KP Warriors : โรงเรียนนักรบ แหวนเทวะ
เขียนโดย nesugiso
วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 12.35 น.
แก้ไขเมื่อ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2557 11.53 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
3) สภานักเรียนไนท์เบลดฯ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"หลังจากเหตุการณ์ที่เมืองบาราคูก็ผ่านมาได้สามวันแล้ว เวลาที่ผ่านมาผมคิดอย่างเดียวว่าให้มันเป็นเพียงแค่ฝันร้ายไปเท่านั้น ผมเองก็ใช้ชีวิตประจำวันต่อไปอย่างที่เคยทำอยู่ทุกๆวันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับผมมาก่อน
ส่วนเรื่องแหวนที่หายไปนั้น แน่นอนว่าที่โรงเรียนในตอนนี้ก็กำลังตามหากันอย่างจ้าละหวั่นเลยทีเดียว ไม่มีใครรู้หรอกว่าแหวนหายไปไหน... และผมคิดว่าน่าจะนำกลับไปคืนให้แก่โรงเรียนจะดีกว่า เพราะมันเป็นโบราณวัตถุที่เก่าแก่ชิ้นหนึ่งของเมืองไนท์เบลด และมันก็เป็นเรื่องดีทั้งต่อโรงเรียนและก็ตัวของผมเองด้วย"
บนถนนในยามเช้าที่รถน้อยคันจะสัญจรไปมา สายลมเอื่อยๆพัดผ่านเข้ามาอย่างช้าๆผ่านเรือนผมสีดำคลับ สายตาของเรย์ในชุดนักเรียนประจำโรงเรียนไนท์เบลดมองไปยังทางข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ใบไม้แห้งปลิวว่อนตามริมทางเท้าที่เต็มไปด้วยร้านค้าที่กำลังค่อยๆทะยอยเปิดร้านตามๆกัน มือหนึ่งของเขาถือกระเป๋าพาดเอาไว้ข้างหลังแล้วเดินไปอย่างเรื่อยเฉื่อยแบบว่าชีวิตนี้จะไม่รีบร้อนอะไรอีกต่อไป
สายตาของเรย์เหลือบไปเห็นข่าวที่กำลังถ่ายทอดสดทางทีวีสียี่สิบสี่นิ้วผ่านดาวเทียมที่กำลังตั้งโชว์อยู่ในร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็คทรอนิกส์ แต่ทว่าข่าวการเมืองในทีวีที่สุดแสนจะน่าเบื่อสำหรับเขานั้น ทำให้เขาต้องจากตรงนั้นไปอย่างรวดเร็ว และไม่หันหลังกลับมาอีกเลย
เรย์เดินอยู่บนริมทางเท้ามานานจนเริ่มรู้สึกได้ว่าการจราจรบนถนนเริ่มคับคั่งขึ้น รถยนต์ที่อยู่บนท้องถนนเริ่มหนาแน่นขึ้นมาทันตาเห็น ผู้คนเริ่มสัญจรไปมาบนริมทางเท้ามากขึ้นชนิดที่เรย์เริ่มรู้สึกว่าผู้คนจะแออัดขึ้นมาในทันที ทำให้ชายหนุ่มที่แสนเฉื่อยชาคนนี้ต้องรีบเร่งฝีเท้าไป และก็ไม่ลืมที่จะกระตุ้นตัวเองให้รีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีกนิดเมื่อเรย์สั่งเกตุเห็นว่าเด็กนักเรียนชั้นมอต้นโรงเรียนเดียวกันนั้นขี่จักรยานแซงหน้าเขาไปอย่างรีบเร่ง ทำให้เรย์ต้องเพิ่มสปีดฝีเท้ากลายเป็นกึ่งวิ่ง จนทรงผมที่ตั้งๆของเรย์ปลิวไปตามแรงลม เพื่อที่จะไปถึงโรงเรียนให้ทันเวลาซ้อมของชมรมดนตรีในช่วงเช้าก่อนคาบแรกที่กำลังจะมาถึง
ชมรมดนตรีนั้นตั้งอยู่ในใจกลางของโรงเรียนเช่นเดียวกับโรงยิมของชมรมวอลเล่บอล เป็นใจกลางของเส้นทางที่จะเดินทางไปยังอาคารเรียนต่างๆของพวกเด็กนักเรียน เรียกได้ว่าถ้าใครที่สัญจรผ่านไปมาภายในโรงเรียนนี้ หากยังไม่ได้ผ่านสถานที่สองที่นี้ ประหนึ่งว่าคุณยังไม่ได้มาถึงโรงเรียนแห่งนี้ก็ไม่ปาน
เรย์เดินผ่านอาคารเรียนที่สี่ที่เป็นอาคารเรียนของหมวดวิทยาศาสตร์ เพราะทางเดินภายในตัวอาคารนี้เป็นทางลัดที่ใกล้ที่สุด ถ้าจะไปชมรมดนตรีอย่างเร่งด่วน เขาเดินอย่างรีบเร่งเพื่อไปให้ถึงชมรมของเขาให้ทันเวลา ขนาดที่ว่าไม่ได้มองต้นไม้ที่อยู่หน้าระเบียงทางเดินกับโต๊ะหินอ่อนหลายสิบตัวที่ว่างเปล่ายังไม่มีผู้ใดมาจับจองที่นั่ง และนั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่เรื่องร้ายๆมักจะเกิดขึ้นกับเขาบ่อยๆระหว่างทาง และวันนี้ก็ไม่อาจจะคาดการได้ว่าวันนี้เขาจะพบเจอกับเรื่องร้ายอะไร จนกระทั่ง...
- ตุ๊บบบบบ โคร๊ม!!!! -
"ว๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!"
และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ของวันนี้... ก่อนที่เรยจะเห็นว่าตัวเองได้ชนกับใครบางคนนั้น ร่างสูงใหญ่ของเขาก็ล้มกระเด็นไปคนละทาง ไม่ต่างจากใครบางคนที่ถูกเขาชนเข้าอย่างจังจนล้มก้นจ้ำเบ้าไปกับพื้น
"เอ๊อะ!!! ขอโทษครับๆๆ" เรย์รีบลุกขึ้นมาก้มหัวพะงกๆไปหลายที แล้วรีบเข้าไปหาเด็กสาวมอต้นที่ล้มก้นจ้ำเบ้าลงไปเมื่อกี้อย่างรวดเร็ว สาเหตุเป็นเพราะที่เขาเซ่อซ่าทำให้เธอถูกเขาเดินมาชนเข้าซะอย่างแรง และทำให้สิ่งของที่เธอถือมากระจัดกระจายไปทั่วพื้นนั้น
"โอ๊ยยยยยย เจ็บบบบบบ... เอ๋?!" เด็กสาวคนนั้นทำหน้าอวดครวนอยู่แป๊บหนึ่ง แต่เมื่อเธอลืมตาคู่สวยขึ้นมามองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าของเธอ เธอก็เปลี่ยนสีหน้ากลับไปในทันใดประหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"รุ่นพี่เรย์!..."
"เอ๋?" เรย์เอียงคอพร้อมกับหน้างงๆ มองใบหน้าเนียนใสนั้นตาปริบๆเมื่อได้ยินเสียงของเด็กคนนี้เรียกชื่อของตัวเอง แทนที่น่าจะเป็นคำต่อว่าจากเธอ
"หืมมมมมม จำหนูไม่ได้เหรอค่ะ หนูไง ฟูคุมุระ มิซึกิไงค่ะ" เด็กสาวทำแก้มป่องก่อนที่จะพูดชื่อของตัวเองให้รุ่นพี่ของเธอได้รับรู้
"อ๋อออ ออ เธอนี่เองที่อยู่ชมรมร้องเพลงประสานเสียงใช่รึเปล่า?"
"ใช่ค่ะ!..."
เมื่อพูดจบเรย์ก็นั่งลงช่วยเก็บของให้กับมิซึกิพร้อมกับพยุงตัวเด็กสาวมอต้นที่กำลังนั่งอยู่ให้ลุกขึ้นมา เมื่อเธอยืนขึ้นมาสบตากับเรย์ เขาถึงรู้ได้ว่าตัวของเธอค่อนข้างจะสูงเลยทีเดียว แม้จะดูเตี้ยไปมากเมื่อมาเทียบกับเขา แต่ถ้าเทียบกับผู้หญิงในโรงเรียนส่วนใหญ่แล้ว เธอก็จัดได้ว่าเป็นเด็กผู้หญิงที่ตัวสูงคนหนึ่งเลยทีเดียว
เธอมีผิวสีขาวใสที่บริสุทธิ์ผุดผ่องดังหิมะในฤดูหนาว รูปร่างของเธอค่อนข้างจะอวบๆแต่ไม่อ้วน ผมยาวสีดำสรวยเป็นเงางามแลดูมีน้ำหนัก ใบหน้าของเธอแล้วคิดว่าแม้ใบหน้าเนียนใสนั้นจะมีขี้แมลงวันอยู่บ้างประปลาย เพราะผิวที่ขาวจัดๆ แต่แก้มที่ดูอวบอิ่มกับโครงหน้าที่สมส่วนแบบนี้ทำให้เรย์คิดในใจว่า เด็กคนนี้เป็นเด็กมอต้นที่น่ารักมากๆคนหนึ่งเลยทีเดียว
นัยน์ตาสีดำเป็นเปล่งประกายของเธอจ้องมองมาที่เรย์ ดวงตาคู่สวยคู่นี้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่เรย์ไม่กล้าสบตามาตั้งแต่ต้น เพราะเมื่อเขามองตาของเธอทีไรก็รู้สึกเหมือนกับว่าวิญญาณของเรย์กำลังจะถูกดูดเข้าไปในโลกของเธอซะอย่างงั้น
"เจ็บตรงไหนรึเปล่า?" เรย์ถามเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับใช้สายตาดูแผลตามร่างกายของเธอไปด้วย ในขณะที่ใจของเขาพยายามบอกกับตัวเองว่าอย่ามองตาของเธอเด็ดขาดให้
"ไม่เลยค่ะ แล้วพี่เรย์ เอ่อ(?)..." เธอพยายามจะมองตามสายตาของเรย์ ซึ่งรุ่นพี่ของเธอพยายามจะหลบสายตาคู่นั้นโดยการหันหน้าไปทางอื่นด้วยความเขินอาย "เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?"
"ฉันไม่เป็นไรหรอก.... ว่าแต่เธอกำลังจะรีบไปไหนเหรอ ไม่ได้มีซ้อมร้องประสานเสียงตอนเช้าหรือไง?"
"อ๋อ มีค่ะ หนูกำลังจะเอาโน๊ตเพลงต้นฉบับไปซีร็อกซ์ให้อาจารย์ไบรอันน่ะ" เธอตอบคำถามพร้อมกับแสดงหลักฐานของเธอโดยการยกกระดาษเอสี่ที่อยู่ในมือของเธอ ที่ในนั้นมีตัวโน็ตเขียนอยู่เต็มไปหมด
"อย่างงั้นหรอ... เหวอ!!! สายแล้ว!!! พี่ไปก่อนนะ!!..." เมื่อเรย์ยกนาฬิกาที่ติดอยู่ที่ข้อมมือข้างขวาของตัวเองขึ้นมาดู เขาก็ต้องตกใจมากเพราะเลยเวลาซ้อมมามากแล้ว เรย์ยกมือบ๊ายบายบอกลากับมิซึกิและรีบวิ่งออกจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว
"ฮ่าๆ สู้ๆนะคะ!"
หลังจากกับมิซึกิมาเรย์ก็ออกจากอาคารเรียนที่สี่ไปโดยทางบันไดภายนอกตัวอาคาร รีบข้ามถนนที่กั้นระหว่างสองข้างทางแล้วตรงดิ่งไปที่หน้าชมรมดนตรีที่อยู่ข้างๆกับโรงยิมกีฬาของหมวดวิชาสุขศึกษาและพละศึกษา
ชมรมดนตรีเป็นอาคารเล็กๆหนึ่งชั้นที่ขนาดไม่ใหญ่มาก เป็นอาคารเดี่ยวที่รอบๆตัวตึกทาด้วยสีขาวหลังคาทำด้วยกระเบื้องสีดำ และที่ด้านหน้าของอาคารชมรมดนตรีหลังนี้ก็ยังมีศาลาสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ตั้งเอาไว้หนึ่งคู่ เป็นที่ไว้สำหรับให้เด็กนักเรียนเป็นที่พักผ่อนย่อนใจช่วงพักกลางวัน หรือเอาไว้ใช้สำหรับเปลี่ยนบรรยากาศการซ้อมดนตรีนอกชมรมบ้างในบางวัน
ในส่วนข้างในชมรมนั้นจะประกอบไปด้วยพื้นที่ว่างๆขนาดใหญ่กลางห้อง เอาไว้สำหรับฝึกซ้อมรวมวงของเหล่าวงโยธวาทิตของโรงเรียน ห้องซ้อมดนตรีสำหรับวงสตริงสองห้องใหญ่ที่ตั้งอยู่ติดกันนั้น และอีกหนึ่งห้องข้างหลังเป็นห้องสำหรับการเรียนการสอนและห้องฝึกร้องประสานเสียงสำหรับชมรมประสานเสียงของโรงเรียน รวมไปถึงห้องที่เอาไว้ใช้สำหรับเก็บอุปกรณ์เครื่องดนตรีต่างๆไว้อีกด้วย
เรย์ก้าวผ่านประตูกระจกใสเข้าไปยังภายในห้องชมรม เขาก็พบกับวงโยธวาทิตวงใหญ่กลางห้องที่กำลังล้อมวงกันเพื่อซ้อมเพลงใหม่อย่างที่ทำกันเป็นประจำในทุกๆวันตอนเช้า เครื่องดนตรีที่ประจำอยู่ภายในชมรมถูกหยิบมาใช้งานเกือบทั้งหมดจากเด็กนักเรียนที่ประจำเครื่องนั้น
และตอนนี้สายตาทุกคู่ของสมาชิกภายในชมรมจับจ้องมาที่คนที่กำลังยื่นอยู่หน้าประตูบานเลื่อนที่เป็นกระจกใส คนที่กำลังยืนอยู่ก็กำลังทำสีหน้าละเหียกเหมือนทุกๆวันอย่างรู้ชะตากรรม
"อ่าว มาแล้วเหรอเรย์ สายอีกแล้วนะเรา..." อาจารย์บานาจที่ทำหน้าที่เป็นวิทยากรดนตรีกล่าวขึ้นมา ในขณะเขากำลังตั้งท่าเตรียมพร้อมที่จะให้วงดนตรีบรรเลงเพลงแต่ดันมาถูกใครบางคนที่พึ่งเข้ามาเมื่อกี้ขัดจังหวะไปซะก่อน
"อย่าไปว่าเจ้าเรย์สิบานาจ วันนี้มันก็ยังมาเช้ากว่าเมื่อวานอีกนะ" อาจารย์เกรแฮมที่นั่งกอดอกอยู่ทางด้านหลังของอาจารย์บานาจกล่าวเสริมเป็นเชิงเหน็บแนม แต่เมื่อฟังแล้วกลับเป็นเหมือนคำพูดแบบติดตลกสำหรับสมาชิกภายในวงมากกว่า ทำให้เกิดเสียงหัวเราะคิกคักๆไปทั่วในเวลาต่อมา
"...ขอโทษครับ" เรย์พูดแสดงความรับผมชอบของตัวเองและเดินไปประจำเครื่องของเขา แต่ก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะจากเพื่อนและรุ่นน้องร่วมวงมาตลอดทาง
เรย์เดินไปประจำเครื่องของตัวเองนั่นคือทูบา เป็นเครื่องดนตรีชิ้นใหญ่รองมาจากซูซ่าโฟน แลดูเหมาะมากสำหรับให้คนที่ตัวสูงกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบสองเซนติเมตรอย่างเขามาแบกตอนเวลาบรรเลงเพลง หรือเดินสวนสนาม
"มาสายเป็นประจำไม่เคยเปลี่ยนเลยนะนายนี่ แล้วเมื่อไรนายจะเป็นแบบอย่างดีๆให้รุ่นน้องได้ซักที..." เสียงต่อว่าจากเพื่อนของเขาที่นั่งข้างๆดังขึ้นมาทำให้เขาต้องหันไปตามเสียงนั้น
ชายหนุ่มผู้มีนัยน์ตาสีมรกตกับแววตาที่ดูอ่อนโยนแต่ภายในดูเข้มแข็ง ผมยาวประบ่าสีเขียวหยักศกตรงปลายผม เขามีผิวขาวอมชมพู ใบหน้ารูปไข่ มองเผลินๆแล้วนักเรียนชายคนนี้จะเหมือนผู้หญิงคนหนึ่งมากกว่าจะเป็นผู้ชายซะด้วยซ้ำ รูปร่างของเขาไม่เตี้ยและไม่สูงไปสำหรับผู้ชายทั่วๆไป แต่สำหรับความสามารถของเขาแล้วนั้นเรียกได้ว่าเกินกว่าส่วนสูงที่เขามีซะมากโข
นอกจากในวงโยธวาทิตที่ผู้ชายคนนี้จะเป็นหัวหน้าวงคอยคุมวงรับช่วงต่อจากอาจารย์ทั้งสองท่านอีกทีหนึ่งแล้ว เขายังเป็นหัวหน้าวงสตริงของโรงเรียน เรียกได้ว่าในชมรมดนตรีทั้งหมดเขาคือวงหน้าของชมรม ในขณะที่เรย์เป็นเพียงแค่รองหัวหน้าวงดนตรีในชมรมกับสมาชิกสภานักเรียนเท่านั้น และเขายังเป็นประธานระดับชั้นของนักเรียนมาหลายสมัยตั้งแต่ที่เข้ามาศึกษาอยู่ที่นี่อีกด้วย เรียกได้ว่าเขาคนนี้เป็นคนที่มีภาวะผู้นำสูงมากจริง
และแน่นอนว่าทั้งเขาและเรย์ก็ไม่ค่อยจะกินเส้นกันเท่าไรนัก
"ขอโทษ อคิลลิส..." เรยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเจื่อนๆ
"ประจำเลยนะ นายเนี่ย..."
ถึงแม้จะโดนตำหนิมาแต่มันก็ไม่เป็นอุปสรรค์ในการซ้อมของเรย์ เขายังทำหน้าที่ของเขาดีได้ดีเหมือนที่เคยทำอยู่ทุกๆวัน จนกระทั่งการซ้อมในตอนเช้าของวันนี้สิ้นสุดลง สมาชิกในชมรมทุกคนต่างแยกย้ายกันไปเข้าชั่วโมงโฮมรูมเพื่อที่จะไปพบกับอาจารย์ประจำชั้นของพวกเขา แต่เนื่องจากในวันนี้อาจารย์ประจำชั้นของห้องเรย์ได้ไปราชการที่ต่างประเทศพร้อมกับอาจารย์ท่านอื่นๆ ทำให้ชั่วโมงโฮมรูมในวันนี้ของเรย์กลายเป็นชั่วโมงว่างไปโดยปริยาย
และเมื่อเกิดชั่วโมงว่างหรืออาจารย์ไม่เข้าสอนเมื่อไร เขาจะชอบไปพักผ่อนในที่ๆหนึ่งเสมอ นอกจากชมรมดนตรีแล้ว ที่นั่นคือบ้านอีกหลังหนึ่งของเรย์เลยก็ว่าได้ บ้านอีกหลังหนึ่งที่ว่านั้น คือ สภานักเรียนแห่งโรงเรียนไนท์เบลดพรอนเทร่า
สภานักเรียนแห่งโรงเรียนไนท์เบลดพรอนเทร่าตั้งอยู่ถัดจากอาคารเรียนที่หกมาแปดร้อยเมตร เป็นคฤหาสน์สองชั้นขนาดใหญ่ที่ทาสีทองทั้งหลัง ถูกออกแบบให้รูปลักษณ์ทั้งภายนอกและภายในประหนึ่งคล้ายกับคฤหาสน์ในหนังหรือในนิยายซักเรื่อง สถานที่แห่งความฝันที่เป็นศูนย์รวมของกิจกรรมใหญ่ๆของที่นี่เช่นงานเลี้ยงเต้นรำ หรือพิธีต่างๆ
ชั้นหนึ่งของที่นี่มีห้องทำงานและห้องประชุมไว้สำหรับปรึกษาหารือ มีอุปกรณ์ในการวางแผนการดำเนินกิจกรรมต่างๆภายในโรงเรียนของเหล่าสมาชิกสภานักเรียนอย่างครบครัน ชั้นสองมีทั้งห้องอาหารและห้องครัวพร้อมวัตถุดิบไว้ใช้ทำอาหาร รวมไปถึงห้องนอนที่มีทั้งทีวีและแอร์ ไว้สำหรับรองรับเหล่าสมาชิกสภานักเรียนให้นอนค้างคืนกันยามเมื่อมีกิจกรรมดึกๆ ซึ่งส่วนใหญ่เหล่าสภานักเรียนจะใช้ชีวิตกันอยู่ที่นี่มากกว่าบ้านของตัวเองซะด้วยซ้ำ
เรย์เข้ามาภายในตัวอาคารโดยผ่านเสาโรมันสีขาวๆทั้งหกต้นที่ตั้งเรียงรายอย่างเป็นระเบียบอยู่ทางหน้าประตูไปพร้อมกับประตูที่ทำมาจากไม้เมเปิ้ลขนาดใหญ่แล้ว สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขาคือบันไดกว้างๆ ที่มีทางเดินแยกไปชั้นบนสองข้างทางซ้ายขวา ตัวบันไดทำด้วยไม้อัดเงางาม บนพื้นปูด้วยพรมสีกรมท่ายาวไปถึงบันไดขั้นบนสุด เรย์เดินขึ้นไปตามเสียงเจี้ยวจ้าวที่ดังไม่หยุดจากชั้นสองของตัวคฤหาสน์ ขึ้นไปทางบันไดด้านซ้ายมือ เลี้ยวขวาแล้วเดินไปสุดทางก็ได้พบกับห้องประจำของเหล่าสมาชิกสภานักเรียน... ห้องแห่งความวุ่นวาย
"ขออนุญาติครับ...?"
เมื่อเรย์ผ่านประตูไม้แบบกลไกอิเล็คทรอนิกส์ที่สามารถเปิดได้โดยอัตโนมัติไปแล้ว เขาก็ต้องนิ่งไปพักหนึ่งเมื่อเจอกับเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า
ในครัวนั้นมีสองนักเรียนสาวมัธยมปลายกำลังวุ่นวายอยู่กับสงครามการทำอาหารอยู่ และอีกด้านทางมุมห้องซ้ายมือถัดจากห้องครัวไป นักเรียนชายมัธยมปลายอีกสองคนกำลังนั่งแข่งมากรุกกันอย่างเอาจริงเอาจังอยู่บนโต๊ะไม้ที่ปูด้วยผ้าคลุมโต๊ะสีน้ำเงิน เหมือนกับว่าห้องๆนี้ถูกแบ่งไปคนล่ะซีกโลกซะอย่างงั้น
"อ่าวเรย์! มาแล้วเหรอ!..."
น้ำเสียงใสราบเรียบที่ฟังดูนุ่มนวลของหนึ่งในสองนักเรียนสาวหันมาทักทายเรย์ ในขณะที่มือของเธอข้างหนึ่งกำลังจับกะทะที่วางอยู่บนเตา
สาวสวยรูปร่างค่อนข้างเล็กแต่หุ่นของเธอนั้นสมส่วน ผมสีน้ำตาลแก่ของเธอยาวไปถึงหลัง และเธอยังมีใบหน้าที่น่ารักมากๆ แม้แก้มจะกลมแต่คางเรียว จมูกเล็กแต่เป็นสัน เธอมีปากเล็กแต่ริมฝีปากของเธออวบอิ่ม และดวงตาทรงเสน่ห์ชวนยิ้มให้กับผู้ที่พบเห็นที่แสดงบุคลิกที่แสนร่าเริงของเธอ เธอเป็นคนที่มีนิสัยขี้เล่น เฮฮาปาจิงโกะกับคนอื่นอยู่ตลอดเวลา
เธอคนนี้เองคือรองประธานสภานักเรียน หรือจะอธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้นไปอีกก็คือ เธอเป็นรองประธานนักเรียน
"เอ่อ คือ รุ่นพี่นีงาคิ ริสะ กับรุ่นพี่ทาคาฮาชิ ไอ กำลังทำอะไรอยู่เหรอครับ เสียงดังไปถึงข้างล่างแน่ะ"
เรย์พูดพร้อมกับเดินเข้ามายังในครัวที่พวกเธอกำลังยุ่งอยู่กับเมนูอาหารบางบาง สายตาของเรย์มองดูสภาพรอบๆห้องครัวที่เลอะเทอะเป็นอย่างมาก ถ้วยพลาสติกที่ตอนนี้มีมายองเนส และผักที่กระจัดกระจายไปทั่วโต๊ะที่ไว้สำหรับทำอาหารของเธอในวันนี้
"อ๋อ! กำลังทำเมนูใหม่ของมื้อเที่ยงวันนี้น่ะสิ เป็นความคิดของเจ้าไอมัน" ริสะพูดพลางใช้ข้อศอกสะกิดเพื่อนสาวของเธอที่อยู่ข้างๆ
ดวงตากลมโตของทาคาฮาชิ ไอ มองมาทางเรย์ ทำให้เรย์เห็นว่าเธอนั้นมีใบหน้าเป็นรูปไข่ ริมฝีปากที่สวยรับกับโครงหน้าของเธอได้เป็นอย่างดี ทรงผมของเธอตัดสั้นถึงแค่ช่วงต้นคอของเธอเท่านั้น สีผมของเธอเป็นสีน้ำตาลแก่เช่นเดียวกันกับนีงาคิ ริสะเพื่อนของเธอที่ยื่นอยู่ข้างๆ ในใจของเรย์คิดว่ามองดูเผลินๆแล้วใบหน้าของเธอหน้าคล้ายๆกับลิงตัวหนึ่งเหมือนกัน แต่ถึงแม้จะเป็นลิงจริงๆ แต่เธอก็คงจะเป็นลิงที่สวยมากๆ
และแน่นอนว่าเธอคนนี้นี่แหละคือประธานนักเรียนตัวแสบแห่งโรงเรียนไนท์เบลดพรอนเทร่าแห่งนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างของโรงเรียนนี้ขึ้นอยู่กับเธอ เพราะว่ากฏของโรงเรียนนี้ก็คือเธอนั่นแหละ
"นี่! เมนูใหม่วันนี้ของฉัน!!! แท่น!! แทน!! แท๊น!!" เธอหยิบผลงานมาผลงานใหม่ล่าสุดที่วางอยู่ข้างๆเตาทำอาหารมานำเสนอให้เรย์ดู
"ไก่เทอริยากิราดซอส!!!!"
ประหนึ่งเหมือนมีพลุแตกเปรี้ยงป้างขึ้นมาทันทีที่เธอหยิบผลงานของเธอยื่นโชว์ให้เรย์ดูตรงหน้า เมื่อเรย์ได้เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ท้องของเขาก็แอบร้องเบาๆขึ้นมา
"โอ่โห้วววว น่าทานมากเลยครับรุ่นพี่!!" เรย์ส่งยิ้มหวานๆให้กับทาคาฮาชิ แต่อันที่จริงแล้วเขายิ้มให้กับสิ่งที่อยู่บนมือของเธอมากกว่า
"แต่ยังไม่เสร็จดีนะ! ต้องใส่นี่อีกหน่อย นี่ๆยัยถั่ว(นีงาคิ ริสะ)ใส่พวกนี้เพิ่มไปหน่อยน่าจะดีนะ"
อีกด้านหนึ่งในศึกการดวลหมากรุกสะท้ายโลกอย่างเอาจริงเอาจังอยู่บนโต๊ะไม้มันวาวตัวนั้น นักเรียนหนุ่มมอปลายอีกสองคนกำลังขับเคี่ยวกัน จนทำให้เรย์เกิดความสนใจอย่างยิ่งจึงขอเดินไปดูใกล้ๆ
ชายหนุ่มที่มีนัยน์ตาสีม่วงกลมโตและดวงตาคล้ายพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวกับแววตาที่ดูเป็นคนสุขุมรอบคอบ ผิวของเขาขาวมากเหมือนกระดาษที่อยู่ในหนังสือเรียนสักเล่ม ไว้ผมลากไซร์สีดำยาวถึงคอโดยที่ทำผมตัวเองให้ชี้ไปชี้มาและปัดหน้าม้าไปทางซ้าย ตัวของเขาค่อนข้างผอมและสูง ใบหน้าเรียว
นิ้วมือเรียวสวยหยิบจับตัวหมากรุกที่ชื่อคิงขึ้นมาพร้อมกับมองแล้วยิ้มเยาะคนตรงหน้า ที่ตอนนี้แววตาสีน้ำเงินกลมโตแลดูไร้เดียงสากำลังสั่นระริก เขาไว้ผมทรงบ๊อบเทสีทอง ใบหน้ากลม ผิวของเขาขาวเหมือนหิมะในฤดูหนาว ตัวของเขาค่อนข้างเล็กถ้าเทียบกับผู้ชายทั่วไปในโรงเรียนนี้
- รุกฆาต!!! -
- ปัง!!!!!!!! -
เสียงพูดอันทุ้มนุ่มนวลที่หลอกหลอนอยู่ในหัวของคนที่ผ่ายแพ้ให้กับคนที่ลั่นวาจาพิฆาตได้เป็นอย่างมาก เสียงวางหมากรุกตัวสุดท้ายดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วห้องนั้น
"ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย"
ตามมาด้วยเสียงร้องอันโหยหวนของผู้พ่ายแพ้ที่ตอนนี้สองมือกุมหัวอย่างแนบแน่น
"ฮ่าๆๆ แพ้อีกแล้วเหรอแองเจโล่ ดูไม่ได้เลยนะ" คงจะมีแต่ผู้ชมอย่างเรย์เท่านั้นที่ยังหัวเราะได้อยู่
"เฮ้ออออออ ถ้าเรื่องหมากรุกแล้วเนี่ยผมสู้ซิกฟรีดไม่ได้เลยจริงๆ แพ้ตลอดเลย ฮ่าๆๆ" แองเจโล่หันมาพูดพร้อมกับเอามือเกาหัวตัวเองและยิ้มแย้มอย่างยอมรับในความพ่ายแพ้ของตัวเอง
"ในสงครามน่ะแค่สมองปราดเปรื่องอย่างเดียวมันไม่พอหรอกนะแองเจโล่..." ซิกฟรีดผู้กำชัยชนะพูดพร้อมกับยกตัวหมากที่ชื่อว่าคิงมาแกว่งเล่นไปมาอย่างสบายอารมณ์
"จริงๆด้วยนะครับ ซิกฟรีดนะเล่นหมากรุกเก่งสุดๆเท่าที่ผมเคยเจอมาเลย" แองเจโล่พูดชมคนที่นั่งฝั่งตรงกันข้ามของตัวเอง ซึ่งดูเหมือนว่าคนที่กำลังนั่งหมุนตัวหมากที่ชื่อคิงไปมาอยู่บนนิ้วนั้นจะไม่ค่อยสนใจเท่าไรนัก
"ก็ไม่เท่าไรหรอก..." เมื่อซิกฟรีดพูดเสร็จก็โยนหมากรุกแล้วกำไว้ในมือ พร้อมกับส่งสายตามาทางเรย์ที่ยืนอยู่ตรงหน้า
"ว่าแต่นายเถอะเรย์"
"ห๊ะ?!"
"จะมาลองเล่นกับฉันดูไหมล่ะ สนุกดีนะ หึหึหึ..."
ซิกฟรีดพูดพร้อมกับส่งยิ้มที่แสนน่ากลัวให้กับเรย์ เมื่อเรย์เห็นแบบนี่นก็หน้าซีดขึ้นมาทันทีแม้แองเจโล่จะส่งยิ้มพร้อมกับชูสองนิ้วให้กับเขาก็ตามแต่
"ฮ่าๆๆๆ เอาไว้คราวหน้าดีกว่านะซิกฟรีด แฮะๆๆ" เรย์พูดพร้อมกับโบกมือไปมาเป็นเฉิงปฏิเสธ
... ถ้าฉันเล่นกับนายคงแพ้ตั้งแต่ห้านาทีแรกล่ะ ...
ซิกฟรีดและแองเจโล่เขาทั้งสองคนคือหนึ่งในจำนวนนักเรียนที่หัวดีที่สุดในโรงเรียน และมีความสามารถทางด้านวิชาการอย่างเป็นเลิศ ยกตัวอย่างเช่น โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ออกมาใหม่ได้แค่วันเดียว พวกเขาทั้งสองสามารถใช้มันได้อย่างคล่องแคล่วและเชี่ยวชาญ ในขณะที่อาจารย์ในหมวดคอมพิวเตอร์เองก็ยังใช้งานโปรแกรมนั้นไม่เป็นเลย
ความสามารถต่างๆของพวกเขาทำให้ชมรบต่างๆในโรงเรียนต้องการตัวเขาทั้งสองไปเป็นสมาชิกในชมรมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะชมรมหมากรุกที่เคยมาทาบทามซิกฟรีดให้ไปอยู่ชมรมอยู่หลายครั้ง เพราะว่าครั้งหนึ่งตอนที่ซิกฟรีดยังอยู่มัธยมต้นเขาเคยเล่นหมากรุกชนะนักแข่งหมากรุกระดับมืออาชีพโดยใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีมาแล้ว ทำให้ชมรมหมากรุกนี้แทบจะคุกเข่าอ้อนวอนขอให้ซิกฟรีดไปเป็นสมาชิก แต่ซิกฟรีดเองก็ไม่ไปเพียงเพราะว่าเมื่อเขาตอบรับคำขอของชมรมแล้ว เขาก็จะถูกยัดเยียดให้เป็นหัวหน้าชมรมในทันที ซึ่งคนที่ชอบความสบายๆอย่างซิกฟรีดนั้น มันจึงเป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบเอามากๆ
แองเจโล่ถึงแม้ว่ากิติศัพท์ของเขาจะไม่ค่อยหนาหูเท่าซิกฟรีดเท่าไรนัก แต่การใช้ความคิดอันชาญฉลาดในการวางแผน แก้ปัญหาเฉพาะหน้าของเขานั้นทำออกมาได้อย่างไม่มีใครเทียบ เหตุผลของต่างๆของเขาสามารถที่จะเปลี่ยนความคิดของคนอื่นให้เห็นด้วยตามเขาได้หมดเลยก็ว่าได้
ความสามารถทของทั้งสองนั้นเลื่องลือไปทั้งโรงเรียน แม้แต่ริสะและทาคาฮาชิที่มีแต่คนพูดว่าเป็นประธานและรองประธานนักเรียนที่หัวดีที่สุดของโรงเรียนเท่าที่เคยมีมา ก็ยังมาขอคำปรึกษาจากซิกฟรีดและแองเจโล่ในบางเรื่อง และหากถ้าพวกเขาทั้งหมดจะร่วมกันลงมือทำกิจกรรมอะไรสักอย่าง ทุกๆอย่างจะต้องออกมาอย่างเพอร์เฟ็คชนิดหาที่ติไม่ได้ ถ้ามีพวกเขาอยู่ งานทุกๆอย่างพวกเขาไม่เคยทำให้ทุกคนในโรงเรียนแห่งนี้ต้องผิดหวังกันเลยสักครั้งเดียว
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ในตอนนี้เป็นเวลาเลิกเรียน นักเรียนทุกคนต่างกำลังแยกย้ายกันกลับบ้านของตัวเอง จะเหลือก็เพียงแต่นักเรียนบางคนที่มีการซ้อมกิจกรรมในแต่ละชมรม วันนี้ชมรมดนตรีนั้นไม่ได้มีนัดซ้อมตอนเย็นแต่อย่างใด ทำให้สมาชิกของชมรมสามารถกลับบ้านกันได้ตามปกติ ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นแต่เรย์เองก็ไม่อยากจะรีบกลับบ้านของตัวเองที่แสนจะเงียบเหงาและน่าเบื่อสักเท่าไรนัก
หลังจากที่ได้ไปสถานที่ๆหนึ่งที่อยากจะไปมาแล้ว เรย์จึงตรงไปที่โรงยิมกีฬาของโรงเรียนเพื่ออยู่เล่นบาสเก็ตบอลกับพวกนักเรียนชมรมบาสเก็ตบอลซะก่อน เป็นเรื่องที่เขาชอบทำเป็นประจำก่อนจะกลับบ้านของตัวเอง
หลังจากที่เรย์เล่นบาสเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เตรียมมุ่งหน้ากลับบ้าน โดยเดินไปตามทางเดินข้างอาคารเรียนที่หกและศาลาที่สร้างขึ้นมาแล้วเก้าสิบสองปี ในขณะนั้นเองระหว่างทางมีคนๆตัวเล็กๆคนหนึ่งมาดักเขาอยู่ก่อนที่เรย์จะได้เดินไปยังถนนที่คั่นกลางระหวางอาคารหกกับสเตเดี้ยมกีฬา
นักเรียนสาวที่ใบหน้ากลมๆแก้มยุ้ยๆ ไว้ผมยาวประบ่าและปัดหน้าม้าไปทางดานซ้าย นักเรียนคนหนึ่งที่เขาสนิทและคุ้นเคยเป็นอย่างดีมาตลอด ดวงตาสีดำกลมโตมองมาที่เรย์พร้อมกับรอยยิ้มหวานๆของเธอ
"...หลินหลิน!"
"รีบกลับรึเปล่า?... มาเดินเป็นเพื่อนเค้าหน่อยนะ" หลินบอกเรย์ด้วยรอยยิ้มที่สดใสและน่ารักจากสาวชาวจีนอย่างเธอ
ดวงอาทิตย์ยามเย็นค่อยๆลาลับขอบฟ้า แสงที่สาดส่องลอดผ่านกลีบเมฆสีขาวออกมากลายเป็นสีส้มอ่อนๆ สายลมโชยมาเอื่อยๆพร้อมกับบรรดานกที่อยู่บนฟ้าบินมากลับสู่รังที่ตัวเองจากมาตามต้นไม้ใหญ่ๆ เหล่าบรรดานกนางแอ่นที่ยืนเกาะอยู่ที่สายไฟฟ้าหลายสิบตัว ทำให้พื้นที่แถวนั้นมีเสียงนกเจียวจาวไปทั่ว
นักเรียนชายและหญิงกำลังเดินเคียงคู่กันบนทางเดินคอนกรีตบนลานกว้างๆขนาดใหญ่ที่ทำมาจากหินแกรนนิจสีรุ้งชนิดพิเศษ เมื่อแสงแดดส่องลงมายังพื้นจะเกิดเป็นประกายเพชรระยิบระยับตา เป็นหนึ่งความสวยงามของโรงเรียนที่สร้างความประทับใจให้กับนักเรียนและบุคคลภายนอกที่เขามาเยี่ยมเยียนโรงเรียนได้เป็นอย่างมาก โรงเรียนจึงตั้งชื่อลานแห่งนี้ว่า ลานแสงมณี
"วันนี้ชมรมของเธอมีซ้อมตอนเย็นเหรอ" เรย์ถามไปยังเพื่อนสาวคนตัวเล็กๆที่เดินอยู่ข้างๆ ในขณะที่มือทั้งสองข้างของตัวเองนั้นพาดไว้ที่ท้ายทอยตามสบาย เป็นอีกท่าเดินประจำของเรย์
"อื้อ!" หลินพยักหน้าตอบพร้อมกับหันมามองเรย์ " รู้สึกว่าเปิดมาก็มีงานให้เต้นเลย อีกสองวันเอง"
"ดีจังเลยน๊าชมรมแดนซ์เธียเตอร์เนี่ยเปิดมาก็มีงานเลย ดูชมรมของฉันสิ ถึงซ้อมไปก็ไม่รู้จะมีงานมารึเปล่าเลย" ในขณะนั้นสายตาของเรย์เริ่มเห็นอาคารชมรมของหลินอยู่ไกลๆ ที่ตั้งอยู่เยื้องกับหอประชุมของโรงเรียนขนาดใหญ่
"ไม่เห็นจะดีเลยยยยยย...T T" หลินตอบด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อน ใบหน้าของเธอป่องด้วยลมที่เธอสูดเข้าไป
"เอาน่า อย่างองแงสิ"
"เปล่าซะหน่อย...."
เรย์และหลินหลินคนยังเดินต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่รีบร้อนมากนัก พวกเขาผ่านหน้าอาคารฝ่ายบริการนักเรียน รวมไปถึงบ่อน้ำตกจำลองขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างหน้าอาคารสาม ว่ากันว่าอาคารนี้เป็นอาคารไม้ที่เก่าแก่ที่สุดเพราะมีอายุกว่าร้อยกว่าปี มีตำนานเรื่องเล่าขานเก่าแก่เกี่ยวกับอาคารหลังนี้อยู่มากมาย
"นี่เรย์..." จู่ๆหลินหลินก็ถามขึ้นมาหลังจากที่พวกเขาทั้งสองเงียบกันไปนาน ทำให้เรย์สะดุ้งขึ้นมาเล็กน้อยด้วยความตกใจ เมื่อได้สินเสียงของเธอ "หืม! อะไรเหรอ?"
"แล้วเธอกลับมาได้ยังไงเหรอ หลังจากที่เธอติดไปกับรถบรรทุกคันนั้นน่ะ"
ด้วยคำพูดของหลินทำให้ภาพเหตุการณ์เหล่านั้นของเรย์กลับเข้ามาในหัวของเขาได้อีกครั้ง หลังจากที่คิดว่าตัวเองน่าจะลืมมันไปหมดแล้ว ทั้งเรื่องที่เขาถูกปืนจ่อหัว เรื่องที่เขาหายไปพร้อมกับรถบรรทุกคันนั้น เรื่องที่เขาสวมแหวนสีแดงและต่อสู้กับพวกชายชุดดำ รวมไปถึงข่าวตอนเช้าในจอทีวีที่บ้านของเรยของวันถัดมาที่เรย์ได้สนใจดูเป็นครั้งแรก
ข่าวรายงานว่าชายชุดดำและไมดัสที่เขาต่อสู้ด้วยนั้นเสียชีวิตหมดด้วยเหตุเกิดจากอาจจะมาจากการทะเลาะวิวาท หรือการปล้นชิงทรัพย์ ซึ่งเป็นเรื่องเหลวไหลที่สุดสำหรับเรย ไม่มีรายงานเรื่องรถบรรทุกที่เป็นข่าว ทำให้เขาสับสนกับข่าวที่รายงานออกมาผ่านจอทีวีเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกันมันก็เป็นสิ่งที่เขารับไม่ได้เป็นอย่างมาก เมื่อมีคนมาตายเพราะเขาทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ได้อยากฆ่าใคร ด้วยเหตุนี้เขาถึงอยากนำแหวนไปคืนให้แก่โรงเรียน จะเป็นเรื่องที่ดีกว่ามากสำหรับเขา
"...ฉันหนีมาน่ะ" จู่ๆเรย์ก็พูดขึ้นมาทำให้หลินตกใจเล็กน้อย
"หืม?!..."
... "ใช่ เราหนีมันมา จากพันธะสัญญานั่น จากชะตากรรมที่ไม่ใช่ของเรา จากทุกๆอย่างที่ไม่ใช่ของเรา เราขอเป็นตัวของเราแบบเดิมดีกว่า ชีวิตของเราที่ไม่ต้องแบกรับอะไร ชีวิตที่ไม่ต้องเข่นฆ่าใครต่อใคร ชีวิตที่สามารถทำทุกๆอย่างได้อย่างมีความสุข" ...
"หนีมาเหรอ ยังไง" หลินหลินสงสัยอย่างมากกับคำพูดของเรย์ สายตาของเธอตอนนี้เต็มไปด้วยความต้องการที่อยากจะรู้คำตอบจากชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ
"ก็ ขึ้นรถปรับอากาศสายหนึ่งแปดสองราคาร้อยกว่าบาทตรงกลับมาเมืองเลย ตอนนั้นหิวข้าวมากด้วยล่ะ" เรย์พูดอย่างหน้าตาเฉย คิ้วของสาวสวยชาวจีนขมวดกันอย่างไม่สบอารมณ์เป็นที่สุดเมื่อได้ยินคำตอบแบบส่งๆจากเพื่อนชายของเธอ ใบหน้าเนียนขาวของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงกล่ำไปในทันที
"ไอ้ตาบ้าเรย์ ไม่คุยด้วยแล้ววววววว" หลินแทบอยากจะกระโดดถีบเรย์ แต่เพราร่างกายของเธอที่เตี้ยกว่ามากๆ เธอจึงเปลี่ยนใจเป็นวิ่งหนีเขาไปดีกว่า
เรย์เงยหน้าขึ้นมามองอย่างตกใจเล็กน้อย พร้อมกับยิ้มนิดๆที่มุมปากอย่างสะใจ
"เห้ยยย ไอ้อ้วนเตี้ยรอด้วยสิ!!"
"อ๊ากกกกกกกกกกก ไอ้ต้าบ้า ฉันไม่รู้จักแก!!!!!!"
ทั้งสองคนวิ่งไล่จับกันอยู่นานประหนึ่งพวกเขาย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กมัธยมต้นอีกครั้ง จนในที่สุดพวกเขาทั้งสองก็มาถึงที่หมายจนได้ ชมรมแดนซ์เธียเตอร์ของโรงเรียน
ตอนนี้หลินหลินที่ยืนอยู่หน้าประตูมีเหงื่อออกเล็กน้อยเพราะพึ่งวิ่งระยะทางไกลมา แต่อันที่จริงน่าจะพูดว่าเธอวิ่งหนีเรย์วนไปมาอยู่แถวนั้นมากกว่า ใบหน้าหงิกงอของเธอยังคงไม่หายเคืองชายที่อยู่ตรงหน้าเธอที่อยู่ตรงหน้าที่มีสีหน้ายิ้มแย้มชวนโมโห เพราะคำถามที่แสดงความห่วงใยเขาก็ตอบกลับส่งๆแบบไม่สนใจใยดี
"ฉันกลับแล้วนะ..." เรย์บอกหลินในขณะที่เธอได้ยินก็ทำหน้าค้อนใส่เขาทันที
"อยากไปไหนก็ไปเลย เชอะ!" หลินยังคงทำหน้าค้อนคนตรงหน้าและทำทีท่าว่าไม่สนใจคนตรงหน้าอยู่อย่างงั้น
"แล้วก็... ขอบคุณนะ ที่เป็นห่วงฉัน"
เพราะคำพูดนี้เองทำให้หลินเปลี่ยนสีหน้าไปในทันที จากแก้มเนียที่แดงเลือดฝาดอยู่แล้วทำให้แก้มตอนนี้เปลี่ยนสีเป็นแดงแจ๋ สายตาของเธอมองแผ่นหลังของชายหนุ่มที่ค่อยๆเดินหายลับจากไป ทิ้งให้คนที่ยืนอยู่ยืนยิ้มมุมปากอย่างมีความสุขก่อนที่เธอจะเข้าไปข้างในชมรม
... แบบนี้ก็คงดีแล้วสินะ ฉันไม่อยากให้เธอเป็นห่วงฉันไปมากกว่านี้อีกแล้ว ขอโทษนะหลินหลิน ...
ที่พิพิธภัณฑ์ของโรงเรียนสายตาของเรย์สั่งเกตเห็นสิ่งผิดปกติไปจากทุกๆวัน เด็กนักเรียนรวมไปถึงบรรดาอาจารย์กำลังมุ่งดูอะไรบางอย่างอยู่ข้างหน้าทางเข้าพิพิธภัณฑ์ เขาสังเกตเห็นอาจารย์ฟุยุสึกิที่ประจำอยู่ในพิพิธภัณฑ์เดินออกมาพร้อมกับทำสีหน้าที่ตื่นตกใจเป็นอย่างมาก
เรย์หยุดยืนดูจากรั้วที่กั้นระหว่างถนนภายนอกโรงเรียนกับบริเวณพิพิธภัณฑ์ไกลๆอยู่พักหนึ่ง แต่เมื่อเรย์ได้ยินเสียงที่คนพวกนั้นเขาคุยกันผ่านสายลมมาเรื่อยๆ เรย์จึงตัดสินใจมุ่งหน้าเดินกลับบ้านต่อดีกว่า เพราะว่าเรื่องที่เรย์ได้ยินพวกเขาคุยกันก็คือ เรื่องที่แหวนกลับมาแล้ว
"แหวนกลับมาได้ยังไง มีใครเห็นบ้างไหม!"
"แหวนคืนชีพแล้วเหรอ ได้ยังไง!!!"
"ใครกันนะ เขาเป็นใคร ผู้สืบทอดแห่งแหวนคนนั้น!!!"
เสียงที่ผ่านมาตามสายลมของพวกเขา เป็นเสียงที่เขาไม่ค่อยอยากจะรับฟังสักเท่าไรนัก ในหัวของเขาพยายามให้มีแต่เรื่องที่เขาต้องการจะกลับบ้านเท่านั้น ไม่นานนักเขาก็ออกจากรั้วโรงเรียนไป และเดินห่างไกลจากโรงเรียนไปเรื่อยๆ
เรย์เดินไปตามถนนใหญ่เลาะไปทางสวนสาธารณะที่เป็นสนามหญ้าขนาดใหญ่เพื่อที่จะมุ่งหน้าเข้าไปยังตัวเมือง ถึงแม้ถนนภายในเมืองจะมีรถยนต์วิ่งกันอย่างขวักไขว่ไปมา ส่งเสียงหนวกหูน่าลำคาญ แต่ถึงกระนั้นในหัวของเขาก็ยังเต็มไปด้วยเรื่องแหวนไม่หายจากไป เรย์ยังคิดอยู่ว่าเขาทำถูกแล้วจริงๆเหรอที่นำแหวนไปคืนให้แก่โรงเรียนอีกครั้ง ถ้าเขาไม่มีแหวนแล้วเขาจะเป็นยังไงต่อไปกับพันธะสัญญานั่นที่ได้ให้เอาไว้กับแหวนวงนั้น
แต่อีกใจหนึ่งกลับคิดว่าถ้านำแหวนมาชีวิตของเขาก็จะต้องเปลี่ยนไป ทั้งสองความคิดนี้ยังคงวนเวียนกันไปมาในหัวของเรย์ไม่รู้จบ จนกระทั้งมีเหตุการณ์บางอย่างตรงหน้ามาทำให้เขาต้องหยุดความคิดนั้นลง
"...มิซึกิ!"
ภาพเหตุการณ์ที่เรย์กำลังเห็นอยู่ตรงหน้านั้นคือเด็กสาวมอต้นที่เขาพึ่งเจอที่อาคารเรียนที่สี่เมื่อเช้านี้ กำลังถูกพวกนักเลงกลุ่มหนึ่งล้อมเธอเอาไว้ ในขณะที่เธอก็พยายามที่จะเดินหนีและขัดขืนที่เธอถูกจับมือถือแขน แต่ว่าก็ถูกคนในกลุ่มนั้นผลักกลับมาให้อยู่ในวงที่เธอถูกล้อมเอาไว้ เรย์ยืนดูอยู่พักหนึ่งจนกระทั่งเธอถูกพวกนั้นฉุดลากเข้าไปในซอยเปลี่ยวๆข้างๆกับร้านมินิมาทแห่งหนึ่ง
"แย่ละ! มิซึกิ!.... โธ่เว้ย!!!"
เรย์กำหมัดแน่น ในใจของเขาก็คิดอยู่ว่าจะไปบอกให้กับเจ้าของร้านมินิมาร์ทใกล้ๆนั้นให้แจ้งตำรวจเอาไว้ดีหรือไม่ แต่ถึงอย่างนั้นจิตใจของเรย์ก็คิดว่ารอช้าอยู่ไม่ได้แล้ว ปัดเป่าความสับสนที่ตัวเองมีอยู่แล้วรีบวิ่งตามพวกนั้นไปในทันที
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ