ปมรัก

7.7

เขียนโดย rukpopfanggg

วันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 11.04 น.

  13 ตอน
  134 วิจารณ์
  25.07K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 มกราคม พ.ศ. 2557 21.14 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

8) เลขาฝึกหัด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

 

 

 

 

 

“นาฬิกานั่นมัน” เมื่อฟางกลับมาบ้านก็เดินสวนกับนิมิตคุณอาของป๊อปปี้ที่กำลังออกไปธุระข้างนอกพอดี

 

 

สายตาหวานไปสะดุดกับนาฬิกาเรือนสีทองบนข้อมือของชายวัยกลางคน ภาพเมื่อบ่ายสองสามวันก่อนที่เธอไปบริษัท แล้วเห็นกลุ่มคน 4-5 คนข้างๆตึก และก็มีชายคนหนึ่งสวมนาฬิกาที่คล้ายๆกัน ผุดขึ้นมาในหัว

 

 

“ไม่มั้ง คุณอาเพิ่งกลับมาเมื่อวานเองนี่” เธอส่ายหน้าเล็กน้อยเพราะความคิดที่ไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไร่ จะเป็นคนเดียวกันได้ไงในเมื่อเธอก็ไปรับคุณอานิมิตกับแก้วและป๊อปปี้เองเมื่อวานนี้

 

 

“มีอะไรหรือเปล่า” ชายหนุ่มที่กลับมาพร้อมๆกัน ถามขึ้น

 

 

“เปล่าๆ ไปเถอะแก้วคงรอแย่แล้ว” พูดจบเธอก็รีบตรงขึ้นไปที่ห้องนอนของแก้ว

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“ฟาง แกจะให้ชั้นเอกสารพวกนี้ไปไว้ไหน” แก้วถามขึ้นขณะที่ตัวเองกำลังหอบกองเอกสารชุดใหญ่เข้ามาในห้องฟางอย่างลำบาก

 

 

“……” ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ร่างเล็กนั่งเหม่อลอยเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

 

 

“เห้ยยย ฟางงๆๆ” แก้ววางกองเอกสารทั้งหมดลงที่เก้าอี้แล้วทิ้งตัวลงนอนข้างๆฟางอย่างอ่อนแรง แล้วเรียกเธอพร้อมกับเขย่าตัวเบาๆอีกครั้ง

 

 

“อ้ะ ขอโทษๆ วางไว้ตรงนั้นละ ขอบคุณนะ” เธอหลุดจากภวังค์ความคิดเมื่อเพื่อนสาวสะกิดเรียก

 

 

“เหม่ออะไรจ้ะ” แก้วถาม

 

 

“เปล่าๆไม่มีไรหรอก” เธอปฏิเสธ ก็จะให้เล่าได้ยังไงในเมื่อนี่มันเกี่ยวกับคุณอานิมิต อาของแก้ว

 

 

“ไม่เชื่อ โกหกไม่เนียนเลยนะแก เล่ามาเหอะ เห็นชั้นเป็นเพื่อนมั้ยเนี่ย” แก้วถามย้ำ

 

 

“ชั้นก็แค่สงสัยนะแก้วมันไม่มีอะไร” ฟางพยายามที่จะตอบเลี่ยงๆ

 

 

“สงสัยอะไรเล่า” แก้วตื้อไม่เลิก แล้วจ้องฟางดุๆ

 

 

“ก็ชั้นเห็นผู้ชายคนนึงที่เหมือนกับคุณอานิมิตตรงข้างตึกนีระสิงห์เมื่อสองสามวันก่อน” เธอจำใจตอบ

 

 

“เห้ย อาชั้นเพิ่งกลับมาเมื่อวาน” แก้วท้วงตามที่รู้

 

 

“ชั้นก็ถึงบอกไงว่า มันไม่มีอะไร” เธอตอบเสียงอ่อยๆ

 

 

“แล้วทำไมแกถึงคิดว่าเป็นอาชั้น” แก้วถามอย่างเป็นกลาง

 

 

“นาฬิกาสีทอง มันเหมือนกับคนที่ชั้นเห็นเลย” เธอตอบตามความเป็นจริง

 

 

“นาฬิกาคล้ายๆกับคนที่ใส่แจ็คเก็ตดำ ชั้นเห็นหน้าไม่ชัดแต่สีนาฬิกามันตัดกับสีดำมากก็เลยจำได้” เธออธิบายต่อ แก้วฟังอย่างพิจารณา

 

 

“นาฬิกาสีทองใครๆก็มีได้น่า อาจจะแค่บังเอิญเหมือนกันก็ได้นะ” แก้วแสดงความเห็น

 

 

“อืม ชั้นคงคิดมากไปเองแหละ” เธอยิ้มแห้งๆ ในใจก็หวังจะให้เป็นอย่างแก้วว่า แต่เธอก็ยังค้างคาใจลึกๆ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เย็นวันนั้น คุณนิมิตชวนป๊อปปี้ แก้ว และฟาง ไปทานอาหารเย็นที่โรงแรมหรูย่านสุขุมวิท

 

 

 

“ทานเยอะๆนะหลานๆ อาเลี้ยงเอง” นิมิตพูดอย่างเอ็นดู

 

 

ฟางกำลังจะเอื้อมไปคีบซูซิแซลมอน แต่ป๊อปปี้ดันตัดหน้าไปก่อน ฟางชะงักนิดหน่อยก็เลยคีบปลาไหลย่างแทน แต่ก็ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อรู้อีกที ซูซิแซลมอนที่เมื่อครู่ป๊อปปี้คีบไปมาอยู่ในจานตัวเอง

 

 

“อ้ะ” เธอมองอย่างสงสัย

 

 

“ก็ผมเห็นคุณทำท่าจะตัก พอดีผมคีบมาพอดี” เขาตอบแล้วทานอาหารต่อ เธอพยักหน้าแล้วยิ้มน้อยๆ

 

 

“แล้วคุณพ่อหนูฟางสบายดีไหม” นิมิตเริ่มเปิดประเด็นสนทนา

 

 

“เอ่อ ฟางก็ไม่รู้ค่ะ” เธออ้ำอึ้งเล็กน้อย และตอบเศร้าๆ

 

 

“อาไม่เจอพ่อหนูมาหลายปีแล้ว ล่าสุดก็เมื่อ4 5ปีที่แล้วน่ะ” นิมิตพูดต่อ ฟางเงียบในใจเธอก็นึกไปถึงเรื่องนาฬิกานั่น นึกอยากจะถามให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็เกรงใจหลานทั้งสองที่ร่วมโต้ะอยู่ด้วย

 

 

“คุณพ่อฟางหายไปค่ะ” เธอตัดสินใจพูดโพล่งออกมา

 

 

“คุณอาเพิ่งกลับมาอาจจะยังไม่รู้ข่าวนะค่ะ บริษัทพ่อฟางถูกโกง ตอนนี้ครอบครัวฟางถูกศาลสั่งล้มละลาย แล้วคุณพ่อก็หายไปไหนไม่รู้” เธอพูดต่ออย่างหนักแน่น แต่ก็น้ำเสียงนั้นกลับเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

 

 

“จริงหรอลูก โธ่ หนูไม่หน้าต้องเจอกับเรื่องแบบนี้เลย” นิมิตลูบผมฟางอย่างปลอบใจ

 

 

“แล้วคุณจะทำยังไงต่อ” ป๊อปปี้ถามบ้าง

 

 

“ไม่รู้สิ ฟางขอโทษพวกคุณที่ต้องมาขออาศัยและเป็นภาระแบบนี้” เธอพูดอย่างถ่อมเนื้อถ่อมตัว

 

 

“อย่าพูดงั้นสิ ชั้นกับแกมันเพื่อนซี้มีกันอยู่สองคนเนี่ย สมัยเรียนอยู่เมกาชั้นก็อยู่คอนโดแกตั้ง4ปีแหนะ จริงมั้ยค่ะคุณอา พี่ป๊อป” แก้วพูดพยายามให้ฟางไม่เครียด

 

 

เพราะสมัยตอนเรียนแก้วก็พักอยู่ที่คอนโดที่พ่อฟางซื้อไว้ให้ฟาง อยู่ที่อเมริกาเพราะใกล้มหาลัย

 

 

“ใช่ หนูฟางอย่าคิดมากเลย ยังไงบ้านจิระคุณก็คนน้อยอยู่แล้ว มีหนูมาอยู่จะได้คึกคักขึ้น” นิมิตพูดเสริม

 

 

ฟางมองนิมิตและแก้วอย่างซึ้งใจ และหันไปมองป๊อปปี้บ้าง เขาไม่พูดอะไร เธอก็ไม่รู้ว่าเขาจะคิดยังไงที่เธอมาขออาศัยแบบนี้

 

 

“ผมว่าคุณมาอยู่แบบนี้มันก็ดีเหมือนกันนะ” เขาพูดแล้วมองเธอกลับ ฟางยิ้มออกและเขินหลบสายตาทันที

 

 

“ผมว่าคุณน่าจะหางานทำนะ คุณเรียนจบด้านไหนมา” เขาว่า

 

 

“ห้ะ หางาน? ชั้นจบ marketing น่ะ” เธอตอบ งงๆ หางานเนี่ยนะ

 

 

“ก็เข้าทางเลย คุณลองไปทำงานที่นีระสิงห์กรุ๊ปดูสิ” เขาพูดขึ้น ทำเอาแก้ว ฟาง และ นิมิตเหวอ

 

 

“เจ้าป๊อปทำไมไปให้หนูฟางเขาทำงานแบบนั้นล่ะ” นิมิตโพล่งขึ้นมาอย่างตกใจ

 

 

“คุณจะใช้ชั้นไปสมัครงานที่บริษัทที่ใช้ชื่อ เป็นนามสกุลของชั้นเนี่ยนะ ตลกชะมัด” เธอพูดขำๆ

 

 

“ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้วนะฟาง” เขาพูดตามหลักความเป็นจริง และมันก็ถูกที่สุด การที่เธอเอาแต่พูดว่าจะตามหาพ่ออย่างนั้นอย่างนี้

 

แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่เดินไปเดินมาหน้าตึก และก็ไม่เคยได้ข่าวอะไรที่มีประโยชน์มากขึ้นเลย ภาณุเขาเป็นคนที่มีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่จริงๆ มิน่าถึงเป็นถึงขึ้นผู้บริหารได้ตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มๆ

 

 

“แต่ชั้นไม่เคยทำงานเลย ชั้นไม่รู้หรอกว่าต้องทำยังไง” เธอพูด ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงแว้ดๆใส่ไปแล้ว แต่ก็อย่างที่เขาว่า ถ้าเธอสามารถเป็นบอร์ดบริหารหรือซักตำแหน่งในนีระสิงห์กรุ๊ปได้ ก็คงเป็นประโยชน์ในการสืบหาเรื่องพ่อแน่นอน

 

 

แต่จะทำได้ไง ในเมื่อเธอไม่เคยมีประสบการณ์ในการทำงานมาก่อน จู่ๆจะให้รับ นักเรียนพึ่งจบไปทำงานเนี่ยนะ เป็นไปไม่ได้แน่นอน

 

 

เพราะถึงแม้เธอจะไม่เคยยุ่งเรื่องบริษัทแต่เธอก็พอรู้ว่าการคัดพนักงานเข้าทำงานแต่ละคนนั้น พ่อของเธอจะใส่ใจในเรื่องนี้อย่างมาก ท่านจะเป็นคนสอบสัมภาษณ์เอง

 

 

และมักจะกลับมาบ่นให้เธอฟังเสมอๆว่า นักศึกษาจบใหญ่สมัยนี้ ดีแต่หวังจะเอาเงินเดือนมากๆ โดยที่ความสามารถและประสบการณ์ก็ไม่มี

 

 

 

“งั้นก็ให้ฟางไปทำงานเป็นเลขากับพี่ป๊อปก่อนสิ” แก้วพูดอย่างเห็นด้วย ฟางได้ยินก็ตาโต

 

 

“เห้ยแก้ว จะดีหรอเอ่อ” ฟางตกใจ รีบถาม แล้วหันไปมองหน้าป๊อปปี้

 

 

“ดีเลย เลขาลาคลอด3เดือน พอดี” ป๊อปปี้แอบอมยิ้ม เห็นดีเห็นงามด้วย

 

 

“อาก็ว่าดีนะ อย่างน้อยก็บริษัทของเราเอง จะได้ไม่ลำบากมาก” นิมิตเสริม

 

 

“เอ่อถ้าทุกคนว่างั้น ก็ตามนั้นก็ได้ค่ะ” เธอพยักหน้ารับ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ก๊อก ก๊อก

 

 

 

 

“ใครน่ะ แก้วหรอ” เสียงชายหนุ่มเจ้าของห้องตะโกนถามถึงคนที่มาเคาะประตู

 

 

“ฟางเองค่ะ”

 

 

“อ้อรอสักครู่นะครับ” เขารีบวิ่งมาเปิดประตู

 

 

“เอ่อ ชั้นมารบกวนเวลาอาบน้ำคุณหรือเปล่าเนี่ย” เธอถามหลบๆสายตาเพราะตอนนี้ชายหนุ่มเปิดประตูมาในสภาพที่นุ่งผ้าเช็ดตัวปิดท่อนล่างไว้แค่นั้น ร่างกายที่ยังเปียกน้ำหมาดๆ ทำให้เธอใจเต้นรัว

 

 

“ไม่เป็นไร เข้ามาก่อนสิ”

 

 

“คุณนั่งรอแปปนะ” พูดจบเขากลับเข้าห้องน้ำไปเช็ดตัว ส่วนเธอก็พยักหน้าแล้วเดินไปรอบๆห้อง

 

 

จะว่าไปนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอเข้ามาในห้องของเขาเลย ห้องโทนขาวสะอาดและเป็นระเบียบซึ่งเชื่อมกับห้องทำงานขนาดพอดีอีกห้อง

 

 

“สมัยก่อนหัวฟูน่าดู ฮ่าๆ ผิดกับตอนนี้คนละคนเลย” เธอมองรูปถ่ายสมัยเรียนมัธยมของเขากับเพื่อนก็หลุดขำ และเลื่อนสายตาไปที่อีกรูปที่ตั้งอยู่ข้างๆ เป็นรูปที่เขาสวมสูทสีดำนั่งอยู่ที่โต้ะทำงานภายในบริษัท บุคลิกท่าทางและมาดนิ่งขรึม ดูน่าเกรงขามจริงๆ

 

 

“มีเรื่องอะไรหรอ” เขาถามหลังจากเดินออกมาจากห้องน้ำในชุดสบายๆ เสื้อยืดกับกางเกงนอนธรรมดา

 

 

“ชั้นจะถามว่า เรื่องที่ให้ชั้นเป็นเลขาคุณ”

 

 

“อ๋อ คุณพร้อมวันไหนล่ะ พรุ่งนี้เลยมั้ย” เขาถาม

 

 

“ตกลงค่ะ” เธอยิ้มรับ

 

 

“งั้นพรุ่งนี้เจอกัน 8โมงครึ่งนะ จะได้ไปพร้อมกันเลย” เขาย้ำอีกครั้ง

 

 

“เอ่อ งั้นชั้นขอตัวก่อนนะ” พูดจบเธอก็เดินหันหลังกลับไปที่ประตู

 

 

“เดี๋ยวก่อน”

 

 

“ฝันดีนะ” เธอหันมาตามเสียงเรียก แล้วมองเขาเขินๆ และยิ้มตอบ แล้วปิดประตูลง

 

 

 

“ตาบ้านี่ เป็นคนยังไงแน่นะ” เธอพูดเบาๆแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เดินเข้าห้องไป

 

 

“เวลาเขินก็น่ารักดีแห้ะ” เขาพูดแล้วส่ายหน้าให้กับตัวเอง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“คุณธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ เธอจะมาทำงานเป็นเลขาให้กับผมชั่วคราว ไงก็ฝากทุกคนช่วยสอนงานเธอด้วย” ผู้บริหารหนุ่มประกาศต่อหน้าพนักงานทุกคน

 

 

“สวัสดีค่ะ ฟางฝากเนื้อฝากตัวกับทุกคนด้วยนะค่ะ” เธอกล่าวแนะนำตัวเอง และยกมือไหว้พนักงานทุกคนอย่างอ่อนหวาน ทุกสายตาจ้องมองมาที่เธอ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มี ธามไทอยู่ด้วย

  

 

“นี่โต๊ะทำงานคุณ” ชายหนุ่มเดินนำหญิงสาวเข้ามาในห้องทำงานของตัวเองแต่มันทะลุไปห้องเล็กๆอีกห้องซึ่งเป็นห้องของเลขา

 

 

“ค่า จะให้ชั้นทำอะไรคุณก็บอกมาละกัน ชั้นก็ไม่รู้งานเท่าไร่” เธอว่า

 

 

“นี่พักเที่ยงแล้วก็ไปทานข้าวก่อนเถอะ” เขาพูด แล้วเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง

 

 

“หิวพอดีเลย คุณก็ไปทานด้วยกันสิ” เธอชวน เพราะตั้งแต่เช้าก่อนออกมาจากบ้าน เขาและเธอก็ไม่ได้ทานอะไรเลย

 

 

“ไม่ล่ะ ผมต้องเคลียร์งานเยอะน่ะ” เขาปฎิเสธ แล้วก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ

 

 

“อ้ะ ตามใจระวังจะท้องร้องจ้อกๆนะค่ะ ท่านประธาน” เธอแลบลิ้นใส่ แล้วก็เดินออกนอกห้องไป

 

 

“ยัยต๊อง เห็นเธอชั้นก็อิ่มแล้ว”

 

 

 

 

 

 

 

 

“คุณฟางไปทานข้าวหรอครับ” ธามไทเมื่อเห็นฟางเดินออกจากห้องก็ทัก

 

 

“ค่ะ เอ่อคุณธามไทหรือเปล่าค่ะ” เธอถามเพราะคุ้นหน้า

 

 

“จำผมได้ด้วยหรอครับเนี่ย”

 

 

“ถ้าคุณฟางไปทานข้าวคนเดียว มื้อนี้ผมเลี้ยงนะครับ ถือว่าต้อนรับคุณมาทำงานวันแรก” ธามไทชวน

 

 

“เอ่อค่ะ แต่ฟางมาทำงานแค่ 10วันเอง” ฟางตอบ ก็อย่างที่ว่าเธอตกลงกับป๊อปปี้ว่าจะมาลองทำงานแค่10วันเท่านั้น ภายใน10วันนี้จะสอนงานให้ทั้งหมด จากนั้นก็จะไปสมัครงานที่นีระสิงห์กรุ๊ป ตามที่ตั้งใจไว้แต่ทีแรก

 

 

“อ่าวทำไมละครับ” ธามไทเซ็งนิดๆ

 

 

“เหตุผลส่วนตัวน่ะค่ะ” เธอตอบเลี่ยงๆ

 

 

“อ่อครับ เสียดายจังแค่10วันเอง”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

------ขอโทษษษ อีกครั้งรีดเดอร์ทุกคน หายไปนานอีกแล้ว-----

 

------หลังกีฬาสี ก็สอบแล้ว อาทิตย์นี้สอบmidtermทั้งอาทิตย์เลยTOT-----

 

------แต่ก็อย่างที่บอกไว้ว่าจะไม่ทิ้งนิยายแน่นอนค่ะ เม้นโหวต ให้เราหน่อยน้าาา------

 

------อย่าเพิ่งลืมกันน้าาาา จุ้บๆๆๆๆ------

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา