[Saint Omega]For you or me ?

7.0

เขียนโดย MeiaR

วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 22.59 น.

  15 บท
  2 วิจารณ์
  22.56K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 มีนาคม พ.ศ. 2558 22.58 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

9) ทางเลือกของเอเดน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

            นามของเขาคือเซนต์โอไรอ้อน เอเดนแต่ทว่าก่อนที่เขาจะเป็นเซนต์โอไรอ้อน เขาคือเอเดน บุตรชายของมารส์ผู้เป็นศัตรูของเทพีการศึกอาเธน่า แต่เดิมเขาต่อสู้ตามความประสงค์ของผู้เป็นบิดาและเพื่อสร้างโลกใหม่ที่จะปลดปล่อยอาเรียจากพันธนาการทั้งปวง

                อาเรีย เด็กสาวตัวเล็กๆผู้ซึ่งถูกอุปโลกน์มาเพื่อเป็นเทพีการศึกคนใหม่เพียงเพราะว่าเธอมีพลังคอสโมแห่งแสงมหาศาล ไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะความผูกพันตั้งแต่เยาว์วัยหรือความสงสารที่เห็นว่าเธอถูกกักขังเอาไว้แต่เขาก็หลงรักเธอ บางทีอาจเพราะทุกครั้งที่ได้พบกันเธอจะมีสีหน้าเศร้าหมองอยู่ตลอดเวลาเขาจึงอยากให้เธอยิ้มก็เป็นได้

                เขารู้มาตลอดว่าบิดาใช้คนที่เขารักเป็นเพียงเครื่องมือแต่เขาก็ไม่อาจขัดขืนผู้เป็นพ่อได้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้มีเพียงการปกป้องเธอจากคนอื่นเท่านั้นโดยหวังเพียงว่าเมื่อโลกใหม่ถือกำเนิดขึ้นเธอจะสามารถยิ้มและหัวเราะได้เท่านั้นเอง แต่แล้วเธอกลับถูกพรากไปจากเขา

                ผู้ที่พาเธอไปคือเซนต์เพกาซัส โคกะเด็กหนุ่มอวดดีที่อายุน้อยกว่าเขาไม่มาก ตอนที่รู้เขาโกรธจนแทบคลั่งและรีบรุดไปพาเธอกลับมาซึ่งมันก็ไมได้ยากเย็นอะไรเลย ในเมื่อเซนต์เพกาซัสนั้นด้อยฝีมือจนน่าหัวเราะหากแต่เขากลับไม่เคยคิดเลยว่านั่นจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องสูญเสียเธอไปตลอดกาล

                เธอรับรู้มาตลอดว่าเขารู้สึกอย่างไรกับเธอซ้ำยังรู้ด้วยว่าเขาปฏิเสธเธอไม่ได้ดังนั้นเธอจึงได้ขอให้เขาไว้ชีวิตเพกาซัสซึ่งเขาก็ยอมทำตาม ต่อมาหลังจากนั้นไม่นานระหว่างที่ปะทะกับพวกเพกาซัสอีกครั้งอาเรียก็ถูกบิดาของเขาสังหารต่อหน้าต่อตาเขา

            วินาทีนั้นเขารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังทลายลงมาไม่มีผิด เขาได้แต่ร้องเรียกเธอโดยไม่อาจได้กระทำแม้แต่ยื่นมือไปสัมผัสเธอเป็นครั้งสุดท้ายหรือกระทั่งโอกาสที่จะได้พูดความในใจกับเธอ

                อาเรียเลือกที่จะยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับเพกาซัสเธอถึงต้องตาย เขาไม่ได้คิดจะโทษใครแต่มันคือความเป็นจริงซึ่งทำให้เขาเจ็บเจียนตายเพราะว่าเพกาซัสได้ยืนอยู่ข้างๆเธอแต่กลับปกป้องเธอไม่ได้ เขาอดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากเขายืนอยู่ตรงนั้นเธอก็คงไม่ตาย

                เมื่อสูญเสียเธอไปเขาก็ไม่รู้ว่าตนเองควรจะหันหน้าไปทางไหนดี เขาต่อสู้เพราะอยากให้เธอยิ้มแต่เมื่อเธอไม่อยู่แล้วจะให้เขาทำอย่างไรต่อไป จะให้เขายืนหยัดบนโลกที่ไม่มีเธองั้นหรือ

                เขาเคยคิดว่าตนเองคงไม่ได้รับคำตอบแต่มันก็ไม่ใช่แบบนั้น อาเรียมาหาเขาและแสดงให้เห็นว่าแท้จริงแล้วเธอต้องการอะไร เบื้องหน้าของเขาคือผืนแผ่นดินซึ่งเต็มไปด้วยมวลดอกไม้และธรรมชาติอันแสนงดงาม เขาเห็นเธอวิ่งไปมาท่ามกลางธรรมชาติเหล่านั้นและหัวเราะอย่างมีความสุข

                อา...มันเป็นเช่นนี้เองงั้นหรือ

                เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของเธอเขาถึงได้เข้าใจว่าสิ่งที่เขาทำมันเป็นเพียงแค่การยัดเยียดความต้องการของตัวเองไปให้กับเธอเท่านั้นเอง เธอไม่ได้ต้องการโลกใบใหม่หรือสรวงสวรรค์ใดๆ สิ่งที่อาเรียต้องการมีเพียงแค่โลกใบเดิมที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของผู้คนมากมาย

                เขารู้แล้วว่าเพกาซัส โคกะไม่ได้พรากอาเรียไปจากเขาแต่เพกาซัสช่วยพาเธอออกจากความทุกข์ทรมานต่างหาก มิเช่นนั้นตอนนี้แม้เธอจะยังมีชีวิตอยู่เธอก็คงยังต้องร้องไห้อยู่เช่นเดิม เพราะฉะนั้นคราวนี้เขาจะต่อสู้เพื่อปกป้องโลกที่อาเรียรักใบนี้เอาไว้ให้ได้รวมไปถึงการปกป้องผู้คนที่เธอรักเช่นเดียวกัน

 

            เมื่อทุกอย่างจบลงเขาถูกอาเธน่าเชื้อเชิญให้มาพักรักษาตัวที่แซงค์ทัวรี่ซึ่งเขาก็ตอบตกลง เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่คิดจะอยู่ที่นี่นานอยู่แล้ว เขาเป็นบุตรชายของศัตรูคนสำคัญ คนที่ไม่ชอบหน้าเขาก็คงมีไม่น้อยเลยดังนั้นการที่ได้เพกาซัส โคกะมาเป็นเพื่อนร่วมห้องก็ถือเป็นเรื่องดี

                เพกาซัส โคกะอาจเป็นหนึ่งในเซนต์ไม่กี่คนที่ยอมรับในตัวเขาและไม่ได้มองเขาด้วยสายตาอคติเฉกเช่นคนอื่น เพียงแต่ว่าเขาสองคนเองก็ไม่ได้สนิทสนมกันถึงขนาดมาพูดคุยเล่นด้วยกันได้รวมถึงมันไม่ใช่นิสัยของเขาด้วย บางครั้งเพกาซัสก็ชวนเขาคุยซึ่งเขาก็แค่ตอบไปตามความเหมาะสมพอเป็นมารยาทเท่านั้น

                ความสัมพันธ์ของเขากับเพกาซัสก็เป็นเพียงแค่สหายร่วมศึกไม่ได้มีอะไรมากน้อยไปกว่านั้น เขาคิดกับอีกฝ่ายแบบนั้นจริงๆและคิดว่ามันคงจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป ทว่าเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นได้เปลี่ยนแปลงทุกอย่างไปจนหมดสิ้น

                เอเดนจำได้ว่าคืนนั้นเป็นคืนที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆครึ้มบดบังแสงจันทร์จนแทบมองไม่เห็น ขณะที่นอนอยู่เขากลับได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นในกลางดึกที่ควรจะเงียบสงัด ทีแรกเขาคิดว่าตัวเองกำลังฝันอยู่แต่มันกลับไม่ใช่ดังที่คิดเมื่อเสียงหนึ่งที่ว่าดังขึ้นเรื่อยๆ

                ยกโทษให้ไม่ได้...ยกโทษให้ไม่ได้.....

                เสียงนั้นเต็มไปด้วยความอาฆาตมาดร้ายและแฝงไปด้วยความเย็นเยียบจนเสียดแทงหัวใจ ทั้งยังกล่าวซ้ำไปมาคล้ายกับม้วนเทปซึ่งถูกเล่นซ้ำแล้วซ้ำอีก เขารู้สึกว่าเคยได้ยินเสียงนี้ที่ไหนมาก่อนแต่กลับนึกไม่ออกและในตอนนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

                ช่วย....ด้วย......

                เสียงในคราวนี้ทั้งแผ่วเบาและขาดหายราวกับผู้ที่กำลังจะสิ้นใจแต่ไม่ว่ามันจะแผ่วเบาแค่ไหนนี่ก็คือเสียงที่เขาไม่มีวันลืมเพราะมันคือเสียงของเธอคนที่สำคัญที่สุดของเขา เอเดนพยายามจะร้องเรียกแต่ปากของเขากลับไม่ขยับเหมือนถูกเย็บเอาไว้ทำให้เขาได้แต่ทนฟังเสียงสะอื้นไห้ที่ร้องพยายามร้องขอให้เขาช่วยสุดชีวิต

                ช่วยด้วย....เอเดน....

                พริบตาที่ได้ยินชื่อของตนเองตัวเขาก็ถูกผลักออกจากห้วงแห่งความมืดนั้นและลืมตาตื่นมาพบว่าเขากำลังนอนอยู่บนเตียงในห้องของตัวเอง ทว่าถึงแม้เขาจะลืมตาตื่นแล้วเสียงร้องไห้ที่ขอให้เขาช่วยยังดังก้องอยู่ในหูและบีบรัดหัวใจเขาจนเจ็บ เอเดนยกมือขึ้นวางบนอกตัวเองแล้วเอ่ยเรียกชื่อของเธอ

                “อาเรีย”

                มันเกิดอะไรขึ้น? เรื่องเมื่อครู่มันดูเป็นความฝันมากกว่าเป็นความจริงแต่เขาไม่มีทางเชื่อว่ามันเป็นความฝัน แม้มันจะน่าเหลือเชื่อแค่ไหนแต่เขาก็รู้ว่าอาเรียมาหาเขาและเธอกำลังร้องขอให้ช่วย

                เอเดน...

                เสียงของอาเรียดังขึ้นอีกครั้งราวกับจะตอบรับความรู้สึกของเขา ชายหนุ่มลุกจากเตียงแลพพยายามมองหาเค้าร่างของเธอแต่ก็ไม่พบขณะที่เสียงของอาเรียกำลังดังขึ้นเรื่อยๆจนเขาเริ่มรู้ทิศทางของเสียงซึ่งเหมือนดังมาจากที่ไกลๆสักแห่งเอเดนจึงตัดสินใจเดินออกจากห้องไปทันที

 

            ข้างนอกมืดสนิททั้งยังมีสายลมชื้นๆชวนให้หนาวสั่นพัดไปมาประกอบกับเสียงครืนลั่นของท้องฟ้าแต่เอเดนก็ยังออกเดินไปข้างหน้าเพื่อตามหาเจ้าของเสียงเรียกที่กำลังร้องไห้อยู่ เอเดนเดินออกมาเรื่อยๆจนกระทั่งมาถึงลานฝึกซ้อมเก่าที่ดูท่าทางจะไม่ได้ใช้แล้วเพราะมีเศษหินและซากผุพังถูกทิ้งเอาไว้อยู่อย่างเด่นชัด

                “อาเรีย”เขาลองส่งเสียงเรียกและสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เบื้องหน้าของเขาบังเกิดแสงสว่างที่ค่อยๆรวมตัวกันจนมีรูปร่างคล้ายเด็กสาวตัวเล็กบอบบาง เสียงร้องไห้ของเธอดังชัดเจนขึ้นทุกขณะที่เรือนร่างนั้นดูคล้ายกับมนุษย์มากขึ้นทุกทีจวบจนกระทั่งใบหน้าอ่อนหวานที่เขาอยากพบมาตลอดได้ปรากฏขึ้นมาพร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลริน

                เด็กสาวในชุดกระโปรงสีขาวบริสุทธิ์แลดูบอบบางยืนอยู่ตรงหน้าเขาและหันมามองด้วยสีหน้าเป็นทุกข์อย่างที่สุด ริมฝีปากบางขยับแต่เสียงกลับแผ่วเบาจนเกินกว่าจะได้ยินชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปหาเธอโดยที่ไม่ยอมละสายตาไปจากเธอแม้แต่วินาทีเดียว

                “เธอร้องไห้ทำไม”เขาถามอย่างนึกเป็นห่วงและเจ็บปวดใจในคราวเดียวกันที่ยังต้องมาเห็นเธอหลั่งน้ำตาแบบนี้ พอโดนถามอาเรียก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้นไปอีก

                “ช...ช่วยด้วย...”

                อาเรียเอ่ยถ้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นก่อนจะโผเข้ากอดเขา แม้จะไม่มีร่างกายแต่เอเดนกลับรับรู้ว่าตัวเธอกำลังสั่นเทาเพราะการร้องไห้และโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดชายหนุ่มก็โอบกอดเธอเอาไว้ทันที เด็กสาวยังคงร้องไห้อยู่อีกครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มพูดอีกครั้ง

                “ช่วยด้วย เอเดนได้โปรด.....ช่วยโคกะด้วย...”

                วินาทีนั้นชายหนุ่มก็ถึงกับตกตะลึงกับคำพูดอันไม่คาดฝันของเธอและไม่เข้าใจด้วยว่ามันหมายความว่าอย่างไร ในเวลานี้ทุกอย่างจบลงแล้วมันไม่ควรจะมีเหตุร้ายอะไรมิใช่หรือ แต่ท่าทางของอาเรียกลับบ่งบอกว่ามันต้องเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างที่สุด

                “มันเกิดอะไรขึ้น”เขาถามพลางลูบผมปลอบให้เธอใจเย็นลง

                “โคกะกำลังจะตาย”

                คำพูดของเธอทำให้สมองของเขาหยุดนิ่งไปในทันที หากเป็นคนอื่นพูดเขาคงไม่มีวันเชื่อในเมื่อคนที่กำลังจะตายที่เธอว่าคือเพกาซัส โคกะซึ่งถือได้ว่าเป็นวีรบุรุษคนนั้นและยังเป็นคนที่เขาเห็นว่ายังสบายดีจนกระทั่งก่อนที่เขาจะออกมาเมื่อครู่นี้  ดูเหมือนอาเรียจะรับรู้ถึงความคับข้องใจของชายหนุ่มเธอจึงพูดอธิบายต่อ

                “เขาจะถูกฆ่า....ไม่มีเวลาอีกแล้ว.....”

                เมื่อพูดจบเธอก็หายไปราวกับว่าได้ใช้พลังกับการพูดประโยคเมื่อครู่จนหมดสิ้นไปแล้วเหลือทิ้งไว้แต่เพียงเอเดนที่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นเพียงผู้เดียว

                อาเรียมาหาเขาเพื่อขอให้ช่วยโคกะและเธอก็หายไปอีกครั้งโดยที่เขายังไม่อาจทำความเข้าใจกับสิ่งใดได้แม้แต่อย่างเดียว ทั้งที่ทุกอย่างจบลงแล้วเธอควรจะยิ้มมิใช่หรือแต่ทำไมเขายังคงต้องมาเห็นเธอร้องไห้อีกครั้งด้วย กระทั่งแค่ปลอบเธอให้หยุดร้องไห้เขาก็ยังทำไม่ได้...

            แกรก...

                เขาได้ยินเสียงเหมือนใบไม้ถูกเหยียบทีแรกชายหนุ่มรู้สึกตกใจที่ไม่รู้ตัวว่ามีคนตามมาด้วยแต่เขาก็ไม่รู้สึกถึงรังสีมุ่งร้ายใดๆจึงทำเพียงแค่หันกลับไปและก็ได้พบกับเพกาซัส โคกะที่กำลังเดินเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

                เพกาซัส โคกะคือม้าพยศที่แสนดื้อรั้นยอมเชื่อฟังแต่เพียงอาธีน่าเท่านั้น แววตาดื้อรั้นสีน้ำตาลนั้นเปรียบเสมือนเอกลักษณ์ของเด็กหนุ่มไปแล้ว หากแต่ในตอนนี้เขากลับไม่พบกับความดื้อรั้นในดวงตาคู่นั้น สิ่งที่เขาเห็นคือเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เดินมาหาเขาพร้อมกับยื่นมือมาหาด้วยดวงตาที่เหมือนกับจะสงสารเห็นใจ เอเดนจับจ้องไปยังริมฝีปากบางที่ขยับคล้ายจะพูดอะไรสักอย่างแต่แล้วกลับต้องเบิกตากว้างเมื่อภาพตรงหน้ากลับแปรเปลี่ยนกระทันหัน

                ใบหน้าหวานของเด็กหนุ่มถูกความมืดย้อมจนเป็นสีดำสนิทไว้เว้นแม้กระทั่งตาขาวเหลือแต่เพียงแก้วตาที่กลายเป็นสีแดงราวกับโลหิตและที่สำคัญกว่านั้นเขาเห็นเงาสีดำรูปร่างคล้ายคนกำลังใช้มือแทงเข้าไปในอกข้างซ้ายของเด็กหนุ่ม สิ่งที่คล้ายจะเป็นดวงตาสีโลหิตของเงาดำขยับเป็นเส้นโค้งเหมือนกำลังแสยะยิ้มอย่างน่ารังเกียจ

                “เพกาซัส!”เอเดนร้องเรียกพร้อมกับวิ่งเข้าไปหาโคกะ แต่แล้วดวงตาคู่โตกลับปิดลงพร้อมร่างที่ทรุดลงกับพื้นเร็วเกินกว่าที่เขาจะวิ่งเข้าไปประคองเอาไว้วินาทีที่โคกะล้มลงเงาสีดำก็ขยายร่างขึ้นแล้วส่งเสียงหัวเราะแหลมสูงออกมาทำให้บัดนี้เอเดนเข้าใจคำพูดของอาเรียอย่างแจ่มแจ้งแล้ว ชายหนุ่มกัดฟันด้วยความโมโหก่อนจะคำรามออกมา

                “แกยังอยู่งั้นเหรอ อาพุส!”เทพแห่งความมืดซึ่งไม่ต่างกับปีศาจร้ายที่เป็นสาเหตุให้อาเรียต้องตาย ทั้งที่อาเรียใช้พลังเฮือกสุดท้ายกำจัดมันไปแล้วแต่ทว่ามันกลับยังคงอยู่

                “ขอเพียงในใจของเพกาซัสมีความมืดเหลืออยู่ข้าย่อมสามารถคืนชีพได้อยู่แล้ว”อาพุสกล่าวพร้อมกับยื่นมือลงไปจับยังลำคอของโคกะที่หมดสติอยู่แล้วยกร่างนั้นลอยขึ้นในอากาศ

                “ที่เหลือก็แค่ฆ่ามันให้สาสมกับที่มันทำกับข้า”สิ้นเสียงนั้นเล็บในมือของอาพุสก็งอกยาวออกมาเป็นกรงเล็บที่พร้อมจะบดขยี้ลำคอบอบบางของโคกะ

            “หยุดนะ!”ชายหนุ่มร้องห้ามพร้อมกับวิ่งเข้าไปหาโคกะที่สลบไม่ได้สติอยู่แต่ก็ไม่มีทางเร็วไปกว่ามือของอาพุสที่กำรอบคำไว้อยู่ เทพแห่งความมืดออกแรงบีบส่งผลให้ใบหน้าหวานฉายแววทุกข์ทรมานออกมาแต่กลับยังไม่ได้สติเช่นเดิม

                “เจ้าห้ามข้าไม่ได้หรอกโอไรอ้อน”อาพุสยิ้มเยาะกับท่าทางของเอเดนที่หยุดนิ่งอยู่ต่อหน้าตนเอง เอเดนจ้องมองโคกะที่ตกอยู่ในเงื้อมมือของปีศาจร้ายแล้วก็ต้องกัดฟันเมื่อพบว่าตนเองไม่สามารถทำอะไรได้เลยทำให้อาพุสรู้สึกพึงพอใจแต่ก็ยังไม่มากพอจะดับความแค้นของตนเองได้

                เทพแห่งความมืดมองเซนต์ทั้งสองสลับกันไปมาก่อนจะแกล้งลองออกแรงบีบมากขึ้น ริมฝีปากบางอ้าออกคล้ายพยายามสูดลมหายใจอย่างไร้ประโยชน์ส่งผลให้เอเดนมีสีหน้าย่ำแย่ลงไปในทันที

                “ปล่อยเขาซะ!”เซนต์โอไรอ้อนตวาดกร้าวแต่มีหรือที่เทพเช่นเธอจะเกรงกลัว

                “ทำไมข้าต้องปล่อยมันด้วยล่ะ มันมีความสำคัญอะไรกับเจ้ารึ”คำพูดนี้ทำให้เอเดนนิ่งไปในทันที ชายหนุ่มถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินถ้อยคำแทงใจดำ

                อาพุสพูดได้ถูกต้องถึงแม้จะเป็นสหายร่วมศึกเดียวกันแต่ความสัมพันธ์ของตัวเขากับเพกาซัสนั้นก็เรียกได้ว่าเป็นความสัมพันธ์แบบผิวเผินเท่านั้น ต่อให้ต่างฝ่ายยอมยกโทษให้แก่กันแต่ก็ใช่ว่าตัวเขาจะมองเพกาซัสเป็นคนสำคัญขึ้นมาได้ เหตุผลที่เขาพยายามช่วยก็เพราะถ้าเพกาซัสตายไปอาเรียจะเสียใจ

                “ผม....จะไม่ยอมให้เขาตายเด็ดขาด”ชายหนุ่มไม่อาจตอบคำถามของอาพุสได้แต่ความมุ่งมั่นที่อยากให้โคกะมีชีวิตอยู่นั้นกลับแน่วแน่เสียจนอาพุสถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง

                “ฮ่าๆๆ น่าสนุกดีนี่เจ้ามนุษย์ชั้นต่ำ ถ้าเช่นนั้นข้าจะให้โอกาสเจ้า”แล้วมือที่กำรอบคอของโคกะก็คลายออก เอเดนรีบเข้าไปรับร่างบอบบางนั้นเอาไว้ทันทีก่อนจะเงยหน้ามองเทพที่ลอยอยู่เหนือตนด้วยท่าทางเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด

                “แกต้องการอะไร”เขาไม่คิดว่าอาพุสจะใจดียอมปล่อยโคกะไปอยู่แล้วและการที่อีกฝ่ายยอมปล่อยให้โคกะมีชีวิตง่ายๆแบบนี้ลางสงหรณ์ของเขากำลังร้องเตือนถึงเหตุการณ์ที่เลวร้ายยิ่งกว่าและมันก็เป็นความจริงเมื่ออาพุสแสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายแล้วกล่าวออกมาอย่างเลือดเย็น

                “ถ้าปล่อยให้มันตายง่ายๆก็คงไม่สาแก่ใจข้า ดังนั้นตัวเจ้าจะต้องเป็นผู้ลงมือทำให้มันทุกข์ทรมานจนไม่อยากมีชีวิตอยู่โดยที่ข้าจะไม่ยอมให้มันตาย!”สิ้นคำประกาศนั้นเอเดนก็รู้สึกเหมือนหัวใจโดนทิ่มแทงด้วยหอกน้ำแข็งที่แสนเย็นยะเยือก มือหนากอดร่างในอ้อมแขนแน่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัวก่อนถามด้วยเสียงที่ติดจะสั่นเทา

                “แกว่ายังไงนะ”อาพุสเหยียดยิ้มอีกครั้งก่อนกล่าวย้ำ

                “นับจากวันนี้เจ้าจะต้องทำให้เพกาซัสเจ็บปวดมากที่สุด ยิ่งเจ้าทำให้มันเจ็บปวดมากเท่าไรข้าก็จะยอมให้มันมีชีวิตยืนยาวมากขึ้นเท่านั้น  กลับกันเมื่อใดที่ข้าสัมผัสได้ว่ามันมีความสุขข้าก็จะบดขยี้ดวงวิญญาณของมันแต่ไม่ต้องห่วงข้าจะไม่ปล่อยให้มันตายหรอก ยกเว้นแต่เจ้าจะบอกเรื่องนี้กับมัน เอาล่ะเลือกสิโอไรอ้อน ภายในค่ำคืนถัดไปจงแสดงทางเลือกของเจ้าให้ข้าได้เห็นเสีย”พูดจบเงาดำของอาพุสก็ค่อยๆกลายเป็นเพียงไอหมอกสีดำกลับเข้าไปในร่างของโคกะ แม้จะลับร่างของอาพุสไปแล้วแต่เสียงอันเย็นเยียบของปีศาจร้ายกลับยังดังติดหูอยู่เช่นเดิม

                หากเขาทรมานเพกาซัสอาพุสก็จะยอมไว้ชีวิตเพกาซัสอย่างงั้นหรือ....

                เอเดนนึกอยากจะสบถออกมาเสียงดังๆแต่ก็ไม่ได้ทำเพราะรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรเลย ชายหนุ่มก้มหน้าลงมองใบหน้าหวานของเด็กหนุ่มในอ้อมแขน โคกะสลบไม่ได้สติ สีหน้าส่อเค้าความทุกข์ทรมานออกมาให้เห็นอย่างน่าสงสาร ตอนนี้เอเดนไม่สามารถทำสิ่งใดได้นอกจากลุกขึ้นยืนแล้วอุ้มโคกะกลับไปห้องของเขาทั้งสองคน

                เขายังคงได้ยินเสียงร้องไห้ของอาเรียอยู่และเหมือนกับเสียงนั้นจะชัดเจนขึ้นทุกวินาที  เธอ...คนที่เขารักสุดหัวใจยังคงร้องไห้อยู่เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลงทั้งที่เขายินดีทำทุกอย่างเพื่อเธอขอเพียงให้ใบหน้าน่ารักนั้นแย้มยิ้มออกมา ถ้าหากว่าเพกาซัสตายไปเธอก็คงจะโทษตัวเองไปตลอดกาล เขาคงจะไม่มีวันได้ยินเสียงหัวเราะของเธอหรือแม้กระทั่งรอยยิ้มที่เฝ้าปรารถนามานานแสนนานดังนั้น.....

                “ถ้าหากผมทำตามที่เธอปรารถนาแล้วเธอจะยิ้มให้ผมบ้างไหม”เขาได้แต่เอ่ยถามกับความว่างเปล่าและภาวนาให้เธอได้ยิน

 

            จากนั้นเอเดนก็ได้แต่อุ้มโคกะกลับมาที่ห้องแล้ววางร่างบางลงบนเตียง ค่ำคืนที่ควรจะนอนหลับกลับกลายเป็นค่ำคืนที่ชายหนุ่มไม่อาจข่มตาหลับได้เมื่อหนทางที่ต้องเลือกยังคงรอคอยเขาอยู่ ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววกลัดกลุ้มกับทางเลือกที่ไม่ว่าทางใดต่างก็โหดร้ายไม่แพ้กัน

                “ผมควรจะทำอย่างไรดี”ขณะที่พูดเอเดนก็หันไปมองโคกะที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง แม้เขาจะเคยทำร้ายเด็กหนุ่มตรงหน้าจริงแต่คราวนี้เหตุผลที่ต้องทำร้ายกลับต่างกันโดยสิ้นเชิง

                สุดท้ายเอเดนก็ไม่อาจข่มตาหลับได้เลยแม้แต่นิดเดียว ชายหนุ่มรีบออกจากห้องไปก่อนที่โคกะจะตื่นเพราะไม่รู้ว่าตัวเองควรทำหน้าอย่างไรดี เขาได้แต่ลอบมองโคกะอยู่ห่างๆเพื่อสังเกตความผิดปกติ

                เพกาซัส โคกะดูภายนอกแล้วก็ไม่มีสิ่งใดผิดปกติจนเอเดนแทบจะหลอกตนเองได้ว่าสิ่งที่เห็นเมื่อคืนเป็นเพียงฝันร้ายของเขาคนเดียว แต่แล้วมันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อขณะที่คุยกับไลโอเน็ต โซมะเพื่อนสนิทเด็กหนุ่มกลับมีท่าทางแปลกไปเมื่ออยู่ดีๆมือบางก็กุมเข้าที่อกของตัวเอง ใบหน้าหวานซีดเซียวขณะที่ริมฝีปากอ้าออกคล้ายกับคนขาดอากาศหายใจและในวินาทีต่อมาร่างนั้นก็ล้มลงกับพื้น

                “โคกะ!”ยินเสียงของโซมะร้องเรียกด้วยความตกใจไม่แพ้กับเอเดนที่ยืนมองอยู่ ชายหนุ่มรีบวิ่งออกมาหาโคกะที่หมดสติไปแล้วพร้อมกับประคองร่างนั้นขึ้นมา

                “เพกาซัส!”เขาเรียกแต่เจ้าของชื่อก็ไม่มีท่าทางจะได้สติตอบกลับมาเลยแม้แต่นิดเดียวซึ่งทำให้เอเดนหวนนึกถึงคำพูดของเทพแห่งความมืดขึ้นมา

                เพกาซัส โคกะจะต้องตาย....

                เอเดนกัดฟันแน่นก่อนจะอุ้มโคกะขึ้นมาแล้วลุกขึ้นท่ามกลางสายตาตกตะลึงของโซมะกับคนอื่นๆที่อยู่ในละแวกนั้น แต่เมื่อเขาพาโคกะเดินจากไปก็ไม่มีใครห้ามแม้แต่คนเดียว ชายหนุ่มรู้ดีว่าถึงพาโคกะไปหาหมอก็ไม่มีใครรักษาคำสาปของอาพุสได้เขาจึงตัดสินใจพาโคกะกลับไปที่ห้อง

                ในครั้งที่สองที่เขาพาเด็กหนุ่มกลับมาที่เตียงในคราวนี้หัวใจของเขายิ่งรู้สึกสับสนมากยิ่งกว่าเดิมโดยเฉพาะเมื่อสบกับใบหน้าซีดเผือดของโคกะแต่กลับมีเม็ดเหงื่อผุดพราย คิ้วขมวดแน่นท่าทางเหมือนกำลังทรมาณ ในเวลานั้นเอเดนไม่อาจทำอะไรได้เลยนอกจากจับมืออีกฝ่ายเอาไว้เท่านั้น

                คนตรงหน้าเขากำลังจะตายโดยที่เขาทำอะไรไม่ได้เลย ถ้าหากเพกาซัสตาย อาเรียก็จะเสียใจ เขาไม่อยากเห็นน้ำตาของอาเรียอีกต่อไปแล้ว...

                ตลอดทั้งวันที่เอเดนเฝ้าอยู่ข้างกายโคกะชายหนุ่มได้แต่นึกถึงเรื่องเหล่านี้วนไปวนมาจนแทบจะเสียสติ โดยเฉพาะเมื่อท้องฟ้าเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีดำทีละนิดความรู้สึกกดดันก็ยิ่งเพิ่มพูนในใจของเขาเมื่อเวลาที่ต้องเลือกใกล้เข้ามาทุกขณะ เขารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหัวเราะอันชั่วร้ายของอาพุสดังก้องอยู่ในหูด้วยน้ำเสียงสนุกเสียเต็มประดาที่เห็นเขาทนทุกข์

                ในตอนนั้นเองที่ร่างของโคกะก็พลันกระตุกราวกับโดนไฟฟ้าช็อต ลมหายใจที่เคยสม่ำเสมอกลับขาดลงกลางคัน สีหน้าสงบนิ่งฉายแววทรมานออกมาจนน่าสงสารกระทั่งดวงตาก็ไม่อาจเปิดขึ้นจนดูคล้ายกับจะไม่มีวันลืมตาตื่นขึ้นมาอีกแล้วน้ำเสียงแผ่วเบาค่อยๆลอกออกมาจากริมฝีปากแห้งแตกคือถ้อยคำที่ทำให้เอเดนต้องตัดสินใจ

                “ช่วย...ใครก็ได้...ช่วยด้วย.....”พริบตานั้นเองที่ความลังเลทั้งหมดของเขาหายไปจนหมด

                “เข้าใจแล้ว ผมจะทำ ได้ยินมั้ยอาพุส! ผมจะทำ!”เอเดนตะโกนพร้อมทั้งเข้าไปจับมือโคกะเอาไว้แน่นเพื่อส่งพลังคอสโมเข้าไปในร่างกายของโคกะต่อต้านคำสาปของอาพุส ในเมื่อคอสโมคือห้วงอวกาศก็ย่อมหมายถึงพลังชีวิตอันมหาศาลซึ่งน่าจะพอช่วยโคกะได้บ้าง สีหน้าของโคกะดูดีขึ้นเล็กน้อยราวกับจะตอบรับกับความต้องการของเขาซึ่งทำให้ชายหนุ่มนึกโล่งใจแต่ก็เพียงไม่นานเมื่อโสตประสาทของเขาได้ยินเสียงของอาพุสดังมาจากที่ไหนสักแห่งหนึ่ง

                จงอย่าลืมข้อตกลงของข้ากับเจ้า....

                เสียงย้ำเตือนของอาพุสส่งผลให้เอเดนกัดฟันด้วยความเจ็บใจ ชายหนุ่มปล่อยมือที่กุมเอาไว้แล้วลุกไปยืนอยู่ข้างเตียงก่อนที่โคกะสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพียงนิดเดียว ร่างบางที่หอบสั่นพยายามสูดลมหายใจเข้าไปเต็มที่ด้วยท่าทางไม่ได้รับรู้ถึงตัวเขาเลยแม้แต่นิดเดียว

                “รู้สึกตัวแล้วเหรอ”เขาเอ่ยขึ้นเพื่อดึงความสนใจมายังตัวเขาและอีกเหตุผลคือเขาอยากแน่ใจว่าโคกะตื่นขึ้นมาแล้วจริงๆซึ่งพอได้ยินเด็กหนุ่มเรียกชื่อตัวเองเขาถึงสบายใจก่อนจะทรมานใจยิ่งกว่าเมื่อต้องลงมือทำร้ายคนที่ไร้ความผิดตรงหน้าด้วยมือตัวเอง

                เขาเรียกเพกาซัสให้ออกไปด้วยกันและเมื่อมาถึงลานฝึกซ้อมเก่าเขาก็ได้กล่าวอ้างเหตุผลเรื่องอาเรียขึ้นมาเพราะนอกจากเรื่องของอาเรียแล้วเขาทั้งคู่ก็ไม่เคยมีเรื่องใดเกี่ยวข้องกัน เขาพร่ำแต่บอกว่าสาเหตุที่อาเรียตายเป็นความผิดของเพกาซัสทั้งที่ความจริงแล้วเขารู้สึกขอบคุณที่อีกฝ่ายซึ่งช่วยเหลือเธอจนวินาทีสุดท้ายด้วยซ้ำ

                เพราะฉะนั้นต่อให้ไม่สามารถเรียกได้ว่าตอบแทนคุณหรือจะโดนหาว่าเป็นปีศาจร้ายอำมหิตแค่ไหนเขาก็ไม่สนใจ เขาจะทำร้ายลงมือทำทุกวิธีที่ทำให้เพกาซัสทรมานให้มากที่สุดเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่ว่าเพกาซัสจะเจ็บปวดมากแค่ไหน หยดน้ำตาจะต้องหลั่งไหลมากอีกเพียงใดหรือกระทั่งคำอ้อนวอนที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนก็ไม่มีวันหยุดเขาได้

            กายบางบอบช้ำเพราะการโจมตีของเขาแต่ดวงตากลับไม่ยอมแพ้จนเขาได้แต่ลงมือหนักขึ้นและตัดสินใจเปลี่ยนแววตาอันดื้อรั้นนั้นให้ตกลงสู่ความสิ้นหวัง เขาทำลายคล็อธสโตนที่แสนสำคัญของเพกาซัสทิ้งทำให้ดวงตาคู่โตปรากฏความสิ้นหวังออกมาแต่มันก็ยังไม่มากพอเขาถึงได้ลงมือทำสิ่งที่เลวร้ายที่สุดด้วยการฉีกเสื้อของเพกาซัสออกแล้วลงมือข่มขืนอีกฝ่ายอย่างทารุณ

                ขณะที่ถูกข่มขืนร่างบางก็ร้องไห้ไม่หยุดทั้งด้วยความเจ็บปวดไม่ว่าจะร่างกายหรือจิตใจแต่เขาก็หยุดมันไม่ได้ เขาไม่อยากให้โคกะต้องตายดังนั้นจะโกรธเกลียดเคียดแค้นเขาก็ไม่เป็นไร จวบจนกระทั่งโคกะสิ้นสติไปแล้วเขาถึงได้หยุดการกระทำอันโหดร้ายทารุณของตัวเองแล้วโอบอุ้มร่างนั้นแนบอกเพื่อพากลับห้อง

                ระหว่างทางกลับเขามองใบหน้าหวานที่ยังมีหยดน้ำประปรายไม่ว่าจะเป็นฝนหรือน้ำตา บาดแผลตามร่างรวมถึงรอยไหม้บนกลางอกเพราะโดนคอสโมสายฟ้าทำร้ายส่งผลให้ใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดแต่กระนั้นเขาก็ได้เลือกแล้วที่จะลงมือกระทำเอเดนได้แต่ปลอบใจตนเองว่าอย่างน้อยคนในอ้อมกอดก็ยังคงมีชีวิตอยู่ขณะที่เตรียมใจจะแบกรับคำสาปและฝันร้ายนี้เอาไว้

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา