(FANFIC) THE HUNGER GAME EVOLUTION
เขียนโดย JOMTUP
วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 10.49 น.
แก้ไขเมื่อ 4 เมษายน พ.ศ. 2557 08.20 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
1) เกมล่าชีวิต
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความฉันนั่งมองดูดวงอาทิตย์ค่อยๆเคลื่อนตัวขึ้นมาอย่างช้าๆในขณะที่นั่งคุดคู้อยู่ที่เตียงแม่กับแคตนิสยังไม่ตื่น เมื่อคืนแม่คงต้องนั่งปรุงยาจนดึกแน่ ปกติแล้วเวลานี้แถบที่เราอยู่ในเขต12 ในตัวเมืองจะคล่ำคลาไปด้วยบรรดาพ่อค้าแม่ค้ามาขายของแต่วันนี้ถนนกลับว่างเปล่า พริมจะตื่นหรือยังนะ บางทีเธอน่าจะไปนอนกับแคตนิส ปกติในวันเก็บเกี่ยวเธอจะทำแบบนี้อยู่แล้ว
บ้านของเราอยู่ใกล้จัตุรัสกลางเมือง เพราะมันเป็นหมู่บ้านผู้พิชิตดังนั้นจึงไม่มีปัญหาถ้าเราจะไปช้าเสียหน่อย ฉันตัดสินใจลุกขึ้นล้างหน้าแปรงฟันและหยิบเอาเสื้อเชิ้ตหนังชุดโปรดขึ้นสวมและสวมร้องเท้าบู๊ตหนัง มัดผมรวบไปข้างหลังแล้วคว้าเอาเป้สะพายหลังแล้วแวบออกจากบ้าน ฉันรีบเดินเร็วกว่าปกติเพราะกว่าจะไปถึงทุ่งเมโดว์ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยยี่สิบนาที
ฉันไปถึงอย่างรวดเร็วก่อนจะแอบลอดผ่านช่องโหว่ของกำแพงและเข้าป่า จริงๆ แล้วครอบครัวเราไม่จำเป็นต้องล่าสัตว์เพื่อหาเงินเพราะเรามีพอที่จะซื้อของต่างๆ ที่จริงน่าจะพูดว่าเคยจำเป็น แต่กับสมุนไพรบางอย่างที่แม่ต้องใช้หายากมากทำให้ฉันกับแคตนิสมักแอบพากันเข้าป่าไปหา แต่วันนี้ฉันมาคนเดียว โชคดีที่เหล่าผู้พิทักษ์สันติภาพกำลังวุ่นกับการเตรียมสถานที่สำหรับพิธีเก็บเกี่ยว เมื่อเดินเข้ามาในป่าได้พอสมควร ฉันปลดเป้และหยิบเอาคันธนูกับลูกธนูที่แคตนิสให้ไว้กับมีดล่าสัตว์ออกจากที่แอบซ่อนไว้ คนส่วนใหญ่ในเขตสิบสองมีไม่กี่คนนักที่จะออกไปล่าสัตว์ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่กล้าพอที่จะเสี่ยงออกมาพร้อมกับมีดเพียงเล่มเดียว คันธนูของเราจึงจัดเป็นของหายาก
ฉันล่าสัตว์และเก็บสมุนไพรอย่างเงียบเชียบ วันนี้ไม่มีสัตว์นักล่าตัวไหนสนใจฉันซึ่งดีไม่น้อย ฉันได้สัตว์มาไม่มากนัก แค่กระต่ายสามตัวกับไก่งวงสองตัวเพราะมัวแต่เก็บพวกสมุนไพรกับผลไม้ป่าไปให้แม่มากกว่า แต่กระนั้น ฉันก็ยังได้แอปเปิ้ลมาหนึ่งถุงกับผลเบอร์รี่อีกแกลลอนใหญ่ ฉันนั่งพักกินอาหารเช้าที่ลำธารพลางวักน้ำขึ้นล้างหน้าแล้วดื่ม และกินขนมปังอบเป็นอาหารเช้า
นึกถึงชีวิตหลายปีที่ฉันอยู่กับพวกเขา ครอบครัวเอฟเวอร์ดีน ฉันยังจำได้ ฉันเติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เดิมทีเรามีคนคอยดูแล เธอชื่อมอลลี่ เป็นแม่ให้กับพวกเราทุกคนและสอนเราทุกอย่าง แต่แล้วนางก็จากไปด้วยโรคมะเร็งและได้ผู้คุมคนใหม่ขึ้นมาแทน ไมร่า นางเป็นหญิงที่น่ารังเกียจมาก ไม่ว่าจะเป็นความบ้าอำนาจของนางที่คิดว่าสั่งทุกคนได้ ฉันโดนทำโทษทุกวันโดยการถูกโบยต่อหน้าเพื่อนๆนับร้อย โทษฐานที่แอบเก็บรูปมอลลี่เอาไว้ นางกล่าวหาว่าฉันท้าทายนาง ฉันตัดสินใจหนีออกจากที่นั่น ตอนแรกฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะไปอยู่ที่ไหน สุดท้ายจบลงด้วยการที่ฉันหมดสติที่ทุ่งเมโดว์ พอลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบกับพวกเขา พริมและแม่ของเธอกำลังเช็ดตัวและป้อนยาให้ฉัน ตอนที่แคตนิสรู้ว่าพริมกับแม่พาฉันมาอยู่ที่บ้านเธอก็ต่อต้านและคัดค้านฉันทุกรูปแบบ ตอนนั้นฉันรู้ว่าตัวเองไม่มีที่ไปฉันจึงทำทุกอย่างที่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อครอบครัวพวกเขา โดยการนำเอาเสื้อผ้าทั้งของพริมและแคตนิสออกมาซักให้และซ่อมแซมส่วนที่ขาดทุกวัน เสื้อตัวไหนที่เก่าหรือเล็กเกินไปสำหรับพริมและแคตนิสฉันก็นำมาเย็บและทำเป็นกระเป๋า ฉันลองเอาไปขายที่ตลาดปรากฏว่าเป็นที่ถูกใจของเหล่าเด็กหญิงในเมืองพวกเธอขอซื้อในราคาที่สูง ตอนที่ฉันหอบเงินกลับบ้านก้อนโตนั้น แคตนิสถึงกับตกใจ จากนั้นอีกไม่กี่วันเธอก็เริ่มพูดกับฉัน และในวันหยุดนั้น พริมกับแม่ก็พาฉันไปจดทะเบียนที่อาคารกระทรวงยุติธรรมว่าฉันเป็นหนึ่งในครอบครัวพวกเขา จากเมื่อก่อนที่ฉันมีแค่ชื่อ แวนด้า ตอนนี้ฉันมีนามสกุล คือ แวนด้า เอฟเวอร์ดีน ก่อนที่แคตนิสจะพาฉันไปสอนการล่าสัตว์ เธอมักจะล่าสัตว์กับเกล ฉันเคยไปด้วยบ่อยๆ แต่ส่วนใหญ่ฉันจะล่าคนเดียวไม่ใช่เพราะฉันเก่งแต่ฉันไม่อยากไปเป็นก้างขวางคอพวกเขาต่างหาก
เมื่อเห็นว่าเริ่มสายๆ ฉันก็รีบกลับเข้าสู่รั้วและแวะที่บ้านกรีซซี่ แซ เพื่อเอาเนื้อกระต่ายกับไก่งวงให้นางเพราะตอนนี้ดูเหมือนนางจะยังไม่ได้ทำงานอะไรจากเหตุการณ์ที่ผู้พิทักษ์สันติภาพชุดใหม่เข้าบุกและทำลาย เดอะ ฮ็อบ ตลาดมืดของเราทำให้หลายคนในเขต 12 ตกงาน และระหว่างทางฉันเลยแวะซื้อเค้กกับขนมปัง ในร้านฉันเห็นคนเดียวที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับการปั้นขนมปัง ปีเตอร์ ฉันรู้จักเขาเพราะฉันมักจะมาซื้อขนมปังที่บ้านเขาประจำ เขาแก่กว่าฉันหนึ่งปี ตัวสูงประมาณหกฟุตได้และดูล่ำหนาแข็งแรง และเขาเป็นพี่ชายของ พีต้า ผู้พิชิตอีกคนที่ชนะพร้อมกับแคตนิสโดยการแสดงบทคู่รัก
“หวัดดี ปีเตอร์” ฉันทักทาย ปีเตอร์หันมามองก่อนจะยิ้มให้ “อ้าวเธอนี่เอง” ปีเตอร์พูด
“ฉันมาซื้อของนิดหน่อย” ฉันพูด “เค้กวานิลลากับขนมปังสอดไส้ลูกเกดใช่ไหม” ปีเตอร์ถาม เขาจำได้แม่นยำเพราะฉันเป็นลูกค้าประจำและเขามักจะแอบลดราคาให้ฉันเสมอถ้าแม่เขาไม่อยู่เหมือนวันนี้
“แม่ฉันไปจ่ายตลาด” ปีเตอร์พูดพร้อมขยิบตาให้ ฉันยิ้มตอบก่อนจะจ่ายเงินให้เขาและรับของที่สั่งไว้
“ขอบใจนะ” ฉันพูดแล้วเดินหันหลังออกจากร้าน ปีเตอร์ตะโกนไล่หลัง “แวนด้า แต่งตัวสวยๆมาล่ะ” ฉันยิ้มให้
“แน่อยู่แล้ว”
ที่บ้านแม่ฉันแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วแม่สวมชุดที่ตัดเย็บเองซึ่งดูสวยงามมากทีเดียว ฉันกล้าพูดได้เต็มปากว่าแม่ฉันเป็นคนที่หน้าตาดีคนหนึ่ง จากเมื่อก่อนที่แม่ดูโทรมมากแต่เดี๋ยวดีเรามีสุขภาพดีขึ้นเนื่องจากอาหารการกินที่ดีและวิตามินที่ฉันชอบซื้อมาให้ทุกคนในบ้านกินบ่อยๆ เคยมีคนพูดว่าครั้งหนึ่งแม่เคยสวยมากแต่ก็นานมาแล้วก่อนที่ฉันจะมาอยู่กับพวกเขาเสียอีก “ไปอาบน้ำสิจ๊ะ เดี๋ยวแม่จะแต่งตัวให้”
น้ำเย็นเฉียบจากฝักบัวรอฉันอยู่แล้ว ฉันอาบน้ำอยู่นานสองนานเพื่อขจัดคราบไคลต่างๆ แม่ช่วยเลือกชุดเก่าของแม่ให้เป็นชุดสีขาวตกแต่งดัวยลูกไม้หลากสี เมื่อแต่งตัวเสร็จแม่ช่วยจัดการผมด้วยการมัดรวบไปไว้ข้างหลังโดยไม่มีสักเส้นที่หลุดออกมาก “ไปกินสตูกระต่ายกับน่องไก่งวงย่างดีกว่า พริมทำเผื่อไว้แล้ว” แม่พูด
ระหว่างกินอาหารฉันพยายามชวนแม่กับพริมคุยเรื่อยเปื่อยเพื่อไม่ให้แม่กับพริมกังวลมากนัก เพราะกลัวว่าชื่อฉันไม่ก็พริมอาจถูกจับขึ้นมาได้เหมือนปีที่แล้ว แคตนิสไม่ได้ร่วมโต๊ะอาหารกับเราเดาว่าเธอน่าจะไปเตรียมตัวเพื่อพร้อมสำหรับพิธี พอบ่ายโมงเราก็ตรงไปยังจัตุรัส พบว่ามันเต็มไปด้วยผู้คนจากเดอะซีมและคนในเมือง ฉันจับมือของแม่กับพริมไว้สัมผัสได้ว่ามันเย็นเฉียบ “หนูต้องไปลงทะเบียนแล้ว” แม่พยักหน้าและปล่อยมือก่อนจะเดินตรงไปหาเพื่อนๆของแม่ที่รู้จักกัน ฉันพาพริมไปลงทะเบียนก่อนที่พวกเขาจะต้อนเราไปรวมอยู่กับเด็กอายุเท่ากัน เราพยักหน้าทักทายกันเล็กน้อยจากนั้นพุ่งความสนใจไปยังเวทีชั่วคราวหน้ากระทรวงยุติธรรม เก้าอี้ห้าตัวมีคนนั่งอยู่คือ แคตนิส พีต้า นายกเทศมนตรี เอฟฟี่ ทรินเกต และ เฮย์มิตช์ ซึ่งวันนี้เขาดูไม่เมามายเหมือนทุกวัน ส่วนแคตนิสกับพีต้ามองลงมายังกลุ่มพวกเราดูมีสีหน้าไม่ค่อยสดชื่นเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะกังวลเกี่ยวกับพริมและฉัน แต่ฉันมั่นใจว่าชื่อพริมจะไม่ถูกจับขึ้นมาแน่แต่นั่นไม่ช่วยทำให้ใจที่เต้นรัวไม่เป็นจังหวะสงบได้เลย
ทันทีที่นาฬิกาประจำเมืองบอกเวลาบ่ายสอง นายยกเทศมนตรีก็ก้าวไปที่แท่นโพเดียมและเริ่มอ่านเรื่องราวอันน่าเบื่อเรื่องการก่อตั้งประเทศพาเน็ม หรือการกบฏที่ทำให้เรามีเกมล่าชีวิต จากนั้นเขาก็อ่านรายชื่อผู้ชนะ คือ เฮย์มิตช์ อะเบอร์นาธี แคตนิส เอฟเวอร์ดีน และพีต้า เมลลาร์ก ซึ่งสองคนหลังชนะเกมร่วมกันในปีที่แล้ว จากนั้นจึงแนะนำ เอฟฟี่ ทรินเกต
เอฟฟี่ดูร่าเริง เธอวิ่งเหยาะๆไปยังแท่นโพเดียมและพูดประโยคเด็ดประจำเกม “สุขสันต์วันแห่งเกมล่าชีวิตและขอให้โชคเข้าข้างคุณตลอดไป” เธอพูด
“ก่อนที่จะเริ่มเรามีหนังสั้นพิเศษส่งตรงจากแคปิตอล” เอฟฟี่พูดพร้อมฝายมือไปทางหน้าจอขนาดยักษ์เริ่มต้นด้วยการบอกเล่าประวัติศาสตร์ของประเทศเรา พาเน็ม ที่ผุดขึ้นจากเถ้าถ่านในสถานที่ที่เคยชื่อว่า อเมริกาเหนือ สงครามอันโหดร้ายและทารุณเพื่อแย่งชิงอาหารที่เหลืออยู่น้อยนิด ผลคือ พาเน็มประเทศที่มีนครปกครอง แคปิตอลอันเรืองรองรายล้อมด้วยเขตทั้งสิบสามอันนำมาเพื่อสันติภาพของประชากรแต่แล้วยุคมือก็มาถึง เขตสิบสามลุกฮือขึ้นต่อต้านแคปิตอลและชักนำทั้งสิบสองเขตเข้าร่วมผลคือ สิบสองเขตพ่ายแพ้เขตสิบสามถูกทำลายสิ้นซาก สนธิสัญญาว่าด้วยความผิดฐานก่อกบฏทำให้เรามีกฎหมายใหม่เพื่อรับรองว่าการกบฏจะไม่เกิดขึ้นอีก จึงกำหนดให้ทุกปีทั้งสิบสองเขตของพาเน็มจะต้องส่งเด็กหนุ่ม-สาว เข้าร่วม เกมล่าชีวิต กฎของเกมล่าชีวิตนั้นเรียบง่าย เด็กทั้งยี่สิบสี่คนจะถูกขังอยู่ในลานประลองอันกว้างใหญ่ที่รองรับได้ทุกสิ่งอย่างไม่ว่าจะเป็นป่าไม้ ทะเลทราย หรือ หิมะ ตลอดช่วงเวลานั้นเด็กทั้งยี่สิบสี่คนจะต้องต่อสู้กันจนถึงตายและคนสุดท้ายที่ยืนหยัดได้คือผู้ชนะเมื่อบันทึกเทปจบลงเอฟฟี่จึงเริ่มพิธีต่อ
เอฟฟี่ พูดเหมือนเคยคือ “และก็ถึงเวลาที่เราจะคัดเลือกผู้กล้าเป็นตัวแทนของเขตสิบสองเข้าสู่เกมล่าชีวิตครั้งที่เจ็ดสิบเก้า เหมือนเช่นเคย สุภาพสตรีก่อนนะคะ!” แล้วเดินไปยังลูกบอลแก้วซึ่งมีรายชื่อของเด็กผู้หญิง เธอล้วงเอาเอาออกมาและเดินกลับไปยังแท่นโพเดียมฝูงชนกลั้นหายใจพร้อมกันจนแทบได้ยินเสียงหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะของกันและกัน หัวใจฉันเต้นรัวมือเย็นเฉียบ
เอฟฟี่อ่านชื่อนั้นออกมาเสียงดังฟังชัด เป็นชื่อของ พริมโรส เอฟเวอร์ดีน
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ