กาลครั้งหนึ่ง...ของความรัก (It’s Time We Went To Love)

8.3

เขียนโดย jaebiwkim

วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 15.12 น.

  2 chapter
  0 วิจารณ์
  5,807 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556 15.27 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

2) : Who are U? “ คุณคือใคร ? ใครคือคุณ ?”

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

ตอนที่ 2 : Who are U? “ คุณคือใคร ? ใครคือคุณ ?” 

 

 

 

# Yunho pasT #

 

 

 

ณ สนามบินอินชอล

 

 

 

อากาศที่รายรอบล้อมตัวผมขณะนี้บอกได้เลยว่ามันมีแต่ความหนาวเย็นยะเยือกที่ค่อยๆซึมผ่านมายังเสื้อผ้าที่ผมใส่อยู่ตอนนี้   ถึงแม้ว่าผมจะใส่เสื้อทีมีความหนาขนาดไหน   ...แต่ทว่าความหนาวเย็นจับขั้วของหัวใจก็ยังคงแผ่ซ่านซ่าบซ่าส์ไปทั่วทั้งตัวทุกอนูของรูขุมขนตั้งแต่หัวจรดเท้าของผม    ผมไม่สามารถแยกแยะได้เลยว่าความหนาวเย็นนี้มาจากอุณหภูมิที่ต่ำเฉียด0องศาของเครื่องปรับอากาศที่แทรกผ่านเสื้อผ้าตัวโปรดของผมมายังผิวหนังหรืออุณหภูมิของความหนาวเย็นที่มาจากหิมะที่โปรยปรายท่ามกลางความมืดสลัวๆอยู่ข้างนอกของอาคารผู้โดยสารที่สนามบินแห่งนี้    ผมได้แต่ยืนมองออกไปข้างนอกกระจกบานใสที่ใสมากจนมองเห็นหิมะสีขาวโพลนเหมือนไอศกรีมน่าริมลองยิ่งนัก   สายตาเฉียบคมของผมมองไปข้างหน้าอย่างไร้ซึ่งจุดหมายและไม่สามารถคาดเดาอะไรจากดวงตากลมๆดวงนี้ที่ติดตัวผมมาตั้งแต่เกิดได้เลย

 

 

 

ตอนนี้ความรู้สึกของผมบอกได้เลยว่า...เกินกว่าจะบรรยายได้   ผมไม่ใช่คนที่รู้สึกอ่อนไหวง่ายนะ  และไม่เคยอ่อนไหวให้ผู้ใดได้เห็นเลยสักครั้งตั้งแต่จำความได้   แต่ณ ตอนนี้  ณ  เวลานี้ผมบอกได้เลยว่าผม...รู้สึกดีใจจนมันบรรยายไม่ออกเลยทีเดียว   ได้แต่ยืนยิ้มคนเดียวอยู่อย่างนั้น  ปกติผมเป็นคนยิ้มยากนะ  เรียกได้เลยว่าเป็นเสือยิ้มยากตัวพ่อนั่นล่ะ  แต่ตอนนี้ ณ เวลานี้ผมยิ้ม ยิ้มและยิ้มอย่างเดียว  จนคนที่เดินผ่านไปมาอย่างพลุ่กพล่านอาจจะนึกว่าผมบ้าก็เป็นได้  แต่ใครจะไปสนล่ะ  หึหึ  ผมสนใจใครที่ไหนล่ะ?  พวกเขาจะคิดก็ให้เขาคิดไปสิ  ผมไม่แคร์ซะอย่าง!!  จบ?

 

 

 

ตอนนี้ผมได้มาสัมผัสพื้นแผ่นดินที่ผมห่างหายไปนานกว่าหกปี  หลายคนอาจจะสงสัยล่ะสิว่าผมไปมุดหัวอยู่ที่ไหนมา  เอ๊ะ? แต่นั่นเป็นความลับทางราชการครับ ยังไงผมก็ไม่บอก (รีดเดอร์ : มันเป็นความลับยังไงอ่าไรเตอร์--*?) เอาเป็นว่าผมขอแนะนำตัวก่อนเลยครับ  ผมชื่อยุนโฮครับ ชองยุนโฮนะ รู้จักไหมครับ??  จะไม่รู้จักได้ยังไงกันเนอะก็ครอบครัวผมนะเป็นเจ้าของกิจการใหญ่โตหลายอย่างภายในกรุงโซลแห่งนี้นับสิบๆอย่าง  ไม่ว่าจะเป็น โรงแรม โรงเรียน การขนส่ง และอีกหลายๆอย่าง บลาๆๆ   ผมเป็นลูกชายคนเดียวครับ อย่างว่าล่ะนะลูกชายคนเดียวยังไงพ่อแม่ก็ต้องตามใจผมเป็นธรรมดา  ผมถูกส่งไปเรียนเมืองนอกเมืองนาตั้งนานย่อมอยากกลับบ้านเกิดเป็นธรรมดา  และตอนนี้ก็สมใจปรารถนาของผมเพราะว่าตอนนี้  ณ  เวลานี้  ผมก็อยู่ที่สนามบินอินชอลเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ  ไม่รอช้าครับผมรีบยกโทรศัพท์เพื่อโทรหาปลายสายที่ผมต้องการให้มารับทันทีที่เหยียบที่นี่...

 

 

 

“ฮาโหลลลล !” ผมเอ่ยทักไปทันทีที่รู้ว่าปลายสายกดรับโทรศัพท์

 

 

 

“อืมม หวัดดี  ครายโทรมากวนกูตั้งแต่ยังไม่เช้าว่ะ !!” ปลายสายเอ่ยด้วยน้ำเสียงยานๆที่หงุดหงิดแบบสุดขีดบ่งบอกได้เลยว่ามันคงง่วงสุดๆนั่นเองแต่ก็แหกขี้ตามารับโทรศัพท์  มันอาจจะไม่ลืมตาด้วยซ้ำไป  ก็นี่มันเพิ่งเวลาตีสามกว่าๆเองนี่น่า

 

 

 

“อื้ม นั้นสิกูเป็นใครว่ะ  แล้วมึงรู้ไหม?”มีหรอที่ผมจะไม่กวนมัน  เป็นไปไม่ได้!! ยังไงก็ขอแกล้งมันหน่อยเหอะ  ผมเลยเรียกที่จะกวนตีนไปแทน

 

 

“ไอ้เหี้ย  มึงกลับไปถามพ่อมึงไป่  กูจะนอน สัส!”น้ำเสียงของปลายทางบ่งบอกได้เลยว่าแม่งโกรธ สัส  แกล้งแค่นี่เอง  นี่ยังจิ๊บๆนะเนี่ย!!

 

 

 

“มึงทักทายเพื่อนเก่าแบบนี้ทุกคนหรอว่ะ หึหึ”ผมเอ่ยเชิงใบ้ๆว่าผมเป็นเพื่อนเก่ามัน  ผมว่ามันคงรู้แล้วล่ะ  ผมเองก็ไม่ได้อยากแกล้งมันนะ  มันเองต่างหากที่จำเสียงผมไม่ได้อ่ะ  เสียงผมออกจะหล่อขนาดนี้  มีอยู่คนเดียว!!!  ตอนรับโทรศัพท์ทำไมมันไม่แหกขี้ตาดูว่ะว่าใครที่โทรมา!!

 

 

 

“ไอ้เหี้ย ! ยุนนนน  เมิงบังอาจมารบกวนเวลาเฝ้าสวรรค์ของกู  สัส”ในที่สุดมันก็จำผมได้สักที  แถวยังด่ามาเป็นชุด ผมว่ามันคงตาสว่างแล้วล่ะ  ตั้งแต่ที่จำน้ำเสียงของผมได้

 

 

 

“เออๆมารับกูหน่อยจะได้ไหมมึง  หรือมึงกกเด็กอยู่”ผมไม่รีรอรีบใช้ให้มันมารับทันที  แถมยังกวนตีนใส่มันหาว่ามันกกเด็กอยู่  หึหึ  อาจจะจริงก็ได้ใครจะไปรู้?  เพื่อนผมคนนี้ใช่ย่อยที่ไหนล่ะ  เจ้าชู้ตัวพ่อเลยมัน

 

 

 

“ห๊า Where are u? !!”ดูมันจะตกใจมากที่ผมให้มันมารับ  มันเลยกระแดะสำเนียงฝรั่งใส่ผมทันที  ผมล่ะอยากเห็นหน้ามันจริงๆว่าตอนนี้หน้ามันจะเป็นยัง  แต่ผมก็พอเดาได้แม่งหน้ามันคงฮามากๆอ่ะ!

 

 

 

“กูอยู่สนามบินเนี่ย  ตรงลานจอดรถชั้นห้านะมึง  ด่วน!”ผมก็จัดการบอกมันเสร็จสับ  ก็เน้นไปด้วยว่าด่วน  คงไม่ต้องให้ผมบอกนะว่าด่วนของผมนะ  มันต้องรีบมาไม่งั้น  มึงตาย!!ไอ้เพื่อนเลิฟ

 

 

 

“มึงรอก่อน  สัก...ชาติหนึ่ง  กูนอนแปบ”คำว่าด่วนของผมแม่งเข้าสมองมันไหมเนี่ย?  ไม่ไหวจะเคลียร์มีเพื่อนเป็นเต่าขนาดนี้  แถมมันยังเห็นเรื่องนอนใหญ่กว่าเรื่องที่จะมารับผมอีก สลัด รักกูจัง!!

 

 

 

“เห้ยย!!  มึงตื่นมาเดี๋ยวนี้  ไม่งั้นมึงตาย!!”ผมเองก็ไม่ยอมครับ  มีหรอที่ผมจะยอมใครง่ายๆ?  NO WAY ~ !!  ผมเลยจัดการขู่มันซะ  หึหึ  ดูสิมันจะกล้าหือไหม? ผมนี่ขาโหดนะจะบอกให้!!

 

 

 

“กวนกูตลอดอ่ะ  Fuck u!”ถึงมันจะไม่ได้บอกว่าจะมารับผม  แล้วยังด่ากลับอีก  แต่ผมก็รู้ว่าตอนนี้มันเองคงแต่งตัวแล้ว  เพราะผมได้ยินเสียงกุกๆกักๆ ดังเล็ดรอดเช้ามารบกวนการคุยของผมกับมัน

 

 

 

“เออ  มึงรีบมารับเลย  มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบรอนาน  สัส” ผมเองก็ไม่อยากจะเน้นย้ำอ่านะว่าผมไม่ชอบรอนาน!!  บอกได้เลยว่าผมเกลียดการรอคอยที่สุด  เพราะมันทำให้ผมทรมานนะสิ หึหึ  มีใครบ้างกันที่ชอบการรอคอย?

 

 

 

“กวนตีน” มันเอ่ยกลับมาอย่างไม่จริงจังนัก  สองคำสั้นๆของมันก็คงมีความหมายที่จะด่าผมประมาณว่าให้มันรับเสือกเร่งมันอีก  ฮ่าๆๆ  มันเองก็รู้นิสัยผมนี่หว่าแต่มันก็กวนผมเหมือนกันแหละ

 

 

 

“แต่...ก็น้อยกว่ามึง(มั้ง)”ผมเองก็ไม่วายว่ามันกลับเล่นๆ  ก็บอกแล้วผมเป็นใคร?  เรื่องยอมคนนี้ยอมไม่ได้จริงๆ  ถึงมันจะเป็นเพื่อนสุดเลิฟของผมก็เถอะนะ  แต่ถ้าเป็นเมีย  ผมจะยอมให้คนหนึ่ง  หึหึ  สนใจมาเป็นเมียผมไหมล่ะ ~BaBy!! ?

 

 

 

“รออยู่นั่นแหละ  เดี๋ยวกูออกไปๆแล้วเนี่ย  แค่นั้นะโว้ย!!”มันคงขี้เกียจคุยกับผมแหละเลยรีบตัดบทและวางไปเลย  แม่งประมาณว่าผมไร้สาระ  เอิ่ม.. ผมไร้สาระหรอ? ก็ไม่น่าจะนะ(มั้ง?) เอาเป็นว่าผมก็ยืนรอมันที่ลานจอดรถชั้นห้านั่นล่ะ 

 

 

 

~ 10 นาทีผ่าไป ฟิ้ว ~  ไวเหมือนโกหก?

 

 

 

ผมมองเห็นรถ BMW สีดำสนิทเร่งเครื่องอย่างเร็วตรงดิ่งมายังร่างของผมที่ยืนหล่ออยู่คิดว่าผมกลัวรึป่าว?  ผมกล้าบอกอย่างศักดิ์ศรีลูกผู้ชายเลยว่าไม่กลัวครับ  หึหึ  มันคงกล้าขับชนผมอ่านะ !!  ว่าแล้วเสียงเบรกเอียดเสียงดังสนั่นทั่วทั้งลานจอดรถชั้นห้าพร้อมกับดิปเป็นวงสวิงสวยงามเลยทีเดียวแต่จนทุกคนต้องหันมามองเป็นตาเดียวกัน  หึหึ  เพื่อนผมมันโชว์เท่ห์อวดคนแถวนี้กันหน่อย  ก็มันเป็นนักแข่งรถนี่ครับ  เรียกได้ว่ามันเป็นแชมป์ทุกสนามในย่านนี้อ่าครับ   มันก็คงไม่แปลกที่มันจะดิปซะสวยขนาดนี้ 

 

 

 

หลายคนอาจจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น?  มีการแข่งรถที่นี้? หึหึ  ปล่อยให้พวกเขาสงสัยไปครับ  เพราะตอนนี้ผมย่างก้าวขึ้นรถBMW คันหรูของคนที่ผมใช้ให้มันมารับเมื่อครูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว   และเพื่อนผมมันก็ออกตัวซะแรงตามสเต็ปของมันแหละครับ  ไอ้ผมนะชินแล้วกับการขับรถแบบนี้ของมันอ่านะ  แต่ไม่รู้สาวๆของมันแม่งชินกันรึป่าวนะสิ?   ใครจะเป็นเมียมันนี้คงต้องทำใจไว้แล้วล่ะ!!

 

 

“ขอบใจเพื่อนรัก”ผมขอบใจมันที่มันอุตส่าห์แหกขี้ตามารับผมทั้งที่ตอนนี้เป็นเวลานอนอันแสนสุขของมันแท้ๆ  แต่ผมแค่รบกวนมันนิดหน่อยเอง?

 

 

 

พวกเราแทร็กมือกันตามประสาเพื่อนรักกัน  เวลาผมเจอมันก็แทร็กมือกันตลอด  ผมไปอยู่เมืองนอกเมืองนาก็นานก็ได้รับวัฒนธรรมต่างๆมามากมาย  แต่ก็เลือกใช้ให้เหมาะสมกับคนนะครับ  อย่างการกอด  การจูบ  การเอาหน้าผากแตะกัน  และการเอาแก้มแนบกัน  หึหึ  แบบนั้นมันต้องเอาไว้ใช้กับคนที่ควรใช้นะสิ  จะให้ผมทำอย่างที่ว่ากับมัน  ผมคง...  ไม่อยากจะคิดอ่าครับ  มันก็คงคิดเหมือนผมแหละ  จริงป่ะ?

 

 

 

“มึงหล่อขึ้นว่ะ  หล่อกว่ากูอีก  ไปศัลมาปะเนี่ย? ”มันแหย่ผมเล่นๆครับ  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผมหล่อขึ้น  หึหึ  เชื้อหลงตัวเองผมแรงมากครับ!!  แล้วอีกอย่างผมไม่มีทางไปศัลแน่นอน  หล่อแบบนี้พ่อแม่ให้มาเท่านั้นแหละครับ !! ก็อีกนั่นล่ะเชื่อพ่อผมมันแรงมาก!!

 

 

 

“ไรมึงหล่อแบบกูต้องพึ่งมีดหมอ?   มึงนั่นแหละไปศัลมาใช่ไหมเนี่ยไอ้หล่อลาก...”ผมเองก็ขอกัดมันหน่อยเหอะ!! มันกัดผมก่อนเอง  เหอะๆ  มีหรอที่คนอย่างผมจะยอมมันง่ายๆ? ไม่มีทาง No WaY ++  ผมเองก็รู้ว่ามันคงไม่ไปศัลยกรรมหรอกมั้ง  มันก็หล่อมาตั้งแต่เกิดเหมือนผมอีกนั่นล่ะ   แต่เราหล่อคนละแบบไง ^^  แต่นิสัยก็คงคล้ายๆกันไม่งั้นผมกับมันจะเป็นเพื่อนกันจนถึงทุกวันนี้หรอ?

 

 

“ป่าวโว้ยย!! ”เพื่อนผมเองก็ปฏิเสธเสียงดังซะสนั่นลั่นรถเลยครับ  และยังเหยียบเรงความเร็วซะ  มันจะรีบไปเฝ้ายมบาลรึไงกัน?   แล้วผมกับมันก็นั่งอยู่ใกล้กันแค่นี้มันจะเสือกตะโกนทำไมเนี่ย  ขี้หูผมเต้นระบำหมด !! 

 

 

 

และแล้วทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบหลังจากที่มันตะโกนเมื่อกี้มันก็ตั้งหน้าตั้งตาเหยียบซะมิดเลย  นี้ถ้ามันขับบิ๊กไบต์มารับผม  ผมคงหัวฟูผมเสียทรงหมดอ่า  หมดหล่อกันพอดีดิ!!  มันขับรถไปเรื่อยๆ    แต่...เอ๊ะ?   ทางที่มันตรงไปเหมือนทางที่จะไปโรงเรียนโซลชองเลย  ผมเองก็สงสัยว่ามันจะไปเส้นนั้นทำไม  ผมจำได้ว่าบ้านมันไม่ได้อยู่ทางนั้นนี่หว่า  แต่...เอ๊ะ ?  หรือว่ามันย้ายบ้าน  แต่มันจะย้ายทำไม?  ความสงสัยเต็มหัวผมไปหมดแล้วเนี่ย   ทำไมผมไม่ถามมันว่ะ   โง่อีกล่ะ!!  และผมเลือกที่จะฉลาดโดยการทำลายบรรยากาศเงียบๆนี้ซะ

 

 

 

“นี่มึงย้ายบ้านหรอว่ะ”ความสงสัยที่ผมต้องการคำตอบได้กลายไปป็นประโยคคำถามที่ใช้ถามมันซะเรียบร้อยกระเทียมดอง

 

 

 

“ป่าวว่ะ  กูอยู่คอนโด”ผมได้คำตอบจากปากมันทันทีที่ผมตามมัน  แล้วมันจะย้ายไปอยู่คนโดทำซากไร  หรือว่าอยู่บ้านมันกกเด็กไม่ได้เลยต้องมาอยู่คนโดจะได้กกเด็กง่ายๆหน่อย   ใช่รึป่าวว่ะ?  หรือว่าไม่ใช่?  ยังไงก็ถามมันจะดีที่สุด  ดีกว่าให้ผมคิดเอง

 

 

“อ้ออ  แล้วมึงย้ายมาอยู่คนโดทำไมว่ะ” ผมเอ่ยถามต่อด้วยความอยากรู้  ประเภทว่าเสือกได้ทุกเรื่อง หุหุ

 

 

 

“มันอยู่ใกล้ไฮสคูลโซลชองไง  มึงถามมากจังว่ะ”พอถามปุ๊บ  มันก็ตอบปั๊บ  อ้อออ อย่างนี้นี่เอง !! ก็ผมอยากรู้  ผมก็ต้องถามดิเออ  ทำมาเป็นบ่นว่าผมถามมากแล้วมึงตอบทำซากไรเนี่ย!!

 

 

 

ณ  คอนโดของเพื่อนผม

 

 

 

มันขับรถเลี้ยวเข้าคอนโดหรูย่านนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว  และก็แน่นอนว่านี้เป็นต้องเป็นคอนโดมันชัว !!ถ้าไม่ใช่คอนโดมันแล้วจะเป็นคอนโดใครละก็มันมาผมมานี่  แสดงว่าต้องเป็นคอนโดมันดิ  และหลังจากนั้นมันก็เดินนำผมไปขึ้นลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังชั้น 5  พอถึงชั้นห้าเท่านั้นล่ะ  บอกได้เลยว่ามันตาถึงมาก!!  แม่งคอนโดมันไฮโซอ่ะ  มีพรมแดงปูซะ !!  แต่ดูท่าทางชั้นนี้น่าจะมีคนพักน้อยซะด้วยสิ  ดูคนไม่น่าจะพลุ่กพล่านเท่าไหร่นัก  หรือว่านี่มันป็นเวลาที่คนเค้านอนกันหมดว่ะ  มันไขกุญแจห้องเรียบร้อย  ผมก็เดินตามมาในห้องของมันทันที  และรีบทิ้งตัวนอนบนโซฟาสีสวยที่ตั้งอยู่กลางห้องมันนั่นล่ะ  แม่งเหนื่อยชิบ  นั่งเครื่องมาตั้งนานของพักมั้งเหอะ  แล้วเปลือกตาของผมก็ปิดเอาซะดื้อๆ   ไม่สนใจแม้กระทั้งเจ้าของห้องเลย

 

 

 

“สกปรกสัส  ไปอาบน้ำก่อนไป” เจ้าของห้องมันเสือกรีบว่าผมใหญ่ที่บังอาจนอนโซฟามันทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำเลย   ผมสกปรกหรอ??  ไม่หนิออกจะหอมเหอะ!!

 

 

 

“พรุ่งนี้ค่อยอาบ  กูมาเหนื่อยๆอยากพักโว้ยย!!”ผมเองก็ไม่เกรงใจเจ้าของห้องสักนิด  เลยต่อรองกับมันว่าพรุ่งนี้ค่อยว่ากันล่ะกัน  วันนี้ของกูนอนเหอะ !!  กูเหนื่อยโว้ยย  ผมพูดทั้งที่เปลือกตายังคงปิดสนิทแต่ยังคงมีสติอยู่

 

 

 

“เออ  พรุ่งนี้กูต้องไปโรงเรียนแต่เช้า  กูไม่นอนล่ะมึง”มันเองก็คงต้านทานความง่วงไม่ไหวเหมือนกันล่ะครับ   สรุปว่ามันไม่บังคับผมไปอาบน้ำก็พอ  มึงจะไปไหนก็ไปเหอะ   แต่เอ๊ะ??  มันบอกว่าพรุ่งนี้มันจะไปโรงเรียน  แล้วทำไมมันต้องไปโรงเรียน  มันเรียนจบแล้วหนิ  มาแล้วไงความขี้สงสัยของผม   แต่ไว้ค่อยถามมันพรุ่งนี้ล่ะกัน

 

 

 

“ฝันดีมึงZZzzz ”ผมเองก็ไม่ไหวล่ะ  บอกฝันดีมันปั๊บ  กูหลับไปเฝ้าสวรรค์ปุ๊บ 

 

 

 

# Yunho stoP #

 

 

 

ตอนนี้ภายในห้องสีชมพูจางๆที่ถูกตบแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หลายหลายสีสัน  ที่ได้บ่งบอกรสนิยมของเจ้าของห้องได้เป็นอย่างดี  ถึงแม้ว่าจะมีสีสันแซบซ่าส์ไปถึงทรวงแต่ก็สามารถเข้ากันได้อย่างลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว   ลมหายใจอุ่นๆของร่างหนาที่นอนหลับสนิทบนโซฟาสีสวยตัวนุ่มเป็นจังหวะสม่ำเสมอ  ความหนาวเย็นจากเครื่องปรับอากาศตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่ภายในห้องรับแขกได้เพิ่มความหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆจนร่างหนารับรู้ได้ถึงความหาวเย็นทุกอนูของขุมขนทั่วทั้งร่างหนา  จนร่างหนาต้องขดตัวงอเหมือนอะไรสักอย่าง...

 

 

 

ร่างหนาที่หลับใหลได้ก้าวเข้าสู่ห่วงแห่งนินทราที่เรียกกันว่า “ความฝัน”  หลายคนที่ตื่นขึ้นมาจากนินทรามักจะจำไม่ได้ว่าในนินทราทั้งหลายนั้นเป็นเรื่องราวอย่างไร   แต่ผิดกับร่างหนานี้ที่จำได้ทุกการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นภายในนินทรา...   ร่างหนาที่นอนอยู่ไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่า  ณ ห้องแห่งนี้  ณ ตอนนี้ร่างหนาไม่ได้อยู่เพียงผู้เดียว  ยังคงมีบางสิ่งบางอย่างที่ซ่อนเล้นบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ภายในห้องอย่างเงียบเชียบ  แม้แต่อีกคนที่นอนหลับใหลอยู่ภายในห้องส่วนตัวของตัวเองก็ไม่สามรถรับรู้ได้เช่นกันว่ามีบางอย่างรุกล้ำเข้ามาในถิ่นที่เป็นของตน

 

 

 

ความลับ...  ยังไงก็ยังคงเป็นความลับ  แต่ว่า...“ความลับ” นี้ต้องการที่จะให้คนบางคนเท่านั้นที่ได้รับรู้  และตอนนี้มันก็ถึงเวลาที่เฝ้ารอคอยมานานแสนนานอย่างโหยหา 

 

 

 

ห้วงนินทราของร่างหนาก็มักจะเป็นเรื่องราวเดิมๆที่เหมือนการดูวีดีโอม้วนเดิมเป็นสิบๆรอบ แต่มันก็ยังคงเป็นอย่างนี้ตั้งแต่ร่างหนาได้ถือกำเนิดบนโลกมนุษย์แห่งนี้จนถึงปัจจุบันนี้ 

 

 

 

เรื่องนี้ใช่เรื่องบังเอิญรึเปล่า...?

เรื่องนี้เกิดขึ้นกับทุกคนรึเปล่า...? 

เรื่องนี้มีใครรับรู้บ้างรึเปล่า...? 

เรื่องนี้เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อนรึเปล่า...?

และเรื่องนี้ใช่เรื่องจริงรึเปล่า...?    

#เย้ๆๆ จบอีกตอนแล้ว  บอกได้เลยช่วงนี้สมองไม่ค่อยทำงาน  คิดไม่ค่อยออกเบยTT  แต่แต่งเต็มที่แล้วค่ะ

#คอมเม้นต์สักนิดเพื่อเป็นกำลังใจให้ไรเตอร์นะงับ^^

 

JJJJJJJJJ------------JJJJJJJJJ

JJJJJJJJJJJJJJ-------JJJJJJJJJJJJJJ

JJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJ

--JJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJ--

----JJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJ----

------JJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJ------

--------JJJJJJJJJJJJJJJJJ--------

----------JJJJJJJJJJJJ----------

------------JJJJJJJ------------

 

 

#อ่านแล้วเม้นหน่อยนะค่า ถือว่าเป็นกำลังใจสำหรับไรเตอร์นะงับ

#รักคนเม้น จ๊วฟๆๆ ^^

#jaebiwkim

สะปรอยตอนหน้า +5555

#ตอนที่ 3 : Nice to meet U “ยินดีที่ไม่รู้จัก

ขอนั่งด้วยคนสิครับ

ที่นั่งไม่ว่างคร้าบ  ตาบอดรึไง!!”

หึหึ

………….

ชักดิใจแล้วสิ  ดูท่าจะดื้อใช่ย่อย

แล้วเจอกัน BABY!! ”

          

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา