[B2ST/Beast] Dream Story รักนี้ให้นาย...เจ้าชายอสูร

8.9

เขียนโดย Kreota

วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.

  87 ตอน
  86 วิจารณ์
  111.10K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

57) [Episode 5 :: Beautiful Lover] # Chapter 3

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

Episode 5 Beautiful Lover

:: Chapter 3 ::

 

            “แหมสองคนนี้น่าจะเปลี่ยนชุดกันใส่นะ ^_^”  พี่มิวกี้หัวเราะคิกๆ แล้วเดินไปค้นเครื่องประดับมาประโคมให้ฮยอนซึงบ้าง

            “แบบนี้ก็ดีแล้วนี่ครับ ^^”  ฮยอนซึงพูดยิ้มๆ พร้อมกับมองมาที่ฉัน แต่ก็ครู่เดียวเท่านั้นเพราะต้องหันไปเลือกนาฬิกาข้อมือกับพี่มิวกี้ซะก่อน

            ห้องนี้ร้อนๆ นะว่าไหม? -/////-;

            หลังจากทนร้อน? (-///-) ในห้องแอร์ที่เย็นฉ่ำของห้องแต่งตัวอยู่สักพัก ก็ถึงคิวของคู่ฉัน ผู้กำกับบอกว่าให้ฉันทำท่าฉีดน้ำหอมต่อจากฉากที่ฉันถ่ายเดี่ยวเมื่อกี๊ แล้วเขาจะทำเอฟเฟ็คให้สามารถเปลี่ยนชุดได้ในพริบตา (อารมณ์เดียวกับอุลตร้าแมนเลย =_=) นี่คือความหมายของคำว่า เผยเสน่ห์ในตัวคุณ ของแบรนนี้ ต่อจากนั้นฮยอนซึงที่ได้กลิ่นน้ำหอมก็หันมาเจอฉัน และเกิดติดใจจนต้องเดินตามตั้งแต่เช้ายันเย็นนี่ก็คือความหมายของสโลแกน พบกับมนต์ขลังแห่งความหอมที่ยาวนาน ซึ่งในความเป็นจริงไม่มีทางเกิดขึ้นแน่อ่ะ -_-

            “สาม...สอง...หนึ่ง...แอ็กชั่น!!”  สิ้นสุดเสียงผู้กำกับ ฉันก็ทำท่าฉีดน้ำหอมท่าเดิม แล้วยืนค้างอยู่สักพัก ก็...

            “คัท!!...ณัชครับ ทำไมเล่นแข็งจัง ตอนนั้นทำไมเล่นได้อยู่เลย เอาใหม่นะ”  ผู้กำกับตะโกนบอกฉันผ่านโทรโข่งอันเล็ก

            “ค่ะ”  ฉันรับคำแล้วหันมาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อตั้งใจใหม่ แต่ฉันก็แทบลมจับเพราะสูดน้ำหอมที่ฉีดแล้วฉีดอีกเข้าไปเต็มปอด -..-;

            “พร้อมนะ สาม...สอง...หนึ่ง...แอ็กชั่น!!”

            ฉันยกขวดน้ำหอมขึ้นมาฉีดซ้ำอีกครั้ง คราวนี้ฉันทำได้! ไม่มีเสียงจากผู้กำกับดังมาขัดซีน งั้นต่อไปก็ต้องยิ้มให้เหมือนกับว่ากลิ่นน้ำหอมนี้มันสดชื่นและจรรโลงใจสุดๆ ยิ้มอย่างสดใสให้กับดินฟ้าอากาศ ยิ้ม ยิ้มและยิ้ม.... =_=;;

            “คัท! ดีมาก...เอาล่ะฮยอนซึงเตรียมตัวเลยครับ”  เสียงผู้กำกับร้องบอก ขณะที่ฉันกำลังยิงฟันตากลมที่กำลังพัดผ่านมาแรงๆ ชักจะเริ่มครึ้มละ ฉันไม่อยากเปียกฝนในชุดสีขาวบางๆ แบบนี้นะ -_-

            “ต่อไปกล้องจะโคสอัพไปที่ฮยอนซึงนะครับ ณัชก็ยืนอยู่ที่เดิมก่อน แล้วสักพักค่อยเดินออกมา โอเคไหม”  ผู้กำกับบอกเหตุการณ์คร่าวๆ ให้ฟัง ก่อนจะเริ่มถ่ายจริง ทุกอย่างก็ราบรื่นดี แต่แสงไม่ค่อยจะมีเพราะว่าครึ้มฟ้าครึ้มฝนแปลกๆ เราเลยต้องเร่งถ่ายทำกันหน่อย

            “ฉากกลางแจ้งฉากสุดท้าย ฮยอนซึงก็ทำหน้าเคลิ้มๆ ไปกับน้ำหอมที่ได้กลิ่น ส่วนณัชเดินข้ามสะพานตรงนั้นไป แล้วพอข้ามสะพานไปอีกฝั่งหนึ่งแล้วให้หยุดแล้วแอบยิ้มนิดหน่อยเพราะรู้ตัวว่ากำลังโดนตามอยู่ โอเคนะ”

            “ค่ะ/ครับ”  เราทั้ง 2 คนรับคำอย่างแข็งขัน แล้วเดินไปประจำที่ โดยมีทีมงานพาไป บางคนซับหน้า บางคนพัดให้ บางคนหาร่มมาเตรียมพร้อมไว้กรณีฝนตก ดูวุ่นวายดีแท้ =_=

            หลังจากสิ้นเสียงผู้กำกับเราก็เริ่มแสดงตามบทบาทที่ได้รับมอบหมาย แต่ระหว่างที่ฉันกำลังเดินข้ามสะพานอยู่นั้น ก็...

            แปะ!

            หือ?...มีน้ำ 1 หยดตกลงมาตรงไหล่ของฉัน ก่อนที่มันซึมลงมาบนเสื้อที่ฉันใส่ -_-?

            แปะ! แปะ! แปะ!

            หยดสองหยดฉันไม่ว่า แต่นี่มาถึง 3! เอาล่ะสิ! ฝนฟ้าเริ่มไม่เป็นใจซะแล้ว ต้องรีบๆ เหลืออีกแค่นิดเดียวจะถึงอีกฝั่งแล้ว รอแป๊บนะฝน >.<!!

            พอเดินมาถึงอีกฝั่งหนึ่งของสะพานเท่านั้นแหละ ฉันก็ยิ้มออกมาทันที ไม่ได้ยิ้มตามบทนะ อันนี้จาก feeling จริงๆ เลย >O< ฉันยิ้มตามที่ผู้กำกับสั่งเสร็จ ฉันเดินไปข้างหน้าเตรียมเดินออกจากกล้อง แต่ยังไม่ทันได้เดินพ้นกล้อง ก็

            ซ่าาา...

            งามไส้แล้วไง!!!...ฝันตก!>_<!!

            “วิ่งเร็ว!”  ระหว่างที่ฉันยกมือขึ้นบังเม็ดฝนอยู่นั้น ฮยอนซึงก็วิ่งมาลากฉันไปหลบฝนในที่ที่ใกล้ที่สุด ซึ่งเป็นที่ไหนรู้ไหม?

            ...ศาลพระภูมิ! =_=!!

            คงจะเคยเห็นกันบ่อยๆ ตามที่ต่างๆ ที่มีศาลพระภูมิหลายๆ หลังตั้งอยู่ แล้วเขาจะทำเป็นศาลาใหญ่ๆ ครอบศาลทั้งหมดไว้อีกทีหนึ่ง มันเป็นศาลาขนาดกลางๆ ไม่ใหญ่มากพอที่จะเข้าไปหลบฝนได้ก็จริง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็รู้สึกขนลุกยังไงไม่รู้ -_-;

            “คิดยังไงมาหลบฝนในนี้เนี่ย =_=”  

            “อ้าว ก็มันใกล้ที่สุดแล้วนิ ทำไม?”  ฮยอนซึงหันมามองฉันแป๊บนึงแล้วรีบหันกลับไปทันที ก่อนจะถอดเสียแจ็กเก็ตตัวนอกออกมาให้ฉัน

            “อ่ะ”

            “อะไร?”

            “เสื้อเธอมันบางจนเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว -_-”  ฮยอนซึงพูดแล้วก้มลงมองในตำแหน่งที่ต่ำกว่าหน้า ฉันก้มลงมองตามสายตานั้นลงไปก็เห็นผ้าชีฟองสีขาวที่เปียกฝน จนมองเห็นเนื้อหนังมังสาได้ทุกอณูรูขุมขนกำลังยิ้มแฉ่งให้ฉันอยู่ =///=

            “หรือไม่เอา...”

            “เอา!..”  ฉันรีบคว้าเสื้อทันทีที่ฮยอนซึงทำท่าจะเอามันกลับ แล้วรีบเอามันมาสวมทับเสื้อตัวเอง

            ตาบ้า! ไม่ใช่แอบมองนานแล้วหรอถึงบอกเนี่ย -_-//

            “นายไม่สบายไม่ใช่หรอ ไม่หนาวรึไง” 

            “อย่าลืมสิยังไงฉันก็เป็นผู้ชายนะ เธอเป็นผู้หญิง ยังไงๆ ก็อ่อนแอกว่าอยู่แล้ว...หรือจะเถียงว่าเป็นผู้ชาย ฉันจะได้เอาเสื้อคืน”  ประโยคสุดท้ายเขาเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ๆ แล้วก้มมองต่ำลง ฮึ่ม! -*-!

            “ฉันไม่น่าห่วงเล๊ย ให้ตาย!”  ฉันสบถกับตัวเองแล้วรวบเสื้อให้กระชับเข้ากับตัวมากขึ้น

            “ฮัดชิ่ว!!”  อยู่ๆ ฮยอนซึงก็จามออกมาดังลั่นแข่งกับเสียงฝนที่กำลังเทกระหน่ำลงมา

            “นั่นไง อวดเก่งดีนัก”  ฉันเบ้ปากใส่ฮยอนซึงแล้วหันกลับไปมองม่านฝนสีขาวตรงหน้าต่อ

            “หรือว่าเธอจะเอาเสื้อคืนก็ได้นะ ที่จริงฉันก็ไม่ได้เป็นสุภาพบุรุษอะไรขนาดนั้นหรอก แค่ไม่อยากเห็นไม้กระดานตั้งได้เท่านั้นเอง ฮึๆๆ” 

            “ไอ้!...”  ฉันพูดได้แค่นั้นแต่ก็ได้แค่ขบกรามตัวเองแน่นเพราะไม่รู้จะด่าเขายังไง มาว่าฉันเป็นไม้กระดานหรอ! ในวงถ้าวัดระดับความอึ๋มล่ะก็ ฉันได้ที่ 2 รองจากวิลล่านะย๊ะ!! -*-!

            ซ่า~

            “เฮ้ย!”  ฉันอุทานแล้วถอยเข้าไปในศาลนิดหนึ่งเพราะว่าฝนมันตกแรงกว่าเดิมแล้วมันสาดเข้ามาในศาล T.T

            “เขยิบมาอีกก็ได้ ขาเธอพอกโคลนหมดแล้วน่ะ”  ฮยอนซึงพูดแล้วจับต้นแขนฉันดึงเข้าหาตัว ทำให้ไหล่ฉันชนกับไหล่เขาพอดี รู้สึกอุ่นจนร้อนเลยแฮะ...ตัวร้อนหรอ?

            “หือ? ตัวนายร้อนจัง”  ฉันหันไปหาฮยอนซึงแล้วเป็นฝ่ายจับแขนเขาบ้าง

            เขาตัวร้อนจี๋เลยอ่ะ O_O!

            “พวกเธอ เป็นไงบ้าง!”  เสียงพี่มะนาวเข้ามาขัด ฉันกับฮยอนซึงจึงผละออกจากกันทันที

            “ก็เปียกน่ะสิคะพี่” 

            “ป่ะ พี่เอาร่มมารับแล้ว รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเถอะ เดี๋ยวไม่สบาย”  พี่มะนาวพูดแล้วพาฉันออกมาจากศาลพระภูมิ โดยมีทีมงานอีกส่วนหนึ่งพาฮยอนซึงเดินตามมา

            หลังจากที่เลิกกอง พวกเราก็เดินทางกลับโรงแรม แต่แทนที่จะได้พักผ่อนกลับมีตำรวจเต็มห้องพักไปหมด พวกเขามาทำอะไรกันเนี่ย!

            ฉันกับพี่มะนาวที่กลับมาเป็นกลุ่มสุดท้ายนิ่งมองเหตุการณ์วุ่นวายตรงหน้าโดยที่ไม่ใครพูดอะไรขึ้นมาก่อน ภาพทีมงานกำลังถูกตำรวจสอบสวนอยู่มุมห้องและนักข่าวจำนวนมากที่กดชัตเตอร์รัวๆ อยู่ด้านนอกทำเอาฉันรู้สึกมึนๆ คลื่นไส้ยังไงบอกไม่ถูก

            “ขโมย!!”  พี่มะนาวร้องขึ้นมาทันทีที่ทีมงานมาเล่าให้ฟัง

            บ้าน่า!! โรงแรม 5 ดาวขนาดนี้จะมีขโมยเข้ามาได้ยังไง

            “ใช่ค่ะพี่ ได้ยินตำรวจคุยกันว่า คงเป็นผู้มีอิทธิพลพอตัวถึงทำอะไรอุกอาดขนาดนี้ได้”  ทีมงานที่มาเจอคนแรกบอกพร้อมกับหน้าซีดเผือด ตัวสั่นเทิ้มจนฉันคิดว่าพี่เขาคงช็อกไปแล้วรอบหนึ่งก่อนที่จะมาเล่าเหตุการณ์ให้เราฟังได้

            “ฮึ้ย! ผู้มีอิทธิพลอะไรกัน พูดยังกะนิยายมาเฟียไปได้ยัยไอซ์ เมืองไทยเนี่ยนะจะมีอะไรแบบนั้น”  พี่มะนาวเถียง แต่ฉันก็แอบเห็นพี่มะนาวตัวสั่นๆ อยู่เหมือนกัน =_=

            “โธ่ พี่มะนาว ไปอยู่เกาหลีนานจนลืมประเทศบ้านเกิดของตัวเองแล้วรึไง เจ้าพ่อเงินดอก เงินกู้อะไรต่อมิอะไรก็ยังมีตั้งเยอะ โลกสวยไปไหมคะ”

            เออ...ก็ถูกอย่างที่พี่เขาบอกเน๊อะ ในสังคมอาจจะยังมีอยู่ก็ได้ แค่เขาไม่ได้แสดงตัวออกมาโต้งๆ เหมือนในละครหลังข่าวเท่านั้นเอง แล้วเขามาค้นห้องของฉันเพื่ออะไรล่ะ ฉันมั่นใจมากว่าไม่เคยไปกู้เงินใครเขามาแน่ๆ -*-!

            “ณัช ห้องนอนแกอ่ะโดนค้นเละเลย ไปเช็คดูหน่อยไหมว่ามีอะไรหายบ้าง”  เภตราเดินออกมาจากห้องด้วยท่าทางเหนื่อยๆ ดูเหมือนมีแค่ฉันคนเดียวที่ยังไม่ได้เช็คของของตัวเองนะ

            “นั่นสิ ฉันก็มัวแต่ตกใจ แล้วของแกมีอะไรหายไหม”  ฉันถามขณะเดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเองบ้าง

            “ไม่มี แต่ก็โดนค้นเหมือนกัน แต่ไม่เละเท่าของแก”

            “หรอ”  ฉันรับคำแล้วก็ถึงกับถอนหายใจ เพราะสภาพห้องถูกค้นจนไม่เหมือนพื้นที่ว่างให้เดินเข้าไปได้เลย หมอนและโซฟาถูกกรีดจนนุ่นสีขาวสะอาดกระจายอยู่ทั่วห้อง ฟูกของที่นอนขนาดคิงไซส์ก็เคลื่อนจากที่เดิมเหมือนกับว่ามันถูกยกขึ้นมาจากที่ด้วยแรงมหาศาลแล้วทิ้งลงไป แจกันและกรอบรูปที่แขวนโชว์แตกกระจายเต็มพื้นจนไม่เหลือเค้าโครงเดิมให้เห็น

            ฉันกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นในห้องนี้ ถ้าเกิดพวกฉันอยู่ในห้องตอนที่ขโมยขึ้น คงมีสภาพไม่ต่างจากหมอนที่ขาดกระจุยตรงนั้นแน่!

            ฉันค้นดูของมีค่าทุกๆ อย่างที่คิดว่าขโมยมันต้องการ แต่ก็อยู่ครบทั้งเงินสด เครื่องประดับต่างๆ ที่สปอร์นเซอร์ส่งให้ต่างก็อยู่ครบดีทุกอย่าง แล้วขโมยมันต้องการอะไรในเมื่อของมีค่าก็ไม่ได้เอาอะไรไปเลยสักอย่างเดียว!

            หลังจากที่เก็บของใช้ส่วนตัวต่างๆ เรียบร้อนแล้ว เราก็ย้ายมาอยู่อีกห้องหนึ่ง แต่มันก็รู้สึกไม่อุ่นใจอยู่ดี เพราะขนาดห้องนั้นแพงที่สุดในโรงแรมแล้วขโมยก็ยังเข้าได้เลย

            “ไม่มีอะไรหายใช่ไหม”  พี่นาบีเข้ามาถามพวกเราหลังจากเก็บข้าวของเข้าห้องใหม่เรียบร้อยแล้ว

            “ใช่ค่ะ”  เภตราตอบ

            “ทำไมต้องค้นเฉพาะห้องของพวกเธอด้วยเนี่ย ห้องบีสท์กับทีมงานคนอื่นๆ ไม่โดนนะ”  พี่นาบีตั้งข้อสังเกต

            “พวกเธอไปทำอะไรไว้รึเปล่าเนี่ย”  พี่มิวกี้พูดแหยๆ เล่น แต่ก็ต้องหงอไปเพราะพี่นาบีหันไปจิก สถานการณ์ตึงเครียดแบบนี้ไม่น่าเล่นเลยนะคะพี่มิวกี้ =_=

            “งั้นพวกเธอพักผ่อนแล้วกัน พี่ขอให้ตำรวจมาเฝ้าอยู่ตรงล็อบบี้แล้วก็ชั้นนี้ทั้งชั้นแล้ว รับรองไม่มีขโมยที่ไหนเข้ามาได้แน่ๆ”  พี่นาบีบอก 

            “แต่พวกเธอก็ต้องระวังตัวนะ ถ้าเกิดมีคนมาเคาะประตูหรือรู้สึกไม่ชอบมาพากลยังไงรีบโทรมาหาพี่ทันทีเข้าใจไหม”

            พี่นาบีกำชับก่อนจะเดินออกไปจากห้องพร้อมกับพี่มะนาวและพี่มิวกี้ หลังจากที่พี่ๆ เขากลับกันแล้วเราก็ตกลงกันว่าจะนอนรวมกันในห้องนอนห้องเดียว ถึงจะอึดอัดหน่อยแต่ก็ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า เพราะขโมยมันไม่ได้เอาอะไรไปแสดงว่ามันต้องยังไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการแน่ๆ

            “ทำไมต้องมีแต่เรื่องก็ไม่รู้ วิลว่าจะเที่ยวไทยให้สบายใจสักหน่อยแท้ๆ T^T”  วิลล่าบ่นขณะที่เรากำลังนั่งรอมาม่าสุกอยู่ในห้องกินข้าว

            เอ่อ...ตอนนี้เรากำลังทำบะหมี่กินกันอยู่น่ะค่ะ ใช้พลังงานในการขนของเยอะไปหน่อย เลยต้องเติมพลังกันยามดึก พรุ่งนี้ต้องมีพุงกันถ้วนหน้าแน่ -_-;

            “ยังห่วงเรื่องเที่ยวอยู่หรอยะยัยวิล เอาตัวให้รอดก่อนดีไหม”  หยาพูดขณะจัดแจงแจกน้ำให้เพื่อนๆ

            “ก็แหม นานๆ ทีได้กลับมานี่คะ”

            ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

            อยู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูเบาๆ 3 ครั้งดังขึ้นมา พวกเราทั้ง 6 คนเงียบกริบและมองหน้ากันทันที ไม่มีใครขยับเขยือนออกจากที่ของตัวเอง แม้กระทั่งหยาที่รินน้ำค้างไว้ ก็ยังไม่กล้ายกขวดน้ำออกจากแก้วทั้งที่น้ำมันล้นออกมาแล้ว

            ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

            เสียงเคาะประตูยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง พวกเราเลยถอยครูดมาอยู่มุมหนึ่งของห้องครัวโดยไม่ได้นัดหมาย

            “เอ่อ...เอาไงอ่ะ”  เฝ้าฝันพูดขึ้นมาเป็นคนแรก ขณะที่ทุกคนเริ่มหายใจถี่ขึ้นด้วยความกลัว

            นั่นสิ ขืนยืนอยู่รออยู่ตรงนี้ แล้วถ้าข้างนอกนั่นเป็นขโมยคนเดียวกับเมื่อกลางวันจะทำยังไง จะไม่โดนเชือดคอหมอนี่เลยหรอ เราต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อหาทางรอด!

            “ฉันว่า...ไปดูกันไหม”  ฉันพูดออกไปทันทีที่คิดขึ้นได้

            “เฮ้ย!!”  เพื่อนทุกคนอุทานออกมาพร้อมกัน แต่ก็ไม่ดังพอที่คนข้างนอกจะได้ยินมัน

            “แกจะบ้าหรอ ไปเปิดประตูให้โจรเนี่ยนะ”  หยาตีต้นแขนฉันเบาๆ

            “ไม่ใช่! ฉันหมายถึงไปดูในตาแมวที่อยู่ในประตูอ่ะ จะได้รู้ไปเลยว่าเป็นโจรรึเปล่า ถ้าเกิดเป็นพี่มะนาวมานอนเป็นเพื่อนจะทำไง”

            “เออว่ะ”  หยารับคำ แล้วก็เงียบไปสักพัก ก่อนจะตัดสินใจเกาะกลุ่มกันค่อยๆ ย่องไปที่ประตูเพื่อส่องดูว่าใครอยู่ข้างนอกกันแน่

            ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

            เสียงนี้มันค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ ขณะพวกเราก็เข้าใกล้ประตูเข้าไปทุกทีๆ

            “วิลกับดอกหลิว ไปเอามือถือมาสแตนบายไว้ดีกว่า ถ้าเกิดไม่ใช่ทีมงานหรือว่าหน้าตาไม่คุ้น จะได้โทรหาพี่นาบีทัน”  เภตราหันไปบอกดอกหลิวกับวิลล่าที่เกาะอยู่ท้ายสุด สองคนนั้นมองหน้ากันสักพักใหญ่ ก่อนจะกล้าก้าวเท้าแยกออกจากกลุ่มได้

            “เอาล่ะ”  ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆ เอาตาเข้าไปแนบกับตาแมวที่อยู่ในบานประตูสีน้ำตาลเข้ม หัวใจสูบฉีดเร็วและแรงขึ้นทุกทีๆ เมื่อตาของฉันเข้าไปใกล้กับตาแมว

            ขออย่าเป็นโจรหรือใครที่เราไม่รู้จักเลยนะ ขอร้องล่ะ! >_<!

           

 

 

 

 

**********************************

มาแล้วจ้า 

ฝากติดตามตอนต่อๆ ไปด้วยน้า ^O^

**********************************

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา