น้องเกรียนตัวร้าย x พี่ชายตัวแสบ
8.8
เขียนโดย Metoric_soul
วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 13.32 น.
10 chapter
0 วิจารณ์
16.15K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 29 เมษายน พ.ศ. 2557 18.17 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
6) รั้งไว้....
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความผมลืมตาตื่นขึ้นตอนนี้ก็เกือบตีสองแล้ว แต่ทำไมจากผ้าห่มบางๆกลายเป็นผ้านวมหนานุ่มอุ่นนี้ซะได้แต่จากโซฟาที่แค่กลิ้งนิดเดียวก็ร่วงเป็นเตียงกว้างนี้ได้ละ ผมดันตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะมองไปยังร่างที่นั่งทำอะไรสักอย่างโดยมีเพียงโคมไฟที่มีแสงสลัวๆให้ความสว่างเท่านั้น พี่ซีเวลตอนใส่แว่นบวกกับสายตาจริงจังนั้นทำให้ดูสุขุม เย็นเหยียบและห่างไกล... ผมหย่อนขาเหยียบพื้นแล้วเดินไปนั่งข้างๆ
“อ้าวตื่นแล้วไง”
“ไม่ได้ตื่นแค่ละเมอเดินมา” ผมตอบกวนๆแต่เหมือนพี่แกไม่มีอารมณ์เล่นด้วยยังคงจดจ่ออยู่กับหน้าจอโน้ตบุ๊ก
“ทำอะไร”
“หาเบาะแส เออจะดีมากถ้านึกว่าออกไอ้พวกนั้นจะมาแกไปทำไม”
“จะพยายาม...” ผมหลับตาลงแล้วค้นหาจากส่วนลึกโซนประสาทและเหมือนมีมือขาวซีดโพล่มาจากความมืดทำให้ผมตกใจลืมตาขึ้นพร้อมลมหายใจหายเฮือก
“เป็นอะไร”
“มือขาวซีด...”
“อะไรนะ?” ผมส่ายหน้าเบาๆก่อนจะหลับตาลงต่อ พยายามตั้งสมาธิภาพต่อมาที่เห็นคือลูกกระสุนเฉียดผ่านหน้าผมเข้าที่...อกซ้าย...ผู้หญิงคนนั้น...
แม่...
“อึก...อะ” ผมร้องออกมาเพราะอาการปวดหัวรุนแรงแต่คราวนี้มีน้ำตาออกมาด้วยเพราะภาพที่เห็นมันโหดร้าย...ทำไมกัน
“นึกอะไรออกละเนี่ย”
“แม่...”
“ฮะ?”
“แม่ผม...ถูกยิง” ผมไม่ไหวแล้ว...ถ้านึกต่อมันหวังหัวได้ระเบิดแน่ๆ
“พอแล้วๆนอนๆ” ท่อนแขนแกร่งช้อนตัวผมขึ้นก่อนจะวางลงบนเตียงอย่างเบามือ ดึงผ้านวมผืนเดิมมาห่มให้แล้วลูบหัวผมเบาๆ ทำไมผมต้องคว้ามือนี้ไว้ด้วย...บ้าจริง!
“....” พี่ซีเวลมองการกระทำน่าสมเพศของผมด้วยสายตานิ่งไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆทั้งสิ้น เอ้ย...นี้ผมทำอะไรลงไปนี้ พอกันที...
“ผมกลัว...” ผมพูดออกตามความจริงที่รู้สึก
“ระบายออกมา พี่อยู่นี้” ผมพยายามกลั้นน้ำเสียงสะอื้น...ร่างกายสั่นเทายากจะควบคุม ปวดหัวไปหมด...
“ผู้หญิงคนนั้งถูกยิง...ต่อหน้าผม ตามด้วยทุกคน”
“ทุกคน...”
“พ่อ...แล้วก็น้องสาว ทุกคนทำเพื่อปกป้องผม...ผมคือสิ่งที่มันต้องการ แต่...อึก มะ...ไม่ไหว” ถึง ณ จุดนี้หัวผมหยุดทำงานไปเองโดยอัตโนมัติ มันหยุดสั่งการทุกส่วน สมองชาวาบร่างกายหมดแรงไปดื้อๆ มีเพียงสิ่งที่ยังรับรู้ได้ผมยังได้รับ ความอบอุ่นจากอุ้มมือนี้ ที่ยังลูบหัวผมอยู่
“พักซะถ้าไม่ไหว เดี๋ยวก็ตายพอดี”
.
.
.
แกนี้มัน...เหลือเกินจริงๆ เป็นคนที่ไอ้พวกนั้นต้องการขนาดฆ่าคนได้ลงคอ...ครอบครัวของแก คงไม่เหลือแล้วสินะ เป็นผมผมก็ไม่อะไรมากหรอกแต่ไอ้เด็กนี้...พอรู้ความจริงแบบนี้แล้วคงเสียใจน่าดู ไม่มีที่ให้กลับแล้ว และเหมือนเบื้องบนจะให้ภารกิจผมมาแล้วนะ
“ฉันคงทิ้งไว้แบบนี้ไม่ได้แน่” ผมต้องทำอะไรสักอย่าง ร่างเล็กหลับไปแล้วแต่ตัวยังสั่นเพราะอาการสะอื้นเมื่อกี้ ถ้าไปบอกให้มันนึกมากๆเข้าก็คงมีขีดจำกัดเหมือนกันแฮะ
“เอาหละ...”
ติ๊ด ติ๊ด
ผมกำลังจะลุกไปปิดคอมเพราะยังไงหาต่อไปก็ไม่ได้อะไรแล้ว เพราะตอนนี้ทุกอย่าง...มันมากพอแล้ว แต่เสียงโทรศัพท์กลับดังขัดซะก่อน กลายเป็นคุณหญิงโทรมาซะได้
“มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ”
(สบายดีมั้ย...) น้ำเสียงนิ่งเรียบโทรมาคงธุระเดิม
“มีอะไรก็รีบบอกาเถอะครับ ผมจะเข้านอนแล้ว”
(อย่างเธอเนี่ยนะจะเข้านอนตอนนี้)
“แล้วทำไมละครับ” ผมตอกกลับอย่างไม่ไว้หน้าแม่เลี้ยงใจร้ายที่ใครๆก็คิดว่ามีแต่ในนิยาย เธอมีตัวตนอยู่จริง และเธอคือแม่เลี้ยงของผมเอง
(ฉันได้รูปถ่ายเธอกับเด็กผู้ชายคนนึง...)
“....”
(เธอรู้มั้ยว่าเด็กคนนั้นคือใคร...)
“....”
(ลูกชายประธานบริษัทพิบูญกิจไพศาล...)
“คุณหมายความว่าไง” ผมกำโทรศัพท์แน่นอย่างไม่เชื่อหู ราชันย์เนี่ยนะ
(สิทธิกร พิบูญกิจไพศาลและตอนนี้พวกอาเสี่ยรุ่นใหญ่กำลังต้องการตัวมันมาก เพราะความสามารถ...ไม่สิ พรสวรรค์ในการบริหารที่น่าเหลือเชื่อผิดมนุษย์และต้อนนี้มันได้กลายเป็นสินค้าประมูลชิ้นเอกที่ถูกหมายตาไว้มาก) ไม่จริง..ราชันย์เป็นแค่เด็กธรรมดาคนนึง...ที่ครอบครัวพังพินาศไปต่อหน้าต่อตาเพียงเพราะไอ้พวกเห็นแก่ตัวเนี่ยนะ!
“คุณต้องการจะบอกอะไรผม”
(ส่งตัวเด็กนั้นมา แล้วฉันจะล้มเลิกการแต่งงานของเธอ) ยัยคุณนายนี้จงใจจะยิงปืนนัดเดียวได้นกสองต่อคือสามารถทำให้ผมกลับบ้านแล้วคุณพ่อก็ปลื้มตายแถมยังได้ตัวราชันย์ไปโดยที่ไม่ต้องเสียงเงินประมูล แต่ผมไม่ยอม
“ตอนนี้เด็กคนนั้นไม่ได้อยู่กับผมแล้ว เขาถูกพาตัวไปแล้ว” ผมโกหกโดยไม่รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อยเพื่อปกป้องไอ้เด็กเกรียนนี้....ใช่ ผมจะเป็นคนปกป้องมันเอง
(โอ้ว น่าเสียดาย...) ชิ...ไอ้น้ำเสียงเย้อหยั้นนั้นมันอะไรกัน จงใจจะเล่นอะไรกับผมกันแน่
(ไอ้เด็กนี้ก็สร้างวีรกรรมไว้เยอะนิ เห็นพวกอาเสี่ยรุ่นใหญ่บอกว่าหลบหนีได้หลายรอบแล้วแต่คราวนี้ไม่น่ารอดเพราะอดข้าวอดน้ำหลายวันคงจะโทรมน่าดู...)
“.....”
(แต่ยังไงฉันก็ต้องได้ตัวไอ้เด็กมาให้ได้)
ติ๊ด
ผมทนฟังความโรคจิตวิปริตไม่ไหวกดตัดสายทิ้งอย่างไร้มารยาท ผมมีไม่ลงหรอกมารยาทนะ กับยัยปีศาจคนนั้น ผมอยากให้เธอรู้เหลือว่าการสูญเสียครอบครัวไปมันทรมานขนาดไหน ราชันย์ต้องกลายเป็นสิ้นค้าประมูลงั้นเหรอ....เรื่องแบบนี้ผมยอมให้มันเกิดขึ้นไม่ได้
ไม่ได้เด็ดขาด...
.
.
.
ผมตื่นขึ้นมาพร้อมอาการปวดหัวรุนแรง แล้วค่อยๆบรรเทาลงช้าๆ โอย เมื่อวานผมไม่น่าฝืนเลย ระบมตั้งแต่สมองยันหน้าท้องเลย แผลตอนนี้เริ่มสนามกันแล้วแต่ก็ยังไม่หายขาด “อรุณสวัสดิ์พี่ซีเวล...” ผมเอ่ยทักชายที่นั่งหน้าบูดอยู่บ่นโซฟา เป็นอะไรแต่เช้าเลยวะแล้วเมื่อคืนผมเผาตัวเองไปแล้วเรียบร้อยกับการที่นึกอะไรพูดออกมาหมด ตายห่าละ หมดไส้หมดพุง!=[]=
“สนใจกันหน่อยครับ”
“อะไรอีกละ”
“นั้นนะสิ อะไรอีกละ” ผมแกล้งย้ำ...ไม่อยากให้พี่แกนึกถึงเรื่องเมื่อคืนเลยกลับมาเป็นคนเดิมซะเลย เอาเถอะถือซะว่าเริ่มชีวิตใหม่ละกัน
“แล้วจะเอาไงต่อ จะเอาผมไว้ไหนรึเปล่า”
“ไม่มีทาง!”
“เหวอ...” ผมถึงกับสะดุ้งเฮือกเพราะอยู่ๆพี่แกก็ลุกพรวดแล้วตะโกนใส่ผม ความรู้สึกเดียวกับระเบิดลงกลางกระลาบเลยวุ้ย น่ากลัวแท้ T^T ฮือ...
“ผมไปทำอะไรให้โกรธเนี่ย กวนนิดกวนหน่อยเอง” ผมพยายามโบกมือให้พี่แกใจเย็นแล้วอยู่ก็ทำหน้าเหมือนเพิ่งตรัสรู้ว่าตัวเองทำอะไรลงก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นหน้าข่มอารมณ์
“เออ ช่างฉันเถอะ!” โฮเฮ้ย อารมณ์เสียใส่เราแต่มีหน้ามาบอกว่าเรื่องของตัวเอง อยากตายไม่บอกรู้งี้ป๋าจัดให้นานละ โด่ววววว์
“นี้ แล้วตกลงเอาไงกับชีวิตผมเนี่ย”
“เรื่องของแก”
“....” ผมถึงกับอ้าปากค้าง เข้าใจว่าที่พูดเพราะอารมณ์เสียแต่ผม...
“คือ...”
“เข้าใจละ” ผมเหยียดยิ้มก่อนจะเดินหายเข้ามาในห้องน้ำ เปิดน้ำเย็นฉ่ำรดตัวแล้วทรุดตัวลงนั่งกอดตัวเองไว้ ผมไม่ได้เป็นอะไรกับพี่เขาซะหน่อย เรื่องอะไรเขาต้องมารับผิดชอบชีวิตผมด้วยละ
“ราชันย์...” เสียงเข้มพยายามเรียกผมอยู่หลายครั้งแต่ก็เปล่าประโยชน์...อยากพูดออกไปจังว่าอย่าเรียกเลย แค่ดูแลผมมาถึงขนาดนี้ก็ซึ้งใจจะแย่เลย
“....” หลังจากปล่อยให้น้ำล้างคราบเลือดออกหมดแล้วผมก็จัดการแต่งตัวในชุดเดิมที่เพิ่งซักเสร็จหมาดๆ แล้วออกไปประจันหน้ากับเจ้าของห้อง
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับ ผมลาละ” ผมเดินออกจากห้องแต่พอจะหันมาปิดประตูมืออุ่นคว้าข้อมือผมไว้แล้วดึงเข้าไปในห้องก่อนจะเหวี่ยงติดกำแพง
“ไม่ให้ไป...”
“ฮะ?”
“อย่าได้ออกไปข้างนอกตามใจตัวเองเด็ดขาด” น้ำเสียงเย็นเยียบทำเอาผมขนลุกวาบรู้สึกหนาวสันหลังไปหมด มือที่กำข้อมือผมไว้กดติดกับกำแพง
“เพราะถ้าออกไปแล้วอาจจะไม่ได้กลับมาอีก” อย่ายิ้มแบบนี้ผมขอร้อง มันโหดร้ายกับผมเกินไปแล้ว ฮรือ....
“ฉันรั้งแกได้เท่านี้”
“รั้ง...?”
“ใช่”
“อ้าวตื่นแล้วไง”
“ไม่ได้ตื่นแค่ละเมอเดินมา” ผมตอบกวนๆแต่เหมือนพี่แกไม่มีอารมณ์เล่นด้วยยังคงจดจ่ออยู่กับหน้าจอโน้ตบุ๊ก
“ทำอะไร”
“หาเบาะแส เออจะดีมากถ้านึกว่าออกไอ้พวกนั้นจะมาแกไปทำไม”
“จะพยายาม...” ผมหลับตาลงแล้วค้นหาจากส่วนลึกโซนประสาทและเหมือนมีมือขาวซีดโพล่มาจากความมืดทำให้ผมตกใจลืมตาขึ้นพร้อมลมหายใจหายเฮือก
“เป็นอะไร”
“มือขาวซีด...”
“อะไรนะ?” ผมส่ายหน้าเบาๆก่อนจะหลับตาลงต่อ พยายามตั้งสมาธิภาพต่อมาที่เห็นคือลูกกระสุนเฉียดผ่านหน้าผมเข้าที่...อกซ้าย...ผู้หญิงคนนั้น...
แม่...
“อึก...อะ” ผมร้องออกมาเพราะอาการปวดหัวรุนแรงแต่คราวนี้มีน้ำตาออกมาด้วยเพราะภาพที่เห็นมันโหดร้าย...ทำไมกัน
“นึกอะไรออกละเนี่ย”
“แม่...”
“ฮะ?”
“แม่ผม...ถูกยิง” ผมไม่ไหวแล้ว...ถ้านึกต่อมันหวังหัวได้ระเบิดแน่ๆ
“พอแล้วๆนอนๆ” ท่อนแขนแกร่งช้อนตัวผมขึ้นก่อนจะวางลงบนเตียงอย่างเบามือ ดึงผ้านวมผืนเดิมมาห่มให้แล้วลูบหัวผมเบาๆ ทำไมผมต้องคว้ามือนี้ไว้ด้วย...บ้าจริง!
“....” พี่ซีเวลมองการกระทำน่าสมเพศของผมด้วยสายตานิ่งไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆทั้งสิ้น เอ้ย...นี้ผมทำอะไรลงไปนี้ พอกันที...
“ผมกลัว...” ผมพูดออกตามความจริงที่รู้สึก
“ระบายออกมา พี่อยู่นี้” ผมพยายามกลั้นน้ำเสียงสะอื้น...ร่างกายสั่นเทายากจะควบคุม ปวดหัวไปหมด...
“ผู้หญิงคนนั้งถูกยิง...ต่อหน้าผม ตามด้วยทุกคน”
“ทุกคน...”
“พ่อ...แล้วก็น้องสาว ทุกคนทำเพื่อปกป้องผม...ผมคือสิ่งที่มันต้องการ แต่...อึก มะ...ไม่ไหว” ถึง ณ จุดนี้หัวผมหยุดทำงานไปเองโดยอัตโนมัติ มันหยุดสั่งการทุกส่วน สมองชาวาบร่างกายหมดแรงไปดื้อๆ มีเพียงสิ่งที่ยังรับรู้ได้ผมยังได้รับ ความอบอุ่นจากอุ้มมือนี้ ที่ยังลูบหัวผมอยู่
“พักซะถ้าไม่ไหว เดี๋ยวก็ตายพอดี”
.
.
.
แกนี้มัน...เหลือเกินจริงๆ เป็นคนที่ไอ้พวกนั้นต้องการขนาดฆ่าคนได้ลงคอ...ครอบครัวของแก คงไม่เหลือแล้วสินะ เป็นผมผมก็ไม่อะไรมากหรอกแต่ไอ้เด็กนี้...พอรู้ความจริงแบบนี้แล้วคงเสียใจน่าดู ไม่มีที่ให้กลับแล้ว และเหมือนเบื้องบนจะให้ภารกิจผมมาแล้วนะ
“ฉันคงทิ้งไว้แบบนี้ไม่ได้แน่” ผมต้องทำอะไรสักอย่าง ร่างเล็กหลับไปแล้วแต่ตัวยังสั่นเพราะอาการสะอื้นเมื่อกี้ ถ้าไปบอกให้มันนึกมากๆเข้าก็คงมีขีดจำกัดเหมือนกันแฮะ
“เอาหละ...”
ติ๊ด ติ๊ด
ผมกำลังจะลุกไปปิดคอมเพราะยังไงหาต่อไปก็ไม่ได้อะไรแล้ว เพราะตอนนี้ทุกอย่าง...มันมากพอแล้ว แต่เสียงโทรศัพท์กลับดังขัดซะก่อน กลายเป็นคุณหญิงโทรมาซะได้
“มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ”
(สบายดีมั้ย...) น้ำเสียงนิ่งเรียบโทรมาคงธุระเดิม
“มีอะไรก็รีบบอกาเถอะครับ ผมจะเข้านอนแล้ว”
(อย่างเธอเนี่ยนะจะเข้านอนตอนนี้)
“แล้วทำไมละครับ” ผมตอกกลับอย่างไม่ไว้หน้าแม่เลี้ยงใจร้ายที่ใครๆก็คิดว่ามีแต่ในนิยาย เธอมีตัวตนอยู่จริง และเธอคือแม่เลี้ยงของผมเอง
(ฉันได้รูปถ่ายเธอกับเด็กผู้ชายคนนึง...)
“....”
(เธอรู้มั้ยว่าเด็กคนนั้นคือใคร...)
“....”
(ลูกชายประธานบริษัทพิบูญกิจไพศาล...)
“คุณหมายความว่าไง” ผมกำโทรศัพท์แน่นอย่างไม่เชื่อหู ราชันย์เนี่ยนะ
(สิทธิกร พิบูญกิจไพศาลและตอนนี้พวกอาเสี่ยรุ่นใหญ่กำลังต้องการตัวมันมาก เพราะความสามารถ...ไม่สิ พรสวรรค์ในการบริหารที่น่าเหลือเชื่อผิดมนุษย์และต้อนนี้มันได้กลายเป็นสินค้าประมูลชิ้นเอกที่ถูกหมายตาไว้มาก) ไม่จริง..ราชันย์เป็นแค่เด็กธรรมดาคนนึง...ที่ครอบครัวพังพินาศไปต่อหน้าต่อตาเพียงเพราะไอ้พวกเห็นแก่ตัวเนี่ยนะ!
“คุณต้องการจะบอกอะไรผม”
(ส่งตัวเด็กนั้นมา แล้วฉันจะล้มเลิกการแต่งงานของเธอ) ยัยคุณนายนี้จงใจจะยิงปืนนัดเดียวได้นกสองต่อคือสามารถทำให้ผมกลับบ้านแล้วคุณพ่อก็ปลื้มตายแถมยังได้ตัวราชันย์ไปโดยที่ไม่ต้องเสียงเงินประมูล แต่ผมไม่ยอม
“ตอนนี้เด็กคนนั้นไม่ได้อยู่กับผมแล้ว เขาถูกพาตัวไปแล้ว” ผมโกหกโดยไม่รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อยเพื่อปกป้องไอ้เด็กเกรียนนี้....ใช่ ผมจะเป็นคนปกป้องมันเอง
(โอ้ว น่าเสียดาย...) ชิ...ไอ้น้ำเสียงเย้อหยั้นนั้นมันอะไรกัน จงใจจะเล่นอะไรกับผมกันแน่
(ไอ้เด็กนี้ก็สร้างวีรกรรมไว้เยอะนิ เห็นพวกอาเสี่ยรุ่นใหญ่บอกว่าหลบหนีได้หลายรอบแล้วแต่คราวนี้ไม่น่ารอดเพราะอดข้าวอดน้ำหลายวันคงจะโทรมน่าดู...)
“.....”
(แต่ยังไงฉันก็ต้องได้ตัวไอ้เด็กมาให้ได้)
ติ๊ด
ผมทนฟังความโรคจิตวิปริตไม่ไหวกดตัดสายทิ้งอย่างไร้มารยาท ผมมีไม่ลงหรอกมารยาทนะ กับยัยปีศาจคนนั้น ผมอยากให้เธอรู้เหลือว่าการสูญเสียครอบครัวไปมันทรมานขนาดไหน ราชันย์ต้องกลายเป็นสิ้นค้าประมูลงั้นเหรอ....เรื่องแบบนี้ผมยอมให้มันเกิดขึ้นไม่ได้
ไม่ได้เด็ดขาด...
.
.
.
ผมตื่นขึ้นมาพร้อมอาการปวดหัวรุนแรง แล้วค่อยๆบรรเทาลงช้าๆ โอย เมื่อวานผมไม่น่าฝืนเลย ระบมตั้งแต่สมองยันหน้าท้องเลย แผลตอนนี้เริ่มสนามกันแล้วแต่ก็ยังไม่หายขาด “อรุณสวัสดิ์พี่ซีเวล...” ผมเอ่ยทักชายที่นั่งหน้าบูดอยู่บ่นโซฟา เป็นอะไรแต่เช้าเลยวะแล้วเมื่อคืนผมเผาตัวเองไปแล้วเรียบร้อยกับการที่นึกอะไรพูดออกมาหมด ตายห่าละ หมดไส้หมดพุง!=[]=
“สนใจกันหน่อยครับ”
“อะไรอีกละ”
“นั้นนะสิ อะไรอีกละ” ผมแกล้งย้ำ...ไม่อยากให้พี่แกนึกถึงเรื่องเมื่อคืนเลยกลับมาเป็นคนเดิมซะเลย เอาเถอะถือซะว่าเริ่มชีวิตใหม่ละกัน
“แล้วจะเอาไงต่อ จะเอาผมไว้ไหนรึเปล่า”
“ไม่มีทาง!”
“เหวอ...” ผมถึงกับสะดุ้งเฮือกเพราะอยู่ๆพี่แกก็ลุกพรวดแล้วตะโกนใส่ผม ความรู้สึกเดียวกับระเบิดลงกลางกระลาบเลยวุ้ย น่ากลัวแท้ T^T ฮือ...
“ผมไปทำอะไรให้โกรธเนี่ย กวนนิดกวนหน่อยเอง” ผมพยายามโบกมือให้พี่แกใจเย็นแล้วอยู่ก็ทำหน้าเหมือนเพิ่งตรัสรู้ว่าตัวเองทำอะไรลงก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นหน้าข่มอารมณ์
“เออ ช่างฉันเถอะ!” โฮเฮ้ย อารมณ์เสียใส่เราแต่มีหน้ามาบอกว่าเรื่องของตัวเอง อยากตายไม่บอกรู้งี้ป๋าจัดให้นานละ โด่ววววว์
“นี้ แล้วตกลงเอาไงกับชีวิตผมเนี่ย”
“เรื่องของแก”
“....” ผมถึงกับอ้าปากค้าง เข้าใจว่าที่พูดเพราะอารมณ์เสียแต่ผม...
“คือ...”
“เข้าใจละ” ผมเหยียดยิ้มก่อนจะเดินหายเข้ามาในห้องน้ำ เปิดน้ำเย็นฉ่ำรดตัวแล้วทรุดตัวลงนั่งกอดตัวเองไว้ ผมไม่ได้เป็นอะไรกับพี่เขาซะหน่อย เรื่องอะไรเขาต้องมารับผิดชอบชีวิตผมด้วยละ
“ราชันย์...” เสียงเข้มพยายามเรียกผมอยู่หลายครั้งแต่ก็เปล่าประโยชน์...อยากพูดออกไปจังว่าอย่าเรียกเลย แค่ดูแลผมมาถึงขนาดนี้ก็ซึ้งใจจะแย่เลย
“....” หลังจากปล่อยให้น้ำล้างคราบเลือดออกหมดแล้วผมก็จัดการแต่งตัวในชุดเดิมที่เพิ่งซักเสร็จหมาดๆ แล้วออกไปประจันหน้ากับเจ้าของห้อง
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับ ผมลาละ” ผมเดินออกจากห้องแต่พอจะหันมาปิดประตูมืออุ่นคว้าข้อมือผมไว้แล้วดึงเข้าไปในห้องก่อนจะเหวี่ยงติดกำแพง
“ไม่ให้ไป...”
“ฮะ?”
“อย่าได้ออกไปข้างนอกตามใจตัวเองเด็ดขาด” น้ำเสียงเย็นเยียบทำเอาผมขนลุกวาบรู้สึกหนาวสันหลังไปหมด มือที่กำข้อมือผมไว้กดติดกับกำแพง
“เพราะถ้าออกไปแล้วอาจจะไม่ได้กลับมาอีก” อย่ายิ้มแบบนี้ผมขอร้อง มันโหดร้ายกับผมเกินไปแล้ว ฮรือ....
“ฉันรั้งแกได้เท่านี้”
“รั้ง...?”
“ใช่”
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ