ป่วนหัวใจกับนายจอมหยิ่ง
10.0
เขียนโดย Water_Fall
วันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.21 น.
18 chapter
20 วิจารณ์
27.08K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 00.57 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
3) หนุ่มเพลย์บอยผู้เปลี่ยนสีหน้าได้ดั่งใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ตอนนี้ฉันอยู่ในห้องนอนที่สุดแสนจะกว้างใหญ่ของฉัน เตียงนอนที่มีความกว้างตั้งสามเมตร ซึ่งเหมาะสำหรับคนสองคน ใช่แล้วล่ะค่ะ หลังจากที่ไอ้กล้ากลับมา มันก็ต้องมานอนกับฉันทุกคืน เพราะเรานอนด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ มันก็เลยเกิดความเคยชิน ถึงแม้อายุของฉันกับมันจะปาไปสิบหกแล้วก็ตาม
"นี่กล้านอนได้แล้วน่า" ฉันเรียกมันให้เข้านอน เพราะเห็นมันตั้งใจวาดภาพอยู่นานสองนาน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นภาพอะไร ส่วนฉันก็นั่งเล่น line กับยัยฟาง ที่เอาแต่ถามสารทุกข์สุกดิบของไอ้กล้าตลอด ไม่รู้คุณเธอจะถามอะไรนักหนา เล่นเอาจนนิ้วฉันล็อคไปหมดแล้วเนี่ย
"แก้ว ว่าแต่เธอเรียนอยู่ที่ไหนอ่ะ" จู่ๆไอ้กล้าก็พูดขึ้น หมอนี่ก็แปลกปกติเวลานอนมันจะไม่คุยกับใคร นี่เป็นครั้งแรกที่มันเป็นฝ่ายเอ่ยปากคุยกับฉัน
"อยู่บัณฑิตศิลป์น่ะ แถวๆรามอินทรา"
"งั้น... พรุ่งนี้ฉันเข้าไปเรียนที่นั่นก็แล้วกัน"
"ว่าไงนะ นายจะเรียนที่เดียวกับฉันไม่ได้เด็ดขาดนะ"
"ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่"
"ฉันไม่มีวันเป็นตัวประหลาดเด็ดขาด" ฉันโวยใส่อย่างคลุ้มคลั่ง เพราะถ้าเกิดไอ้บ้านี่เรียนที่เดียวกับฉัน นั่นก็หมายความว่า คนทั้งโรงเรียนก็จะรู้ว่าฉันมีฝาแฝด และก็ต้องถูกมองเยี่ยงสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง
"ขอร้องล่ะไอ้กล้า นายช่วยไปเรียนที่อื่นไม่ได้หรือไง"
ตอนนี้ดูเหมือนปุ่มควบคุมการออกเสียงของมันจะไม่ทำงานอีกแล้ว ไอ้กล้าไม่เอ่ยปากใดๆออกมา แต่มันยังคงนั่งวาดภาพงี่เง่าของมันอยู่อย่างเงียบๆ ฉันจึงลุกไปดูมันซะหน่อย เพราะอยากรู้ว่าอาจารย์สอนวาดรูปที่อเมริกา มันสอนอะไรให้มันมาบ้าง
"เฮ้ยนี่มันรูปฉันนี่" ภาพวาดของมันทำเอาฉันตกใจ เพราะมันเป็นรูปของฉันเอง รูปฉันในภาพวาดกำลังถือไม้กระบองใหญ่เท่าแขน ที่เหมือนจะฟาดไปที่หัวชายอีกคนในภาพวาดของมัน หน้าผากใหญ่ๆโครงหน้าเรียวๆ ทำเอาฉันอดสงสัยไม่ได้เลยว่าไอ้ผู้ชายที่อยู่ในภาพวาดนั่นเป็นใคร แล้วทำไมต้องวาดฉันขึ้นมาด้วย หรือว่ามันจะหลงรักแฝดตัวเองฟะเนี่ย
"แกจะวาดรูปฉันขึ้นมาทำซากอะไรฟะกล้า"
"ฉันตั้งใจจะวาดนังแม่มดจอมอัปลักษณ์ขึ้นมาน่ะ" คำพูดเรียบๆกับสีหน้านิ่งๆ ทำเอาฉันแทบคลั่ง หมายความว่าไงที่ตั้งใจจะวาดแม่มดขึ้นมาน่ะ นี่มันหลอกด่ากันทางอ้อมชัดๆ
"พูดให้มันดีๆหน่อยไอ้กล้า ไม่งั้นเดี๋ยวมีเสยปลายคาง" จู่ๆไอ้หมอนี่ก็ผละออกจากภาพวาดและตรงไปที่เตียงทันที ทำเอาฉันแปลกใจกับการกระทำของมันไม่น้อย ง่อนซะละ เอ๊ะจริงสิ ยังตกลงเรื่องโรงเรียนกับมันยังไม่จบเลยนี่นา เฮ้ยลุกขึ้นมาคุยกันก่อน
เช้าวันรุ่งขึ้นฉันตื่นตามปกติ ทันทีที่หันไปทางขวาของเตียง(เตียงของฉันติดฝาผนังด้านซ้าย ซึ่งฉันก็นอนด้านในสุดเพราะกลัวตกเตียง)ก็เจอกับไอ้กล้าที่นอนซมเป็นไก่เหงาอยู่ข้างๆฉัน สงสัยคงจะยังไม่ชินกับเวลาที่เมืองไทย
"กล้า ไอ้กล้าลุกขึ้นได้แล้ว" ไม่ว่าจะพูดยังไงมันก็ไม่ยอมตื่น แต่ก็ดีแล้วล่ะที่มันนอนซมแบบนี้ ฉันจะได้ไปโรงเรียนอย่างสบายใจเฉิ่มสักที
พอเข้าโรงเรียนก็รู้สึกโล่งใจนิดหน่อย เพราะจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องไอ้คุณพี่กล้าอีก แต่เดี๋ยว ฉันก็เกือบลืมไปอีกอย่างหนึ่ง ก็เพราะในโรงเรียนยังมีสัตว์ประหลาดอีกตัวหนึ่งน่ะสิ วันนี้แหละต้องรู้ชื่อของนายให้ได้เล้ย
ตอนนี้ฉันนั่งอยู่ตรงโต๊ะหินหน้าโรงอาหารที่เดิม ซึ่งก็เรื่องเก่าๆซ้ำๆกันนั่นแหละ ยัยฟางที่เอาแต่ถามฉันตลอด กำลังจ้องมองหน้าฉันราวกับกินเลือดกินเนื้อ ทำเอาฉันใจคอไม่ดีเอาซะเลย
"เธอเอาพี่กล้าไปขังแล้วใช่ไหมห่ะ" ดูเหมือนยัยฟางจะยังฝั่งใจกับเรื่องเมื่อวาน เพราะตอนนั้น ฉันบอกยัยนั่นไปว่าจะเอาไอ้กล้าไปขังลืมไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันอีก ซึ่งคุณเธอก็คงจะคิดแบบนั้นอยู่แน่ๆ
"จะบ้าเรอะ หมอนั่นนอนสลบอยู่บ้านย่ะ"
"งั้นก็แล้วไป" สงสัยยัยฟางคงจะเข้าใจ เพราะสีหน้าของเธอดูจะกลับมาเป็นปกติแล้วล่ะ
กริ๊ดดดดดด ว๊ายยยยยย เสียงกริ๊ดของพวกนักเรียนหญิงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ทำเอาฉันต้องหันไปมอง และก็ต้องพบกับเหล่าชะนีสุดแรดทั้งหลายที่ยืนอัดเป็นปลากระป๋องอยู่ที่โรงอาหาร เหมือนพวกนั้นกำลังกริ๊ดให้กับดารายังไงยังงั้น นี่มันจะเห่ออะไรกันนักหนาฟะ
"ไอ้หมอนั่นอีกแล้ว" ยัยฟางบ่นด้วยท่าทางเบื่อหน่าย
"มีอะไรหรอยัยฟาง พวกนั้นกริ๊ดใครอยู่อ่ะ"
"ไอ้play boyตัวพ่อของโรงเรียนนี้ยังไงล่ะ"
"ไอ้play boyหรอ คงจะhotน่าดูนะ ว่าไหม"
"้hotบ้านแกอ่ะดิ หมอนั้นน่ะเจ้าสำอางจะตายไป"
"ก็ไม่เห็นแปลกเลยนี่นา ดีแล้วล่ะที่เป็นคนรักความสะอาดน่ะ"
"ถ้าไม่เชื่อเธอก็ดูที่มันทำก่อนสิ" ฉันมองตามที่ยัยฟางชี้ไป ก็เจอกับเด็กผู้ชายหน้าตาเกลี้ยงเกลา ไอ้นี้มันรักสะอาดจริงๆด้วยแหะ แต่ฉันก็ต้องตกตะลึงทันที เมื่อเห็นหมอนั่นควักช้อนออกมา ก่อนจะจุ่มลงในเครื่องที่คล้ายกับเครื่องปั่นผลไม้ แต่ข้างในมีน้ำอยู่เต็มจนเหมือนจะล้นออกมา และน้ำข้างในดูจะร้อนน่าดู เพราะมันมีฟองอากาศพุดๆขึ้นมาเต็มไปหมด นี่มันไม่ใช่แค่รักความสะอาดธรรมดาๆแล้วล่ะมั้ง นี่มันเจ้าพ่อสำอางชัดๆ
"ฉันเชื่อเธอแล้วล่ะยัยฟาง" ฉันมองไปบ่นไป
"เห็นไม่ล่ะ ท่าทางของหมอนั่นน่ะ"
"เฮ้คุณฟาง" จู่ๆหมอนั่นก็หันมาทางพวกเรา แล้วก็ทักยัยฟางอย่างสนิทสนม หรือว่าหมอนี่จะเป็นแฟนของยัยฟางหรือยังไงกันนะ
"เอ่อ... ยัยแก้วช่วยฉันทีสิ" ยัยฟางดูเหมือนจะกลัวหมอนั่นเอามากๆ เอ๊ะ มันชักจะยังไงแล้วนะ
"ช่วยอะไรของเธอ"
"คือว่าฉัน ไม่อยากคุยกับหมอนั่นอ่ะ" ยัยฟางนี่ก็แปลก ปกติเห็นผู้ชายจะหล่อใส่ลูกเดียว แต่กับหมอนี่ ดันมาหลบอยู่หลังฉันซะงั้น
"นี่นายจะทำอะไรยัยฟางอ่ะ" ฉันถามเจ้าหมอนั่น ที่ตอนนี้มันกำลังยืนอยู่ตรงหน้าฉันก่อนจะมองไปที่ยัยฟางซึ่งหลบอยู่ข้างหลังของฉัน
"เธอเป็นใครน่ะ เพื่อนคุณฟางหรอ" หมอนั่นพูดพร้อมกับยิ้มให้ จะว่าไปแล้วไม่ใช่แค่รักความสะอาดอย่างเดียว ยังเป็นคนสุภาพด้วยแฮะ
"อืม ว่าแต่นายเถอะ มีอะไรกับเพื่อนของฉัน"
"แค่ทักทายตามประสาคนรู้จักน่ะครับ"
"ฉันไม่เชื่อนายหรอก จะหลอกฉันเ้ข้าโรงแรมล่ะสิท่า" ยัยฟางวีนใส่หมอนั่นสุดฤทธิ์ อย่างกะโกรธแค้นกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน
"คงมีการเข้าใจอะไรผิดแล้วมั้งครับ" หมอนั่นยิ้ม ทำเอาใจฉันแทบละลาย ผู้ชายสุภาพแบบนี้ก็มีในโลกด้วยเหรอเนี่ย ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเพลย์บอยตัวพ่ออย่างที่ยัยฟางบอกเลยสักนิด
"เอ่อ ยังไงก็ขอโทษแทนยัยนี่ก็แล้วกันนะค่ะ ไม่ทราบคุณชื่ออะไรหรอค่ะ" ฉันก็เอาแบบสุภาพๆบ้าง
"ผมชื่อป๊อปปี้ครับ"
"ป๊อปปี้เหรอค่ะ ชื่อน่ารักจัง" ฉันยิ้มให้อย่างเป็นมิตรหมอนั่นก็ยิ้มตอบ ทำเอาใจฉันเต้นแรงขึ้นกว่าเดิม นี่เรากำลังตกหลุมรักเทพบุตรอยู่หรอเนี่ย แต่ทันใดนั้นเอง สีหน้าของฉันก็เปลี่ยนไป เมื่อหมอนั่นเดินผ่านฉันไปและทักคนที่อยู่ข้างหลังฉัน ซึ่งตอนแรกก็คิดว่าเขาคงจะพิศวาทยัยฟางซะอีก แต่ที่ไหนได้ไอ้คนที่อยู่ข้างหลังของยัยฟางอีกที กลับเป็นเจ้านั่นไปซะได้
"ไงไอ้โทโมะ ปล่อยฉันรอนานเลยนะเฟ้ย" ท่าทางและคำพูดดูต่างจากเมื่อกี้มาก น้ำเสียงทุ่มๆเรียบๆพร้อมสีหน้าเอาจริงเอาจังของหมอนั่นตอนอยู่กับเพื่อน ทำเอาฉันชักไม่แน่ใจแล้วว่า ไอ้เพลย์บอยตัวพ่อนี้มันเป็นคนยังไงกันแน่
"ไหงเป็นงั้นอ่ะ" ฉันถามยัยฟางอย่างแปลกใจ
"เห็นไหมล่า เธอยังไม่รู้จักมันดีพอ ไอ้หมอนี้อ่ะนะ เวลาอยู่กับผู้หญิงจะปากหวานแถมยังชอบทำตาเยิ้มอีก สาวๆก็เลยหลงใหลได้ปลื้มมันมากยังไงล่ะ แต่พออยู่กับพวกผู้ชายหรือเพื่อนๆของมันเี่นี่ย ก็ดูจะเปลี่ยนไปราวกลับเป็นคนละคน ทำตัวกร่างบ้าบิ่นแถมปากยังไม่เป็นมงคลอีก" ยัยฟางเล่าซะยาว เพิ่งจะเห็นยัยนี่บ่นก็คราวนี้แหละ
"นี่เพื่อนนายหรอ" ฉันถามไอ้คนที่ชื่อป๊อปปี้อย่างสงสัย
"อืม นี่เพื่อนสนิทฉันชื่อว่าโทโมะ"
"โทโมะงั้นเรอะ ยังกะคนญี่ปุ่นแน่ะ มาจากญี่ปุ่นหรอนาย"
"อืม หมอนี่เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นน่ะ" ไอ้ป๊อปปี้ตอบแทนเพื่อน
"นี่จะไปไหนน่ะ ยังไม่ได้กินข้าวเลยไม่ใช่เรอะ" ไอ้ป๊อปปี้รั้งแขนเพื่อนของมันทันที เพราะตอนนี้ดูเหมือนไอ้โทโมะนั่นกำลังจะเดินกลับห้องของตัวเอง
"คนมันเยอะน่ะ" คำพูดสั้นๆของมันทำเอาฉันกับยัยฟางถึงกับอึ้ง ไอ้นี่มันคนเก็บตัวหรือกลัวผู้คนกันแน่นะ
"งั้นเราซื้อข้าวไปกินบนห้องก็แล้วกัน" ไอ้ป๊อปปี้เอ่ยปากชวน จากนั้นพวกมันทั้งสองก็เดินไปที่โรงอาหาร ซึ่งไอ้โทโมะก็ยืนรอเพื่อนของมันอย่างเงียบๆ ส่วนไอ้ป๊อปปี้ก็อาสาไปซื้อกับข้าวตามที่เพื่อนมันสั่ง ฉันกับยัยฟางจึงออกมาจากที่นั่น เพราะตอนบ่ายต้องทำกิจกรรมด้วยกัน
จบไปอีกตอนแล้วนะครับ ยังไงก็ฝากติดตามกันเยอะๆน้าครับ
"นี่กล้านอนได้แล้วน่า" ฉันเรียกมันให้เข้านอน เพราะเห็นมันตั้งใจวาดภาพอยู่นานสองนาน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นภาพอะไร ส่วนฉันก็นั่งเล่น line กับยัยฟาง ที่เอาแต่ถามสารทุกข์สุกดิบของไอ้กล้าตลอด ไม่รู้คุณเธอจะถามอะไรนักหนา เล่นเอาจนนิ้วฉันล็อคไปหมดแล้วเนี่ย
"แก้ว ว่าแต่เธอเรียนอยู่ที่ไหนอ่ะ" จู่ๆไอ้กล้าก็พูดขึ้น หมอนี่ก็แปลกปกติเวลานอนมันจะไม่คุยกับใคร นี่เป็นครั้งแรกที่มันเป็นฝ่ายเอ่ยปากคุยกับฉัน
"อยู่บัณฑิตศิลป์น่ะ แถวๆรามอินทรา"
"งั้น... พรุ่งนี้ฉันเข้าไปเรียนที่นั่นก็แล้วกัน"
"ว่าไงนะ นายจะเรียนที่เดียวกับฉันไม่ได้เด็ดขาดนะ"
"ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่"
"ฉันไม่มีวันเป็นตัวประหลาดเด็ดขาด" ฉันโวยใส่อย่างคลุ้มคลั่ง เพราะถ้าเกิดไอ้บ้านี่เรียนที่เดียวกับฉัน นั่นก็หมายความว่า คนทั้งโรงเรียนก็จะรู้ว่าฉันมีฝาแฝด และก็ต้องถูกมองเยี่ยงสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง
"ขอร้องล่ะไอ้กล้า นายช่วยไปเรียนที่อื่นไม่ได้หรือไง"
ตอนนี้ดูเหมือนปุ่มควบคุมการออกเสียงของมันจะไม่ทำงานอีกแล้ว ไอ้กล้าไม่เอ่ยปากใดๆออกมา แต่มันยังคงนั่งวาดภาพงี่เง่าของมันอยู่อย่างเงียบๆ ฉันจึงลุกไปดูมันซะหน่อย เพราะอยากรู้ว่าอาจารย์สอนวาดรูปที่อเมริกา มันสอนอะไรให้มันมาบ้าง
"เฮ้ยนี่มันรูปฉันนี่" ภาพวาดของมันทำเอาฉันตกใจ เพราะมันเป็นรูปของฉันเอง รูปฉันในภาพวาดกำลังถือไม้กระบองใหญ่เท่าแขน ที่เหมือนจะฟาดไปที่หัวชายอีกคนในภาพวาดของมัน หน้าผากใหญ่ๆโครงหน้าเรียวๆ ทำเอาฉันอดสงสัยไม่ได้เลยว่าไอ้ผู้ชายที่อยู่ในภาพวาดนั่นเป็นใคร แล้วทำไมต้องวาดฉันขึ้นมาด้วย หรือว่ามันจะหลงรักแฝดตัวเองฟะเนี่ย
"แกจะวาดรูปฉันขึ้นมาทำซากอะไรฟะกล้า"
"ฉันตั้งใจจะวาดนังแม่มดจอมอัปลักษณ์ขึ้นมาน่ะ" คำพูดเรียบๆกับสีหน้านิ่งๆ ทำเอาฉันแทบคลั่ง หมายความว่าไงที่ตั้งใจจะวาดแม่มดขึ้นมาน่ะ นี่มันหลอกด่ากันทางอ้อมชัดๆ
"พูดให้มันดีๆหน่อยไอ้กล้า ไม่งั้นเดี๋ยวมีเสยปลายคาง" จู่ๆไอ้หมอนี่ก็ผละออกจากภาพวาดและตรงไปที่เตียงทันที ทำเอาฉันแปลกใจกับการกระทำของมันไม่น้อย ง่อนซะละ เอ๊ะจริงสิ ยังตกลงเรื่องโรงเรียนกับมันยังไม่จบเลยนี่นา เฮ้ยลุกขึ้นมาคุยกันก่อน
เช้าวันรุ่งขึ้นฉันตื่นตามปกติ ทันทีที่หันไปทางขวาของเตียง(เตียงของฉันติดฝาผนังด้านซ้าย ซึ่งฉันก็นอนด้านในสุดเพราะกลัวตกเตียง)ก็เจอกับไอ้กล้าที่นอนซมเป็นไก่เหงาอยู่ข้างๆฉัน สงสัยคงจะยังไม่ชินกับเวลาที่เมืองไทย
"กล้า ไอ้กล้าลุกขึ้นได้แล้ว" ไม่ว่าจะพูดยังไงมันก็ไม่ยอมตื่น แต่ก็ดีแล้วล่ะที่มันนอนซมแบบนี้ ฉันจะได้ไปโรงเรียนอย่างสบายใจเฉิ่มสักที
พอเข้าโรงเรียนก็รู้สึกโล่งใจนิดหน่อย เพราะจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องไอ้คุณพี่กล้าอีก แต่เดี๋ยว ฉันก็เกือบลืมไปอีกอย่างหนึ่ง ก็เพราะในโรงเรียนยังมีสัตว์ประหลาดอีกตัวหนึ่งน่ะสิ วันนี้แหละต้องรู้ชื่อของนายให้ได้เล้ย
ตอนนี้ฉันนั่งอยู่ตรงโต๊ะหินหน้าโรงอาหารที่เดิม ซึ่งก็เรื่องเก่าๆซ้ำๆกันนั่นแหละ ยัยฟางที่เอาแต่ถามฉันตลอด กำลังจ้องมองหน้าฉันราวกับกินเลือดกินเนื้อ ทำเอาฉันใจคอไม่ดีเอาซะเลย
"เธอเอาพี่กล้าไปขังแล้วใช่ไหมห่ะ" ดูเหมือนยัยฟางจะยังฝั่งใจกับเรื่องเมื่อวาน เพราะตอนนั้น ฉันบอกยัยนั่นไปว่าจะเอาไอ้กล้าไปขังลืมไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันอีก ซึ่งคุณเธอก็คงจะคิดแบบนั้นอยู่แน่ๆ
"จะบ้าเรอะ หมอนั่นนอนสลบอยู่บ้านย่ะ"
"งั้นก็แล้วไป" สงสัยยัยฟางคงจะเข้าใจ เพราะสีหน้าของเธอดูจะกลับมาเป็นปกติแล้วล่ะ
กริ๊ดดดดดด ว๊ายยยยยย เสียงกริ๊ดของพวกนักเรียนหญิงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ทำเอาฉันต้องหันไปมอง และก็ต้องพบกับเหล่าชะนีสุดแรดทั้งหลายที่ยืนอัดเป็นปลากระป๋องอยู่ที่โรงอาหาร เหมือนพวกนั้นกำลังกริ๊ดให้กับดารายังไงยังงั้น นี่มันจะเห่ออะไรกันนักหนาฟะ
"ไอ้หมอนั่นอีกแล้ว" ยัยฟางบ่นด้วยท่าทางเบื่อหน่าย
"มีอะไรหรอยัยฟาง พวกนั้นกริ๊ดใครอยู่อ่ะ"
"ไอ้play boyตัวพ่อของโรงเรียนนี้ยังไงล่ะ"
"ไอ้play boyหรอ คงจะhotน่าดูนะ ว่าไหม"
"้hotบ้านแกอ่ะดิ หมอนั้นน่ะเจ้าสำอางจะตายไป"
"ก็ไม่เห็นแปลกเลยนี่นา ดีแล้วล่ะที่เป็นคนรักความสะอาดน่ะ"
"ถ้าไม่เชื่อเธอก็ดูที่มันทำก่อนสิ" ฉันมองตามที่ยัยฟางชี้ไป ก็เจอกับเด็กผู้ชายหน้าตาเกลี้ยงเกลา ไอ้นี้มันรักสะอาดจริงๆด้วยแหะ แต่ฉันก็ต้องตกตะลึงทันที เมื่อเห็นหมอนั่นควักช้อนออกมา ก่อนจะจุ่มลงในเครื่องที่คล้ายกับเครื่องปั่นผลไม้ แต่ข้างในมีน้ำอยู่เต็มจนเหมือนจะล้นออกมา และน้ำข้างในดูจะร้อนน่าดู เพราะมันมีฟองอากาศพุดๆขึ้นมาเต็มไปหมด นี่มันไม่ใช่แค่รักความสะอาดธรรมดาๆแล้วล่ะมั้ง นี่มันเจ้าพ่อสำอางชัดๆ
"ฉันเชื่อเธอแล้วล่ะยัยฟาง" ฉันมองไปบ่นไป
"เห็นไม่ล่ะ ท่าทางของหมอนั่นน่ะ"
"เฮ้คุณฟาง" จู่ๆหมอนั่นก็หันมาทางพวกเรา แล้วก็ทักยัยฟางอย่างสนิทสนม หรือว่าหมอนี่จะเป็นแฟนของยัยฟางหรือยังไงกันนะ
"เอ่อ... ยัยแก้วช่วยฉันทีสิ" ยัยฟางดูเหมือนจะกลัวหมอนั่นเอามากๆ เอ๊ะ มันชักจะยังไงแล้วนะ
"ช่วยอะไรของเธอ"
"คือว่าฉัน ไม่อยากคุยกับหมอนั่นอ่ะ" ยัยฟางนี่ก็แปลก ปกติเห็นผู้ชายจะหล่อใส่ลูกเดียว แต่กับหมอนี่ ดันมาหลบอยู่หลังฉันซะงั้น
"นี่นายจะทำอะไรยัยฟางอ่ะ" ฉันถามเจ้าหมอนั่น ที่ตอนนี้มันกำลังยืนอยู่ตรงหน้าฉันก่อนจะมองไปที่ยัยฟางซึ่งหลบอยู่ข้างหลังของฉัน
"เธอเป็นใครน่ะ เพื่อนคุณฟางหรอ" หมอนั่นพูดพร้อมกับยิ้มให้ จะว่าไปแล้วไม่ใช่แค่รักความสะอาดอย่างเดียว ยังเป็นคนสุภาพด้วยแฮะ
"อืม ว่าแต่นายเถอะ มีอะไรกับเพื่อนของฉัน"
"แค่ทักทายตามประสาคนรู้จักน่ะครับ"
"ฉันไม่เชื่อนายหรอก จะหลอกฉันเ้ข้าโรงแรมล่ะสิท่า" ยัยฟางวีนใส่หมอนั่นสุดฤทธิ์ อย่างกะโกรธแค้นกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน
"คงมีการเข้าใจอะไรผิดแล้วมั้งครับ" หมอนั่นยิ้ม ทำเอาใจฉันแทบละลาย ผู้ชายสุภาพแบบนี้ก็มีในโลกด้วยเหรอเนี่ย ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเพลย์บอยตัวพ่ออย่างที่ยัยฟางบอกเลยสักนิด
"เอ่อ ยังไงก็ขอโทษแทนยัยนี่ก็แล้วกันนะค่ะ ไม่ทราบคุณชื่ออะไรหรอค่ะ" ฉันก็เอาแบบสุภาพๆบ้าง
"ผมชื่อป๊อปปี้ครับ"
"ป๊อปปี้เหรอค่ะ ชื่อน่ารักจัง" ฉันยิ้มให้อย่างเป็นมิตรหมอนั่นก็ยิ้มตอบ ทำเอาใจฉันเต้นแรงขึ้นกว่าเดิม นี่เรากำลังตกหลุมรักเทพบุตรอยู่หรอเนี่ย แต่ทันใดนั้นเอง สีหน้าของฉันก็เปลี่ยนไป เมื่อหมอนั่นเดินผ่านฉันไปและทักคนที่อยู่ข้างหลังฉัน ซึ่งตอนแรกก็คิดว่าเขาคงจะพิศวาทยัยฟางซะอีก แต่ที่ไหนได้ไอ้คนที่อยู่ข้างหลังของยัยฟางอีกที กลับเป็นเจ้านั่นไปซะได้
"ไงไอ้โทโมะ ปล่อยฉันรอนานเลยนะเฟ้ย" ท่าทางและคำพูดดูต่างจากเมื่อกี้มาก น้ำเสียงทุ่มๆเรียบๆพร้อมสีหน้าเอาจริงเอาจังของหมอนั่นตอนอยู่กับเพื่อน ทำเอาฉันชักไม่แน่ใจแล้วว่า ไอ้เพลย์บอยตัวพ่อนี้มันเป็นคนยังไงกันแน่
"ไหงเป็นงั้นอ่ะ" ฉันถามยัยฟางอย่างแปลกใจ
"เห็นไหมล่า เธอยังไม่รู้จักมันดีพอ ไอ้หมอนี้อ่ะนะ เวลาอยู่กับผู้หญิงจะปากหวานแถมยังชอบทำตาเยิ้มอีก สาวๆก็เลยหลงใหลได้ปลื้มมันมากยังไงล่ะ แต่พออยู่กับพวกผู้ชายหรือเพื่อนๆของมันเี่นี่ย ก็ดูจะเปลี่ยนไปราวกลับเป็นคนละคน ทำตัวกร่างบ้าบิ่นแถมปากยังไม่เป็นมงคลอีก" ยัยฟางเล่าซะยาว เพิ่งจะเห็นยัยนี่บ่นก็คราวนี้แหละ
"นี่เพื่อนนายหรอ" ฉันถามไอ้คนที่ชื่อป๊อปปี้อย่างสงสัย
"อืม นี่เพื่อนสนิทฉันชื่อว่าโทโมะ"
"โทโมะงั้นเรอะ ยังกะคนญี่ปุ่นแน่ะ มาจากญี่ปุ่นหรอนาย"
"อืม หมอนี่เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นน่ะ" ไอ้ป๊อปปี้ตอบแทนเพื่อน
"นี่จะไปไหนน่ะ ยังไม่ได้กินข้าวเลยไม่ใช่เรอะ" ไอ้ป๊อปปี้รั้งแขนเพื่อนของมันทันที เพราะตอนนี้ดูเหมือนไอ้โทโมะนั่นกำลังจะเดินกลับห้องของตัวเอง
"คนมันเยอะน่ะ" คำพูดสั้นๆของมันทำเอาฉันกับยัยฟางถึงกับอึ้ง ไอ้นี่มันคนเก็บตัวหรือกลัวผู้คนกันแน่นะ
"งั้นเราซื้อข้าวไปกินบนห้องก็แล้วกัน" ไอ้ป๊อปปี้เอ่ยปากชวน จากนั้นพวกมันทั้งสองก็เดินไปที่โรงอาหาร ซึ่งไอ้โทโมะก็ยืนรอเพื่อนของมันอย่างเงียบๆ ส่วนไอ้ป๊อปปี้ก็อาสาไปซื้อกับข้าวตามที่เพื่อนมันสั่ง ฉันกับยัยฟางจึงออกมาจากที่นั่น เพราะตอนบ่ายต้องทำกิจกรรมด้วยกัน
จบไปอีกตอนแล้วนะครับ ยังไงก็ฝากติดตามกันเยอะๆน้าครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ