ปมรัก
เขียนโดย rukpopfanggg
วันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 11.04 น.
แก้ไขเมื่อ 13 มกราคม พ.ศ. 2557 21.14 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
13) ความคิด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
“คุณอาหยุดนะ กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน” ฟางปาดน้ำตาทิ้งแล้วรีบวิ่งตามอานิมิตออกไป
“อาว่าอาก็พูดกับหนูรู้เรื่องแล้วนะ สิ่งที่พ่อหนูทำมันไม่น่าอภัย เขาควรจะต้องชดใช้” อานิมิตพูดอย่างเย็นชา แม้ว่าจะสงสารร่างเล็กที่ตัวเองก็รักและเอ็นดูเหมือนลูกสาวแท้ๆที่ยืนร้องไห้อยู่ตรงสักแค่ไหน
“คุณอาครับ ผมว่าทำแบบนี้มันก็มากไปหน่อยนะ อย่างน้อยก็ให้ฟางรู้ว่าพ่อของเธออยู่ที่ไหน เธอจะได้สบายใจขึ้น” ป๊อปปี้พูดบ้าง แก้วที่เดินตามมาติดๆก็พยักหน้าเห็นด้วย
“หนูไม่ต้องห่วง ตอนนี้พ่อของหนูปลอดภัยดี อาไม่ได้ให้พ่อหนูไปตกระกำลำบากที่ไหนหรอก พอซักทีนะเท่านี้ก็มากพอแล้ว” อานิมิตพูดอย่างโอนอ่อนที่สุด
ตั้งแต่แรกเขาตั้งใจว่าจะไม่บอกอะไรที่เกี่ยวกับทรงพลให้ฟางรู้เลย แต่สุดท้ายก็ใจอ่อนเพราะน้ำตาของเธอ
“แต่คุณอา ฟางขอร้อง” สิ้นเสี้ยงสะอึ้นของหญิงสาวร่างเล็ก เจ้าของเสียงนั้นก็ทรุดตัวลงไปคุกเข่าที่พื้นเชิงอ้อนวอน ทำเอาป๊อปปี้และแก้ว รวมถึงนิมิต อึ้ง รีบพยุงฟางขึ้นมาทันที
“ทำไมล่ะหนูฟาง หนูยังต้องการอะไรอีก ทั้งๆที่อาก็รักและดูแลหนูเหมือนลูกเหมือนหลานคนนึง แม้ว่าบ้านและบริษัทจะถูกยึดแต่ที่บ้านจิระคุณก็ต้อนรับหนูเหมือนสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวหนูมีแก้วและมีเจ้าป๊อปที่คอยดูแล"
"อีกอย่างอาก็บอกหนูแล้วว่าทรงพลไม่ได้ลำบากอะไร เพียงแค่ผุ้ชายเลวๆที่ทำให้แม่ของหนูต้องตายอย่างไม่ยุติธรรม ส่วนตัวเองก็ลอยหน้าลอยอยู่ได้มาเป็นสิบๆปี คนนั้นๆควรจะได้รับบทลงโทษ ให้รู้ซึ้งถึงความสูญเสียบ้าง” อานิมิตพูดความในใจด้วยน้ำเสียงเรียบ
และมั่นใจว่าสิ่งตัวเองทำคือสิ่งที่ถูกต้องที่สุด ส่วนฟาง ป๊อปปี้ และแก้ว ยืนเหวอ
“แต่ไม่มีใครแทนแด๊ดของฟางได้หรอกค่ะ นั่นมันเป็นอุบัติเหตุทำไมคุณอาไม่เข้าใจซักที ไม่มีผู้ชายที่ไหนอยากขับรถชนเมียตัวเองตายหรอก” ฟางยังคงยืนยันในเหตุผลของตนเองเช่นเดียวกัน
“คุณอาโกรธแด๊ดมากขนาดนั้นเลยหรอค่ะ” ฟางพูดต่อทั้งน้ำตา
“ทรงพลมันคนเห็นแก่ตัว รักบริษัทมากกว่าเมีย วันนี้สูญเสียทั้งบริษัท สูญเสียทั้งลูกสาว มันก็สมควรแล้ว” นิมิตว่า ฟางส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย
“คุณอาสงสารฟางเถอะค่ะ แก้วว่าแบบนี้มันมากไปนะ คุณอาเคยถามพ่อของฟางตรงๆถึงเรื่องของแม่ฟางรึยังล่ะค่ะ ถ้ายัง แก้วว่าอย่างน้อยก็น่าจะคุยกันให้รู้เรื่องไปเลยทั้งสามคน” แก้วพูดอย่างมีเหตุผล นิมิตขมวดคิ้ววุ่น
“ไม่จำเป็น” นิมิตปฏิเสธคำขาด แม้ว่าในใจจะเห้นด้วยกับแก้วเพราะจะว่าไปเขาก็ไม่เคยเปิดอกคุยกับพ่อของฟางตรงๆซักครั้ง เขาคิดอะไรได้บางอย่างจากนั้นก็รีบเดินขึ้นรถและขับรถออกไปทันที
พรึบ ~
ตุบบ ~
ฟางที่วิ่งตามรถของอานิมิตที่ขับออกไปพ้นประตูบ้านหลังใหญ่จู่ๆก็ล้มและหมดสติลงตรงหน้าของป๊อปปี้ ทำเอาชายหนุ่มหัวใจหล่นถึงตาตุ่มตามหญิงสาวไปด้วย
“ฟางงงง” ป๊อปปี้วิ่งตรงไปที่ร่างของหญิงสาวที่นอนไร้สติที่อยู่ห่างกันไม่กี่เมตรทันที
ลำแขนแกร่งทั้งสองช้อนร่างของเธอขึ้นแล้วรีบเดินกลับเข้าไปภายในบ้านทันที เมื่อเข้ามาถึงตัวบ้านป๊อปปี้วางตัวฟางลงนอนที่โซฟาในห้องรับแขกอย่างเบามือ
“คงจะเพลียมากสินะ เห็นช่วงนี้ไม่ค่อยได้นอนเลยมัวแต่โหมงานตลอด” แก้วพูดพลางลูบผมฟาง ซึ่งตอนนี้เป็นป๊อปปี้ที่คอยพัดให้และดูแลไม่ห่าง
“อยู่กับคุณทีไร ต้องหาเรื่องให้ผมตลอดเลยสิน่า เป็นคนอื่นไม่ทำให้นะเนี่ย” ป๊อปปี้ยิ้มและพึมพำเบาๆกับฟางที่นอนไม่ได้สติ ตอนที่แก้วลุกไปสั่งแม่บ้านให้เตรียมข้าวต้มกุ้ง เผื่อฟางตื่นมาจะได้ทานเลย
“ปะ ป๊อป” เสียงอู้อี้ของหญิงสาวที่เพิ่งได้สติดังขึ้น เมื่อทันทีที่เปลือกตาสีชมพูอ่อนนั้นลืมขึ้นก็พบกับชายที่คุ้นเคยคนนั้น นอนพุบอยู่ข้างๆเธอ
“อ้ะ ป้าครับอุ่นข้าวต้มให้ทีฟางฟื้นแล้ว” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาพบว่าหญิงสาวตรงหน้าฟื้นแล้ว ก็ไม่รอช้าที่จะหันไปตะโกนสั่งป้าแม่บ้านที่อยู่ใกล้ๆแถวนั้นทันที
“ฟางหลับไปนานเท่าไร่แล้ว แล้วตอนนี้คุณอาอยู่ที่ไหน” เมื่อรู้สึกตัวสิ่งแรกที่เธอจะถามก็คงไม่พ้นเรื่องของคุณอาที่เป็นตัวต้นเหตุ เธอหันซ้ายหันขวาและพยายามมองหานาฬิกาเพื่อดูเวลา
“ใจเย็นๆสิ คุณหลับไปประมาน3-4ชั่วโมงน่ะ คงจะเหนื่อยมากเลยหลับยาวเลย ดีแล้วล่ะฟางจะได้พักผ่อนมากๆ ส่วนคุณอาตั้งแต่ออกไปก็ไม่มีข่าวเลย โทรติดแต่ก็ไม่มีคนรับ” เขาตอบตามจริง
“อะเอ่อ ว่าแต่คุณอยู่เฝ้าฟางตลอดเลยหรอ” เธอถาม เพราะคนแรกที่เห็นตอนฟื้นก็เป็นเขานินะ
“คุณตื่นมาจะได้ทานข้าวแล้วพักผ่อนต่อไง เดี๋ยวถ้าผมไม่เฝ้าตื่นมามีหวังซ่าออกตามหาคุณอาแล้วได้ไปเป็นลมเป็นแล้งนอกบ้านจะทำไง” เขาพยักหน้าและพูดแก้เขิน
“ขอบคุณนะคะ” ฟางตอบ
“เอาล่ะ ทานข้าวต้มได้แล้วนะ เดี๋ยวไม่ร้อน” หลังจากที่ป้าแม่บ้านยกชามข้าวต้มที่อุ่นร้อนมาให้ที่โต๊ะ ชายหนุ่มก็ยืนช้อนข้าวต้มให้เธอ
“เอ ตอนอยู่ระยองคนป่วยแถวนี้ให้เราป้อนข้าวต้มให้” หญิงตัวเล็กยักคิ้วแล้วพูดลอยๆขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์
“ยัยตัวแสบ” ป๊อปปี้ที่รู้ตัวว่าฟางกำลังหมายถึงอะไรก็หัวเราะแล้วค่อยๆเป่าและป้อนข้าวต้มให้เธอทานจนหมดชาม
“อรุณสวัสดิ์ครับบอส” จองเบพนักงานคนสนิทของป๊อปปี้ทักขึ้นเมื่อเห็นป๊อปปี้มาทำงาน
“อรุณสวัสดิ์ เออจองเบนายเห็นคุณอาเข้าบริษัทบ้างไหม” ป๊อปปี้ถาม เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อวาน คืนนั้นคุณอาก็ไม่ได้กลับเข้ามานอนที่บ้านเลย
“เอ คุณนิมิตเพิ่งออกไปเมื่อครู่นี้เองนะครับ คิดว่าคงสวนกลับบอสเนี่ยแหละ” จองเบตอบ
“ปัดโธ่ ! ช้าไปนิดเดียวเอง ว่าแต่คุณอาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไร่ แล้วทำไมถึงรีบออกไปจังนี่เพิ่ง9โมงเช้าเอง” ป๊อปปี้อุทานด้วยความเสียดาย และยกข้อมือขึ้นมาเพื่อดูเวลาที่นาฬิกาเรือนหรู
“ไม่ทราบนะครับ แต่พอผมมาที่บริษัทก็เห็นว่าคุณนิมิตก็อยู่ที่นี่แล้ว ตอนออกไปก็ดูรีบๆ เออแล้วเห็นว่าคุณนิมิตสั่งให้พนักงานจองตั๋วเครื่องบินไฟท์ด่วนสุด ไปสวิตด้วยล่ะครับ” จองเบเล่าตามที่รู้มา
“ขอบใจนายมากนะ ไปทำงานเถอะ” พูดจบป๊อปปี้ก็เดินเข้าห้องทำงานไป
“สวิตงั้นหรอ เวลาแบบนี้เนี่ยนะ” มือหนาเคาะปากกาลงบนโต๊ะทำงานตัวโปรดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างกำลังใช้ความคิด เขาพยายามเรียบเรียงเหตุการณ์ทั้งหมดอีกครั้ง
“นี่ขนาดจะหนีปัญหาไปที่สวิตเลยหรอ แล้วทำไมต้องสวิต ทำไมไม่ไปอังกฤษ” คิ้วเข้มพันกันวุ่น เมื่อความสงสัยทั้งหมดมุ่งจู่โจมมาที่หัวสมอง
‘ถ้าจะหนีปัญหาจริงๆ ทำไมไม่ไปอังกฤษเพราะเมื่อสมัยเด็กคุณอาก็โตที่อังกฤษ อีกทั้งยังเคยเรียนที่นั่น ถ้าพูดถึงก็ต้องมีความคุ้นเคยกับอังกฤษมากกว่าสวิตที่เพิ่งไปดูงานเพียงไม่ถึงเดือน’
“ดูงานที่สวิต” เท่าที่เขารู้ก็คือ เมื่อหลายเดือนก่อน คุณอานิมิตมาบอกเขาว่าสาขาที่สวิตมีปัญหาบางอย่าง พอเขาจะไปดูด้วยตัวเอง คุณอาก็บอกว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่เดี่ยวจะไปดูเอง ให้เขาดูแลงานที่บริษัทแม่ที่นี่ดีกว่า
‘อาส่งคนไปประจำสาขาที่นู่นเรียบร้อยแล้ว’
‘ทรงพลไม่อยู่ในประเทศไทยแล้วล่ะ’
‘คุณอาเคยคุยกับพ่อของฟางเรื่องแม่ฟางตรงๆรึยังล่ะค่ะ’
จู่ๆ เหตุการณ์เหล่านั้นก็แวบขึ้นมาในหัวของชายหนุ่ม ทำให้เขาเริ่มคิดอะไรออกบางอย่าง
“หรือว่า ..” เมื่อคิดได้ เขาก็ไม่รอช้าที่จะหยิบกุญแจรถและคว้าสูทตัวโปรด แล้วตรงไปที่บ้านจิระคุณทันที
“อ้าว พี่ป๊อปทำไมรีบกลับจัง เพิ่งออกไปไม่ถึง2ชั่วโมง” แก้วที่กำลังทำเค้กอยู่กับฟางถามขึ้น เมื่อเห็นพี่ชายวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในบ้าน
“คุณอาจองตั๋วเครื่องบินไปสวิต” ป๊อปปี้พูด ทำเอาแก้วและฟางชะงัก
“ห้ะ เมื่อไร่ค่ะ” ฟางรีบถามอย่างตกใจ
“เห็นว่าไฟท์บินสี่โมงเย็นวันนี้ และผมก็สงสัยว่าคุณพ่อของฟางจะอยู่ที่สวิต” ป๊อปปี้ตอบ
“ทำไมคิดงั้นละป๊อป แน่ใจรึเปล่า” ฟางตาโตและถามอย่างร้อนใจ
“ก็ป๊อปลองไล่เหตการณ์ดู ป๊อปสันนิษฐานเอา แต่ก็ยังไม่แน่ใจมากเท่าไร่” ป๊อปปี้อธิบายเหตุการณ์ตามที่ตัวเองคาดเดาไว้ทั้งหมดให้ฟางและแก้วฟัง ซึ่งทั้งสองสาวที่ฟังก็มีความคิดเห้นที่ตรงกับเขา
“จะไงก็ช่าง ถ้าเป็นแบบนี้ไงเราก็ต้องลองเสี่ยงดู ไม่เสียหายอะไรใช่มั้ย” ฟางพูด แม้จะน้อยนิดแต่ถ้ามันมีโอกาสเธอก็อยากจะลองดูซักครั้ง บางทีอาจจะเป็นอย่างที่ป๊อปปี้ว่าก็ได้
“แต่นี่จะเที่ยงอยู่แล้ว ไฟท์บินก็เต็มทำไงดีล่ะ” แก้วพยักหน้าเห็นด้วยและพูดขึ้นหลังจากตัวเองเช็คเที่ยวบินผ่านโทรศัพท์มือถือ พบว่าเที่ยวบินเต็มหมดแล้ว
“งั้นมีไฟท์ไหนด่วนสุดบ้าง” ป๊อปปี้ถาม
“อืมม เร็วสุดก็มี พรุ่งนี้ตอน6โมงเย็น” แก้วว่า
“จองเลยนะ เดี๋ยวพี่ไปเคลียร์งานที่บริษัทก่อน แก้วกับฟางก็เตรียมจัดของที่จำเป็นไปได้เลย” ป๊อปปี้พูดแล้วกำลังจะเดินกลับไปที่รถ
“หวังว่าครั้งนี้จะจัดกระเป๋าเองได้แล้วนะครับ” ชายหนุ่มหยุดลงข้างๆร่างของหญิงสาวตัวเล็กและกระซิบข้างหูฟางเบาๆทำเอาเธอเขินแล้วทุบที่ไหล่ของเขาเบาๆ
เม้นฟิคให้ไรเตอร์หน่อยน้าาา พรีสสส
เห็นจำนวนอ่านมันก้ขึ้นเรื่อยๆแต่ วิจารณ์ไม่ไปไหนเลยฮือออ
ขอบคุนค่ะะ ^^
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ