เพราะเธอคือ 'ความรัก' ของฉัน

9.9

เขียนโดย StrawberryTKCuTe

วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 20.39 น.

  2 ตอน
  38 วิจารณ์
  11.12K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 21.39 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

2)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
 
 
ฉันไม่ได้ตอบอะไร...ได้แต่ลุกขึ้นหนีและพยายามจะกลับบ้านแต่ก็ถูกเจ้าของห้องกันตัวเอาไว้ ใบหน้าหล่อเหลานั่นมองฉันด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดาและก่อนที่ฉันจะได้คิดอะไรต่อจากนั้น สองมืออบอุ่นก็คว้าเอวของฉันเข้าไปใกล้ๆ พร้อมกับก้มริมฝีปากลงมาจูบข้างแก้มฉันเบาๆ  แค่เพียงเบาๆเท่านั้น...
 
 
“คิดถึง”
 
“...”
 
 
“เลิกดื้อได้แล้วนะ”
 
 
เสียงแผ่วๆที่กระซิบข้างหูพร้อมกับริมฝีปากร้อนซ่านที่คอยประทับจูบเบาๆอยู่ข้างแก้มฉันตลอดเวลาทำให้ฉันต้องปัดป้องเขาเมื่อรู้ดีว่าเราสองคนไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะมาทำเรื่องแบบนี้ต่อกันได้ โทโมะเองก็มีแฟนแล้วและฉันก็ไม่ต้องการจะเป็นมือที่สามของใครด้วย มันไม่มีเหตุผลเลยที่เขาจะทำแบบนี้กับฉัน ฉันไม่ได้ดื้อกับเขาแต่เขาต่างหากที่กำลังดื้อดึงกับฉันก่อน!
 
 
“อย่ายุ่งน่ะ อย่ามาบอกว่าคิดถึงถ้ายังมีผู้หญิงคนนั้นอยู่!” ฉันตวาดใส่หน้าโทโมะเสียงดังทำให้อีกฝ่ายชะงักไปและหันกลับมามองหน้าฉันอย่างเต็มสายตา ริมฝีปากเจ้าเล่ห์ยกยิ้มขึ้นนิดๆดูแล้วคล้ายๆกับพวกแบดบอยทำนองนั้นเลยล่ะ เหอะ!
 
 
“....”
 
 
“นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะ อย่าทำอะไรแบบนี้อีก เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วก็กรุณาอย่าลืมด้วยว่าใครเป็นคนเดินออกไปเมื่อสามปีก่อน”
 
 
“ก็จะให้อยู่ทำไม  รักคนที่มีเจ้าของแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับหมาที่ได้แต่เห่าเครื่องบิน แล้วรู้อะไรมั้ย...เครื่องบินลำนั้นไม่เคยเฉี่ยวมาใกล้มันเลย อย่ามากก็แค่บินต่ำๆพอให้ได้ยินเสียง แล้วโทโมะเป็นใคร...ต้องให้ทำยังไงถึงจะมีตัวตนในสายตาแก้ว ก็บอกมา...”
 
 
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เลือนหายไปจากใบหน้าหล่อเหลานั่นพร้อมกับแววตาจริงจังและน้ำเสียงที่แสดงความเจ็บปวดในอดีตทำให้ฉันนึกมองย้อนไป มันก็จริง...ความจริงที่ค้ำคออยู่ทำให้ฉันไม่สามารถเอาแต่โทษโทโมะฝ่ายเดียวได้ ฉันเองก็มีส่วนผิดที่ปล่อยให้เรื่องมันเลยเถิด เขาเองก็ผิดที่ไม่ยอมชัดเจน แค่เขาพูด...แค่นั้น
ทุกอย่างก็จะไม่เป็นแบบนี้...
 
 
“แล้วเคยเชคข้อความในมือถือดูบ้างมั้ย! โทโมะรู้หรือเปล่าว่าวันนั้นที่สนามบินแก้วส่งข้อความไปว่าอะไร เคยคิดจะปิดดูบ้างมั้ยคนบ้า! หรือว่าเปิดดูแล้วแต่ทำเลยตามเลยอยากจะหนีไปให้พ้นๆจากแก้ว เป็นแบบนั้นใช่มั้ย?!”
 
“ข้อความอะไร โทโมะงงไปหมดแล้ว” 
 
 
“แก้วส่งไปบอกว่าโทโมะอย่าไปได้มั้ย แก้วเลิกกับเขาแล้ว กลับมาหากันได้มั้ยแต่สิ่งที่แก้วได้กลับมาคืออะไร...ก็แค่ความว่างเปล่าแล้วก็เส้นทางเดิมที่ต้องเดินกลับแค่นั้นเอง!”
 
 
“ตามไปที่สนามบิน?”
 
 
“ใช่”
 
 
“ร้องไห้?”
 
 
“ใช่
 
 
“รักเหรอ?”
 
 
 
“ใช่..”
 
 
“เห?”  โทโมะเอียงใบหน้านิดๆก่อนจะเผยยิ้มออกมาเมื่อฉันหลุดปากพูดออกไป แต่...แต่ทุกอย่างมันก็แค่อดีตทั้งนั้นแหละน่า ฉันไม่ได้รักเขาแล้วซะหน่อยและก็ไม่ได้ร้องไห้ให้เขาแล้วด้วย ไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่จะทำแบบนั้น
 
 
“แต่ตอนนี้ไม่!” 
 
“ทำไมล่ะ”
 
โทโมะดึงแขนทั้งสองข้างของฉันเบาๆให้เข้าหาเขา มันน่าเจ็บใจก็ตรงที่ฉันเดินเข้าหาเขาเองแต่โดยดีโดยไม่คิดจะขัดขืนนี่สิ เหอะ! ดูเอาเถอะ โทโมะเล่นแต่จ้องหน้าฉันแบบนี้ไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักคำ แล้วฉันจะรู้มั้ยว่าตอนนี้เขาคิดอะไรอยู่หรือความจริงแล้วเขาไม่ได้คิดอะไรกับฉันเลย ที่เขากลับมาก็เพราะว่าคิดถึงเพื่อนๆแล้วก็งานที่นี่ หนึ่งในนั้นไม่มีฉันที่เขาคิดถึงและที่ฉันมาอยู่ที่นี่ก็เป็นเราะความสงสารที่ฉันเมาไม่รู้เรื่องเขาเลยพามาพักที่คอนโดเขา แค่นั้น...
 
 
“มองอะไรหนักหนา!”
 
 
“มองแก้วไง J”
 
 
“อย่ามากวนประสาทจะได้มั้ย จะเอายังไงก็พูดมา จะกลับบ้านจะจ้องอยู่แบบนี้ไปเพื่ออะไร?!”   น่าโมโหจริงๆนะ โทโมะคนนี้เปลี่ยนไปจากคนก่อนมากเลยล่ะ เขาดูกวนประสาทแล้วก็มั่นใจในตัวเองมากขึ้น ไม่แต่จะคอยหลบหน้าแล้วก็เงียบเชียบเหมือนเคย แปลกไป...แปลกไปจังเลย
 
 
“จ้องให้ท้องเลยก็ได้นะครับ”
 
 
“ทะ...โทโมะ!!”  โทโมะหัวเราะเบาๆก่อนจะคว้าร่างฉันไปกอดจูบอย่างบ้าดีเดือด ฉันรู้ว่าเขาไม่ได้คิดจะทำอะไรฉันจริงๆ ก็แค่แกล้งเล่นให้ฉันรู้สึกไม่ดีก็เท่านั้น...
 
 
“พูดจริงๆนะ เมื่อไหร่จะเลิกตั้งแง่กันซักที อุตส่าห์กลับมาหาแล้วนี่ไง คิดถึงมาตั้งสามปีนะคนดี ขอโทษด้วยที่วันนั้นไม่ได้เปิดดูข้อความ ไม่อยากเจอผู้หญิงที่อยู่บนภาพหน้าจอน่ะ” 
 
 
“เหอะ จะกลับมาทำไม ในเมื่อมีผู้หญิงคนอื่นอยู่แล้วนี่!”
 
 
“ใครล่ะ?”
 
 
“ก็ผู้หญิงคนนั้นที่ตามมาด้วยไง อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องไปหน่อยเลย” 
 
 
“อ๋อ...” 
 
 
โทโมะลากเสียงยาวก่อนจะหันกลับมามองหน้าฉันอย่างเจ้าเล่ห์และตามด้วยการจู่โจมฉันอย่างรุนแรงราวกับผีดิบกระหายเลือด ร่างแกร่งที่เบียดแนบชิดทำให้ฉันแทบหลอมละลายไปกับอ้อมแขนร้อนแรงเสมือนตกอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงอันร้อนระอุ  สัมผัสร้อนแรงสลับกับอ่อนหวานนิ่มนวลทำให้ฉันไม่อาจตามเกมเขาทันได้เลยแม้แต่นิดเดียว...โทโมะคนนี้ร้ายกาจขึ้นเป็นทวีคูณเลยล่ะไม่อยากจะเชื่อ...
 
“ชอบมั้ย เมื่อกี้...”  โทโมะเงยหน้าถามฉันขณะที่ฉันได้แต่นอนหอบจากการหลบหลีกความซุกซนของใบหน้าหล่อๆนั่น 
 
 
“ชอบบ้าสิ! ถ้าอยากมากก็ไปหาแฟนตัวเองไป!” 
 
 
“อยาก?”
 
 
“ใช่ อยาก!”
 
 
“ฮะๆ ทำไมเดี๋ยวนี้แก่แดดจังเลยครับ”  นิ้วเรียวยกขึ้นเกลี่ยข้างแก้มฉันอย่างเย้ายั่วแกล้งกวนประสาทให้ฉันหัวเสีย โทโมะมองใบหน้าฉันในความมือสลัวสลับกับสองมือแข็งแกร่งที่ผลักฉันลงบนเตียงกว้างและโถมร่างหนาตามมาคร่อมอยู่เหนือร่างฉัน บ้าเหอะ! ทำไมโทโมะเป็นบ้าแบบนี้กัน แค่เวลาสามปีมันเปลี่ยนคนเราได้จริงๆเหรอ?!
 
 
“แล้วใครมาทำตัวหื่นกามใส่แก้วก่อนล่ะ โอ้ยย! ปล่อยนะ จะทำบ้าอะไรฮะ”  บ้า! บ้า! บ้าที่สุด! ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องมาเกิดขึ้นกับฉันด้วยก็ไม่รู้ ตอนนี้ฉันสับสนจนแทบจะอกแตกตายอยู่แล้ว ทำไมโทโมะถึงทำตัวเหมือนกับว่าเขาเป็นเจ้าของฉันแบบนี้กันเล่า! ทั้งที่ความจริงแล้วเขาไม่มีสิทธิ์อะไรเลยนะ!
 
 
“ก็คิดว่าถ้าชัดเจนแบบนี้แก้วจะรักไง”
 
 
“ว่าไงนะ!”
 
 
“ถ้าโทโมะทำตัวชัดเจนแบบที่แก้วต้องการ...แปลว่าแก้วจะโอเคกับโทโมะ?”
 
 
                ให้ตายเหอะ! มันก็จริงอยู่ที่เมื่อก่อนโทโมะอยากไม่ทำตัวชัดเจนกับความรู้สึกของตัวเองก็จริงและฉันก็ไม่ชอบที่เขาเก็บเงียบเอาไว้แบบนั้นแต่ฉันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องเปิดเผยแล้วกแสดงความชัดเจนต่อความรู้สึกของตัวเองในเรื่องแบบนี้กันนี่ ผู้ชายบ้าเอ๊ย! จะให้ด่าว่าเขาทึ่มหรืออะไรดีล่ะ โอ๊ยย!
 
 
“แล้วที่ทำอยู่ตอนนี้มันแปลว่าอะไรฮะ คนบ้า!”
 
 
“อยากได้แก้วอีกครั้งไง...ทำไมล่ะ ชัดเจนขนาดนี้แล้วยังไม่ชอบอีกเหรอ?” 
 
 
 
“อีกครั้งงั้นเหรอ?”  ฉันทวนคำอย่างอยากจะบ้าตาย เขากล้าพูดคำนั้นออกมาได้ยังไง เรื่องนั้นระหว่างเรามันจบไปเป็นชาติแล้วนะ แล้วความจริงมันก็เป็นเพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบของเขาด้วย สาบานเลยว่ามันไม่ได้เกหิดจากความรักของเขาสักนิด เหอะ!
 
 
“ก็เราเคย...”
 
 
“หยุดพูดนะ”  ฉันรู้ดีว่าโทโมะจะพูดอะไรต่อจากนั้นก็เลยต้องเอามือปิดปากร้ายๆของเขาไว้ก่อนไม่ให้เขาพูดอะไรที่น่าอายออกมา
 
 
                ฉันจ้องมองดวงหน้าคมนิ่งๆพร้อมกับพยายามดันปลายคางของเขาให้ออกห่างจากริมฝีปากของฉันเมื่อเห็นได้ว่าโทโมะตั้งท่าจะรังแกฉันได้ทุกวินาทีที่เราใกล้กัน แต่ฉันจะไปสู้อะไรเขาได้ล่ะ! คนตัวโตแรงเยอะอย่างเขาไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด โทโมะกลับมาครั้งนี้ทั้งซนทั้งดื้อ ดื้อไปทุกเรื่องเลยเหอะ! อยากจะต่อยหน้าเขาแรงๆให้หายโรคจิตซักทีจัง!!
 
 
“ทำไมล่ะ หรือทำแบบนี้แล้วยังไม่ชอบอีก หรือว่า...ต้องให้ไปทำกับแพม?”  ฉันเข้าใจว่าโทโมะหมายถึงผู้หญิงคนนั้นที่เดินเคียงข้างเขาเมื่อวาน เฮอะ ก็แล้วแต่เขาเถอะ อยากจะทำอะไรก็ไม่มีใครห้ามได้อยู่แล้วนี่ ถึงขึ้นพากันมาเปิดตัวแบบนี้แล้วเรื่องอื่นก็คงไปถึงไหนๆแล้วล่ะ! บ้าเอ๊ย! ทำไมฉันต้องมาคิดมากับเรื่องนี้ด้วยนะ
 
 
“ถ้ารักกันมากก็เชิญไปหากัน จะไปกอดไปจูบกันที่ไหนก็ไป แล้วก็อย่ามาให้เห็นหน้าอีก อยากจะอ้วก!”
 
 
“หึงสิ...”  ฉันเบือนหน้าหนีโทโมะด้วยความโมโห ที่เจ้าตัวเอาแต่หัวเราะเยาะฉันราวกับว่าฉันเป็นคนแพ้ที่แสดงตัวว่าหึงหวงเขาทั้งๆที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน มีความสุขมากมั้งกับการที่ได้เห็นฉันเป็นบ้าเนี่ย!
 
 
“ไม่ได้หึง เป็นอะไรกันต้องมาหึง”
 
 
“นอกจากจะขี้หึงแล้วแก้วยังเป็นเด็กปากแข็งจังนะ” ริมฝีปากร้ายกาจกระตุกยิ้มนิดๆพร้อมกับนิ้วเรียวที่เอื้อมมาบีบจมูกฉันเบาๆ เขาว่าฉันเป็นเด็กอีกแล้วนะ ฉันคนนี้โตพอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้วเถอะ ขอโทษ!
 
 
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้หึง เอ๊ะ! นี่พูดไม่รู้เรื่องหรือไง ปล่อยได้แล้วปล่อยเดี๋ยวนี้ รังเกียจน่ะรู้ตัวบ้างมั้ย!”
 
 
“...”
 
 
“ตัวเองหายไปสามปีแล้วอยู่ๆก็กลับมาบอกว่ารัก บอกว่าทั้งหมดนี่ทำตัวชัดเจนเพื่อแก้ว แต่แล้วผู้หญิงคนนั้นที่ตามกลับมาด้วยคืออะไร ไม่ได้โง่นะที่จะไม่รู้ว่าสองคนเป็นอะไรกันน่ะ ถ้าอยากจะจับปลาสองมือก็เชิญที่อื่นเลยคนใจร้าย คนเค้าลืมได้แล้วแท้ๆจะกลับมาให้เห็นหน้าทำไมอีกก็ไม่รู้ น่ารำคาญ ออกไปจากชีวิตแก้วเลย เกลียดโทโมะแล้ว!”
 
 
“โทโมะมีแฟนแล้วแก้วเป็นชู้ก็ได้นี่ ตอนนั้นแก้วมีแฟนแล้วโทโมะยังเป็นชู้ได้เลย..”
 
 
“ถ้าจะพูดแบบนี้ก็ปล่อย”
 
 
                โทโมะพูดเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องสนุกแบบนั้น ทำให้ฉันรู้สึกผิดหวังในตัวเขาอีกแล้ว ไม่รู้สิ...ไม่ว่าใครจะมองว่าฉันงี่เง่ายังไงแต่ฉันก็เชื่อว่าฉันงี่เง่าได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของโทโมะเลยด้วยซ้ำ  ฉันเบือนหน้าหนีเขาก่อนจะเงียบเสียงลงอย่างไม่คิดจะเถียงอะไรอีก แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้สะทกสะท้านอะไร ริมฝีปากร้ายกาจยังคงเลื่อนลงมาจุมพิตฉันซ้ำๆย้ำๆอย่างโหยหาอยู่เหมือนเดิม...
 
 
“ไม่เอาน่า เราได้กลับมาเจอกันทั้งที...สนุกกันหน่อยดีกว่า”
 
 
                โทโมะเอื้อมมือไปปิดไฟที่หัวเตียงก่อนที่ทุกอย่างจะดับมืดลง ฉันเองก็ได้แต่นิ่งเงียบไม่ได้ตอบโต้อะไรเขาทั้งนั้น ในเมื่อไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้วฉันจะต้องกลัวอะไรอีกล่ะ ไม่มีเลย...
 
 
                ทั้งที่ในห้องนี้เย็นเชียบราวกับอยู่ท่ามกลางลมหนาวแต่ร่างกายของฉันกลับร้อนกรุ่นเมหือนอยู่ข้างเตาผิงที่ร้อนรนเพราะสัมผัสแนบชิดจากเขา ถึงจะรู้สึกดีแค่ไหนที่เราสองคนอยู่ใกล้กันแบบนี้แต่ฉันก็เลือกที่เก็บกลั้นเอาไว้และเลือกที่จะเมินเฉยต่อทุกการกระทำของเขา ถึงฝ่ามืออุ่นร้อนนั้นจะลากไล้ไปทั่วร่างกาย ถึงริมฝีปากร้อนผะผ่าวจะจูบซับทั่วทุกตารางนิ้ว ถึงร่างกายจะเบียดชิดแนบแน่นและลึกซึ้งต่อกันแค่ไหน นั่นก็ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกดีเลยสักนิดเดียว...
 
 
“แก้ว...”  โทโมเงยใบหน้าชื้นเหงื่อขึ้นจากซอกคอของฉันพร้อมกับเรียกชื่อฉันเสียงแผ่วคล้ายจะตำหนที่ฉันยังทนนิ่งเฉยไม่ตอบโต้เขาแบบนี้
 
 
“รีบๆได้มั้ย จะกลับบ้าน”
 
 
“จะกลับอะไรนักหนา!”  เดาว่าโทโมะคงหมดความอดทนกับฉันแล้วล่ะเขาถึงได้ตะคอกฉันเสียงดังแบบนี้  ใบหน้าหล่อดูกราดเกรี้ยวที่ฉันดื้อกับเขา พูดเลยว่าเขาคงอยากจะตีฉันจนแทบขาดใจ!
 
 
“ก็ได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วนี่ก็ปล่อยแก้วซะทีสิ อย่าคิดว่าตัวเองเจ๋งมากนักกับเรื่องนี้น่ะ”
 
 
“โอเค โกรธใช่มั้ย...”   โทโมะใช้น้ำเสียงที่ผ่อนลงเพื่อระงับอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ภายในจิตใจ
 
 
“...”
 
 
“บอกก็ได้ ผู้หญิงคนนั้นเป็นแค่เพื่อนจริงๆ เจอกันที่ญี่ปุ่นแล้วเราก็เรียนอยู่ที่เดียวกัน เขาไม่ได้กลับเมืองไทยมานานมากพอโทโมะจะกลับเขาก็เลยขอตามกลับมาด้วย คือ...เขาเป็นแค่เพื่อน”
 
 
“แน่จริงก็อย่าหลบตาสิ”  ฉันท้าเขา โทโมะทำท่าหน่ายใจก่อนจะถอนหายใจพรืดยาว
 
 
“ได้”
 
 
“อื๊อ~” มือแกร่งทั้งสองข้างเหวี่ยงร่างของฉันให้ขึ้นมานั่งตักเขา กระชับรั้งเอวของฉันให้เข้าหาแนบชิดกับเขาทุกสัดส่วน ร้อนจนจะบ้าตาย! ร่างกายของเขาเปรียบเสมือนท่อนไม้ที่ถูกเผาไฟจนร้อนไปหมด ฉันอายจนแทบจะแรกแผ่นดินหนีอยู่แล้ว
 
 
                ไม่น่าไปท้าเขาเลยจริงๆ! เป็นฉันเองนี่แหละที่ไม่กล้าสบตากับนัยน์ตาคมกริบเหมือนใบมีดคู่นั้น สองมือได้แต่เกาะไหล่เขาเอาไว้แน่นแล้วเอนหน้าซบเพื่อหลบหนีสายตาซุกซนที่สบมองมาตลอดเวลาราวกับจะมองให้ทะลุไปถึงข้างใน แต่แล้วไงโทโมะน่ะเหรอจะสน เขาเลื่อนฝ่ามือขึ้นมาประคองใบห้าฉันไว้ให้เงยขึ้นสบตากับเขาตามคำที่ฉันท้า...
 
 
“เงยหน้ามองสิ หลบทำไมแม่คนเก่ง”
 
 
“จะ...จะพูดอะไรก็พูดมาสิ!”
 
 
“โทโมะมีแค่แก้วคนเดียวมาตลอดสามปี คิดถึงมากเลยรู้มั้ย...”  โทโมะกระซิบเบาๆ ลมหายใจของเราอยู่ใกล้กันจนแทบจะหลอมรวมเป็นลมหายใจเดียวกัน ริมฝีปากของเขาพึมพำติดริมฝีปากของฉัน  ในขณะที่ฝ่ามือร้อนลากไล้ไปมาเบาๆทั่วแผ่นหลังเปลือยเปล่าของฉัน...
 
 
 
“...”
 
 
“อยู่ที่โน่นมีผู้หญิงเข้าหาโทโมะเยอะแยะเลย เราเกือบจะมีอะไรกันด้วยนะ...”  ไม่เข้าใจ! เขาจะพูดำไปกันล่ะ เหอะ! แต่ก่อนที่ฉันจะได้พูดอะไรออกไปเจาตัวก็รีบแก้ต่างทันที
 
 
“...”
 
 
 
“แต่เราไม่ได้มีอะไรเกินเลยกันนะ โทโมะก็แค่เมาแล้วได้สติมาก่อนก็เท่านั้น จากนั้นก็ไม่เคยกลับไปที่ผับนั่นอีกเลย ตั้งใจเรียนอย่างเดียวเพื่อจะให้จบไวๆ เก่งมั้ยล่ะ...จบได้ภายในสามปีเพื่อที่จะกลับเมืองไทยมาหาผู้หญิงเนี่ย พ่อแม่รู้เข้าคงภูมิใจเนอะ นึกว่าลูกตั้งใจเรียนจะได้จบเร็วๆ ที่แท้ก็อยากกลับมาหาผู้หญิงที่รัก...”
 
 
“...”
 
 
“เชื่อมั้ย”
 
 
“แล้วผู้หญิงคนนั้น...”
 
 
“เจอกันเพราะเรียนที่เดียวกัน อย่างที่บอกเขาแค่อยากกลับมาเที่ยวเมืองไทย ครอบครัวเขาย้ายไปอยู่ญี่ปุ่นกันหมด อาทิตย์หน้าเขาก็กลับแล้ว อีกอย่างเขาก็ไม่คุ้นเคยที่นี่ด้วย โทโมะก็เลยอาสาพาเขาเที่ยวแค่นั้น เขาน่าสงสารนะ เขารักที่นี่มากแต่พอดีคุณพ่อของเขาทำธุรกิจอยู่ที่นู่น เลยพากันย้ายไปตั้งแต่เขายังเด็กๆ”
 
 
“ขอเขาเป็นแฟนเลยสิ จะได้พาเขากลับมาอยู่เมืองไทย”   ยอมรับว่าฉันประชด ก็เขาเล่นพูดถึงแต่ผู้หญิงคนนั้นนักนี่ ใครชอบบ้าล่ะถามหน่อยเหอะ
 
 
“ไม่ได้หรอก มีแฟนแล้ว”   โทโมะมองฉันด้วยรอยยิ้มหวานก่อนจะเลื่อนมาจุมพิตเบาๆข้างริมฝีปากของฉัน
 
 
“ขี้โกงชะมัด”
 
 
“แล้วอยากเป็นมั้ยล่ะ”
 
 
“ถ้าบอกว่าไม่...”
 
 
“ใช่สิ แก้วเป็นมากกว่านั้นอยู่แล้ว”
 
 
“โทโมะ!”  ฉันฟาดท่อนแขนของเขาแรงๆอย่างหมั่นไส้ แต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะร่วนแล้วดึงฉันเข้าสู่อ้อมกอดครั้งแล้วครั้งเล่า
 
 
“แก้วคงไม่อยากให้เราสองคนจบลงแค่คืนนี้หรอก ใช่มั้ย..”  
 
 
“อยากจบหรือไงล่ะ” 
 
 
“ไม่”  โทโมะรีบปฏิเสธเสียงสูงทันที  “หวานขนาดนี้ใครอยากจะจบด้วยก็บ้าแล้ว”
 
 
“ไม่หวานเท่าผู้หญิงญี่ปุ่นหรอกเนอะ ว่ามั้ย”  ฉันเบ้ปากนิดๆใส่เขา เหอะ น่าหมั่นไส้ ทำมาเป็นพูดดีไปเถอะ บอกตรงๆนะโทโมะเป็นแบบนี้แล้วหัวใจของฉันจะวายวอดเอาดื้อๆ หัวใจของฉันกระตุกรวดเร็วทุกครั้งที่เขาพูดจาแบบนี้ใส่ โอ๊ยย!! อายๆๆๆๆ
 
 
 
“ไม่ว่าล่ะ แก้วหวานยิ่งกว่านั้นอีก”
 
 
“ชิมกี่ครั้งกันถึงว่าหวาน เหอะ”
 
 
“ชิมกี่ครั้งก็หวานทุกครั้งนั่นแหละ” 
 
 
                โทโมะจูบเบาๆบนหัวไหล่ของฉันก่อนจะลากเลื่อนไปมากกว่าที่เคย และฉันก็ไม่คิดจะขัดขืนอะไรเขาอีก บอกเลยว่าฉันเองก็คิดถึงเขาจนแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว เขาเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ ฉันตื่นเต้นทุกครั้งที่อยู่ใกล้เขา เหมือนกับว่าโทโมะพาฉันขึ้นไปเล่นชิงช้าสูงๆที่หมุนเคว้งอยู่กลางอากาศแล้วก็หมุนกลับลงมาแรงๆจนเกือบตกพื้น มันวูบวาบไปหมดถึงจะรู้สึกกลัวไปนิดแต่ฉันรู้ดีว่าเขาจะไม่มีวันปล่อยมือฉันไปไหนอีก
 
                ถ้าเขาชัดเจนแบบนี้ตั้งแต่แรกก็คงดี...
 
 
เดี๋ยวนะ...ฉันไม่ได้หมายความว่าให้เขาชัดเจนในเรื่อง ‘แบบนั้น’ หรอกนะ หมายถึงแสดงออกว่าเขารักฉันต่างหากล่ะ!
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“แก้วหวานยิ่งกว่าไวน์องุ่นที่หมักมาเป็นสิบๆปีซะอีก”
 
 
 
“แต่ถ้าดื่มมากๆ มันอาจจะเมาแล้วก็เสพติดไปโดยไม่รู้ตัวก็ได้นะ ขอเตือน!”
 
 
 
“ยอมเมาจนหัวราน้ำตายเลยเหอะครับ :)”
 
 
 
 
                          -THE END-
 
 

 
 จบแล้วค่ะ จบแบบนี้จบแบบตั้งใจฮ่าๆๆๆๆ .0.
 
จบซะที ขอโทษที่หายไปนานมากกกกกกกกก~
 
อะไรก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมด ขอให้ฟินในฟิคแล้วไป
 
ฟินที่คอนฯต่อนะคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบ!!
 
โทโมะ : หวานจัง อยากกินทุกวันเลย :)
 
แก้ว : ระวังเสพติดก็แล้วกัน :P
 
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

✓ เรื่องนี้ไม่มีเจตนาทำให้บุคคลที่อ้างถึงเสียชื่อเสียง และฉันจะยอมรับผิดเมื่อบุคคลนั้นตำหนิหรือเตื่อนมา

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา