The painful เธอกับเขา และรักของเรา
เขียนโดย keang_sujittra
วันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 13.28 น.
แก้ไขเมื่อ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 14.18 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
18) เคลียร์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
หลายวันต่อมา
“ไอ้ ป๊อป กูว่ามึงไปเคลียร์กับน้องฟางให้รู้เรื่องดีกว่ามั้ยวะ” โทโมะพูดอย่างเป็นห่วง สองสามวันมานี้เพื่อนของเขาดูหงอยๆ ซึมๆ เศร้าๆ จนไม่เหลือเค้าป๊อปปี้คนเดิมเลยสักนิด และเขาเดาว่าต้นเหตุน่าจะเกิดจากหญิงสาวร่างเล็กอย่างฟางแน่ๆ
“เคลียร์เรื่องอะไรวะ” ป๊อปปี้เงยหน้าขึ้นถาม
“ก็ทุกเรื่องที่มันค้างคาใจมึงอยู่ไง บางทีเรื่องทุกอย่างมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างทีมึงคิดก็ได้นะ” เขื่อนพูดบ้าง
“มึง ไม่เคยได้ยินเหรอไง สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น กูไปเห็นมาเต็มสองตา ไม่จำเป็นต้องไปเคลียร์อะไรกับเขาหรอก กูเข้าใจเรื่องทุกอย่างหมดแล้ว”
“แต่ สิบตาเห็นมันก็ไม่น่าเชื่อถือมากไปกว่าการที่มึงจะเข้าไปถามน้องเขาตรงๆหรอก นะ มึงแค่เห็น แต่มึงไม่ได้ยินสักหน่อยว่าเขาคุยอะไรกัน บางทีมึงอาจจะมโนไปเองก็ได้” โทโมะพูด
“ไม่ มีทาง ถ้ามึงเห็นเหมือนกู มึงจะไม่มีทางคิดว่ากูมโนไปเองแน่ กูเห็นเขากับไอ้หน้าอ่อนนั่นกอดกันซะแน่นขนาดนั้น มึงยังจะคิดว่าเขาเป็นแค่เพื่อนกันอีกเหรอไง” ป๊อปปี้พูดอย่างเริ่มโมโหขึ้นมา
“ก็เออดิ เพื่อนกันกอดกันไม่ได้เหรอไง ขนาดกูกับไอ้โมะยังกอดกันได้เลย” เขื่อนพูดก่อนจะหันไปกอดโทโมะหน้าตายเฉย
“ไอ้เขื่อน!!! มึงปล่อยกูเลยนะ เดี๋ยวฟ้าก็ผ่าตายหรอก” โทโมะรีบผลักร่างเพื่อนตัวแสบออก ก่อนที่จะโดนสายตาเพื่อนๆทั้งมหาลัยมองว่าเขากับไอ้เขื่อนเป็นคู่เกย์คู่ ใหม่
“โห่ ตัวเองอ่ะ กอดนิดกอดหน่อยก็ไม่ได้” เขื่อนแกล้งพูดเสียงหวานพร้อมกับทำหน้างอน แต่ก็ต้องผละตัวออกแทบไม่ทันเมื่อโทโมะทำท่าจะยกเท้าขึ้นถีบเขาจริงๆ
“กูล้อเล่น ก็แค่ไม่อยากให้ไอ้ป๊อปมันซีเรียส มึงก็อย่าจริงจังให้มากนักดิวะ” เขื่อนพูด ก่อนจะหันมาทางป๊อปปี้ต่อ
“กู ก็เห็นด้วยกับไอ้โมะนะไอ้ป๊อป มึงไปเคลียร์กับน้องฟางตรงๆดีกว่า มึงมัวเอาแต่หลบหน้าน้องเขาอยู่อย่างนี้ น้องเขาก็ไม่มีโอกาสอธิบายเรื่องทุกอย่างให้มึงฟังน่ะสิ”
“แล้วถ้ากูไปเคลียร์กับฟาง แล้วฟางบอกว่าเขากับไอ้หน้าอ่อนนั่นคบกันอยู่จริงๆล่ะ กูจะทำยังไง”
“มึงก็... อกหักอีกรอบน่ะสิ โอ้ย!!!” เขื่อนร้องเมื่อโดนโทโมะตบเข้าเต็มกบาล “ไอ้บ้านี่ก็ตบมาได้”
“ก็ มึงปากหมานี่หว่า” โทโมะว่า “ถึงน้องเขาจะบอกแบบนั้นมึงก็ควรจะดีใจที่น้องเขามีความสุข แต่ถ้ามึงไม่ไป แล้วมันเกิดไม่เป็นแบบนั้นขึ้นมา ถ้าเกิดมึงเข้าใจผิด มึงก็จะไม่มีโอกาสรู้ความจริง เหตุผลแค่นี้มากพอที่แกจะไปหาน้องฟางได้รึยังวะ” โทโมะร่ายยาว ป๊อปปี้นิ่ง ความคิดในหัวเริ่มขัดแย้งกันไปมา จะไปไม่ไปดีวะ
“เขา มันตัวจริงแล้วฉันมันตัวอะไร เขาน่ะเป็นใครแล้วฉันน่ะเป็นใคร เป็นแค่ที่พัก ไม่ใช่ที่รัก อย่างฉันก็ได้แค่นี้ เขามันตัวจริงแล้วฉันมันตัวอะไร เขาน่ะเป็นใครแล้วฉันน่ะเป็นใคร เป็นความทรงจำที่เจ็บช้ำ ทำไมต้องมาทำให้เจ็บซ้ำ หยุดมันสักทีน่ะเธอ” เสียงโทรศัพท์ของป๊อปปี้ดังลั่นขึ้น เจ้าตัวหยิบขึ้นมาดูแล้วขมวดคิ้ว
“ทำไมไม่รับวะ” โทโมะถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นท่าทางเพื่อน
“เบอร์ไม่คุ้นเลยว่ะ ไม่รู้เบอร์ใคร” ป๊อปปี้พูด
“มึงก็รับๆไปเหอะ เผื่อเขามีธุระ” เขื่อนพูด ชายหนุ่มจึงตัดสินใจรับโทรศัพท์
“ฮัลโหล”
“ขอ โทษนะครับ ไม่ทราบว่านี่ใช่เบอร์พี่ป๊อปรึเปล่า” น้ำเสียงปลายสายบ่งบอกให้เขารู้ว่าเป็นผู้ชาย ชายหนุ่มยิ่งขมวดคิ้วมากขึ้นไปอีก ใครกันวะ
“ใช่ครับ แล้วไม่ทราบว่านี่ใคร” ชายหนุ่มถามกลับไป
“ผมพิชชี่ครับ พิชชี่ที่เป็นเพื่อนกับฟางน่ะ พี่ป๊อปจำได้รึเปล่าครับ”
“พิชชี่เหรอ?” ชายหนุ่มทวนคำ โทโมะและเขื่อนหันมามองหน้ากันทันที เพราะรู้ว่าพิชชี่ที่อีกฝ่ายพูดถึงคือใคร
“มีธุระอะไรรึเปล่า” เสียงชายหนุ่มเริ่มแข็งขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
“ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับพี่นิดหน่อย พี่ว่างรึเปล่าครับ”
“มีอะไรก็พูดมาสิ”
“ผมอยากคุยกับพี่ตัวต่อตัว พี่พอจะออกมาเจอผมได้ไหม”
“พี่ ไม่ว่าง” ป๊อปปี้ตอบกลับไป ทำให้เพื่อนหนุ่มทั้งสองหันมามองหน้ากันอย่างงงๆ ก็วันนี้พวกเขาไม่มีเรียกนี่หว่า แล้วทำไมไอ้เพื่อนตัวดีของเขาถึงบอกว่าไม่ว่างล่ะวะครับ
“แต่ ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับพี่จริงๆนะ... เรื่องฟาง” พิชชี่รีบพูด ป๊อปปี้ชะงัก เรื่องฟางเหรอ? ไอ้เด็กบ้านี่จะพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่ ทำไมต้องเกี่ยวกับฟางด้วย หรือว่า... มันจะมาเย้ยเขา
“เกี่ยวอะไรกับฟาง?”
“เกี่ยว สิครับ เกี่ยวมากๆด้วย ถ้าพี่รักฟาง พี่ต้องออกมาหาผม ผมจะรออยู่ที่ๆพี่เห็นผมกับฟางอยู่ด้วยกันวันนั้น แค่นี้นะครับ” พูดจบ อีกฝ่ายก็ตัดสายทิ้งไปทันที ป๊อปปี้นั่งมองโทรศัพท์อย่างงงๆ ทั้งงงที่อีกฝ่ายโทรมาหาเขา แล้วไหนจะงงที่อีกฝ่ายรู้ว่าเขาเห็นอีกฝ่ายกับฟางอยู่ด้วยกันวันนั้นอีก
“ไอ้เด็กนั่นว่าไงบ้างวะไอ้ป๊อป” โทโมะเอ่ยถามทันทีเมื่อเห็นเพื่อนคุยโทรศัพท์เสร็จ
“มันบอกให้กูออกไปหามัน มันมีเรื่องจะคุยกับกูว่ะ”
“เรื่องอะไรวะ” เขื่อนถามอย่างสงสัย ป๊อปปี้ส่ายหน้า
“ไม่รู้ว่ะ แต่มันบอกว่าเกี่ยวกับฟาง”
“แล้วมึงจะเอาไง จะไปหามันรึเปล่า?” โทโมะถามต่อ
“พวกมึงคิดว่าไง กูจะไปดีมั้ยวะ” ป๊อปปี้เอ่ยถามอย่างขอความคิดเห็น
“กูว่าไปก็ดีนะไอ้ป๊อป มึงจะได้รู้ว่าไอ้เด็กนั่นมีเรื่องอะไรจะพูดกับมึง” โทโมะพูด
“แล้วถ้าเกิดมันมาเย้ยไอ้ป๊อปเรื่องน้องฟางล่ะไอ้โมะ เดี๋ยวไอ้ป๊อปมันก็ช้ำในตายกันพอดี” เขื่อนว่า
“แต่ กูว่าไม่ว่ะ ถ้าเกิดไอ้เด็กนั่นมันจะมาเย้ยไอ้ป๊อปนะ มันก็น่าจะมาตั้งแต่วันนั้นแล้วล่ะ ไม่ปล่อยให้เวลามันผ่านมาตั้งหลายวันแบบนี้หรอก กูว่ามันคงจะมีเรื่องอยากจะคุยกับมึงจริงๆนั่นแหละไอ้ป๊อป มึงออกไปหามันเหอะ” โทโมะร่ายยาว
“เอางั้นเหรอ”
“เออ” โทโมะพยักหน้า
“ก็ ได้” ป๊อปปี้พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย มันก็จริงอย่างพี่เพื่อนเขาพูดนั่นแหละ ถ้าเขาไปแล้วไอ้เด็กนั่นคิดจะเย้ยเขาจริงๆ เขาก็คงมีหวังต้องช้ำในตายแน่ๆ แต่ถ้าไม่ เขาอาจจะได้รู้อะไรที่ช่วยไขข้อข้องใจให้กับเขาก็ได้ แล้วเหตุผลอีกอย่างหนึ่งที่เขาต้องออกไปเจอไอ้เด็กนั่นให้ได้ก็เพราะ...
“ถ้าพี่รักฟาง พี่ต้องมาหาผม ผมจะรอพี่อยู่ที่ๆพี่เห็นผมกับฟางอยู่ด้วยกันวันนั้น”
........ เขารักฟาง...
.
.
.
.
.
“ผมนึกว่าพี่จะไม่มาแล้วซะอีก” เด็กหนุ่มเอ่ยทักขึ้นทันทีที่เห็นรุ่นพี่สุดหล่อเดินเข้ามา
“มีอะไรก็รีบพูดมาดีกว่า พี่มีธุระ” ป๊อปปี้พูด ใช่! รีบพูด จะได้รีบเจ็บ แล้วจะได้รีบจบเรื่องนี้สักที
“งั้นผมขอถามพี่ก่อน พี่กับฟางทะเลาะอะไรกันรึเปล่า?” พิชชี่เปิดประเด็น ป๊อปปี้หันมามองอย่างแปลกใจในคำถาม
“เปล่า ถามทำไม?”
“ผม ไม่รู้ว่าพี่จะเป็นเหมือนกันกับฟางรึเปล่านะ แต่หลายวันมานี้ฟางดูหงอยๆ ซึมๆ ดูไม่ร่าเริงเหมือนฟางคนก่อนเลย ทั้งๆที่วันนั้นผมก็เห็นว่าฟางปกติดี แต่พอวันต่อมาฟางก็ดูเศร้าผิดปกติ ผมเลยสงสัยว่าฟางอาจจะทะเลาะอะไรกับพี่บ้างรึเปล่า”
“ก็ เปล่าหนิ พี่กับฟางไม่ได้ทะเลาะอะไรกันสักหน่อย” ป๊อปปี้พูด เพราะเขาก็ได้สังเกตอาการฟางเหมือนกัน ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเขาไม่ได้เจอหน้าฟางเลยซะด้วยซ้ำ ตอนเช้าก็ชิ่งหนีออกมาซะก่อนที่หญิงสาวจะมาที่ห้อง พอตอนเย็นก็กลับห้องซะดึกในช่วงที่หญิงสาวกลับบ้านแล้ว เขาและฟางจึงไม่ได้เจอกันเลย
“แล้วนี่ที่เรียกพี่มา มีเรื่องจะพูดกับพี่แค่นี้น่ะเหรอ”
“เปล่าครับ มีมากกว่านั้น” พิชชี่พูด “ผมอยากรู้... ว่าพี่หลบหน้าฟางทำไม?”
“.......” อีกครั้งที่ป๊อปปี้หันมามองเด็กหนุ่มข้างกายอย่างแปลกใจ ทำไมไอ้เด็กบ้านี่ถึงได้รู้เรื่องไปซะทุกอย่างเลยนะ
“พี่ รู้มั้ยว่าฟางเสียใจแค่ไหนที่เขาไม่เจอหน้าพี่ ผมเป็นเพื่อนกับเขามาตั้งหลายปีไม่เคยเห็นฟางเป็นแบบนี้เลยนะ พี่รู้มั้ยว่าพี่มีความสำคัญกับฟางแค่ไหน ขนาดผมเป็นเพื่อนเขา ผมยังมีความสำคัญกับเขาไม่เท่าพี่เลย แล้วทำไมพี่ถึงทำแบบนี้”
“พี่ทำอะไร? พี่ไม่ได้หลบหน้าฟางสักหน่อย พี่มีธุระ” ป๊อปปี้พูด อยากจะรู้นักว่าอีกฝ่ายรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ดีแค่ไหน
“พี่ ป๊อปอย่ามาโกหกผมเลยครับ ถ้าพี่ไม่ได้หลบหน้าฟาง อย่างน้อยถ้าไม่ได้เจอหน้าเวลาฟางโทรไปพี่ก็ต้องรับ แต่ผมเห็นฟางพยายามจะโทรหาพี่เป็นร้อยๆรอบ พี่ก็ไม่เคยแม้แต่จะรับสักครั้ง”
“แล้วไง? เรื่องของฟางมันไปเกี่ยวอะไรกับนาย ทำไมนายต้องทำเป็นเหมือนรู้ทุกเรื่องของฟาง ตกลงนายกับฟางเป็นอะไรกันแน่หะ”
“ผมกับฟางเป็นแค่เพื่อนกันครับ” พิชชี่พูด ป๊อปปี้ชะงัก
“เพื่อนเหรอ? นายกล้าสาบานมั้ยล่ะว่านายคิดกับฟางแค่เพื่อน”
“ผมจะไม่ทำอย่างนั้น เพราะผมรู้ว่าผมไม่ได้คิดกับฟางแค่เพื่อนแน่ แต่สำหรับฟาง ผมเป็นได้แค่เพื่อนเธอเท่านั้น ไม่เหมือนพี่...”
“ไม่เหมือนพี่? พี่ทำไม??” ป๊อปปี้เอ่ยถามอย่างสงสัย
“พี่ ไม่รู้เหรอว่าฟางคิดยังไงกับพี่?” คราวนี้เป็นพิชชี่ที่สงสัยบ้าง ป๊อปปี้ส่ายหน้า ทำเอาพิชชี่ถึงกับงง ผู้ชายคนนี้... ซื่อบื้อกว่าที่เขาคิดแฮะ ถ้าเดาไม่ผิดผู้ชายคนนี้กับฟางน่าจะรู้จักกันนานกว่าเขา แต่ทำไมแค่นี้ผู้ชายคนนี้ถึงไม่มองไม่ออกล่ะ ต่างจากเขาที่ระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา ทำให้เขารับรู้ได้โดยไม่ต้องถามว่าในใจฟางนั้นคิดอะไรอยู่
“แล้วพี่ล่ะ... คิดยังไงกับฟาง” พิชชี่เปลี่ยนคำถาม
“นายจะอยากรู้ไปทำไม?”
“ผมก็จะได้รู้ไง ว่าผมควรจะหลีกทางให้พี่ดีรึเปล่า” พิชชี่พูด ป๊อปปี้หันมามอง
“หลีกทางเรื่องอะไร”
“ถ้าเดาไม่ผิด ที่พี่เอาแต่หลบหน้าฟางคงเป็นเพราะเรื่องที่พี่เห็นฟางกับผมเราอยู่ด้วยกันที่นี่ในวันนั้นใช่มั้ยล่ะครับ”
“นายรู้ได้ไงว่าพี่เห็น”
“ผมเห็นรถพี่ ผมจำรถพี่ได้ วันนั้นที่พี่โทรหาฟางก็เพราะจะเช็คว่าฟางโกหกพี่รึเปล่า” พิชชี่พูด
“นายรู้ตั้งแต่ตอนไหนว่าพี่เห็น” ป๊อปปี้ถาม
“ก็ตั้งแต่ตอนแรกที่ผมกับฟางมาถึงครับ” พิชชี่ตอบ ป๊อปปี้หันขวับมามองทันที
“นายเห็นตั้งแต่เริ่ม แต่นายก็ยังจะกอดกับฟางให้ฉันเห็นเนี่ยนะ!!” ป๊อปปี้หันไปจ้องหน้าชายหนุ่มรุ่นน้องอย่างเอาเรื่อง ไอ้เด็กบ้านี่มันคิดอะไรอยู่กันแน่วะ
“ใจเย็นก่อนพี่ชาย” พิชชี่ยังคงยิ้มน้อยๆอย่างใจเย็น “ไม่เห็นต้องทำท่าหึงขนาดนั้นเลย แค่กอดกันแบบเพื่อนเท่านั้นล่ะครับ”
“ฉันเอาหัวเป็นประกันว่านายไม่เคยคิดกับฟางแค่เพื่อน นี่นายมาพูดกับฉันแบบนี้นายต้องการอะไรกันแน่”
“โอเคครับ ผมจะอธิบายเรื่องทุกอย่างให้พี่ฟังละ” พิชชี่พูด “วันนั้นผมพาฟางมาที่นี่ เพราะว่าผมตั้งใจไว้ว่าผม...จะบอกรักฟาง”
“ว่าไงนะ!!!”
“ได้ ยินไม่ผิดหรอกครับ ผมกะจะตัดหน้าพี่ด้วยการบอกรักฟางก่อนไง” พิชชี่ยักคิ้วให้อย่างกวนๆ ก่อนจะพูดต่อ “พี่รู้มั้ยครับว่าฟางบอกผมว่าไง?”
“.........”
“เขาบอกว่าเขาไม่ได้รักผมครับ สำหรับเขาผมเป็นแค่เพื่อนที่ดีที่สุดคนนึงของเขาเท่านั้น”
“.....” ป๊อปปี้มองหน้าเด็กหนุ่มข้างกายอย่าแปลกใจ ทั้งๆที่เขาพึ่งบอกว่าโดนฟางปฏิเสธรัก แต่ใบหน้ากลับไม่มีร่องรอยของความเศร้าเลยแม้แต่น้อย
“สำหรับ ฟางความรักคือสิ่งสวยงามแม้มันจะทำให้เขาเจ็บ ฟางบอกผมว่าเขาแอบรักผู้ชายคนหนึ่งข้างเดียวมาตลอด แต่ไม่กล้าบอกเพราะผู้ชายคนนั้นมีแฟนแล้ว แล้วที่สำคัญ ฟางบอกว่าถ้าเกิดบอกไป เขากลัวว่าจะไม่ได้อยู่ใกล้กับคนที่เขารักเหมือนเดิมอีก เขายอมทนอยู่อย่างเจ็บๆ ดีกว่าที่จะบอกออกไปแล้วมันจะเจ็บมากกว่าเดิมเพราะเขาไม่ได้รักเรา”
“แล้วไง?”
“ผมก็เลยขอกอดเธอเป็นครั้งสุดท้าย เพราะผมสัญญากับฟางไว้ว่าพอวันต่อไปผมจะกลับมาเป็นเพื่อนคนเดิมของเธอ”
“......”
“พี่รู้มั้ย ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?” อยู่ๆพิชชี่ก็ถามขึ้น
“ใคร?”
“ถามจริง! นี่พี่ไม่รู้จริงๆเหรอ”
“ก็จริงสิ ถ้าพี่รู้พี่จะถามนายมั้ย” ป๊อปปี้ย้อน
“ไม่ อยากจะเชื่อเลย พี่นี่บื้อกว่าพี่ผมคิดไว้ซะอีกนะเนี่ย” พิชชี่พูด ป๊อปปี้หันมามองเด็กหนุ่มตาขวาง มันไม่ใช่เรื่องเลยนะที่จะให้เด็กที่ไหนไม่รู้มายืนว่าเขาปาวๆแบบนี้น่ะ
“น้อยๆหน่อย ฉันเป็นรุ่นพี่นายนะ”
“ก็เพราะพี่เป็นรุ่นพี่ผมไง ผมถึงไม่คิดว่าพี่จะเป็นได้มากขนาดนี้”
“นี่!!! ถ้านายยังไม่หยุดพูดนะ พี่ต่อยนายปากแตกจริงๆด้วย” ป๊อปปี้แกล้งขู่ พิชชี่ยักไหล่ก่อนจะพูดต่อ
“แล้ว ตกลงพี่ไม่รู้จริงๆเหรอว่าคนที่ฟางรักคือใคร” ป๊อปปี้ส่ายหน้า เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าศัตรูหัวใจของเขาตัวจริงเป็นใคร ถ้ารู้นะพ่อจะไปซัดสักหมัด ข้อหาทำลายหัวใจเขาซะย่อยยับไม่มีชิ้นดี
“ผม จะบอกให้ก็ได้นะครับ คนที่ฟางรักน่ะ.... ก็คนที่โทรมาขัดจังหวะตอนผมกับฟางกอดกันอยู่ไง” พิชชี่พูด ในขณะที่ป๊อปปี้อ้าปากค้างด้วยความอึ้ง เขาจำได้ วันนั้นมือของเขากดโทรออกไปทั้งๆที่สมองยังไม่ทันได้สั่งการด้วยซ้ำ เพียงเพราะแค่เห็นยัยแสบกับผู้ชายคนนี้ยืนกอดกัน เขาเป็นคนโทรไปขัดจังหวะของทั้งสองคน งั้นก็หมายความว่า...
“นายรู้ได้ไง?”
“รู้สิครับ ก็ผมไม่ได้ซื่อบื้อเหมือนพี่นี่” พิชชี่พูดแล้วก็ต้องหัวเราะเมื่อเห็นแววตาวาววับของอีกฝ่าย
“ผมมั่นใจครับ ผมเอามิตรภาพความเป็นเพื่อนระหว่างผมกับฟางตลอดแปดปีที่ผ่านมาเป็นประกัน”
“มี เรื่องจะพูดแค่นี้ใช่มั้ย งั้นพี่ขอตัว” ป๊อปปี้พูด ตอนนี้เขาแทบจะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจซะด้วยซ้ำ แต่ต้องเก็บอาการไว้ อยากจะกลับห้องแล้วร้องตะโกนให้ดังๆ ให้สมกับที่ทนอึดอัดใจมาตั้งหลายวัน
“พี่ อย่าลืมไปหาฟางด้วยนะ บอกเลยว่าหลายวันมานี่ฟางน่าสงสารมาก เพราะโดนใครไม่รู้ทำเฉยชาใส่” พิชชี่พูด ป๊อปปี้ยิ้มให้ชายหนุ่มรุ่นน้องอย่างเป็นมิตรเป็นครั้งแรก
“ขอบใจมากไอ้น้องชาย”
“อ้อแล้วอีกอย่าง พี่ห้ามทำให้ฟางเสียใจเด็ดขาดนะ ไม่งั้นล่ะก็ผมมาทวงหัวใจผมคืนแน่” พิชชี่พูดอีกครั้ง
“รู้ แล้วล่ะน่า รับรองได้พี่ไม่มีทางปล่อยฟางให้นายเด็ดขาด” ป๊อปปี้พูด ก่อนจะเดินไปขึ้นรถแล้วขับออกไป พิชชี่มองตามแล้วยิ้มให้ตัวเองอย่างเศร้าๆ เขาคิดถูกแล้วสินะที่ทำแบบนี้ ความเป็นจริงเขาอยากจะอยู่เฉยๆ ปล่อยให้ฟางและป๊อปปี้ห่างกันอยู่แบบนี้เขาอาจจะมีสิทธิ์เข้าไปแทรกกลาง ระหว่างเธอกับผู้ชายคนนั้นก็เป็นได้ แต่พอเห็นฟางเศร้าแล้วเขากลับทนไม่ไหวจริงๆ จนต้องเป็นฝ่ายมาอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ชายหนุ่มรุ่นพี่ฟังแทน แล้วมันก็ได้ผลดีเกินคาด อีกไม่นานทั้งคู่คงจะเป็นคู่รักที่ใครหลายๆคนอิจฉา... รวมไปถึงตัวเขาเองด้วย แต่แบบนี้แหละดีแล้ว อย่างที่ใครหลายๆคนเคยบอก แค่เห็นคนที่เรารักมีความสุข เราก็อดที่จะมีความสุขไปด้วยไม่ได้
.
.
.
.
.
มาอัพแล้วจ้า มาอัพแล้วอีกตอน จะมีใครรอเรื่องนี้กันอยู่บ้างมั้ยเน้อ ใครอยากให้อัพต่อ เม้นท์ด่วนจ้า
ฝากเรื่อง รักฉันซะ นี่คือคำเตือน ด้วยน้าาาา รีดเดอร์ที่น่ารักทุกคน ฝากด้วยนะคะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ