ปราบเกรียน Mafia son !!
เขียนโดย Metoric_soul
วันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 15.15 น.
แก้ไขเมื่อ 18 มกราคม พ.ศ. 2557 21.46 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
7) Baby , Don't Cry (SC2)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
+โ ล ม า+
"ว่าไง..." น้ำเสียงทุ้มต่ำถามย้ำอีกครั้งเร่งรัดให้หัวใจผมเต้นเร็วขึ้นไปอีก เลือดถูกสูบฉีดไปจนทั่วร่างแล้วขึ้นหน้าอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับอัตราการเต้นของหัวใจ ลมหายใจหยุดนิ่งไปชั่วขณะ อาการแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาเป็นเวลานาน หลังจากผมสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตไป ทุกอย่างหยุดนิ่ง...ตอนนี้มีคนทำให้มันกลับมาเคลื่อนไหวเหมือนเดิม เหมือนโลกกลับมาหมุนอีกครั้ง
"มึง..."
"ตกลงมั้ย?"
"ทำไม..."
"อยากปกป้องไง...อยากดูแล อยู่ในฐานะน้องมันดูแลไม่ทั่วถึง อีกอย่าง..." ร่างสูงเว้นคำพูดเอาไว้ก่อนจะโน้มหน้าลงมาใกล้อีกครั้ง ลมหายใจร้อนปะทะกัน ริมฝีปากนุ่มจูบไล่ตั้งแต่สันจมูกลงมาที่แก้มแล้วหยุดอยู่ที่หู
"เพราะผมรักพี่ไง..."
.
.
.
หัวใจผม...หยุดเต้นไปแล้ว
นี้ใช่มั้ยสิ่งที่ผมต้องการมาตลอด สิ่งที่คิดว่าไม่มีวันได้มันคืนตลอดชีวิต สิ่งที่โหยหาแม้จะรู้ว่ามันไม่มีทางเป็นจริง ไม่มีใครทำได้ ทำให้หัวใจนี้กลับมาเต้นอีกครั้ง ทำให้ร่างกายมีอาการแปลกๆอีกครั้ง ไม่มีใครทำได้...
"จะให้ย้ำอีกครั้ง ผมก็ยอม..."
"ทำไมต้องกู"
"สิ่งนี้มันบอกผม" มือผมถูกดึงไปวางทาบลงบนอกซ้าย จังหวะหัวใจที่เต้นเร็วไม่แพ้กันและเป็นจังหวะที่ตรงกันทำให้ผมยิ่งอึ้งไปต่อไม่ถูก เหมือนเครื่องค้างไปหลายชั่วโมง กว่าจะเรียกสติที่หลุดลอยได้ ริมฝีปากอุ่นก็ประกบลงมากระชากสติออกไปอีกครั้ง คราวนี้ผมยอมอ่อนไปตามเกมนี้ ยอมให้ลิ้นร้อนตวัดหยอกล้อเล่นกับลิ้นของผมอยู่อย่างนี้ ที่อยู่ๆก็ผละออกแล้วทำหน้าเหมือนพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเอง
"ถ้าพี่ไม่คิดอย่างผม ก็ลืมมันซะแล้วผมจะไม่มายุ่งกับพี่อีก" น้ำเสียงเย็นเหยียบอย่างน่าประหลาดทำให้ใจผมเสียไปวูบนึง แววตาอ่อนโยนเมื่อกี้ตอนนี้มันว่างเปล่า ไม่เหลือไม่แต่ความรู้สึกห่วงใย
มันไม่ใช่อย่างที่มึงคิดนะเว้ย...
โธ่เว้ย ! เพราะไอ้ความทิฐิเยอะทำให้ผมได้แต่นิ่งเงียบพูดอะไรไม่ออก อยากยื้อไว้เหลือเกินความรู้สึกนี้ อยากให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม อยากให้หัวใจผมกลับมาเต้นเหมือนเดิม แต่ต่อให้คิดมากเท่าไร ความรู้สึกนี้..ถ้าไม่พูดออกไปคนที่เจ็บปวดที่สุดคือตัวผมเอง
"ว่าไง..." น้ำเสียงที่เย็นเฉียบลงเรื่อยๆกระชากความรู้สึกดีเมื่อกี้ลงเรื่อยๆเช่นกัน ทำไมถึงทำอะไรไม่ถูกเลย ทั้งที่รู้สึกแบบเดียวกันแต่อีกความรู้กลับไม่อยากมันเข้ามายุ่งกับผมมากไปกว่านี้ ความรู้สึกอีกอย่างเป็นจุดสีดำเล็กๆแต่กลับมีผลให้หัวใจผมปิดตายอย่างนะประหลาด
ผมเลือกไม่ถูก...
ความสับสนปนเปกับเวลาที่เร่งรัดทำให้หัวใจผมเริ่มกลัว ทำอะไรไม่ถูกยิ่งกว่าเก่า ทุกอย่างถูกอัดรวมๆกันจนสุดท้ายก็ถูกกลั่นออกมาเป็นน้ำตา ร่างสูงตกใจเล็กน้อย...เล็กน้อยเท่านั้น ก่อนจะหลบตาแล้วเดินออกจากห้องอย่าไร้เสียง ในห้องเงียบสงัดเหลือเพียงเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างเจ็บปวดของผม สุดท้ายผมก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ทุกอย่างมันแก้ไขไม่ได้แล้ว
ไม่ได้อีกแล้ว...
ทรมานไปก็เท่านั้น...ในเมื่อมันกลับไปทำอะไรไม่ได้แล้ว ผมต้องกลับเป็นโลมาคนเดิม ที่ภายนอกดูน่าเกรงขามแต่ข้างในกลับว่างเปล่า ไม่ได้แข็งแรงอย่างที่ใครๆคิดกัน จริงๆแล้วอาจจะเปราะบางกว่าที่หลายคนคิดด้วยซ้ำ แล้วสุดท้ายก็จบลงโดยคนที่ต้องคนทรมานทั้งคืนกว่าจะลืมมันได้คือตัวผมเอง
.
.
.
"อ้าวโลมา! จะกลับบ้านทำไมไม่บอกพี่ จะได้ไปรับ" ผมก้าวลงรถมาหยุดอยู่หน้าคฤหาสน์ ชายที่แต่งตัวดูมีภูมิฐานคนนี้คือพี่ชายอีกคนของผม
"ผมโตแล้วนะพี่ อีกอย่างนี้ก็คนของบ้านเราไม่เห็นต้องลำบากเลย"
"ไม่ได้ลำบากอะไรเลย ถ้าแค่น้องยังดูแลไม่ได้แล้วจะดูแลธุระกิจของบ้านได้ไง" ร่างสูงส่งยิ้มให้ก่อนจะสั่งให้แม่บ้านนำของของผมไปเก็บแล้วจัดแจงเรื่องที่พักให้เรียบร้อย
"เป็นไงบ้างละ" ผมกับพี่แยกตัวออกมาคุยกันที่สวน ยังไม่ได้แนะนำเลย ชายคนนี้คือ 'พี่หลี่เทา' พี่ชายคนที่สองของผม คุณแม่มีลูกชายสามคนแน่นอนผมก็คือคนสุดท้อง หลังจากพี่ไซเรนตายคนที่รับงานหนักที่สุดก็คือพี่หลี่เทาเนี่ยแหละ เห็นแล้วก็อดห่วงไม่ได้แล้วก็ไหนๆผมก็เข้ามหาลัยแล้วก็อยากกลับมาช่วยงานที่บ้านบ้าง
"ก็เรื่อยๆครับ กว่าจะจบก็ได้เหนื่อยเป็นบ้าเลย"
"ฮ่าๆๆ เชื้อไม่ทิ้งแถวจริงๆ ตอนพี่เพิ่งเรียนจบก็บ่นกับเฮียอย่างนี้แหละ"
"ก็มันเหนื่อยจริงๆนิ" ผมบ่นอุบ เวลาอยู่กับครอบครัวผมอยากเป็นตัวของตัวเองมากที่สุดหลังจากที่ผมตัดสินพลาดและไม่มีวันได้แก้ในวันนั้น...เมื่อสองปีที่แล้ว
"เอาเถอะ อย่างน้อยก็ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งนะ โลมาไม่อยู่ไม่มีใครให้โอ๋เวลาร้องไห้เลย"
"พี่ก็!"
"ฮ่าๆๆๆ ดุเหมือนเดิมเลยนะ" มือหนาเอื้อมมาโยกหัวผม ทำให้รับรู้ถึงความอบอุ่นของครอบครัว
"งั้นถ้ามีงานอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ก็บอกละกัน"
"เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว...แต่งานใหญ่ที่ว่านี้ ถ้าตัดสนิใจไปแล้วจะไม่ได้อยู่ไทยอีกหลายปีเลยนะ"
"ผมก็ไม่ได้ยึดตึดอะไรกบัที่ไทยนิ" ผมเลิกคิ้วถาม ก็ไม่มีจริงๆนิ ป๊าก็แทบไม่ได้อยู่ไทยเหมือนกันส่วนพี่ผมจะโทร.มาเมื่อไหร่ก็ได้
"เอาเถอะมีเวลาตัดสินใจอีกตั้งเยอะ ฝึกงานอย่างอื่นก่อนละกัน"
"เรื่องมันแน่อยู่แล้วววว~" ผมลากเสียงยาวก่อนจะรุ้สึกว่ามีคนเดินเข้ามาในสวนเพิ่ม
"เออ พี่จะแนะนำให้รู้จัก นี้คนที่ช่วยโลมาฝึกงาน"
"ยินดีที่ได้รับใช้ครับ...นายน้อย"
"...!!!"
ปลาวาฬ
"มึง...!!"
"?"
"รู้จักกันอยู่แล้วเหรอโลมา"
"อ่ะ...เออ เคยเรียนที่เดียวกันครับ"
"อ้าว รุ่นน้องเหรอ งั้นคุยกันตามสบายเลยละกัน แล้วเดี๋ยวตามขึ้นมานะ" พี่หลี่เทาว่าก่อนจะขอตัวขึ้นไปบนเรือนไม้ในสวน เป็นบ้านทรงไทยเล็กๆด้านในปลูกกล้วยไม้หลายชนิดที่คุณแม่ชอบ ทิ้งให้ผมอยู่กับ...
"เป็นอะไรรึเปล่าครับ นายน้อย" ทำไมกัน...ทั้งๆที่พยายามลืม พยายามหักห้ามใจไม่ให้ร้องไห้เพราะมันตลอดทุกคืน ทั้งที่ทำไม่ได้...ลืมมันไม่ได้ น้ำเสียงนั้นยังคงนิ่งเรียบเหมือนผิวน้ำแข็ง
"...." ผมหลบหน้าหนีแล้วยกมือขึ้นปาดน้ำตาลวกๆ ทำท่าจะเดินตามพี่หลี่เทาขึ้นไปแต่กลับถูกขว้ามือเอาไว้ซะก่อน
"ยังไม่ได้ให้คำตอบผมเลยนะครับ"
"ต้องการอะไรอีก"
"คำตอบครับ"
"เรื่องอะไร" น้ำเสียงผมสั่นไม่หยุดแม้พยายามปรัยให้มันเป็ปกติก็ตาม ยากเหลือเกิน...รู้มั้ยกว่าจะลืมมึงได้มันยากเหลือเกิน
"อย่างน้อยก็ช่วยกหันมาคุยกันดีๆก่อนได้มั้ยครับ" เพราะผมหันหลังคุยกันมันอยู่เลยต้องยอมหันกลับมามองดีๆ ทำไมผมต้องเชื่อคำพูดของมันด้วย
"มีอะไรรีบพูด"
"นายน้อยนั้นแหละครับที่รีบตอบคำถามผมมา"
"..." ผมกัดฟันแน่นไม่ให้ร้องไห้อีกครั้ง พอไม่เห็นผมมีปฏิกิริยาอะไรร่างนั้นก็ดึงตัวผมเข้าไปกอดไว้แล้วขยับปากร้องเพลงนั้นอีกครั้ง
"หุบปาก!!" ผมผลักมันออกสุดแรง ก่อนจะวิ่งขึ้นเรือนไม้อย่างไม่คิดชีวิตจนชนเข้ากับร่างนึงแล้วก็ล้มซะเอง
"อ้าวโลมา เป็นไรเปล่า"
"ผมไม่เป็นไร..." น้ำเสียงสั่นเล็ดลอดไรฟันยิ่งแสดงความอ่อนแอของตัวผมให้ชายตรงหน้าเห็น พี่หลี่เทาพยุงตัวผมมานั่งที่ม้านั่งด้านบน
"ร้องไห้ทำไม เป็นไรรึเปล่าเนี่ย"
"ไม่เป็นไรครับ" พี่หลี่เทาได้ยิประโยคเมื่อกี้ก็พยักหน้าเข้าใจทันทีก่อนจะขอตัวไปดูงานต่อให้ผมนั่งสงบสติอารมณ์ในที่แบบนี้ ผมเดินไปล็อคประตูทันทีเพราะไม่แน่ใจว่าชายคนนั้นจะเดินตามขึ้นมารึเปล่า แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิด ประตูที่เคาะเรียกยิ่งทำให้ผมทรมาน นั่งขดตัวยกมือขึ้นปิดหู
"นายน้อยครับ...เปิดประตูเถอะครับ"
"ไม่! มึงจะไปไหนก็ไป"
"นายน้อยครับ.."
"ไม่ต้องมายุ่งกับกูอีก ในเมื่อวันนั้น มึงไม่รอฟังคำตอบกูเลย กดดันกันอยู่นั้นแหละ เอาแต่ความรู้สึกของตัวเองแล้วสนใจความรู้สึกกันบ้างมั้ย!!" ผมจำต้องหยุดพูดเพราะขาดอากาศ โชคดีที่โกยอากาศเข้าปอดทันไม่งั้นได้นอนตายในนี้แน่
"ผมขอโทษ...นายน้อยครับ เปิดประตูก่อนเถอะครับ"
"ขนาดคำพูดมึงยังดูห่างเหินเลย...แล้วเอาอะไรมาพิสูจน์" น้ำเสียงผมเบาลงปนไปด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นร้องไห้ไม่หยุด นี้ผมยังทรมานไม่พอใช่มั้ย
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ