รักนี้...มิอาจลืม (Nostalgic lover)
1) EP1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ...1…
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ชายหนุ่มมาดเซอ สูงประมาณ 185 เซนติเมตร
..กำลังยืนเคาะประตูด้วยอารมณ์ขุ่นมัวเล็นน้อย
ก่อนจะยืนลูบเคราตัวเอง และยืนพิงกำแพงห้อง
“คาอึล ยัยขี้เซา ตื่นได้แล้ว
ถ้าไม่ตื่นฉันจะพังประตูเข้าไปนะ นับ 1 ถึง 3”
เจ้าของชื่อคิม คาอึล เริ่มรู้สึกตัวเล็กน้อย
ก่อนที่ตาคู่สวยของเธอจะค่อยลืมขึ้นมาอย่างช้าๆ
“นี่มันกี่โมงแล้วนะ”
คาอึลมองไปที่นาฬิกาแขวนผนังรูป Rilakkuma
แล้วก็ต้องช๊อคสุดขีด
“เฮ๊ย นี่มันจะเจ็ดโมงกว่าแล้วนี่
ตายๆ ยัยคาอึล ต้องโดนทำโทษเพราะมาสายตั้งแต่วันแรกแน่เลย”
คาอึลไม่รอช้าวิ่งพรวดเข้าห้องน้ำไป
และอีกไม่กี่นาทีต่อมาคาอึลก็อยู่ในชุดเครื่องแบบนักเรียน
โรงเรียนมัธยมปลายแฮกัง
ที่เธอทุ่มเทแรงกายแรงใจในการสอบเข้า
พร้อมกับเพื่อนสนิททั้งสองคนของเธอ
อย่าง ชิน ยูบิน และ ลี แฮบยอน
ก่อนจะวิ่งลงมาจากห้องแล้วตรงดิ่งไปที่โต๊ะอาหารทันที
“มอนิ่งค่ะป๊ะป๋า วันนี้มีอะไรทานบ้างค่ะ”
“กินง่ายๆ ไปก่อนนะคาอึล มีไส้กรอก ขนมปัง ไข่ดาว
แล้วก็นมสดกับน้ำองุ่น ทานได้มั้ยเรา”
“คาอึลทานได้ทุกอย่างค่ะ แล้วพี่ชายไปไหนแล้วล่ะคะ”
“เจ้านั่นออกไปแล้วล่ะ บอกว่ามีสอบย่อยตอนเก้าโมง
อยากไปอ่านหนังสือทบทวนอีกสักรอบที่หอสมุดน่ะ”
“อ่อ เป็นแบบนั้นเอง”
“อ้อ ป๊ะป๋าลืมบอกอีกเรื่อง
คือป๊ะป๋ากับทีมวิจัยต้องไปสำรวจที่เกาะมาดากัสการ์
ประมาณ 2 อาทิตย์หรืออาจจะมากกว่านั้น ไว้มีอะไร
ก็ติดต่อป๊ะป๋าได้ ผ่านทางเลขายุนได้เลยนะคาอึล
อีกอย่างถ้าป๊ะป๋าไม่อยู่คาอึลต้องเชื่อฟังพี่ซึงจุนเขารู้รึเปล่า”
“ค่ะป๊ะป๋า รู้แล้วค่า คาอึลจะเป็นเด็กดี และเชื่อฟังพี่ชายทู๊กอย่างเลย”
>>> หนูจะพยายาม(ทำใจ)เชื่อฟังพี่ชายนะค๊า...
“ป๊ะป๋าเชื่อใจคาอึลได้ใช่ไหม”
“แน่นอนค่ะป๊ะป๋า”
“อา...รีบทานซะ เดี๋ยวจะไปสายนะลูก”
“ค่า”
..หลังจากรีบยัด ยัด ยัด อาหารลงในกระเพาะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
คาอึลก็แทบจะเหาะไปที่โรงเรียนมัธยมปลายแฮกัง...ทันที
โบ ปิ โบ ปิ โบ ปิ โบ ปิ โบ ปิ โบ ปิ อา...
“ฮาโหลว่าไงยูบิน อือๆ ใกล้ถึงแล้วล่ะ ห๊า อะไรนะ
อีก 5 นาทีประตูโรงเรียนจะปิดหรอ
แย่ล่ะสิ ฉันไปไม่ทันแน่เลย ช่วยคิดทีสิว่าฉันต้องทำยังไง
อ่อ เข้าใจและ อือๆ ขอบใจมากเพื่อนเลิฟ แล้วเจอกันน๊า”
...เมื่อวางสายจากยูบิน คาอึลก็รีบวิ่งไปที่ประตูหลังโรงเรียน
แทนที่จะไปทางหน้าโรงเรียนตามที่ตั้งใจไว้
“นี่มันโรงเรียนบ้าอะไรเนี่ย ใจคอจะให้เด็กเรียนกันตั้งแต่ไก่โห่กันรึยังไง
เฮ้อ นี่เราคิดถูกรึคิดผิดเนี่ยที่ตั้งใจสอบเข้าที่นี่ ช่างโชคดีอะไรอย่างงี้นะ
แถมต้องปีนกำแพงโรงเรียนตั้งแต่วันแรกที่เปิดเรียนเพราะมาสาย ฮ่าๆ”
..2..
พรึบบบบบบบ
และคาอึลก็ใช้วิชาตัวเบากระโดดลงมาอยู่ข้างใน
โรงเรียนมัธยมปลายแฮกังได้สำเร็จ
เธอสอดส่องสายตา(แป๋วๆ) ไปทั่ว เพื่อหาทางไปเจอกับยูบิน
และแฮบยอนตามที่ที่ได้นัดหมายกันไว้
"แล้วไอ้หอประชุมที่ว่านี่มันอยู่ตรงไหนกันนะ..โรงเรียนก็ออกจะใหญ่โต
ว๊าย เหลือเวลาอีก 5 นาทีนี่นา ตายแน่"
คาอึลวิ่งออกจากตรงนั้นอย่างไร้ทิศทาง
จะว่าไปนี่ก็เป็นครั้งที่ 3 ที่เธอได้มาอยู่ในแฮกัง
ครั้งแรกก็ตอนมาสอบ ครั้งที่สองก็ตอนมารายงานตัว
และซื้อเครื่องแบบนักเรียน แต่ 2 ครั้งที่ผ่านมาก็มีคนมาเป็นเพื่อนด้วยทั้งนั้น
และครั้งนี้ ครั้งที่ 3 ที่ต้องฉายเดี่ยว..
ข้อความเข้า
คิม คาอึล อยากตายรึไง มัวทำอะไรอยู่
รีบมาที่หอประชุมฮยอนอิน เร็วๆ เข้า
อย่าบอกนะว่า เธอกำลังหลงทางอยู่...
เอางี้..ถ้าเธอจำรูปปั้นเทพีวีนัสที่อยู่
ตรงลานน้ำพุนั่นได้ ก็เดินตรงมาทางนั้น
แล้วก็จะเจอ...โชคดีนะยัยคาอึล
ฉันกับแฮบยอนรอเธออยู่
โครมมมมมมมมมมมมมมมม..
"โอยยย"
"อูยยยย"
"เดินยังเนี่ย ไม่ดูทางบ้างรึยังไงกัน
ที่นี่ไม่ใช่สนามเด็กเล่นให้เธอมาวิ่งเล่นนะ"
เด็กหนุ่มในเครื่องแบบนักเรียนโรงเรียนเดียวกันกับฉัน
พูดขึ้น..ราวกับปืนกล ปากเสียใช้ได้ทีเดียว
ทำไมฉันต้องเจอมนุษย์ผู้ชายที่ปากร้าย
พอๆ กับพี่ซึงจุนด้วยนะ..ให้ตายสิ
และสายตาที่มองฉันอย่างกับตัวเชื่อโรค
ที่น่ารังเกียจ..มันมากไปหน่อยนะ
"ก็คนเค้ากำลังจะขอโทษอยู่เนี่ย..พูดมาซะขนาดนี้ ไม่ต้องเอาแล้วมั้ง
คำขอท่งขอโทษเนี่ย อีกอย่าง นายคิดว่าฉันอยากจะวิ่งชนใครเล่น
ให้เจ็บตัวเล่นงั้นหรอ ประสาท" คาอึลโต้กลับไม่ลดละ
"เธอนี่มัน" เขาชี้หน้าเธอ
"อีกอย่าง..ตอนนี้ฉันรีบ..คงไม่มีเวลามาทะเลาะด้วย
ฉันไปนะ บายยยย" คาอึลพูดด้วยท่าทียียวน
ก่อนจะรีบวิ่งและหายเข้าไปในหอประชุมฮยอนอิน
อย่างรวดเร็ว..เพื่อให้ทันการปฐมนิเทศนักเรียนใหม่
คาอึลค่อยๆ แทรกตัวเข้าไปข้างใน..และก็สอดสายตาเพื่อหาเพื่อนซี้ทั้งสอง
และไม่นานคาอึลก็ได้เจอยูบิน และแฮบยอน ที่กำลังมองเธอด้วยสายตา
ระอา..เล็กๆ
"แหะๆ ฉันมาทันใช่ไหมยูบิน แฮบยอน"
"มาทันแบบฉิวเฉียดพอดีเลยนะลูกพี่" แฮยอนพูดขึ้น
"ฉันสิหัวใจจะวายเอา เธอนี่นะยัยคาอึล
นาฬิกาที่บ้านไม่มีถ่านรึยังไงกัน" ยูบินบ่นเล็กๆ
"ก็มีนะ แต่เรื่องของเรื่องคือฉันไม่ได้ยินมันร้องนี่สิ แหะๆ"
"อ้าวเงียบๆ ด้วยนักเรียนใหม่ทุกคน..ต่อไปจะเป็นการ
ปฐมนิเทศนักเรียนชั้นปี 1 ทุกคน ก่อนอื่นขอต้อนรับนักเรียน
ที่อยู่ที่นี่ทุกคนสู่แฮกัง โรงเรียนที่มีชื่อเสียงอันดับ 1 ของประเทศ
และครู..มิสคิม ซึลกี จะเป็นอาจารย์ประจำระดับชั้นปี 1
ของพวกเธอ %^^*(&*^^&7 บลาบลา"
อาจารย์คนแล้วคนเล่าที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นมาบรรยากาศ
กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ต่างๆ ของทางโรงเรียน
แต่ที่ฉันต้องหันกลับไปให้ความสนใจบนเวที..อีกครั้ง
ก็คือ..นายหน้าสวย ผมสีบลอนด์เทาและปากจัดคนนั้น
ที่เจอกันเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้..นี่เอง
อะไรนะนายคนนี้เป็นประธานนักเรียนยังงั้นหรอ บ้าไปแล้ว..
'คิม นุน ปี3 ห้องA' ก็ได้ฉันจะจำชื่อนี้ไว้ใน Blacklists
ภายใต้หน้าตาและแววตาที่เย็นชาของเขา..ก็เหมาะแล้วล่ะที่จะชื่อนุน
(눈 แปลว่า หิมะ)
แต่คนที่น่าสนใจก็คงจะเป็นคนที่ชื่อ ปาร์ค แจวอน คนนั้น
...กรี๊ดเลยล่ะ ถ้าเป็นคนนี้ รอยยิ้มบวกกับฟันกระต่ายนั่น
ยิ่งทำให้เขาดูดีขึ้นไปอีก ฉันตอบในใจ
..คนที่ชื่อ ลี ดงจุน ก็แลดูสุขภาพดี เพราะเป็นนักกีฬา
แต่เขาก็ดูเพี้ยนๆ และหูกาง ดีนะ
และท่าทางจะดูเส้นตื้นเอ๊ยอารมณ์ดีไม่เบา
เมื่อสังเกตจากรอยยิ้มที่เปื้อนแก้มเขาตบอดเวลา แต่จากรูปร่างที่สูงยาว
และหน้าตาทะเล้นๆ แล้ว
สาวๆ หลายคนคงมองข้ามจุดนี้ไป
คนสุดท้าย โจ แทจุนก็ดูกวนๆ ใช้ได้ แม้ว่าหน้าตาเขาจะดูเรียบร้อยไปบ้าง
และน้ำเสียงบวกการพูดที่น่าฟัง
ทำให้ชวนมองได้เหมือนกันนะ
ฉันหันไปมองยูบิน..ที่ดูเหมือนจะเคลิบเคลิ้มกับ 4 หนุ่มนั่น
อย่างเห็นได้ชัดเจน
"เห็นแล้วหงุดหงิดชะมัด สาวๆ จะกรี๊ดอะไรกันนักหนา" แฮบยอนแอบบ่น
"นายอิจฉาล่ะสิ..ที่รุ่นพี่ 4 คนนั้นน่ะ ดูดีกว่านายเป็นไหนๆ ใช่ไหมล่ะ"
ยูบินแอบยั่วโมโหแฮบยอน
"ใช่ที่ไหน ก็แค่เห็นแล้วมันรำคาญลูกตา..ก็แค่นั้น"
"ฉันเห็นด้วยกะนายแฮบยอนนะ คนพวกนี้มีดีอะไร
ทำไมต้องให้ความสนใจกันขนาดนี้ด้วย
นี่ลองไม่หน้าตาดีนะ ใครจะปลื้ม นิสัยเป็นยังไงก็ยังไม่รู้เลย"
"ไม่รู้อะไรก็เงียบไปเลยคาอึล รุ่นพี่4 คนนี้
เค้าได้ชื่อว่าเป็นจตุรเทพแห่งแฮกังในศคตวรรษที่ 21
เชียวนะ อีกอย่างพวกเขาก็ไม่ได้มีดีที่หน้าตาอย่างเดียว
เพราะแต่ละคนก็เก่ง และมีดีกันคนละอย่าง ถ้าอยากรู้ฉันจะเล่าให้ฟัง
ข้อมูลฉันแน่น เพราะฉันเป็นแฟนคลับตัวยงของ 4 จตุรเทพ
และนี่ก็คือเหตุผลอีกข้อที่ฉันอยากจะเข้าเรียนที่นี่"
ยูบินพูดอย่างอารมณ์ดีสุดๆ
"ขอบคุณนะ แต่ไม่ล่ะ..ฉันไม่อยากรู้จักคนประหลาดๆ
นั่น แล้วอีกนานมั้ยเนี่ยที่จะได้ออกจากห้องประชุมนี้ซะที
ฉันเริ่มหิวแล้วเนี่ย"
..ก่อนจบการปฐมนิเทศ เท่าที่จับใจความได้ก็คือ
นักเรียนชั้นปี 1 ทุกคน ต้องไปทัศนศึกษาที่เกาะเชจู 2 วัน กับอีก 1 คืน
เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนกับเพื่อน
รุ่นพี่กับรุ่นน้อง โดยจะมีอาจารย์ที่นำทีมไปด้วยประมาณ
10 คน โดยจะเริ่มออกเดินกันในวันศุกร์ที่จะถึงนี้
ก็น่าสนุกดีนะ..ก็คงจะดีกว่าที่ต้องอยู่บ้าน
และฟังพี่ซึงจุนบ่น บ่น และบ่น
และแล้ววันที่ต้องไปทัศนซึกษาก็มาถึง
Let's go to Jeju Island
“สายอีกตามเคยยัยคาอึล นี่เธออยากให้ฉันอกแตกตายเสียให้ได้จริงๆ ใช่ไหมเนี่ย”
ยูบินบ่นกระปอดกระแปดเมื่อเห็นว่าคาอึลยังไม่มาถึงซะที
..ทั้งที่ใกล้เวลาออกเดินมากแล้ว
“เอาน่า..ยังไงก็มาทัน ฉันเชื่อฝีมือลูกพี่ของฉัน”
“ย่ะ” ยูบินพูดพร้อม(แถม)กระทุ้งศอกไปที่ท้องน้อยของแฮบยอน
“อูย เจ็บนะ”
“งั้นก็ขอโทษนะ ลี แฮบยอน” ยูบินแกล้งขอโทษแฮบยอน..
แต่ถึงเขาจะรูว่าเธอแกล้ง..แต่เขาก็ไม่ได้โกรธเพื่อนสาวตัวเล็กคนนี้แม้แต่น้อย
“รอด้วยค่า รอด้วย” คาอึลร้องตะโกนบอก
ซึงจุนรีบบิดมอเตอร์ไซด์สุดเท่คันโต
ไปที่บริเวณที่มีรถบัสจอดอยู่สามคัน
แฮบยอนและยูบินวิ่งลงมาจากรสบัส..
“สวัสดีค่ะพี่ซึงจุน รีบขึ้นรถมาเลยยัยคาอึล สายอีกตามเคย”
“หวัดดีฮะพี่” แฮบยอนทักทาย
“อือ หวัดดี ฝากดูแลยัยมนุษย์ต่างดาวนี่ด้วย
หวังว่าจะไม่ก่อเรื่องอะไรก่อนที่คุณพ่อจะกลับมานะ”
“ฉันดูแลตัวเองได้น่า”
“ก็ให้มันแน่เถอะน่า และก็อย่าให้เลือดบ้าในตัวเธอ มันหยดติ๋งๆ ล่ะ”
“เป็นห่วงล่ะซี๊” คาอึลพูดอย่างรู้ทันพี่ชาย
“ฉันไม่อยากโดนดุต่างหากเล่า” ซึงจุนทำหน้ามึนๆ อึนๆ กลบเกลื่อน
“โอเคๆ พี่กลับไปได้แล้ว บ๊ายบายคุณคิม ซึงจุน ตั้งใจเรียนล่ะรู้ไหม ฮะๆ”
“อือ” พี่ซึงจุนตอบฉัน ก่อนจะก้มลงมามองหน้าฉันอย่างกวนๆ
ทำไมนะ..สวรรค์ช่างใจร้ายให้พี่สูงตั้ง 185 ซม. ส่วนฉันสูงแค่ 162 ซม. เท่านั้น
ทำไม ทำไม
“ขับรถกลับดีๆ นะคะพี่ซึงจุน” ยูบินว่า ก่อนจะลากคาอึลขึ้นรถ
“ครับ” ซึงจุนหันมาตอบและยิ้มสดใส
“แหวะ..พี่บ้า”
…ระหว่างอยู่ในรถบัส
“โห ทีพูดกับเธอมีค้งมีครับ ทีกะฉันล่ะไม่มี”
“เธอก็ต้องพูดดีๆ กับพี่เขาก่อนสิย่ะ
เป็นฉัน ถ้าเกิดมีเธอเป็นน้องสาวก็คงปวดหัวแย่”
“ย๊า..ชิน ยูบิน เธอเป็นเพื่อนใครเนี่ย”
“ขอเป็นพี่สะใภ้ได้ป่ะ”
“น้อยๆ หน่อย อย่างเธอไม่ใช่สเป๊กพี่แน่ๆ ฮ่าๆ”
“ย่ะ”
“เลิกทะเลาะกันได้แล้วสาวๆ นี่ก็จะถึงแล้วนะ”
“อือๆ เลิกก็ได้”
…3…
หลังจากเก็บกระเป๋าเข้าที่พัก อาจารย์ปาร์คแฮอัน
อาจารย์วิชาพละก็เป่านกหวีด เพื่อเรียกนักเรียนปี1 ทุกคน
ให้มารวมกันที่บริเวณหน้ารีสอร์ท และชี้แจงอะไรกับพวกเราเล็กๆ น้อยๆ
ก่อนจะส่งมอบหน้าที่ให้กับ(ท่าน)ประธานนักเรียนและคณะกรรมการนักเรียน
หรือที่เรียกว่าสภาฮวาวอล
(화월 (花月) >ฮวา-วอล> แปลว่า แสงจันทร์ที่สาดส่องมายังดอกไม้)
อยากจะบ้าตายยยยยยยยยย
ไม่นานนักก็มีรถยุโรปสุดหรูสีดำเปิดประทุน...
ขับเข้ามาในบริเวณใกล้ๆ กันนั้น
บรื๋นนนนนนนนนนนนนนนน....
และก็ค่อยๆ ปรากฏหนุ่มรูปงาม 4 คน และอีก 1 สาวงามทันที
แต่ในใจอยากจะบอกว่าแค่ 3 คน เท่านั้นที่เข้าข่ายหนุ่มรูปงาม
พวกเขาสี่จตุรเทพของแฮกัง หรือเรียกรวมๆ ว่า 'The Prince of Hae kang'
และอีกหนึ่งสาวงาม ฉายา 'Princess of Hae kang'
และพวกเขาเริ่มพล่ามอะไรต่างๆ นาๆ จนกระทั่งเป็นคิวของนาย..คิม นุน อะไรนั่นพูด
“มาทำไมเนี่ย ไม่เข้าใจจริงๆ”
“ก็มาให้ฉันชุ่มชื่นหัวใจเล่นไงล่ะ คิคิ”
“รักษากิริยาหญิงหน่อยสิ ชิน ยูบิน”
“ไม่ล่ะ เพราะฉันเป็นคนเปิดเผย”
“งั้นก็ช่วยพูดเข้าหูฉันถึงจตุรเทพอะไรนั่นให้น้อยๆ หน่อย
จะถือว่าขอบคุณม๊ากมาก”
“เธอ นักเรียนคนนั้นน่ะ ที่เสียงดังออกมาข้างนอกด้วย”
“ฉันหรอ?”
“ใช่เธอนั่นแหละ”
“ฝากไว้ก่อนนะ..”
นายปากเสียนั่นเรียกฉันนออกมาจากแถว อารมณ์เสียชะมัด
เธอก็ด้วยยัยยูบิน..ยัยตัวแสบ
“นี่คือตัวอย่างของคนที่ไม่เคารพกฎกติกา
เพราะฉะนั้นต้องถูกลงโทษ กระโดดตบ 50 ครั้ง ปฏิบัติ”
“ว่าไงนะ”
“ไม่เข้าใจที่พูดหรอ”
แหนะยังจะด่าฉันให้คนอื่นๆ ได้ยินด้วยนะ
และฉันก็ต้องยอมรับชะตากรรม
ยอมทำตามที่นายนั่นสั่งโดยไม่เต็มใจเท่าไหร่
“หนึ่ง สอง สาม สี่ ... สี่ สิบ แปะ แปด สี สิบ เก้า ห้า... สิบ แฮก แฮก”
“เอาล่ะเธอ กลับเข้าแถวไปได้ สำหรับวันนี้เราจะมีกิจกรรมรอบกองไฟ
ผมให้เวลาพวกคุณไปเตรียมตัวสำหรับการแสดง
แล้วกลับมาเจอกันที่นี่ตอนสองทุ่ม
อ้อ หกโมงครึ่งคือเวลาอาหารเย็น
รักษาเวลาด้วย ตอนนี้แยกย้ายกันไปได้”
สิ้นสุดเสียง(อันราบเรียบและเย็นชา)ของคิม นุน
นักเรียนคนอื่นๆก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนตามอัธยาศัย
เพราะตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงเย็น
“เราไปเดินเล่นแถวชายหาดกันดีกว่า
ฉันขี้เกียจนอนอุดอู้ อยู่ที่ห้อง ไหนๆ
ก็ได้มาถึงที่นี่แล้ว” ฉันเสนอ
“เอาสิลูกพี่ ฉันเอากล้องมาด้วย
เราไปถ่ายรูปกันเถอะ
แล้วเธอล่ะจะไปกับเรามั้ยยูบิน”
“ตามสบายนะจ๊ะเด็กๆ
ฉันขอไปทำความรู้จักกับสี่หนุ่มจตุรเทพก่อนละกัน”
“ตามใจ แล้วอย่ามาหาว่าฉันกับแฮบยอนทิ้งเธอก็แล้วกัน”
“จ้า ไปๆ รีบไปเถอะ”
“อือ”
แชะ แชะ แชะ
ฉันกับแฮบยอนกำลังสนุกอยู่กับการถ่ายรูป และเดินเล่นริมทะเล
โดยที่เราสองคนได้ถอดรองเท้าไว้ที่หน้าหอพัก
เพราะอยากให้เท้าของเราสัมผัสกับทรายอุ่นๆ
เป็นอารมณ์ที่แตกต่างออกไปมาก
จากการใส่รองเท้า
“เปลี่ยนกันถ่ายมั่งเหอะ..รูปฉันเยอะแล้ว”
“ไม่เป็นไร ฉันชอบถ่ายรูป เดี๋ยวๆ ลูกพี่ยืนอยู่ตรงนั้นก่อนนะ
ขยับขวานิดนึง โอเคๆ ยิ้มสวยๆ นะ เซ กิมจิ”
แชะ แชะ แชะ
“ไหนดูหน่อยสิ เฮ้ย ลบรูปนี้ออกเลยนะแฮบยอน อยากตายรึไง”
“จ้างให้ก็ไม่ลบ ฮ่าๆ แน่จริงก็วิ่งตามมาสิ แบร้ๆๆ”
“ถ้าฉันจับได้นายไม่รอดแน่ หยุดเดี๋ยวนี้ ลี แฮบยอน”
หนอย แฮบยอน กล้าแกล้งคนที่นายเรียกว่าลูกพี่มาตั้งแต่อายุ 5 ขวบหรอ
..ความจริงแล้วฉันกับแฮบยอนรู้จักกันที่โรงเรียนอนุบาลเพนกวินตอน 5 ขวบ
และตอนนั้น แฮบยอนถูกแกล้ง ฉันเลยไปช่วยเขาไว้
ตั้งแต่วันนั้นมาเขาก็เรียกฉันว่าลูกพี่มาตลอด..
แต่ตอนนี้จะไม่ให้โกรธเขาได้ยังไงล่ะ
ก็เพราะว่ารูปที่เขาถ่ายให้ฉันเมื่อกี้..
ดันมีนายคิม นุน คู่อาฆาตของฉันเป็นแบลคกราวน์..อยู่ในนั้นด้วย
เชอะ ฉันไม่ได้อยากจะถ่ายรูปกับนายนั่นสักหน่อย
ดูเหมือนว่าแฮบยอนจะวิ่งหนีไปไกลมากแล้ว และก็ซวยเข้าอีกดอก
เมื่อฉันดันโดนเปลือกหอยบาดเท้าเข้าให้..แผลใหญ่ใช้ได้ทีเดียว
โอ๊ยเจ็บจัง..น้ำสีแดงในตัวก็สามัคคีกันออกมาจากตัวฉันซะจริง
ฉันค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นแล้วก็เดินกระเผลกๆ ไปที่ที่พัก
แสบแผลชะมัด...
และก็เหมือนมีเจ้าชายขี่มาขาวมาช่วยฉันไว้
เขาช้อนตัวของฉันไว้จากด้านหลังและอุ้มฉันไว้ และเขาก็กำลัง
จะพาฉันไปส่ง...ณ จุดหมาย เขาคือใคร?
..มาไม่ให้สุ้มให้เสียง..แล้วยังจะช่วยฉันไว้อีก
เมื่อความอยากรู้ว่าเขาเป็นใครประดังประเดเข้ามา
อยู่ๆ ใจก็เต้น ตึก ตึก ยังกับว่ากำลังกระโดดเชือกในครั้งที่ร้อยกว่าๆ
ฉันหันไปมองเจ้าชายของฉัน...แป่ว แวว แว้ว
คิม นุน นั่นเอง จะดีใจหรือเสียใจดีเนี่ย
“เดินยังไงให้ตัวเองเจ็บตัว เธอนี่ไม่ไหวจริงๆ”
“ปล่อย ปล่อยนะ ปล่อยฉันลง”
“เธอจะแหกปากอีกนานมั้ย..แล้วก็ช่วยอยู่นิ่งๆ ด้วย
เธอไม่รู้หรอว่าตัวเธอ มัน หนัก มาก”
“นาย”
“เธอก็น่าจะรู้ว่าฉันชื่ออะไร และก็ยังเป็นรุ่นพี่เธอด้วย
ช่วยเรียกให้มันสุภาพหน่อย”
“ปล่อยฉันลงตรงนี้”
“เงียบเถอะน่า เดี๋ยวก็ถึงบ้านพักแล้ว
อีกอย่างฉันก็ไม่ได้พิศวาสเธอสักนิด
อย่าคิดเข้าข้างตัวเองล่ะ”
“หึหึ” อยากจะกระโดดกัดหูสักทีดีมั้ยเนี่ย
คนอาร้ายยยยยย...แค่พี่คนเดียวฉันก็อยากจะบ้าล่ะ
ทำไมพระเจ้าช้างใจร้ายส่งคนแบบนี้มาให้ฉัน
ในเวลาแบบนี้ด้วย..ไม่เข้าใจ
เขาวางฉันลงที่หน้าบ้านพักที่จัดไว้ให้สำหรับนักเรียนหญิง
ก่อนจะบอกให้ฉันนั่งรออยู่ตรงนั้นก่อน
โชคดีที่นักเรียนหญิงคนอื่นๆ อยู่ในห้องพักกัน ไม่ก็ไม่เดินเล่นกันหมด
ไม่งั้นยัยพวกนั้น..รวมถึงยัยยูบินต้องจ้องฉันปานจะกินเลือดกินเนื้อฉันแน่
แล้วเขาก็กลับมาพร้อมกับกระเป๋ายาสามัญประจำบ้าน
“อร๊ายยยยยยยยยย”
ฉันร้องเสียงหลง เพราะความแสบของแอลกอฮอล์ที่ถูกกับแผลของฉัน
ฉันเผลอหยิกไปที่สองแก้มขาวๆ ของคิม นุน ด้วย
เพราะความลืมตัว บวกกับอาการเจ็บจี๊ดที่แผลสุดๆ
จ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก...
"เธอเป็นบ้าอะไรเนี่ย หยิกฉันทำไม เจ็บนะ"
“ถือว่าหายกันแล้วกันนะคุณรุ่นพี่ ทาแอลกอฮอล์มาได้
น่าจะบอกกันก่อนฉันจะได้เตรียมใจ”
“นึกว่าจะเก่งทุกเรื่องซะอีก”
“หึ..”
นั่นเขายิ้มหรอนั่น...ก็เพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรกในชีวิตนะเนี่ย
มนุษย์ที่ใครต่อใครในแฮกังเรียกเขาว่า
Snow Prince หรือ เจ้าชายน้ำแข็ง
จะยิ้มเป็นกับเขาเป็นเหมือนกัน..น่าแปลกมากกกกก
“อา เสร็จแล้ว แล้วก็อย่าให้แผลโดนน้ำล่ะ”
เขาพูดพลางแปะพลาสเตอร์ลายการ์ตูนรูปกระต่ายสีชมพูให้ฉันอย่างเบามือ
(ถ้าไม่รวมกับแอลกอฮอล์ที่แทบจะราดมาที่แผลฉันจนเกือบหมดขวด
..ก็ถือว่ามือเขาเบาใช้ได้เลย)
ฉันแกล้งมองไปทางอื่น เมื่อไม่รู้จะพูดอะไรดีในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดแบบนี้
“เรื่องตะกี้ไม่ต้องถือเป็นบุญเป็นคุณหรอกนะ
ที่ฉันทำไป ก็เพราะในฐานะที่ฉันเป็นคนดูแลความเรียบร้อย
ของค่ายนี้ ฉันต้องดูแลทุกอย่างให้ดีที่สุด
เพราะงั้นเธอก็ไม่ต้องลำบากใจอะไรหรอกนะ”
“อืมม์ แต่ไงก็ขอบคุณละกันนะคะ”
“เพื่อนที่มากะเธออยู่ตรงนู้น เดี๋ยวฉันไปตามมาให้”
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
“อืมม์”
...คิม นุน อะไรนั่นไปตามแฮบยอนและยูบินมาให้จริงๆ ด้วย ถ้าไม่นับที่สั่งทำโทษฉันเมื่อเช้า
เขาก็น่าจะเป็นคนที่ใช้ได้เหมือนกันนะ แต่เอ๊ะ คิม คาอึล เธอกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย
“ลูกพี่..ฉันขอโทษ”
แฮบยอนหน้าเศร้า และขอโทษอย่างรู้สึกผิด
“อือ ช่างมันเถอะ อีกอย่างฉันก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากนัก
ฉันไม่ระวังตัวเองต่างหาก”
“แบบนี้เธอก็อดแช่น้ำพุร้อนกับฉันไม่ได้น่ะสิ แย่จัง”
“ให้ฉันไปแช่เป็นเพื่อนได้ป่ะ” แฮบยอนแกล้งแหย่
“ไอ้ทะลึ่ง”
“นี่ได้เวลาอาหารแล้วล่ะ เราไปรวมกับคนอื่นๆ ดีกว่า
อีกอย่างฉันก็เริ่มหิวแล้ว แหะๆ”
“เธอนี่หิวได้ตลอดเวลาจริงๆ มาๆ
คาอึล เดี๋ยวฉันประคองเธอไปเอง”
“ลูกพี่มาฉันช่วย”
ณ กิจกรรมแคมป์ไฟ..เพื่อสร้างสามัคคี
“รุ่นพี่คะ ช่วยรับสิ่งนี้ไปด้วยค่ะ”
เด็กสาวคนหนึ่งยื่นดอกกุลหาบสีแดงดอกโตให้กับคิม นุน
“อืมม์ ขอบใจนะ ขอให้ทำโชว์ออกมาได้ดีนะ ฉันจะรอดู”
“ค่ะ รุ่นพี่”
กิจกรรมในวันแรกก็ผ่านพ้นไปอย่างสนุกสนาน
แม้จะไม่ร่วมแสดงกับเพื่อนๆ ในห้อง
แต่ฉันก็มีส่วนช่วยในการแสดงอยู่บ้าง
เพราะถึงเท้าจะเจ็บ แต่มือฉันก็เล่นกีตาร์แทนแฮบยอนได้นี่นา
แต่เสียดายตรงอดเต้นท่าควบม้าของ PSY กับคนอื่นๆ นี่สิ
เหนือสิ่่งอื่นใดนั้น...ต้องขอบคุณท่านอาจารย์ลี ซึงจุนที่สอนให้ข้าน้อยเล่นกีตาร์...
แม้เขาจะทำท่ารำคาญที่ต้องสอนให้ฉัน
แต่เขาก็ต้องยอม เพราะน้องสาวคนนี้อยู่ดี..
“ยัยเด็กคนนั้น...เล่นกีตาร์ด้วยมือซ้ายหรอ
แถมยังเพิ่มท่อนโซโล่ของเพลง
ด้วยทำนองแปลกๆ ด้วยน่าสนใจดีนี่” คิม นุน พูด
“แสดงได้ดีนี่ แต่ไม่ค่อยเห็นผู้หญิงที่เล่นกีตาร์ได้ดี และยังถนัดซ้ายด้วย”
“ขอบคุณที่ชมค่ะ”
“อา..นี่ ฉันให้”
“ดะ ดอก กุหลาบ ฮะ ฮะ ฮัดชิ้ว”
ฟลุบ
แล้วฉันก็จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน ภาพทุกภาพดับวูบ..
หลังจากนั้น
“คาอึล คาอึล คาอึล”
“อา..ยู บิน อา” ฉันค่อยๆ ลืมตาช้าๆ และกวาดสายตาไปรอบๆ
“เธอทำฉันกับแฮบยอนตกใจแทบแย่ เกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ๆ เธอถึงเป็นลม
แล้วยังผื่นขึ้นเต็มตัวขนาดนี้”
“ความผิดฉันเอง”
รุ่นพี่นุน เดินเข้ามาสมทบในห้องพักของฉันอีกคน
แต่ยินแค่เสียงก็รู้สึกขนลูกมาซะเฉยๆ
“เอ่อ ช่างมันเถอะค่ะ ฉันไม่เป็นอะไรมากแล้ว
อีกอย่างรุ่นพี่คงไม่ได้ตั้งใจ กลับได้แล้วล่ะแฮบยอน
นี่ก็ดึกมากแล้ว รุ่นพี่ก็ด้วยนะคะ”
“อือ งั้นเธอพักผ่อนเยอะๆ ล่ะ”
หลังจากแฮบยอน และรุ่นพี่นุนออกไปจากห้องแล้ว
ยัยยูบินก็ซักไซ้ฉันเป็นการใหญ่
แกล้งหลับดีกว่า...ครอกฟี่ ZZZZzzz…
...4…
...เช้าวันรุ่งขึ้น อาการของฉันก็หายเป็นปกติ
ดีนะที่ติดยาแก้แพ้ที่พี่เตรียมไว้ให้มาด้วย
สมกับเป็นว่าที่คุณหมอในอนาคต
ช่างรอบคอบจริงๆ พี่ซึงจุนเนี่ย
และคณะของฉันก็ได้ไปเที่ยวชมสถานที่สำคัญต่างๆ ของเกาะเชจู
จนกระทั่งมาถึงสถานที่สุดท้าย..ก่อนที่จะกลับโซลกัน
ณ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่เชื่อกันว่าถ้าขอพรเรื่องการงาน การเรียน
ความรักแล้วจะสมปรารถนา
“ขอให้รุ่นพี่คิม นุน รักฉันทีเถอะสาธุ”
“ของแบบนั้นเป็นไปไม่ได้หรอกนะ..
ถ้าเธออยากจะให้ใครเขารักเธอจริงๆ มันต้องไม่ใช่วิธีนี้
อีกอย่างพรที่เธอขอไปมันดูไร้สาระเกินไป”
“พี่นุน ทำไมพูดอย่างงั้นล่ะคะ ฮือๆ
แล้วที่รุ่นพี่รับดอกไม้ของฉันเมื่อวานนี้
มันไม่มีความหมายเลยหรอคะ”
“ใช่ ฉันรับไว้ก็เพราะไม่อยากให้เธอเสียใจต่างหาก..”
“พี่นุนใจร้าย ฮือๆ” เด็กสาวคนนั้นร้องไห้และวิ่งหนีไป
"เฮ้อ" ส่วนคิม นุน ได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะเดินออกไปทีหลัง
คล้อยหลังรุ่นพี่นุน ฉันก็มาขอพรที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์บ้าง
“อะไรกัน ทำร้ายจิตใจของนักเรียนห้อง A คนนั้น
รุ่นพี่ใจร้ายจัง ทำยังกะเธอไม่มีตัวตนอย่างงั้นแหละ
แล้วยังทำให้เธอร้องไห้อีก ดีงั้นก็ขอพรนี่ละกัน...
ฉันขอให้รุ่นพี่ คิม นุน กลายเป็นคนไม่มีตัวคนในสายตาคนอื่นซะบ้าง
จะได้รับความรู้สึกของคนอื่น ช่วยฉันทีนะคะ เพี้ยงงงงงง”
และก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่แฮบยอนและยูบิน
ที่เพิ่งมาถึงบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่ช้าก็เพราะพวกเขามัวแต่ถ่ายรูป
กันอยู่..
“ไม่ได้ ไม่ได้ ห้ามขอพรอะไรบ้าๆ แบบนั้นนะ ฉันไม่ยอม” ยูบินโวยวาย
“ช่วยไม่ได้ก็มันขอไปแล้ว แบร่ๆ”
แฮบยอนต้องมาคอยกันระหว่างฉันกับยูบินเพื่อไม่ให้ทะเลาะกัน
ก่อนที่เขาจะกึ่งลากกึ่งจูงเราทั้งสองคนออกมาจากตรงนั้น
“แม่หนูคนนี้ขออะไรพิกลจริงๆ เอาเถอะ ฉันจะช่วยละกัน
เพราะถึงยังไงนี่ก็เป็นชะตาของพวกเธอทั้งสองคนอยู่ดี ฮ่าๆ”
เสียงลึกลับดังขึ้น และอยู่ๆ ท้องฟ้าก็มืดครึ้มทันที
ก่อนจะกลับมาเป็นปกติอีกไม่กี่นาทีต่อมา..
....
2 วันต่อมา
“คาอึล คาอึล”
“เสียงใครน่ะ”
“คาอึล คาอึล”
คาอึลหันไปทางต้นเสียง แต่ก็ไม่พบอะไร
และเดินไปเหมือนไม่สนใจ
กับเสียงเมื่อสักครู่ แต่อยู่ๆ เธอก็พูดขึ้นมา
“ออกมาเดี๋ยวนี้นะ แฮบยอน นายแกล้งฉันหรอ
ถ้าไม่ออกมาจะอัดให้เละเลย ไม่เชื่อก็คอยดู”
“เปล่า ฉันเอง คิม นุน”
คิม นุน เดินออกมาจากมุมตึกแล้วมาหยุดอยู่ตรงหน้าของคาอึล
โดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว เพราะมัวแต่หันซ้ายทีขวาที
“อุ๊ย! รุ่นพี่ เองหรอ ตกใจหมดเลย แล้วมาทำอะไรอยู่ที่นี่
ดึกป่านนี้ แถวนี้ไม่เหมากับคนรวยๆ หยิ่งๆ อย่างรุ่นพี่หรอกนะ”
“ฉันกลับบ้านไม่ได้”
“แล้วไง”
“คือว่า...”
“ยัยคาอึล ยืนพูดอะไรคนเดียว จะยืนหนาวตายอยู่ตรงนั้นใช่ไหม”
เมื่อเห็นว่าคาอึลพูดอะไรก็ไม่รู้อยู่คนเดียวได้สักพัก
เสียงที่ไม่อยากจะได้ยินที่สุดในสามโลกของซึงจุน
ตะโกนออกมาจากหน้าบ้านที่ห่างจากจุดที่คาอึลยืนอยู่ประมาณ 200 เมตร
“จะเข้าไปเดี๋ยวนี้ล่ะ ตาลุงเอ๊ย”
“ยัยคาอึล ยัยมนุษย์ต่างดาว”
“จ๋า คุณพี่ จะเข้าบ้านเดี๋ยวนี้แหละ”
หลังจากที่คาอึลเข้ามาในบ้าน เธอยื่นถุงขนาดย่อมที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อ
ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเธอนักส่งไปให้ซึงจุนที่ยืนตัวโต
และส่งสายตาดุๆ อยู่ตรงหน้าเธอ
คิม นุน รีบไปยืนหลบอยู่หลังคาอึลทันทีที่เห็นซึงจุนชัดๆ
‘หมอนี่จะเห็นเรามั้ยนะ หน้าตาไม่น่าไว้ใจเลย’
“ฉันขึ้นห้องก่อนนะพี่ ทำรามยอนเสร็จแล้ว เรียกด้วยนะ”
“อือ”
...ตาลุงนี่เป็นแบบนี้เสมอ ถึงหน้าตาเขาบ่งบอกว่าสิ่งที่ฉันขอร้องให้เขาทำให้...เขาไม่มีวันทำให้แน่
แต่ภายใต้หน้าตาที่หล่อ โหดของเขากลับซ่อนภาคของเทพบุตรไว้นะเออ
นี่แหละ พี่ชายฉัน คิม ซึงจุน
ห้องนอนของคาอึล..
“ฮะ ว่าไงนะ นี่ฉันหูฝาดไปใช่ไหม”
“ก็ตามที่พูดนั่นแหละ ตอนไปทัศนศึกษาเมื่อสามวันก่อน
สิ่งที่เธออธิษฐานที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์มันเป็นจริง
และฉันก็ได้ยินที่เธอกับเพื่อนคุยกันเพราะเรื่องนี้ด้วย
เพราะฉะนั้นเธอต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เธอทำลงไปด้วย”
“แต่นั่น ฉันพูดเพราะโมโหรุ่นพี่นะ ถ้าวันนั้นรุ่นพี่ไม่ เอ่อ ช่างมันเถอะ
แล้วรุ่นพี่เป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็ตั้งแต่กลับมาจากโรงเรียน
แล้วฉันต้องมาทำธุระให้คุณแม่ในเมือง อยู่ๆ
ก็ร่างกายฉันก็โปร่งใสจนเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ
และที่น่าแปลกก็คือ..ฉันเห็นเธอก่อนที่ฉันจะเป็นมนุษยน์ล่องหนพอดี
เพราะงั้นฉันเลยตามเธอมา และเธอต้องช่วยฉัน คาอึล”
“ช่วยไงล่ะ โอ๊ย กลุ้ม”
“ทำยังไงก็ได้ให้ฉันเป็นเหมือนเดิม
ไม่ใช่เป็นมนุษย์ล่องหนอยู่แบบนี้
ฉันไม่อยากเป็นเหมือนวิญญาณเร่ร่อนหรอกนะ”
“แต่ก็ใกล้เคียงนะเนี่ย ลองซ้อมเป็นก่อนได้เป็นวิญญาณจริงสิ
ค่อยคุยกันวันหลังนะรุ่นพี่ ตอนนี้ฉันขอทำการบ้านก่อนละกันนะ
อัน นยอง” คาอึลตอบกวนโอ๊ย
“ก็ได้ๆ วันนี้ฉันไม่กวนเธอแล้วก็ได้
แต่ขอถามอะไรอย่าง"
“ว่ามา”
“นั่นพี่ชายเธอหรอ”
“แล้วคิดว่าใช่ปะล่ะ”
“ที่ถามนี่ก็เพราะต้องการคำตอบแค่ว่าใช่รึไม่ใช่ ช่วยตอบให้ตรงคำถามด้วย”
“อืม ใช่ นั่นน่ะ พี่ซึงจุน พี่ชายฉันเอง
เห็นแบบนี้เป็นถึงนักศึกษาแพทย์เชียวนะ
อ่อแล้วก็ไหนบอกว่ากลับบ้านตัวเองไม่ได้
แล้วนี่เข้าบ้านคนอื่นมาทั้งๆ ที่เจ้าของเขาไม่ได้เชิญ
หมายความว่ายังไงคะ คุณรุ่นพี่”
“ฉันจะอยู่ที่นี่จนกว่าฉันจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม”
“ใครอนุญาต”
“ก็ฉันอนุญาตอยู่นี่ไง”
“เฮ๊ย ได้ไง นี่มันบ้านฉันนะ”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ซึงจุนกำลังยกถ้วยรามยอน
ที่เพิ่งทำเสร็จขึ้นมาภายในบริเวณชั้น 2 ของตัวบ้าน
“คาอึล เธอหิวจนเพี้ยนไปแล้วหรอถึงได้ชอบพูดคนเดียว
ติดต่อกับยานแม่ให้มารับสินะ ฮะๆ เธอนี่มันเป็นมนุษย์ต่างดาวจริงๆ”
“ช่างฉันเหอะน่า”
“อืมม์ นี่ของเธอ รีบกินให้เสร็จ แล้วเอาชามลงมาด้วย เข้าใจ๊”
“รู้แล้วๆ พี่ซึงจุนออกไปได้แล้ว”
“อือ”
…
ในห้องนอนของคาอึล ถูกตกแต่งอย่างเป็นระเบียบ และเป็นโทนสีขาว-ชมพู
ที่ดูจะสะดุดตาที่สุดก็คือโปสเตอร์ของวงดนตรีที่เธอชื่นชอบอย่างวง ‘The occupier’
ซึ่งประกอบไปด้วยปาร์คแทซอง ลีดเดอร์ผู้เคร่งขรึมและมีเสน่ห์และยังเป็นนักร้องนำ
ลีแจชิน มือกีตาร์มาดกวนและพ่วงตำแหน่งร้องนำ
และคนสุดท้าย คิม กอนวู มือกลองน้องเล็กที่สุดแสนจะน่ารักของวง
“หมอนี่หรอที่เธอชอบ แต่ฉันว่าฉันดูดีกว่าเยอะเลย”
“อย่ามาว่าท่านแจชินของฉันนะ รุ่นพี่ออกไปได้แล้ว”
“ฉันไม่ออก เธอนี่พูดไม่รู้เรื่องรึยังไง”
“งั้นก็หยุดวิพากษ์วิจารณ์ข้าวของของคนอื่นเขาซะที
แล้วก็จะดีมากๆ ถ้ารุ่นพี่จะไม่เดินไปเดินมาแบบนี้ ฉันเวียนหัว”
“ก็ฉันกำลังสำรวจบ้านที่ฉันต้องติดอยู่จนถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ไว้น่ะสิ”
“เฮ้อ..ฉันล่ะอ่อนใจกับรุ่นพี่จริงๆ”
“ฉันจะนอนห้องนี้ล่ะ” เขาบอกหน้าตาเฉย
“ไม่ได้เด็ดขาด”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า อย่างเธอไม่ใช่แบบที่ฉันชอบสักนิด
แล้วเธอก็ไม่ได้มีอะไรที่บ่งบอกสักอย่างว่าเธอเป็นผู้หญิง”
“ย๊า คิม นุนนนนนนนนน”
“นั่นชื่อฉัน ฉันจำได้ เธอทำการบ้านของเธอไปเถอะ
ส่วนรามยอนนั่นมันไม่ดูเยอะไปสำหรับคนๆ เดียวรึไง เธอเป็นหมูรึไงนะ
เพราะงั้นฉันจะแบ่งไปสักส่วนละกัน”
งั่มๆๆๆๆๆๆ ซู๊ดดดดดดดด (เสียงประกอบการกินรามยอนของคิม นุน)
...อยากจะกินก็ไม่ขอกันดีๆ ล่ะคุณรุ่นพี่ กลัวเสียฟอร์มอะไรนักหนารึไง ชิ
“นี่เธอจ้องหน้าฉันยังกะจะฉีกฉันเป็นชิ้นๆ อยู่แล้วนะ อะไร
เธอไม่พอใจที่ฉันกินรามยอนของเธอรึไง”
...ก็ทุกอย่างที่รุ่นพี่ทำนั่นแหละ มันกวนใจฉัน
“โอเคๆ ฉันเข้าใจว่าเธอยังไม่ชินที่มีผู้ชายหน้าตาดีๆ
มาอยู่ด้วยแบบนี้ ฉันจะไม่ถือละกัน”
“ช่วยหยุดพูดสัก 5 นาที จะขอบพระคุณเป็นอย่างสูง”
“อืมม์ เข้าใจล่ะ”
มันเรื่องบ้าเรื่องบออะไรของฉันเนี่ยที่ต้องมาติดแหงกอยู่กับรุ่นพี่ปากร้าย
อย่างนายคิม นุน อะไรนั่น
และเพราะเขาอีกนั่นแหละที่ทำให้ชีวิตของฉันต้องเจอกับเรื่องราววุ่นๆ
มากมายที่กำลังจะตามมา อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
และจุดอ่อนของเขาที่ฉันเพิ่งรู้ก็คือ...
โครมมมมมมมม
“โอ๊ย เจ็บนะ ปิดมาได้ประตูน่ะ ฉันยังไม่ทันได้เข้ามาในห้องเธอเลยนะ”
“อุ๊ย ขอโทษนะคะ ฉันนึกว่ารุ่นพี่เดินทะลุกำแพง ทะลุประตูได้ซะอีก”
“ฉันเป็นคนนะ ไม่ใช่วิญญาณ ถึงจะคล้ายๆ ก็เถอะ”
“แหะๆ ถือว่าขอโทษก็แล้วกันนะ”
..และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ฉันต้องรีบปิดประตูห้องนอนของตัวเองทุกครั้ง..ช่วยไม่ได้นี่นา
"รอดตายแล้วยัยคาอึลเอ๊ย เฮ้อ ค่อยยังชั่ว แฮกๆ"
“กรรม นี่เราต้องมานอนร่วมห้องกับนายคนนี้จริงๆ หรอเนี่ย บ้าชะมัด”
และคิม นุน ก็ต้องอาศัยนอนที่โซฟาในห้องของคิม ซึงจุนด้วยประการฉะนี้...
“ทำไมรู้สึกเหมือนมีใครมายืนมองอยู่วะเนี่ย..
อือ สงสัยจะคิดมากไป รึว่าอาจารย์หญ่ายตามมด้วยหว่า
ไม่ ไม่ ไม่ ซึงจุน นายต้องไม่ฟุ้งซ่าน”
ซึงจุน พูดคนเดียว และหยิกแก้มตัวองไปหนึ่งที
"โอ๊ย อูย"
...วะ ฮะ ฮ่า แล้ว คิม นุน ก็ระเบิดหัวเราะออกมา
แต่เพราะะกลัวว่าซึงจุนจะได้ยินเสียงของตัวเองเลยรีบปิดปาก
และนอนหลับไป ZZZZZzzzz..
..คิม นุน ยังคงตามติดคาอึลทุกฝีก้าวไม่ว่าเธอจะไปไหน
และก็หาเรื่องทะเลาะกับเธอบ่อยๆ
แต่ก็มีบางครั้งที่เขาจะไปหาเพื่อนๆ ในกลุ่มจตุรเทพ
ไปนั่งเรียนบ้าง.. หรือไม่ก็แอบมองปาร์ค ซอนฮวา ผู้เป็นแม่ตรงหน้าบริษัท...
“แม่ครับ ผมขอโทษที่ไม่ได้อยู่ดูแลแม่ ผมจะรีบกลับมาหาแม่นะครับ ผมสัญญา”
...
ณ โรงเรียนมัธยมปลายแฮกัง ในช่วงสายของวันหนึ่ง
ชะแว้บบบ
“อุ้ย ตกใจหมดเลย”
“ซื้ออะไรให้ฉันกินหน่อยสิ ฉันหิว”
“ว่าไงนะ..รุ่นพี่นี่จริงๆ เลย แล้วเราจะไปกินกันตรงไหนดีเนี่ย
ขืนคนอื่นเขาเห็นอาหารลอยได้ มีหวังได้ช๊อคตายกันหมดแน่”
“มีอยู่ที่หนึ่ง..ไว้ฉันจะพาเธอไปเอง”
“อือ รู้แล้วๆ รีบนำทางไปสิ”
และสถานที่ที่ว่าก็คือ ‘ดาดฟ้าตึก Genius’
และดูเหมือนว่าจะเป็นสถานที่ที่เป็นเหมือนจุดนัดภพของคาอึล และ คิม นุน ไปเสียแล้ว
...5…
หลายวันต่อมา ข่าวการหายตัวไปอย่างลึกลับของคิม นุน
ทำให้กลายเป็นเรื่องทอร์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ของคนทั้งแฮกัง
ไม่เว้นแม้แต่วงการแวดวงไฮโซ เพราะนอกจากจะเป็นหนึ่งในจตุรเทพแห่งแฮกังแล้ว
คิม นุน ยังเป็นทายาทเพียงคนเดียวของ K & K Group
บริษัทในเครือที่ควบคุมธุรกิจหลายอย่างในเกาหลีในขณะนี้
ไม่เว้นแม้แต่ 'Miracle Mall' ห้างสรรพสินค้าใหญ่ยักษ์กลางกรุงโซล
และเป็นคู่แข่งสำคัญของ Paradise Mall ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง..เช่นกัน
ณ ห้องสมุดสุดไฮเทค ของโรงเรียนมัธยมแฮกัง
...โต๊ะตัวในสุดที่เป็นมุมประจำของสามเพื่อนซี้อย่างคาอึล ยูบิน และแฮบยอน
“ฮือๆ ใครนะช่างใจร้ายจับตัวเจ้าชายหิมะของฉันไป
เขาต้องถูกจับไปเรียกค่าไถ่แน่ๆ เลย บ้านเขาออกจะรวยขนาดนั้น”
ยูบิน ทำท่าเหมือนจะร้องไห้จริงๆ
"เธอดูละครมากไปรึเปล่าเนี่ยยูบิน"
"เปล่าสักหน่อย ฉันก็แค่สันนิษฐาน"
“ก็หมอนั่นปากเสีย แถมหยิ่งซะขนาดนั้น
ต้องมีคนไม่ชอบบ้างล่ะน่าอย่างน้อยกะน่าจะครึ่งนึงที่เป็นนักเรียนชายของที่นี่ล่ะ”
แฮบยอน ออกความคิดเห็นบ้าง
‘หนอย นาย นินทาฉันหรอ ฉันได้ยินนะเจ้าแว่น’
“ฮ่าๆ”
‘ขำอะไรยัยคาอึล’
คาอึลทำเป็นไม่ได้ยินที่คิม นุนพูดกับเธอ
“อย่ามาว่าท่านนุนของฉันนะแฮบยอน”
“แหมๆ แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้เลยนะ จตุรเทพทั้ง 4 ขวัญใจเธอเนี่ย”
“แน่นอน”
“เดี๋ยวฉันมานะ ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน”
คาอึลเป็นฝ่ายที่ขอแยกตัวออกจากเพื่อนๆ
เมื่อถูกคิม นุน บังคับด้วยสายตาดุๆ
...ดาดฟ้าตึก Genius
“มีอะไรก็เชิญว่ามา”
“เธอคิดวิธีที่จะทำให้ฉันกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้รึยัง”
“ยัง ยังไม่ได้คิด”
“อะไรนะ ยังไม่ได้คิด ก็ใช่สิ คนที่กลายเป็นคนที่ไม่มีตัวตนในสายตาคนอื่น
มันไม่ใช่เธอนี่ เธอถึงไม่เดือดร้อนอะไร” คิม นุน หายไปในพริบตา
“เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไป ตาบ้าเอ๊ย เป็นแบบนี้แล้วยังขี้น้อยใจอีก
ฉันแค่ล้อรุ่นพี่เล่น แล้วมันธุระอะไรของฉันเนี่ย”
ไร้การตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น
“นะๆ ออกมาเหอะรุ่นพี่ เดี๋ยวเย็นนี้ฉันจะทำรามยอนที่รุ่นพี่ชอบให้กินนะ
แถมเค้กช็อกโกแลตอีก 2 ชิ้น นมรสกล้วยหอมอีกกล่อง สนใจป่ะ”
‘พูดแล้วห้ามคืนคำนะ’
“ก็ออกมาคุยกันก่อนสิ”
ชะแว้บบบบบบบบบบบบบบ
“อุ๊ย! ทำไมรุ่นพี่ชอบโผล่มาแบบระยะประชิดแบบนี้เนี่ย
ตกใจทุกทีสิน่า เกิดฉันหัวใจวายตายไปก่อน รุ่นพี่ได้เหงาแน่ เพราะไม่มีใครคุยด้วย”
“ฉันขอโทษ”
“ว่าไงนะ ไม่ค่อยได้ยินเลย”
“ฉันขอโทษนะ...คาอึล” คิม นุน กระซิบที่ข้างหูของคาอึลอย่างแผ่วเบา
อยู่หน้าของคาอึลก็รู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
“ทีนี้ได้ยินรึยัง”
“ได้ยิน ได้ยินแล้ว ถอยออกไปห่างๆ เลย เดี๋ยวก็ไม่บอกวิธีหรอก”
คิม นุน ค่อยๆ ถอยห่างออกไป แต่ก็มีรอยยิ้มบางๆ เคลือบไว้บนใบหน้าของชายหนุ่ม
“แฮบยอนชอบอ่านหนังสือพวกตำนานลึกลับอะไรพวกนั้น
ก็เลยแนะนำมาว่าให้ลองไปที่อาศรมร้างที่ใกล้กับบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์นั่นดู”
“เธอเล่าเรื่องของฉันให้เพื่อนเธอฟังหมดเลยหรอ”
“ฉันแค่บอกว่ามันเป็นเรื่องสมมติน่ะ ขืนเล่าไปตรงๆ
แฮบยอนก็หาว่าฉันบ้าน่ะสิ เตรียมตัวให้พร้อมละกัน เพราะเราจะไปกันวันเสาร์นี้
กว่าฉันจะหาเรื่องไปหลอกคนฉลาดๆ อย่างพี่ซึงจุนได้แทบกระอัก”
“ขอบใจเธอมากนะ ถ้าฉันกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ ฉันจะไม่ลืมเธอเลย คาอึล”
“ของมันแน่อยู่แล้ว”
“ยัยคาอึลนี่ มายืนพูดบ้าอะไรคนเดียวบนนี้ฮะ”
คาอึลสะดุ้งเฮือก เมื่อ คิม โบมิ เพื่อนร่วมชั้นที่ไม่ค่อยชอบเธอ...ผ่านมาเห็นและพูดขึ้น
“ฉันก็ซ้อมบทละครที่จะไปออดิชั่นที่ Lucky Entertainment น่ะสิ
รึเธอเห็นว่าฉันพูดกับใครล่ะ คิม โบมิ” คาอึลตอบไปแบบกวนๆ
ก่อนจะรีบกลับไปที่ห้องสมุดตามเดิม คิม นุน เดินตามคาอึลไปติดๆ
“หน้าตาอย่างเธอนี่นะจะไปออดิชั่น คงจะผ่านหรอก
ถ้าหน้าตาอย่างฉันสิ คงได้ลุ้นบทนางเอก ฮ่าๆ”
...
ณ ห้องสภากรรมการนักเรียน หรือ สภาฮวาวอล
ถึงคราวที่จตุรเทพที่เหลือต้องประชุมด่วน
“เจ้าบ้านุนหายไปไหนของเขานะ วุ่นวายกันไปหมด” ดงจุนโวยวาย
“ฉันติดต่อไปที่บ้านหมอนั่นหลายรอบแล้ว แต่ก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม
ที่โรงพยาบาลก็ไม่มีอะไรเพิ่มเติมเหมือนกัน แสดงว่าตอนนี้นุนยังปลอดภัยอยู่”
แจวอน ที่ใจเย็นกว่าใครทั้งหมดในที่นั้นพูด
“แล้วเราจะเอายังไงกันดี เราควรจะเริ่มสืบจากตรงไหนดี”
แทจุนที่เงียบอยู่สักพัก เริ่มแสดงความคิดเห็น
“เอาไงดีโบรา” แจวอนหันไปถามความเห็นของเพื่อนสาวคนสนิท
“อยู่ๆ นุนก็หายไป แถมไม่มีร่องรอยอะไรให้เริ่มต้นสืบเลย
ตอนนี้ฉันเองก็มืดแปดด้านไปหมด ไว้จะลองขอความช่วยเหลือจากเพื่อนของคุณพ่อฉัน
ที่เป็นตำรวจดูละกัน ตอนนี้พวกเราทุกคนต้องตั้งสติให้ดี และช่วยภาวนาให้เจ้านั่นปลอดภัยก็แล้วกัน”
โบราสรุป
“ใครจะเฉย ก็เฉยไปเถอะ ฉันขอลองสืบด้วยตัวเองก่อนละกัน” ดงจุนว่า
“ก็ตามใจนาย แต่ระวังความใจร้อนของนายด้วยล่ะ เดี๋ยวจะเสียเรื่องซะก่อน” แจวอนพูด
“รู้แล้วน่า ฉันไปล่ะ มีซ้อมแล้วเจอกันนะแจวอน แทจุน ดงจู โบรา”
“อื้ม”
...6…
“ตามข้อมูลที่แฮบยอนให้มาก็น่าจะที่นี่แหละอาศรมร้างที่ว่า
เหมือนกะในรูปเป๊ะ รุ่นพี่เข้าไปคนเดียวละกัน ฉันจะรออยู่แถวนี้ละกัน”
คาอึลมองรูปภาพของอาศรมร้างสลับไปมากับอาศรมร้างที่อยู่ตรงหน้า
“มาถึงที่นี่แล้วก็เข้าไปพร้อมกันสิ”
“ไม่เอาอะ ที่นี่น่ากลัวจะตาย แค่ข้างนอกก็น่ากลัวแล้ว
ขืนให้เข้าไปข้างในฉันคงได้ช๊อกตายแน่”
“ตามใจเธอละกัน แล้วอย่าไปไหนไกลล่ะ”
“เป็นห่วงฉันล่ะสิ” คาอึลทำตาแป๋วๆ ใส่คิม นุน
ซึ่งปกติที่จะใช้มันเวลาที่ต้องการให่พี่ชายทำตามในสิ่งที่เธอต้องการ
ซึ่งก็แน่ล่ะว่าแม้ซึงจุนจะไม่ยอมทำตามในตอนแรก
แต่ถ้าได้เห็นตาแป๋วๆ ของน้องสาวก็ปฏิเสธได้ยาก
“เปล่า กลัวเธอไปก่อเรื่องอะไรอีกน่ะสิ สงสารคนอื่นเขา”
“เชอะ”
“ฉันเข้าไปแล้วนะ”
“อือ ขอให้โชคดีนะ”
บรรยากาศภายในอาศรมร้างค่อนข้างน่ากลัว
แม้คาอึลจะเลือกมาในตอนสายๆ ก็ตาม
แน่ล่ะว่าเธอไม่ค่อยอยากจะอยู่ในสถานที่ที่กลัวแบบนี้เป็นเวลานานๆ
แต่เมื่อไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ การรออยู่ข้างนอกน่าจะดีกว่า เมื่อคิม นุน เดินไปหยุดหน้าอาศรมร้าง
อยู่ประตูก็เปิดออก เพื่อต้อนรับผู้มาเยือนอย่างเขา
“มาแล้วหรอหรอคิม นุน”
“หลวงพ่อรู้จักชื่อผมหรอครับ”
“แน่ล่ะสิ แล้วฉันก็รู้ด้วยว่าเธอจะมาวันนี้ เธอมีเวลาแก้คำสาป 49 วัน
และคนที่ช่วยแก้คำสาปให้เธอก็คือแม่หนูที่รออยู่ข้างนอกนั่น
ไม่อย่างงั้นเธออาจจะต้องติดอยู่ในสภาพนี้ไปตลอดชีวิต”
“อะไรนะ ผมต้องติดอยู่กับคาอึลจนครบ 49 วัน หรอครับ
โอย แค่สองอาทิตย์ก็ปวดหัวจะแย่”
“เป็นทางเดียวที่ช่วยเธอได้ เพราะเธอไปดูถูกบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์นั่น
เทพจิ้งจอกที่เฝ้าอยู่ ท่านเลยโกรธ ที่เธอสามารถปรากฏตัวให้คาอึลเห็นได้เพียงคนเดียว
ก็เพราะเธอสองคนเป็นเนื้อคู่กันตั้งแต่เมื่อชาติที่แล้ว
และก็ชาติก่อนๆ หน้านั้นไปอีก แล้วการที่จะแก้คำสาปได้
ก็ต่อเมื่อพวกเธอทั้งสองคนต้องรวมใจเป็นหนึ่งเดียวกัน”
“หมายความว่ายังไงครับที่ว่าสองคนรวมใจเป็นหนึ่งเดียวกัน”
“นี่เธอยังไม่เข้าใจที่ฉันพูดอีกหรอ โอ๊ย เด็กสมัยนี้เข้าใจอะไรยากจริงๆ”
“หรือว่า ผมกับคาอึล ต้องรักกันไรประมาณนั้นหรอครับ”
“ใช่ เธอเคยได้ยินไหมล่ะว่า ความรักชนะทุกอย่าง
มีตำนานโบราณของที่เมืองนี้เล่าว่าเทพแห่งความรักเกิดนึกสนุกอยากลงมาเที่ยวเล่นที่โลกมนุษย์
แล้วเทพตนนั้นก็เกิดรักกับมนุษย์ขึ้น แต่เพราะมันเป็นรักต้องห้าม ทั้งคนจึงอยู่ร่วมกันไม่ได้ เทพแห่งความรักจึงถูกลงโทษ โดนสาปให้เป็นจิ้งจอกเพื่อเฝ้ามาบ่อน้ำน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้
ไม่นานหญิงสาวคนรักก็ได้จากไป
เพื่อเป็นการระลึกถึงหญิงสาวคนรักที่จากไปเทพจิ้งจอกเลยบันดาลแต่สิ่งดีๆ
ให้กับคนที่มาขอพรที่นี่ โดยเฉพาะเรื่องความรัก
จะมีก็แต่แม่หนูคาอึลนี่แหละที่ขออะไรประหลาดๆ
ไม่ยากเกินไปใช่ไหมที่จะทำให้แม่หนูคนนั้นรักเธอให้ได้”
“เอ่อ คือ” รอบๆ ตัวของคิม นุน ค่อยๆ ปรากฏแสงสีชมพูขึ้น
“บางทีอาจจะไม่ถึง 49 วันด้วยซ้ำ เธออาจจะแก้คำสาปได้
นี่ก็ผ่านไปแค่ 15 วัน ยังไงก็ขอให้โชคดีแล้วกัน แล้วใช้เวลานี้ทำความรู้จักกับ
ว่าที่ภรรยาในอนาคตของเธอจะดีกว่านะ คิม นุน”
พูดจบหลวงพ่อที่คิม นุน กำลังพูดคุยอยู่ด้วยก็กลายร่างเป็นจิ้งจอกผู้สง่างา
มก่อนจะวิ่งหายเข้าไปในภาพวาดที่ติดอยู่กับผนังในห้องนั้น
คิม นุน แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองว่านี่เป็นเรื่องจริง หรือเขากำลังฝันไป
ก่อนที่เขาจะหยิกแก้มตัวเองอยู่หลายหน
“โอ๊ย ก็เจ็บนี่นา นี่เรื่องจริงหรอเนี่ย แล้วในโลกใบนี้ยังมีอะไรที่ประหลาดมากกว่านี้อีกมั้ยนะ”
พูดจบคิม นุน ก็ยิ้มให้กับเรื่องราวเหนือธรรมชาติที่ตัวเองได้เจอมาภายในเวลาไม่นานมานี้
>>> วิธีแก้คำสาปนั่นคือ หากคู่รักที่ต้องคำสาปไม่สามารถถอนคำสาปได้
ก็จะต้องกลายเป็นมนุษย์ล่องหนตลอดไป หรือจนกว่าคู่รักจะแสดงความรักความจริงใจที่มีต่อกันอย่างถึงที่สุด เมื่อนั้นจะทำให้เกิดฝนตกขึ้น เป็นสัญญาณที่บอกว่าคำสาปถูกทำลาย และต้องแก้คำสาปนี้ภายใน49วัน ไม่อย่างงั้นร่างของของมนุษย์ล่องหนจะสลายไป
…7…
“ฝนตกหรอเนี่ย โอ๊ยแย่ล่ะสิร่มก็ไม่ได้พกมาซะด้วย
รู้งี้พกมาตามที่พี่ซึงจุนบอกก็ดีสิ
แล้วจะกลับยังไงเนี่ย ฉันไม่ได้อยากอยู่ในสถานที่
ที่ดูน่ากลัวแบบนี้นานๆ หรอกนะ”
แว้บบบบบบบบบ
“คาอึลรอนานมั้ย”
“ว๊ายยยยยยยย”
“ขอโทษๆ ฉันไม่น่าโผล่พรวดพราดมาแบบนี้เลย”
“อยากให้ฉันหัวใจวายจริงๆ ใช่ไหม เฮ้อ แล้วนี่จะกลับยังไงเนี่ย”
“ไม่มีร่มด้วยสิ”
“เห็นฉันถือมารึไงล่ะ”
พูดจบคาอึลก็วิ่งออกไปท่ามกลางเม็ดฝนจำนวนมาก
คิม นุน ไม่อยากเอาเปรียบเธอ เลยวิ่งออกไปเป็นเพื่อน
แต่ที่น่าแปลกก็คือตัวของเขาค่อยๆ เปียกทีละนิด ทีละนิด
เมื่อรู้สึกตัวอีกที คิม นุนก็ใช้มือข้างหนึ่งไปคว้าข้อมือของคาอึล
และเขาก็สามารถจับข้อมือของคาอึลได้ตามตั้งใจ
คาอึลหยุดวิ่งทันที
“ฉัน ฉัน เป็นปกติแล้ว เย้ๆ เห็นมั้ยคาอึล เธอเห็นมั้ย”
“อืม ดีใจด้วยนะ”
คิม นุน เผลอกอดคาอึล อย่างลืมตัว
ตึก ตัก ตึก ตัก
“ฉันว่าเรารีบวิ่งไปให้ทันรถไฟเที่ยวสุดท้ายก่อนจะดีกว่า
ถ้าไม่อยากติดแหงกอยู่ที่นี่”
“อือ ก็จริง แต่ฉันขอจับมือเธอวิ่งจะได้ไหม”
“...”
“ก็จะได้มั่นใจไงว่า ฉันจะไม่กลับไปเป็นมนุษย์ล่องหนอีกยังไงล่ะ”
“อืม”
สองหนุ่มสาววิ่งฝ่าเม็ดฝนอย่างไม่มีทีท่าว่าเหน็ดเหนื่อย
ตึก ตัก ตึก ตัก
‘นี่ฉันคงเหนื่อยเกินไปใช่ไหม ทำไมหัวใจฉันมันถึงเต้นเร็วขนาดนี้นะ’ คาอึลคิด
‘ความจริงมือของยัยคาอึลก็นุ่มเหมือนกันแฮะ’ คิม นุน คิด
“รถไฟเที่ยวสุดท้ายเพิ่งออกไปเมื่อสองนาทีที่แล้ว
จะมีเที่ยวที่ไปโซลอีกทีก็ตีห้า
ทางที่ดีลุงว่าพวกเธอไปหาที่พักแล้วอาบน้ำอาบท่าซะ
เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”
“ฮัด ชิ้วววววว”
“นั่นไง ไปๆ พ่อหนุ่มรีบพาแม่หนูนี่ไปหาที่พักจะดีกว่า
ถัดจากที่นี่ไปอีกสองป้ายรถเมล์น่าจะมีร้านซาวด์น่านะ”
“ขอบคุณฮะ ไปคาอึล ไหวมั้ย”
“อืมม์ ไปก็ไปสิ ดีกว่ายืนเป็นปอดบวมตายอยู่ตรงนี้”
...เมื่อมาถึงที่ร้านซาวด์น่าคาอึล กับ คิม นุนก็รีบเข้าไปทันที
และรีบจัดการกับตัวเองทันที
โชคดีที่ในร้านซาวด์น่านี้มีทุกสิ่งอย่างให้คุณเลือกสรร
ไม่เว้นแม้กระทั่งรามยอนรสเลิศ
“กินๆ ซะ นี่คือมื้อสุดท้ายที่ฉันจะเลี้ยงรุ่นพี่
กลับถึงโซลเมื่อไหร่ อะไรๆ ก็คงจะเข้าที่เข้าทาง”
“ไว้ฉันจะเลี้ยงคืนเธอทีหลัง”
“ไม่ต้องหรอก โอ๊ย ไม่ไหวแล้วฉันขอนอนก่อนแล้วกัน
เช้าแล้วช่วยปลุกฉันทีนะ”
“อ้าว หลับแล้วหรอ หลับง่ายจัง สงสัยจะเหนื่อย”
...ข่าวด่วนประจำวัน พายุโพไซดอนพัดเข้าผ่านบริเวณเกาะเชจู
ของประเทศเกาหลี ทำให้เกิดฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน
ประชาชนควรหลีกเลี่ยงเดินทางทางเรือเป็นเวลา 3-5 วัน
จบข่าวสั้น ชิน นารา UBN รายงานค่ะ
“ฉันไม่อยากหลับตาลงสักนิด
เพราะฉันกลัวตื่นขึ้นมาแล้วจับมือนุ่มๆ ของเธอไม่ได้อีก คาอึล”
คิม นุน ลงไปนอนลงข้างๆ กับคาอึล
เขามองใบหน้าของคาอึลอย่างสำรวจ
“เวลาที่เธอนอนนิ่งๆ ไม่พูดมากก็น่ารักดีเหมือนกันนะคาอึล”
"พี่ จ๋า ขอ รา มยอน ถ้วย นึง สิ แหะๆ โคล่ากระป๋องนึงด้วย คึคึ"
คาอึล นอนละเมอออกมา
"ฮะๆ ผู้หญิงอะไรนอนละเมอด้วยแฮะ"
"งั่มๆๆ แหะๆ อร่อยจัง"
"เธอนี่นะคิม คาอึล ยัยบ๊องเอ้ย"
…8…
เวลาประมาณตีสี่ในวันรุ่งขึ้น คาอึลค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ
ทันทีที่เธอลืมตา เธอก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อใบหน้าของคิม นุน
ใกล้กับใบหน้าของเธอเหลือเกิน ระยะห่างเพียงเล็กน้อยเท่านี้
ทำให้คาอึลหายใจติดขัด คิม นุน ยังคงหลับอย่างมีความสุข
แต่คาอึลก็อดไม่ได้ที่จะละสายตาไปจากใบหน้าอันขาวซีดของเขา
คิม นุน ผิวของเขาช่างขาว เหมือนกับหิมะแรกของปีจริงๆ
“จะจ้องหน้ากันนานมั้ยคุณผู้หญิง”
คิม นุน ลืมตาขึ้นมาทันที และจ้องไปทีดวงหน้าใสๆ ของคาอึล
เธอสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนรีบลุกขึ้นยืนในท่าที่ดูเป็นปกติที่สุด
“เปล่านะ ฉันไม่ได้จ้องหน้ารุ่นพี่นะ ฉันแค่เพิ่งลืมตาตะกี้เอง
ก็แค่ตกใจที่ตื่นมาก็เจอใครก็ไม่รู้มานอนข้างๆ”
“เธอยังไม่ชินอีกหรอ ฉันก็นอนของฉันแบบนี้ทุกคืน...ที่ห้องของเธอ”
คิม นุน เริ่มเป็นฝ่ายกวนอย่างอารมณ์ดี
“ว่าไงนะ” คาอึลเริ่มหน้าตึงขึ้นมาทันที
“ไหนขอจับดูหน่อยสิว่าตัวร้อนรึเปล่า
เมื่อคืนเห็นละเมอว่าหนาว หนาว ฉันเลยยอมเสียสละให้เธอนอนกอดทั้งคืนเลย”
“เฮ๊ย ไม่ต้อง”
“อย่าดื้อสิ”
“...”
“ตัวก็ไม่ร้อนนิ่ แต่เอ๊ะ ทำไมหน้าแดงขนาดนี้นะ”
“พูดมากนักก็หาทางกลับบ้านเองละกัน”
“รอก่อนสิคาอึล คาอึล”
“เดินทางปลอดภัยนะพ่อหนุ่ม แม่หนู”
“ขอบคุณค่ะคุณลุง”
“ขอบคุณฮะ”
“ฉันจะบอกกับเจ้าพวกนั้นยังไงดีนะว่าฉันหายไปไหนมา เธอช่วยฉันคิดหน่อยสิ”
“ก็ตอบไปว่า...อยู่ดีๆ ตื่นมาก็กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน
กลับบ้านไม่ได้ เลยต้องไปอยู่กับสาวสวยคนนึง ตอบแบบนี้ดีป่ะ” คาอึลรีบตอบแก้เขิน
“สาวสวยเลยหรอ ไม่ม้าง”
“งั้นก็ไปไกลๆ เลย ที่ว่างตั้งเยอะตั้งแยะอย่ามานั่งเบียดฉันนะ เชอะ”
“อะไรๆ ทีเมื่อคืนเธอยังนอนกอดฉันซะแน่นอยู่เลย มาวันนี้อะไร รังเกียจกันซะแล้ว”
“นี่ คิม นุน นี่ฉันเจอวันแรกของการเปิดเรียนหรอเนี่ย ว้าว ! มันเหลือเชื่อจริงๆ
ที่ไม่ยักจะดุเหมือนวันนั้น ยียวนซะด้วย นี่ไปกินอะไรผิดมาปะเนี่ย”
“ก็รามยอนที่เธอเอาให้ฉันกินทุกวันกับน้ำองุ่นนั่นไงล่ะ”
คิม นุน มองหน้าคนอึลด้วยแววตาอ่อนโยนแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
คาอึลเผลอจ้องมองดวงตาคมคู่นั้น เธอรู้สึกถึงคลื่นความร้อนแปลกๆ
ก่อนจะรีบหันไปทางอื่น ดวงตาคู่นั้นทำให้หญิงสาวรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมา
แบบไม่มีสาเหตุ บางทีการอยู่ใกล้กับคนที่ชื่อ คิม นุน
มากเกินไปก็ชักจะอันตรายเข้าไปทุกที
เพราะมันส่งผลต่อการเต้นของหัวใจของเธอทีละนิด ทีละนิด
“ไม่อยากจะเถียงด้วยแล้วนอนดีกว่า ถึงโซลแล้วช่วยปลุกฉันด้วย”
“ได้คร๊าบบบบบบบ”
‘ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ฉันจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเธอแบบนี้อีก
ฉันไม่อยากจะแยกกับเธอเลยคาอึล แล้วถ้าต้องกลับไปใช้ชีวิตตามเดิม
เธอจะยังจดจำทุกเรื่องที่เราสองคนทำด้วยกันรึเปล่า
ฉันจะได้กินรามยอนรสชาติประหลาดๆ ของเธออีกมั้ย
ใครจะชวนฉันทะเลาะได้ทั้งวันแบบเธอ ที่ฉันเป็นแบบนี้เพราะฉันชอบเธอรึเปล่า คิม คาอึล’
“ตอนนี้ก็ได้เวลาแยกกันจริงๆ ซะที ทีนี้ฉันคงไม่มีอะไรติดค้างรุ่นพี่อีกนะ”
“มีสิ” คิม นุน พูดด้วยแววตาเศร้าๆ
“อะไรอีกล่ะ บอกมาสิ”
“ไว้ฉันค่อยบอกเธอทีหลัง”
“งั้นก็ตามใจ ไม่เห็นจะอยากรู้เลย ฉันไปนะรุ่นพี่ พี่ซึงจุนคงเป็นห่วงฉันแล้ว
รุ่นพี่เองก็กลับดีๆ ล่ะ นี่เงินค่าแท็กซี่ คงจะพอนะ”
“ไม่เป็นไรเธอเก็บเงินไว้เถอะ แค่นี้ฉันก็รบกวนเธอมามากพอแล้ว
เธอเองก็คงจะเบื่อฉันแล้วล่ะ”
“ฮะๆ รู้ตัวด้วยหรอ ฉันต้องกลับแล้วล่ะ โชคดีนะคะรุ่นพี่นุน”
คาอึลกล่าวลาและโบกมือให้กับรุ่นพี่หนุ่มที่อยู่ตรงหน้า
ก่อนจะเดินขึ้นรถเมล์ที่เข้ามาจอดที่ป้ายรถเมล์ในเวลานั้นพอดี
สายตาของ คิม นุน ยังคงจับจ้องไปที่คาอึล จนกระทั่งรถเมล์ที่คาอึลนั่งวิ่งไปจนพ้นสายตาของเขา
“ถึงเวลาต้องกลับบ้านจริงๆ แล้วสิเรา” คิม นุน พึมพำกับตัวเอง
‘พรุ่งนี้ถ้าเจอกันที่โรงเรียนจะเป็นยังไงนะ’ คาอึลที่นั่งอยู่บนรถเมล์คิด
>>>>>>>>>>>>>>>>> To be continue <<<<<<<<<<<<<<
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ