[Saint Omega]For you or me ?

7.0

เขียนโดย MeiaR

วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 22.59 น.

  15 บท
  2 วิจารณ์
  22.19K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 มีนาคม พ.ศ. 2558 22.58 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

2) ฝันร้ายซึ่งไม่อาจลืมตาตื่น

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

            ฝันร้ายคือสิ่งที่ปรากฏขึ้นยามหลับใหลและจางหายไปในความเป็นจริง แต่ว่าสิ่งที่เด็กหนุ่มนั้นได้รับกลับเป็นฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนไม่ว่ายามหลับหรือตื่นก็ตาม...

            “......”เสียงหนึ่งดังขึ้นในความมืดแต่กลับจับความใดๆไม่ได้จวบจนกระทั่งดวงตาคู่นั้นเปิดออก แสงที่สาดส่องเข้ามาทำให้เขาต้องหรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนจะพยายามลืมขึ้นเพื่อมองไปยังข้างหน้า คนแรกที่ได้เห็นหลังจากลืมตาตื่นก็คือโซมะ เพื่อนสนิทของเขาที่นั่งอยู่ข้างเตียงเขาและมีสีหน้าเป็นห่วง

                “โคกะ! ในที่สุดก็รู้สึกตัวสักที”โซมะตะโกนด้วยความยินดีเสียงดังชนิดที่ทำให้เขาแทบจะตาสว่างในทันที

                “นี่ฉัน.....”เขาจำไม่ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่.....

                พลันนั้นภาพความทรงจำที่อยากลืมก็ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนจนน่ารังเกียจ เขาตามเอเดนออกไปข้างนอก ต่อสู้กันและเขาเป็นฝ่ายแพ้แต่ความพ่ายแพ้ที่แท้จริงกลับน่าอัปยศยิ่งกว่านั้นเมื่ออีกฝ่ายได้ลงมือข่มขืนเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งความรู้สึกที่ร่างกายถูกทำร้ายกับความรู้สึกน่าสมเพชยังคงมีอยู่เต็มเปี่ยม เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าอ้อนวอนขอให้อีกฝ่ายหยุดไปกี่ครั้งแต่ก็ไม่มีครั้งใดเลยที่เอเดนจะหยุด เขาถูกข่มขืนจนกระทั่งสลบไป...

            “โคกะ!”โซมะตะโกนเรียกด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิมด้วยความตกใจเมื่ออยู่ดีๆเพื่อนสนิทก็หน้าซีดขึ้นมาแถมลมหายใจก็ติดขัดเหมือนกับหายใจไม่ออก โคกะยกมือขึ้นปิดปากข่มกลั้นความรู้สึกคลื่นไส้เอาไว้ คล้ายกับว่าทุกสัมผัสที่ถูกยัดเยียดให้ยังติดตรึงอยู่บนร่างกายจนน่าขยะแขยง เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับเขา

                “ทำใจดีๆไว้นะโคกะ นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย!”ยิ่งเห็นท่าทางทรมาณนั้นโซมะก็ยิ่งร้อนรนจนทำอะไรไม่ถูก จากเดิมทีที่หมอบอกว่าแค่ร่างกายอ่อนเพลียต้องการพักผ่อนทำให้เขาไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พอเห็นโคกะนอนตัวสั่นหายใจไม่ออกเขาก็ถึงกับผวา

                “โคกะ!”เพื่อนสนิทร้องเรียกแต่โคกะก็ไม่ได้ยินอะไรอีกแล้วนอกจากคำพูดของเอเดนเมื่อคืนนี้

ผมจะช่วงชิงทุกอย่างมาจากนาย ไม่ว่าจะสิ่งสำคัญใดๆหรือกระทั่งศักดิ์ศรีให้เหลือแต่เพียงชีวิตที่ว่างเปล่าเท่านั้น!

ผมจะไม่มีวันหยุดเพียงเพราะคำอ้อนวอนไร้ค่าของนาย

                ร่างกายร้อนจนเหมือนผิวเนื้อกำลังโดนแผดเผา เพียงแค่ขยับนิดเดียวความเจ็บก็แล่นปลาบเข้ามาช่วงชิงเรี่ยวแรงทั้งหมดให้หายไป ความรู้สึกพะอืดพะอมกลืนกินลมหายใจของเขาจนหายใจไม่ออก

                “โคกะ!”ยิ่งเห็นท่าทางไม่สู้ดีของเพื่อนสนิทและอาการเหมือนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแบบนี้โซมะจึงใช้สองมือจับไหล่เพื่อนไว้เพื่อเรียกสติแต่ใครจะรู้ว่าเพียงแค่มือของเขาแตะลงบนผิวเนื้อนั้นโคกะก็ยกมือขึ้นปัดมือเขาออกอย่างรุนแรงด้วยท่าทางปฏิเสธเต็มที่

                “อย่า!”ความเจ็บที่มือโดนปัดแรงๆยังไม่เท่ากับความตื่นตระหนกของโซมะในตอนนี้เมื่อพบว่าเพื่อนสนิทที่เมื่อวานยังคุยเล่นหัวเราะด้วยกันมาในวันนี้กลับดูเปลี่ยนไปเหมือนเป็นคนละคน

                แม้จะไม่ได้ตั้งใจแต่โคกะก็ไม่อาจย้อนเวลากลับไปได้ เด็กหนุ่มได้แต่พยายามระงับอารมณ์ของตัวเองเอาไว้แล้วฝืนยิ้มให้กับเพื่อนเหมือนเรื่องเมื่อครู่เป็นเพียงเรื่องล้อเล่นเท่านั้น

                “ขอโทษที ฉันไม่ได้ตั้งใจ สงสัยจะไข้ขึ้นถ้าไงขอฉันนอนพักต่อเถอะนะ”สายตาของอีกฝ่ายบ่งบอกว่าไม่เชื่อแต่ก็ยังยอมพยักหน้า

                “ถ้างั้นก็อย่าฝืนล่ะ”ก่อนออกไปโซมะพูดทิ้งท้ายไว้ด้วยความเป็นห่วง โคกะพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม แต่เมื่อลับหลังประตูที่ปิดลงรอยยิ้มฝืนๆก็หายไปอย่างรวดเร็ว ร่างบอบบางทรุดลงกับที่นอนโดยที่สองมือพยายามจะกอดตัวเองเอาไว้คล้ายกับจะปลอบใจตัวเอง

                “มันก็แค่ฝันร้าย”และมันก็จบแล้ว...โคกะบอกตัวเองเช่นนั้นเพื่อให้ตัวเองสบายใจขึ้นสักนิดแต่แล้วเสียงหนึ่งกลับไม่ต้องการให้โคกะรู้สึกเช่นนั้น

                “รู้สึกตัวแล้วสินะ”เสียงที่ไม่อยากได้ยินที่สุดทำให้โคกะรีบหันกลับไปดูและพบว่าเอเดนเดินเข้าห้องมาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ เอเดนยังคงอยู่ในชุดแขนยาวสีขาวตามปกติแต่ตอนนี้ทุกสิ่งที่เกี่ยวกับเอเดนกำลังทำให้เขาเกลียดชังและโกรธแค้น

                “เอเดน”ถ้าหากไม่ติดว่าตอนนี้ตัวเขาไร้เรี่ยวแรงจะต่อสู้โคกะก็คงไม่ลังเลเลยที่จะลุกขึ้นชกอีกฝ่ายเต็มแรง ท่าทางของโคกะไมได้ทำอะไรเอเดนมากกว่าการทำให้ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆเท่านั้น

                “ท่าทางจะแข็งแรงกว่าที่คิดนะทั้งที่เมื่อคืนทนไม่ไหวจนสลบไปแท้ๆ”คำพูดเรียบๆของเอเดนส่งผลให้โคกะชะงักไป เจ้าของใบหน้าขาวซีดเบิกตากว้างและในพริบตาต่อมาใบหน้าซีดเซียวนั้นกลับถูกเปลี่ยนเป็นสีแดงของความอายและความโกรธ

                “ไอ้วิปริต!”คำด่าทอนั้นไม่ได้ทำให้เอเดนดูมีท่าทีโกรธเคืองขึ้นมาเลยแต่ชายหนุ่มกลับเดินมาที่เตียงของโคกะ พอเห็นว่าอีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ร่างกายก็เริ่มสั่นด้วยความกลัวอย่างห้ามไม่อยู่ โคกะได้แต่เขยิบกายถอยหนีซึ่งนั่นก็ไม่ได้ทำให้ระยะห่างของเขากับเอเดนเพิ่มขึ้นเลย ร่างสูงที่เดินมาถึงนั่งลงบนเตียงก่อนจะใช้มือกดลงบนลำคอของโคกะล็อคไว้กับเตียงทั้งยังออกแรงบีบจนหายใจแทบไม่ออก

                “ป..ปล่อย...”โคกะพยายามดันมือของเอเดนออกเต็มแรงเพราะเพียงแค่ถูกสัมผัสเขาก็ทั้งกลัวและขยะแขยงจนทนไม่ไหว เด็กหนุ่มนึกแค้นความอ่อนแอของตัวเองในตอนนี้จับใจ

                “รังเกียจงั้นเหรอ”เอเดนว่าพลางมองแววตาตื่นกลัวระคนรังเกียจที่แสดงออกมาอย่างโจ่งแจ้งของโคกะก่อนพูดต่อด้วยคำพูดที่ทำให้ใบหน้าของโคกะชาวาบ

                “ทั้งที่เมื่อคืนนายยังนอนร้องครวญครางใต้ร่างของผมแท้ๆ”ถ้อยคำตอกย้ำรุนแรงยิ่งกว่าการโดนอีกฝ่ายทำร้ายหลายเท่า เด็กหนุ่มกัดฟันกรอดและใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดชกเข้าที่ใบหน้าของอีกฝ่ายสำเร็จเรี่ยวแรงของคนป่วยไม่ได้มากมายพอทำให้รู้สึกเจ็บเท่าไรนัก เอเดนจึงทำแค่หลับตานิ่งเล็กน้อยและเมื่อลืมตาขึ้นฝ่ามือของฝ่ายนั้นก็ฟาดลงบนใบหน้าของเขาเต็มแรง

                เพี๊ยะ!

                เสียงตบดังลั่นห้องที่เงียบสนิท โคกะดูจะตกใจไม่น้อยกับผลของการกระทำที่เกิดขึ้นแต่อย่างน้อยเขาก็ยังสามารถตอบโต้อีกฝ่ายไปได้ตั้งหนึ่งครั้งโคกะจึงยิ้มด้วยความสะใจแต่แล้วรอยยิ้มนั้นกลับอยู่ได้เพียงแค่ชั่ววินาทีเดียวเท่านั้นเมื่อมือของเอเดนก่อเกิดประกายแสงส่องสว่างวาบ วินาทีต่อมาพลังของสายฟ้าก็แล่นไปทั่วร่างของเขา

                พริบตาสายฟ้าของเอเดนแล่นผ่านเข้าไปในทุกเซลล์ของร่างกายส่งผลให้ร่างกายสั่นกระตุกก่อนตามด้วยความชาที่ดึงเอาทั้งความเจ็บปวดและความสามารถในการควบคุมร่างกายไปทั้งหมด  โคกะได้แค่กลอกตามองเอเดนที่ขยับกายมาอยู่เหนือร่างของตนเองอย่างหวาดหวั่น

                “ดูท่าแค่เมื่อคืนนี้มันยังน้อยไปสินะ”สิ้นคำนั้นผ้าห่มสีขาวก็ถูกกระชากทิ้งลงบนพื้น จากนั้นเสื้อแขนยาวที่เด็กหนุ่มใส่อยู่เป็นประจำก็ถูกถอดออกมาเพื่อใช้มัดข้อมือของเขาเข้ากับหัวเตียง โคกะพยายามจะดิ้นหนีแต่ก็ไม่อาจสู้แรงของเอเดนในตอนนี้ได้ ใบหน้าของโคกะกลับมาซีดเผือดอีกครั้งเมื่อร่างท่อนบนเปลือยเปล่าและกางเกงก็กำลังถูกถอดออก

                “หยุดนะ!”เขาทำได้แค่ร้องห้ามซึ่งมันไร้ประโยชน์สิ้นดีเพราะเอเดนไม่มีวันยอมฟัง ชานหนุ่มค่อยๆถอดกางเกงขายาวกับชั้นในเขาออกเหมือนกับกำลังให้เขาค่อยๆลิ้มรสความหวาดกลัวทีละนิดอย่างเลือดเย็น

                เมื่อร่างที่ซ่อนอยู่ใต้เนื้อผ้าปรากฏสู่สายตาเอเดนก็ลองมองร่างผอมบางที่เต็มไปด้วยรอยช้ำกับผ้าพันแผลที่ปิดซ่อนอาการบาดเจ็บเอาไว้ เมื่อถูกสายตาของคนที่เกลียดชังจับจ้องบนกายเปลือยเปล่าของตัวเองเด็กหนุ่มก็ได้แต่กัดริมฝีปากกล้ำกลืนฝืนทนความรู้สึกรังเกียจเอาไว้

                “อย่ามอง....”โคกะส่งเสียงห้ามพลางเบือนหน้าหนีเพราะไม่อยากรู้ว่าตอนนี้สายตาของเอเดนกำลังจับจ้องอยู่ส่วนใดของร่างกายตัวเอง

                ดวงตาสีเขียวมรกตมองไล่ไปตามร่างเปลือยเปล่าตรงหน้าตั้งแต่ใบหน้าที่สะท้อนความหวาดกลัวลงไปยังลำคอที่มีรอยช้ำเพราะถูกบีบไว้เมื่อครู่เพิ่มขึ้นมา นอกจากรอยแผลจากการต่อสู้ครั้งก่อนแล้วตอนนี้ทั่วร่างของโคกะเต็มไปด้วยรอยช้ำที่ทั้งมาจากการต่อสู้กับเอเดนเมื่อคืนและร่องรอยการถูกบังคับขืนใจ

                เอเดนขยับตัวก้มลงจนใบหน้าแทบชิดกับรอยไหม้สีน้ำตาลจางๆบนแผ่นอกซึ่งเกิดขึ้นจากตอนที่เขาทำลายชุดคล็อธเมื่อคืน ลมหายใจของเอเดนที่กระทบลงบนแผ่นส่งผลให้โคกะสะดุ้งตัวน้อยๆและเริ่มดิ้นรนขัดขืนอย่างไร้ค่า

                “ถอยไป! อย่ามาแตะต้องฉัน!”ร้องห้ามออกไปอย่างที่รู้ดีว่าเปล่าประโยชน์ เอเดนไม่สนใจด้วยซ้ำว่าโคกะจะพูดอะไร ดวงตาสีเขียวคู่นั้นยังคงจดจ้องไปยังบาดแผลบนอกก่อนจะอ้าปากแล้วใช้ปลายลิ้นลากไปบนบาดแผลซึ่งนั่นก็ทำให้โคกะถึงกับสะดุ้งเฮือก

                ลิ้นเปียกชุ่มที่กำลังสัมผัสแผ่นอกของเขากำลังช่วยปลุกอารมณ์ความใคร่ให้ตื่นขึ้นจากเบื้องลึกของร่างกาย โคกะพยายามที่จะควบคุมตัวเองเอาไว้แต่ก็ช่างยากเหลือเกินเมื่อลิ้นอุ่นกลับลากไปยังยอดอกและแตะวนไปมาคล้ายกำลังลิ้มรสชาตของหวานเลิศรส

                “อ..หยุด...”โคกะแทบกัดลิ้นตัวเองทิ้งเมื่อเกือบเผลอส่งเสียงครางออกไปแทนการร้องห้ามแต่เสียงครางแผ่วๆนั้นกลับไม่พ้นโสตการได้ยินของเอเดนไปได้เลย หลักฐานคือคำพูดต่อมาที่ทำให้โคกะต้องอับอายอีกครั้ง

                “รู้สึกงั้นเหรอกับการถูกคนที่เพิ่งข่มขืนนายปลุกอารมณ์น่ะ”ทั้งที่เป็นเพียงคำพูดแต่โคกะกลับรู้สึกเหมือนโดนตบหน้าอย่างจังจนหน้าชา

                “สารเลว!”โคกะกล้าด่าเอเดนคำนี้ได้อย่างเต็มปากหลังจากได้ยินคำพูดดูถูกไม่เคยคิดว่าจะได้ยินจากคนแบบเอเดนมาก่อน ตัวตนของเอเดนที่ได้เห็นในตอนนี้เปรียบเหมือนใครคนหนึ่งที่โคกะไม่เคยรู้จักมาก่อน

                เขาอาจไม่รู้จักเอเดนดีเท่าไรนักแต่เขาก็รู้ดีว่าเอเดนเป็นคนจริงจัง พูดจาสุภาพ รักศักดิ์ศรีและไม่ใช่คนที่จะทำเรื่องทุเรศแบบนี้ แต่ถ้อยคำหยาบช้าที่ได้ยินและสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขาก็ไม่ใช่ความฝันเช่นกัน

                “นายเป็นอะไรของนายกันแน่ เอเดนที่ฉันรู้จักไม่ใช่คนแบบนี้”อย่างน้อยเอเดนที่เขารู้จักไม่ใช่คนที่จะเหยียดหยามศักดิ์ศรีของใครง่ายๆและไม่ใช่คนสิ้นคิดที่จะโทษว่าทุกอย่างเป็นความผิดของเขา

                “รู้จักงั้นเหรอ”ยินเสียงพูดที่แฝงไปด้วยโทสะ แววตาแข็งกร้าวถูกส่งออกมาเพื่อจับจ้องเข้าไปยังดวงตาสีน้ำตาลของโคกะคล้ายกับท่าทางเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกเพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเองเล็กน้อยแล้วจึงค่อยพูดออกมา

                “เอเดนที่นายรู้จักคือคนแบบไหนกันล่ะ ใช่คนโง่ที่สูญเสียทุกอย่างไปรึเปล่า ผมที่เคยยึดมั่นในเส้นทางของตัวเองสุดท้ายกลับไม่เหลืออะไรเลยนอกจากความว่างเปล่า เพราะงั้นตอนนี้ขอเพียงได้สิ่งที่ต้องการผมก็จะไม่เลือกวิธีการอีกแล้ว”คำพูดของเอเดนไม่ต่างกับสายฟ้าที่ฟาดเข้ามากลางใจของโคกะเลยแม้แต่นิดเดียว โคกะที่ยังมีคนสำคัญและเพื่อนพ้องอยู่ไม่อาจเข้าใจความรู้สึกของการสูญเสียทุกอย่างที่เคยมีมาจนถึงกับสิ้นหวังแบบเอเดน แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่คิดว่าสิ่งที่เอเดนกระทำกับเขาคือสิ่งที่ถูกต้อง

            “นายต้องการอะไรกันแน่”การทำร้ายเขาอาจทำให้เอเดนรู้สึกสะใจได้แต่มันก็ไม่ทำให้เอเดนได้คนที่รักกลับคืนมา เอเดนต้องการอะไรถึงกับทำร้ายเขาด้วยวิธีนี้

                “สิ่งที่ผมต้องการคือ......”อีกฝ่ายพูดช้าๆแต่ชัดเจนเหมือนกับจะให้มันสลักลึกลงไปในหัวใจของโคกะ

                “ความทุกข์ทรมาณของนาย”แววตาของเอเดนไม่มีความลังเลใจแม้แต่นิดเดียวและราวกับเป็นการตอกย้ำเมื่อหลังจากพูดจบเอเดนก็ข่มขืนเขาอีกครั้งโดยที่เขาไม่ต่อต้านได้เหมือนเดิม

                โคกะค้นพบว่าตัวเองยังคงติดในอยู่ฝันร้ายแม้จะลืมตาตื่นแล้วก็ตาม....

 

                บรรยากาศในห้องพักเงียบสนิทราวกับไม่มีใครอยู่เพราะว่าคนหนึ่งอ่อนล้าและเจ็บปวดเกินกว่าจะส่งเสียงออกมา ลำคอที่แห้งผากได้แต่ส่งเสียงหอบน้อยๆสลับกับไอออกมาเป็นระยะ มือสองข้างปรากฏรอยถลอกที่เกิดจากการดิ้นรนอย่างไร้ค่ายามเมื่อถูกมัดตรึงเอาไว้ แผ่นอกขาวเปลือยมีรอยช้ำเพราะถูกขบกัดราวกับถูกเล่นสนุก โคกะได้แต่กอดตัวเองเอาไว้ด้วยมือที่สั่นเทาขณะที่เอเดนนั่งมองร่างที่เจ็บช้ำอย่างน่าสงสารอยู่เงียบๆ

                แม้ไร้เรี่ยวแรงที่เพียงแค่จะลุกขึ้นนั่งก็ยังทำไม่ได้แต่โคกะก็อยากจะลุกขึ้นมาด่าทอหรือพูดอะไรก็ได้ที่ทำให้อีกฝ่ายเจ็บใจแม้สักนิด ทว่าเขากลับไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรดีเมื่อเหตุการณ์อันน่าอัปยศได้เกิดกับเขาซ้ำอีกครั้งอย่างรวดเร็วแบบนี้

                “เพกาซัส”เอเดนส่งเสียงเรียกแต่ก็ไม่ได้คาดหวังให้อีกฝ่ายตอบกลับมาชายหนุ่มเลือกที่จะใช้มือดึงเส้นผมสีแดงบังคับให้โคกะหันกลับมามองเขา แรงกระชากเส้นผมทำให้โคกะเจ็บไม่น้อยแต่ตอนนี้ตัวเขาก็เจ็บมากเกินกว่าจะร้องออกมา

                “อย่าคิดว่าทุกอย่างจบลงแล้วล่ะ มันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น”สิ้นถ้อยคำอันโหดร้ายเอเดนก็ยอมปล่อยมือออกจากเส้นผมของโคกะแล้วเดินออกไปทิ้งให้โคกะได้แต่กอดไหล่ตัวเองแล้วร้องไห้บนเตียงที่เปรอะไปด้วยเลือดเพราะบาดแผลบนหลังเปิดออก

                โคกะเจ็บทั้งที่ใจและร่างกายซึ่งถูกทำร้ายอย่างทารุณไม่แพ้กัน ขณะที่ร่างกายถูกรุกล้ำเข้ามาด้วยรุนแรงและโหดร้าย คำพูดดูถูกหยามเหยียดก็ดังอยู่ข้างหูบังคับให้เขาต้องรับฟัง เสื้อผ้าทุกชิ้นของเขาถูกถอดออกและทิ้งเอาไว้บนพื้นขณะที่เอเดนกลับไม่ได้ถอดเสื้อผ้าออกเลยแม้แต่ชิ้นเดียวคล้ายจะกลั่นแกล้งให้เขาได้อับอาย

                “ทำไม....”ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงได้เกิดขึ้นกับเขา...โคกะได้แต่ถามตัวเองเพราะรู้ดีว่าแม้ถามเอเดนไปเขาก็คงไม่มีวันได้คำตอบกลับมาและยิ่งรู้สึกสิ้นหวังกว่าเดิมเมื่อคำพูดที่บอกว่ามันเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น

                เขาจะต้องทนเป็นที่รองรับอารมณ์ของเอเดนไปจนถึงเมื่อไหร่ ความอัปยศนั่นจะต้องเกิดขึ้นซ้ำอีกกี่ครั้ง หากบอกว่านี่คือจุดเริ่มต้นแล้วจะเกิดอะไรที่โหดร้ายกับเขามากกว่านี้อย่างงั้นเหรอทั้งที่ในเวลานี้เขายังสมเพชตัวเองมากเกินกว่าจะร้องไห้ออกมาดังๆเสียอีก

                “ฉันจะไม่มีวันยอมให้มันเป็นแบบนั้น”โคกะจิกมือเข้ากับเตียงเพื่อออกแรงฝืนลุกขึ้น เด็กหนุ่มหอบน้อยๆเมื่อสามารถลุกขึ้นนั่งได้สำเร็จก่อนมองสำรวจบาดแผลบนร่างกายคล้ายกับจะจดจำทุกอย่างเอาไว้

                เมื่อคืนนี้เขาหวังว่าจะสามารถคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ฝันร้ายและหวังว่าตัวเองจะลืมมันไปได้ แต่ฝันร้ายก็ยังตามหลอกหลอนและทำร้ายเขาไม่ยอมหยุดดังนั้นแทนที่จะลืมมัน เขาจะจดจำมันเอาไว้และตอบโต้กลับไปอย่างสาสม

                “ถ้าหากว่านายต้องการความทรมาณของฉัน....”หวนคิดถึงคำพูดที่ยังคงสะท้อนอยู่ในหัวครั้งแล้วครั้งเล่า ความรู้สึกที่คล้ายโดนทรยศหักหลังทิ่มแทงอยู่ในอกจนแทบระเบิดทำให้โคกะไม่สนอีกต่อไปแล้วว่าเอเดนจะต้องการทำร้ายเขาอีกมากแค่ไหนก็ตาม

                “ฉันก็จะโค่นนายให้ได้”คล้ายกับได้ยินเสียงหัวเราะเย้ยหยันจากที่ใดที่หนึ่ง มันช่างเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เพราะชุดคล็อธที่พ่ายพังกับตัวเขาที่บาดเจ็บยากจะเอาชนะเอเดนในเวลานี้ ทว่านอกจากวิธีนี้แล้วโคกะก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำเช่นไรต่อไป

 

                เย็นวันนั้นหลังจากเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาบ้างโคกะก็สามารถลุกขึ้นยืนได้สำเร็จเสียที เรียวขาขาวที่เปื้อนไปด้วยคราบคาวสีขาวแดงปะปนกันยิ่งดูเป็นการตอกย้ำความอับอายจนทนไม่ไหวโคกะจึงพยายามพาตัวเองไปอาบน้ำและใช้เวลาไปอีกพักใหญ่กว่าจะจัดการทุกสิ่งทุกอย่างบนตัวจนหมดแล้วพาตัวเองออกไปข้างนอก

                อากาศชื้นเพราะช่วงที่เขาหลับอยู่เกิดฝนตกพื้นดินจึงเฉอะแฉะจนน่ารำคาญ แต่ลมเย็นๆที่พัดมาหาทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย รอบข้างไม่มีผู้คนอาจเพราะฝนตกและเวลาเย็นย่ำที่เหมาะแก่การกลับบ้านหรือที่พักเพื่อเตรียมตัวพักผ่อนแต่สำหรับโคกะแล้วถือเป็นเรื่องดีเพราะเขาไม่อยากจะถูกถามว่ากำลังจะไปที่ไหนหรือไปทำอะไร

                “ถ้าไม่ต้องเจอใครคงดีที่สุด”โคกะพูดกับตัวเองขณะที่เดินไปบนพื้นโคลนอย่างยากลำบากเพื่อมุ่งยังสถานที่ซึ่งตอนนี้เขาไม่อยากจะไปที่สุด

                สถานที่ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นความพ่ายแพ้ที่เหยียดหยามศักดิ์ศรีของเขาที่สุดแต่ว่ามันก็เป็นเพียงที่เดียวที่เขานึกออกว่าคล็อธเพกาซัสของตนอาจจะอยู่ที่นั่น เพราะเขาหมดสติไปจึงจำไม่ได้ว่าหลังจากนั้นแล้วเกิดอะไรกับคล็อธสโตนของเขาที่ถูกทำลาย

                พอหวนคิดถึงเหตุการณ์ที่ต้องเห็นของสำคัญถูกทำลายไปต่อหน้าต่อตาโคกะก็กำหมัดแน่นด้วยความแค้นพร้อมฝืนเร่งฝีเท้าเพื่อจะไปตามหาคล็อธสโตนซึ่งเป็นเหมือนความหวังเดียวของเขา

                ขอเพียงมีคล็อธอยู่เขาก็ยังสมารถต่อสู้ได้อีกครั้ง แม้ถูกทำลายแต่ก็ใช่ว่าจะซ่อมไม่ได้เหมือนกับเขาในตอนนี้ที่ขอเพียงยังมีแสงสว่างเล็กๆอยู่เขาก็จะไม่ยอมแพ้และมันยังเป็นเพียงสิ่งเดียวที่อยู่กับเขามาโดยตลอด

                ทางลาดชันที่เปียกเพราะสายฝนยิ่งทำให้ยากต่อการเดินผิดกับสองครั้งแรกที่มาลิบลับ หลายครั้งที่เหยียบพลาดจนล้มลงไปคลุกกับโคลนจนเปรอะเปื้อน กายที่บอบช้ำก็ยิ่งหนักขึ้นจนเหมือนจะก้าวต่อไปไม่ไหว เวลาไหลผ่านไปเรื่อยๆกับความพยายามของโคกะจนในที่สุดเขาก็สามารถมาถึงจุดหมายได้เสียที

                โคกะถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่บนนี้ไม่มีใครอยู่ เศษซากของการต่อสู้ยังหลงเหลืออยู่อย่างครบถ้วนยิ่งทำให้โคกะรู้สึกมีหวังขึ้นว่าเขาจะสามารถหาคล็อธสโตนพบ เด็กหนุ่มไม่รอช้ารีบตรงเข้าไปควานหาตามเศษหินบนพื้นโดยไม่สนว่ามือของตนจะโดนหินบาดหรือไม่

                “อยู่ที่ไหนกัน”พื้นดินชื้นแฉะจนแทบกลายเป็นโคลนช่วยกลบฝังเศษหินหรือสิ่งเล็กๆลงไปทำให้ยากต่อการหาจนเหมือนกับกลั่นแกล้ง

                “โอ้ย!”ร่างบางร้องด้วยความเจ็บเมื่อมือถูกเศษหินบาดขณะที่ยังหาคล็อธสโตนอยู่ โคกะสะบัดมือไปมาก่อนจะใช้ชายเสื้อเช็ดโคลนออก รอยบาดไม่ได้ลึกอะไรแต่ก็ยาวหลายนิ้วส่งผลให้มีเลือดไหลบวกกับรอยถลอกเล็กๆน้อยที่เผชิญมาตลอดทางยิ่งทำให้สภาพมือของเขาดูไม่ได้เลยแต่โคกะก็ไม่มีเวลามาใส่ใจเรื่องนั้นนอกจากก้มหน้าลงหาต่อไป

                “หายไปไหนกัน”เขาจดจำได้ขึ้นสมองอย่างน่าแค้นใจว่าตัวเขาถูกกดลงบนพื้นตรงนี้และมองเห็นคล็อธสโตนแตกร้าวหล่นลงบนพื้นแต่ไม่ว่าจะหาเท่าไรก็หาไม่เจอ

                “ไม่จริงน่า...”หลังหาอยู่นานนับชั่วโมงสุดท้ายโคกะก็ได้แต่นั่งเหม่อมองอย่างสิ้นหวัง บางทีคงเพราะช่วงที่ฝนตกคล็อธสโตนอาจไหลไปกับสายฝนและหายไปที่ไหนสักแห่งที่เขาเองก็ไม่รู้ แม้มันอาจไม่ได้เป็นเช่นนั้นแต่เขาก็คิดเป็นอื่นไม่ได้

                กลิ่นฝนลอยมากับสายลมอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเมฆสีเทาดำก็ปกคลุมทั่วท้องฟ้าพร้อมกับเสียงฝนที่ตกลงพื้น ความเย็นของน้ำฝนกระทบร่างของเขาจนเจ็บแต่ก็ไม่อาจดึงสติที่คล้ายกับจะหลุดลอยไปในความสิ้นหวังของโคกะกลับมาได้

                “นี่เราควรจะทำยังไงดี”ร่างกายก็บาดเจ็บ เรี่ยวแรงที่จะต่อสู้ก็ไม่มี ความหวังสุดท้ายที่หาไม่เจอ โคกะจึงได้ค้นพบว่าเขาไม่เหลืออะไรที่จะต่อกรกับเอเดนได้เลย

                “ฮะๆๆ...”สุดท้ายกระทั่งความพยายามที่ทำมาตลอดหรือทั้งความมุ่งมั่นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนก็พลันกลายเป็นเรื่องน่าขันระคนสมเพชจนเขาได้แต่หัวเราะกับตัวเอง

                ดวงตาสีน้ำตาลมองรอยแผลมากมายบนมือที่เด่นชัดขึ้นมาหลังจากเศษดินโคลนถูกสายฝนชะล้างออกไปด้วยอาการติดจะเหม่อลอย จากนั้นเบื้องหน้าก็แลดูมืดลงแต่คราวนี้โคกะไม่สนใจอีกแล้วว่าเขาจะเป็นเช่นไร เด็กหนุ่มอยากจะปล่อยให้ตัวเองหลับไปเพื่อที่จะลบเลือนความรู้สึกสิ้นหวังในเวลานี้เหลือเกิน

                ลับหลังที่ร่างของโคกะล้มลงพื้นไปก็ปรากฏร่างของอีกคนหนึ่งที่เดินออกมาจากหลังต้นไม้เหมือนกับเฝ้ารอดูมาตั้งแต่แรกแล้ว ร่างนั้นเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มก่อนจะก้มลงช้อนร่างนั้นขึ้นมาแนบอกอย่างไม่นึกรังเกียจเศษดินโคลนที่เปรอะเปื้อนร่างบอบบางนั้นทั้งยังช่วยเกลี่ยเส้นผมสีแดงที่เปียกไปด้วยน้ำฝนออกจากใบหน้าอ่อนเยาว์

                ใคร?

                โคกะพยายามลืมตาขึ้นด้วยสติที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดเพื่อจะมองบุคคลที่กำลังอุ้มร่างของเขาขึ้นมาจากพื้น แต่เบื้องหน้ากลับมืดเกินกว่าจะมองเห็นได้อย่างชัดเจน เขาอยากจะเอ่ยปากถามแต่กลับรู้สึกว่าภาพเบื้องหน้ากำลังพร่าเลือน หัวสมองรู้สึกเบลอไปหมด เขาจึงได้เอื้อมมือขึ้นไปสัมผัสใบหน้าของคนๆนั้นอย่างไม่รู้ตัว

                คนที่โดนสัมผัสดูตกใจไม่น้อยแต่ก็ไม่ได้ปัดมือของเขาออก คนๆนั้นยอมให้โคกะแนบนิ้วที่เย็นเฉียบบนใบหน้าอุ่นร้อนโดยไม่พูดอะไรนอกจากรอให้โคกะหลับไปเอง ผิวหน้าที่ควรซีดเผือดและเย็นเพราะสายฝนกลับมีสีแดงระเรื่อและร้อนผ่าวบ่งบอกว่ามีไข้

                ยินเสียงถอนหายใจเล็กน้อยจากคนที่ออกแรงอุ้มจากนั้นร่างสูงโปร่งร่างนั้นจึงได้ออกเดินไปจากที่แห่งนี้โดยมีใครคนหนึ่งมองตามแผ่นหลังที่เดินจากไป ดวงตาคู่นั้นลอบมองใบหน้าของคนสองคนที่ห่างออกไปเรื่อยๆอย่างไม่วางตา

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา