[Saint Omega]For you or me ?

7.0

เขียนโดย MeiaR

วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 22.59 น.

  15 บท
  2 วิจารณ์
  22.20K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 มีนาคม พ.ศ. 2558 22.58 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

3) เงื่อนไขที่เลือกไม่ได้

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                ร้อน.....ร่างกายของเขารู้สึกได้ถึงความร้อนที่เกิดจากร่างกายของตัวเอง ทั่วร่างหนักอึ้งราวกับตะกั่วจนไม่อาจขยับตัวได้ ปอดสองข้างคล้ายถูกมือที่มองไม่เห็นบีบเอาไว้จนหายใจไม่ออก ทว่าท่ามกลางความมืดเขากลับมองเห็นภาพบางอย่างชัดเจนจนน่าหวาดผวา

                ร่างหนึ่งที่กดกายของเขาลงกับพื้น มือคู่นั้นกดข้อมือของเขาแน่นจนน่ากลัวว่ากระดูกจะหัก ดวงตาสีเขียวมรกตจับจ้องมายังใบหน้าเขาไม่วางตาจนเขามองเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของตนเองสะท้อนอยู่ในแก้วตาคู่นั้น

                อย่าพอแล้ว..ได้โปรด..

                ยินเสียงตัวเองอ้อนวอนอย่างน่าเวทนาขณะที่ขาสองข้างถูกจับแยกออกกว้างเพื่อให้ง่ายต่อการรุกล้ำเข้ามา แทบทุกครั้งที่อีกฝ่ายกระแทกกายเข้ามาตัวเขาก็กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดด้วยความรู้สึกที่เหมือนร่างกายถูกฉีกออกเป็นสองส่วน แต่ยิ่งเขาอ้อนวอนเท่าไรก็เหมือนเอเดนจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น

                ร้องสิ..กรีดร้องให้มากกว่านี้ ถึงแม้ผมจะไม่มีวันหยุดก็ตาม

                คำพูดอันโหดร้ายที่เหยียบย่ำซ้ำเติมยังคงติดหูประหนึ่งมีคนมาเปิดวนให้ฟังซ้ำๆ ในขณะที่กรีดร้องจนเสียงแหบแห้งใจของเขาได้แต่ภาวนาขอให้ใครสักคนช่วยหยุดฝันร้ายนี้ที

                โคกะ....

                เขาเหมือนได้ยินเสียงของใครสักคนเรียก เสียงนั้นแผ่วเบาจนเขาไม่แน่ใจว่าเสียงนั้นเป็นของใครแต่กลับรู้สึกได้ถึงความห่วงใยในเสียงนั้นอย่างชัดเจน ถัดออกไปไม่ไกลนักมีร่างสูงโปร่งของใครคนหนึ่งอยู่แม้ไม่รู้ว่าเป็นใครแต่โคกะก็แน่ใจว่าจะต้องเป็นเจ้าของเสียงคนนั้น โคกะไม่รู้ว่ามือของเขาถูกปล่อยออกตั้งแต่เมื่อไหร่แต่เขาก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้วนอกจากพยายามที่จะเอื้อมมือออกไปหาเจ้าของเสียงนั้น

                ช...ช่วยด้วย...

                ทั้งที่คนๆนั้นอยู่ไม่ไกลแต่เขากลับเอื้อมมือไปไม่ถึง กระนั้นเขาก็ยังพยายามเอื้อมมือออกไปเค้นเสียงเรียกสุดชีวิตและในวินาทีต่อมามือของเขาก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นพร้อมกับที่บังเกิดแสงสว่างช่วยขับไล่ความมืดและทุกสิ่งรอบกายไปจนหมด เขารู้สึกว่าร่างของตัวเองถูกเจ้าของมือนั้นดึงเข้าไปโอบกอดเอาไว้ ความอบอุ่นอ่อนโยนที่สัมผัสได้ทำให้เขาหลั่งน้ำตาออกมาน้อยๆ

                โคกะ....

                น้ำเสียงทุ้มต่ำฟังดูอ่อนโยนช่วยปลอบประโลมหัวใจของเขาจากความหวาดกลัว กายอบอุ่นที่แนบชิดเข้ามาทำให้เขารู้สึกอุ่นใจไปพร้อมกัน เส้นผมของเขาขยับไหวไปมาคงเพราะได้มือคู่นั้นสัมผัส มันช่างเป็นความรู้สึกที่ดีจนเขาไม่อยากพรากจาก แต่แล้วก็มีอีกเสียงหนึ่งปลุกเขาให้กลับสู่ความเป็นจริง

                ตื่นขึ้นมาเถอะนะ โคกะ...

                เสียงนี้....เสียงที่คล้ายกับเป็นแสงสว่างสาดส่องเข้ามา เสียงของ......

 

                ดวงตาสีน้ำตาลเปิดขึ้นช้าๆก่อนจะหรี่ตาลงน้อยๆเพราะแสงที่ทำให้สายตาพร่ามัว รอจนผ่านไปครู่หนึ่งภาพตรงหน้าจึงเริ่มกระจ่างชัดขึ้นมา เพดานห้องสีขาวที่เขารับรู้ได้ทันทีว่าเป็นห้องของตัวเอง โคกะรู้สึกมึนงงเกินกว่าจะเรียบเรียงเรื่องที่เกิดขึ้นได้ เขาจำได้ว่าตัวเองล้มลงกลางสายฝนแล้วก็มีใครสักคนเข้ามา...

                “รู้สึกตัวแล้วเหรอครับ”น้ำเสียงคุ้นหูทำให้โคกะหันกลับไปแทบไม่ทัน เพราะเสียงที่ได้ยินคือเสียงของเอเดน ทว่าเมื่อหันไปคนที่อยู่ตรงหน้าเขากลับเป็นคนอื่น

                ชายคนนั้นมีเส้นผมสีน้ำตาลเข้มเหมือนสีของช็อกโกแลต ดวงตาเป็นสีเขียวอมเหลืองคล้ายใบไม้ที่ต้องแสงตะวัน ใบหน้าดูเป็นผู้ใหญ่ท่าทางอายุมากกว่าเขานิดหน่อย ชายคนนั้นส่งยิ้มให้เขาพร้อมพูดด้วยเสียงที่คล้ายกับเอเดนมากจนสามารถจำสลับกันได้ แต่ถ้าให้เปรียบคือเสียงของชายคนนี้แฝงไปด้วยความอบอุ่นปนโล่งใจอย่างเห็นได้ชัดผิดกับเสียงที่เย็นชาของเอเดน

                “ดีแล้วล่ะที่เธอไม่เป็นอะไร รู้มั้ยว่าเธอหมดสติไปนานแค่ไหน”โคกะส่ายหน้ากับคำถามแม้การไม่พูดตอบจะดูเสียมารยาทแต่ชายคนนั้นก็ยังยิ้มด้วยท่าทางเหมือนไม่ใส่ใจ

                “นายคือ.....”พอโคกะพูดชายคนนั้นก็ทำท่าคล้ายนึกได้ก่อนตอบ

                “ผมยังไม่ได้แนะนำตัวสินะ ผมชื่อเมเลี่ยนเป็นครูฝึกว่าที่เซนต์ของที่นี่น่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะเพกาซัส โคกะ”โคกะไม่ได้ถามว่าทำไมถึงรู้ว่าเขาเป็นใครเพราะหลังจบศึกมาร์สชื่อและใบหน้าของเขาก็เป็นที่รู้จักของทุกคนในแซงค์ทัวรี่ในฐานะเพกาซัส โคกะผู้สังหารเทพ

                “นายช่วยฉันไว้งั้นเหรอ”แม้ค่อนข้างแน่ใจเพราะได้ยินเมเลี่ยนพูดเอาไว้แต่โคกะก็ยังอยากถาม เมเลี่ยนยังคงยิ้มแล้วตอบด้วยท่าทางใจดี

                “ใช่แล้ว ผมเห็นเธอเดินไปทางลานฝึกซ้อมเก่าที่ไม่ได้ใช้ด้วยท่าทางเหม่อลอยเรียกก็ไม่ได้ยิน ผมก็เลยตามเธอไปด้วยผมเห็นเธอหาอะไรสักอย่างใต้กองหินอยู่นานตอนแรกผมก็คิดจะกลับแล้วล่ะแต่อยู่ๆเธอก็หัวเราะออกมาด้วยเสียงเศร้าๆจากนั้นก็ล้มลงเล่นเอาผมตกใจหมดเลย”ได้ยินดังนั้นโคกะก็เริ่มจำได้ขึ้นมาว่าตอนที่เกือบขาดสติตัวเองทำอะไรออกไปบ้างแต่พอมาได้ยินคนอื่นเล่าเป็นฉากๆแบบนี้โคกะก็รู้สึกอายขึ้นมาเหมือนกัน

                “ขอบคุณที่ช่วย....”โคกะอยากจะขอบคุณแต่ด้วยความกระดากอายจึงได้แต่พูดเสียงแผ่วพลางก้มหน้าลง ความจริงท่าทางของโคกะแทบจะเรียกได้ว่าหยาบกระด้างแต่เมเลี่ยนกลับยิ้มให้อย่างไม่ถือสาแม้แต่นิดเดียว

                “ว่าแต่เธอไปหาอะไรที่นั่นงั้นเหรอ”พอได้ยินคำถามหัวใจของโคกะก็กระตุกวูบทันที เขาไม่อยากบอกและไม่อาจบอกใครได้ว่าเขากำลังตามหาคล็อธสโตนอยู่เพราะหากบอกไม่ว่าใครก็คงถามว่าเหตุใดคล็อธของเขาจึงหายไปซึ่งโคกะเองก็ไม่อยากจะนึกถึงสาเหตุนั้นเลย

                “ฉัน...”ในเวลานั้นโคกะอยากจะนึกหาเหตุผลดีๆให้ได้สักข้อแต่ก็ไม่อาจทำได้ เมเลี่ยนบอกใบหน้าอ่อนเยาว์ที่กำลังกัดริมฝีปากแน่นก็ได้แต่ถอนหายใจคล้ายกับอ่อนอกอ่อนใจ

                “ช่างเถอะ ผมไม่กวนแล้วเธอพักผ่อนซะเถอะนะ”เมเลี่ยนพูดพลางลุกขึ้นยืน เมื่อลุกขึ้นโคกะจึงได้พบว่าเมเลี่ยนค่อนข้างตัวสูงทีเดียวแต่ก็ไม่ใช่คนสูงใหญ่ต้องเรียกว่าสมส่วนถึงจะถูก

                “พักผ่อนให้มากๆล่ะ”ฝ่ายนั้นกล่าวลาด้วยน้ำเสียงใจดีคล้ายกับหยดน้ำอุ่นๆที่ทำให้ใจอันแห้งผากของโคกะรู้สึกชุ่มชื้นขึ้นมาและเมื่อพบว่าคนๆนั้นกำลังจะเดินจากไปโคกะจึงเผลอเรียกอีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัว

                “เดี๋ยว!”ใบหน้าอ่อนโยนหันมาหาด้วยท่าทางสงสัยที่ถูกเรียก ขณะเดียวกันคนเรียกกลับทำอะไรไม่ถูกนอกจากพยายามสบตาสีเขียวอมเหลืองคู่นั้นแล้วค่อยพูดออกมา

                “นายจะ....”มาอีกไหม?...โคกะอยากจะถามแต่ริมฝีปากกลับสั่นระริกจนพูดออกไปไม่ได้ คล้ายเมเลี่ยนจะเดาคำพูดของโคกะออกชายหนุ่มจึงขยับยิ้มแล้วพูดในสิ่งที่โคกะต้องการออกมา

                “ไว้ผมจะมาเยี่ยมอีกนะ”จากนั้นประตูก็ปิดลง วินาทีนั้นเองที่โคกะรู้สึกได้ว่าหัวใจของตนเองเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย

 

                หลังจากนั้นโซมะก็มาเยี่ยมพร้อมโวยวายเสียงดังเรื่องที่เขาฝืนตัวเองออกไปข้างนอก โคกะก็ได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อนไปพลางขอโทษไปพลาง ต่อจากโซมะก็เป็นคนที่ทำให้โคกะรู้สึกดีใจเป็นที่สุดนั่นคือ อาธีน่าหรือคิโดะ ซาโอริถึงขึ้นมาเยี่ยมเขาด้วยตัวเอง เรื่องดีๆที่เกิดขึ้นทำให้โคกะแทบจะลืมเรื่องเลวร้ายในสองวันที่ผ่านมาโดยเฉพาะในตอนนี้ที่เอเดนหายไปไหนก็ไม่รู้แบบนี้

                “เฮ้อ...น่าเบื่อชะมัด”ร่างบางบ่นอุบเมื่อโดนหมอสั่งให้พักผ่อนจนกว่าแผลจะหาย คนดื้อรั้นแบบโคกะย่อมไม่ฟังคำหมอเท่าไรอยู่แล้วแต่พอโดนคุณซาโอริที่เคารพรักมองด้วยสายตาห่วงใย สุดท้ายโคกะจึงจำต้องยอมนอนเฉยๆไม่ออกไปป้วนเปี้ยนข้างนอก

                หลังหลับๆตื่นๆมาหลายรอบพอถึงตอนเย็นโคกะก็เป็นอันตาสว่างนอนไม่หลับอีกต่อไป ในห้องนี้เองก็ไม่มีอะไรน่าสนใจแม้จะมีหนังสือวางไว้หลายเล่มแต่โคกะก็ไม่ใช่คนชอบอ่านหนังสือมาแต่ไหนแต่ไรและยิ่งมันเป็นหนังสือของเอเดนโคกะก็ยิ่งไม่อยากแม้แต่จะแตะต้อง

                โคกะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกสิ้นหวังเท่ากับเมื่อคืนที่ผ่านมา คงเพราะว่าเอเดนไม่อยู่จึงไม่มีใครมาคอยซ้ำเติมหรือทำร้ายเขาแม้โคกะยังรู้สึกอยากจะแก้แค้นแต่ก็ค่อนข้างจะพอใจที่เอเดนหายตัวไปซึ่งนั่นเท่ากับว่าได้มีเวลาให้เขารักษาตัวเพิ่มขึ้น

                นอกจากนั้นการได้พบกับเมเลี่ยนก็ทำให้โคกะรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยอาจเพราะเมเลี่ยนได้เข้ามาช่วยเขาในตอนที่ตัวเขากำลังสิ้นหวังและเจ็บปวดที่สุด รอยยิ้มอ่อนโยนนั้นชวนให้รู้สึกวางใจอย่างบอกไม่ถูกแต่ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตามโคกะก็รู้สึกอยากจะพบกับเมเลี่ยนอีกครั้ง

                ก๊อกๆ

                เสียงเคาะประตูช่วยดึงสติของโคกะกลับมา เด็กหนุ่มลุกขึ้นนั่งพลางจัดผมชี้ฟูเพราะการนอนให้พอดูได้แล้วจึงค่อยเอ่ยปากอนุญาตให้อีกฝ่ายเข้ามาได้ วินาทีต่อมาที่ประตูเปิดออกโคกะรู้สึกเหมือนใจเต้นแรงขึ้นเมื่อคนที่เดินเข้ามาคือเมเลี่ยนซึ่งมาพร้อมกับกระเช้าแอปเปิ้ลใบเล็กๆ

                “ผมมาเยี่ยมแล้วนะ อาการดีขึ้นไหม”เมเลี่ยนกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มพร้อมถามอาการไปในเวลาเดียวกัน

                “ก็ดีขึ้นแล้ว ไข้ก็ไม่มีแล้วด้วย”โคกะตอบกลับขณะยื่นมือไปรับกระเช้าใบเล็กมาจากมือของเมเลี่ยน ชายหนุ่มนั่งลงเก้าอี้ข้างเตียงด้วยท่าทางสบายๆแล้วจึงมองสีหน้าของโคกะในตอนนี้

                “สีหน้าดูดีขึ้นจริงๆด้วย”โดยเฉพาะถ้าเทียบกับสภาพเหมือนคนใกล้ขาดใจเมื่อคืนแล้วโคกะในตอนนี้ดูร่าเริงขึ้นราวกับเป็นคนละคน

                “เพกาซัสคนนี้มีดีที่ร่างกายแข็งแรงอยู่แล้ว”ได้ยินดังนั้นเมเลี่ยนก็ถึงกับหัวเราะออกมาเมื่อโคกะพูดด้วยท่าทางเหมือนเด็กขี้อวด

                “ถ้างั้นก็ดีแล้ว”

                ต่อจากนั้นเมเลี่ยนก็อยู่เป็นเพื่อนคุยโคกะซึ่งช่วยแก้เบื่อให้เด็กหนุ่มเป็นอย่างดี เมเลี่ยนถามถึงสาเหตุที่โคกะมาเป็นเซนต์รวมถึงเรื่องราวการต่อสู้ของโคกะซึ่งโคกะก็ยินดีเล่าอย่างเต็มที่เพราะนอกจากเรื่องนี้โคกะก็ไม่รู้จะชวนคุยเรื่องอะไรดีเหมือนกัน

                “นี่เธอได้ท่านอาธีน่าเลี้ยงดูมางั้นเหรอเนี่ย”พอเล่าไปเมเลี่ยนก็ทำตาโตด้วยความเหลือเชื่อ เพราะสำหรับทุกคนในแซงค์ทัวรี่องค์อาธีน่าถือเป็นเทพซึ่งอยู่สูงเกินเอื้อม เซนต์บางคนยังไม่เคยแม้แต่จะได้เข้าเฝ้าเพียงลำพังกับองค์อาธีน่าด้วยซ้ำ

                “ใช่ คุณซาโอริใจดีมากเลยนะแต่ คุณไชน่านี่สิ...”พอพูดถึงครูฝึกของตัวเองโคกะก็อดจะขนลุกด้วยความกลัวไม่ได้ แม้ฝีมือเขาในตอนนี้น่าจะไม่แพ้อีกฝ่ายแล้วแต่ประสบการณ์ที่ได้รับมาตลอดการฝึกก็สร้างความกลัวจนฝังรากลึกไปเสียแล้ว

                “ฮะๆๆ นี่เธอกลัวครูฝึกมากกว่าเทพอีกงั้นเหรอ”เมเลี่ยนหัวเราะไปพลางเช็ดน้ำตาไปพลางกับท่าทางของโคกะ สีหน้าของโคกะแลดูบูดบึ้งไปเล็กน้อยเมื่อโดนหัวเราะเมเลี่ยนจึงได้แต่ขอโทษทั้งที่ยังหลุดเสียงหัวเราะออกมาอยู่

                “ไมได้กลัวสักหน่อย ก็แค่ร่างกายมันมีปฏิกิริยาตอบสนองไปเองต่างหาก”เด็กหนุ่มตอบเสียงเบาคล้ายบ่นอย่างไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้อีกฝ่ายหัวเราะเพราะเสียงหัวเราะเบิกบานของเมเลี่ยนฟังแล้วชวนให้รู้สึกใจเบิกบานตามไปด้วย

                การได้คุยกับเมเลี่ยนช่วยให้โคกะรู้สึกสบายใจขึ้นพอสมควร จากที่ได้พูดคุยกันโคกะก็พอจะรู้สึกว่าเมเลี่ยนมีลักษณะคล้ายพี่ชายที่ใจดีและติดจะขี้เล่นนิดหน่อยผิดกับรูปลักษณ์ที่ดูสุภาพอ่อนโยนไปเล็กน้อย น้ำเสียงของเมเลี่ยนนับว่าแทบจะเหมือนกับเอเดนเลยทีเดียวแต่โคกะกลับรู้สึกว่ามันน่าฟังกว่าหลายเท่า ชายหนุ่มและเด็กหนุ่มที่เพิ่งได้รู้จักกันได้ใช้เวลาตลอดช่วงบ่ายไปกับการพูดคุยและหัวเราะจวบจนกระทั่งพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า

                “อา ป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย เธอนี่ชวนผมคุยเพลินเลยนะ”พอเห็นว่าเข็มสั้นชี้อยู่เลขเจ็ดและเข็มยาวเลยเลขสองมาเล็กน้อยเมเลี่ยนก็หันไปตำหนิโคกะแบบไม่จริงจังก่อนจะลุกขึ้นยืน

                “ผมคงต้องกลับแล้ว”เมื่อได้ยินคำนี้ใบหน้าของโคกะก็ดูเหงาหงอยขึ้นมานิดหน่อยแต่เด็กหนุ่มก็ไม่กล้าที่จะรั้งอีกฝ่ายเอาไว้เพราะมันได้เวลาที่ตัวเขาก็ต้องพักผ่อนเช่นเดียวกัน

                “อืม ถ้างั้น...ไว้เจอกันใหม่นะ”โคกะยกมือขึ้นโบกมือลาเมเลี่ยนด้วยความเสียดายซึ่งคำพูดต่อมาของเมเลี่ยนก็ทำให้โคกะถึงกับยิ้มออก

                “พรุ่งนี้เจอกัน”คำพูดนี้ทำให้โคกะรีบตอบรับแทบจะไม่ทัน

                “อื้ม ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ”

                เมเลี่ยนกลับไปได้ครู่หนึ่งแล้วแต่เสียงของชายหนุ่มกลับเหมือนยังหมุนวนอยู่ในหัว เสียงอบอุ่นอ่อนโยนจนทำให้อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ โคกะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนบ้าที่เอาแต่นั่งยิ้มอยู่คนเดียว

                “เจอกันพรุ่งนี้งั้นเหรอ”โคกะทวนคำพูดของเมเลี่ยนเบาๆเหมือนกลัวใครมาได้ยินเข้า ร่างบางขยับตัวให้อยู่ในท่าที่สบายที่สุดเพื่อเตรียมตัวพักผ่อนพร้อมด้วยภาวนาให้พรุ่งนี้มาถึงเร็วๆ

                “ถ้าหลับรวดเดียวถึงเช้าเลยก็คงจะดี.....”ดวงตาคู่โตปิดลงเพื่อเข้าสู่นิทราทว่าในตอนนั้นเองที่หัวใจกลับรู้สึกเจ็บขึ้นมา ความเจ็บปวดที่คล้ายโดนบีบรัดก่อเกิดความอึดอัดที่ทำให้หายใจไม่ออก ทั่วร่างรู้สึกเจ็บไปหมดราวกับทุกเซลล์ในร่างกายถูกทิ่มแทงด้วยเข็มจำนวนนับไม่ถ้วน

                โคกะจิกเล็บลงบนอกด้วยท่าทางคล้ายกับพยายามกอดหัวใจของตัวเองเอาไว้สุดชีวิต มันเจ็บปวดทรมาณจนร่างกายบิดงอสลับกับเหยียดเกร็ง ขณะที่หายใจไม่ออกโคกะได้แต่พยายามสูดลมหายใจลึกๆหวังว่ามันจะช่วยบรรเทาอาการอึดอัดออกไปได้บ้าง

                ความทรมาณนี้กินเวลาไปเกือบสิบนาทีถึงจะเป็นช่วงเวลาไม่นานแต่โคกะก็รู้สึกเหมือนตกอยู่ในนรกอันแสนยาวนาน เมื่อความเจ็บปวดทุเลาลงโคกะก็ถึงกับหอบเสียงสั่นก่อนค่อยๆเหยียดกายที่เคยบิดเกร็งออกทีละนิด

                “อีกแล้วงั้นเหรอ”อาการเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอย่างไม่สม่ำเสมอคงเพราะร่างกายของเขายังไม่แข็งแรงดีทำให้พอฝืนทำอะไรลงไปร่างกายก็จะอ่อนแรงแล้วยังโดนคนอื่นทำร้ายซ้ำเติมทำให้อาการทรุดลงจนเป็นแบบนี้ เขารู้สึกเวียนหัวคล้ายเวลาเป็นไข้แต่ร่างกายกลับเย็นเฉียบจนน่าแปลกใจซึ่งโคกะก็ได้แต่หวังว่ามันจะดีขึ้นในไม่ช้า

                แอ๊ด...

                เสียงเปิดประตูช่วยดึงสติโคกะให้หันไปทางประตูที่เปิดออก ตอนแรกโคกะนึกว่าเมเลี่ยนเดินย้อนกลับมาจึงรีบลุกขึ้นนั่งให้เรียบร้อยกลบเกลื่อนอาการเจ็บปวดเมื่อครู่ แต่แล้วเมื่อเห็นผู้ที่เดินเข้ามาชัดๆใบหน้าที่ปั้นยิ้มร่าเริงก็พลันเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งทันทีเมื่อเขาลืมไปแล้วว่าห้องนี้ยังมีเจ้าของอีกคนหนึ่งซึ่งก็คือชายหนุ่มตรงหน้า

                “เอเดน”พริบตาที่ประตูปิดลงโคกะก็เรียกชื่อนั้นด้วยน้ำเสียงที่แทบจะฆ่าคนได้ กระนั้นเอเดนก็ยังคงมีปฏิกิริยาเดิมๆคือเพียงแค่เลิกคิ้วน้อยเหมือนจะบ่งบอกว่าโคกะไม่มีทางทำอันตรายเขาได้แม้แต่นิดเดียว

                ดวงตาสีเขียวมรกตชายตาเขาเพียงเล็กน้อยก่อนมองผ่านเลยไปอย่างไร้ซึ่งความสนใจแล้วนั่งลงบนเตียงฟยิบหนังสือขึ้นมาอ่านอย่างเงยบๆทั้งที่การถูกเอเดนมองข้ามดูจะเป็นเรื่องดีซึ่งนั่นหมายความว่าโคกะจะได้เจ็บตัวน้อยลงแต่ในทางกลับกันโคกะกลับยิ่งรู้สึกเจ็บใจมากขึ้นเป็นทวีคูณกับการถูกมองข้ามแบบนี้

                “เอเดน!”เด็กหนุ่มตะเบ็งเสียงเรียกดังลั่นห้อนและก็ดูจะได้ผลเมื่อเอเดนลดหนังสือลงแล้วชายตามองเขา

                “มีอะไร”น้ำเสียงที่คล้ายกับเมเลี่ยนทำให้โคกะชะงักไปชั่วขณะเพราะมันทำให้เขานึกถึงชายหนุ่มอีกคนขึ้นมา เด็กหนุ่มสะบัดหัวขับไล่ความฟุ้งซ่านออกไปก่อนพยายามพูดอะไรสักอย่างแต่ที่เขาเรียกเอเดนก็ไม่ได้มีเหตุผลอะไรพิเศษเพียงแค่โมโหกับการถูกเมินเท่านั้นทำให้เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรดี

                “นายน่ะ....”เขาพูดได้แค่นั้นแล้วก็หยุดลงเพราะคิดคำพูดต่อไปไม่ออกแต่กลับเป็นเอเดนที่พูดออกมาก่อน

                “อยากได้รับความสนใจรึไง”คำพูดของเอเดนจี้ใจดำโคกะเข้าอย่างแรงแม้ความสนใจที่เขาคิดจะเป็นคนละแบบกับคำพูดที่เอเดนบอกว่าก็ตาม เอเดนวางหนังสือลงแล้วลุกขึ้นเดินมาหาโคกะที่เตียงซึ่งคราวนี้เจ้าของเตียงก็ไม่ได้ถอยหนีเพราะรู้แล้วว่าการทำแบบนั้นไม่มีประโยชน์อะไรเลย

                “หรือว่า...อยากจะให้ผมทำอะไรให้ล่ะ...”คำถามที่มาพร้อมกับมือในถุงมือสีดำที่เชยคางเขาขึ้นมา แน่นอนว่าโคกะสะบัดมือตบมือของเอเดนจนกระเด็นทันที

                “ไม่มีทาง!”โคกะตวาดกลับด้วยท่าทางโกรธเหมือนแมวโดนเหยียบหาง ใบหน้าขาวแดงซ่านขึ้นมาทันทีด้วยความอับอายเมื่อนึกถึงสิ่งที่แฝงความนัยอยู่ในคำพูดเมื่อครู่

            “ถ้าฉันอยากจะให้ใครสักคนทำแบบนั้นกับฉันคนๆนั้นต้องไม่ใช่นาย”ในตอนนั้นภาพใบหน้าผู้มีน้ำเสียงคล้ายกับคนตรงหน้าก็ปรากฏขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจจนโคกะยังต้องตกใจ ต่อให้เคยโดนเอเดนข่มขืนมาก่อนแต่ก็ใช่ว่าตัวเขาเองจะเปลี่ยนไปชอบผู้ชายได้ในเวลาแค่ไม่กี่วัน

                “หึ...”ยินเสียงหัวเราะในลำคอของโอไรอ้อนเซนต์ที่ยืนอยู่ข้างเตียง มือของเอเดนยกขึ้นมาอีกครั้งและใช้มันบีบลงไปที่ลำคอขาวเพื่อกดให้ร่างนั้นตรึงไว้กับหัวเตียง

                “แค่ผมไม่อยู่นายก็หาคนปรนเปรอคนใหม่ได้แล้วงั้นเหรอ”ใบหน้าของโคกะเย็นวาบประหนึ่งโดนน้ำสาดขึ้นมาทันที พอตั้งสติได้โคกะก็จัดการยกมือชกหน้าเอเดนทันทีเพียงแต่ว่าเอเดนก็ไม่มีทางพลาดให้โคกะมาต่อยหน้าซ้ำสองได้ง่ายๆเช่นกัน

                หมับ!

                ข้อมือบางถูกคว้าเอาไว้อย่างแรงภายใต้อุ้งมือหยาบกร้านที่ซ่อนไว้ใต้ถุงมือสีดำ แรงบีบนั้นมากพอจนน่ากลัวว่าอีกวินาทีต่อมาจะได้ยินเสียงกระดูกหัก มันคือละครฉากเดิมที่ยากจะเปลี่ยนแปลง คนป่วยอย่างโคกะไม่มีวันสู้เอเดนในสภาพนี้ได้เลยแม้แต่นิดเดียวและจุดจบของมันก็ย่อมเหมือนเดิมที่เด็กหนุ่มจะต้องถูกบังคับขืนใจอีกครั้งหนึ่ง

            บนเตียงที่ยับยู่ยี่มีร่างของโคกะที่ยับเยินไม่แพ้กันนอนอยู่ ร่างบางหอบหายใจพยายามสูดอากาศเข้าไปในปอดหวังจะปรับลมหายใจตัวเองให้สม่ำเสมอ ชุดที่เคยสวมอยู่บนกายถูกบังคับถอดทิ้งลงบนพื้นจนไม่เหลือสิ่งใดติดกายนอกจากร่องรอยสีแดงที่มีอีกชื่อหนึ่งว่าความอัปยศ

                “นายทำแบบนี้แล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา”เพราะต่อให้ทรมาณเขาจนตายอาเรียก็ไม่มีทางกลับมา ประโยคท้ายเขาไม่ได้พูดไปทั้งที่ใจจริงอยากจะพูดมากแค่ไหนก็ตาม เพราะจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้โคกะรู้แล้วว่าการเอาเรื่องของอาเรียมาพูดมีแต่จะทำให้เอเดนลงมือกับเขาหนักขึ้นเท่านั้น

            ร่างสูงในชุดสีขาวที่นั่งหันหลังอยู่หันกลับมามองร่างอ่อนปวกเปียกที่ไม่ได้ลดความพยศลงเลยแล้วลอบกัดริมฝีปากโดยไม่ให้โคกะได้เห็นแล้วจึงค่อยเอ่ยปากพูด

                “นั่นสินะ เพราะดูท่านายจะชินกับการถูกข่มขืนเต็มทีแล้ว”ตอนที่ได้ยินประโยคนี้ถ้าโคกะมีแรงพอเด็กหนุ่มคงลุกขึ้นมาชกคนพูดอย่างไม่ลังเลแน่นอนแต่ตอนนี้เขากลับไม่มีแรงพอที่จะทำแบบนั้น

                “จริงสิ ท่าทางนายจะมีความสุขที่ได้อยู่กับครูฝึกคนนั้นสินะถ้าอย่างนั้นผมควรจะทำร้ายมันเพื่อทรมาณนายถึงจะดีสินะ”เมื่อเอเดนพูดจบใบหน้าของโคกะก็ซีดเผือดในทันทีก่อนแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวดุดันขึ้นมาทันที

                “อย่ายุ่งกับเมเลี่ยน เขาไม่เกี่ยวถ้าจะทำร้ายก็ทำกับฉันคนเดียว!”

                “คนที่ตัดสินใจคือผมไม่ใช่เธอ ผมต้องการให้เธอทรมาณมากที่สุด ”คำพูดอันโหดร้ายถูกเอ่ยออกมาอย่างง่ายดายจนเหมือนเป็นเรื่องธรรมดายิ่งทำให้โคกะแน่ใจว่าเอเดนจะต้องทำตามคำพูดของตัวเองแน่ๆ

                เด็กหนุ่มฝืนลุกขึ้นจากเตียงลงมายืนโดยไม่สนใจว่าสภาพของตนเองตอนนี้จะน่าสมเพชแค่ไหน ความเจ็บปวดที่หลงเหลืออยู่ทำให้แค่จะลุกขึ้นมานั่งก็ยังเป็นเรื่องยากลำบากจนน่าแค้นใจแต่โคกะก็ยังฝืนจนสามารถขยับตัวมาเพื่อจับจ้องเอเดนด้วยสายตาอาฆาตแค้นจนได้

                “อย่ายุ่งกับเขา”โคกะพูดย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ท่าทางที่คล้ายต่อให้ต้องถูกฆ่าก็ไม่ยอมแพ้นั้นทำให้เอเดนยื่นมือมาเชยคางของโคกะขึ้นเพื่อมองดวงตาสีน้ำตาลแข็งกร้าวนั้นให้ชัดเจน

                “ผู้ชายคนนั้นสำคัญมากขนาดนั้นเลยเหรอ”เอเดนถาม โคกะไม่ตอบแต่ความจริงแล้วโคกะเองก็ตอบไม่ได้

                เขาเพิ่งได้พบกับเมเลี่ยนเพียงแค่วันเดียวแต่ก็เป็นการพบกันที่ช่วยเหลือเขาเอาไว้ ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงของเมเลี่ยนโคกะก็พลันรู้สึกว่าเสียงอันอ่อนโยนของเมเลี่ยนจะสามารถลบเลือนเสียงอันเย็นชาของเอเดนที่ตามหลอกหลอนเขาแต่มันก็ยากจะที่บอกว่าเมเลี่ยนเป็นคนสำคัญสำหรับเขา

                เมื่อโคกะมีสีหน้าสับสนขึ้นมาเอเดนก็ยิ่งมีสีหน้าไม่พอใจมากขึ้นเท่านั้น ชายหนุ่มหลับตาลงคล้ายจะตัดสินใจอะไรบางอย่างที่สำคัญแล้วเมื่อลืมตาขึ้นมาเอเดนก็ได้ยื่นข้อเสนอที่บังคับให้โคกะต้องปฏิบัติตาม

                “ถ้างั้นผมจะให้นายได้โอกาสปกป้องผู้ชายคนนั้น นับจากวันนี้นายจะต้องมาสู้กับผม ทุกครั้งที่นายแพ้ผมจะหักแขนมันหรือเฉือนเนื้อมันออกมา ผมจะทรมาณมันต่อหน้านายโดยที่นายได้แต่ดูหรือไม่ก็....เอาร่างกายของตัวเองมาแลกเพื่อให้คนๆนั้นปลอดภัยซะ”เงื่อนไขที่ไม่ว่าข้อใดก็ทรมาณจิตใจไม่แพ้กัน ถ้าเป็นเวลาปกติโคกะคงไม่กังวลเท่ากับตัวเขาในตอนนี้ที่ทั้งบาดเจ็บแถมยังไม่มีชุดคล็อธสวมใส่

                หากแพ้โคกะก็เลือกได้แค่ว่าจะปกป้องตัวเองหรือเมลี่ยน ความเจ็บปวดจากการถูกขืนใจที่เพิ่งผ่านมายังคงกัดกินร่างกายและจิตใจของเด็กหนุ่มจนทำให้ปค่นึกถึงขึ้นมาร่างกายก็ถึงกับสั่นกลัวโดยเฉพาะคำพูดต่อมาของเอเดน

                “และผมก็ไม่คิดจะอ่อนโยนหรือใจดีกับนายด้วย ทุกครั้งที่แพ้นายจะต้องทรมาณและอับอายจนรู้สึกเสียใจที่ยอมให้ผมทำร้ายแทนที่จะปล่อยให้คนอื่นมาเจ็บปวดแทน”โคกะไม่คิดว่าตัวเองจะอ่อนแอแต่ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะชนะเอเดนในเวลานี้เช่นกัน คนตรงหน้ากำลังให้ความหวังเขาเพื่อที่จะบดขยี้มันซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่กระนั้นโคกะก็ได้แต่ตอบออกไปแบบนี้เท่านั้น

                “สัญญามาสิว่านายจะไม่ทำร้ายเขา....”เอเดนไม่ได้ตอบออกมาในทันที มือที่จับคางของเขาอยู่คลายออกเพื่อกดร่างของเขาลงบนเตียงแต่ในคราวนี้ต่อให้เขามีแรงพอเขาก็ขัดขืนไม่ได้

                “ตราบเท่าที่นายยังยอมอ้าขาให้ผม ผู้ชายคนนั้นก็จะยังปลอดภัยดีอยู่”จากนั้นร่างกายของเขาก็ถูกอีกฝ่ายสัมผัสไปทั่วราวกับกำลังเล่นสนุก โคกะได้แต่หลับตาลงอย่างยอมรับชะตากรรมที่ถูกบังคับให้เลือก

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา