KP Warriors : โรงเรียนนักรบ แหวนเทวะ

9.7

เขียนโดย nesugiso

วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 12.35 น.

  20 ตอน
  12 วิจารณ์
  26.92K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2557 11.53 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

2) นักรบสีแดงถือกำเนิด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
         "นี่เราอยู่ที่ไหนกันเนี่ย..."
 
   

         เรย์บ่นพรึมพรำคนเดียวภายใต้เงามืดในตู้คอนเทนเนอร์นั้น ไม่นานนักประตูตู้คอนเทนเนอร์ก็ได้ถูกเปิดออกมาจากคนที่อยู่ภายนอก ชายชุดดำคนหนึ่งเข้ามาอย่างรีบเร่งเพื่อนำโถ่แก้วออกไป ซึ่งในนั้นมีแหวนแห่งไนท์เบลดอยู่ด้วยด้วย
         ชายชุดดำคนนั้นออกไปโดยที่เขาไม่ได้หันกลับมาปิดตู้คอนเทนเนอร์เพราะชะล่าใจว่าในรถคันนั้นคงจะมีแต่พวกของตัวเองเท่านั้น ทันทีที่กลุ่มชายชุดดำออกไปเรย์รีบค่อยๆแอบย่องตามหลังไปอย่างเงียบเชียบ



         สายตาของเรย์ไปสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างซะก่อนที่เขาจะได้ก้าวออกไปจากตู้คอนเทนเนอร์นั้น ในความคิดเมื่อแรกเห็นของเรย์นั้น รูปร่างของมันเป็นสิ่งของที่ตัวเขาเองไม่คิดว่ามันจะมีอยู่ในที่แบบนี้ได้ เรย์เกิดความสนใจจนหยุดดูอยู่ครู่หนึ่ง แสงจากโลกภายนอกส่องผ่านเข้ามาทำให้เขาได้เห็นรูปร่างของมัน 
         มันมีรูปร่างคล้ายกับโลงศพที่เป็นสีดำ รอบๆโลงนั้นเต็มไปด้วยอักษรโบราณที่แสนเก่าแก่เกินกว่าที่ความรู้ในหัวของเขาจะอ่านมันออก
 

... อะไรกันเนีย ทำไมถึงมีโลงศพมาอยู่ที่นี่ได้นะ ...

         ไม่นานนักเขาก็คิดได้ว่ารอช้าอยู่ไม่ได้แล้ว เมื่อคิดเช่นนั้นเรย์จึงรีบออกไปจากที่นั่นโดยคิดหาทางหนีออกไปเผื่อเอาไว้ด้วย แต่เมื่อเขาได้มาเห็นสิ่งแวดล้อมภายนอกตู้คอนเทนเนอร์นั่นก็ทำให้เขายืนอึ้งอยู่ตรงนั้นไปพักใหญ่ และทำให้คิดได้ว่าแผนการหนีของเขาล้มเหลวโดยฉับพลัน 




        สิ่งก่อสร้างที่รกร้างรวมไปถึงสภาพแวดล้อมโดยรอบก็เต็มไปด้วยป่าทึบ ที่นี่เป็นวิวทิวทัศน์ที่ตัวเขาเองไม่คุ้นตาเลย บรรยากาศแบบนี้รวมไปถึงสิ่งแวดล้อมรอบๆตัว นี่ไม่ใช่ในเมืองไนท์เบลดที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี และเพราะเสียงที่ดังขึ้นตรงหน้าของเขาถัดไปไม่ไกลนักทำให้เรย์ต้องรีบหาที่ซ่อนตัว โดยตัดสินใจที่จะลงไปหลบหลังตู้คอนเทนเนอร์นั้น
 
       "เป็นยังไงบ้าง เรียบร้อยดีรึเปล่า?" น้ำเสียงที่ดูมีอำนาจของชายคนหนึ่งดังขึ้นมา
 
       "ครับ ของที่ท่านสั่งอยู่นี่ครับ" พวกชายชุดดำยื่นโถที่มีแหวนแหวนอยู่ข้างในให้กับคนที่ยืนอยู่ต่อหน้าของพวกเขา
 
 
         เรย์กลืนน้ำลายตัวเองและรวบรวมความกล้าเพื่อที่จะแอบดูเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าให้ชัดขึ้นไปอีก สายตาของเรย์เห็นกลุ่มชายชุดดำกลุ่มหนึ่งที่กำลังนั่งคุกเข่าให้กับชายที่ไว้หนวดยาวๆ ซึ่งดูจากการแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ดูเป็นทางการในชุดสีกากีที่ประดับเครื่องหมายต่างๆมากมายแล้ว เรย์คิดได้เลยว่าชายคนนี้ต้องทำงานรับราชการอย่างแน่นอน สายตาที่เต็มไปด้วยความโลภของชายคนนั้นจ้องมองไปที่แหวนที่อยู่ข้างในแล้วก็ยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างหน้ากลัว
 
         "ดีมาก พลังแห่งแหวนนี่ล่ะที่จะทำให้องค์จักรพรรดิฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อีกครั้ง" เขาคนนั้นหัวเราะครั้งหนึ่งแล้วหันหลังให้กับชายชุดดำพวก ทำท่าเหมือนกับว่าเขานั้นกำลังจะจากพวกเขาไปอย่างไม่สนใจใยดี
 
         "เอ่อท่านไมดัสครับ แล้วเรื่องรางวัลของพวกเราละครับ" ชายชุดดำคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเจื่อนๆจนฟังดูไม่ค่อยชัดสักเท่าไรนัก แต่ถึงกระนั้นไมดัสก็ยังคงได้ยินอย่างชัดเจนทุกคำพูดจนตัวเองหันหลังควับกลับมา
 
         "เห๊อะ! พวกแกคิดว่านี่เป็นภารกิจที่เหมาะสมจะไปรายงานต่อท่านเจ้านายเรอะ!" ไมดัสพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม
 
         "เกือบโดนพวกตำรวจกระจอกๆจับได้ แถมยังเกือบนำแหวนแห่งอัคคีนี้มาไม่ได้อีกทั้งๆที่พวกแกก็ไปกันตั้งเยอะ แต่กลับสู้ยัยอาจารย์ผู้หญิงนั่นเพียงคนเดียวยังไม่ได้ ถ้าฉันรายงานเรื่องนี้กับท่านเจ้านายพวกแกละก็มันจะเป็นยังไง พวกแกรู้รึบ้างเปล่า!!!..."
 
         "เอ่อ...คือ" พวกชายชุดดำได้แต่นั่งก้มหัวโดยที่ไม่ได้พูดอะไรทันทีหลังจากที่เห็นไมดัสขบฟันแน่น
 
         "พวกแกรู้ไหมว่าจะต้องใช้พลังมากมายขนาดไหนในการที่จะทำให้ท่านจักรพรรดิฟื้นคืนชีพได้อีกครั้ง ถ้าไม่ใช้พลังของเทพเจ้าที่สถิตอยู่ในแหวนนี้แล้วละก็ ต่อให้พวกเราจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่อาจจะทำให้ปณิธานของท่านลอร์ธเป็นจริงได้หรอกรู้เอาไว้!!!" 


         ไมดัสตะคอกออกมาด้วยเสียงที่ดังสนั่นไปทั่วพื้นที่ชื้นแฉะอันแสนโล่งแจ้งนั้น และไม่นานนักเขาก็เดินผ่านพวกชายชุดดำไปอย่างช้าๆพร้อมมองไปที่รถบรรทุกข้างหลังด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย คิ้วทั้งสองข้างของเขาขวมเข้าหากัน แล้วค่อยๆยกมือที่ว่างอยู่ข้างหนึ่งขึ้นมาอย่างช้าๆไปตรงทางที่รถบรรทุกคันนั้นตั้งอยู่

         "แล้วก็อีกเรื่องหนึ่งที่มันหนักหนาสาหัสจนมันไม่น่าให้อภัยสำหรับพวกแกเลยก็คือ...."
 
 
         ทันทีที่ไมดัสพูดจบรถบรรทุกที่จดแนบนิ่งสนิดก็เคลื่อนที่ไปข้างหน้าเองโดยที่ไม่ได้มีใครติดเครื่องยนต์อะไรทั้งสิ้น เหมือนกับถูกเวทมนต์บางอย่างทำให้มันขยับได้เอง ตู้คอนเทนเนอร์ที่ใช้เป็นที่กำบังกายของคนที่กำลังหลบซ่อนตัวอยู่ถูกเปิดออก เผยให้เห็นร่างของชายหนุ่มชุดนักเรียนสีแดงที่แอบอยู่ข้างหลังตู้คอนเทนเนอร์นั้นอยู่นาน
         ด้วยความตกใจที่รถบรรทุกเคลื่อนที่ไปได้เองเรย์ที่กำลังแอบฟังอยู่ก็หงายหลังล้มลงไปกับพื้นอย่างแรง
 

         "พวกแกพาแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาด้วยยังไงล่ะ...."
 
 
 

         ตอนนี้เรย์ทำอะไรไม่ถูกแล้ว นัยน์ตาของเขาเบิกกว้าง ตัวสั่นระริกเพราะความหวาดกลัว สายตาของเหล่าชายชุดดำทั้งหมดจับจ้องมาที่ชายหนุ่มเสื้อนักเรียนสีแดงที่กำลังนั่งอยู่เพียงคนเดียว และเหมือนเป็นสิ่งที่พวกเขาถูกฝึกมานาน เมื่อพวกเขาเห็นเรย์พวกเขาก็หยิบปืนออกมาจากซองเก็บปืนข้างลำตัว และเล็งปากกระบอกปืนมาที่เรย์ทันที
 
         "ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่ามีเด็กนักเรียนจากไนท์เบลดมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แต่แกคงรู้เรื่องหมดแล้วสินะ บุกเดี่ยวมาซะไกลถึงที่นี่ได้ ในฐานะนักเรียนก็ถือว่าทำได้ดีมากเลยทีเดียว แต่... อนาคตของแกมันกำลังจะจบลงแค่นี้ล่ะ"
 
 

... เสร็จกัน!! ซวยล่ะสิเรา! ทำยังไงดี! ...
 
 

         ไมดัสใช้นิ้วชี้เหนี่ยวไกลปืนอย่างช้าๆ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เรย์รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างเข้ามาในหัวของเขาแล้วบอกให้เขา "หนี!!!" ทันทีที่เสียงปืนดังขึ้นมาเขาก็วิ่งอย่างไม่คิดชีวิตเพื่อออกจากที่โล่งแจ้งนั่น แล้วหนีไปให้เร็วที่สุด พวกชายชุดดำที่เห็นอย่างนั้นแล้วก็ไม่รอช้า รีบวิ่งตามเด็กนักเรียนชุดแดงตรงหน้าของพวกเขาไปหวังจะเอาชีวิตในทันที

         เรย์พยายามจะหาสถานที่ๆจะไปหลบแถวๆย่านชุมชน แต่ว่ามองไปทางไหนก็เห็นมีแต่ต้นไม้กับซากอาคารร้างที่ผุพังอยู่เต็มไปหมด เขาจึงต้องจำใจขึ้นไปยังชั้นบนสุดของตึกร้างแห่งหนึ่งที่ใกล้ที่สุด ใกล้ๆกับที่เขาจากมา 

         เรย์วิ่งอย่างสุดชีวิตเพื่อขึ้นไปให้ถึงชั้นบนสุดของตึกหลังนั้น เมื่อมาถึงก็มองไปยังทิวทัศน์ตรงหน้าที่จากป่ากับซากตึกที่ผุพังไปยังอีกฝั่งหนึ่ง ตรงหน้าของเขานั้นเป็นเมืองใหญ่ที่มีตึกราวบ้านช่องอยู่เต็มไปหมดเรียงรายกันนับไม่ถ้วน เรย์ไม่ค่อยคุ้นกับทิวทัศน์ของที่นี่นัก
         เพราะว่าที่นี่ไม่ใช่เมืองไนท์เบลดที่เขารู้จักแต่เป็นอีกเมืองหนึ่งที่เขารู้สึกว่าจะเป็นเมืองที่ระยะทางห่างจากเมืองไนท์เบลดไปมากๆ ตึกที่มีความสูงถึง 7 ชั้นบนด่านฟ้าที่เรย์ยืนอยู่นั้น ทำให้เขาเห็นแสงระยิบระยับจากตัวเมือง และรูปปั้นอนุสาวรีย์ทรงแท่งสามเหลี่ยมยาวๆ เป็นจุดเด่นของเมืองที่ทำให้เขารู้ว่าเมืองนี้เป็นเมืองที่ถัดจากเมืองไนท์เบลดไปกว่าสี่เมืองมีชื่อว่า บาราคู 




... อะไรกันเนี่ย นี่มันเกิดเรื่องบ้าบออะไรกับชีวิตเราเนีย เรายังมาอยู่เมืองที่ห่างจากไนท์เบลดเป็นหลายร้อยกิโลเมตรได้ยังไงกัน หรือว่าเพราะไอ้เจ้านั่น แล้วเรากำลังจะถูกฆ่า!!...

         ไม่ได้! เราจะมามัวคิดแต่เรื่องไร้สาระอยู่ไม่ได้ สิ่งที่เราต้องทำตอนนี้คือหาทางหนีไปจากที่นี่ให้ได้  ให้ตายสิแล้วเราต้องทำยังไงเนีย!!! พวกนั้นก็มีตั้งเยอะ อาวุธเราก็ไม่มี จะหนีเข้าไปในเมืองก็อีกตั้งไกล ทำไงดี เราจะทำยังไงดี ถึงจะไปจากที่นี่ได้!! ต้องทำยังไง!!! คิดสิเรย์!!! คิดสิ!!! ...
 
 


         เรย์เอามือกุมขมับคิดไม่ตกอยู่นานมากในหัวของเขาเต็มไปด้วยความกังวล ความหวาดกลัว และความสับสนวุ่นวาย แต่เขาก็ต้องสลัดความคิดเหล่านั้นออกไปให้หมดก่อนเพื่อหาทางหนีต่อไป และเรย์ก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะเดินลงไปข้างล่างและจะแอบหนีออกไปถึงแม้ว่ามันจะเป็นไปได้ยากก็ตาม เขาไม่รอช้ารีบวิ่งลงมาจากชั้นบนสุดด้วยความรวดเร็วตามบันไดที่เต็มไปด้วยฝุ่นคลุ้งมากมาย

         แต่เมื่อถึงชั้นที่สี่เขาก็ต้องหยุดวิ่งและรีบหาที่หลบซ่อนตัวอีกครั้ง เพราะว่าเสียงฝีเท้าที่ดังหลายๆครั้งกำลังขึ้นมายังข้างบนที่เข้ากำลังอยู่ เรย์ตัดสินใจไปหลบอยู่ที่ห้องฝั่งตรงกันข้ามของบันได เมื่อเข้ามาได้เรย์ก็มองหาที่ที่เขาคิดว่าน่าจะปลอดภัยสำหรับตัวของเขา

         แล้วเขาก็เจอ ห้องน้ำร้างเล็กๆที่อยู่ท้ายห้องนั้น เรย์ไม่รอช้ารีบเข้าไปหลบในนั้นทันที


         เรย์รู้สึกหวั่นใจอีกครั้ง หัวใจของเขาตกวูปเมื่อเขาได้ยินเสียงฝีเท้าที่กำลังคลืบคลานเข้ามาในห้องนั้น เรย์จำใจคิดแผนตอบโต้โดยเลือกที่จะใช้แผนกองโจรโดยการดักซุ่มโจมตี เป็นกลอุบายที่เขาได้รับความรู้มาจาก พรีแอมและโนบุกะ เพื่อนที่โรงเรียนของเขาในตอนที่เล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ออนไลน์ด้วยกัน แต่ตัวเรย์เองก็ยังไม่แน่ใจว่าความคิดง่ายดายแบบนั้นมันจะได้ผลหรือเปล่า ถ้าเทียบกับชีวิตของเขาแล้วมันก็คุ้มถ้าจะลองเสี่ยงดู

         เขาแฝงกายอยู่ในความมืด หลังพิงกับกระเบื้องเก่าๆข้างหลังประตู รอจังหวะที่ชายชุดดำที่กำลังค่อยๆก้าวเข้าห้องน้ำเข้ามา และเมือถึงเวลาที่เข้าใกล้เรย์มากที่สุดเขาก็จะลากชายชุดดำคนนั้นเข้าไปเผด็จศึกอย่างรวดเร็วที่สุดและเงียบเชียบที่สุด โดยใช้กระเบื้องที่แตกแล้วแทงไปที่คอ แต่ทว่า...
 
 

- ตี๊ดๆๆๆๆๆ -

         เสียงริงโทนโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมาในระหว่างที่เรย์กำลังจะเข้าไปรวบตัวชายชุดดำตรงหน้า เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ชายชุดดำไหวตัวทันและตามมาด้วยกระบอกปืนฟาดเข้าไปที่หน้าของเรย์เต็มๆ
 


         "...เรย์ รับโทรศัพท์สิ! ทำไมไม่รับโทรศัพย์ล่ะ! เกิดอะไรขึ้นกับเธอเรย์!..."
         หลินที่นั่งอยู่ให้ห้องเรียนที่โรงเรียนไนท์เบลดบ่นในใจพร้อมกับกำโทรศัพย์แน่นด้วยความเป็นห่วง นัยน์ตาสั่นระริกพร้อมกับน้ำตาไหลที่เอ่อล้นออกมาด้วยความเป็นห่วงเพื่อนคนสนิทของเธอ
 
 
 
 
 
        ตอนนี้เรย์ถูกชายชุดดำลากตัวออกมาจากห้องน้ำที่เขาใช้เป็นที่หลบซ่อนตัวเมื่อกี้ และไม่นานเขาถูกไมดัสถีบเข้าไปท้องน้อยกระเด็นไปจนหลังของเรย์กระแทกกับกับฝาผนังอย่างไร้ซึ่งทางหนี ปากกระบอกปืนจ่อตรงมายังคนที่กำลังทรุดตัวลงนั่ง ร่างกายกำลังสั่นไปหมดด้วยความกลัว เพราะว่าเขาไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว
 
       "ฮ่าๆๆ คิดจะสู้กับคนที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีนะเหรอ มันยังเร็วไปอีกสิบปีนะไอ้หนู" ว่าแล้วไมดัสก็หวดกำปั้นเข้าไปที่หน้าของเรย์หนึ่งทีแรงๆ จนหน้าของเรย์ฟุบไปกับพื้น

       "อย่าบอกนะว่าที่แกแอบตามพวกเรามาก็เพราะแกมาทวงของๆชาวแกคืน" ไมดัสพูดพร้อมกับใช้มือตบไปที่โหลแก้วเบาๆ เรย์ค่อยๆใช้แขนยันตัวเองขึ้นมาพร้อมกับปาดเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปาก มือสองข้างกำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจ
 
       "หน๊อยยยยย.....ทำไมพวกแกถึงต้องขโมยแหวนนั้นไปด้วย พวกแกจะทำอะไรกันแน่!!!..." แม้จะมีความกลัว แต่เรย์เองก็ยังอยากจะปกป้องแหวนวงนั้นไว้
 
       "สงสัยอย่างงั้นเหรอเจ้าหนู งั้นฉันก็จะบอกแกให้รู้เอาไว้ก่อนตายก็แล้วกัน..." รอยยิ้มหยันที่ดูน่ารังเกียจปรากฏจากคนตรงหน้าของเรย์
 
       "ก็เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ยังไงล่ะ ถึงเวลาของยุคสมัยที่ท่านจักรพรรดิจะได้ฟื้นขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกนี้อีกครั้ง พลังแห่งเทพเจ้าจะช่วยถอนคำสาบของท่าน และเมื่อท่านฟื้นขึ้นมา พวกเราเหล่าสาวกอันดูริลก็พร้อมจะทำสงคราม และเมื่อถึงตอนนั้นจะไม่มีอะไรหยุดพวกเราได้อีกต่อไป..." 
 
       "...เพื่อให้จักรพรรดิฟื้นคืนชีพ! นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!! อย่าบอกนะว่า โลงศพนั่น!..."
 
       "ถูกต้องแล้ว วิญญาณขององค์จักรพรรดิหลับใหลอยู่ในนั้นนั่นแหละ กว่าจะหาท่านพบได้นี่ก็เลือดตาแทบกระเด็นเหมือนกัน แต่ที่ยากไปกว่านั้นคือจะต้องใช้พลังแห่งแหวนนี่ในการฟื้นคืนชีพขึ้นมา นี่เป็นแผนการเล็กๆซึ่งมันเป็นความลับที่เราให้ใครรู้ไม่ได้เป็นอันขาดด้วยล่ะ เพราะอย่างนั้นแกถึงต้องตายยังไงล่ะ!!..."
 
       เมื่อสิ้นเสียงไมดัสเริ่มเอานิ้วมือเข้าโก่งไกลแห่งมัจจุราชอีกครั้ง เรย์ขบฟันแน่นและกำหมัดที่เปื้อนเลือดนั่นด้วยความเจ็บใจที่เขาทำอะไรไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ร่างกายขยับไปไหนไม่ได้ แม้ไม่ได้ถูกล่ามโซ่หรือถูกล๊อคอะไรไว้ก็ตาม

       "เอาละ! ทีนี้ฉันจะได้สะสางเรื่องราวให้หมดสักที บอกลาโลกนี้ได้แล้วพ่อหนุ่มชาวไนท์เบลด.." ไมดัสเตรียมเหนี่ยวไกลกำลังจะยิงกระสุนออกมาแล้ว
 
 


... เรามาได้แค่นี้เหรอ ชีวิตของเราต้องมาจบเพียงแค่นี้เองเหรอ โดยที่เรายังไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วก็ตายไปง่ายๆแบบนี้น่ะเหรอ!!!! ... 
 
 
หัวใจของเรย์เต้นแรงระรัวจนร่างกายรับรู้ทุกจังหวะของการเต้น จิตใจของเรย์กำลังอ้อนวอนและภาวะนา ครั้งสุดท้าย...
 
 
... พลัง!!! ขอแค่มีพลัง พลังที่จะทำให้หนีออกไปจากที่นี่ พลังที่จะชนะทุกๆสิ่ง พลังที่จะเปลี่ยนแปลงโลก!!!!!!!!!! ...
 
 


- เปรี่ยง!!! เพล้งงงงง!!! - 
เรย์หลับตาปี๋ หัวใจตกวูป ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นคือภาพของกระสุนที่กำลังพุ่งเข้ามาหาอย่างช้าๆ แต่ว่าตอนนี้ทำไมเขารู้สึกว่าร่างกายของเขามันอบอุ่นผิดปกติ




         เมื่อเรย์ลืมตาดู เรื่องที่แสนประหลาดได้เกิดขึ้นตรงหน้าของเขา รอบๆตัวของเรย์ตอนนี้เต็มไปด้วยออร่าสีแดง กระสุนที่น่าจะเจาะเข้าไปที่หัวกะโหลกของเขาแล้ว กลับมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขา เรย์ละสายตาจากกระสุนไปยังสิ่งของสิ่งหนึ่งที่ลอยอยู่ตรงหน้าของเขา นั่นคือ แหวน

         แหวนที่น่าจะอยู่ที่โถแก้วแต่กลับมาลอยอยู่ตรงหน้าของเขา เรย์ไม่คิดอะไรทั้งนั้นแล้ว รีบคว้าแหวนที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับสวมไปที่นิ้วของเขาทันที...
 
 
 
- วี๊.... -
 
 
... นายอยากได้พลังอย่างงั้นเหรอ งั้นเราก็จะมอบให้ แต่ว่านายจะต้องยอมรับเงื่อนไขของเราอย่างหนึ่งเพื่อเป็นการเเลกเปลี่ยน หลังจากที่นายได้พลังของเราไป นายจะต้องเจอกับสิ่งเลวร้ายอีกมากมาย ความชั่วร้าย สงคราม การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ความอิจฉาริษยา และนายจะต้องมีชะตากรรมที่เปลี่ยนไป วิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป ความเป็นอยู่ที่เปลี่ยนไป ความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัดจะทำให้นายเดียวดาย ...
 
 
         ภาพในหัวของเขาเต็มไปด้วยความทรงจำต่างๆ ภาพที่เขากำลังเล่นกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งในสมัยเด็กๆ ภาพที่เขาอยู่ในชั้นเรียนในตอนที่เขากำลังตอบคำถามของอาจารย์ เรื่องที่เขากำลังเล่นดนตรีอยู่ในห้องซ้อมของชมรมดนตรี หรือเล่นบาสฯกับเพื่อนๆที่โรงยิม แม้กระทั่งที่กำลังทำเรื่องที่น่าสนุกกับบรรดาเหล่าสภานักเรียนของเขา สิ่งเหล่านั้นเต็มไปด้วยความทรงจำที่มีแต่รอยยิ้มอย่างมีความสุข
 

        "เรื่องแบบนี้ มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วเหรอ..." 
 
... นั่นเป็นสิ่งที่นายต้องเลือกเอง ว่ายังไงล่ะ ...
 
        "...ย่อมได้ ฉันของยอมรับพันธะสัญญานั่น!!!!"
 
 
- วี้..... -
 
 
 

         "เอาล่ะหมดเวลาเล่นสนุกกันแล้วไปกันได้แล้วล่ะ..." ไมดัสนำปืนเก็บใส่กระเป๋าและกำลังจะเดินจากไป
 
         "นี่..."
 
         "หา!!!!..."
 
 
 
         เพราะเสียงจากนักเรียนหนุ่มตรงหน้าของพวกเขาที่น่าจะถูกยิงเข้าที่หัวไปแล้วกลับดังขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้พวกเขาทั้งหลายต้องรีบชักปืนที่อยู่ข้างลำตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว สายตาทุกคู่จับจ้องอยู่ที่นักเรียนชุดสีแดง แสงสว่างสาดส่องลงมายังร่างของชายหนุ่มคนนั้น นัยน์ตาของพวกเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นร่างที่ค่อยๆลุกขึ้นยืนขึ้นอีกครั้งหนึ่ง มือขวาของเขากุมหน้าผากเพื่อปิดตาทั้งสองข้างเอาไว้

         "ทำไมแกถึงยังไม่ตาย!!!...." ไมดัสถามคนตรงหน้าของเขาด้วยน้ำเสียงที่ตกใจอย่างมาก

         "ฉันอาจจะยังมีคำถามที่ยังไม่ได้ถามแกก่อนจะตายก็ได้ล่ะมั้ง..." น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปมากจากเมื่อกี้ นักเรียนหนุ่มแห่งไนท์เบลดที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวในตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว

         "คำถามอย่างงั้นเหรอเหรอ?!..." สิ้นเสียงที่เต็มไปด้วยคำถามของไมดัส พวกชายชุดดำเองก็หันไปมองหน้ากันด้วยความไม่เข้าใจกับพฤติกรรมของเรยในตอนนี้
 

         "...ถ้าหากว่าโลกนี้ถูกปกครองจากกองทัพมืดจริงๆแล้ว พวกแกจะทำยังไงให้โลกใบนี้อยู่อย่างสันติสุข..."
 

        "...สันติสุขเหรอ เรื่องนั้นไม่เห็นจะยากอะไรเลย คนอ่อนแอกว่าต้องถูกปกครองด้วยคนที่มีพลังมากกว่าอยูแล้ว มันเป็นเรื่องที่นายก็น่าจะคิดได้นะ ปลาใหญ่ย่อมต้องกินปลาเล็กอยู่แล้วนั่นมันคือกฏของโลก ไม่ใช่สิ นั่นมันคือกฏของอวกาศ เป็นกฏที่ไร้ข้อกังขาใดๆ"
 
        "งั้นเหรอ.. ถ้ากฏบ้าๆแบบนั้นพวกนายเอามาใช้จริงๆละก็โลกคง ไม่สิ อวกาศที่แกพูดถึงก็คงสูญสิ้นไปเพราะพวกแกแน่ๆ"
 
        "ว่ายังไงนะ!!!... เออะ!!!.." ไมดัสตวาดลั่น นัยน์ตาของไมดัสสั่นระริกไปด้วยความกลัว 
 
 
         สายตาของไมดัสจ้องมองลึกลงไปยังความมืดภายใต้มือข้างขวาของเขาที่ปกปิดเอาไว้ และเหลือบมามองที่นิ้วกลางข้างขวาของเขา ที่ตอนนี้มีแหวนสีแดงสวมอยู่ที่นิ้ว ซึ่งซากฟอสซิลที่เคยติดอยู่ที่แหวนในตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว กลายเป็นแหวนสีเงินเงาวาววับ ตรงกลางมีเพชรสีแดงอัดกรอบคล้ายๆกับปีกนกสีเงิน แสงแดดกระทบกับเพชรสีแดงส่องแสงระยิบระยับไปทั่ว
 
         "หรือว่า!...นี่แก!..." เสียงร้องด้วยความตกใจของไมดัส ซึ่งก็ไม่ต่างกับลูกน้องของเขาอีกนับสิบคนที่เห็นภาพเดียวกัน
 
         "เป็นอะไรไปล่ะ ไม่ยิงมารึไง อีกฝ่ายเป็นแค่นักเรียนนะ หรือพวกแกคิดอย่างเดียวว่า คนที่จะถูกแกยิง!... จะต้องเป็นคนที่อ่อนแอกว่าตัวเองเท่านั้น!!!!!!" เรย์สะบัดมือออก พวกชายชุดดำก็ร้องขึ้นมาด้วยความตกใจทันที 


         นัยน์ตาที่เคยเป็นสีดำของชายที่อยู่ตรงหน้าเปลี่ยนสีกลายเป็นสีแดง แววตาที่ดูเอาจริงเอาจังผิดจากเมื่อกี้อย่างลิบลับเป็นสัญญาณให้พวกคนที่อยู่ตรงหน้ารู้ว่า เด็กหนุ่มคนนี้เขาพร้อมที่จะต่อสู้แล้ว
 
         

        "ยิง!!!! ยิง!!!!"
 


         ไมดัสสั่งลูกน้องของตัวเองยิงปืน พวกเขารัวกระสุนกันอย่างไม่ยั้งมือ ห่ากระสุนของพวกเขาพุ่งไปยังคนตรงหน้าด้วยความเร็ว แต่ในขณะนั้นเองพวกเขาก็ต้องเจอเรื่องที่อาจจะทำให้เขาคิดว่าการกระทำแบบนี้เป็นเรื่องที่เปล่าประโยชน์ เพราะว่าตอนนี้กระสุนตรงของพวกเขาหยุดอยู่ตรงหน้าฝ่ามือของเรย และเมื่อเรยลดมือลง กระสุนที่เรียงรายอยู่บนอากาศหน้าฝ่ามือของเรย์นั้นร่วงกราวราวกับว่าพวกมันหมดเรี่ยวแรง
 
         เรย์จ้องหน้าเขม่งมาทางพวกไมดัสทั้งหมด ด้วยดวงตาที่เปลี่ยนเป็นสีแดงประดุจเพลิงแห่งความตายที่กำลังเริงระบำไปด้วยความโกรธเกรียว เขาค่อยๆยางก้าวสามขุมเข้ามาหาพวกชายชุดดำอย่างช้าๆ ชายชุดดำคนหนึ่งไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปพร้อมกับกำหมัดขึ้นมาหวังจะใช้กำลังทำร้ายคนที่กำลังยืนอยู่นิ่งๆโดยไม่คิดที่จะหนี

         แต่ทว่าผลลัพธ์ที่ได้ไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง ก่อนที่จะถึงตัว เรย์เขาจับแขนของชายชุดดำคนนั้นอย่างรวดเร็วแล้วเหวี่ยงข้ามหัวของเขาไปราวกับว่าเขาโยนของอะไรบางอย่างไปข้างหลัง ชายชุดดำคนนั้นพุ่งไปที่กำแพงอย่างรวดเร็วราวกับจรวด และปะทะเข้ากับกำแพงจนปูนร้าวเป็นรอยแตกขนาดใหญ่
 
         ส่วนพวกชายชุดดำที่เหลือก็ไม่รอช้ารีบตรงเข้าไปหาเรยพร้อมกันหมดทุกคน แต่การเคลื่อนไหวของเรย์นั้นรวดเร็วมากชนิดสายตาของมนุษย์ธรรมดานั้นมองเห็นเพียงแค่เงาสุดท้ายที่เขาได้ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามเหวี่ยงหมัดชกไปยังไงก็ถูกเรย์หลบได้หมด แล้วสวนกลับด้วยหมัดของเขาจนผลัดกันปลิวไปคนละทิศคนละทาง... 
 
 
- โป้งงงงงงง -
 
 
         เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วพื้นที่นั้น ไมดัสยิงปืนไปที่ขมับของเรยเข้าอย่างจัง ในขณะที่เรยกำลังมีสมาธิอยู่กับพวกชายชุดดำสี่ห้าคนนั้น แต่ว่าสิ่งที่น่ากลัวกำลังจะเกิดขึ้นในเวลาถัดมานั่นเอง เรยค่อยๆเอียงคอกลับมาที่เก่า หลังจากที่โดนยิงเข้าที่หัวอย่างแรงจนหัวเอียงหันไปทางตรงกันข้าม

         ภาพที่ไม่ดัสเห็นตรงหน้าคือกระสุนที่เขาพึ่งยิงออกไป จนฝังเข้าไปในขมับของเรยค่อยๆไหลออกจากขมับอย่างช้าๆจนมันร่วงลงไป แววตาสีแดงเพลิงคู่เดิมจ้องเขม่งมาที่ไมดัสอย่างไม่ละสายตา
         ไมดัสมือที่ถือปืนของตัวเองอย่างสั่นระริกไปหมดเหมือนคนพึ่งขึ้นมาจากน้ำเย็นใหม่ๆ ตอนนี้ชายหนุ่มชุดสีแดงเพลิงไม่ต่างอะไรกับราชสีห์ที่กำลังจะเขมือบเหยื่อตรงหน้า เสียงร้องที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของไมดัสดังอย่างต่อเนื้องไม่หยุด ก่อนจะถูกปิดปากด้วยหมัดของเรยอย่างแรงจนกระเด็นทะลุกำแพงแล้วตกลงไปยังพื้นดินข้างล่าง แล้วปิดฉากด้วยลูกเตะเขาไปที่หน้าของพวกชายชุดดำที่เหลืออย่างแรงจนเรยได้ยินเสียงดังกร๊อบ แต่เขาไม่ไม่ได้ใส่ใจว่ามันเป็นเสียงอะไร

          
         นัยน์ตาเปลี่ยนสีกลายเป็นสีดำ เรย์รู้สึกโล่งใจอย่างที่สุดที่เขาสามารถผ่านช่วงเวลาเเห่งความตายนั้นออกมาได้ เขารู้สึกถึงร่างกายที่อ่อนเพลียจนเขาต้องการหาน้ำดื่มสักแก้ว
         เมื่อเรย์เริ่มมองไปรอบๆเขาจึงนึกได้ว่าพึ่งผ่านการต่อสู้มาหมาดๆ โดยขณะนี้เขายืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มชายชุดดำที่ไม่มีวี่แววที่จะลุกขึ้นมาได้อีกครั้งหนึ่ง สายเลือดมากมายที่ไหลมาจากชายชุดดำล้อมรอบตัวของเรย์ไปทั่ว แววตาของเขาสั่นระรึก เขารู้สึกตกใจมากกับภาพตรงหน้าจนเขาต้องรีบวิ่งออกไปจากที่นั่นและรีบตรงไปที่เมืองใหญ่ทันที
 
 

... นับจากวันนั้น ชะตากรรมของเด็กหนุ่มคนหนึ่งก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ถึงแม้ว่า จิตใจของเขาจะยอมรับมันไม่ได้ก็ตาม ...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา