Inequality รักเรา...ไม่เท่ากัน
เขียนโดย สายลมแห่งตะวัน
วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.44 น.
แก้ไขเมื่อ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 21.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
29)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความInequality รักเรา...ไม่เท่ากัน
ตอนที่29
ร่างเล็กถูกวางลงบนเตียงหนานุ่มพร้อมกับร่างสูงที่คร่อมร่างและกักกันหญิงสาวไว้ด้วย
อ้อมกอดแข็งแรง ดวงตาเรียวคมจ้องมองใบหน้าแสนหวานที่แสดงอาการไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“พี่ป๊อปจะทำอะไร ปล่อยฟางเดี๋ยวนี้นะ”
“ตกลงว่าจะไปหรือไม่ไป”
“ไม่ไป ยังไงยังไงก็ไม่ไป ปล่อยฟางเดี๋ยวนี้นะ”
“งั้นก็เสียใจด้วยสาวน้อย เพราะพี่คงจะไม่ปล่อยคนพูดไม่รู้เรื่องไปเด็ดขาด”
“พี่ป๊อปนั่นแหละที่พูดไม่รู้เรื่อง ถ้าอยากไปนักก็ไปคนเดียวสิ”
ภาณุมองใบหน้าแสนหวานที่แดงก่ำอย่างขบขัน เพิ่งจะรู้ว่าภรยาสาวตอนลืมตัวมันน่ารัก
ขนาดไหน แก้มนวลแดงก่ำ ริมฝีปากรูปกระจับขยับเถียงกับเขาไปเรื่อยเปื่อย ดวงตาหวานที่ปนแวว
ตาโศกแต่กลับมีเสน่ห์จนเขานิ่งงัน
“คุณภาณุ ปล่อยฉันได้แล้วค่ะ”
“เรียกแบบเดิมสิ ไหนเราบอกว่าชอบที่เราเรียกกันแบบเดิมไง”
“คุณไม่ชอบ คุณไม่ชอบที่ฉันเรียกแบบนั้น”
“ลืมเรื่องคืนนั้นไปได้ไหมฟาง”
ธนันต์ธรญ์หลบสายตาของภาณุที่จ้องมองมา เธอทนไม่ได้...เธอทนสายตาอ้อนวอน
ของเขาไม่ได้ และไม่รู้ว่าทำไม
“ลืมได้ยังไงกันคะ คืนนั้นเป็นคืนสำคัญของฉัน สิ่งที่ฉันเฝ้ารักษาไว้ให้คุณ ฉันก็ได้ให้
คุณไปในคืนนั้น”
“พี่ขอโทษ ขอโทษที่ทำแบบนั้น”
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ฉันไม่ได้โกรธคุณ และเพราะว่ารัก ฉันถึงยอมให้มีวันที่เราต้องจาก
กัน ฉันอยากเห็นคุณมีความสุข แม้ว่าผู้หญิงข้างกายคุณอาจจะไม่ใช่ฉันก็ตาม”
“อยากเป็นมากสินะ”
“ค่ะ อยากเป็น อยากเป็นทั้งๆที่ไม่มีสิทธิ์ วันนี้เลยต้องมานั่งน้ำตาตกไงคะ ถ้ารู้แล้วก็
ปล่อยเถอะค่ะ ฉันเหนื่อย อยากพักผ่อน”
“ที่ผ่านมาพี่ทำผิดต่อฟางมาก ก่อนที่เราจะเลิกรากันไป พี่ขอให้ฟางให้โอกาสพี่ ให้เรา
ได้มีช่วงเวลาที่น่าจดจำด้วยกัน ได้ไหมครับ...”
“ฉันไม่ได้ขออะไรมากมาย ขอแค่คำพูดหวานหู รอยยิ้ม แล้วก็จูบหวานๆสักจูบได้ไหม
คะ”
ริมฝีปากบางเฉียบกดจูบลงบนริมฝีปากรูปกระจับอย่างแผ่วเบา เคล้าคลึงอย่างนุ่มนวล
ตักตวงความหอมหวานจากผู้หญิงใต้ร่างอย่างไม่รู้จักพอ เขาตัดใจถอนจุมพิตเพราะกลัวว่าหญิงสาว
จะขาดอากาศหายใจ ริมฝีปากร้อนรุ่มเคลื่อนมาที่พวงแก้มนวล จมูกโด่งเรียวกดลงสูดดมความหอม
หวานละมุนที่เขาไม่เคยได้สัมผัสจากผู้หญิงคนไหน ไล่ไปกดจูบต่อที่ขมับบางอยากแผ่วเบา และ
เอ่ยเบาๆข้างๆใบหูขาวสะอาดของภรรยาสาว
“พี่ให้ฟางได้มากกว่านั้น สำหรับความทรงจำที่ดีของเรา”
ธนันต์ธรญ์จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่คมอยากจะรู้ว่าเขาจริงใจกับเธอจริงๆหรือเปล่า หรือว่าแค่หลอกเธอเล่นให้เธอมีความหวังลมๆแล้งๆ...
เธอสะบัดหัวไล่ความคิดเพ้อเจ้อ ทั้งๆที่พยายามจะตัดใจจากเขาแต่กลับสร้างความหวัง
เล็กๆน้อยให้ตัวเองอยู่เสมอๆแบบนี้...แล้วเมื่อไหร่จะตัดใจได้ลง
“การที่ได้ยืนเคียงข้างคุณตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา เป็นความทรงจำที่ดีที่สุดของ
ฉันค่ะ ถึงแม้ว่าหัวใจจะไม่ได้เคียงกัน แต่ฉันก็ดีใจ...กลับไปหาหัวใจเถอะค่ะ อย่าทรมานตัวเองด้วย
การทนอยู่กับคนที่ไม่ได้รักเลยค่ะ”เธอเบนหน้าไปอีกทางอย่างอ่อนล้าและอ่อนแอ ไม่คิดว่าจะต้องเ
ป็นคนทำร้ายหัวใจตัวเองแบบนี้ แม้จะรักเขามากแค่ไหน แต่เธอเองก็ทนไม่ได้ที่จะต้องทนเห็นเขา
ห่วงหาอาทรถึงผู้หญิงอีกคน
“พี่คิดว่าฟางรักพี่”
“ฉันรักคุณค่ะ และตอนนี้ฉันเรียนรู้ที่จะเสียสละเพื่อความรัก แม้จะยากเย็นเหลือเกิน
แต่ฉันจะพยายาม”
“นั่นสินะ...”
ภาณุลุกจากร่างบอบบางของภรรยาที่กำลังจะกลายเป็นอดีต เขาเดินตรงออกจากห้อง
นอน ด้วยความรู้สึกแปลกๆ เขามุ่งหน้าไปที่สวนหลังบ้านที่ไม่เคยย่างกรายเข้ามา ดอกกุหลาบสีขาว
แข่งกันออกดอกและเบ่งบานจนคนที่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยอย่างเขาสดชื่นขึ้นมาทันใด ชิงช้าไม้สีขาว
สะอาดตายังคงอยู่นิ่งไม่ไหวติง เขาเดินไปทรุดตัวนั่งลงบนชิงช้า...ความรู้สึกแปลกประหลาดแล่น
พลิ้วเข้ามาในหัวใจ มันอุ่นวาบ หวานละมุน จนเขาเองใจสั่น อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แค่เพียง
ชิงช้าธรรมดาๆทำไมถึงทำให้เขารู้สึกถึงอะไรต่อมิอะไรได้มากมายถึงขนาดนี้นะ
‘โอ๊ะ’
เสียงหวานของบุคคลปริศนาอุทานขึ้นเมื่อเขาเดินผ่านสวนหย่อมหลังบ้านนีระสิงห์ ร่างบอบบางของ
เด็กสาวคนหนึ่งนั่งจุมปุ๊กอยู่บนพื้น ใบหน้าแสนหวานนั้นบิดเบ้เพราะความเจ็บ
‘เจ็บมากรึเปล่า ขอพี่ดูหน่อยซิ’เขาปรี่เข้าไปดูแลคนตัวเล็กที่กุมข้อเท้าของตัวเองไว้
ก่อนจะช้อนอุ้มเธอขึ้นเพื่อเดินเข้าไปในตัวบ้าน และเขารู้สึกได้ถึงสายตาของคนในอ้อมแขนที่มอง
เขาอย่างไม่วางตา อดใจสั่นไม่ได้เมื่อเธอจ้องมองมา และยังอดแปลกใจไม่ได้ที่เขาหัวใจเต้นแรง
ราวกับเด็กวัยรุ่นริเริ่มรัก
“หึ”
รอยยิ้มบางๆถูกแต้มลงบนมุมปากสวยราวกับผู้หญิง เด็กผู้หญิงที่น่ารักและอ่อนหวาน
คนนั้นไม่ได้หายไปจากตัวของธนันต์ธรญ์ หากแต่มันถูกซ่อนเร้นปิดบังภายใต้ความเข้มแข็งและ
เกราะกำบังที่หญิงสาวพยายามสร้างขึ้นเองก็เท่านั้น เขาทอดสายตาผ่านเลยมายังดอกกุหลาบ
สีชมพูที่ถูกปลูกไว้ข้างๆชิงช้า และผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความรู้สึกหลากหลาย มันอธิบายออก
มาเป็นคำพูดไม่ถูกเลยด้วยซ้ำ
ทั้งลังเล ทั้งห่วงหาอาทร ทั้งหวงแหน ทั้งห่วงใย...เขาจะเหมารวมว่าทั้งหมดนี้มันเป็น
ความผูกพันได้หรือเปล่านะ ความผูกพันระหว่างเขาและธนันต์ธรญ์ตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่าน
มา...อาจจะใช่
มันก็แค่ความผูกพัน
มือเล็กหั่นผักอย่างเอื้อยๆ จิตใจลอยไปหาใครอีกคนที่อยู่ห่างกันเพียงคืบ ไม่ใช่ว่าเธอ
ไม่เสียดายโอกาสที่เฝ้ารอมาตลอดชีวิตของลูกผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ยิ่งเธอทำแบบนั้นเธอก็จะยิ่งเจ็บ
ปวดมากกว่าเดิม เพราะหัวใจที่ไม่รักดีมันก็พาลแต่จะคิดไปเอง แค่เขามาทำดีด้วย มาพูดดีด้วย
หน่อย มันก็แทบจะลอยไปหาเขาทั้งดวง ทั้งๆที่แผลเก่ายังไม่หายดีด้วยซ้ำ...เจ็บแล้วก็ไม่รู้จักจำ
เสียที
มือเล็กลำเลียงจานอาหารอย่างง่ายสองสามรายกายมาวางไว้บนโต๊ะอาหาร พร้อมกับ
ตักข้าวสวยร้อนๆใส่จาน ก่อนจะเดินไปหาร่างสูงใหญ่ของสามีหนุ่มที่ยังคงนั่งอยู่บนชิงช้าตัวเดิม
“อาหารเสร็จแล้วค่ะ เข้าบ้านเถอะค่ะนี่ก็ค่ำแล้ว น้ำค้างลงจะเป็นหวัดเอา”
“แล้วทำไมทีฟางยังมานั่งคนเดียวตอนดึกๆได้ล่ะ”
“เพราะฉัน...”เจ็บเกินกว่าจะขยับเขยื้อนได้ละมั้งคะ เธอแอบตอบเขาในใจ ความฝันที่
เคยวาดไว้บนชิงช้าสีขาวคือภาพที่ภาณุโอบกอดเธอไว้ด้วยอ้อมกอดที่เปี่ยมไปด้วยรัก แต่ความจริง
คือภาพของเธอที่มักจะมานั่งร้องไห้เงียบๆหลังจากที่โดนเขาเหยียบย่ำหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า...ช่าง
ต่างกันเหลือเกิน
“ไปทานข้าวกันดีกว่าค่ะ เดี๋ยวจะเย็นชืดไปเสียหมด”
พลันมือเล็กก็ยื่นลงไปรั้งแขนแกร่งของภาณุให้เดินตาม หากแต่ลำแขนแกร่งกลับตวัด
รอบเอวบางและรั้งคนตัวเล็กให้นั่งลงบนตักแกร่ง
“พี่ป๊อป”
“นั่งด้วยกันก่อนสิ”
“จะนั่งได้ยังไงคะ มันตัวเล็กออกอย่างนี้”
“เอ้า พี่ก็นึกว่าที่เราทำชิงช้าตัวเล็กอย่างนี้เพราะอยากนั่งตักพี่ซะอีก”
“ไม่ใช่ซะหน่อย มันพอดีถ้านั่งกันสองคน แต่พี่ป๊อปนั่งกินที่”
“วางแผนมาดี...”
ใบหน้าแสนหวานก้มงุดลงเมื่อรู้ว่าชายหนุ่มกำลังจ้องมองมาอย่างกรุ้มกริ่ม รู้สึกร้อน
ผ่าวๆเมื่อรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่รินรดอยู่ข้างๆแก้ม
“ฟางหิวแล้ว”
“อย่าดิ้นสิ ตกลงไปพี่ไม่รู้ด้วยนะ”
ภาณุกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น เฝ้ามองเสี้ยวหน้าหวานของคนตัวเล็กที่แดงก่ำ ก่อน
จะยิ้มออกมาเล็กน้อย แผนสำรองถูกหยิบยกขึ้นมาใช้ ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้องแคร์และอาทรภรรยา
สาวขนาดนี้...
“วันศุกร์นี้พี่มีสัมมนาที่ภูเก็ต ฟางไปเป็นเพื่อนพี่หน่อยแล้วกัน จะได้ช่วยกันทำงาน”
ธนันต์ธรญ์ช้อนดวงตาขึ้นมองหน้าสามีหนุ่ม ก่อนจะพยักหน้ารับ...มันก็แค่เรื่องงาน การ
ที่ได้อยู่ใกล้ชิดเขาอีกนิด อาจจะทำให้หัวใจของเธอชุ่มชื้นขึ้นมาบ้าง หรือมันอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย
ก็ได้ที่เธอจะได้อยู่เคียงข้างเขา
อัพทีเดียวสามตอนรวด อิอิ คือแบบว่าเราอาจจะไม่ได้เข้ามา2-3วัน ถ้าคิดถึงกันก็เข้ามาอ่าน เข้ามา
เม้น เข้ามาโหวตก็ได้น้า
แล้วก็ขอบคุณมากๆนะจ้ะ สำหรับแบบสอบถามที่ช่วยกันตอบ เราอาจจะนำมาปรับเปลี่ยนบ้าง หรือ
อาจจะไม่ได้ตรงใจอย่างที่ทุกคนอยากอ่าน แต่สัญญาว่าจะแต่งออกมาให้ดีที่สุดเลย
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ