน ฉันไม่เคยสัมผัสอาหารดีมากขนาดนี้มาก่อนฉันเลยยัดเข้าไปจนแน่น
“เอาล่ะ ฉันขอทบทวนชื่อนายหน่อยสิพ่อหนุ่ม” เฮย์มิตต์ถามปีเตอร์ที่นั่งข้างฉัน เขาไม่จำเป็นต้องทบทวนชื่อฉันอยู่แล้ว
“ปีเตอร์ เมลลาร์ก” ปีเตอร์ที่นั่งข้างฉันพูด เฮย์มิตต์นิ่วหน้า
“อืม ก็ไม่น่าแปลก อย่างน้อยเกมปีนี้ก็มีสีสัน” เอฟฟี่พูดอย่างร่าเริงก่อนที่จะจิ้มเนื้อแกะแล้วใส่ปากโดยไม่สนใจกับบรรยากาศรอบข้างที่ดูแปลกๆไป
เมื่ออาหารค่ำสิ้นสุดลงเราก็เดินไปดูสรุปเหตุการณ์ในวันเก็บเกี่ยวทั่วทั้งพาเน็มมีคนที่โดดเด่นไม่กี่คนเด็กหนุ่มตัวใหญ่ล่ำและแววตาดูอำมหิตจากเขต1 เด็กสาวที่สูงเกือบ6ฟุตจากเขต2และแสดงออกชัดเจนว่าอยากจะเข้าสู่เกมเต็มที่ เด็กหนุ่มตัวสูงผมสีทองประกายจากเขต4เมื่อมาถึงเขตเรา ฉันรู้สึกอายเล็กน้อยที่ตัวเองตะโกนอาสาแทนพริมแล้วก้าวไปที่เวทีขาสั่นพับ น้ำตาเกือบนองหน้า แต่สีหน้าปีเตอร์ตกใจเล็กน้อยก่อนที่จะกลับมาเป็นปกติและก้าวออกมาอย่างกล้าหาญ เขาไปยืนประจำตำแหน่งเราจับมือกันแล้วรายการก็จบ
เราพูดคุยกันอีกสักพักก่อนที่เฮย์มิตย์จะไล่เราสี่คนให้เข้าห้องนอนโดยที่ฉันไม่มีโอกาศได้พูดกับแคตนิสซักคำ ฉันกลับเข้าห้องตัวเองรู้สึกเหนื่อยล้าและคิดถึงแม่และพริม คิดถึงบ้าน ฉันนอนลงบนเตียงนุ่มและหลับลง
ในตอนเช้าฉันถูกปลุกให้ตื่นโดยเอฟฟี่ที่มาเคาะประตูห้องฉันเข้าไปอาบน้ำและแต่งตัวใหม่เราใกล้เข้าสู่แคปิตอลเต็มทีทั้งยังต้องเตรียมตัวในพิธีเปิดตัวพวกเราสี่คนเอ่อ….สองสิต้องเตรียมตัวเข้าสู่พิธีเปิดตัวในตอนค่ำและหวังอย่างยิ่งว่าซินน่าจะยังเป็นสไตล์ลิส ของเขตสิบสองอยู่ ฉันจึงรู้จักเขาตอนปีปลาย ผลงานของเขายอดเยี่ยมมากจนฉันตะลึงในเขต12ไม่เคยมีใครเปิดตัวได้น่าตื่นตาตื่นใจ เท่านี้มากก่อนและฉันหวังว่าปีนี้ก็เช่นกัน
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ