[Fan Fiction Saint Seiya+LC]Once Again…
เขียนโดย MeiaR
วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 12.40 น.
แก้ไขเมื่อ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2556 11.17 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
12) นับจากนี้นิจนิรันดร์...
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ………ผมจะไม่เอ่ยถามอะไรอีกต่อไปแล้ว………
………เพราะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องถามอีกต่อไป………
………ขอเพียงแค่ในเวลานี้ให้เราได้อยู่ด้วยกัน………
จิ๊บ..จิ๊บ...
เสียงนกร้องดังอยู่ข้างหน้าต่างในยามเช้าปลุกให้ชุนลืมตาติ่นขึ้นจากแผงอกที่ซบอยู่เพื่อเตรียมตัวรับเช้าวันใหม่ แต่เพียงแค่เด็กหนุ่มขยับตัวเจ้าของมือที่สวมกอดเขาอยู่ก็ลืมตาตื่นขึ้นในทันที ใบหน้าอ่อนหวานปรากฏรอยยิ้มสดใสพร้อมกับส่งเสียงทักทายยามเช้าไปให้
“อรุณสวัสดิ์ครับ พี่อิคคิ”อิคคิยิ้มรับคำทักทายของน้องก่อนจะก้มลงจูบที่หน้าผากมนเบาๆแทนคำพูด
“เช้าวันนี้ทำอะไรกินกันดีครับ”ชุนเอ่ยถามและเฝ้ารอคำตอบแต่อิคคิกลับไม่ได้ตอบคำถามของเขา
“ยังไม่ต้องรีบตื่นก็ได้นอนต่อเถอะ”พูดจบพี่ชายก็รวบร่างน้องเข้ามากอดแน่นเหมือนเดิมซึ่งชุนก็ไม่ได้เอ่ยประท้วงอะไรซ้ำยังเอนศีรษะซบบนอกแกร่งเพื่อสัมผัสความอบอุ่นของกันและกันเอาไว้
เสียงหายใจยาวๆดังขึ้นใกล้ใบหูทำให้ชุนรู้ว่าอิคคิได้หลับไปอีกครั้งแล้ว ชุนขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้อยู่ในท่าทีสบายที่สุดแล้วตัดสินใจนอนหลับต่ออย่างที่อิคคิว่าไว้
ทุกเช้าที่ได้ตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของผู้เป็นที่รักทำให้ชุนรู้สึกมีความสุขจนไม่อยากเชื่อว่าตนเองกับอิคคิจะมีวันนี้ได้ เขาไม่สนใจอีกแล้วว่ามันจะเป็นบาปหรือไม่เพราะแบบนั้นก็เท่ากับว่าเขาเหยียบย่ำความรู้สึกที่อิคคิมีให้รวมถึงความรู้สึกของตนเอง
เขาจะไม่สิ้นหวังและเจ็บปวดอีกต่อไปแต่จะยิ้มให้กับปัจจุบันที่ได้อยู่ข้างกายกัน...
ขณะที่หลับตาลงห้วงคำนึงของเด็กหนุ่มก็นึกย้อนไปถึงวันที่เป็นทั้งจุดจบและจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด นับตั้งแต่วันที่เขาได้รับภาพสีน้ำมันมาและได้พบกับคางาโฮะ ได้ผูกพันกันและสุดท้ายก็โยงไปถึงความเป็นจริงซึ่งจางหายไปกับกาลเวลา
นับจากวันนั้นผ่านมานานแค่ไหนกันนะ....ชุนคิดพลางนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาอีกครั้งหนึ่ง
หลังจากการหายไปของอาโรนก็ทำให้ทุกคนกลับมายังด้านหลังวิหารไลบร้าโดยมีใครคนหนึ่งที่มีสีหน้าบึ้งตึงสุดขีดยืนรออยู่ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นโยมะผู้ที่ออกอาการผิดหวังอย่างรุนแรงเมื่ออิคคิกับคางาโฮะไม่ได้ฟาดฟันกันจนตายไปข้างอย่างที่ตนวาดหวังไว้
“นี่มันอะไรกัน! บทละครน่าเบื่อที่จบลงอย่างกับหนังน้ำเน่าราคาถูกแบบนี้ นี่ข้าเสียแรงลงตั้งมากเพื่ออะไรกัน!”ชานวัยกลางคนกล่าวอย่างไม่พอใจเป็นที่สุดทั้งยังกระทืบเท้าลงกับพื้นด้วยความเจ็บแค้นใจ ท่าทางของโยมะในตอนนี้หากให้ชุนอธิบายก็คือเหมือนกับสปอนเซอร์ภาพยนตร์ที่ไม่พอใจในฉากจบของละครที่ลงทุนสร้างไปไม่มีผิด
“ข้ารึอุตส่าห์ลงแรงนำภาพวาดของอาโรนมาส่งให้ถึงที่พร้อมทั้งใช้มนต์ย้อนเวลาดึงพลังของมันกลับมาแทนที่จะยึดร่างของแอนโดรเมด้าเพื่อมีชีวิตอยู่กลับเป็นฝ่ายหายไปเองแบบนี้ ช่างทำตัวเป็นพ่อพระไม่ต่างจากอดีตเลยแม้แต่นิดเดียว!”สิ้นคำนั้นคางาโฮะก็ไม่อาจอดทนต่อไปได้อีกแล้ว
เปรี้ยง!
หมัดหนึ่งหมัดพุ่งเข้าปะทะใบหน้าของโยมะทันทีแต่โยมะก็เหมือนนึกรู้อยู่แล้วว่าจะต้องเป็นเช่นนี้จึงได้ยกมือขึ้นใช้พลังหยุดหมัดของคางาโฮะเอาไว้ได้อย่างสบายๆ
“แกอย่าริบังอาจมาว่าร้ายท่านอาโรนของข้าเด็ดขาด!”ในน้ำเสียงของคางาโฮะเต็มไปด้วยโทสะอย่างเห็นได้ชัดแต่โยมะก็ไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย โยมะเดินถอยออกมาอย่างเงียบๆทั้งที่ยังส่ายหน้าเบื่อหน่ายอยู่แล้วกระโดดขึ้นหลังของเพกาซัสที่ยืนอยู่ด้านหลังทันที
“เรื่องราวนี้ช่างไม่ถูกใจข้านัก แต่ช่างเถอะไว้ข้าจัดการเรื่องในภพข้าเสร็จเมื่อไหร่พวกเจ้าทั้งหมดก็ไม่มีความหมายอีกต่อไป”มีเสียงดีดนิ้วดังขึ้นครั้งหนึ่งแล้วจากนั้นก็เกิดวังวนสีดำขึ้นเบื้องหน้าโยมะ สเป็คเตอร์ผู้มากเล่ห์แห่งดาวล้ำนภาควบม้าเพกาซัสเข้าไปในวังวนแล้วจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ไม่ทำให้ใครสักคนสบายใจแม้แต่นิดเดียว
“ที่มันพูดหมายความว่ายังไงกัน”อิคคิกอดอกด้วยความสงสัยในสิ่งที่โยมะพูดทิ้งท้ายเอาไว้อย่างนึกระแวง ผิดกับโดโกที่ก้มหน้าลงเริ่มครุ่นคิดก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ฮ่าๆๆ มันคงหมายถึงเรื่องที่มันคิดจะทำลายสรวงสวรรค์เมื่อสองร้อยกว่าปีก่อนกระมัง แต่ข้าเชื่อว่ามันไม่มีทางทำสำเร็จหรอกเพราะในยุคนั้นเองก็มีทั้งอาเธน่าและเพกาซัสที่แสนเก่งกาจอย่างเท็นมะอยู่นี่นะ เพราะงั้นพวกเจ้าสบายใจเถอะ”สีหน้าของโดโกบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าไม่ห่วงเรื่องนี้แม้แต่นิดเดียว เพราะอย่างไรเสียตนเองก็เป็นคนในยุคสมัยนั้นย่อมรู้ดีว่าจุดจบของปีศาจเจ้าเล่ห์นั้นเป็นเช่นไร
ได้ยินดังนั้นชุนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่คางาโฮะที่ขยับได้แล้วกลับทรุดลงบนพื้นด้วยความอ่อนแรงร้อนให้ชุนต้องรีบเข้าไปพยุงแต่มีหรือที่อิคคิจะปล่อยให้ชุนเหนื่อยคนเดียว ร่างสูงจัดการดึงแขนแบบที่แทบจะเรียกว่ากระชากให้คางาโฮะทรงตัวขึ้นยืนแม้จะขาดความเมตตาไปมากมายแต่คางาโฮะก็ไม่ได้ว่าอะไร
“ไม่เป็นไรข้าแค่ใช้พลังมากเกินไปเท่านั้น แค่พักเดี๋ยวก็หาย”แม้จะพูดแบบนั้นแต่ท่าทางของคางาโฮะก็ไม่ได้ทำให้ชุนเบาใจขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียวคางาโฮะจึงยกมือขึ้นวางบนลงกลุ่มเส้นผมสีเขียวสวยนั้นเบาๆเป็นการปลอบ
“ข้าอาจจะไม่ได้ออกมาอีกพักใหญ่แต่อย่าลืมนะว่าข้าจะยังอยู่ข้างกายเจ้าเสมอ”แล้วจากนั้นคางาโฮะก็กลายเป็นเหมือนกับอาโรน วิญญาณของชายหนุ่มกลายเป็นแสงสีทองและลอยหายเข้าไปในร่างของอิคคิที่ยืนอยู่ข้างๆ
เมื่อคางาโฮะหลับไปแล้วก็เหลือแต่เพียงสองพี่น้องที่ความสัมพันธ์ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เด็กหนุ่มเงยหน้ามองพี่ชายด้วยแววตาไม่สู้ดีนักก่อนจะเอ่ยถามคำถามที่ตนเองหวาดกลัวมาตลอดออกมา
“พี่อิคคิคิดว่าผมน่ารังเกียจรึเปล่าครับ”คำถามนี้อิคคิไม่ได้ตอบไปในทันที ชายหนุ่มยืนนิ่งรอให้น้องเป็นฝ่ายพูดจนจบเหมือนกับทุกครั้งที่ผิดใจกัน
“ผมรักพี่จริงๆนะครับ ไม่ใช่ในฐานะพี่น้องแต่รักในฐานะคนที่อยากอยู่เคียงข้างตลอดไปแต่ว่าผมกลับตัดใจจากคางาโฮะไม่ได้ ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนี้แต่ว่าผม...ผมก็ไม่อยากจากเขาไป”ยิ่งพูดดวงตาของชุนก็ยิ่งหม่นหมองจนทำให้หัวใจของคนที่เห็นเจ็บแปลบ
เขาเคยปรารถนา...ไม่สิตอนนี้ก็ยังปรารถนาเช่นนั้น เขาอยากให้ชุนเป็นของเขาเพียงคนเดียวไม่ให้ใครหน้าไหนมาแตะต้อง อยากให้ดวงตาคู่งามคู่นั้นมีเพียงเขาแต่หากว่าความรู้สึกนั้นมันทำให้ชุนเสียใจละก็.....อิคคิอดที่จะกัดฟันอย่างนึกเจ็บใจไม่ได้ แต่เขาก็จำต้องพูดออกไปเพื่อให้ชุนมีความสุขแม้ว่าตัวเขาจะต้องเจ็บปวดเองก็ตาม
“สำหรับฉันขอแค่นายยังอยู่ตรงนี้และเป็นชุนที่ฉันรักคนเดิมก็เพียงพอแล้ว แม้ว่าในใจของนายจะมีคนอื่นอยู่ด้วยก็ไม่เป็นไร....”คือความอ่อนโยนที่ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกรังเกียจตัวเองมากกว่าเดิมแต่แม้ตัวเขาจะเป็นแบบนี้แต่อิคคิก็ยังจะรักเหมือนเดิม
ทุกความรู้สึกถาโถมเข้าสู่หัวใจของเขาจนทำให้เด็กหนุ่มไม่อาจสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้อีกต่อไป ร่างบางโถมกายเข้าสวมกอดร่างที่ใหญ่กว่าเอาไว้แล้วเปล่งเสียงร้องไห้ออกมาเสียงดังเพื่อขับไล่ความรู้สึกสมเพชตัวเองออกไปโดยมีมือของพี่ชายที่ลูบเส้นผมเป็นการปลอบโยนอยู่เงียบๆ
ไม่รู้ว่าในตอนนั้นเด็กหนุ่มได้พูดคำว่าขอบคุณกับขอโทษออกมามากแค่ไหน อิคคิรับรู้ได้แต่แรงกอดที่เต็มไปด้วยความรวดร้าวของชุนกับเสียงร้องไห้ที่ไม่อยากได้ยิน เขากอดร่างที่สั่นระริกเอาไว้เพื่อบอกว่าเขาจะไม่มีวันทอดทิ้งชุนเด็ดขาด เขาทำอยู่เช่นนั้นจนกระทั่งเสียงร้องไห้เงียบหายไป
ภายหลังที่เรียกทุกอย่างสิ้นสุดลงอาเธน่ากับเซย์ย่าก็เข้ามาถามไถ่ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เมื่อชุนเล่าเรื่องทุกอย่างรวมถึงเรื่องของอาโรนจนจบทั้งสองคนก็ยิ้มออกมา
“งั้นเหรอ เขามีความสุขแล้วสินะ”ในที่สุดเธอก็เข้าใจถึงความผูกพันที่เกิดขึ้นและรับรู้ได้ว่าเหตุใดตนถึงรู้สึกคุ้นเคยกลับพลังนั้นเหลือเกิน
โชคชะตาที่นำพาเหล่าวิญญาณที่เคยเกี่ยวข้องและผูกพันกันให้กลับมาพบกันอีกครั้ง เธอรู้สึกเสียดายไม่น้อยที่ไม่อาจได้พบกับคนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นพี่ชายในอดีตชาติ ทางด้านเซย์ย่าเองก็ไม่ต่างกันเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมตนถึงอยากจะไปอยู่ข้างใครสักคน
ใครสักคนที่ว่าคงเป็นอาโรน คนหนึ่งที่เมื่อชาติภพก่อนสำคัญกับเขายิ่งกว่าใคร เขาไม่ได้หวนนึกถึงอดีตชาติได้แต่จิตวิญญาณกลับรับรู้ได้ว่าอาโรนนั้นสำคัญกับเขาแค่ไหน หากแต่ไม่ว่าอย่างไรในชาตินี้เขาก็ได้ตัดสินใจเลือกคนที่จะอยู่เคียงข้างตลอดไปแล้ว
“จะว่าไปช่างเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อจริงๆที่ชาติก่อนอิคคิเคยเป็นสเป็คเตอร์มาก่อนด้วย”น้ำเสียงของเซย์ย่ามีแต่เพียงความแปลกใจล้วนๆไม่ได้มีความรังเกียจแม้แต่นิดเดียวจนชุนอดรู้สึกนับถือไม่ได้
“แสดงว่าพวกเราเองต่างก็ผูกพันกันมาตั้งแต่อดีตกาลแล้วสินะ พอคิดแบบนี้แล้วรู้สึกดีใจจริงๆ”อาเธน่าพูดด้วยรอยยิ้มที่บอกชัดว่าดีใจแค่ไหน เพราะสำหรับเธอแล้วสายสัมพันธ์ของตนเองกับเหล่าเซนต์ทุกคนถือเป็นของล้ำค่าที่สุด
“ถึงจะวุ่นวายไปหมดแต่ก็ดีแล้วล่ะที่ทุกอย่างจบลงอย่างมีความสุขจริงไหม”อาเธน่าเอ่ยพลางมองสองพี่น้องที่ยืนอยู่เคียงข้างกันไม่ยอมห่าง เธอมองเห็นถึงสายสัมพันธ์ที่เกี่ยวพันกันอย่างแน่นแฟ้นของอิคคิกับชุนแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เพราะไม่ว่ามันจะเป็นในรูปแบบใดมันก็ยังคงเป็นความรักอันยิ่งใหญ่นั่นเอง
“ครับ”ชุนตอบรับคำพูดของอาเธน่าด้วยรอยยิ้มสดใสอย่างคนมีความสุขขณะที่ยังกุมมือของอิคคิไว้แน่น
จากนั้นอาเธน่าก็ได้เอ่ยชวนให้ทั้งสองคนพักอยู่ที่แซงค์ทัวรี่ต่ออีกวันก่อนจะเดินทางกลับบ้านเกิดซึ่งพวกชุนก็ตกลงแล้วทั้งคู่จึงค่อยเดินจากไป เมื่ออาเธน่ากับเซย์ย่าจากไปโดโกเองก็มาเอ่ยลาสองคนที่เหลืออยู่
“ข้าเองก็ได้เวลาไปแล้วจริงๆเหมือนกัน”การได้พบกับคางาโฮะคงทำให้โดโกหวนนึกถึงเพื่อนร่วมรบในยุคสมัยนั้นไม่น้อยแต่โดโกก็ไม่ได้มีท่าทางสลดใจเลย
“ดูแลตัวเองด้วยนะครับ ท่านผู้เฒ่า”ชุนเอ่ยลาขณะที่อิคคิก้มศีรษะลงน้อยๆแสดงความเคารพ
“พวกเจ้าเองก็ดูแลตัวเองดีๆล่ะ ส่วนข้าขอตัวกลับไปฝึกลูกศิษย์คนใหม่ก่อนละกัน”ว่าแล้วโดโกก็หันหลังเดินกลับเข้าไปในวิหารเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางกลับอย่างติดจะล่าช้าไปบ้างเล็กน้อย
“พวกเราเองก็เข้าไปพักผ่อนกันดีมั้ยครับ”ชุนเอ่ยชวนซึ่งอิคคิก็พยักหน้ารับ สองพี่น้องเดินกลับไปที่ห้องในวิหารไลบร้าแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงเดียวกัน ในคราวนี้ชุนไม่ได้มีท่าทีขัดเขินอีกแล้วเมื่อถูกอิคคิดึงเข้าไปกอด
แม้จะเป็นยามเช้าแต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นก็ทำให้สองพี่น้องรู้สึกเหนื่อยไม่น้อยและต้องการที่จะหลับพักผ่อน แต่ก่อนที่จะหลับชุนก็เงยหน้าขึ้นเพื่อกล่าวราตรีสวัสดิ์พี่ชาย
“ราตรีสวัสดิ์ครับ พี่อิคคิ”
“ราตรีสวสัดิ์ ชุน”อิคคิตอบกลับไปพร้อมกับก้มลงจูบหน้าผากมน ดวงตาสองคู่ที่ต่างสีปิดลงพร้อมกันเพื่อเข้าสู่นิทรา เด็กหนุ่มแนบใบหูกับแผ่นอกเพื่อรับรู้ถึงเสียงหัวใจของอิคคิซึ่งยังมีใครอีกคนหนึ่งมีชีวิตอยู่ในนั้นร่วมกัน
นับจากวันนี้เป็นต้นไปพวกเขาก็จะได้อยู่ร่วมกันตลอดไป...
ชุนคิดแบบนั้นและอดที่จะยินดีจากใจจริงไม่ได้ ทว่าความปรารถนาของชุนกลับไม่เป็นจริงเมื่อนับจากวันนั้นคางาโฮะก็ไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย....
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วอย่างน่ากลัวจนชุนไม่กล้าที่จะนับอีกต่อไปแล้วว่าตนเองจากกับคางาโฮะมานานเท่าไรกันแน่ ความกังวลที่อยู่ในใจนั้นชุนไม่อาจบอกให้อิคคิรู้ได้อย่างเด็ดขาดถึงแม้ว่าผู้เป็นพี่จะพอรู้อยู่แล้วก็ตาม
หลังจัดการอาหารเช้าเสร็จสองพี่น้องก็ตัดสินใจมาช่วยกันเก็บกวาดสวนที่เริ่มรกร้างด้วยกัน สวนหลังบ้านอาจจะเป็นเพียงสวนเล็กๆแต่ก็พอมีเนื้อที่อยู่บ้างดังนั้นพอชุนเห็นต้นหญ้าที่สูงขึ้นหลายนิ้วในช่วงที่ไม่อยู่บ้านเด็กหนุ่มก็ได้แต่ส่ายหัวแล้วหันไปลากเครื่องตัดหญ้ากับไม้กวาดออกมาจากห้องเก็บของ
“ดูท่าคงจะต้องใช้เวลานานเลยล่ะครับ”อิคคิพยักหน้าเห็นด้วยกับสภาพสวนในตอนนี้แล้วเปิดเครื่องตัดหญ้าทันทีโดยมีชุนถือไม้กวาดคอยกวาดเศษหญ้าและใบไม้อยู่ไม่ไกลจากกันนัก
ในระหว่างที่ลงมือทำงานสองพี่น้องไม่ได้พูดอะไรกันเลยซึ่งความจริงแล้วสำหรับอิคคิก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไรนักเพราะชายหนุ่มเองก็ไม่ใช่คนช่างพูดอยู่แล้ว แต่ชุนที่เดิมเป็นคนร่าเริงกลับเอาแต่กวาดพื้นอยู่ที่เดิมเงียบๆราวกับว่าในสวนนี้มีตนเองอยู่เพียงลำพัง
ฟินิกซ์ อิคคิลอบมองเสี้ยวหน้าของน้องชายที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากกันด้วยความเป็นห่วง แม้จะมีสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนปกติแต่อิคคิก็รู้ดีว่าความจริงแล้วน้องชายมักจะมีสีหน้าเหงาหงอยเสมอยามที่อยู่คนเดียว บางครั้งชุนก็ถึงกับเหม่อลอยราวกับจิตใจหลุดไปอยู่ที่ไหนสักแห่ง
เขาไม่แน่ใจว่าชุนรู้ตัวหรือไม่แต่ตัวเขาที่เฝ้ามองอยู่ย่อมรู้ดีว่าชุนกำลังคิดถึงคางาโฮะและคงคิดถึงมากอีกด้วย อิคคิยอมรับว่าเขาอิจฉาคางาโฮะที่ได้รับความรักจากชุนมากมายขณะนี้แต่ในขณะเดียวกันก็เห็นใจในอดีตของคางาโฮะที่สูญเสียครั้งแล้วครั้งเล่า
“เป็นตัวปัญหาจริงๆ”เข้ามาแทรกความสัมพันธ์ของเขากับชุนตามใจชอบแล้วก็หายไปเองตามใจชอบทำให้เขาต้องมาทนมองชุนมีสีหน้าทุกข์ใจแบบนี้
“รีบๆตื่นขึ้นมาได้แล้ว”เขายอมหงุดหงิดที่ต้องทนเห็นน้องชายได้ใกล้ชิดกับคางาโฮะดีกว่าต้องมาเห็นชุนมีสีหน้าหม่นหมอง คิดแล้วอิคคิก็หันกลับไปมองชุนที่ยืนกวาดพื้นอยู่ที่เดิมอย่างที่ไม่รู้ตัวเลยว่าที่พื้นไม่มีเศษหญ้าเหลืออยู่แม้แต่ใบเดียวทั้งยังถอนหายใจออกมาอีกด้วย
ท่าทางเหม่อลอยของน้องชายสุดที่รักยิ่งตอกย้ำให้ผ็เป็นพี่คิดหนักกว่าเดิมกับอาการอันน่าเป็นห่วงนี้ แต่เขาก็ทำอะไรกับเรื่องนี้ไม่ได้มากนัก ชายหนุ่มเริ่มครุ่นคิดอย่างจริงจังถึงสิ่งที่ตนเองสามารถทำได้และชายหนุ่มก็คิดออกในเวลาต่อมา
ยามบ่ายที่บ้านของเซนต์สองพี่น้องหลังจากเก็บกวาดสวนเสร็จเรียบร้อย ชุนเห็นอิคคิยกอุปกรณ์สำหรับเดินทางออกมาตรวจดูความเรียบร้อยคล้ายกับเริ่มเตรียมตัวจะออกเดินทาง แม้จะนึกรู้คำตอบอยู่แล้วแต่ชุนก็ยังถาม
“พี่อิคคิจะเดินทางแล้วเหรอครับ”
“ใช่ ครั้งนี้เองก็หยุดพักไปนานแล้วเพราะเกิดเรื่องขึ้นมา”ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหมายถึงเรื่องของคางาโฮะ ความจริงชุนไม่อยากให้อิคคิไปโดยเฉพาะในตอนนี้แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์เอ่ยห้ามไม่ได้จึงแต่เอ่ยถามไปเรื่อย
“จะออกเดินทางเมื่อไหร่เหรอครับ”อิคคินิ่งไปเล็กน้อยก่อนตอบ
“คงอีกราวๆสามวัน”ห้วงเวลาสามวันที่แสนสั้นทำให้จิตใจของเด็กหนุ่มรู้สึกห่อเหี่ยวกับช่วงเวลาอันโดดเดี่ยวที่กำลังจะมาถึง ใบหน้าหวานไม่เหลือรอยยิ้มอยู่เลยแต่ชุนก็ยังฝืนอดทนถามต่อ
“แล้วพี่อิคคิจะไปที่ไหนเหรอครับ”
“ไม่รู้สิยังไม่ได้ตัดสินใจเลย แต่บางทีอาจลองไปแถวอิตาลีดู”เพียงแค่ได้ยินว่าเป็นสถานที่ห่างไกลซึ่งมันคงใช้เวลานานกว่าอิคคิจะเดินทางกลับก็ทำให้ชุนเผยสีหน้าเหงาหงอยออกมาอย่างไม่มีปิดบังแต่แล้วใบหน้าเหงาหงอยของชุนก็หายไปทันทีเมื่ออิคคิเอ่ยประโยคถัดมา
“นายเองก็ไปด้วยกันสิ”เด็กหนุ่มนิ่งอึ้งไปเล็กน้อยแต่ในวินาทีต่อมารอยยิ้มสดใสก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชุนทันที
“ผมไปได้เหรอครับ!”ชุนรีบถามเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่อิคคิเอ่ยชวนเขา ความจริงแล้วชุนอยากจะตามอิคคิไปทุกครั้งที่อีกฝ่ายเดินทางแต่เพราะอิคคิชอบเดินทางคนเดียวเขาจึงได้แต่รออยู่ที่บ้านมาตลอด แต่ว่าหลังจากนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
“ได้สิเพราะฉันเองก็ไม่อยากจะแยกจากนายไปไหนอีกต่อไปแล้ว”นี่เป็นสิ่งที่เขาสามารถทำได้ก็คือการทำให้ชุนยิ้มและเป็นรอยยิ้มที่มีให้เขาเพียงคนเดียวซึ่งนั่นก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว
นอกจากนี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจความรู้สึกของคางาโฮะแล้วว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้โมโหที่เขามักจะทิ้งชุนไว้คนเดียวแล้วออกเดินทาง ชีวิตชาติภพหนึ่งย่อมมีวันที่จบสิ้นลง การพรากจากสามารถเกิดขึ้นได้เสมอในเวลาที่เราไม่ทันรู้ตัวดังนั้นจนกว่าวันนั้นจะมาถึงเขากับชุนจะใช้เวลาอยู่ร่วมกันให้มากที่สุด
ดังนั้นเขาจะใช้ทุกเวลาที่มีอยู่กับคนที่เขารักมากที่สุดเพียงแค่นี้นิจนิรันดร์ของเราก็ถือกำเนิดขึ้นแล้ว....
ตกดึกหลังจากมื้อเย็นจบลงชุนที่เพิ่งเก็บกวาดห้องครัวเสร็จก็มานั่งพักที่โซฟาในห้องรับแขกด้วยสีหน้าที่แสนจะมีความสุขเพราะว่ากำลังจะได้ออกเดินทางกับอิคคิ พี่ชายเอ่ยชวนเขาไปด้วยทั้งที่เป็นคนรักสันโดษและชอบอยู่คนเดียว การที่เขาได้เดินทางกับอิคคิจึงเป็นสิ่งที่ไม่คาดฝันมาก่อนและยังเป็นเรื่องที่น่ายินดีอีกด้วย
ร่างบางบิดกายไปมาเพื่อไล่ความเมื่อยขบออกไปก่อนจะหันไปมองพบว่าเป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว มองจากเวลาแล้วบางทีอิคคิคงนั่งอ่านหนังสือหรือทำอะไรอยู่ในห้องตัวเองซึ่งตอนนี้แทบจะกลายเป็นห้องของเขาไปด้วย
หลังจากที่กลายเป็นคนรักกันอิคคิก็มักพาชุนไปนอนด้วยกันทุกคืน ทุกค่ำคืนช่างเป็นวันคืนที่มีความสุขจนรู้สึกเหมือนไม่ต้องการอะไรอีกต่อไปแล้วราวกับว่าเพียงแค่ไออุ่นของกันและกันนั้นก็ช่วยเติมเต็มทุกสิ่งอย่างในหัวใจจนเต็มเปี่ยม ทว่าในใจของชุนก็ยังคงรู้สึกเหมือนมีบางอย่างขาดหายไปอยู่เสมอ
ความเงียบของยามกลางคืนฉุดให้เด็กหนุ่มกลับสู่ห้วงแห่งความเหงาหงอยโดยไม่ทันตั้งตัว เด็กหนุ่มวางมือลงบนเบาะข้างตัวแล้วลูบมันเบาๆด้วยความอาลัยเมื่อนึกถึงว่าในเวลานี้ของทุกคืนจะมีใครคนหนึ่งเดินลงมาจากห้องนอนด้วยท่าทางเหมือนเพิ่งตื่นนอนแล้วมานั่งดื่มโกโก้ร้อนข้างเขาเสมอ
ใครคนนั้นที่มักมีสีหน้าเรียบเฉยแต่กลับดูเหมือนบูดบึ้งตลอดเวลา ชายหนุ่มที่อยู่ในร่างของพี่ชายและใช้ดวงตาคู่เดียวกับของอิคคิมองเขาด้วยความรู้สึกอันลึกซึ้ง หลังจากได้เห็นความทรงจำของอาโรนชุนถึงได้เข้าใจว่าคางาโฮะมองตนด้วยความรู้สึกแบบไหน
เขาคือความหวัง คือโอกาสครั้งสุดท้าย ถึงชุนจะไม่ได้คิดว่าตนเองยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้นแต่สำหรับคางาโฮะแล้วเขาคงเป็นแบบนั้นจริงๆและถ้าหากมันทำให้คางาโฮะมีความสุขได้เขาก็จะเป็นแบบนั้นให้ถึงที่สุด
หากแต่ทุกสิ่งคงไร้ความหมายถ้าหากใครคนนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่...
ดวงตาคู่โตมองรอบบ้านที่มีแต่ความเงียบเหงา ถ้วยโกโก้ที่ถูกชงทิ้งไว้สองถ้วยตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ไม่เหลือแต่เพียงความเย็นชืดไร้ซึ่งไออุ่นใดๆ แม้จะมีความสุขมากเพียงใดแต่ส่วนหนึ่งของหัวใจกลับขาดหายไป คางาโฮะไม่ได้หายไปไหนแต่ขณะเดียวกันก็ไม่อาจได้พบกัน ทุกสิ่งในตอนนี้เหมือนกำลังบีบคั้นให้ชุนร้องไห้ออกมา
“คราวนี้คุณหลับนานจังเลยนะครับ”ชุนเอ่ยกับตัวเองพลางหัวเราะเพื่อบังคับไม่ให้ตัวเองร้องไห้แต่ก็ไม่สำเร็จเมื่อเริ่มมีหยดน้ำตาไหลรื้นออกมาคลอหน่วงดวงตาคู่สวย
เด็กหนุ่มคิดถึงความสัมพันธ์ที่ก้าวข้ามเป็นอื่นระหว่างเขากับคางาโฮะขึ้นมาแล้วก็ยังอดคิดไม่ได้ว่าสุดท้ายแล้วมันเป็นความรู้สึกของอาโรนที่ส่งมาถึงเขารึเปล่า แต่ชุนก็ไม่ได้สนใจมันมากนักเพราะมันไม่ได้สำคัญเท่ากับห้วงเวลาที่เขาได้อยู่ด้วยกันเลย
ชุนซบหน้าลงกับฝ่ามือยามเมื่อนึกถึงห้วงเวลาอันแสนสั้นในแต่ละคืนที่ได้พูดคุยกัน เขามีความสุขกับการได้พูดคุยและเห็นว่าคางาโฮะยังคงอยู่ตรงนี้ เขายังอยากที่จะพูดคุยและเอ่ยเรียกชื่อของชายหนุ่มอีกครั้งแม้ไม่รู้ว่าจะต้องเฝ้ารออีกนานแค่ไหนก็ตาม
ตึก...ตึก...
เสียงฝีเท้าที่เดินลงมาจากด้านบนบ่งบอกให้รู้ว่ามีคนเดินมาหา ตอนแรกชุนคิดว่าเป็นอิคคิที่เดินมาหาเขาเพราะเห็นว่าเขายังไม่ขึ้นไปนอนเด็กหนุ่มจึงปาดน้ำตาที่เริ่มคลอดวงตาทิ้งเพื่อไม่ทำให้พี่ชายเป็นห่วงเสียงนั้นมาหยุดอยู่ที่เบื้องหน้าเขา ชุนลุกขึ้นโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาเพราะกลัวอิคคิจะเห็นว่าตนกำลังร้องไห้
“ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละครับ”ชุนกล่าวแล้วจึงค่อยเงยหน้าขึ้นฝืนยิ้มให้กับชายหนุ่มที่ยืนอยู่เบื้องหน้าแต่แล้วเสียงเรียกที่ได้ยินกลับทำให้ชุนต้องเบิกตากว้าง
“ชุน...”เสียงเรียกที่เหมือนกับมีเสียงของใครสักคนซ้อนทับเข้ามา ใบหน้าของพี่ชายที่ขยับยิ้มด้วยรอยยิ้มที่เหมือนกับผู้ที่เฝ้ารออยู่ทำให้ชุนเลิกที่จะสะกดกลั้นน้ำตาตัวเองเอาไว้แล้วเอ่ยเรียกชื่อกลับไปด้วยความยินดี
“คางาโฮะ”
##################
TBC.
ขอแจ้งก่อนเนื้อเรื่องหลักได้จบลงแล้วขอขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดนะคะ
แต่เราจะมีตอนพิเศษอีกสองตอนซึ่งจะอยู่ในรวมเล่มที่จะออกภายในปีนี้ค่ะ แต่ตอนนี้เราอยากทราบจำนวนคนที่ต้องการก่อนเพื่อพิจารณาว่าจะรวมเล่มหรือไม่นะคะ
เพราะฉะนั้นใครที่สนใจจริงๆ(เน้นว่าสนใจจะซื้อจริงๆนะคะ)รบกวนลงชื่อทิ้งไว้ให้เราเพื่อนับจำนวนหน่อยนะคะ
ส่วนฟิคเรื่องFor you or meเองก็จะรวมเล่มเหมือนกันค่ะ มีจำนวน 12 ตอนกับตอนพิเศษ2ตอนเท่ากันค่ะ แต่ถ้าใครสนใจเรื่องนั้นต้องรบกวนไปลงชื่อไว้ที่เรื่องนั้นด้วยนะคะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ