ความทรงจำสีจาง
10.0
เขียนโดย TTTTTT
วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 09.36 น.
9 session
14 วิจารณ์
16.50K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 22.27 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
7) ผิดพลาดจริงหรือ?
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ บริเวณรอบๆ โกดังร้างในจังหวัดระยอง ขณะนี้มีกลุ่มคนสองกลุ่มนับสิบคนกำลังยิงต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่งในกรณีลักลอบตัดไม้ในเขตอุธยาน ฝ่ายหนึ่งเป็นกลุ่มลูกจ้้างที่ถูกจ้างมาเฝ้าสินค้า อีกฝ่ายหนึ่งเป็นตำรวจซึ่งจากการสังเกตของโทโมะแล้วไม่ใช่คนในท้องที่เป็นแน่
"ผู้กองเก่ง!? มาทำอะไรที่นี่กัน?" โทโมะได้เห็นหน้าเขาชัดๆ จึงรู้ได้ทันทีว่าที่เขาคิดไว้นั้นไม่ผิดแน่นอน
"เฮ้ยหยุด" เสียงเข้มดังมาจากทางด้านห...ลังของโทโมะก่อนที่เขาจะได้ก้าวเดินไปช่วยพวกของเขา
"ทิ้งปืน" ชายรูปร่างสูงโปร่งจ่อปืนไปทางโทโมะและออกคำสั่งให้เขาทำตามอย่างว่าง่าย แต่โชคไม่เข้าข้างคนผิดอย่างเขา ขาข้างขวาของเขาถูกยิงด้วยปืนอีกกระบอกหนึ่งจากทางด้านหลังจนล้มทั้งยืนลงไปกองกับพื้น
"หวัดดีครับผู้กองเฟรนด์ ผมคิดว่าคุณไม่ตวรอยู่ที่นี่นะครับ" เก่งพูดหยั่งเชิงแต่คล้ายไปทางใส่ร้ายโทโมะเสียมากกว่า
"คุณก็เหมือนกันนะครับ..ผู้กองเก่ง" โทโมะเองก็คิดแบบเดียวกับเก่ง เพราะเท่าที่ได้ยินมาจากที่ประชุมเขาไม่มีหน้าที่เกี่ยวกับงานด้านนี้เลย
"ปัง/ปัง/อ่า!/ปัง" เสียงปืนสองนัดดังขึ้นพร้อมกับเสียงร้องที่แสดงถึงความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก จากนั้นมีใคนคนหนึ่งทรุดลงไปชันเข่ากับพื้น และใช้มือของเขานั้นกุมบริเวณหัวไหล่เอาไว้ ตามด้วยกระสุนนัดสุดท้ายที่พุ่งเข้ากลางหน้าผากของผู้กระทำผิดทางกฎหมายจนต้องจบชีวิตลง
"ไอ้เฟรนด์!" เพื่อนตำรวจของโทโมะเจ้าของพื้นที่ในเขตสถานที่เกิดเหตุนี้มาถึงทันเห็นเหตุการณ์ที่เขาถูกยิงพอดี
"จ่าเอารถออกเร็ว!!" ต้อมร้องบอกลูกน้องของเขาและพยุงเพื่อนหนุ่มของตนไปที่รถและออกตัวไปโดยเร็ว ส่วนเรื่องคดีปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้กองเก่งไปตามคำบอกของผู้ใหญ่
โทโมะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในอีกยี่สิบนาทีต่อมาหลังจากที่เขาโดนยิง และได้รับการรักษาเป็นอย่างดีจากแพทย์ผู้มีฝีมือจนเขาปลอดภัย แต่เนื่องจากเขาเสียเลือดมากจึงต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่ห้องพิเศษของโรงพยาบาลเพื่อรอดูอาการก่อน โดยมีเพื่อนตำรวจของเขานั้นนั่งเฝ้าอยู่ตลอดเวลา
"ต้อม" เอนกเปิดประตูพรวดเข้ามาในห้องด้วยความเร็วพร้อมกับส่งเสียงเรียกชื่อของหลานชายคนสนิทอย่างเป็นกันเอง
"สวัสดีครับท่าน" ต้อมหรือผู้กองต้อมลุกขึ้นยืนทำความเคารพผู้ที่มีหน้าที่การงานใหญ่กว่าตนตามมารยาท
"ทำตัวตามสบายเถอะ แล้วนี่เจ้าโทโมะมันเป็นไงบ้าง" เอนกถามถึงอาการของโทโมะด้วยความเป็นห่วงจากใจจริง หลังจากเขารับโทรศัพท์จากต้อมแล้วเขาไม่รอช้าที่จะขับรถมาดูอาการของลูกชายในทันที
"ปลอดภัยดีแล้วครับคุณอาแต่ว่ามันเสียเลือดมากหมอเลยให้นอนดูอาการก่อนสักคืนครับ" ต้อมพูดตามที่หมอบอกกับเขาอย่างไม่มีตกหล่นให้กับอาของเขาฟัง
"เฮ้อ...ทำอีท่าไหนถึงได้พลาดได้ ตั้งแต่ทำงานมานี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่มันเสียเลือด แต่ก็ดี จะได้เอาเลือดบ้าออกไปบ้าง ฮะๆ" เอนกพูดขันในตอนท้ายเพื่อไม่ให้บรรยากาศเสียจนเกินไป
"อะแฮ่ม นินทาอะไรผมครับ" โทโมะกระแอมในลำคอเบาๆ เขาได้ยินบทสนาระหว่างคนทั้งสองตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว แต่เขาไม่อยากจะลืมตาขึ้นมาก็เท่านั้น
"เฮ้ยเป็นไงบ้างวะ ฉันคิดว่าแกจะหลับไม่ตื่นแล้วซะอีก" ต้อมพูดแซวเขาตามประสาเพื่อนรัก
"ฉันไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก เพราะเดี๋ยวคนแถวนี้เขาจะเหงาปาก" โทโมะพูดแขวะชายร่างท้วมหน่อยๆ ที่ยืนอยู่ข้างเตียงเขา
"ดูมันสิต้อม นี่ขนาดอาเป็นพ่อมันนะมันยังพูดจาแบบนี้เลย" เอนกทำทีฟ้องต้อม เขาล่ะอยากจะเอามือของตนเขกลงบนหัวของลูกชายไปสักที ถึงแม้เขาจะรู้ว่าโทโมะนั้นเป็นคนอย่างไรแต่เขายังคงไม่ชินกับการแสดงออกของเขาเสียที
"ไอ้โทโมะมันก็แค่อยากแซวคุณอาเล่นน่ะครับอย่าคิดมากเลยครับ ผมว่าเราปล่อยมันไว้ที่นี่คนเดียวดีกว่าครับ" ต้อมพยายามจะจับสองพ่อลูกคู่นี้ให้ออกห่างโดยการหลอกล่อเอนกให้ไปที่อื่น แต่ยังไม่ทันที่เขาจะทำอะไรต่ออยู่ๆ ประตูห้องนั้นเปิดออกพร้อมกับมีชายรูปงามยืนปรากฏตัว
"อ้าวผู้กองเก่งนั่นเอง มาเยี่ยมไอ้เจ้า..เอ่อ ผู้กองเฟรนด์เหรอครับ" เอนกลืมตัวเผลอเรียกโทโมะแบบสนิทสนมในขณะอยู่ในเวลางาน แต่เขามีไหวพริบที่รวดเร็วจึงแก้ตัวได้ทันเวลาก่อนที่จะโดนรายงาน
"ครับ ไง? ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมฮึ?" เก่งเดินผ่านหน้าเอนกและต้อมมาหาโทโมะแบบทื่อๆ
"โอ๊ะซี้ดดด" โทโมะร้องเสียงหลงเมื่อเก่งตบลงมาตรงแผลของเขาเข้าเต็มแรง
"โทษทีนะฉันไม่ได้ตั้งใจน่ะ" เก่งยกมือออกจากโทโมะแล้วยัดมันลงไปในกระเป๋ากางเกงของตนเอง ถึงแม้เขาจะพูดออกไปแบบนั้นแต่ใบหน้าและท่าทางของเขาแล้วไม่ได้รู้สึกร่วมไปกับคำพูดนั้นเลย เขาพยายามที่จะกลั้นหัวเราะเหมือนผู้ที่ได้รับชัยชนะไว้อยู่ภายใน
"จริงๆ แล้วนายน่าจะหลบทางกระสุนของฉันนะไม่อย่างนั้นนายคงไม่เจ็บตัวแบบนี้หรอก" เขาพยายามใช้คำพูดที่ทำให้ตนเองดูดีต่อหน้าทุกคน
"ผู้กองน่าจะบอกผมก่อนนะครับหรือไม่ก็ส่งสัญญาณอะไรก็ได้ไม่ใช่คิดจะยิงก็ยิง" โทโมะพูดในสิ่งที่อยู่ในใจ เขารู้สึกอยากจะสั่งสอนผู้กองเก่งให้มากกว่านี้ด้วยซ้ำไปในเรื่องของมารยาทในการทำงานร่วมกับผู้อื่น
"ถึงตอนนั้นผู้กองไม่ขึ้นเมรุเผาไปแล้วเหรอครับ นี่ผมอุตส่าห์ช่วยชีวิตคุณนะครับผู้กองเฟรนด์" เก่งทำทีทวงบุญคุณจากโทโมะ ทั้งที่จริงแล้วเขาอยากจะเขี่ยโทโมะให้พ้นจากทางของเขาเสียด้วยซ้ำไป
"เกิดมันพลาดโดนตรงอื่นขึ้นมาคุณจะทำไงครับ" โทโมะถามด้วยน้ำเสียงเข้มปนโมโห ไม่พอใจเล็กน้อย เขาหงุดหงิดเหลือเกินที่ต้องมานอนให้หมอเจาะนู่นร้อยนี่บนตัวเขา
"ก็..อาจจะพิการหรือไม่ก็.......ตายไปเลยน่ะครับ ผู้กองคิดว่าไงล่ะครับ" เก่งตอบกวนโทโมะไปที ใจจริงแล้วเขาอยากจะให้เป็นอย่างหลังมากกว่า
"งั้นถ้าผมพลาดบ้างอย่าว่ากันนะครับ..ผู้กองเก่ง!!" โทโมะโต้ตอบเขาอย่างตรงไปตรงมาตามแบบฉบับของเขา แล้วดึงสายน้ำเกลือที่มือของตนออกจากนั้นเดินออกจากห้องไปโดยไม่ฟังเสียงเรียกของใคร แม้แต่เอนกบิดาแท้ๆ ของเขาเองก็ตาม
***ฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นเพียงเหตุการณ์สมมติ ไม่ใช่เรื่องจริงแต่อย่างใด
รีดเดอร์ทั้งหลายสามารถอ่านและจิ้นตามกันไปกับเนื้อเรื่องได้ แต่อย่าคิดจริงจังนะเจ้าค่ะ
ชอบฟิคชั่นเรื่องนี้ กดโหวต ไลค์ แชร์กันได้ตามใจเลยจร้า
แต่อย่าอ่านแล้วกดออกไปโดยไม่เม้นให้กันนะเจ้าค่ะ
ไรเตอร์จะตามไปหลอนถึงบ้านเลยเจ้าค่าาา***
ปล.แนะนำ ติ ชมกันได้เต็มที่เลยจร้า ติ! น่ะจ่ะ ไม่ใช่ด่า คริคริ
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ