รักวุ่นวายของยัยตัวแสบ

10.0

เขียนโดย Water_Fall

วันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.47 น.

  11 ตอน
  12 วิจารณ์
  19.98K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 23.04 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

1) ถึงคราวซวย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

  

                   

  ท่ามกลางเวทีที่เต็มไปด้วยกลุ่มคนน้อยใหญ่ เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เหล่านักร้องหนุ่มทั้งห้า ที่ตอนนี้เลยเพียงสี่ ยืนเรียงรายกันเป็นระเบียบ หนุ่มท่าทางดุๆ กล่าวกับแฟนเพลงของเขาด้วยวาจาอันดุดัน

 

“ถึงตอนนี้ พวกเราจะเหลือแค่สี่คนก็ตามแต่อยากจะให้ทุกคนช่วยเป็นกำลังใจให้กับพวกเราด้วยนะครับ ยังไงก็ พวกเราจะอยู่กับทุกคนตลอดไป สัญญาครับ”

 สิ้นสุดคำกล่าวอำลาของชายหนุ่ม เสียงเฮ้ก็ดังลั่น พร้อมกับเสียงปรบมือเกรียวกราว บ้างก็ใช้โฟมตีกัน บ้างก็ส่งเสียงโห่ ชายหนุ่มทั้งสี่กล่าวอำลาพร้อมน้ำตา

 

“เฮ้อเหนื่อยชะมัด” เขื่อนกล่าวออกมาด้วยท่าทางอิดโรย เขาทรุดลงนั่งที่เก้าอี้ ก่อนจะปาดเหงื่ออย่างใจเย็น

 

“เอาล่ะพวกนาย รีบกลับกันได้แล้วพรุ่งนี้ยังต้องไปต่างประเทศอีก ไฟท์แรกหกโมงเช้านะเฟ้ย”

ป๊อปปี้บอกกล่าวถึงตารางคิวของวง ก่อนที่จะเดินนำทั้งสามหนุ่มไปที่หอพักของวง

 

“ว่าแต่ ผู้จัดการยังหาตัวไอ้จองเบไม่เจออีกเหรอฟะ” เคนตะเดินไปคุยไป พลางถามถึงเรื่องอดีตสมาชิกที่หายสาบสูญ

 

“คงอีกนานล่ะกว่าจะเจอ” โทโมะว่าอย่างใจเย็น แล้วทั้งสี่ก็ถึงรถส่วนตัว

  ตึกขนาดหนึ่งไร่สูงสิบเมตร นับเป็นตึกที่ดูใหญ่ตระการตา แต่ในสายตาของทั้งสี่ มันเป็นเพียงที่หลับนอนของพวกเขา และพวกเขาก็ต้องรีบ เพราะต้องตื่นให้ทันก่อนที่เครื่องบินที่จะพาพวกเขาไปต่างประเทศจะทิ้งพวกเขาซะก่อน

 

 วันต่อมา ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ชายหนุ่มทั้งสี่เดินลากกระเป้าของตัวเองมาอย่างตั้งใจ

 

“ไอ้เขื่อน เอาอะไรมานักหนาฟะ” เคนตะอดสงสัยไม่ได้เมื่อเห็นกระเป๋าใบใหญ่ที่ดูเหมือนจะปิดไม่สนิท

 

“ก็ของจำเป็นน่ะ” เขื่อนตอบกลับไป

 

“จำเป็นบ้านแกอ่ะดิ ฉันอยากจะรู้นัก ว่าข้างในมันมีอะไรนักหนา” เคนตะทำหน้าไม่เชื่อเพื่อน และพยายามจะตรวจสอบกระเป๋าใบใหญ่นั่น ส่วนเขื่อนก็พยายามกันเพื่อไม่ให้พ่อลิงน้อยจับต้องของสำคัญ

 

“พวกนาย พอได้แล้วน่า นี่เครื่องมันจวนจะขึ้นอยู่แล้วนะ” โทโมะกล่าวห้าม

 

ARI BUS 204 เครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่แล่นสู่รันเวย์อย่างช้าๆ ก่อนที่มันจะแล่นเร็วขึ้นๆๆ จนในที่สุด มันก็ทะยานสู่ท้องฟ้า

 

6 ชั่วโมงต่อมา เครื่องบินขนาดใหญ่ที่เพิ่งผ่านกลุ่มเมฆสีดำมานั้น จู่ๆก็มีเสียงดังแปลกๆดังมาจากปีกด้านทางซ้าย ก่อนที่พนักงานจะพูดว่า

 

“เรียนผู้โดยสารที่กำลังไปลอนดอนทุกท่าน ขณะนี้เครื่องของเรากำลังมีปัญหา ปีกซ้ายถูกฟ้าผ่าอย่างแรง จนไม่สามารถบินต่อได้ ขอทุกท่านโปรดมองไปทางขวาของโต๊ะ แล้วหยิบห่อผ้าสีเหลืองออกมา จากนั้นให้ใส่ไว้ แล้วเราจะโดดทีล่ะคน เริ่มจากเด็กก่อนน่ะค่ะ”

 

“อะไรฟะ” เขื่อนมองห่อผ้าอย่างแปลกใจ

 

“มีอะไรเหรอบีหนึ่ง” ป๊อปปี้กระซิบถาม

 

“ไม่รู้เหมือนกันอ่ะบีสอง” เขื่อนรับมุก

 

“เจ้านี้มันคืออะไรเหรอบีหนึ่ง”

 

“คงจะเป็นเต้นท์มั้งบีสอง”

 

“พวกนาย ซุบซิบอะไรกันห่ะ” โทโมะที่เห็นสีหน้าที่ดูไม่เครียดของเพื่อน จึงตะโกนด่าออกมาทันใด

 

“เชื่อเขาเลย” เคนตะสถบอย่างปลงๆ

 

“ขณะนี้เรากำลังอยู่ที่สวิตเซอร์แลน ขอทุกท่านรีบกระโดดด้วยทางทีมงานภาคพื้นดินได้เตรียมรอรับไว้แล้ว ท่านใดที่ยังใส่ไม่ได้กรุณารีบใส่ด้วย ขอย่ำเรากำลังบินอยู่เหนือสวิตเซอร์แลน ขอให้ทุกท่านกรุณารีบกระโดดด้วย ไม่อย่างนั้น เราจะถีบท่านลงทันที”

 สิ้นสุดคำกล่าวของพนักงาน เคนตะถึงกับอึ้ง

 

“ว่าไงนะ ที่จะถีบเราลงไปอ่ะ”เคนตะพูดในขณะที่เขายังคงนั่งใจลอยอยู่

 

“ก็คงงั้นมั้ง” โทโมะบอก

 

“บีสองนายคิดว่าเราจะรอดหรือป่าว” เขื่อนกระซิบถาม

 

“โอกาสที่เราจะรอดมีอยู่ 20%อ่ะหนึ่ง” ป๊อปปี้

 

“แล้วแบบนี้ใครจะมาร้องเพลงแทนเราล่ะบีสอง”

 

“คงต้องรอให้เฟย์ฟางแก้วเกิดมาเป็นผู้ชายแล้วล่ะบีหนึ่ง”

 

“นี่พวกนาย ยังจะกระซิบกันอยู่อีกตาพวกเราโดดแล้ว” โทโมะรีบขัดการสนทนาของทั้งคู่

 

  แล้วพวกเคโอติกก็ไปยืนที่ประตูเครื่อง ก่อนที่จะจับกระเป๋าสีเหลืองที่อยู่บนหลังไว้แน่น จากนั้นผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ใกล้ๆก็มาแนะนำ

 

“พวกเคโอติกใช่ไหม”

 

“ครับ” ทุกคนตอบอย่างพร้อมเพรียง

 

“หน้ายังกะไข่ห่าน กลัวตายหรือไง”

 

“ไม่กลัวครับ”

 

“อะเอ่อ ผมกลัวครับ” เคนตะยกมือขึ้นด้วยสีหน้าซีดเซียว

 

“มา มานี่ มานี่เลย” ผู้เชี่ยวชาญเรียกเคนตะไปใกล้ๆ

 

“มีอะไรเหรอครับ” เคนตะถามอย่างกล้าๆกลัวๆ

 

“ไอ้หน้าลิง อันนี้คือสลักใช่ไหม” ผู้เชี่ยวชาญว่าเสียงดัง

 

“คะคร้าบ”

 

“มันมีอยู่สองอันเห็นหรือป่าว อันหนึ่งเอาไว้ชักจริงส่วนอีกอันเป็นสำรอง เข้าใจแล้วนะ”

 

“คร้าบ” เคนตะตอบอย่างแข็งขัน

 

“มองดูไปข้างล่างสิ นายว่ามันสูงไหม”

 

“สะสูง”

 

“เฮ้ยแค่นี่ก็ป๊อดแล้วเหรอ ฉันจะถามอีกครั้ง สูงไหม”

 

“มะๆๆ ไม่ครับ”

 

“เอาล่ะ ตอนที่แกโดด ให้นับหนึ่งถึงสิบพอถึงสิบแล้วแกชักไอ้สลักอันสีฟ้านั่นน่ะ ชักแรงๆรู้หรือป่าว”

 

“ระรู้คร้าบ”

 

“เอาล่ะประจำที่ ฉันจะนับหนึ่งถึงสาม พวกแกเคโอติกโดดพร้อมกันเลยนะ” ผู้เชี่ยวชาญลั่นวาจาอย่างน่าเกรงกราม

 

“หนึ่ง! สอง! อ้าวเฮ้ยยังไม่ถึงสามเลย จะโดดกันทำไมฟะ”

 

 อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก ทั้งสี่หนุ่มโดดพร้อมกัน ก่อนจะส่งเสียงเหมือนหมูถูกเชือดดังสนั่นไปทั่วท้องฟ้า หลังจากนั้นสิบวินาที ร่มทั้งสี่ก็กางออก

 

ณ หุบเขาลึกลับ หญิงสาวคนหนึ่งกำลังเก็บผลไม้ใส่ตะกร้าอย่างขะมักเขม้น เธอเก็บทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นส้มโอหรือทุเรียนก็ตาม ตะกร้าของเธอรับไว้หมด

 

“พี่ค่ะ จะให้ฉันรอไปถึงเมื่อไหร่” หญิงสาวพูดขึ้นด้วยแววตาเศร้าๆ

 

 ทันใดนั้นเองก็มีเสียงดังฟุบสี่ครั้งติดกันดังอยู่บริเวณป่าทึบ หญิงสาวที่พอได้ยินเสียงอันแปลกประหลาด เธอไม่รอช้าที่จะเข้าไปดูต้นเหตุ 

 

“ใครน่ะ” หญิงสาวที่เห็นร่างทั้งสี่ ก็บ่นออกมา ก่อนที่เธอจะแอบดูอย่างใจจดใจจ่อ

 

“ที่นี้ที่ไหนเนี่ย” เขื่อนบ่นพร้อมมองไปรอบๆ

 

“คงจะเป็นป่าล่ะมั้ง” เคนตะบอก

 

“ดูก็รู้ว่าป่า” โทโมะบ่นใส่

 

“โอกาสรอดจากป่านี่ท่าจะ 60%” ป๊อปปี้พูดก่อนจะหยิบหนังสือขึ้นมา

 

“ฉันว่า เราไปหาที่พักเถอะ นี่ก็จะมืดอยู่แล้ว” เคนตะออกความเห็น

 

“ก็ดีเหมือนกัน” โทโมะเห็นด้วย

  

   ว่าแล้วทั้งสี่หนุ่มก็ออกเดินหาที่พักโดยเร็วแต่ว่า

 

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ถ้าขืนขยับฉันเอาพวกนายตายแน่” เสียงหญิงสาวดังขึ้นทำเอาทั้งสี่หยุดชะงัก

 

“เธอ เธอเป็นใครน่ะ” โทโมะหันไปคุย

 

“ไม่ต้องพูด ยกมือขึ้น ฉันบอกให้ยกมือขึ้นไง” หญิงสาวที่มาพร้อมกับปืนไรเฟิลบอกกล่าวทั้งสี่หนุ่มด้วยวาจาน่าเกรงขาม

 

“ใจเย็นก่อนสิ คนสวย” เคนตะเร่งคลี่คลาย แต่เหมือนหญิงสาวจะไม่คล้อยตาม

 

“นี่บีสอง ตอนนี้โอกาสรอดเหลือเท่าไหร่แล้ว” เขื่อนกระซิบถาม

 

“เราขอคิดดูก่อนนะบีหนึ่ง” ป๊อปปี้ก้มหน้าลงเหมือนจะคิดหนัก

 

“คิดไวๆนะบีสอง”

 

“แน่นอนอยู่แล้วน่ะบีหนึ่ง”

 

  ผ่านไปไม่นาน

 

“ได้คำตอบแล้วล่ะบีหนึ่ง” ป๊อปปี้ทำหน้าเหมือนได้โล่

 

“โอกาสเหลือเท่าไหร่แล้วล่ะบีสอง” เขื่อนกระซิบถามอีกครั้ง

 

“คงจะเหลือ 0% อ่ะนะบีหนึ่ง”

 

“แบบนี้ก็แย่สิบีสอง”

 

“คงต้องปล่อยตามกรรมแล้วล่ะบีหนึ่ง”

 

“เฮ้ยพวกนาย ซุบซิบอะไรกัน ฉันบอกให้ยกมือขึ้นไง” หญิงสาวตะครอกใส่อย่างโมโห

 

“คะคร้าบ” เขื่อนกับป๊อปปี้ทำตามอย่างว่าง่าย

 

    พวกสี่หนุ่มจะรอดหรือป่าวน้า แล้วหญิงสาวคนดังกล่าวเป็นใคร ติดตามตอนต่อไปครับ

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา