น้องเกรียนตัวร้าย x พี่ชายตัวแสบ

8.8

เขียนโดย Metoric_soul

วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 13.32 น.

  10 chapter
  0 วิจารณ์
  16.15K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 เมษายน พ.ศ. 2557 18.17 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

9) อดีตของราชันย์...

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผมกลับเข้ามาในห้องที่เคยเป็นห้องของผม ของใช้ทุกอย่างยังเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนเดิม แม้กระทั้งรูปครอบครัวที่ยังตั้งไว้ตรงนั้นเหมือนเดิมแต่น่าแปลกที่ครอบครัวของผม....มันไม่เหมือนเดิม

 “พี่ซีเวล!” เสียงเล็กดังแจ้วก่อนที่เจ้าตัวจะกระโดดกอดผม ผมก้มลงอุ้มน้องสาวคนเดียวของผมขึ้นมาหอม

 “ว่าไงค่ะสีคราม คิดถึงพี่มั้ย”

 “นายน้อยค่ะ...นายน้อยซีเวลบาดเจ็บอยู่นะค่ะ” พี่เลี้ยงของสีครามเดินเข้ามาพร้อมส่งยิ้มแห้งๆให้ผม ผมส่ายหน้าเบาๆก่อนจะหันไปยิ้มให้น้องสาวคนสวย

 “ไหน...สูงขึ้นป่ะเนี่ยเราน่ะ”

 “พี่ก็...หนูสูงขึ้นตั้งเยอะ เวลาเข้าแถวจะไปอยู่ท้ายแถวอยู่แล้ว” คำพูดปนงอนนิดๆทำให้ผมหลุดขำออกไป น้องสาวผมนี่น่ารักไรจริง

 “นายน้อยครับ...นายหญิงกับสิ้นค้าประมูลของเราพร้อมแล้ว...”

“ใครใช้ให้แกเรียกราชันย์ว่าสิ้นค้าประมูล!” ผมตวาดสุดเสียงจนคนปากเสียเมื่อกี้สะดุ้งโหย่งส่วนสีครามนะเหรอ….

 “ฮ่าๆๆๆ สมน้ำหน้าโดนพี่เวลดุแล้ว แบร่ๆ” น้องผมมันเหมาะกับการเป็นลูกมาเฟียมากกว่าผมอีกนะจะบอก บาร์บี้ไม่เล่นตุ๊กตาไม่เอาจะเอาปืนอย่างเดียวเลย -0-

 “ป่ะ...ลงไปหาพี่ราชันย์กัน”

 “พี่ราชันย์คือใครเหรอค่ะ”

 “คนที่สีครามเจอแล้วต้องชอบ^ ^” ผมอุ้มสีครามเดินลงมายังห้องโถงที่ราชันย์นั่งหน้าซีดอยู่กับยัยแม่มด...ที่ปราดมองผมแวบเดียวก่อนจะหันไปสนใจราชันย์ต่อ สายตาแบบนั้นมันคงกังวลน่าดู

 “เด็กไม่เกี่ยวเธอจะพามาทำไม”

 “สีครามอยากรู้นิ...”

 เพี๊ยะ!

 สีครามที่โดดลงจากอ้อมกอดเดินเข้าไปหาแต่โดนตบซะหันเลยวิ่งกลับเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว ผมตวัดตามองยัยแม่เลียงใจร้ายด้วยสายตากินเลือดกินเนื้อ

 “หุบปากไปซะ ฉันรำคาญเสียงเด็ก”

 “ฮึก...”

 “ไม่เอาไม่ร้อง” ผมปลอบสีครามเบาๆก่อนจะหันไปมองราชันย์ที่มีท่าทีสะดุ้งเล็กน้อย เหงื่อเม็ดเล็กผุดเต็มหน้าผาก

 “เธอคงรู้สถานะของตัวเองในตอนนี้ดี”

 “เด็กธรรมดาคนนึง”

 “อ้าวเหรอ...ตายจริง ทำไมประเมินค่าตัวเอง ‘ต่ำ’ นักละ สิทธิกร...”

 “อึก...” แย่ละ ยิ่งไปพูดให้มันนึกออกอาการปวดหัวรุนแรงกำเริบพอดี ผมต้องทำอะไรสักอย่าง

 “ราชันย์ความจำเสื่อมจำอะไรเพราะฉะนั้น...ตอนนี้ไอ้พรสวรรค์ที่ว่าก็ไม่มีแล้ว” ผมช่วยพูดอีกแรงแต่ความโลภของคนมักจะยุติเมื่อนึกได้หรือตายจากเท่านั้น ยัยนี้ไม่ยอมง่ายๆใช้มือเหี่ยวๆบีบคางราชันย์ไว้ นัยน์ตาสีแดงฉานสั่นระริก

 “มันชัดเจนอยู่แล้วนัยน์สีเลือดนี้...”

 “ผมนัยน์ตาสีอะไรก็ช่าง ผมขอย้ำครั้งสุดท้ายว่าผมจำอะไรไม่ได้เลย!!” มันคงไม่รู้ว่ากำลังพูดกับกระบอกปืนอยู่ ตายแล้วไงไอ้เด็กเกรียน เกรียนใส่พี่คนเดียวพออย่าไปท้าลูกกระสุนปืน

 “น่าสนใจ...งั้นฉันจะเป็นคนลื้อฟื้นความจำแกเอง”

แกรก...

 บ้าไปแล้ว ถ้าจะจ่อระยะประชิดขนาดนั้นแล้วเกิดลั่นขึ้นมา....โธ่เว้ย แล้วทำไมเวลาแบบนี้ผมถึงทำอะไรไม่ได้เลยกันนะ คิดสิเว้ยๆ!

 “พอเท่านั้นแหละคุณหญิง”

 “นายใหญ่!!” ผมหันขวับไปมองทางต้นเสียง สีครามถึงกับวิ่งเข้าไปหาแล้วกระโดดกอดจนร่างชราเกือบหงายหลังตกบันได

 “ฮ่าๆๆไม่สมกับเป็นลูกสาวป๊าเลย ร้องไห้ซะแล้ว”

 “ป๊า...” ผมเผลอเรียกชายชราคนนั้น...ทำไมกัน...ไหนบอกว่าอำนาจทั้งหมดอยู่ที่ยัยนี้แล้วไง ทำไมป๊ายังมีชีวิตอยู่กัน

 “คุณหญิง ทำไมต้อนรับแขกเราอย่างนั้นแหละ”

 “ขออภัยด้วยค่ะ” ชิ...พออยู่ต่อหน้าป๊าก็ทำดีแต่ลับหลังนี้อะไรต่อมิอะไรกับเด็กที่ไหนแล้วก็ไม่รู้ ความแค้นที่เก็บมานานนับปีผมอยากพูดออกมาให้ชายชราผู้โง่เขลาคนนี้รู้ซะที

 “ว่าไงคุณหนูราชันย์ ยังจำผมได้มั้ย”

 “ต้องขอโทษด้วย...ผมจำใครไม่ได้ทั้งนั้น” ดวงตาแข็งกร้าวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนปราดมองชายชราที่เผยยิ้มอย่างพอใจ

 “ใช่...นี้แหละ เจ้าผู้เป็นใหญ่! เย้อหยิ่งและทะนง!” ป๊าหัวเราะอย่างพึงพอใจจนราชันย์ถึงกับฉงนแต่ไม่ลดละท่าทีไม่ไว้วางใจ ตั้งแต่ลงมามันไม่ได้สนใจผมเลยเว้ย หันมามองกันบ้างก็ได้ครับว่าไอ้คนที่ตามเรื่องไม่ทันมันมีสีหน้ายังไงบ้าง -0-

 “ยินดีต้อนรับครับคุณหนู...แล้วก็ขอแสดงความเสียใจเรื่องคุณหญิงพิลาวัณด้วย...”

 “ไม่ต้องหรอกครับเพราะผมก็ไม่ได้เสียใจอะไร” เย้อหยิ่งและทะนงงั้นเหรอ...ผมเพิ่งเคยมันในมุมนี้นะ รอยยิ้มคมบาดลึก...นี้ไม่ใช่ไอ้เด็กเกรียนราชันย์แล้ว!!

 “เตรียมงานต้อนรับคุณหนูราชันย์...ต่อไปนี้ฉันจะอุปถัมภ์คุณหนูเอง”

 “อึก...” ให้ตายสิทำมันชอบย้ำให้มันปวดหัวเล่นจังเนี่ย  ทุกคนต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่พี่เลี้ยงอุ้มสีครามไป ส่วนยัยแม่เลี้ยงใจร้ายก็ขอตัวออกไปดูงานด้านนอกเหลือเพียงผมกับราชันย์แล้วก็ป๊าที่เดินมานั่งร่วมวงด้วย

 “ขออภัยที่เสียมารยาทครับคุณหนู...ทางเราไม่ได้ตั้งใจจะให้เหตุมันรุนแรงเช่นนี้ เราพยายามแล้วแต่ช่วยคุณหญิงไว้ไม่ทัน รวมถึงครอบครัวของคุณหนู” ป๊ามีสีหน้าที่อ่อนลง

 “บอกผมได้มั้ยวาทำไมพวกคุณถึงต้องการตัวผมนักหนา” ราชันย์เริ่มเข้าเรื่อง

 “ก่อนอื่นผมต้องแนะนำให้รู้จักก่อน หรือรู้จักกันแล้ว...นี้คือลูกชายของผมซีเวลเขามีหน้าที่รับช่วงอำนาจต่อจากผม...แต่ตอนนั้นเรายังไม่มีเขา ทางเรากลุ้มใจมากแต่คุณหญิงพิลาวัณได้เข้ามาช่วยเราไว้ในด้านการบริหารรวมถึงเฝ้าดูแลทางเราเป็นอย่างดี...จนเราเติบใหญ่และมีอำนาจได้ถึงขนาดนี้...”

 “มันเกี่ยวอะไรกับตัวผม”

 “อย่าใจร้อนไปคุณหนู...แหม สมชื่อจริงๆ” ป๊าหัวเราะชอบใจก่อนจะเล่าเรื่องต่อ

 “ในงานเลี้ยงเปิดตัวคุณหนูในนาม ‘ราชันย์’ คุณหนูได้แสดงความสามารถในการบริหารงานที่บริษัททดลองนั้น รายได้พุ่งกระฉูดภายในสองอาทิตย์...และอีกหลายๆผลงานเพราะสมองอันชาญฉลาดเหนือมนุษย์ของคุณหนู ก่อให้เกิดสงครามนองเลือดของนักธุระกิจรามมาจนถึงมาเฟียเพื่อแย่งตัวคุณหนู ทางเราที่คอยจงรักภักดีต่อพิบูญกิจไพศาลช่วยเหลือคุณหญิงพิลาวัณปกปิดเรื่องของคุณหนูมาโดตลอดหลายปี แต่ในวันนั้น...”

 “พอเถอะครับ...หลังจากนั้นผมรู้แล้ว” ราชันย์ยกมือขึ้นห้าม ก่อนจะพูดต่อด้วยสายตาจริงจัง

 “ผมในตอนนี้ คงหลุดจาดสิ้นค้าประมูลมาเป็นของอธิการแล้วสินะ”

 “!!” ผมถึงกับตะลึงที่มันรู้นามสกุลผม แต่ป๊ายิ้มแล้วพยักหน้าเบาๆเท่านั้น

 “ผมจำได้แล้ว อธิการ...ครอบครัวที่ค่อยสนับสนุนแม่มาตลอด”

 “สมกับเป็นคุณหนูราชันย์” ผมทนรับรู้เรื่องน่าปวดหัวพวกนี้ต่อไม่ไหวลุกพรวดเตรียมเดินออกมาแต่เสียงแหบพร่าดังขึ้นเบาๆ

 “หากคุณหนูราชันย์เป็นผู้หญิงคุณหญิงพิลาวัณจะยกให้ทางเรา...แต่เมื่อเป็นแบบนี้”

 “ยังไงตอนนี้...ผมก็เป็นของอธิการแล้ว แต่ขอคงความเป็นพิบูญกิจไพศาลไว้ คงไม่ว่าอะไรใช่มั้ย”

 “รู้สึกเป็นเกรียติเลยต่างหาก...” ไอ้เด็กนี้...เฮ้อ ใครเอาไอ้ราชันย์ของผมไปไว้ไหนแล้วเนี่ย ถ้านี้ไม่ใช่มันผมก็หมดอารมณ์จะอยู่บ้านหลังนี้ต่อเพื่อปกป้องมันแล้ว ผมอุส่าไม่ให้มันเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องอะไรแบบนี้แต่มันดันกระเสือกกะสนเอามาด้วยตัวมันเอง โธ่เว้ย…

 “หมดธุระละ ผมขอตัวกลับแล้วเลิกส่งคนตามหาตัวผมซะที” ผมหันไปพูดกับป๊าแล้วเดินออกมาอย่างหัวเสีย ทำไมผมต้องหงุดหงิดด้วยนะ มันดีแล้วใช่เหรอที่ผมไม่ต้องมานั่งดูแลเด็กเกรียนอย่างมัน...ไม่ต้องกังวลเรื่องของมัน

ดีแล้วไม่ใช่เหรอ...

 “พี่ซีเวล...” จะกลับมาตอนนี้ทำไม ไอ้สายตาแบบนั้น...ผมหันไปมองมันก่อนจะหันกลับมาแล้วเดินออกมาทันที

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา