[Saint Omega]For you or me ?
7.0
เขียนโดย MeiaR
วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 22.59 น.
15 บท
2 วิจารณ์
22.18K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 มีนาคม พ.ศ. 2558 22.58 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
12) ตอนที่ 12 เวลาแห่งการจากลา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เวลาผ่านไปอย่างช้าๆในห้องอันเงียบงันพร้อมกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งได้ชื่อว่าเพกาซัส ร่างอันบอบบางนั้นยังคงทรุดอยู่กับพื้นห้องเหมือนก่อนหน้านี้โดยมีร่างอันเลือนรางของเด็กสาวอยู่ข้างกาย
“โคกะ ฉันขอโทษที่ทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้”
อาเรียยังคงเอาแต่โทษตัวเองไม่หยุด เด็กหนุ่มค่อยๆหันไปหาเธอเมื่อเริ่มได้ยินเสียงสะอื้นไห้แล้วจึงค่อยเอ่ยด้วยรอยยิ้มที่ฝืดฝืนเต็มที
“ไม่ใช่ความผิดของเธอหรอก ขอบคุณมากนะอาเรีย”โคกะรู้ดีว่าอาเรียก็แค่พยายามช่วยตัวเขาอย่างเต็มที่ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางโกรธเกลียดเธอได้อย่างเด็ดขาด หากแต่กับอีกคนนั้น....
โคกะหวนคิดถึงทุกคำพูดที่เคยได้ยินมาจากเอเดนรวมถึงสายตาที่ได้เห็นเมื่อคืนนี้เช่นกัน เกือบทุกครั้งที่เอเดนไม่ยอมตอบคำถามใดๆของเขา หลายครั้งที่ชายหนุ่มพูดแต่คำที่ทำให้เขาสับสน การกระทำที่แสนโหดร้ายแต่เมื่อถึงเวลากลับเอาตัวเข้าแลกเพื่อปกป้องเขา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นเพียงเพราะแค่ความปรารถนาที่อยากให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไป
แม้จะต้องฆ่าคนทั้งโลกหรือต้องทรมานยิ่งกว่านี้อีกกี่ร้อยพันเท่าผมก็ยอม
สิ่งเดียวที่ผมต้องการคือนายที่ยังคงมีชีวิตอยู่ตรงหน้าเท่านั้น
เพียงแค่ความปรารถนาเดียวแต่กลับทำร้ายตัวเขาไว้มากมายรวมถึงคืนนี้ที่จะต้องมีใครสักคนจบชีวิตลง เอเดนบอกว่าเลือกที่จะฆ่าอาเธน่าเพื่อเขาแล้วดังนั้นจึงได้บังคับให้เขาต้องเลือกเช่นเดียวกัน คิดแล้วโคกะก็ก้มลงมองคล็อธสโตนที่ยังส่องแสงจางๆอยู่บนพื้นแล้วค่อยหยิบมันขึ้นมา
เพกาซัสคล็อธ สิ่งสำคัญซึ่งได้รับสืบทอดมาจากคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต สิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยถูกมือคู่นั้นทำให้พังทลายแต่ก็เป็นมือคู่เดียวกันที่ยอมสละเลือดของตนเพื่อชุบชีวิตมันแล้วนำมันกลับมาคืนเขาราวกับจะบอกว่าให้ใส่ชุดคล็อธมาฆ่าตนเสีย
“เอเดน...”เลือดเจ้าของนามยังคงติดแน่นอยู่บนผลึกสีขาว เด็กหนุ่มหลับตาลงกอดคล็อธสโตนแนบอกพร้อมกับเริ่มทบทวนทุกอย่างในหัวใจทั้งหมด
เด็กหนุ่มคิดถึงครั้งแรกที่ได้พบกันในพาเลสทรา หนุ่มรุ่นพี่ผู้มีแววตาเด็ดเดี่ยวและเย็นชาจนไม่มีใครอยากเข้าใกล้แต่เขาก็ยังคงเดินเข้าไปหาก่อนจะจบลงด้วยการโดนเล่นงานจนหมดสติเรียกได้ว่าไม่มีความน่าประทับใจเลย ครั้งต่อมาที่ได้พบกันคือเมื่อครั้งที่เอเดนมาชิงตัวอาเรียคืน แววตามุ่งมั่นแบบคนที่ตัดสินใจแล้วทำให้ทุกการโจมตีไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย
อาเรีย เด็กสาวที่ตอนนี้ร้องไห้อยู่ข้างกายเขาคือคนที่เอเดนรักที่สุดและเป็นบุคคลที่เอเดนยอมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อทำตามความปรารถนาของเธอ แต่ในเวลานี้เอเดนกลับบอกว่าทำทุกอย่างเพื่อต่อชีวิตให้กับเขา คำถามที่เขาเคยถามเอเดนไปหลายครั้งบัดนี้ชายหนุ่มได้ตอบมันมาแล้วด้วยการกระทำทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นรสจูบที่อ่อนหวาน อ้อมกอดอันอบอุ่นหรือกระทั่งการตัดสินใจครั้งสุดท้ายที่จะเปลี่ยนชีวิตเขาทั้งคู่ไปตลอดกาล
ถ้าหากว่าสิ่งที่อยู่ในมือของฉันคือคำตอบของนายละก็....
“อาเรีย”โคกะเอ่ยเรียกเด็กสาวข้างตัวแล้วจึงลืมตาขึ้น แววตาของโคกะไม่มีความลังเลอีกต่อไป
“ฉันจะจบเรื่องทุกอย่างเอง”
ช่วงค่ำที่วิหารแอเรียส กิกิกำลังเก็บของเพื่อเตรียมตัวกลับจามิลอยู่เงียบๆก่อนจะลุกขึ้นจากกองสัมภาระแล้วมองออกไปด้านนอกซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยเมฆสีดำที่เหมือนกับจะบอกว่าฝนกำลังจะตกแล้ว
“ถ้าพรุ่งนี้อากาศแจ่มใสก็คงดี”เพราะฝนที่ตกลงมาแทบทุกวันทำให้พื้นดินเฉอะแฉะเต็มไปด้วยโคลนไม่เหมาะแก่การเดินทางอย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างไรกิกิก็ไม่ควรเลื่อนการเดินทางกลับเพราะตอนนี้ลูกศิษย์ของเขากับคล็อธสโตนที่เสียหายกำลังรอการกลับไปของเขาอยู่แต่แล้วพลันนั้นเองเขากลับรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่าง
“สัมผัสนี้มัน.....”ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงขุมพลังที่ตนรู้จักกำลังก้าวรุกล้ำเข้ามาในเขตวิหารแอเรียสอย่างช้าๆ ในยามมืดค่ำแบบนี้หากไม่มีธุระด่วนจริงย่อมไม่มีใครอยากออกมาข้างนอกอยู่แล้วเว้นแต่ว่าจะมีเหตุผลอื่นเท่านั้น
แอเรียส กิกิหลับตาลงและพริบตาต่อมาโกลด์คล็อธสีทองก็มาปรากฏอยู่บนร่างกายเรียบร้อย โกลด์เซนต์หนุ่มกระชับผ้าคลุมที่หลังขึ้นมาก่อนจะเดินออกไปยืนรออยู่หน้าวิหารเพื่อพิสูจน์สิ่งที่กำลังเดินทางมาที่แห่งนี้
ภายนอกมีสภาพเลวร้ายกว่าที่มองจากภายในวิหารมากนัก ท้องฟ้ามืดสนิทราวกับอยู่ในช่วงกลางดึกเพราะเมฆสีดำ ลมกระโชกพัดแรงแทบทำให้ต้นไม้ใหญ่หักโค่น ทว่าท่ามกลางทัศนวิสัยอันเลวร้ายเหล่านี้กลับปรากฏร่างหนึ่งที่เดินตรงเข้ามาด้วยท่าทางไม่หวั่นต่อสิ่งใด
เปรี้ยง!
สายฟ้าเส้นโตพาดผ่านท้องฟ้าเบื้องหลังร่างนั้นดุจจะป่าวประกาศถึงความน่าเกรงขามของเอเดนในชุดคล็อธโอไรอ้อน ผู้ใช้สายฟ้าอันทรงพลัง แววตาคู่คมมองตรงมายังเบื้องหน้าราวกับพร้อมที่จะเข้าสู่สนามรบอย่างไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใด ทั้งยังมีพลังคอสโม่ที่รุนแรงจนกิกิรู้สึกว่าผิวแสบร้อนขึ้นมา
“เธอมีธุระอะไรที่นี่”พอกิกิเอ่ยถามออกไปเอเดนก็หยุดเดินแล้วจึงตอบเพียงแค่ว่า
“ถอยไป”คนอายุมากกว่าขมวดคิ้วเพราะมั่นใจแล้วว่าเอเดนไม่มีทางมาดีอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะรังสีฆ่าฟันที่แสดงออกมาอย่างไม่มีปิดบังก็ยังช่วยยืนยันเรื่องนี้เป็นอย่างดี
“เธอคิดว่าฉันจะถอยงั้นเหรอ”คราวนี้เอเดนไม่ได้พูดอะไรอีกนอกจากตั้งท่าเตรียมเข้าต่อสู้ซึ่งกิกิก็คาดไว้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้แม้จะไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของคนตรงหน้าก็ตาม
“เอเดน คราวนี้เธอทำเพื่อใครกันล่ะ”
เพื่อตนเองหรือเพื่อใครอีกคนที่เคยโอบกอดไว้อย่างหวงแหนกันแน่....
“ไม่ว่าเมื่อไหร่ผมทำทุกอย่างเพื่อตัวผมเองทั้งนั้น!”เอเดนตอบด้วยเสียงที่เหมือนกับคำรามเพื่อประกาศชัดถึงความตั้งใจ แววตาของเอเดนเหมือนกับในวันนั้นที่มารับเพกาซัส โคกะกลับไปไม่มีผิด มันคือแววตาของคนที่ตัดสินใจทำอะไรสักอย่างไปแล้วและจะไม่มีวันสั่นคลอน
โกลด์เซนต์แห่งราศีเมษมองเห็นท่าทางนั้นแล้วก็ได้แต่ตั้งท่าเตรียมเข้าต่อสู้เช่นเดียวกันเนื่องจากรู้ดีว่าโอไรอ้อนเซนต์ไม่ใช่คนฝีมือกระจอกที่ไม่ต้องเอาจริงด้วยได้หากแต่เป็นเซนต์ที่เก่งกาจซึ่งหากไม่เอาจริงเขาคงเจ็บตัวเอง เมื่อต่างฝ่ายก็ตั้งท่าเตรียมพร้อมแล้วพลังคอสโม่ก็ถูกเร่งขึ้นวินาทีเดียวกับที่ทั้งสองฝ่ายพุ่งเข้าหากัน ทว่า....
“หยุดนะ!”เสียงตะตะโกนของใครคนหนึ่งก็ได้หยุดทั้งคู่เอาไว้
สองหมัดของทั้งคู่หยุดก่อนที่จะปะทะกันเพียงนิดเดียวเมื่อได้ยินเสียงของคนที่เพิ่งมาถึง เพกาซัส โคกะหอบหายใจด้วยความเหนื่อยหลังจากรีบวิ่งมาวิหารแอเรียส แม้จะเหนื่อยแต่โคกะก็ดีใจที่มาทันหยุดเอเดนไว้ก่อนที่จะเกิดเรื่องใหญ่ไปมากกว่านี้
กิกิขยับถอยออกมาแต่ก็ยังไม่คลายท่าทีระวังตัวผิดกับเอเดนที่ลดมือลงแล้วหันไปมองโคกะอยู่เงียบๆ เด็กหนุ่มหอบหายใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะขยับตัวยืนให้มั่นคงแล้วหันไปหาเอเดนด้วยแววตาที่ไม่ลังเลอีกต่อไป
“นายตัดสินใจได้แล้วสินะ”ในน้ำเสียงราบเรียบนั้นโคกะไม่แน่ใจว่าเอเดนหวังในการตัดสินใจแบบไหนของเขากันแน่ แต่ที่สำคัญคือไม่ว่าเอเดนจะรู้สึกอย่างไรเขาก็จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของตน
“ฉันไม่มีทางเข้าใจหรอกว่าคนฉลาดแบบนายจะตัดสินใจยังไง สิ่งเดียวที่คนโง่แบบฉันทำได้มีเพียงแค่นี้เท่านั้น”คล็อธสโตนของเพกาซัสถูกชูขึ้นมา แสงสว่างของคล็อธสโตนเปล่งประกายพร้อมกับเสียงเรียกของโคกะ
“เพกาซัสคล็อธ!”สิ้นคำนั้นทุกคนต่างก็ได้ยินเสียงของวิญญาณเพกาซัสตอบรับกับเสียงเรียกของโคกะ คริสตัลที่แตกร้าวกลายเป็นชุดเกราะเพื่อปกป้องนายของมันอีกครั้งหนึ่ง ต่อให้ชุดเกราะไม่สมบูรณ์ดีแต่ก็ยังสามารถเปล่งรัศมีเจิดจรัสออกมาได้
เพกาซัส โคกะหันไปมองกิกิโดยไม่พูดอะไรแต่โกลด์เซนต์หนุ่มรุ่นพี่ก็รู้ดีว่าโคกะหมายถึงอะไรจึงพยักหน้าแล้วถอยกลับมายืนอยู่ที่หน้าประตูวิหารดังเดิมโดยปล่อยให้โคกะเป็นคนจบเรื่องทั้งหมดนี้
“นี่คือคำตอบของฉัน!”ทันทีที่พูดจบร่างของโคกะก็พุ่งเข้าหาเอเดนพร้อมเงื้อหมัดขึ้นแล้วต่อยออกไปสุดแรง โอไรอ้อนเซนต์ยกแขนขึ้นออกแรงปัดหมัดของเพกาซัสออกไปด้านข้างแล้วเบี่ยงตัวหลบแต่ร่างอันปราดเปรียวกลับพลิกตัวเตะเข้าที่สีข้างของชายหนุ่มอย่างรุนแรงจนคนตัวสูงกว่าถึงกับเซถลาไปเล็กน้อยความเจ็บแปลบที่ทะลุผ่านชุดเกราะมาทำให้ชายหนุ่มรับรู้ว่าผู้กระทำนั้นไม่มีความลังเลแม้แต่นิดเดียว ชั่ววินาทีหนึ่งที่เอเดนรู้สึกขมขื่นแต่ในขณะเดียวกันเขากลับรู้สึกว่านี่เป็นผลที่ตนควรได้รับแล้ว
“แบบนี้แหละดีแล้ว”เสียงพูดของเอเดนนั้นแผ่วเบาเหมือนกับจะพูดให้ตัวเองฟังแต่โคกะกลับได้ยินเข้าทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
“ดีตรงไหนกัน! นายก็แค่เลือกทางที่เห็นแก่ตัวที่สุดเท่านั้น!”โคกะพูดไปพร้อมตั้งใจจะเงื้อหมัดชกเอเดนอีกครั้งแต่ก็ต้องรีบหลบเพราะสายฟ้าที่เอเดนปล่อยออกมา
“ผมไม่มีทางให้เลือกมากนักหรอก นายคิดว่าผมสูญเสียอะไรบ้างแล้ว”ประโยคนั้นไม่มีโทสะแฝงอยู่เลยแต่ทุกถ้อยคำกลับถูกเคลือบไปด้วยความโศกเศร้า โคกะพลันหวนคิดถึงเอเดนเมื่อครั้งอดีตที่ยังมีครอบครัวและทุกสิ่งในครอบครอง หากแต่เวลานี้ชายหนุ่มกลับไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
“ผมไม่ใช่คนเข้มแข็งอย่างที่นายคิดเพราะผมไม่สามารถมีชีวิตอยู่โดยขาดคนให้ยึดเหนี่ยวได้”สายฟ้ายังคงฟาดฟันเข้ามาอย่างรุนแรงผิดกับคำพูดของชายหนุ่มลิบลับ กระนั้นเอเดนก็ตัดสินใจแล้วว่าต่อให้ต้องทำร้ายโคกะจริงๆเขาก็จะทำเพราะเทียบกับการต้องเห็นโคกะตายไปต่อหน้าต่อตาแล้วความเจ็บปวดแค่นี้เทียบกันไม่ได้เลย
ระหว่างที่หลบโคกะก็มองเอเดนอยู่ตลอดเวลา สายฟ้าที่ถูกมือข้างนั้นบงการยังคงฟาดฟันใส่เขาอย่างแม่นยำแบบที่เพียงแค่จะหลบให้พ้นก็ยังเป็นเรื่องยากยิ่งเสริมให้คำพูดของเอเดนเป็นความจริง เอเดนคิดจะไปฆ่าอาเธน่าเพื่อเขาจริงๆ
“นายคิดว่าฉันจะดีใจรึไงที่มีชีวิตอยู่ต่อด้วยการพรากชีวิตคนอื่นไปแบบนี้!”เมื่อหลบสายฟ้าพ้นโคกะก็เข้าประชิดตัวเอเดนอีกครั้งแล้วปล่อยหมัดออกไปไม่ยั้ง เอเดนเลิกใช้สายฟ้าเปลี่ยนมาปัดป้องการโจมตีของโคกะพร้อมกับพยายามสร้างระยะห่างออกมาเพื่อรวบรวมพลัง
“ฉันไม่มีวันดีใจกับเรื่องนี้เด็ดขาด!”โคกะกล่าวย้ำและครั้งนี้ดูเหมือนคำพูดของเขาจะเริ่มจุดประกายโทสะของเอเดนขึ้นมาแล้ว ชายหนุ่มกัดฟันกรอดแล้วตอบกลับไปเสียงดัง
“ผมไม่สน! ผมไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว! ผมขอแค่ให้นายยังอยู่เท่านั้น!”หมัดหนึ่งถูกปล่อยออกไปและพุ่งเข้าสู่ร่างของเด็กหนุ่มซึ่งโคกะป้องกันไม่ทันจึงโดนหมัดของเอเดนชกกระเด็นออกไปหลายเมตรสบโอกาสให้เอเดนรวมพลังใช้ท่าถนัดของตนเอง
“Tonitrui Saltare!”พริบตานั้นบอลสายฟ้าสองลูกบนอากาศก็ถูกซัดเข้าใส่โคกะอย่างไม่ปรานี
เปรี้ยง!
เมื่อพลังอัสนีปะทะเข้ากับเด็กหนุ่มก็พลันเกิดเสียงดังลั่นดุจฟ้าผ่าฝุ่นควันปกคลุมไปทั่ว ยินเสียงร่างหนึ่งล้มลงกับพื้นเสียงนั้นทำให้เอเดนรู้สึกสะเทือนใจแต่เขาก็จำต้องทำ แต่ยังไม่ทันที่จะได้หันไปเผชิญหน้ากับกิกิร่างที่ล้มอยู่ก็พลันลุกขึ้นอีกครั้งหนึ่งด้วยแววตาที่ยังไม่ยอมแพ้
“เกือบไปแล้ว...ถ้าเร่งคอสโม่มาสกัดพลังของนายไม่ทันละก็....”ขณะที่พูดโคกะก็พยายามลุกขึ้นยืนเพื่อสู้ต่อแต่เอเดนก็ไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นเพราะชายหนุ่มกลับพุ่งเข้ามาโจมตีโคกะต่ออย่างไม่หยุดยั้ง
หมัดอันหนักหน่วงพุ่งเข้ามามีทั้งที่โคกะสกัดไว้ได้กับไม่ได้ส่งผลให้ร่างกายของโคกะมีบาดแผลเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งโคกะบาดเจ็บมากเท่าไรสีหน้าของเอเดนกลับดูย่ำแย่ลงทุกทีแต่เอเดนก็หยุดไม่ได้ เพราะไม่อยากให้ทุกอยางที่ทำมาไร้ความหมาย
“Hilia Mastia!”ท่าโจมตีที่ใช้สายฟ้าพุ่งเข้าใส่คู่ต่อสู้พร้อมกับหมัดที่ปล่อยออกมาทำให้ร่างของโคกะชาวาบ ผิวเนื้อเจ็บแสบจนได้กลิ่นไหม้จางๆแต่กระนั้นเด็กหนุ่มก็ยังยืนหยัดอยู่
“ทำไมถึงยังไม่ล้มลงไปอีก....”เอเดนกล่าวอย่างเจ็บปวดเพราะไม่ว่าจะทำอะไรโคกะก็ยังดื้อดึงไม่ยอมล้มลงเสียที
“เอเดน...”โคกะเอ่ยเรียกด้วยแววตาที่ไม่ยอมแพ้ใบหน้าหล่อเหลาจึงเริ่มเผยความหวั่นไหวออกมาเรื่อยๆ สีหน้าของเอเดนดูเหมือนคนเจ็บมากกว่าโคกะที่แทบจะยืนไม่อยู่ คราวนี้โคกะจึงเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาและเป็นเอเดนที่กลับขยับตัวถอยหนีเขาเสียเอง
“พอได้แล้ว ล้มลงไปสิ....”ได้ยินดังนั้นริมฝีปากบางก็ยกขึ้นตามด้วยเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอ
“เป็นอะไรไปล่ะ การเตรียมใจของนายมันแค่นี้เองงั้นเหรอ”คำพูดของโคกะทำให้เอเดนแทบจะหยุดชะงักเพราะถ้อยคำที่เหมือนกับจะยั่วยุให้เขาโจมตีใส่ขนาดกิกิยังถึงกับหรี่ตาน้อยๆเพราะไม่รู้ว่าโคกะจะยั่วยุเอเดนด้วยเหตุผลอะไร
“ลงมือสิ! ล้มฉันแล้วไปฆ่าอาเธน่า นายตัดสินใจแล้วไม่ใช่เหรอ!”เพกาซัสวัยเยาว์ตวาดกร้าวขณะที่ยังพยายามเข้าไปใกล้พรานป่าโอไรอ้อนมากขึ้นทุกที
“ผม...ผม....”ความลังเลแล่นผ่านดวงตาสีเขียวคู่นั้น เพราะคนตรงหน้าคือคนที่เขาไม่อยากจะทำร้ายมากที่สุด ยิ่งร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผลขยับเข้ามาใกล้มากเท่าไรความเจ็บปวดก็ยิ่งโจมตีตัวเขาจนแทบยืนไม่ติด เพราะเดิมทีโคกะที่ร่างกายยังไม่แข็งแรงก็ไม่มีทางสู้เขาได้อยู่แล้วสิ่งเดียวที่ทำให้โคกะยังคงยืนหยัดอยู่ได้ตอนนี้คงมีแต่พลังใจเท่านั้น ถ้าหากเขาโจมตีไปมากกว่านี้โคกะก็จะต้อง....แต่ถ้าเขาไม่ทำโคกะก็ไม่มีทางอยู่รอดพ้นคืนนี้เป็นแน่และพริบตาที่โคกะจบชีวิตลงเพียงแค่คิดเขาก็ทรมานจนทนไม่ไหว
“ผม...จะไม่ยอมให้นายตายเด็ดขาด!”แล้วพลังคอสโม่สายฟ้าก็ถูกรวมเข้าที่มือทั้งสองข้าง เอเดนกระโดดขึ้นไปบนฟ้าใช้พลังคอสโมพยุงตัวเอาไว้พร้อมกับเร่งให้ถึงขีดสุดสร้างลูกพลังอัสนี้ขึ้นมาเพื่อใช้ปิดฉากทุกสิ่ง
“Orion’s Devastion!”หมัดที่กำแน่นชกลงไปบนลูกพลังซึ่งอัดแน่นด้วยคอสโม่สายฟ้าเต็มแรง คลื่นพลังอันมหาศาลแผ่ออกเป็นวงกว้างจนกิกิต้องรีบใช้คริสตัลวอร์ป้องกันวิหารเอาไว้ ส่วนโคกะกลับทำเพียงแค่ยืนนิ่งแล้วเงยหน้าขึ้นมองผู้ที่อยู่เบื้องบน รอยยิ้มน้อยๆเกิดขึ้นบนริมฝีปากซึ่งทำให้หัวใจของชายหนุ่มกระตุกวูบโดยเฉพาะเมื่อได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น
“ขอโทษนะ เอเดน”แล้วร่างของโคกะจะถูกสายฟ้ากลืนกินเข้าไปโดยที่โคกะไม่ได้ใช้พลังป้องกันตัวเองไว้แม้แต่นิดเดียว!
“เพกาซัส!!!!!!!!”ทันทีที่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไปเอเดนก็ร้องเรียกอย่างบ้าคลั่งเพราะเขาคิดว่าเมื่อใช้ท่านี้โคกะต้องป้องกันเขาจึงอัดพลังให้มากพอที่จะทะลุการป้องกันเพื่อทำให้โคกะหมดสติ แต่ถ้าหากโดนท่านี้เข้าไปในสภาพไร้การป้องกันผลของมันย่อมไม่ใช่แค่การหมดสติเป็นแน่ชายหนุ่มจึงรีบสลายพลังทั้งหมดของตัวเองแต่ก็ไม่ทันการเสียแล้ว
เมื่อพลังสลายไปเอเดนก็รีบวิ่งเข้าไปหาร่างที่ล้มอยู่บนพื้นทันที ชุดคล็อธที่แตกร้าวพยายามใช้พลังปกป้องเจ้านายของมันอย่างเต็มที่จนประกายทั้งหมดดับวูบหายไป มือหนาโอบอุ้มร่างบอบบางขึ้นมาแนบอกแต่กลับไม่อาจสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่ควรมี
“ไม่จริง....”โอไรอ้อนเซนต์เอ่ยพลางเขย่าตัวเด็กหนุ่มในอ้อมกอดแต่ก็ไร้การตอบสนองใดๆ ดวงตาคู่โตยังคงปิดสนิทเหมือนกับจะบอกว่าไม่มีวันเปิดขึ้นมาอีกแล้ว
“เพกาซัส....นายจะตายไม่ได้....”เสียงของเอเดนนั้นสั่นพร่าราวกับจะขาดใจจนกิกิที่เดินเข้ามายังรู้สึกสะเทือนใจแทนกับบทสรุปที่ตนคาดไม่ถึงมาก่อน โกลด์เซนต์แอเรียสจึงยื่นมือไปหวังจะช่วยปลอบแต่กลับต้องชะงักเมื่อสัมผัสได้ถึงขุมพลังหนึ่งที่กำลังพุ่งพล่านอยู่ในตัวโคกะ
“เอเดนถอยออกมา!”กิกิร้องเตือนแต่ก็ไม่ทันเมื่อพริบตาต่อมาผิวสีขาวของโคกะก็ถูกย้อมเป็นสีดำสนิท มือที่ตกอยู่บนพื้นถูกใช้ต่อยเอเดนจนกระเด็นออกไปอย่างรวดเร็วเกิดหมอกควันสีดำห่อหุ้มกายของโคกะเอาไว้ร่างบอบบางถูกบังคับให้ยืนขึ้นคล้ายตุ๊กตาที่ถูกชักใยโดยมีดวงตาสีแดงในหมอกควันกำลังส่งยิ้มเยาะมาให้
“อา....ในที่สุดร่างนี้ก็เป็นของข้า”ยินเสียงหนึ่งที่สะท้อนออกมาด้วยความยินดี
“แก....อาพุส!”เอเดนเรียกชื่อเทพแห่งความมืดด้วยความเกลียดชังขณะที่กิกิกำลังตกตะลึงกับการปรากฏตัวของเทพที่ถูกโคกะจัดการไปแล้ว
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าแกไม่มีทางทำเรื่องนี้สำเร็จอย่างแน่นอน”อาพุสเหยียดยิ้มดูแคลนเพราะความจริงเธอรู้อยู่แล้วว่าโอไรอ้อนจะต้องทำไม่สำเร็จแต่ก็คาดไม่ถึงว่าจะถึงขั้นพลั้งมือสังหารเพกาซัสไปด้วยแต่ก็เป็นการดีสำหรับเธอ อย่างไรเสียร่างนี้ก็เคยเป็นร่างทรงของเธอย่อมสามารถฟื้นฟูพลังได้เร็วกว่าร่างอื่น ดังนั้นเมื่อแสงแห่งชีวิตของเพกาซัสดับลงเธอจีงรีบเข้ามาสิงสู่ร่างนี้ทันทีเพื่อใช้มันทำลายล้างทุกสิ่งให้สิ้น
“ทีนี้ก็ได้เวลาตายของพวกแกแล้ว”ภายใต้ความสิ้นหวังและโกรธแค้นเทพแห่งความมืดส่งเสียงหัวเราะพร้อมสั่งให้ร่างของโคกะยกมือขึ้นเพื่อใช้พลังกำจัดเซนต์ทั้งสองทิ้งเสีย
ทว่า....
“แกพลาดแล้วล่ะ อาพุส”เสียงของคนที่ไม่น่าจะมีชีวิตอยู่แล้วดังขึ้นพร้อมกับดวงตาที่เปิดขึ้นของเพกาซัส โคกะ!
เซนต์เพกาซัสเร่งพลังคอสโม่จากแก่นของวิญญาณชำระล้างพลังมืดในกายจนผิวกลับมาเป็นสีขาวดังเดิมทั้งยังใช้มันโจมตีอาพุสทันที อาพุสกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเพราะโดนพลังสว่างในระยะประชิดอย่างไม่ทันตั้งตัวจนต้องล่าถอยออกไปไกล มันจับจ้องโคกะด้วยแววตาทั้งสงสัยและอาฆาตแค้น
“ทำไมแกถึงยังไม่ตาย!”เพราะเธอสัมผัสได้ว่าเพลิงชีวิตของโคกะดับไปแล้วจึงได้เข้ามาสิงร่างแต่โคกะกลับยังไม่ตายซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ เด็กหนุ่มขยับยิ้มก่อนจะตอบ
“ก็เกือบไปแล้วเหมือนกัน แต่อาเรียเป็นคนช่วยรักษาวิญญาณของฉันเอาไว้”ในเสี้ยววินาทีที่ถูกพลังของเอเดนกลืนกินอาเรียก็ได้ใช้พลังของเธอปกป้องวิญญาณของโคกะและซ่อนมันไว้ในส่วนลึกที่สุดเพราะเธอกับโคกะจำได้ว่าอาพุสต้องการจะยึดครองร่างนี้ ดังนั้นถ้าหากจะกำจัดอาพุสก็ต้องหลอกล่อให้อาพุสออกมาแล้วใช้พลังขับไล่เท่านั้นแม้จะเป็นวิธีที่เสี่ยงเพราะหากพลาดพลั้งโคกะก็จะต้องตายจริงๆแต่ก็คุ้มค่าที่จะลอง
“ฉัน....”
แว่วเสียงหวานใสของเด็กสาวท่ามกลางความว่างเปล่า ในเวลาต่อมาพลังสว่างจึงได้มารวมตัวข้างกายโคกะพร้อมกับร่างของเด็กสาวนามอาเรียที่ปรากฏตัวขึ้นพร้อมดวงตาคู่สวยที่มองไปยังเทพแห่งความมืดด้วยท่าทางมุ่งมั่น
“ฉันจะไม่ยอมเธอให้ทำร้ายคนสำคัญของฉันอีกต่อไปแล้ว!”
สองแขนของเด็กสาวกางออกด้านข้าง พลังสว่างของโลกนี้ถูกรวบรวมมาอยู่ในมือเพื่อส่งผ่านพลังมาให้กับโคกะเตรียมการเด็ดชีพของเทพแห่งความมืดให้สิ้นซาก!
“แก......เพกาซัส!!!!!!!!!!!!!”อาพุสกรีดร้องอย่างโกรธแค้นพร้อมกับใช้พลังที่เหลืออยู่ทั้งหมดสร้างคลื่นพลังเข้าบดขยี้โคกะที่กำลังรวบรวมพลังอยู่เพราะอย่างน้อยหากจะต้องหายไปเธอก็จะต้องลากเพกาซัสให้ตายตกตามกันไปด้วยให้ได้!
คลื่นพลังสีดำพุ่งเข้าหาร่างของโคกะที่ยืนอยู่ด้านหน้า เด็กหนุ่มกัดฟันเตรียมรับพลังที่หลบไม่ได้แต่แล้วก็มีเงาสีขาวพาดผ่านใบหน้าไป เจ้าของเงานั้นคือเอเดนที่ออกมายืนข้างหน้าเขาแล้วเร่งพลังคอสโม่เพื่อปกป้องโคกะจากอันตราย
“ผมเองก็จะไม่ยอมให้แกทำร้ายคนสำคัญของผมอีกแล้วเหมือนกัน!”สองมือซึ่งรับพลังของอาพุสถูกความมืดดูดกลืนเข้าไปแต่กระนั้นเอเดนก็ยังกัดฟันไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่คำเดียว ชายหนุ่มยังคงยืนอยู่เบื้องหน้าเพื่อปกป้องคนสำคัญให้ถึงที่สุดจนกระทั่งพลังของอาพุสสลายหายไปประจวบเหมาะกับที่โคกะขยับท่าร่างใช้ท่าไม้ตายออกไป
“จบกันแค่นี้แหละ เพกาซัสหมัดดาวตก!”ลำแสงสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าหาเค้าร่างของอาพุส การโจมตีของแสงสว่างสาดแสงชำระความมืดจนหมดสิ้นแหลือเพียงเสียงกรีดร้องของอาพุสที่ค่อยๆสลายหายไป
“เพกาซัส! โอไรอ้อน !”เทพแห่งความมืดเอ่ยได้เพียงแค่สองนามนี้ก่อนที่จะถูกพลังสว่างชำระล้างจนหมดสิ้น หมอกควันสีทมิฬสลายหายไปเหลือเพียงร่างสว่างไสวของอาเรียที่ยังคงอยู่ เธอหันมายิ้มให้กับโคกะก่อนหันไปหาเอเดน
“ขอโทษนะแล้วก็ขอบคุณมากนะที่ช่วยปกป้องโคกะเอาไว้”
รอยยิ้มอันงดงามจรดบนใบหน้าของเธอ ชายหนุ่มรู้สึกว่าหัวตาเริ่มสั่นไหวคล้ายกับจะหลั่งน้ำตาแต่ก็อดกลั้นเอาไว้ก่อนจะเอื้อมมือไปโอบกอดเธอไว้เป็นครั้งสุดท้ายเพื่อบอกลากับความรู้สึกที่มีให้เธอมาตลอด
“ผมรักเธอ อาเรีย”
“ขอบคุณมากนะ เอเดน”
เด็กสาวหัวเราะแล้วกอดตอบชายหนุ่มขณะที่ค่อยๆจางหายไปแต่ก็ไม่ยอมที่จะเอ่ยคำลา ตัวตนของเธอหลงเหลือความอบอุ่นไว้ให้กับคนที่ทำเพื่อเธอเสมอมาและจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป
ลับร่างของอาเรียไปแล้วก็เหลือเพียงคนสองคนที่ยังไม่เคยได้ปรับความเข้าใจกัน ต่างฝ่ายจึงได้หันมาประจันหน้ากันแต่ความอ่อนล้าที่สะสมต่างก็ทำให้ทั้งคู่สิ้นสติไปพร้อมกันโดยที่ยังไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
หลายวันต่อมาเมื่อโคกะได้สติถึงได้รู้ว่าเรื่องในคืนนั้นจบเพียงแค่ว่าเอเดนกับโคกะได้ร่วมมือกันกำจัดเศษเสี้ยวของเทพแห่งความมืดสำเร็จโดยกิกิได้ปิดเรื่องที่เอเดนบุกมาวิหารแอเรียสเอาไว้ซึ่งทำให้โอไรอ้อนเซนต์รอดพ้นข้อหากบฏไปได้ด้วยดี เรื่องทุกอย่างจบลงเรียบร้อยเว้นแต่เพียงเรื่องเดียว
“ผมจะออกจากแซงค์ทัวรี่”ทันทีที่ได้สติเอเดนก็ประกาศออกมาเช่นนั้นโดยให้เหตุผลว่าต้องการสร้างหลุมศพที่บ้านเกิดให้กับคนสำคัญที่จากไปจึงไม่มีใครห้ามปรามยกเว้นเพียงคนเดียวที่มาได้ยินทีหลัง
ตอนแรกที่ได้ยินโคกะก็รู้สึกอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี เขาไม่มีสิทธิ์ไปห้ามเอเดนแต่ก็รู้สึกเหมือนบางสิ่งในหัวใจยังคงเว้าแหว่งหรืออาจเพราะยังไม่ได้พูดคุยกันให้รู้เรื่องก็เป็นได้ ในเช้าวันที่เอเดนเดินทางโคกะจึงฝืนกายออกมาส่งชายหนุ่มที่กำลังอำลากิกิที่วิหารแอเรียส
“เอเดน”เด็กหนุ่มร้องเรียกคนที่กำลังก้มหัวขอโทษที่สร้างความวุ่นวายกับแอเรียส กิกิอยู่ เอเดนเงยหน้าขึ้นมองต้นเสียงด้วยความตกใจเล็กน้อย
“เพกาซัส”เจ้าของชื่อเดินเข้าไปหาก่อนจะหยุดนิ่งด้วยยังไม่อาจเรียบเรียงคำพูดได้ กิกิเห็นดังนั้นจึงเดินจากไปปล่อยให้ทั้งสองคนคลี่คลายปมสุดท้ายระหว่างกัน
“คือ...นายจะไปแล้วเหรอ...”เอเดนพยักหน้าแทนคำตอบยิ่งทำให้โคกะรู้สึกพูดไม่ออก
“ทำไม....”เขารู้สาเหตุที่เอเดนบอกคนอื่นแต่ก็ยังอยากรู้เหตุผลที่แท้จริง เอเดนนิ่งไปเล็กน้อยแต่ในที่สุดก็ยอมตอบ
“ผมต้องการให้พวกท่านพ่อทุกคนได้หลับอย่างเป็นสุขนอกจากนั้น....ผมยังอยู่กับนายไม่ได้...”วินาทีที่ได้ยินโคกะรู้สึกว่าขอบตาเริ่มร้อนขึ้นมา ลำคอตีบตันเหมือนถูกบางอย่างรัดเอาไว้จนพูดแทบไม่ออก
“นายบอกว่าฉันเป็นคนสำคัญแล้วทำไม...”ทำไมถึงไม่อยู่กับฉัน....โคกะไม่ได้พูดออกไปจนหมดแต่เอเดนก็เข้าใจ ชายหนุ่มได้แต่เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“ผมทำร้ายนายไว้มากมาย มันไม่ใช่เหตุผลสวยหรูว่าเพื่อนาย ผมแค่ทำทุกอย่างเพื่อตัวเองเพียงเพราะผมไม่อยากอยู่อย่างโดดเดี่ยวบนโลกใบนี้ ความรู้สึกของผมมันเห็นแก่ตัวเกินไป นี่คือเหตุผลว่าทำไมตอนนี้ผมถึงยังอยู่กับนายไม่ได้”คำตอบที่ทั้งอยากรู้แต่ก็ไม่อยากได้ยิน ทั้งที่โคกะเพิ่งเข้าใจความรู้สึกของตัวเองแต่กลับต้องสูญเสียมันไปอย่างรวดเร็ว แต่กระนั้นโคกะก็ไม่อยากร้องไห้เพราะไม่ต้องการให้การจากลาต้องขมขื่นมากไปกว่านี้
“ไม่ว่าอย่างไรผมก็ยังยกโทษให้ตัวเองที่ทำร้ายนายไม่ได้”ทุกถ้อยคำของเอเดนบ่งบอกว่าโคกะสำคัญสำหรับตนเองมากแค่ไหน สำหรับเอเดนแล้วโคกะคือตัวตนอันสว่างไสวที่ช่วยขจัดความเปลี่ยวเหงาในหัวใจ คนที่ยื่นมือมาให้เขาทุกครั้งไม่ว่าเมื่อไรก็ตาม เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะใครหรือแม้แต่ตนเองที่ทำร้ายเด็กหนุ่มเขาก็ยกโทษให้ไม่ได้
“แต่ว่า....”โคกะอยากจะบอกว่าเขายกโทษให้แล้วแต่ก็พูดไม่ออกเช่นกันเพราะถึงจะรู้ใจตัวเองแล้วแต่ความเจ็บปวดเมื่อก่อนหน้านี้ก็ยังติดตรึงอยู่ในหัวใจเสมอ เพกาซัส โคกะรู้สึกเจ็บใจตัวเองเป็นที่สุดเมื่อพบว่าตนเองยังคงมีความรู้สึกครึ่งๆกลางๆเช่นเดิมและดูเหมือนเอเดนก็จะพอรับรู้ได้เช่นกัน
“นายไม่ต้องยกโทษให้ผมก็ได้ ผมเองก็จะไม่ขอโทษนายเหมือนกันเพราะผมไม่อยากทำให้เรื่องที่ช่วยชีวิตนายไว้เป็นความผิดพลาด”เสียงนั้นช่างอ่อนโยนแต่ก็ทำร้ายหัวใจเขาได้อย่างเจ็บปวดยิ่งกว่าครั้งใด เด็กหนุ่มก้มหน้าลงซ่อนใบหน้าอันขมขื่นเอาไว้แต่น้ำตากลับเหมือนจะไหลรื้นออกมาโคกะรู้สึกว่าเขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้ทุกอย่างจบลงเพียงแค่นี้ เด็กหนุ่มจึงเงยหน้าขึ้นแล้วตัดสินใจพูดความรู้สึกที่แท้จริงของตนเองออกไป
“ตอนนี้ฉันอาจจะยังยกโทษให้นายไม่ได้จริงๆ แต่ว่า.....” โคกะขยับเท้าเดินเข้าไปหาคนตรงหน้าเพื่อลดระยะห่างระหว่างกันแล้วส่งยิ้มไปให้
“สัญญากับฉันนะว่าครั้งหน้าที่ได้พบกันเราสองคนจะต้องยกโทษให้กันและกันจากนั้น..........นายช่วยกอดฉันด้วยความรู้สึกที่แท้จริงของนายได้มั้ย”เหมือนกับในคืนที่เขาถูกโอบกอดไว้ด้วยความอ่อนโยน หากว่าตอนนั้นคือความรู้สึกที่แท้จริงของเอเดนละก็เขาก็จะไม่มีวันรังเกียจอย่างแน่นอน
โอไรอ้อน เอเดนนิ่งฟังด้วยความตกใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสามารถยิ้มออกมาได้ในที่สุด กระเป๋าสัมภาระถูกวางทิ้งไว้บนพื้นขณะที่ร่างสูงขยับเข้าไปหาเพื่อดึงเอวบางเข้าหาตัวพร้อมใช้มือหนึ่งเชยคางเรียวให้ดวงหน้าหวานเงยขึ้นมาประสานสายตา
“ผมสัญญา โคกะ”ชายหนุ่มเอ่ยคำสัญญาแล้วเรียกชื่อจริงของคนที่ตนรักเป็นครั้งแรก ริมฝีปากของเอเดนประทับลงมาบนริมฝีปากของโคกะแทนสัญลักษณ์ของคำสัญญาอันแสนหวานแต่ก็แสนเศร้าในเวลาเดียวกัน โคกะยกมือขึ้นโอบแผ่นหลังของเอเดนเอาไว้แล้วออกแรงกอดร่างที่สูงกว่าตนให้แน่นที่สุดก่อนที่ชายหนุ่มจะจากไป
จากนั้นเอเดนก็เดินจากไปโดยมีโคกะมองตามจนร่างนั้นลับไปจากสายตา หยดน้ำตาจึงเริ่มเอ่อล้นออกมาบนแก้มและตกสู่พื้นอย่างเงียบๆ แต่ทั้งสองต่างก็ไมได้เอ่ยคำลาให้กันแม้แต่คำเดียวถึงน้ำตาจะไหลรินแต่โคกะก็ยังคงยิ้มอยู่เช่นนั้น
เพราะว่าพวกเราจะต้องได้พบกันอีกแน่นอน...
“โคกะ ฉันขอโทษที่ทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้”
อาเรียยังคงเอาแต่โทษตัวเองไม่หยุด เด็กหนุ่มค่อยๆหันไปหาเธอเมื่อเริ่มได้ยินเสียงสะอื้นไห้แล้วจึงค่อยเอ่ยด้วยรอยยิ้มที่ฝืดฝืนเต็มที
“ไม่ใช่ความผิดของเธอหรอก ขอบคุณมากนะอาเรีย”โคกะรู้ดีว่าอาเรียก็แค่พยายามช่วยตัวเขาอย่างเต็มที่ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางโกรธเกลียดเธอได้อย่างเด็ดขาด หากแต่กับอีกคนนั้น....
โคกะหวนคิดถึงทุกคำพูดที่เคยได้ยินมาจากเอเดนรวมถึงสายตาที่ได้เห็นเมื่อคืนนี้เช่นกัน เกือบทุกครั้งที่เอเดนไม่ยอมตอบคำถามใดๆของเขา หลายครั้งที่ชายหนุ่มพูดแต่คำที่ทำให้เขาสับสน การกระทำที่แสนโหดร้ายแต่เมื่อถึงเวลากลับเอาตัวเข้าแลกเพื่อปกป้องเขา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นเพียงเพราะแค่ความปรารถนาที่อยากให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไป
แม้จะต้องฆ่าคนทั้งโลกหรือต้องทรมานยิ่งกว่านี้อีกกี่ร้อยพันเท่าผมก็ยอม
สิ่งเดียวที่ผมต้องการคือนายที่ยังคงมีชีวิตอยู่ตรงหน้าเท่านั้น
เพียงแค่ความปรารถนาเดียวแต่กลับทำร้ายตัวเขาไว้มากมายรวมถึงคืนนี้ที่จะต้องมีใครสักคนจบชีวิตลง เอเดนบอกว่าเลือกที่จะฆ่าอาเธน่าเพื่อเขาแล้วดังนั้นจึงได้บังคับให้เขาต้องเลือกเช่นเดียวกัน คิดแล้วโคกะก็ก้มลงมองคล็อธสโตนที่ยังส่องแสงจางๆอยู่บนพื้นแล้วค่อยหยิบมันขึ้นมา
เพกาซัสคล็อธ สิ่งสำคัญซึ่งได้รับสืบทอดมาจากคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต สิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยถูกมือคู่นั้นทำให้พังทลายแต่ก็เป็นมือคู่เดียวกันที่ยอมสละเลือดของตนเพื่อชุบชีวิตมันแล้วนำมันกลับมาคืนเขาราวกับจะบอกว่าให้ใส่ชุดคล็อธมาฆ่าตนเสีย
“เอเดน...”เลือดเจ้าของนามยังคงติดแน่นอยู่บนผลึกสีขาว เด็กหนุ่มหลับตาลงกอดคล็อธสโตนแนบอกพร้อมกับเริ่มทบทวนทุกอย่างในหัวใจทั้งหมด
เด็กหนุ่มคิดถึงครั้งแรกที่ได้พบกันในพาเลสทรา หนุ่มรุ่นพี่ผู้มีแววตาเด็ดเดี่ยวและเย็นชาจนไม่มีใครอยากเข้าใกล้แต่เขาก็ยังคงเดินเข้าไปหาก่อนจะจบลงด้วยการโดนเล่นงานจนหมดสติเรียกได้ว่าไม่มีความน่าประทับใจเลย ครั้งต่อมาที่ได้พบกันคือเมื่อครั้งที่เอเดนมาชิงตัวอาเรียคืน แววตามุ่งมั่นแบบคนที่ตัดสินใจแล้วทำให้ทุกการโจมตีไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย
อาเรีย เด็กสาวที่ตอนนี้ร้องไห้อยู่ข้างกายเขาคือคนที่เอเดนรักที่สุดและเป็นบุคคลที่เอเดนยอมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อทำตามความปรารถนาของเธอ แต่ในเวลานี้เอเดนกลับบอกว่าทำทุกอย่างเพื่อต่อชีวิตให้กับเขา คำถามที่เขาเคยถามเอเดนไปหลายครั้งบัดนี้ชายหนุ่มได้ตอบมันมาแล้วด้วยการกระทำทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นรสจูบที่อ่อนหวาน อ้อมกอดอันอบอุ่นหรือกระทั่งการตัดสินใจครั้งสุดท้ายที่จะเปลี่ยนชีวิตเขาทั้งคู่ไปตลอดกาล
ถ้าหากว่าสิ่งที่อยู่ในมือของฉันคือคำตอบของนายละก็....
“อาเรีย”โคกะเอ่ยเรียกเด็กสาวข้างตัวแล้วจึงลืมตาขึ้น แววตาของโคกะไม่มีความลังเลอีกต่อไป
“ฉันจะจบเรื่องทุกอย่างเอง”
ช่วงค่ำที่วิหารแอเรียส กิกิกำลังเก็บของเพื่อเตรียมตัวกลับจามิลอยู่เงียบๆก่อนจะลุกขึ้นจากกองสัมภาระแล้วมองออกไปด้านนอกซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยเมฆสีดำที่เหมือนกับจะบอกว่าฝนกำลังจะตกแล้ว
“ถ้าพรุ่งนี้อากาศแจ่มใสก็คงดี”เพราะฝนที่ตกลงมาแทบทุกวันทำให้พื้นดินเฉอะแฉะเต็มไปด้วยโคลนไม่เหมาะแก่การเดินทางอย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างไรกิกิก็ไม่ควรเลื่อนการเดินทางกลับเพราะตอนนี้ลูกศิษย์ของเขากับคล็อธสโตนที่เสียหายกำลังรอการกลับไปของเขาอยู่แต่แล้วพลันนั้นเองเขากลับรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่าง
“สัมผัสนี้มัน.....”ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงขุมพลังที่ตนรู้จักกำลังก้าวรุกล้ำเข้ามาในเขตวิหารแอเรียสอย่างช้าๆ ในยามมืดค่ำแบบนี้หากไม่มีธุระด่วนจริงย่อมไม่มีใครอยากออกมาข้างนอกอยู่แล้วเว้นแต่ว่าจะมีเหตุผลอื่นเท่านั้น
แอเรียส กิกิหลับตาลงและพริบตาต่อมาโกลด์คล็อธสีทองก็มาปรากฏอยู่บนร่างกายเรียบร้อย โกลด์เซนต์หนุ่มกระชับผ้าคลุมที่หลังขึ้นมาก่อนจะเดินออกไปยืนรออยู่หน้าวิหารเพื่อพิสูจน์สิ่งที่กำลังเดินทางมาที่แห่งนี้
ภายนอกมีสภาพเลวร้ายกว่าที่มองจากภายในวิหารมากนัก ท้องฟ้ามืดสนิทราวกับอยู่ในช่วงกลางดึกเพราะเมฆสีดำ ลมกระโชกพัดแรงแทบทำให้ต้นไม้ใหญ่หักโค่น ทว่าท่ามกลางทัศนวิสัยอันเลวร้ายเหล่านี้กลับปรากฏร่างหนึ่งที่เดินตรงเข้ามาด้วยท่าทางไม่หวั่นต่อสิ่งใด
เปรี้ยง!
สายฟ้าเส้นโตพาดผ่านท้องฟ้าเบื้องหลังร่างนั้นดุจจะป่าวประกาศถึงความน่าเกรงขามของเอเดนในชุดคล็อธโอไรอ้อน ผู้ใช้สายฟ้าอันทรงพลัง แววตาคู่คมมองตรงมายังเบื้องหน้าราวกับพร้อมที่จะเข้าสู่สนามรบอย่างไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใด ทั้งยังมีพลังคอสโม่ที่รุนแรงจนกิกิรู้สึกว่าผิวแสบร้อนขึ้นมา
“เธอมีธุระอะไรที่นี่”พอกิกิเอ่ยถามออกไปเอเดนก็หยุดเดินแล้วจึงตอบเพียงแค่ว่า
“ถอยไป”คนอายุมากกว่าขมวดคิ้วเพราะมั่นใจแล้วว่าเอเดนไม่มีทางมาดีอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะรังสีฆ่าฟันที่แสดงออกมาอย่างไม่มีปิดบังก็ยังช่วยยืนยันเรื่องนี้เป็นอย่างดี
“เธอคิดว่าฉันจะถอยงั้นเหรอ”คราวนี้เอเดนไม่ได้พูดอะไรอีกนอกจากตั้งท่าเตรียมเข้าต่อสู้ซึ่งกิกิก็คาดไว้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้แม้จะไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของคนตรงหน้าก็ตาม
“เอเดน คราวนี้เธอทำเพื่อใครกันล่ะ”
เพื่อตนเองหรือเพื่อใครอีกคนที่เคยโอบกอดไว้อย่างหวงแหนกันแน่....
“ไม่ว่าเมื่อไหร่ผมทำทุกอย่างเพื่อตัวผมเองทั้งนั้น!”เอเดนตอบด้วยเสียงที่เหมือนกับคำรามเพื่อประกาศชัดถึงความตั้งใจ แววตาของเอเดนเหมือนกับในวันนั้นที่มารับเพกาซัส โคกะกลับไปไม่มีผิด มันคือแววตาของคนที่ตัดสินใจทำอะไรสักอย่างไปแล้วและจะไม่มีวันสั่นคลอน
โกลด์เซนต์แห่งราศีเมษมองเห็นท่าทางนั้นแล้วก็ได้แต่ตั้งท่าเตรียมเข้าต่อสู้เช่นเดียวกันเนื่องจากรู้ดีว่าโอไรอ้อนเซนต์ไม่ใช่คนฝีมือกระจอกที่ไม่ต้องเอาจริงด้วยได้หากแต่เป็นเซนต์ที่เก่งกาจซึ่งหากไม่เอาจริงเขาคงเจ็บตัวเอง เมื่อต่างฝ่ายก็ตั้งท่าเตรียมพร้อมแล้วพลังคอสโม่ก็ถูกเร่งขึ้นวินาทีเดียวกับที่ทั้งสองฝ่ายพุ่งเข้าหากัน ทว่า....
“หยุดนะ!”เสียงตะตะโกนของใครคนหนึ่งก็ได้หยุดทั้งคู่เอาไว้
สองหมัดของทั้งคู่หยุดก่อนที่จะปะทะกันเพียงนิดเดียวเมื่อได้ยินเสียงของคนที่เพิ่งมาถึง เพกาซัส โคกะหอบหายใจด้วยความเหนื่อยหลังจากรีบวิ่งมาวิหารแอเรียส แม้จะเหนื่อยแต่โคกะก็ดีใจที่มาทันหยุดเอเดนไว้ก่อนที่จะเกิดเรื่องใหญ่ไปมากกว่านี้
กิกิขยับถอยออกมาแต่ก็ยังไม่คลายท่าทีระวังตัวผิดกับเอเดนที่ลดมือลงแล้วหันไปมองโคกะอยู่เงียบๆ เด็กหนุ่มหอบหายใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะขยับตัวยืนให้มั่นคงแล้วหันไปหาเอเดนด้วยแววตาที่ไม่ลังเลอีกต่อไป
“นายตัดสินใจได้แล้วสินะ”ในน้ำเสียงราบเรียบนั้นโคกะไม่แน่ใจว่าเอเดนหวังในการตัดสินใจแบบไหนของเขากันแน่ แต่ที่สำคัญคือไม่ว่าเอเดนจะรู้สึกอย่างไรเขาก็จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของตน
“ฉันไม่มีทางเข้าใจหรอกว่าคนฉลาดแบบนายจะตัดสินใจยังไง สิ่งเดียวที่คนโง่แบบฉันทำได้มีเพียงแค่นี้เท่านั้น”คล็อธสโตนของเพกาซัสถูกชูขึ้นมา แสงสว่างของคล็อธสโตนเปล่งประกายพร้อมกับเสียงเรียกของโคกะ
“เพกาซัสคล็อธ!”สิ้นคำนั้นทุกคนต่างก็ได้ยินเสียงของวิญญาณเพกาซัสตอบรับกับเสียงเรียกของโคกะ คริสตัลที่แตกร้าวกลายเป็นชุดเกราะเพื่อปกป้องนายของมันอีกครั้งหนึ่ง ต่อให้ชุดเกราะไม่สมบูรณ์ดีแต่ก็ยังสามารถเปล่งรัศมีเจิดจรัสออกมาได้
เพกาซัส โคกะหันไปมองกิกิโดยไม่พูดอะไรแต่โกลด์เซนต์หนุ่มรุ่นพี่ก็รู้ดีว่าโคกะหมายถึงอะไรจึงพยักหน้าแล้วถอยกลับมายืนอยู่ที่หน้าประตูวิหารดังเดิมโดยปล่อยให้โคกะเป็นคนจบเรื่องทั้งหมดนี้
“นี่คือคำตอบของฉัน!”ทันทีที่พูดจบร่างของโคกะก็พุ่งเข้าหาเอเดนพร้อมเงื้อหมัดขึ้นแล้วต่อยออกไปสุดแรง โอไรอ้อนเซนต์ยกแขนขึ้นออกแรงปัดหมัดของเพกาซัสออกไปด้านข้างแล้วเบี่ยงตัวหลบแต่ร่างอันปราดเปรียวกลับพลิกตัวเตะเข้าที่สีข้างของชายหนุ่มอย่างรุนแรงจนคนตัวสูงกว่าถึงกับเซถลาไปเล็กน้อยความเจ็บแปลบที่ทะลุผ่านชุดเกราะมาทำให้ชายหนุ่มรับรู้ว่าผู้กระทำนั้นไม่มีความลังเลแม้แต่นิดเดียว ชั่ววินาทีหนึ่งที่เอเดนรู้สึกขมขื่นแต่ในขณะเดียวกันเขากลับรู้สึกว่านี่เป็นผลที่ตนควรได้รับแล้ว
“แบบนี้แหละดีแล้ว”เสียงพูดของเอเดนนั้นแผ่วเบาเหมือนกับจะพูดให้ตัวเองฟังแต่โคกะกลับได้ยินเข้าทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
“ดีตรงไหนกัน! นายก็แค่เลือกทางที่เห็นแก่ตัวที่สุดเท่านั้น!”โคกะพูดไปพร้อมตั้งใจจะเงื้อหมัดชกเอเดนอีกครั้งแต่ก็ต้องรีบหลบเพราะสายฟ้าที่เอเดนปล่อยออกมา
“ผมไม่มีทางให้เลือกมากนักหรอก นายคิดว่าผมสูญเสียอะไรบ้างแล้ว”ประโยคนั้นไม่มีโทสะแฝงอยู่เลยแต่ทุกถ้อยคำกลับถูกเคลือบไปด้วยความโศกเศร้า โคกะพลันหวนคิดถึงเอเดนเมื่อครั้งอดีตที่ยังมีครอบครัวและทุกสิ่งในครอบครอง หากแต่เวลานี้ชายหนุ่มกลับไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
“ผมไม่ใช่คนเข้มแข็งอย่างที่นายคิดเพราะผมไม่สามารถมีชีวิตอยู่โดยขาดคนให้ยึดเหนี่ยวได้”สายฟ้ายังคงฟาดฟันเข้ามาอย่างรุนแรงผิดกับคำพูดของชายหนุ่มลิบลับ กระนั้นเอเดนก็ตัดสินใจแล้วว่าต่อให้ต้องทำร้ายโคกะจริงๆเขาก็จะทำเพราะเทียบกับการต้องเห็นโคกะตายไปต่อหน้าต่อตาแล้วความเจ็บปวดแค่นี้เทียบกันไม่ได้เลย
ระหว่างที่หลบโคกะก็มองเอเดนอยู่ตลอดเวลา สายฟ้าที่ถูกมือข้างนั้นบงการยังคงฟาดฟันใส่เขาอย่างแม่นยำแบบที่เพียงแค่จะหลบให้พ้นก็ยังเป็นเรื่องยากยิ่งเสริมให้คำพูดของเอเดนเป็นความจริง เอเดนคิดจะไปฆ่าอาเธน่าเพื่อเขาจริงๆ
“นายคิดว่าฉันจะดีใจรึไงที่มีชีวิตอยู่ต่อด้วยการพรากชีวิตคนอื่นไปแบบนี้!”เมื่อหลบสายฟ้าพ้นโคกะก็เข้าประชิดตัวเอเดนอีกครั้งแล้วปล่อยหมัดออกไปไม่ยั้ง เอเดนเลิกใช้สายฟ้าเปลี่ยนมาปัดป้องการโจมตีของโคกะพร้อมกับพยายามสร้างระยะห่างออกมาเพื่อรวบรวมพลัง
“ฉันไม่มีวันดีใจกับเรื่องนี้เด็ดขาด!”โคกะกล่าวย้ำและครั้งนี้ดูเหมือนคำพูดของเขาจะเริ่มจุดประกายโทสะของเอเดนขึ้นมาแล้ว ชายหนุ่มกัดฟันกรอดแล้วตอบกลับไปเสียงดัง
“ผมไม่สน! ผมไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว! ผมขอแค่ให้นายยังอยู่เท่านั้น!”หมัดหนึ่งถูกปล่อยออกไปและพุ่งเข้าสู่ร่างของเด็กหนุ่มซึ่งโคกะป้องกันไม่ทันจึงโดนหมัดของเอเดนชกกระเด็นออกไปหลายเมตรสบโอกาสให้เอเดนรวมพลังใช้ท่าถนัดของตนเอง
“Tonitrui Saltare!”พริบตานั้นบอลสายฟ้าสองลูกบนอากาศก็ถูกซัดเข้าใส่โคกะอย่างไม่ปรานี
เปรี้ยง!
เมื่อพลังอัสนีปะทะเข้ากับเด็กหนุ่มก็พลันเกิดเสียงดังลั่นดุจฟ้าผ่าฝุ่นควันปกคลุมไปทั่ว ยินเสียงร่างหนึ่งล้มลงกับพื้นเสียงนั้นทำให้เอเดนรู้สึกสะเทือนใจแต่เขาก็จำต้องทำ แต่ยังไม่ทันที่จะได้หันไปเผชิญหน้ากับกิกิร่างที่ล้มอยู่ก็พลันลุกขึ้นอีกครั้งหนึ่งด้วยแววตาที่ยังไม่ยอมแพ้
“เกือบไปแล้ว...ถ้าเร่งคอสโม่มาสกัดพลังของนายไม่ทันละก็....”ขณะที่พูดโคกะก็พยายามลุกขึ้นยืนเพื่อสู้ต่อแต่เอเดนก็ไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นเพราะชายหนุ่มกลับพุ่งเข้ามาโจมตีโคกะต่ออย่างไม่หยุดยั้ง
หมัดอันหนักหน่วงพุ่งเข้ามามีทั้งที่โคกะสกัดไว้ได้กับไม่ได้ส่งผลให้ร่างกายของโคกะมีบาดแผลเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งโคกะบาดเจ็บมากเท่าไรสีหน้าของเอเดนกลับดูย่ำแย่ลงทุกทีแต่เอเดนก็หยุดไม่ได้ เพราะไม่อยากให้ทุกอยางที่ทำมาไร้ความหมาย
“Hilia Mastia!”ท่าโจมตีที่ใช้สายฟ้าพุ่งเข้าใส่คู่ต่อสู้พร้อมกับหมัดที่ปล่อยออกมาทำให้ร่างของโคกะชาวาบ ผิวเนื้อเจ็บแสบจนได้กลิ่นไหม้จางๆแต่กระนั้นเด็กหนุ่มก็ยังยืนหยัดอยู่
“ทำไมถึงยังไม่ล้มลงไปอีก....”เอเดนกล่าวอย่างเจ็บปวดเพราะไม่ว่าจะทำอะไรโคกะก็ยังดื้อดึงไม่ยอมล้มลงเสียที
“เอเดน...”โคกะเอ่ยเรียกด้วยแววตาที่ไม่ยอมแพ้ใบหน้าหล่อเหลาจึงเริ่มเผยความหวั่นไหวออกมาเรื่อยๆ สีหน้าของเอเดนดูเหมือนคนเจ็บมากกว่าโคกะที่แทบจะยืนไม่อยู่ คราวนี้โคกะจึงเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาและเป็นเอเดนที่กลับขยับตัวถอยหนีเขาเสียเอง
“พอได้แล้ว ล้มลงไปสิ....”ได้ยินดังนั้นริมฝีปากบางก็ยกขึ้นตามด้วยเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอ
“เป็นอะไรไปล่ะ การเตรียมใจของนายมันแค่นี้เองงั้นเหรอ”คำพูดของโคกะทำให้เอเดนแทบจะหยุดชะงักเพราะถ้อยคำที่เหมือนกับจะยั่วยุให้เขาโจมตีใส่ขนาดกิกิยังถึงกับหรี่ตาน้อยๆเพราะไม่รู้ว่าโคกะจะยั่วยุเอเดนด้วยเหตุผลอะไร
“ลงมือสิ! ล้มฉันแล้วไปฆ่าอาเธน่า นายตัดสินใจแล้วไม่ใช่เหรอ!”เพกาซัสวัยเยาว์ตวาดกร้าวขณะที่ยังพยายามเข้าไปใกล้พรานป่าโอไรอ้อนมากขึ้นทุกที
“ผม...ผม....”ความลังเลแล่นผ่านดวงตาสีเขียวคู่นั้น เพราะคนตรงหน้าคือคนที่เขาไม่อยากจะทำร้ายมากที่สุด ยิ่งร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผลขยับเข้ามาใกล้มากเท่าไรความเจ็บปวดก็ยิ่งโจมตีตัวเขาจนแทบยืนไม่ติด เพราะเดิมทีโคกะที่ร่างกายยังไม่แข็งแรงก็ไม่มีทางสู้เขาได้อยู่แล้วสิ่งเดียวที่ทำให้โคกะยังคงยืนหยัดอยู่ได้ตอนนี้คงมีแต่พลังใจเท่านั้น ถ้าหากเขาโจมตีไปมากกว่านี้โคกะก็จะต้อง....แต่ถ้าเขาไม่ทำโคกะก็ไม่มีทางอยู่รอดพ้นคืนนี้เป็นแน่และพริบตาที่โคกะจบชีวิตลงเพียงแค่คิดเขาก็ทรมานจนทนไม่ไหว
“ผม...จะไม่ยอมให้นายตายเด็ดขาด!”แล้วพลังคอสโม่สายฟ้าก็ถูกรวมเข้าที่มือทั้งสองข้าง เอเดนกระโดดขึ้นไปบนฟ้าใช้พลังคอสโมพยุงตัวเอาไว้พร้อมกับเร่งให้ถึงขีดสุดสร้างลูกพลังอัสนี้ขึ้นมาเพื่อใช้ปิดฉากทุกสิ่ง
“Orion’s Devastion!”หมัดที่กำแน่นชกลงไปบนลูกพลังซึ่งอัดแน่นด้วยคอสโม่สายฟ้าเต็มแรง คลื่นพลังอันมหาศาลแผ่ออกเป็นวงกว้างจนกิกิต้องรีบใช้คริสตัลวอร์ป้องกันวิหารเอาไว้ ส่วนโคกะกลับทำเพียงแค่ยืนนิ่งแล้วเงยหน้าขึ้นมองผู้ที่อยู่เบื้องบน รอยยิ้มน้อยๆเกิดขึ้นบนริมฝีปากซึ่งทำให้หัวใจของชายหนุ่มกระตุกวูบโดยเฉพาะเมื่อได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น
“ขอโทษนะ เอเดน”แล้วร่างของโคกะจะถูกสายฟ้ากลืนกินเข้าไปโดยที่โคกะไม่ได้ใช้พลังป้องกันตัวเองไว้แม้แต่นิดเดียว!
“เพกาซัส!!!!!!!!”ทันทีที่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไปเอเดนก็ร้องเรียกอย่างบ้าคลั่งเพราะเขาคิดว่าเมื่อใช้ท่านี้โคกะต้องป้องกันเขาจึงอัดพลังให้มากพอที่จะทะลุการป้องกันเพื่อทำให้โคกะหมดสติ แต่ถ้าหากโดนท่านี้เข้าไปในสภาพไร้การป้องกันผลของมันย่อมไม่ใช่แค่การหมดสติเป็นแน่ชายหนุ่มจึงรีบสลายพลังทั้งหมดของตัวเองแต่ก็ไม่ทันการเสียแล้ว
เมื่อพลังสลายไปเอเดนก็รีบวิ่งเข้าไปหาร่างที่ล้มอยู่บนพื้นทันที ชุดคล็อธที่แตกร้าวพยายามใช้พลังปกป้องเจ้านายของมันอย่างเต็มที่จนประกายทั้งหมดดับวูบหายไป มือหนาโอบอุ้มร่างบอบบางขึ้นมาแนบอกแต่กลับไม่อาจสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่ควรมี
“ไม่จริง....”โอไรอ้อนเซนต์เอ่ยพลางเขย่าตัวเด็กหนุ่มในอ้อมกอดแต่ก็ไร้การตอบสนองใดๆ ดวงตาคู่โตยังคงปิดสนิทเหมือนกับจะบอกว่าไม่มีวันเปิดขึ้นมาอีกแล้ว
“เพกาซัส....นายจะตายไม่ได้....”เสียงของเอเดนนั้นสั่นพร่าราวกับจะขาดใจจนกิกิที่เดินเข้ามายังรู้สึกสะเทือนใจแทนกับบทสรุปที่ตนคาดไม่ถึงมาก่อน โกลด์เซนต์แอเรียสจึงยื่นมือไปหวังจะช่วยปลอบแต่กลับต้องชะงักเมื่อสัมผัสได้ถึงขุมพลังหนึ่งที่กำลังพุ่งพล่านอยู่ในตัวโคกะ
“เอเดนถอยออกมา!”กิกิร้องเตือนแต่ก็ไม่ทันเมื่อพริบตาต่อมาผิวสีขาวของโคกะก็ถูกย้อมเป็นสีดำสนิท มือที่ตกอยู่บนพื้นถูกใช้ต่อยเอเดนจนกระเด็นออกไปอย่างรวดเร็วเกิดหมอกควันสีดำห่อหุ้มกายของโคกะเอาไว้ร่างบอบบางถูกบังคับให้ยืนขึ้นคล้ายตุ๊กตาที่ถูกชักใยโดยมีดวงตาสีแดงในหมอกควันกำลังส่งยิ้มเยาะมาให้
“อา....ในที่สุดร่างนี้ก็เป็นของข้า”ยินเสียงหนึ่งที่สะท้อนออกมาด้วยความยินดี
“แก....อาพุส!”เอเดนเรียกชื่อเทพแห่งความมืดด้วยความเกลียดชังขณะที่กิกิกำลังตกตะลึงกับการปรากฏตัวของเทพที่ถูกโคกะจัดการไปแล้ว
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าแกไม่มีทางทำเรื่องนี้สำเร็จอย่างแน่นอน”อาพุสเหยียดยิ้มดูแคลนเพราะความจริงเธอรู้อยู่แล้วว่าโอไรอ้อนจะต้องทำไม่สำเร็จแต่ก็คาดไม่ถึงว่าจะถึงขั้นพลั้งมือสังหารเพกาซัสไปด้วยแต่ก็เป็นการดีสำหรับเธอ อย่างไรเสียร่างนี้ก็เคยเป็นร่างทรงของเธอย่อมสามารถฟื้นฟูพลังได้เร็วกว่าร่างอื่น ดังนั้นเมื่อแสงแห่งชีวิตของเพกาซัสดับลงเธอจีงรีบเข้ามาสิงสู่ร่างนี้ทันทีเพื่อใช้มันทำลายล้างทุกสิ่งให้สิ้น
“ทีนี้ก็ได้เวลาตายของพวกแกแล้ว”ภายใต้ความสิ้นหวังและโกรธแค้นเทพแห่งความมืดส่งเสียงหัวเราะพร้อมสั่งให้ร่างของโคกะยกมือขึ้นเพื่อใช้พลังกำจัดเซนต์ทั้งสองทิ้งเสีย
ทว่า....
“แกพลาดแล้วล่ะ อาพุส”เสียงของคนที่ไม่น่าจะมีชีวิตอยู่แล้วดังขึ้นพร้อมกับดวงตาที่เปิดขึ้นของเพกาซัส โคกะ!
เซนต์เพกาซัสเร่งพลังคอสโม่จากแก่นของวิญญาณชำระล้างพลังมืดในกายจนผิวกลับมาเป็นสีขาวดังเดิมทั้งยังใช้มันโจมตีอาพุสทันที อาพุสกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเพราะโดนพลังสว่างในระยะประชิดอย่างไม่ทันตั้งตัวจนต้องล่าถอยออกไปไกล มันจับจ้องโคกะด้วยแววตาทั้งสงสัยและอาฆาตแค้น
“ทำไมแกถึงยังไม่ตาย!”เพราะเธอสัมผัสได้ว่าเพลิงชีวิตของโคกะดับไปแล้วจึงได้เข้ามาสิงร่างแต่โคกะกลับยังไม่ตายซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ เด็กหนุ่มขยับยิ้มก่อนจะตอบ
“ก็เกือบไปแล้วเหมือนกัน แต่อาเรียเป็นคนช่วยรักษาวิญญาณของฉันเอาไว้”ในเสี้ยววินาทีที่ถูกพลังของเอเดนกลืนกินอาเรียก็ได้ใช้พลังของเธอปกป้องวิญญาณของโคกะและซ่อนมันไว้ในส่วนลึกที่สุดเพราะเธอกับโคกะจำได้ว่าอาพุสต้องการจะยึดครองร่างนี้ ดังนั้นถ้าหากจะกำจัดอาพุสก็ต้องหลอกล่อให้อาพุสออกมาแล้วใช้พลังขับไล่เท่านั้นแม้จะเป็นวิธีที่เสี่ยงเพราะหากพลาดพลั้งโคกะก็จะต้องตายจริงๆแต่ก็คุ้มค่าที่จะลอง
“ฉัน....”
แว่วเสียงหวานใสของเด็กสาวท่ามกลางความว่างเปล่า ในเวลาต่อมาพลังสว่างจึงได้มารวมตัวข้างกายโคกะพร้อมกับร่างของเด็กสาวนามอาเรียที่ปรากฏตัวขึ้นพร้อมดวงตาคู่สวยที่มองไปยังเทพแห่งความมืดด้วยท่าทางมุ่งมั่น
“ฉันจะไม่ยอมเธอให้ทำร้ายคนสำคัญของฉันอีกต่อไปแล้ว!”
สองแขนของเด็กสาวกางออกด้านข้าง พลังสว่างของโลกนี้ถูกรวบรวมมาอยู่ในมือเพื่อส่งผ่านพลังมาให้กับโคกะเตรียมการเด็ดชีพของเทพแห่งความมืดให้สิ้นซาก!
“แก......เพกาซัส!!!!!!!!!!!!!”อาพุสกรีดร้องอย่างโกรธแค้นพร้อมกับใช้พลังที่เหลืออยู่ทั้งหมดสร้างคลื่นพลังเข้าบดขยี้โคกะที่กำลังรวบรวมพลังอยู่เพราะอย่างน้อยหากจะต้องหายไปเธอก็จะต้องลากเพกาซัสให้ตายตกตามกันไปด้วยให้ได้!
คลื่นพลังสีดำพุ่งเข้าหาร่างของโคกะที่ยืนอยู่ด้านหน้า เด็กหนุ่มกัดฟันเตรียมรับพลังที่หลบไม่ได้แต่แล้วก็มีเงาสีขาวพาดผ่านใบหน้าไป เจ้าของเงานั้นคือเอเดนที่ออกมายืนข้างหน้าเขาแล้วเร่งพลังคอสโม่เพื่อปกป้องโคกะจากอันตราย
“ผมเองก็จะไม่ยอมให้แกทำร้ายคนสำคัญของผมอีกแล้วเหมือนกัน!”สองมือซึ่งรับพลังของอาพุสถูกความมืดดูดกลืนเข้าไปแต่กระนั้นเอเดนก็ยังกัดฟันไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่คำเดียว ชายหนุ่มยังคงยืนอยู่เบื้องหน้าเพื่อปกป้องคนสำคัญให้ถึงที่สุดจนกระทั่งพลังของอาพุสสลายหายไปประจวบเหมาะกับที่โคกะขยับท่าร่างใช้ท่าไม้ตายออกไป
“จบกันแค่นี้แหละ เพกาซัสหมัดดาวตก!”ลำแสงสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าหาเค้าร่างของอาพุส การโจมตีของแสงสว่างสาดแสงชำระความมืดจนหมดสิ้นแหลือเพียงเสียงกรีดร้องของอาพุสที่ค่อยๆสลายหายไป
“เพกาซัส! โอไรอ้อน !”เทพแห่งความมืดเอ่ยได้เพียงแค่สองนามนี้ก่อนที่จะถูกพลังสว่างชำระล้างจนหมดสิ้น หมอกควันสีทมิฬสลายหายไปเหลือเพียงร่างสว่างไสวของอาเรียที่ยังคงอยู่ เธอหันมายิ้มให้กับโคกะก่อนหันไปหาเอเดน
“ขอโทษนะแล้วก็ขอบคุณมากนะที่ช่วยปกป้องโคกะเอาไว้”
รอยยิ้มอันงดงามจรดบนใบหน้าของเธอ ชายหนุ่มรู้สึกว่าหัวตาเริ่มสั่นไหวคล้ายกับจะหลั่งน้ำตาแต่ก็อดกลั้นเอาไว้ก่อนจะเอื้อมมือไปโอบกอดเธอไว้เป็นครั้งสุดท้ายเพื่อบอกลากับความรู้สึกที่มีให้เธอมาตลอด
“ผมรักเธอ อาเรีย”
“ขอบคุณมากนะ เอเดน”
เด็กสาวหัวเราะแล้วกอดตอบชายหนุ่มขณะที่ค่อยๆจางหายไปแต่ก็ไม่ยอมที่จะเอ่ยคำลา ตัวตนของเธอหลงเหลือความอบอุ่นไว้ให้กับคนที่ทำเพื่อเธอเสมอมาและจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป
ลับร่างของอาเรียไปแล้วก็เหลือเพียงคนสองคนที่ยังไม่เคยได้ปรับความเข้าใจกัน ต่างฝ่ายจึงได้หันมาประจันหน้ากันแต่ความอ่อนล้าที่สะสมต่างก็ทำให้ทั้งคู่สิ้นสติไปพร้อมกันโดยที่ยังไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
หลายวันต่อมาเมื่อโคกะได้สติถึงได้รู้ว่าเรื่องในคืนนั้นจบเพียงแค่ว่าเอเดนกับโคกะได้ร่วมมือกันกำจัดเศษเสี้ยวของเทพแห่งความมืดสำเร็จโดยกิกิได้ปิดเรื่องที่เอเดนบุกมาวิหารแอเรียสเอาไว้ซึ่งทำให้โอไรอ้อนเซนต์รอดพ้นข้อหากบฏไปได้ด้วยดี เรื่องทุกอย่างจบลงเรียบร้อยเว้นแต่เพียงเรื่องเดียว
“ผมจะออกจากแซงค์ทัวรี่”ทันทีที่ได้สติเอเดนก็ประกาศออกมาเช่นนั้นโดยให้เหตุผลว่าต้องการสร้างหลุมศพที่บ้านเกิดให้กับคนสำคัญที่จากไปจึงไม่มีใครห้ามปรามยกเว้นเพียงคนเดียวที่มาได้ยินทีหลัง
ตอนแรกที่ได้ยินโคกะก็รู้สึกอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี เขาไม่มีสิทธิ์ไปห้ามเอเดนแต่ก็รู้สึกเหมือนบางสิ่งในหัวใจยังคงเว้าแหว่งหรืออาจเพราะยังไม่ได้พูดคุยกันให้รู้เรื่องก็เป็นได้ ในเช้าวันที่เอเดนเดินทางโคกะจึงฝืนกายออกมาส่งชายหนุ่มที่กำลังอำลากิกิที่วิหารแอเรียส
“เอเดน”เด็กหนุ่มร้องเรียกคนที่กำลังก้มหัวขอโทษที่สร้างความวุ่นวายกับแอเรียส กิกิอยู่ เอเดนเงยหน้าขึ้นมองต้นเสียงด้วยความตกใจเล็กน้อย
“เพกาซัส”เจ้าของชื่อเดินเข้าไปหาก่อนจะหยุดนิ่งด้วยยังไม่อาจเรียบเรียงคำพูดได้ กิกิเห็นดังนั้นจึงเดินจากไปปล่อยให้ทั้งสองคนคลี่คลายปมสุดท้ายระหว่างกัน
“คือ...นายจะไปแล้วเหรอ...”เอเดนพยักหน้าแทนคำตอบยิ่งทำให้โคกะรู้สึกพูดไม่ออก
“ทำไม....”เขารู้สาเหตุที่เอเดนบอกคนอื่นแต่ก็ยังอยากรู้เหตุผลที่แท้จริง เอเดนนิ่งไปเล็กน้อยแต่ในที่สุดก็ยอมตอบ
“ผมต้องการให้พวกท่านพ่อทุกคนได้หลับอย่างเป็นสุขนอกจากนั้น....ผมยังอยู่กับนายไม่ได้...”วินาทีที่ได้ยินโคกะรู้สึกว่าขอบตาเริ่มร้อนขึ้นมา ลำคอตีบตันเหมือนถูกบางอย่างรัดเอาไว้จนพูดแทบไม่ออก
“นายบอกว่าฉันเป็นคนสำคัญแล้วทำไม...”ทำไมถึงไม่อยู่กับฉัน....โคกะไม่ได้พูดออกไปจนหมดแต่เอเดนก็เข้าใจ ชายหนุ่มได้แต่เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“ผมทำร้ายนายไว้มากมาย มันไม่ใช่เหตุผลสวยหรูว่าเพื่อนาย ผมแค่ทำทุกอย่างเพื่อตัวเองเพียงเพราะผมไม่อยากอยู่อย่างโดดเดี่ยวบนโลกใบนี้ ความรู้สึกของผมมันเห็นแก่ตัวเกินไป นี่คือเหตุผลว่าทำไมตอนนี้ผมถึงยังอยู่กับนายไม่ได้”คำตอบที่ทั้งอยากรู้แต่ก็ไม่อยากได้ยิน ทั้งที่โคกะเพิ่งเข้าใจความรู้สึกของตัวเองแต่กลับต้องสูญเสียมันไปอย่างรวดเร็ว แต่กระนั้นโคกะก็ไม่อยากร้องไห้เพราะไม่ต้องการให้การจากลาต้องขมขื่นมากไปกว่านี้
“ไม่ว่าอย่างไรผมก็ยังยกโทษให้ตัวเองที่ทำร้ายนายไม่ได้”ทุกถ้อยคำของเอเดนบ่งบอกว่าโคกะสำคัญสำหรับตนเองมากแค่ไหน สำหรับเอเดนแล้วโคกะคือตัวตนอันสว่างไสวที่ช่วยขจัดความเปลี่ยวเหงาในหัวใจ คนที่ยื่นมือมาให้เขาทุกครั้งไม่ว่าเมื่อไรก็ตาม เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะใครหรือแม้แต่ตนเองที่ทำร้ายเด็กหนุ่มเขาก็ยกโทษให้ไม่ได้
“แต่ว่า....”โคกะอยากจะบอกว่าเขายกโทษให้แล้วแต่ก็พูดไม่ออกเช่นกันเพราะถึงจะรู้ใจตัวเองแล้วแต่ความเจ็บปวดเมื่อก่อนหน้านี้ก็ยังติดตรึงอยู่ในหัวใจเสมอ เพกาซัส โคกะรู้สึกเจ็บใจตัวเองเป็นที่สุดเมื่อพบว่าตนเองยังคงมีความรู้สึกครึ่งๆกลางๆเช่นเดิมและดูเหมือนเอเดนก็จะพอรับรู้ได้เช่นกัน
“นายไม่ต้องยกโทษให้ผมก็ได้ ผมเองก็จะไม่ขอโทษนายเหมือนกันเพราะผมไม่อยากทำให้เรื่องที่ช่วยชีวิตนายไว้เป็นความผิดพลาด”เสียงนั้นช่างอ่อนโยนแต่ก็ทำร้ายหัวใจเขาได้อย่างเจ็บปวดยิ่งกว่าครั้งใด เด็กหนุ่มก้มหน้าลงซ่อนใบหน้าอันขมขื่นเอาไว้แต่น้ำตากลับเหมือนจะไหลรื้นออกมาโคกะรู้สึกว่าเขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้ทุกอย่างจบลงเพียงแค่นี้ เด็กหนุ่มจึงเงยหน้าขึ้นแล้วตัดสินใจพูดความรู้สึกที่แท้จริงของตนเองออกไป
“ตอนนี้ฉันอาจจะยังยกโทษให้นายไม่ได้จริงๆ แต่ว่า.....” โคกะขยับเท้าเดินเข้าไปหาคนตรงหน้าเพื่อลดระยะห่างระหว่างกันแล้วส่งยิ้มไปให้
“สัญญากับฉันนะว่าครั้งหน้าที่ได้พบกันเราสองคนจะต้องยกโทษให้กันและกันจากนั้น..........นายช่วยกอดฉันด้วยความรู้สึกที่แท้จริงของนายได้มั้ย”เหมือนกับในคืนที่เขาถูกโอบกอดไว้ด้วยความอ่อนโยน หากว่าตอนนั้นคือความรู้สึกที่แท้จริงของเอเดนละก็เขาก็จะไม่มีวันรังเกียจอย่างแน่นอน
โอไรอ้อน เอเดนนิ่งฟังด้วยความตกใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสามารถยิ้มออกมาได้ในที่สุด กระเป๋าสัมภาระถูกวางทิ้งไว้บนพื้นขณะที่ร่างสูงขยับเข้าไปหาเพื่อดึงเอวบางเข้าหาตัวพร้อมใช้มือหนึ่งเชยคางเรียวให้ดวงหน้าหวานเงยขึ้นมาประสานสายตา
“ผมสัญญา โคกะ”ชายหนุ่มเอ่ยคำสัญญาแล้วเรียกชื่อจริงของคนที่ตนรักเป็นครั้งแรก ริมฝีปากของเอเดนประทับลงมาบนริมฝีปากของโคกะแทนสัญลักษณ์ของคำสัญญาอันแสนหวานแต่ก็แสนเศร้าในเวลาเดียวกัน โคกะยกมือขึ้นโอบแผ่นหลังของเอเดนเอาไว้แล้วออกแรงกอดร่างที่สูงกว่าตนให้แน่นที่สุดก่อนที่ชายหนุ่มจะจากไป
จากนั้นเอเดนก็เดินจากไปโดยมีโคกะมองตามจนร่างนั้นลับไปจากสายตา หยดน้ำตาจึงเริ่มเอ่อล้นออกมาบนแก้มและตกสู่พื้นอย่างเงียบๆ แต่ทั้งสองต่างก็ไมได้เอ่ยคำลาให้กันแม้แต่คำเดียวถึงน้ำตาจะไหลรินแต่โคกะก็ยังคงยิ้มอยู่เช่นนั้น
เพราะว่าพวกเราจะต้องได้พบกันอีกแน่นอน...
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ