CHANGMINHO AGORA
10.0
เขียนโดย AGORAROMIA
วันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 10.33 น.
5 session
0 วิจารณ์
11.46K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2556 14.26 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
5) [SF]R a y
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ[SF]R a y
Tittle : Ray
Pairing : โฮมินชาง ?? ชางมินโฮ??
Author : winx
Genre : AU / Romacticomedy
Author Note :: ฟิคเรื่องนี้หาได้มีสาระใดๆ แต่งเพื่อสนองนี๊สของเดอะแก๊ง มิได้มีการตรวจทานหากมีคำผิด ตกหล่นก็ขออภัย
“เฮ้ยย มินโฮซ้อมบาสเสร็จแล้วมึงไปชมรมมวยกับกูเปล่า”หลังจากทิ้งตัวลงนั่งข้างๆร่างสูงที่กำลังก้มหน้าก้มตาเช็ครายชื่อของสมาชิกในชมรมบาส ยูฮันจองก็รีบถามเพื่อนตัวสูงด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นจนชเวมินโฮต้องหันมามองอย่างแปลกใจว่ามันจะตื่นเต้นทำไมกับชมรมมวย”ไปทำไมวะ”มินโฮถามกลับ
“ไอ้ยงจินมันเล่าให้ฟังว่าที่ชมรมมันมีเด็กเข้ามาใหม่ กูเลยไปดู หน้าตายังงี้เลย”ฮันจองยกนิ้วหัวแม่ขึ้นประกอบเพื่อบอกให้รู้ว่าบุคคลที่ตัวเองพูดถึงน่ะสุดยอด แต่แค่คำพูดลอยๆของเพื่อนก็ไม่สามารถทำให้เชวมินโฮเชื่อได้ ขึ้นชื่อว่าชมรมมวยนอกจากหุ่นล่ำๆเหงื่อเยิ้มๆมันจะมีอะไรให้น่าดูอีก อย่างดีก็คงจะมีหน้าตาหล่อๆบ้าง แต่ชเวมินโฮไม่ได้สนใจผู้ชายนะเว้ย!
“หน้าตายังงี้ของแกน่ะ มันยังไง”
“ก็สวยนะสิวะ! แม่งไม่น่าอยู่ชมรมมวยเลยเหอะ”
“สวย?? อึก..ฮ่าๆๆๆ แกบ้าเปล่าฮ๊ะ ชมรมมวยเนี่ยนะมีคนสวย ว่างๆไปเช็คสายตาบ้างนะมึง”
“เออ มึงหัวเราะไป ชมรมเลิกมึงไปพิสูจน์กับกูเลยมั้ย”ฮันจองท้า
“ฮ่าๆ โอเคกูไปกับมึงก็ได้ แต่ถ้าน้องเค้าไม่สวยอย่างมึงว่านะ...”มินโฮหัวเราะร่วนกับท่าทางจริงจังจนเกินเหตุข
องเพื่อนสนิท ก่อนจะตอบตกลงที่จะไปดูหน้าเด็กใหม่”กูยอมถูโรงยิมสามวันเลย!”ฮันจองรีบเสนอเองแบบไม่รอให้เพื่อนเอ่ยปากคาดโทษตัวเองอย่างมั่นใจว่ามันต้องเห็นด้วยกับตัวเองแน่นอน
“ถึงขนาดทำให้ยูฮันจองยอมถูโรงยิม สงสัยคงพลาดไม่ได้แล้วว่ะ”
R a y
เสียงสัญญาณนกหวีดดังขึ้นบอกให้รู้ว่าการซ้อมของวันนี้สิ้นสุดลงแล้ว สมาชิกของชมรมบาสต่างทยอยกันไปห้องล็อคเกอร์เพื่อชำระล้างร่างกายที่ชื่นเหงื่อ เช่นกันกับมินโฮและฮันจองแต่ติดที่วันนี้กัปตันทีมกับเพื่อนสนิทดูรีบมากเป็นพิเศษ ก็เพราะเจ้าเพื่อนบ้านี่มันเร่งยิกๆกลัวว่าน้องเค้าจะเลิกชมรมก่อน หลังจากสาวเท้ายาวๆเพื่อให้ถึงที่หมายไวๆทั้งที่ชมรมมวยสากลมันอยู่ห่างจากชมรมบาสแค่สองร้อยเมตร ใช้เวลาไม่กี่นาทีทั้งสองก็มาหยุดอยู่หน้าโรงยิมส่วนของชมรมมวย
ฮันจองชะเง้อคอมองเหมือนจะหาใครซักคนก่อนจะอุทานออกมาเสียงดัง”เฮ้ยย นั่นไง...มินโฮมึงมาดูเลย...คนที่ใส่เสื้อกล้ามสีดำบนเวที”ยูฮันจองกระชากคอเสื้อเพื่อนเข้ามาแล้วชี้ให้ดูเป้าหมาย”มึงเบิกตาดูแล้วบอกกูทีว่าไม่สวย”
มินโฮมองตามนิ้วของเพื่อนก่อนที่สายตาจะหยุดอยู่ที่ผู้ชายตัวสูงโปร่งน่าจะสูงพอๆกับ
ตัวเอง มือทั้งสองข้างสวมนวมสีแดง เหงื่อที่ออกจนชุ่มไปทั้งตัว ทั้งๆที่มันควรจะไม่น่าดูแต่มันกลับไม่น่าเก็บมาใส่ใจ เมื่อคนนั้นกำลังยิ้มกว้างๆและหัวเราะอย่างสดใส
อาาา...ความรู้สึกที่ใครๆพูดว่าดอกไม้บานในหัวใจมันเป็นอย่างไร วันนี้ชเวมินโฮก็ได้รู้กับตัวเองแล้ว
เพี๊ยะ!
“โอ้ยย ฮันจองมึงตบกูทำไมเนี่ย!”คนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ของรอยยิ้ม ถูกจิกหัวกลับมาสู่โลกของความจริงด้วยน้ำมือเพื่อนรัก ชเวมินโฮก็โวยวายไปอย่างนั้นทั้งที่มันก็ไม่ได้เจ็บอะไรแต่ขัดใจที่มันดันมาขัดเวลามองรอยยิ้มสวยๆนั่นต่างหาก
“แหม~ มองตาเยิ้มเชียวนะมึง เช็ดน้ำลายด้วยไหลจนจะถึงพื้นแล้ว”เห็นอาการเพื่อนรักแล้วยูฮันจองก็ขอจิกกัดสักหน่อย ตอนชวนมาทำเป็นอิดออดนะมึง
“น้ำลงน้ำลายไหลอะไรของมึง มั่วแล้ว”ปากบอกไม่มีแต่มือก็ดันยกขึ้นมาจับๆดู เพื่อให้แน่ใจว่ามันไม่ได้ไหลอย่างปากว่าจริงๆ
“ตอนกูชวนมาแม่งเล่นตัว เห็นน้องเค้าแล้วเป็นไงล่ะมึง อยากเล่นน้องเค้าจนตัวสั่นล่ะสิ”
“มึงพูดจาน่าเกลียด กูไม่ได้คิดอกุศลอะไรกับน้องเค้า”
“มึงกล้าพูด หน้ามึงแสดงออกขนาดนี้ แต่ต่อให้มึงอยากเล่นแค่ไหนก็เสียใจว่ะ...มึงดูนั่น...ชองยุนโฮปี3 ประธานชมรมเทควันโด้ แฟนของน้องชางมินเค้า”
แฟน
แฟน
แฟน
คำว่าแฟนที่หลุดออกมาจากของเจ้าเพื่อนรักเหมือนมีดเล่มน้อยที่จิ้มจึกๆลงบนหัวใจ อกหักกลางอากาศมันเป็นแบบนี้นี่เอง “เห็นว่าที่น้องชางมินเค้าย้ายมาเรียนที่นี่เพราะที่โรงเรียนเก่ามีคนมาจีบน้องเค้าเยอะ รุ่นพี่เค้าเป็นห่วงเลยให้ย้ายมาเรียนที่เดียวกัน”โฮกก ไอ้เพื่อนรักถึงปากกูจะบอกว่าไม่คิด แต่ถึงอย่างนั้นมึงก็น่าจะรู้ว่าใจกูอ่ะคิด ยังจะมาบรรยายความรักของคนที่กูอุตส่าห์ปิ๊งแรกพบให้กูช้ำเล่นอีก
“แต่กูว่าไม่เห็นจะน่าห่วงตรงไหน น้องชางมินดีกรีแชมป์เขตเลยนะเว้ย สงสัยรุ่นพี่แค่ไม่อยากห่างกับน้องเค้ามากกว่า ฮ่าๆ”คนพูดก็พูดไปเรื่อยไม่สังเกตสังกาว่าคนที่ยืนอยู่ข้างๆเงียบไปนานแล้ว
“มึงรู้ได้ไงว่าเค้าเป็นแฟนกัน เค้าบอกมึงรึไง”อยู่ๆก็ถามขึ้นมาเสียงขุ่นอย่างเคืองๆไอ้เพื่อนบ้านี่ที่ดูมันจะรู้
เรื่องของชาวบ้านเค้าไปหมด
“หึ ไม่ได้บอกอ่ะ ไอ้ยงจินมันเล่าให้ฟังว่ารุ่นพี่มานั่งเฝ้าเช้าเฝ้าเย็น แถมตัวติดกันตลอด สงสัยเป็นแฟนกัน”ฮันจองส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะพูดประโยคที่ทำเอาคนขายาวอยากเตะเสยปลายคางเพื่อนตัวเอง
แม่ง ไม่รู้จริงก็พูดซะกูใจเสีย -“–
“สรุปมึงกับไอ้ยงจินคิดกันเอาเอง”
“เออ แต่แม่งมันก็น่าคิดนะเว้ย”มินโฮถอนหายใจกับคำตอบห้วนๆของเพื่อน “เออๆ ช่างเถอะ ไป กลับบ้านกัน”คำชวนที่ฟังยังไงมันก็ไม่ได้เกี่ยวกันกับเรื่องที่เป็นหัวข้อสนทนาอยู่สักนิด
“อ้าว กลับเลยเหรอ กูนึกว่ามึงจะลุยเลย”
“วันหน้าวันหลังยังมี วันนี้กูไม่รีบ”
“เฮ้ มองอะไรอ่ะชางมิน”ร่างสูงที่ยืนอยู่ใกล้ๆเอ่ยถามเพราะเห็นอีกคนเหม่อมองไปทางด้านหน้าของโรงยิมนานแล้ว “เปล่า ไม่มีอะไรหรอกยุนโฮ ไม่มี”ดวงตาสวยมองไปทางเดิมอีกครั้งก่อนหันหลังแล้วเดินตามคนที่อาสามาช่วยแบกกระเป๋าใบโตให้ไป
R a y
วันหยุดสองวันช่างน้อยนิด หายใจทิ้งไม่กี่เฮือกก็มาถึงวันจันทร์อีกแล้ว นักเรียนส่วนใหญ่มีอาการเหมือนๆกันคือถ้าไม่จับกลุ่มคุยหรือนินทา ไม่ก็หลับ หรือลอกการบ้านเพื่อให้ทันส่ง แม้แต่ชเวมินโฮที่นั่งอยู่หลังห้องด้านที่ติดกับหน้าต่างดวงตาก็ปรือปรอยเต็มที แต่ก่อนที่มันจะปิดสนิท ตาคู่นั้นกลับโฟกัสเข้ากับใครบางคนที่ตัวเองนั่งคิดนอนคิดถึงตลอดระยะเวลาร่วมเดือนที่ผ่านมา
นั่นมัน ชางมิน!!
ปากหยักที่คลี่ยิ้มให้กับอาหารตาในตอนเช้าแต่กลับต้องยิ้มค้าง เมื่อในสายตามีใครอีกคนเดินมาร่วม ใครคนนั้นคงหนีไม่พ้น”ชองยุนโฮ”ที่ใครๆก็บอกว่าเป็นแฟนของชิมชางมิน มินโฮทำหน้าเซ็งซังกะตายทันที แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ละสายตาไปจากเจ้าของรอยยิ้มสดใสนั่น
ขณะที่สายตาไล่ตามร่างบางไปจนลับตา ในใจก็คิดหาวิธีที่จะได้ได้เข้าใกล้รักแรกพบของตัวเอง ชเวมินโฮไม่อยากได้แค่แอบมองไปวันๆนะ สัญญากับตัวเองแล้วว่าไม่ว่าจะยังไงก็ต้องจีบน้องชางมินที่ตัวเองไปคอย(แอบ)เฝ้าอยู่
ให้ได้ แล้วสารพัดวิธีการที่ผุดขึ้นมาในหัวล้วนแต่ไม่วิธีไหนที่ใช้ได้ซักอย่าง ก็ในเมื่อมันยากนักก็เดินเข้าไปบอกแบบหน้าด้านๆเลยแล้วกัน!
พักกลางวันอันแสนสุขของใครหลายคน แต่ไม่ใช่กับบางคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาจ้วงข้าวกลางเข้าปากไม่สนใจสายตาที่มองมาอย่างแปลกใจของพวกเพื่อนๆในกลุ่ม
“เฮ้ย มินโฮมึงจะรีบกินไปไหนเนี่ย เดี๋ยวก็ติดคอตายห่ากันพอดี”เป็นยงจินที่เบรกความเร็วในการจ้วงข้าว
ของมินโฮเพราะกลัวเพื่อนจะตายหายใจไม่ทัน
“กูรีบ!”ตอบแค่นั้นก่อนจะหันไปสนใจข้าวในจานต่อ ส่งข้าวคำสุดท้ายเข้าปากตามด้วยน้ำอีกหนึ่งแก้ว ก่อนจะรีบลุกและจ้ำเท้าออกจากโรงอาหารไป
R a y
“นี่ยุนโฮ”เสียงทุ้มหวานเอ่ยเรียกคนหน้าหมีตัวโตที่กำลังละเลียดข้าวกล่องที่ชางมินหิ้วมาให้อย่างมีความสุข
“หื้มม”
“ฉันมีอะไรให้นายช่วย”
“ได้สิ แต่...วันนี้นายต้องให้ฉันไปค้างที่บ้านนะ”ตอบตกลงแบบไม่ต้องคิดอะไรให้เปลื้องเวลา แต่กลับยื่นข้อแลกเปลี่ยนที่สื่อนัยไปให้
“บ้านฉันต้อนรับนายเสมอยุนโฮ”คำตอบรับนัยๆที่ส่งกลับพร้อมสายตาหวานหยาดเยิ้มในสายตาคนที่แอบมองมาได้สักพักให้เจ็บแปลบเล่นๆ
โฮกก มีไปค้างที่บ้านหรือกูจะไม่มีหวังแล้ววะ = =
ถึงจะหวาดหวั่นและรู้สึกขาดความมั่นใจแค่ไหน แต่มาขนาดนี้แล้ว(?)ชเวมินโฮก็ไม่ถอยว้อย! ให้กำลังใจตัวเองเรียบร้อยก็ทำทีเป็นว่าเดินตัวเพิ่งมาถึงไม่ได้ยินได้ฟังบทสนทนาก่อนหน้านี้แม้แต่น้อย
“เอ่อ สวัสดีครับชางมิน พี่ชื่อมินโฮ ชเวมินโฮ คือว่า...”ใจกล้ามาถึงตรงนี้แต่พอได้มาอยู่ใกล้ๆแล้ว ทำไมเกิดป๊อดขึ้นเสียอย่างนั้น ไม่รู้จะพูดอะไรต่อก็ตากลมๆนั่นมองมาที่เค้าไม่วางตา ใจมันเลยเกิดสั่นจนพูดอึกๆอักๆ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆแล้วกลั้นใจพูดออกมารวดเดียว
“คือว่าพี่ขอคุยกับชางมินสักครู่ได้มั้ยครับ”
พูดออกไปแล้วๆ ตากลมๆนั่นก็ยังมองมาไม่เลิกแต่คราวนี้มินโฮก็กล้าที่จะสบตอบ ในขณะที่เจ้าก้อนเนื้อในอกมันเต้นตุ้บๆแรงจนรู้สึกเจ็บ หลังจากเงียบไปหลายวินาที กลีบปากสีสวยก็ค่อยยิ้มน้อยๆก่อนตอบตกลง
ตอนนี้มีแค่มินโฮที่ยืนอยู่ที่เดิม และชางมินที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม ส่วนยุนโฮนั้นกลับขึ้นตึกของพวกปีสามไปแล้ว มีความเงียบกั้นมินโฮกับชางมินเอาไว้ สงสัยเพราะมินโฮไม่ยอมพูดอะไรสักที ชางมินจึงลุกขึ้นจากที่นั่งตรงม้าหิน แล้วเดินเข้าไปใกล้กับร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“รุ่นพี่มีอะไรจะคุยกับผมหรือครับ”ชางมินเอียงคอเล็กน้อยทำองศาได้น่ารักจนคนมองต้อง
สะดุดลมหายใจตัวเอง ยิ่งอยู่ใกล้ความละมุนมันยิ่งกระแทกใจ ถึงจะแอบสังเกตเห็นว่าชางมินสูงกว่าตัวเองเล็กน้อย แต่ไม่เป็นไร ความสูงไม่มีผลในแนวราบ
“พี่ชอบชางมิน ถ้าหากชางมินยังไม่มีใคร ชางมินจะว่ายังไงถ้าพี่จะขอคบกับเรา”ชางมินยิ้มให้กับคำถามที่พอจะเดาได้อยู่แล้ว
“ผมคงให้คำตอบรุ่นพี่ตอนนี้ไม่ได้ แต่ถ้าไม่รบกวนรุ่นพี่เกินไป หลังชมรมเลิกรุ่นพี่ไปฟังคำตอบของผมที่ห้องล็อกเกอร์นะครับ”คำพูดเนิบๆที่ทิ้งเอาไว้
พร้อมกับรอยยิ้มหวานๆที่ละลายหัวใจคนมองก่อนจะเดินกลับตึกเรียนของตัวเอง
“เยสสสสสสส”
เสียงทุ้มที่ตะโกนเสียงดังทันทีที่ร่างบางหายเข้าไปในตึกเรียน ชเวมินโฮอยากกระโดดตีลังกาสามตลบ กู่ร้องบอกให้โลกรู้ถึงความดีใจ ถึงอีกฝ่ายจะไม่ตอบรับแต่อย่างน้อยก็ไม่ได้ปฏิเสธล่ะ
เวลาแต่ละนาทีในการเรียนช่วงบ่าย ช่างยาวนานกว่าทุกวัน พอเลิกเรียนไหนจะต้องซ้อมบาสอีก โอ้ยยย นานเกิน วันนี้งดซ้อมดีมั้ย??? คำตอบคือไม่ดี ถึงจะเป็นกัปตันแต่ที่ชมรมก็ยังมีพวกปีสามที่ต้องเกรงใจอยู่ เฮ้ออ ยังไงก็เลี่ยงชมรมไม่ได้ใช่มั้ย
นั่งถอนหายใจทิ้งไปหลายเฮือกเวลาแห่งการเลิกเรียนก็มาถึง การซ้อมของชมรมบาสวันนี้ดูท่านกัปตันจะรีบๆซ้อมให้เสร็จพิกล แถมยังเอาแต่มองนาฬิกาตลอด ถึงทุกคนจะแปลกใจแต่ก็ไม่ใครกล้าทักท้วงอะไร มีหน้าที่ซ้อมก็ซ้อมไปตามตารางที่ถูกจัดไว้
เมื่อเข็มสั้นเดินผ่านเลขห้าและเข็มยาวชี้ที่เลขหก เสียงนกหวีดก็ขึ้นบอกว่าการซ้อมของวันสิ้นสุดลงแล้ว สำหรับคนที่หัวใจไม่ได้อยู่กับตัวอย่างชเวมินโฮดูจะอารมณ์ดีผิดปกติ เสียงฮัมเพลงเบาหลุดออกมาให้เหล่าเพื่อนฝูงได้ขนลุกเล่นๆ
ร้อยวันพันปีไม่เคยมีที่มันร้องเพลง!
และเป็นอีกครั้งที่ชเวมินโฮไม่แคร์สายตาของบรรดาเพื่อนร่วมก๊วน เพราะนาทีนี้ที่รอคอยตัวกำลังจะตามหัวใจไป อะไรก็ฉุดไม่อยู่แล้ว!
ขายาวที่รีบก้าวเร็วๆไม่ต่างจากวันแรกที่ได้เจอคนหน้าหวาน แต่ที่ต่างคือวันนี้ชเวมินโฮมาด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มและรอยยิ้ม ที่บานเต็มอยู่บนหน้าหล่อเหลาที่เจ้าตัวแสนจะภูมิใจนักหนา ไม่รู้หรอกว่าคำตอบที่ได้จะเป็นอะไร จะออกหัวออกก้อย หรือจะออกมาในรูปแบบไหน มินโฮรู้แค่ว่าต่อให้ถูกปฏิเสธเค้าก็จะตามตื้อต่อไป
ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก!
มินโฮเดินผ่านยิมที่ชมรมใช้ซ้อมที่ตอนนี้ร้างผู้คนเพราะชมรมเลิกแล้ว ยิ่งเข้าใกล้ห้องล็อกเกอร์ใจมันก็เกิดอาการสั่นๆขึ้นมาอีก จนเจ้าของต้องยกมือขึ้นมากุมไว้เผื่อว่ามันจะสั่นน้อยลงสักนิดก็ยังดี เวลาของการเตรียมใจมีไม่มากเท่ากับระยะทางจากชมรมบาสมาถึงห้องล็อกเกอร์ แต่ก่อนที่มือหนาเปิดประตูเข้าไป หูก็แว่วได้เสียงของใครสักคนกำลังคุยกันอยู่ มินโฮนิ่งฟังแต่ก็จับใจความอะไรไม่ได้เพราะเสียงมันเบามาก ร่างสูงถอยห่างจากประตูเล็กน้อยแล้วยกมือขึ้นเคาะลงไปสองสามครั้ง เสียงนั้นเงียบไป แล้วประตูก็เปิดออก คนที่เปิดประตูเป็นรุ่นพี่ยุนโฮ มินโฮอึ้งเล็กน้อยแต่ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ แต่ดูยุนโฮจะไม่แปลกใจอะไร เหมือนจะรออีกฝ่ายอยู่ด้วยซ้ำ
“มาแล้วหรอ ชางมินรอนายอยู่พอดีเลย”
“ครับ”มินโฮรับคำสั้นๆ ก่อนจะเดินตามร่างสูงของรุ่นพี่เข้าไปด้านใน
“อยู่ตรงนู้นน่ะ ...ชางมินอ่า เดี๋ยวฉันกลับก่อนนะ”พยักเพยิดบอกทางก่อนจะตะโกนบอกคนที่กำลังแต่งตัวอยู่หน้าล็อกเกอร์หมายเลข189
“อื้ม เรื่องที่ให้ช่วย ฝากด้วยนะยุนโฮ”ใบหน้าหวานๆหันกลับมาตอบ แล้วยิ้มหวานส่งให้ มินโฮได้แต่มองคนนั้นทีคนนี้ทีรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนนอก ไม่เข้าใจในสิ่งที่ทั้งสองคุยกันสักนิด ยุนโฮออกไปแล้ว ทั้งห้องมีเพียงความเงียบไม่มีใครพูดอะไร ชางมินแต่งตัวเสร็จแล้วแต่ยังยืนอยู่ที่หน้าล็อกเกอร์ไม่ได้ขยับไปไหน ไม่รู้ว่าทำอะไร มินโฮก็ทำอะไรไม่ถูกจึงเลือกที่จะลงตรงม้านั่ง แล้วมองด้านหลังของคนที่กำลังก้มๆเงยๆจัดเก็บของในล็อกเกอร์
ชางมินปิดล็อกเกอร์แล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ามินโฮ เสื้อนักเรียนสีขาวที่มินโฮคิดว่าชางมินสวมมันเรียบร้อยแล้วนั้นติดกระดุมเพียงสองเม็ดตรงกลาง มินโฮกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ถึงแผ่นอกและหน้าท้องที่โผล่มาให้เห็นไม่ได้ขาวใสแต่ก็ชวนลูบไล้ ลอยเด่นอยู่ตรงหน้า ใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มอยู่ตลอดของชางมินดูจะยิ้มมากขึ้นมากไปอีกที่เห็นท่าทางของอีกฝ่าย
ตาคมไม่ละออกจากแผ่นอกที่ลอยยั่วตรงหน้าจนลืมไปว่า ที่ตัวเองมานั่งอยู่ตรงนี้เพราะอะไร ชางมินจึงยื่นมือเข้าไปก่อนจะใช้นิ้วเรียวแตะที่แก้มอีกฝ่าย มินโฮสะดุ้งเล็กน้อย รีบเงยหน้าขึ้นมองคนที่เอาแต่ยิ้มอย่างรู้ตัวว่าตัวเองเผลอทำอะไรลงไป
“รุ่นพี่ช่วยถามผมอีกครั้งได้มั้ยครับ”
“เอ๋”
“รุ่นพี่มาเพื่อต้องการคำตอบไม่ใช่หรือครับ ถ้าอย่างนั้นผมรบกวนให้รุ่นพี่ช่วยถามผมอีกครั้งได้มั้ย”มินโฮทำหน้างงกับคำขอ ชางมินจึงอธิบายให้คนตรงหน้าเข้าใจ มินโฮกุมมือเรียวของชางมินที่ยังคงแตะไล้เบาอยู่ที่ข้างแก้มของตัวเองเอาไว้
“...พี่ชอบชางมินนะครับ ถ้าหากชางมินยังไม่มีใคร ชางมินจะว่ายังไงถ้าพี่จะขอคบกับเรา”น้ำเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยคำขอคบ พร้อมแววตาอ้อนวอนขอความเห็นใจส่งให้กับคนที่รอฟังคำถาม
“ถ้าหากว่าผมมีใครแล้ว รุ่นพี่จะไม่มีวันได้มานั่งอยู่ตรงนี้ และจะไม่มีวันได้ทำแบบนี้กับผมแน่นอน”ใบหน้าหวานค่อยโน้มลงก่อนจะประทับจูบเบาๆลงบนกลีบปากของอีกฝ่ายเพื่อตอบแทนคำถามทั้งหมด ละออกมาเพียงชั่วครู่แล้วประทับลงไปใหม่บดคลึงคล้ายเว้าวอน มินโฮจูบตอบก่อนจะปรับเปลี่ยนองศาเพื่อให้จูบได้แนบแน่นยิ่งขึ้น จากจูบหวานๆเนิบนาบกลายเป็นที่ร้อนขึ้น มินโฮรั้งชางมินให้นั่งลงบนตักของตัวเองแล้วกอดเอาไว้ ชางมินสอดมือไปไรผมที่เริ่มยาวละต้นคอของมินโฮ
ในช่วงเวลาที่ทั้งสองดำดิ่งจมลึกไปกับจูบรสหอมหวาน มินโฮที่เคลิ้มไปกับจูบหวานๆกับสัมผัสเบาๆคล้ายขับกล่อมที่ท้ายทอย ไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่ากำลังถูกผลักให้เอนไปด้านหลัง รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่แผ่นหลังสัมผัสกับม้านั่งตัวยาว ตาที่กำลังหลับพริ้มลืมขึ้นทันที ก่อนจะผลักไหล่ของคนที่กำลังคร่อมตัวเองไว้ให้ออกห่างเพราะตกใจกับท่าทางที่เปลี่ยนของอีกฝ่าย
แม้แต่แรงขืนตัวของคนที่ตัวเองคิดว่าไม่น่าจะมีมากขนาดนี้ ยิ่งแรงกดตรงหัวไหล่ทั้งสองข้าง ที่มากจนมินโฮขยับตัวแทบไม่ได้ มินโฮหน้ารุ่นน้องที่ตัวเองเพิ่งสารภาพรักอย่างไม่เข้าใจ อยากจะถามแต่เมื่อมองเห็นรอยยิ้มสดใสที่ตัวเองเคยหลงรัก เปลี่ยนไป กลายเป็นรอยยิ้มที่ดูยังไงก็น่ากลัว
“ทำไมมองผมแบบนั้นล่ะครับ พี่มินโฮ”ชางมินถามคนที่กำลังตื่นกลัวด้วยน้ำเสียงเดิมๆอย่างแสร้งตัดพ้อ
“...ท...ทำไม...”กว่าจะหาเสียงของตัวเองเจอ แต่เสียงที่ส่งออกไปก็เบาจนแทบไม่ได้ยิน หากคนฟังไม่ได้อยู่ขนาดนี้
“...ชู่วว อย่าเพิ่งถามอะไรเลยครับ หลังจากนี้ผมจะบอกพี่เอง”พูดจบก็โน้มหน้าลงไปอีกครั้ง เป้าหมายคือริมฝีปากสีสวยแต่คนที่นอนทอดตัวอยู่คงจะทันจึงเบี่ยงหน้าหลบ ปากและจมูกโด่งจึงตกลงบนแก้มแทน แต่ถึงจะพลาดแต่ปากหยักก็เลือกที่จะกดจูบและจมูกก็ทำหน้าที่สูดกลิ่นหอมของคนที่เพิ่งอาบน้ำ ก่อนจะไล้ลงไปที่ซอกคอกดจูบและดูดดุนจนมันขึ้นรอย
เมื่อรู้ว่ากำลังถูกทำอะไรมินโฮยิ่งเพิ่มแรงดิ้นให้มากขึ้น แต่ไหล่ที่ถูกกดเอาไว้ก็ทำให้ขยับลำบาก ชางมินละมือข้างหนึ่งจากการกดไหล่ เพื่อรุกรานร่างกายส่วนอื่น เริ่มจากปลดกระดุมเสื้อนักเรียนสีขาวออกและดึงทึ้งให้หลุดออกร่างของคนนอนทอดตัวอยู่ มินโฮก็พยายามยื้อแย่งเสื้อตัวเองเอาไว้ให้มันอยู่ที่เดิม เพราะเป็นที่มีขนาดตัวไม่ต่างกันมากถึงชางมินจะมีแรงมากกว่า แต่ถ้ามินโฮยังดิ้นไม่หยุดอยู่แบบนี้ จะทำอะไรต่อก็ลำบาก ชางมินจึงออกแรงกดข้อมือทั้งสองข้างของมินโฮไว้ แล้วดึงเสื้อที่ถูกปลดกระดุมครบทุกเม็ดขึ้นมามัด
“...ช...ชางมิน พี่...พี่ว่ามันไม่ค่อยถูกนะแบบนี้”
“ไม่ถูก?? ยังไง”ชางมินชะงักหน้าที่กำลังจะก้มไป แล้วมองคนท้วงที่ตอนนี้ดูจะกลัวเอามากๆ ตากลมโตหลุกหลิกอย่างคนกำลังใช้ความคิด
“ก็...ก็แบบนี้ไง ที่ชางมินทำมันผิดนะ”คนหาทางเอาตัวรอดเพราะยังไงก็คงสู้ไม่ไหวพยายามพูดให้อีกคนเห็น
ตาม
“ผิดตรงไหน??”
“ตรงโพซิชั่น! มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ”
“หึ ฮ่าๆ แล้วพี่คิดว่าผมจะยอมให้พี่กดง่ายๆหรือไง”ทั้งที่เก๊กดุอยู่นานสองนานชางมินก็ต้องหลุดขำเพราะมันผิดโพซิชั่น!
ถึงจะอยากจับกดคนที่นอนน้ำตาคลอเบ้าเพราะกลัวถูกเค้าปล้ำมากขนาดไหน แต่ตอนนี้ชางมินก็คงหมดอารมณ์แล้ว คนอะไรแม๊นแมนมาตลอดแต่กลับจะร้องไห้เพราะมันผิดโพซิชั่น
ชางมินดึงมินโฮให้ลุกขึ้นนั่งก่อนจะแก้เสื้อที่มัดข้อมืออยู่ออกให้ ผิวเนื้อที่ขาวกว่าของตัวเองนิดหน่อย แดงเป็นรอยให้เห็นจางๆ “เจ็บมั้ย??”เสียงที่เคยหวานเพราะถูกดัดกลายเป็นเสียงทุ้มที่ถามเป็นเพราะความเป็นห่วง มินโฮส่ายหัวน้อยๆแทนคำตอบที่บอกว่าไม่เจ็บ ชางมินเงยจากรอยแดงขึ้นมามองคนที่ไม่เคยรู้ตัวว่าน่ารักแทน
“ดีแล้ว เฮ้อ งั้นผมไปอาบน้ำก่อนนะ ตั้งแต่ซ้อมเสร็จยังไม่ได้อาบน้ำเลยอ่ะกะว่าจะกอดพี่ซักรอบก่อนค่อยอา”
“......!?......”
“อ่อ แล้วไม่ต้องพยายามหนีนะ ที่นี่ออกได้แค่ประตูทางเดียว แล้วตอนนี้มันก็ล็อกอยู่”พูดจบก็เดินไปที่ล็อกเกอร์ของตัวเองแล้วเริ่มถอดเสื้อผ้าออกแล้วยัดมันเข้าไปในล็อกเกอร์ลวกๆ แล้วหยิบผ้าเช็ดมาพันเข้ากับเอวก่อนจะเดินผิวปากเข้าไปในส่วนของห้องอาบน้ำ
มินโฮมองตามหลังชางมินไป จนแน่ใจแล้วว่าชางมินจะยังไม่ออกมาเร็วๆนี้แน่ จึงรีบปรี่ไปที่ประตู แล้วก็จริงอย่างที่อีกฝ่ายบอกไว้ประตูถูกล็อกจากด้านนอก คนข้างในพยายามให้ตายยังไงก็เปิดไม่ออก แต่ถึงรู้อย่างนั้นมินโฮก็ยังไม่เลิกพยายาม โดยไม่รู้ว่าคนที่ตัวเองพยายามหนีน่ะมายืนอยู่ข้างหลังนานแล้ว
“ก็บอกแล้วว่ามันล็อก ทุบแบบนั้นเดี๋ยวก็เจ็บมือหรอก”
“เฮ้ย!!”ไม่รู้ว่ากลายเป็นคนขวัญอ่อนตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่คนมาเงียบๆก็ทำเอาคนกำลังระแวดระวังอยู่ตกใจจนถอยไปชิดประตู
“ม...มาได้ไงอ่ะ ไหนบอกไปอาบน้ำ”
“ก็เสียงใครล่ะทั้งดึงทั้งทุบประตูดังขนาดนั้น ไม่ได้ยินก็หูหนวกแล้ว”
“อ...อือ จะไม่ทำเสียงดังแล้ว ไป ไปอาบน้ำไป”มือเรียวผลักอกคนที่มีแค่ผ้าขนหนูพันรอบเอวให้ออกห่าง เพราะว่ามันใกล้เกินไปจนเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัยกับตัวเองแล้ว
“อืมม ผมว่า...พี่ไปอาบน้ำกับผมอีกรอบดีกว่าป่ะ”พูดจบแขนยาวก็เกี่ยวเข้าเอวกับคนที่อ้าปาก
ค้างตาโตแล้วออกแรงลาก
“อ๊ากกก ไม่เอาว้อย ปล่อยๆๆๆ”
ถึงร้อง ดิ้น และโวยวายแค่ไหน แต่ตอนนี้ชเวมินโฮก็ได้มายืนอยู่ในห้องอาบน้ำห้องเดียวกับชิมชางมินจนได้ ชเวมินโฮสาบานได้ว่าที่ยืนก้มหน้ามองเท้าตัวเองไม่ได้เขินมัน! แต่ไม่กล้ามองหน้ามันกลัวมันบ้าขึ้นมาอีก ไอ้เด็กนี้มันยิ่งตัวบางหลอกตาอยู่ พอถอดเสื้อแม่ง มันไปสรรหากล้ามมาจากไหนวะ!
“มินโฮ ยืนอยู่ตรงนั้นจะอาบได้ไง มายืนตรงนี้”
“ย๊า!! ฉันแก่กว่านายนะอย่ามาเรียกชื่อห้วนๆเซ่!”
“เราเป็นแฟนกันแล้วนะ เรียกก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน”
“ฉันไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกับนายสักหน่อย ฉันขอน้องชางมินต่างหาก นายเอาน้องชางมินของฉันคืนมาเดี๋ยวนี้เลย!”ทวงเสร็จยังแบมือพร้อมกระดิกนิ้ว แหม...ทำยังกับว่ามันวางลงบนมือแล้วจะได้คืน
“มาอาบน้ำก่อนแล้วจะคืนให้”ชางมินส่ายหน้าอ่อนใจกับคำขอนั่น จะลากคุณแฟนให้มาอยู่ใต้ฝักบัวด้วยกัน แล้วเปิดก๊อกให้สายน้ำไหลกระทบผิวกายของทั้งตัวเองและอีกคน
“อ่ะนี่สบู่ ทนกลิ่นมันหน่อยแล้วกัน มีแต่พวกสบู่ฆ่าเชื้อ”ชางมินกดครีมอาบน้ำสีเขียวลงบนฝ่ามือให้มินโฮ
“อือ ไม่เป็นไร”มินโฮไม่ได้ใส่ใจกับกลิ่นของสบู่มากนักเพราะที่ชมรมบาสเองกลิ่นก็คล้ายๆกันแค่ไม่แรงขนาดนี้เท่านั้นเอง
เพราะตอนนี้เวลาเกือบจะหนึ่งทุ่มแล้ว ทั้งชางมินและมินโฮจึงต้องรีบอาบให้เสร็จถึงจะเป็นนักกีฬาแต่ไม่ใช่ว่าจะเจ็บป่วยไม่ได้ ดังนั้นชางมินจึงไม่ได้คิดแกล้งอะไรมินโฮอีก ยกเว้น ตอนที่มินโฮหันบั้นท้ายสวยๆมากระแทกตาเขาอ่ะนะ
หมับ
“อ้ะ เฮ้ยย จะทำอะไรวะ!”แรงกอดจากด้านหลังทำเอามินโฮสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะเหลียวหันกลับมาแล้วพยายามทั้งผลักทั้งดันไอ้เด็กแรงควายให้ถอยห่างจากตัวเอง แต่แขนที่กอดรอบเอวเอาไว้ก็รัดแน่นจนดิ้นไม่หลุด
แผ่นหลังขาวแนบชิดไปกับแผ่นอกกว้าง ซอกคอที่เพิ่งผ่านการฟอกด้วยสบู่กลิ่นฉุนแต่มันไม่อาจกลบกลิ่นหอมเฉพาะตัวได้กำลังถูกรุกรานจากริมฝีปากหนา จูบซับหยาดน้ำที่เกาะจนทั่วลำคอขาว ก่อนจะลากไล้มาที่ใบหูขบเม้มสร้างความปั่นป่วนแปลกๆให้จนคนที่ได้รับมันต้องครางอือ
“อื้อ..อ..ป..ปล่อย”
มือข้างหนึ่งลูบวนหน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อสวยแล้วลากลงสู่เบื้องล่าง ปัดผ่านแกนกายแล้วกอบกุมเอาไว้ ขยับมือเบาๆเป็นการปลุกเร้าอารมณ์
“มินโฮ~”
“อ๊ะ....อื้ออ...ป...ป ล่อย...ย...อย่า...อา...”
เสียงทุ้มหวานร้องห้ามกระท่อนกระแท่นไม่เป็นคำสลับกับครางเครือ มือเรียวจับข้อมือหนาให้หยุดขยับ อีกข้างเอื้อมไปด้านหลังคอยผลักให้ร่างสูงออกห่าง เมื่อถูกรุกหนักเข้าแรงห้ามที่มีอยู่น้อยนิดก็หมดไป ขาเรียวแทบทรงตัวไม่อยู่จนต้องทิ้งตัวไปด้านหลังปล่อยให้ชางมินประคองตัวเองไว้ทั้งหมด
มือหนาเริ่มชักรูดแท่งร้อนขึ้นลงเป็นจังหวะ จากเนิบนาบในตอนแรกก็เริ่มความเร็วขึ้นจนคนที่ถูกมอบสัมผัสวามให้หลุดเสียงครางหวานออกมาให้ได้ยิน
“ช...ชาง..มิ น...อ๊าาา..”ส่วนปลายของแท่งร้อนมีน้ำปริ่ม ร่างกายมันร้อนไปหมด ความปวดหนึบแล่นริ้วไปทั่วแกนกายเพราะใกล้ถึงฝั่งฝันเต็มที มือหนาขยับอีกไม่กี่ครั้งน้ำรักสีขาวขุ่นก็พุ่งทะลักออกมาเต็มมือ อกบางกระเพือมขึ้นลงตามจังหวะการหอบหายใจ
ชางมินกดจูบหัวไหล่มนสองสามครั้งก่อนจะจับมือบางทั้งสองข้างยันไว้กับผนังห้องอาบน้ำ จับเรียวขาแยกกว้าง นิ้วยาวถูกส่งเข้าไปสำรวจช่องทางแคบ
“..อึ่ก..เ จ็บ...”มินโฮผวากับความเจ็บจากสิ่งแปลกปลอมที่ค่อยๆผลุบหายเข้าไปในร่างกายทีละน้อย มินโฮหลับตาแน่นเมื่อนิ้วเรียวที่สอดใส่ขยับเร็วขึ้น หมุนวนหาจุดกระสันที่ซ่อนอยู่ภายใน แล้วนิ้วที่สองและสามก็ค่อยๆแทรกตามเข้าไป
“ฮ้า...อ่ะ...พ อ...หยุดเถอะ...”เสียงหวานครางสลับกับขอให้หยุด แต่อารมณ์ของร่างสูงมาไกลเกินกว่าจะหยุด ชางมินถอนนิ้วออก จับสะโพกมนไว้ให้ได้ระดับ จับส่วนแข็งขืนของตนจ่อเข้าที่ช่องทางคับแคบ
“หายใจลึกๆ อย่าเกร็งจะได้ไม่เจ็บ”เสียงทุ้มเอ่ยบอกแล้วกดจูบที่ขมับของคนที่ตัวสั่น
“อ๊า!!!”ร่างบางร้องลั่นเมื่อร่างสูงค่อยๆกดท่อนเนื้อร้อนเข้าไปจนสามารถเข้าไปได้ทั้งหมด ความเจ็บที่แล่นริ้วขึ้นตามไขสันหลัง เจ็บร้าวราวกับร่างกายนี้จะปริแตก เรียวขาสั่นจนยืนแทบไม่อยู่ ปลายเล็บจิกลงบนผนังสีขาวจนเจ็บ แต่มันก็เทียบไม่ได้กลับความทางด้านหลังสักนิด
“...อา~”ชางมินพรูลมหายใจออกมา ช่องทางตอดรัดและอุ่นร้อน รู้สึกดีสุดๆ
“..อ๊ะ...อื้ออ...อ๊าา..”มินโฮซบหน้าลงกับท่อนแขน เสียงครางสั้นยาวตามจังหวะที่กายท่อนล่างถูกกระแทกกระทั้น ความเจ็บยังคงรุมเร้า เสียงครางที่ร่างสูงได้ยินจึงปนเปไปกับเสียงสะอื้น ร่างสูงยึดสะโพกมนไว้แน่นก่อนจะลดแรงขยับให้นุ่มนวลขึ้น เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องทั่วห้องอาบน้ำที่ไร้ผู้คน มือหนากอบกุมส่วนอ่อนไหวรูดดึงเป็นจังหวะเร่งให้คนในอ้อมกอดปลดปล่อยเร็วขึ้น
“..อื้อออ....อ๊าาา..”ใบหน้าหวานเชิดสูง เสียงครางหวีดดังขึ้นเมื่อถูกกระตุ้นทั้งด้านและด้านหลัง ช่องทางร้อนตอดรัดแน่น ชางมินครางเสียงต่ำพึงใจกับความรูสึกสุขสมที่ได้รับ
“...อ๊าา...ฮ้าา..”เสียงหวานครางยาวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะกระตุกตัวเกร็ง ปลดปล่อยอารมณ์ออกมาเต็มมือหนา ชางมินเร่งขยับตัวให้เร็วขึ้นก่อนจะขยับอีกสองสามครั้งก็ฉีกน้ำรักเต็มช่องทางคับแคบ ชางมินปล่อยให้ตัวเองแช่ไว้โพรงร้อนสักพักก่อนจะถอนตัวออกมา
“รีบอาบน้ำกันดีกว่า อยู่ในนี้นานๆเดี๋ยวไม่สบาย”ชางมินประคองคนที่หมดแม้กระทั่งแรงยืนให้พิงผนังห้องอาบน้ำ แล้วรีบจัดการทำความสะอาดล้างตัวให้อย่างดี
เออ! เพิ่งจะรู้หรือไง น่าจะรีบตั้งนานแล้วไอ้เด็กบ้า!
เสร็จสิ้นกิจกรรมอาบน้ำมาราธอน มินโฮถูกประคองให้นั่งลงตรงมานั่งและก็เป็นชางมินที่ตามเก็บเสื้อผ้าของมินโฮที่ตัวเองเป็นถอดทิ้งตามรายทางไปห้องอาบน้ำ มาสวมคืนให้กับเจ้าของมัน ถึงมินโฮไม่อยากจะให้เจ้าเด็กแรงควายมาวุ่นวายกับร่างกายตัวเองอีก แต่จะขยับมากก็ไม่ได้
เจ็บก้นอ่ะ TT
“เจ็บมากเหรอ”ร่างสูงถามออกมาตอนที่กำลังกลัดกระดุมให้คนที่ยู่หน้าทุกครั้ที่ขยับ
“รอให้ฉันหาย แล้วนายมาลองโดนดูบ้างมั้ยล่ะ!”
“ก็ถ้ามินโฮกดผมลงได้ ผมยอมนะ”
“เฮ๊อะ วันนี้เพราะฉันไม่ทันได้ตั้งตัวต่างหาก ไม่งั้นนายไม่ได้แอ้มหรอก”
“ถ้างั้นวันนี้ก็ขอบคุณนะครับ ที่ให้ผมแอ้ม”
“นาย! ไอ้บ้า!”
แต่งตัวให้ทั้งเองและคนที่นั่งหน้าบูดเสร็จ ก็ทิ้งตัวลงนั่งข้างรุ่นพี่ที่ตอนนี้เปลี่ยนสถานะมาเป็นแฟนตัวเองแล้ว แต่อีกคนดูจะไม่อยากอยู่ใกล้ตัวอันตรายสำหรับตัวเองเท่าไหร่ พอร่างสูงนั่งลงปุ๊บ มินโฮก็ค่อยๆเขยิบออกห่าง ชางมินกลั้นหัวเราะให้กับท่าทางระแวงนั่น
“นี่นาย ที่...ที่ฉันถามตอนนั้นอ่ะ”
“ที่ขอเป็นแฟนนะเหรอ”
“ไม่ใช่~ ตอน...ตอนนั้นอ่ะ ที่ฉันถามว่าทำไมน่ะ”ชางมินทำหน้าคิดสักพักก่อนจะร้อง อ๋อ ออกมา
“ผมแค่จะบอกว่า ไม่ใช่แค่มินโฮคนเดียวหรอกที่แอบมอง ผม...ก็มองมินโฮอยู่เหมือนกัน”เหมือนคำสารภาพรักกลายๆ ยิ่งมองเข้าไปในแววตาที่แน่วแน่ของชางมิน ผู้ชายแมนๆอย่างชเวมินโฮก็หวั่นไหวได้เหมือนกันนะ
“.......................”
“ตอนแรกกะว่าจะให้ยุนโฮช่วยคิดแผนสารภาพรัก แต่พอดีมินโฮดันเข้าสารภาพรักกับผมก่อน แผนมันเลยเปลี่ยนนิดหน่อย”
“...เอ๋...”
“เพราะแผนเปลี่ยนนิดหน่อย มินโฮถึงได้มานั่งอยู่ตรงนี้ไง”ชางมินพูดยิ้มๆก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปจุ๊บปากคนที่นั่งทำตาโตเบาๆ
“อ๊ะ...ไอ้เด็กบ้า! เอาน้องชางมินของฉันคืนมาเลยนะ!”มินโฮผลักชางมินออกแล้วถอยให้ห่างออกมาอีกนิด ก่อนจะเริ่มทวงแฟนตัวจริงของตัวเองคืน
“มินโฮอยากได้คืนจริงๆเหรอ....งั้น...”ชางมินยื่นข้อเสนอด้วยการเอียงหน้าแล้วจิ้มที่แก้มตัวเอง
“จุ๊บตรงนี้สักที ผมจะคืนให้มินโฮก็ได้”
“จริงนะ”ถึงจะอยากได้น้องชางมินคนสวยคืนแค่ไหน แต่กับหมอนี่ก็ไว้ใจไม่ค่อยได้ จึงต้องถามเพื่อความแน่ใจก่อน
“อื้ม แต่ถ้ามินโฮช้าผมอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้”คนเป็นต่อก็ลอยหน้าลอยตาพูด แม้จะมองเห็นสีหน้าลำบากใจของมินโฮ แต่ชางมินก็ยังอยากแกล้งอยู่ดี
จุ๊บ!
เบาและเร็วจนคนถูกจุ๊บแทบไม่รู้สึก แต่ก็เอาเถอะยังไงวันนี้ก็ได้กำไรมาเยอะแล้ว จะยอมให้สักครั้งแล้วกัน
“ทำแล้ว ที่นี้ก็คืนมาเร็วๆเลย”มินโฮจ้องอีกฝ่ายตาเขม็งกลายๆบังคับให้รีบๆคืนสุดที่รักของตัวเองมาซักที
“ครับ...ชางมินอยู่นี่ครับพี่มินโฮ”
“......................”
ชางมินรักพี่มินโฮนะครับ”
- / / / / / / -
FIN.
Tittle : Ray
Pairing : โฮมินชาง ?? ชางมินโฮ??
Author : winx
Genre : AU / Romacticomedy
Author Note :: ฟิคเรื่องนี้หาได้มีสาระใดๆ แต่งเพื่อสนองนี๊สของเดอะแก๊ง มิได้มีการตรวจทานหากมีคำผิด ตกหล่นก็ขออภัย
“เฮ้ยย มินโฮซ้อมบาสเสร็จแล้วมึงไปชมรมมวยกับกูเปล่า”หลังจากทิ้งตัวลงนั่งข้างๆร่างสูงที่กำลังก้มหน้าก้มตาเช็ครายชื่อของสมาชิกในชมรมบาส ยูฮันจองก็รีบถามเพื่อนตัวสูงด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นจนชเวมินโฮต้องหันมามองอย่างแปลกใจว่ามันจะตื่นเต้นทำไมกับชมรมมวย”ไปทำไมวะ”มินโฮถามกลับ
“ไอ้ยงจินมันเล่าให้ฟังว่าที่ชมรมมันมีเด็กเข้ามาใหม่ กูเลยไปดู หน้าตายังงี้เลย”ฮันจองยกนิ้วหัวแม่ขึ้นประกอบเพื่อบอกให้รู้ว่าบุคคลที่ตัวเองพูดถึงน่ะสุดยอด แต่แค่คำพูดลอยๆของเพื่อนก็ไม่สามารถทำให้เชวมินโฮเชื่อได้ ขึ้นชื่อว่าชมรมมวยนอกจากหุ่นล่ำๆเหงื่อเยิ้มๆมันจะมีอะไรให้น่าดูอีก อย่างดีก็คงจะมีหน้าตาหล่อๆบ้าง แต่ชเวมินโฮไม่ได้สนใจผู้ชายนะเว้ย!
“หน้าตายังงี้ของแกน่ะ มันยังไง”
“ก็สวยนะสิวะ! แม่งไม่น่าอยู่ชมรมมวยเลยเหอะ”
“สวย?? อึก..ฮ่าๆๆๆ แกบ้าเปล่าฮ๊ะ ชมรมมวยเนี่ยนะมีคนสวย ว่างๆไปเช็คสายตาบ้างนะมึง”
“เออ มึงหัวเราะไป ชมรมเลิกมึงไปพิสูจน์กับกูเลยมั้ย”ฮันจองท้า
“ฮ่าๆ โอเคกูไปกับมึงก็ได้ แต่ถ้าน้องเค้าไม่สวยอย่างมึงว่านะ...”มินโฮหัวเราะร่วนกับท่าทางจริงจังจนเกินเหตุข
องเพื่อนสนิท ก่อนจะตอบตกลงที่จะไปดูหน้าเด็กใหม่”กูยอมถูโรงยิมสามวันเลย!”ฮันจองรีบเสนอเองแบบไม่รอให้เพื่อนเอ่ยปากคาดโทษตัวเองอย่างมั่นใจว่ามันต้องเห็นด้วยกับตัวเองแน่นอน
“ถึงขนาดทำให้ยูฮันจองยอมถูโรงยิม สงสัยคงพลาดไม่ได้แล้วว่ะ”
R a y
เสียงสัญญาณนกหวีดดังขึ้นบอกให้รู้ว่าการซ้อมของวันนี้สิ้นสุดลงแล้ว สมาชิกของชมรมบาสต่างทยอยกันไปห้องล็อคเกอร์เพื่อชำระล้างร่างกายที่ชื่นเหงื่อ เช่นกันกับมินโฮและฮันจองแต่ติดที่วันนี้กัปตันทีมกับเพื่อนสนิทดูรีบมากเป็นพิเศษ ก็เพราะเจ้าเพื่อนบ้านี่มันเร่งยิกๆกลัวว่าน้องเค้าจะเลิกชมรมก่อน หลังจากสาวเท้ายาวๆเพื่อให้ถึงที่หมายไวๆทั้งที่ชมรมมวยสากลมันอยู่ห่างจากชมรมบาสแค่สองร้อยเมตร ใช้เวลาไม่กี่นาทีทั้งสองก็มาหยุดอยู่หน้าโรงยิมส่วนของชมรมมวย
ฮันจองชะเง้อคอมองเหมือนจะหาใครซักคนก่อนจะอุทานออกมาเสียงดัง”เฮ้ยย นั่นไง...มินโฮมึงมาดูเลย...คนที่ใส่เสื้อกล้ามสีดำบนเวที”ยูฮันจองกระชากคอเสื้อเพื่อนเข้ามาแล้วชี้ให้ดูเป้าหมาย”มึงเบิกตาดูแล้วบอกกูทีว่าไม่สวย”
มินโฮมองตามนิ้วของเพื่อนก่อนที่สายตาจะหยุดอยู่ที่ผู้ชายตัวสูงโปร่งน่าจะสูงพอๆกับ
ตัวเอง มือทั้งสองข้างสวมนวมสีแดง เหงื่อที่ออกจนชุ่มไปทั้งตัว ทั้งๆที่มันควรจะไม่น่าดูแต่มันกลับไม่น่าเก็บมาใส่ใจ เมื่อคนนั้นกำลังยิ้มกว้างๆและหัวเราะอย่างสดใส
อาาา...ความรู้สึกที่ใครๆพูดว่าดอกไม้บานในหัวใจมันเป็นอย่างไร วันนี้ชเวมินโฮก็ได้รู้กับตัวเองแล้ว
เพี๊ยะ!
“โอ้ยย ฮันจองมึงตบกูทำไมเนี่ย!”คนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ของรอยยิ้ม ถูกจิกหัวกลับมาสู่โลกของความจริงด้วยน้ำมือเพื่อนรัก ชเวมินโฮก็โวยวายไปอย่างนั้นทั้งที่มันก็ไม่ได้เจ็บอะไรแต่ขัดใจที่มันดันมาขัดเวลามองรอยยิ้มสวยๆนั่นต่างหาก
“แหม~ มองตาเยิ้มเชียวนะมึง เช็ดน้ำลายด้วยไหลจนจะถึงพื้นแล้ว”เห็นอาการเพื่อนรักแล้วยูฮันจองก็ขอจิกกัดสักหน่อย ตอนชวนมาทำเป็นอิดออดนะมึง
“น้ำลงน้ำลายไหลอะไรของมึง มั่วแล้ว”ปากบอกไม่มีแต่มือก็ดันยกขึ้นมาจับๆดู เพื่อให้แน่ใจว่ามันไม่ได้ไหลอย่างปากว่าจริงๆ
“ตอนกูชวนมาแม่งเล่นตัว เห็นน้องเค้าแล้วเป็นไงล่ะมึง อยากเล่นน้องเค้าจนตัวสั่นล่ะสิ”
“มึงพูดจาน่าเกลียด กูไม่ได้คิดอกุศลอะไรกับน้องเค้า”
“มึงกล้าพูด หน้ามึงแสดงออกขนาดนี้ แต่ต่อให้มึงอยากเล่นแค่ไหนก็เสียใจว่ะ...มึงดูนั่น...ชองยุนโฮปี3 ประธานชมรมเทควันโด้ แฟนของน้องชางมินเค้า”
แฟน
แฟน
แฟน
คำว่าแฟนที่หลุดออกมาจากของเจ้าเพื่อนรักเหมือนมีดเล่มน้อยที่จิ้มจึกๆลงบนหัวใจ อกหักกลางอากาศมันเป็นแบบนี้นี่เอง “เห็นว่าที่น้องชางมินเค้าย้ายมาเรียนที่นี่เพราะที่โรงเรียนเก่ามีคนมาจีบน้องเค้าเยอะ รุ่นพี่เค้าเป็นห่วงเลยให้ย้ายมาเรียนที่เดียวกัน”โฮกก ไอ้เพื่อนรักถึงปากกูจะบอกว่าไม่คิด แต่ถึงอย่างนั้นมึงก็น่าจะรู้ว่าใจกูอ่ะคิด ยังจะมาบรรยายความรักของคนที่กูอุตส่าห์ปิ๊งแรกพบให้กูช้ำเล่นอีก
“แต่กูว่าไม่เห็นจะน่าห่วงตรงไหน น้องชางมินดีกรีแชมป์เขตเลยนะเว้ย สงสัยรุ่นพี่แค่ไม่อยากห่างกับน้องเค้ามากกว่า ฮ่าๆ”คนพูดก็พูดไปเรื่อยไม่สังเกตสังกาว่าคนที่ยืนอยู่ข้างๆเงียบไปนานแล้ว
“มึงรู้ได้ไงว่าเค้าเป็นแฟนกัน เค้าบอกมึงรึไง”อยู่ๆก็ถามขึ้นมาเสียงขุ่นอย่างเคืองๆไอ้เพื่อนบ้านี่ที่ดูมันจะรู้
เรื่องของชาวบ้านเค้าไปหมด
“หึ ไม่ได้บอกอ่ะ ไอ้ยงจินมันเล่าให้ฟังว่ารุ่นพี่มานั่งเฝ้าเช้าเฝ้าเย็น แถมตัวติดกันตลอด สงสัยเป็นแฟนกัน”ฮันจองส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะพูดประโยคที่ทำเอาคนขายาวอยากเตะเสยปลายคางเพื่อนตัวเอง
แม่ง ไม่รู้จริงก็พูดซะกูใจเสีย -“–
“สรุปมึงกับไอ้ยงจินคิดกันเอาเอง”
“เออ แต่แม่งมันก็น่าคิดนะเว้ย”มินโฮถอนหายใจกับคำตอบห้วนๆของเพื่อน “เออๆ ช่างเถอะ ไป กลับบ้านกัน”คำชวนที่ฟังยังไงมันก็ไม่ได้เกี่ยวกันกับเรื่องที่เป็นหัวข้อสนทนาอยู่สักนิด
“อ้าว กลับเลยเหรอ กูนึกว่ามึงจะลุยเลย”
“วันหน้าวันหลังยังมี วันนี้กูไม่รีบ”
“เฮ้ มองอะไรอ่ะชางมิน”ร่างสูงที่ยืนอยู่ใกล้ๆเอ่ยถามเพราะเห็นอีกคนเหม่อมองไปทางด้านหน้าของโรงยิมนานแล้ว “เปล่า ไม่มีอะไรหรอกยุนโฮ ไม่มี”ดวงตาสวยมองไปทางเดิมอีกครั้งก่อนหันหลังแล้วเดินตามคนที่อาสามาช่วยแบกกระเป๋าใบโตให้ไป
R a y
วันหยุดสองวันช่างน้อยนิด หายใจทิ้งไม่กี่เฮือกก็มาถึงวันจันทร์อีกแล้ว นักเรียนส่วนใหญ่มีอาการเหมือนๆกันคือถ้าไม่จับกลุ่มคุยหรือนินทา ไม่ก็หลับ หรือลอกการบ้านเพื่อให้ทันส่ง แม้แต่ชเวมินโฮที่นั่งอยู่หลังห้องด้านที่ติดกับหน้าต่างดวงตาก็ปรือปรอยเต็มที แต่ก่อนที่มันจะปิดสนิท ตาคู่นั้นกลับโฟกัสเข้ากับใครบางคนที่ตัวเองนั่งคิดนอนคิดถึงตลอดระยะเวลาร่วมเดือนที่ผ่านมา
นั่นมัน ชางมิน!!
ปากหยักที่คลี่ยิ้มให้กับอาหารตาในตอนเช้าแต่กลับต้องยิ้มค้าง เมื่อในสายตามีใครอีกคนเดินมาร่วม ใครคนนั้นคงหนีไม่พ้น”ชองยุนโฮ”ที่ใครๆก็บอกว่าเป็นแฟนของชิมชางมิน มินโฮทำหน้าเซ็งซังกะตายทันที แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ละสายตาไปจากเจ้าของรอยยิ้มสดใสนั่น
ขณะที่สายตาไล่ตามร่างบางไปจนลับตา ในใจก็คิดหาวิธีที่จะได้ได้เข้าใกล้รักแรกพบของตัวเอง ชเวมินโฮไม่อยากได้แค่แอบมองไปวันๆนะ สัญญากับตัวเองแล้วว่าไม่ว่าจะยังไงก็ต้องจีบน้องชางมินที่ตัวเองไปคอย(แอบ)เฝ้าอยู่
ให้ได้ แล้วสารพัดวิธีการที่ผุดขึ้นมาในหัวล้วนแต่ไม่วิธีไหนที่ใช้ได้ซักอย่าง ก็ในเมื่อมันยากนักก็เดินเข้าไปบอกแบบหน้าด้านๆเลยแล้วกัน!
พักกลางวันอันแสนสุขของใครหลายคน แต่ไม่ใช่กับบางคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาจ้วงข้าวกลางเข้าปากไม่สนใจสายตาที่มองมาอย่างแปลกใจของพวกเพื่อนๆในกลุ่ม
“เฮ้ย มินโฮมึงจะรีบกินไปไหนเนี่ย เดี๋ยวก็ติดคอตายห่ากันพอดี”เป็นยงจินที่เบรกความเร็วในการจ้วงข้าว
ของมินโฮเพราะกลัวเพื่อนจะตายหายใจไม่ทัน
“กูรีบ!”ตอบแค่นั้นก่อนจะหันไปสนใจข้าวในจานต่อ ส่งข้าวคำสุดท้ายเข้าปากตามด้วยน้ำอีกหนึ่งแก้ว ก่อนจะรีบลุกและจ้ำเท้าออกจากโรงอาหารไป
R a y
“นี่ยุนโฮ”เสียงทุ้มหวานเอ่ยเรียกคนหน้าหมีตัวโตที่กำลังละเลียดข้าวกล่องที่ชางมินหิ้วมาให้อย่างมีความสุข
“หื้มม”
“ฉันมีอะไรให้นายช่วย”
“ได้สิ แต่...วันนี้นายต้องให้ฉันไปค้างที่บ้านนะ”ตอบตกลงแบบไม่ต้องคิดอะไรให้เปลื้องเวลา แต่กลับยื่นข้อแลกเปลี่ยนที่สื่อนัยไปให้
“บ้านฉันต้อนรับนายเสมอยุนโฮ”คำตอบรับนัยๆที่ส่งกลับพร้อมสายตาหวานหยาดเยิ้มในสายตาคนที่แอบมองมาได้สักพักให้เจ็บแปลบเล่นๆ
โฮกก มีไปค้างที่บ้านหรือกูจะไม่มีหวังแล้ววะ = =
ถึงจะหวาดหวั่นและรู้สึกขาดความมั่นใจแค่ไหน แต่มาขนาดนี้แล้ว(?)ชเวมินโฮก็ไม่ถอยว้อย! ให้กำลังใจตัวเองเรียบร้อยก็ทำทีเป็นว่าเดินตัวเพิ่งมาถึงไม่ได้ยินได้ฟังบทสนทนาก่อนหน้านี้แม้แต่น้อย
“เอ่อ สวัสดีครับชางมิน พี่ชื่อมินโฮ ชเวมินโฮ คือว่า...”ใจกล้ามาถึงตรงนี้แต่พอได้มาอยู่ใกล้ๆแล้ว ทำไมเกิดป๊อดขึ้นเสียอย่างนั้น ไม่รู้จะพูดอะไรต่อก็ตากลมๆนั่นมองมาที่เค้าไม่วางตา ใจมันเลยเกิดสั่นจนพูดอึกๆอักๆ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆแล้วกลั้นใจพูดออกมารวดเดียว
“คือว่าพี่ขอคุยกับชางมินสักครู่ได้มั้ยครับ”
พูดออกไปแล้วๆ ตากลมๆนั่นก็ยังมองมาไม่เลิกแต่คราวนี้มินโฮก็กล้าที่จะสบตอบ ในขณะที่เจ้าก้อนเนื้อในอกมันเต้นตุ้บๆแรงจนรู้สึกเจ็บ หลังจากเงียบไปหลายวินาที กลีบปากสีสวยก็ค่อยยิ้มน้อยๆก่อนตอบตกลง
ตอนนี้มีแค่มินโฮที่ยืนอยู่ที่เดิม และชางมินที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม ส่วนยุนโฮนั้นกลับขึ้นตึกของพวกปีสามไปแล้ว มีความเงียบกั้นมินโฮกับชางมินเอาไว้ สงสัยเพราะมินโฮไม่ยอมพูดอะไรสักที ชางมินจึงลุกขึ้นจากที่นั่งตรงม้าหิน แล้วเดินเข้าไปใกล้กับร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“รุ่นพี่มีอะไรจะคุยกับผมหรือครับ”ชางมินเอียงคอเล็กน้อยทำองศาได้น่ารักจนคนมองต้อง
สะดุดลมหายใจตัวเอง ยิ่งอยู่ใกล้ความละมุนมันยิ่งกระแทกใจ ถึงจะแอบสังเกตเห็นว่าชางมินสูงกว่าตัวเองเล็กน้อย แต่ไม่เป็นไร ความสูงไม่มีผลในแนวราบ
“พี่ชอบชางมิน ถ้าหากชางมินยังไม่มีใคร ชางมินจะว่ายังไงถ้าพี่จะขอคบกับเรา”ชางมินยิ้มให้กับคำถามที่พอจะเดาได้อยู่แล้ว
“ผมคงให้คำตอบรุ่นพี่ตอนนี้ไม่ได้ แต่ถ้าไม่รบกวนรุ่นพี่เกินไป หลังชมรมเลิกรุ่นพี่ไปฟังคำตอบของผมที่ห้องล็อกเกอร์นะครับ”คำพูดเนิบๆที่ทิ้งเอาไว้
พร้อมกับรอยยิ้มหวานๆที่ละลายหัวใจคนมองก่อนจะเดินกลับตึกเรียนของตัวเอง
“เยสสสสสสส”
เสียงทุ้มที่ตะโกนเสียงดังทันทีที่ร่างบางหายเข้าไปในตึกเรียน ชเวมินโฮอยากกระโดดตีลังกาสามตลบ กู่ร้องบอกให้โลกรู้ถึงความดีใจ ถึงอีกฝ่ายจะไม่ตอบรับแต่อย่างน้อยก็ไม่ได้ปฏิเสธล่ะ
เวลาแต่ละนาทีในการเรียนช่วงบ่าย ช่างยาวนานกว่าทุกวัน พอเลิกเรียนไหนจะต้องซ้อมบาสอีก โอ้ยยย นานเกิน วันนี้งดซ้อมดีมั้ย??? คำตอบคือไม่ดี ถึงจะเป็นกัปตันแต่ที่ชมรมก็ยังมีพวกปีสามที่ต้องเกรงใจอยู่ เฮ้ออ ยังไงก็เลี่ยงชมรมไม่ได้ใช่มั้ย
นั่งถอนหายใจทิ้งไปหลายเฮือกเวลาแห่งการเลิกเรียนก็มาถึง การซ้อมของชมรมบาสวันนี้ดูท่านกัปตันจะรีบๆซ้อมให้เสร็จพิกล แถมยังเอาแต่มองนาฬิกาตลอด ถึงทุกคนจะแปลกใจแต่ก็ไม่ใครกล้าทักท้วงอะไร มีหน้าที่ซ้อมก็ซ้อมไปตามตารางที่ถูกจัดไว้
เมื่อเข็มสั้นเดินผ่านเลขห้าและเข็มยาวชี้ที่เลขหก เสียงนกหวีดก็ขึ้นบอกว่าการซ้อมของวันสิ้นสุดลงแล้ว สำหรับคนที่หัวใจไม่ได้อยู่กับตัวอย่างชเวมินโฮดูจะอารมณ์ดีผิดปกติ เสียงฮัมเพลงเบาหลุดออกมาให้เหล่าเพื่อนฝูงได้ขนลุกเล่นๆ
ร้อยวันพันปีไม่เคยมีที่มันร้องเพลง!
และเป็นอีกครั้งที่ชเวมินโฮไม่แคร์สายตาของบรรดาเพื่อนร่วมก๊วน เพราะนาทีนี้ที่รอคอยตัวกำลังจะตามหัวใจไป อะไรก็ฉุดไม่อยู่แล้ว!
ขายาวที่รีบก้าวเร็วๆไม่ต่างจากวันแรกที่ได้เจอคนหน้าหวาน แต่ที่ต่างคือวันนี้ชเวมินโฮมาด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มและรอยยิ้ม ที่บานเต็มอยู่บนหน้าหล่อเหลาที่เจ้าตัวแสนจะภูมิใจนักหนา ไม่รู้หรอกว่าคำตอบที่ได้จะเป็นอะไร จะออกหัวออกก้อย หรือจะออกมาในรูปแบบไหน มินโฮรู้แค่ว่าต่อให้ถูกปฏิเสธเค้าก็จะตามตื้อต่อไป
ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก!
มินโฮเดินผ่านยิมที่ชมรมใช้ซ้อมที่ตอนนี้ร้างผู้คนเพราะชมรมเลิกแล้ว ยิ่งเข้าใกล้ห้องล็อกเกอร์ใจมันก็เกิดอาการสั่นๆขึ้นมาอีก จนเจ้าของต้องยกมือขึ้นมากุมไว้เผื่อว่ามันจะสั่นน้อยลงสักนิดก็ยังดี เวลาของการเตรียมใจมีไม่มากเท่ากับระยะทางจากชมรมบาสมาถึงห้องล็อกเกอร์ แต่ก่อนที่มือหนาเปิดประตูเข้าไป หูก็แว่วได้เสียงของใครสักคนกำลังคุยกันอยู่ มินโฮนิ่งฟังแต่ก็จับใจความอะไรไม่ได้เพราะเสียงมันเบามาก ร่างสูงถอยห่างจากประตูเล็กน้อยแล้วยกมือขึ้นเคาะลงไปสองสามครั้ง เสียงนั้นเงียบไป แล้วประตูก็เปิดออก คนที่เปิดประตูเป็นรุ่นพี่ยุนโฮ มินโฮอึ้งเล็กน้อยแต่ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ แต่ดูยุนโฮจะไม่แปลกใจอะไร เหมือนจะรออีกฝ่ายอยู่ด้วยซ้ำ
“มาแล้วหรอ ชางมินรอนายอยู่พอดีเลย”
“ครับ”มินโฮรับคำสั้นๆ ก่อนจะเดินตามร่างสูงของรุ่นพี่เข้าไปด้านใน
“อยู่ตรงนู้นน่ะ ...ชางมินอ่า เดี๋ยวฉันกลับก่อนนะ”พยักเพยิดบอกทางก่อนจะตะโกนบอกคนที่กำลังแต่งตัวอยู่หน้าล็อกเกอร์หมายเลข189
“อื้ม เรื่องที่ให้ช่วย ฝากด้วยนะยุนโฮ”ใบหน้าหวานๆหันกลับมาตอบ แล้วยิ้มหวานส่งให้ มินโฮได้แต่มองคนนั้นทีคนนี้ทีรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนนอก ไม่เข้าใจในสิ่งที่ทั้งสองคุยกันสักนิด ยุนโฮออกไปแล้ว ทั้งห้องมีเพียงความเงียบไม่มีใครพูดอะไร ชางมินแต่งตัวเสร็จแล้วแต่ยังยืนอยู่ที่หน้าล็อกเกอร์ไม่ได้ขยับไปไหน ไม่รู้ว่าทำอะไร มินโฮก็ทำอะไรไม่ถูกจึงเลือกที่จะลงตรงม้านั่ง แล้วมองด้านหลังของคนที่กำลังก้มๆเงยๆจัดเก็บของในล็อกเกอร์
ชางมินปิดล็อกเกอร์แล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ามินโฮ เสื้อนักเรียนสีขาวที่มินโฮคิดว่าชางมินสวมมันเรียบร้อยแล้วนั้นติดกระดุมเพียงสองเม็ดตรงกลาง มินโฮกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ถึงแผ่นอกและหน้าท้องที่โผล่มาให้เห็นไม่ได้ขาวใสแต่ก็ชวนลูบไล้ ลอยเด่นอยู่ตรงหน้า ใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มอยู่ตลอดของชางมินดูจะยิ้มมากขึ้นมากไปอีกที่เห็นท่าทางของอีกฝ่าย
ตาคมไม่ละออกจากแผ่นอกที่ลอยยั่วตรงหน้าจนลืมไปว่า ที่ตัวเองมานั่งอยู่ตรงนี้เพราะอะไร ชางมินจึงยื่นมือเข้าไปก่อนจะใช้นิ้วเรียวแตะที่แก้มอีกฝ่าย มินโฮสะดุ้งเล็กน้อย รีบเงยหน้าขึ้นมองคนที่เอาแต่ยิ้มอย่างรู้ตัวว่าตัวเองเผลอทำอะไรลงไป
“รุ่นพี่ช่วยถามผมอีกครั้งได้มั้ยครับ”
“เอ๋”
“รุ่นพี่มาเพื่อต้องการคำตอบไม่ใช่หรือครับ ถ้าอย่างนั้นผมรบกวนให้รุ่นพี่ช่วยถามผมอีกครั้งได้มั้ย”มินโฮทำหน้างงกับคำขอ ชางมินจึงอธิบายให้คนตรงหน้าเข้าใจ มินโฮกุมมือเรียวของชางมินที่ยังคงแตะไล้เบาอยู่ที่ข้างแก้มของตัวเองเอาไว้
“...พี่ชอบชางมินนะครับ ถ้าหากชางมินยังไม่มีใคร ชางมินจะว่ายังไงถ้าพี่จะขอคบกับเรา”น้ำเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยคำขอคบ พร้อมแววตาอ้อนวอนขอความเห็นใจส่งให้กับคนที่รอฟังคำถาม
“ถ้าหากว่าผมมีใครแล้ว รุ่นพี่จะไม่มีวันได้มานั่งอยู่ตรงนี้ และจะไม่มีวันได้ทำแบบนี้กับผมแน่นอน”ใบหน้าหวานค่อยโน้มลงก่อนจะประทับจูบเบาๆลงบนกลีบปากของอีกฝ่ายเพื่อตอบแทนคำถามทั้งหมด ละออกมาเพียงชั่วครู่แล้วประทับลงไปใหม่บดคลึงคล้ายเว้าวอน มินโฮจูบตอบก่อนจะปรับเปลี่ยนองศาเพื่อให้จูบได้แนบแน่นยิ่งขึ้น จากจูบหวานๆเนิบนาบกลายเป็นที่ร้อนขึ้น มินโฮรั้งชางมินให้นั่งลงบนตักของตัวเองแล้วกอดเอาไว้ ชางมินสอดมือไปไรผมที่เริ่มยาวละต้นคอของมินโฮ
ในช่วงเวลาที่ทั้งสองดำดิ่งจมลึกไปกับจูบรสหอมหวาน มินโฮที่เคลิ้มไปกับจูบหวานๆกับสัมผัสเบาๆคล้ายขับกล่อมที่ท้ายทอย ไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่ากำลังถูกผลักให้เอนไปด้านหลัง รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่แผ่นหลังสัมผัสกับม้านั่งตัวยาว ตาที่กำลังหลับพริ้มลืมขึ้นทันที ก่อนจะผลักไหล่ของคนที่กำลังคร่อมตัวเองไว้ให้ออกห่างเพราะตกใจกับท่าทางที่เปลี่ยนของอีกฝ่าย
แม้แต่แรงขืนตัวของคนที่ตัวเองคิดว่าไม่น่าจะมีมากขนาดนี้ ยิ่งแรงกดตรงหัวไหล่ทั้งสองข้าง ที่มากจนมินโฮขยับตัวแทบไม่ได้ มินโฮหน้ารุ่นน้องที่ตัวเองเพิ่งสารภาพรักอย่างไม่เข้าใจ อยากจะถามแต่เมื่อมองเห็นรอยยิ้มสดใสที่ตัวเองเคยหลงรัก เปลี่ยนไป กลายเป็นรอยยิ้มที่ดูยังไงก็น่ากลัว
“ทำไมมองผมแบบนั้นล่ะครับ พี่มินโฮ”ชางมินถามคนที่กำลังตื่นกลัวด้วยน้ำเสียงเดิมๆอย่างแสร้งตัดพ้อ
“...ท...ทำไม...”กว่าจะหาเสียงของตัวเองเจอ แต่เสียงที่ส่งออกไปก็เบาจนแทบไม่ได้ยิน หากคนฟังไม่ได้อยู่ขนาดนี้
“...ชู่วว อย่าเพิ่งถามอะไรเลยครับ หลังจากนี้ผมจะบอกพี่เอง”พูดจบก็โน้มหน้าลงไปอีกครั้ง เป้าหมายคือริมฝีปากสีสวยแต่คนที่นอนทอดตัวอยู่คงจะทันจึงเบี่ยงหน้าหลบ ปากและจมูกโด่งจึงตกลงบนแก้มแทน แต่ถึงจะพลาดแต่ปากหยักก็เลือกที่จะกดจูบและจมูกก็ทำหน้าที่สูดกลิ่นหอมของคนที่เพิ่งอาบน้ำ ก่อนจะไล้ลงไปที่ซอกคอกดจูบและดูดดุนจนมันขึ้นรอย
เมื่อรู้ว่ากำลังถูกทำอะไรมินโฮยิ่งเพิ่มแรงดิ้นให้มากขึ้น แต่ไหล่ที่ถูกกดเอาไว้ก็ทำให้ขยับลำบาก ชางมินละมือข้างหนึ่งจากการกดไหล่ เพื่อรุกรานร่างกายส่วนอื่น เริ่มจากปลดกระดุมเสื้อนักเรียนสีขาวออกและดึงทึ้งให้หลุดออกร่างของคนนอนทอดตัวอยู่ มินโฮก็พยายามยื้อแย่งเสื้อตัวเองเอาไว้ให้มันอยู่ที่เดิม เพราะเป็นที่มีขนาดตัวไม่ต่างกันมากถึงชางมินจะมีแรงมากกว่า แต่ถ้ามินโฮยังดิ้นไม่หยุดอยู่แบบนี้ จะทำอะไรต่อก็ลำบาก ชางมินจึงออกแรงกดข้อมือทั้งสองข้างของมินโฮไว้ แล้วดึงเสื้อที่ถูกปลดกระดุมครบทุกเม็ดขึ้นมามัด
“...ช...ชางมิน พี่...พี่ว่ามันไม่ค่อยถูกนะแบบนี้”
“ไม่ถูก?? ยังไง”ชางมินชะงักหน้าที่กำลังจะก้มไป แล้วมองคนท้วงที่ตอนนี้ดูจะกลัวเอามากๆ ตากลมโตหลุกหลิกอย่างคนกำลังใช้ความคิด
“ก็...ก็แบบนี้ไง ที่ชางมินทำมันผิดนะ”คนหาทางเอาตัวรอดเพราะยังไงก็คงสู้ไม่ไหวพยายามพูดให้อีกคนเห็น
ตาม
“ผิดตรงไหน??”
“ตรงโพซิชั่น! มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ”
“หึ ฮ่าๆ แล้วพี่คิดว่าผมจะยอมให้พี่กดง่ายๆหรือไง”ทั้งที่เก๊กดุอยู่นานสองนานชางมินก็ต้องหลุดขำเพราะมันผิดโพซิชั่น!
ถึงจะอยากจับกดคนที่นอนน้ำตาคลอเบ้าเพราะกลัวถูกเค้าปล้ำมากขนาดไหน แต่ตอนนี้ชางมินก็คงหมดอารมณ์แล้ว คนอะไรแม๊นแมนมาตลอดแต่กลับจะร้องไห้เพราะมันผิดโพซิชั่น
ชางมินดึงมินโฮให้ลุกขึ้นนั่งก่อนจะแก้เสื้อที่มัดข้อมืออยู่ออกให้ ผิวเนื้อที่ขาวกว่าของตัวเองนิดหน่อย แดงเป็นรอยให้เห็นจางๆ “เจ็บมั้ย??”เสียงที่เคยหวานเพราะถูกดัดกลายเป็นเสียงทุ้มที่ถามเป็นเพราะความเป็นห่วง มินโฮส่ายหัวน้อยๆแทนคำตอบที่บอกว่าไม่เจ็บ ชางมินเงยจากรอยแดงขึ้นมามองคนที่ไม่เคยรู้ตัวว่าน่ารักแทน
“ดีแล้ว เฮ้อ งั้นผมไปอาบน้ำก่อนนะ ตั้งแต่ซ้อมเสร็จยังไม่ได้อาบน้ำเลยอ่ะกะว่าจะกอดพี่ซักรอบก่อนค่อยอา”
“......!?......”
“อ่อ แล้วไม่ต้องพยายามหนีนะ ที่นี่ออกได้แค่ประตูทางเดียว แล้วตอนนี้มันก็ล็อกอยู่”พูดจบก็เดินไปที่ล็อกเกอร์ของตัวเองแล้วเริ่มถอดเสื้อผ้าออกแล้วยัดมันเข้าไปในล็อกเกอร์ลวกๆ แล้วหยิบผ้าเช็ดมาพันเข้ากับเอวก่อนจะเดินผิวปากเข้าไปในส่วนของห้องอาบน้ำ
มินโฮมองตามหลังชางมินไป จนแน่ใจแล้วว่าชางมินจะยังไม่ออกมาเร็วๆนี้แน่ จึงรีบปรี่ไปที่ประตู แล้วก็จริงอย่างที่อีกฝ่ายบอกไว้ประตูถูกล็อกจากด้านนอก คนข้างในพยายามให้ตายยังไงก็เปิดไม่ออก แต่ถึงรู้อย่างนั้นมินโฮก็ยังไม่เลิกพยายาม โดยไม่รู้ว่าคนที่ตัวเองพยายามหนีน่ะมายืนอยู่ข้างหลังนานแล้ว
“ก็บอกแล้วว่ามันล็อก ทุบแบบนั้นเดี๋ยวก็เจ็บมือหรอก”
“เฮ้ย!!”ไม่รู้ว่ากลายเป็นคนขวัญอ่อนตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่คนมาเงียบๆก็ทำเอาคนกำลังระแวดระวังอยู่ตกใจจนถอยไปชิดประตู
“ม...มาได้ไงอ่ะ ไหนบอกไปอาบน้ำ”
“ก็เสียงใครล่ะทั้งดึงทั้งทุบประตูดังขนาดนั้น ไม่ได้ยินก็หูหนวกแล้ว”
“อ...อือ จะไม่ทำเสียงดังแล้ว ไป ไปอาบน้ำไป”มือเรียวผลักอกคนที่มีแค่ผ้าขนหนูพันรอบเอวให้ออกห่าง เพราะว่ามันใกล้เกินไปจนเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัยกับตัวเองแล้ว
“อืมม ผมว่า...พี่ไปอาบน้ำกับผมอีกรอบดีกว่าป่ะ”พูดจบแขนยาวก็เกี่ยวเข้าเอวกับคนที่อ้าปาก
ค้างตาโตแล้วออกแรงลาก
“อ๊ากกก ไม่เอาว้อย ปล่อยๆๆๆ”
ถึงร้อง ดิ้น และโวยวายแค่ไหน แต่ตอนนี้ชเวมินโฮก็ได้มายืนอยู่ในห้องอาบน้ำห้องเดียวกับชิมชางมินจนได้ ชเวมินโฮสาบานได้ว่าที่ยืนก้มหน้ามองเท้าตัวเองไม่ได้เขินมัน! แต่ไม่กล้ามองหน้ามันกลัวมันบ้าขึ้นมาอีก ไอ้เด็กนี้มันยิ่งตัวบางหลอกตาอยู่ พอถอดเสื้อแม่ง มันไปสรรหากล้ามมาจากไหนวะ!
“มินโฮ ยืนอยู่ตรงนั้นจะอาบได้ไง มายืนตรงนี้”
“ย๊า!! ฉันแก่กว่านายนะอย่ามาเรียกชื่อห้วนๆเซ่!”
“เราเป็นแฟนกันแล้วนะ เรียกก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน”
“ฉันไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกับนายสักหน่อย ฉันขอน้องชางมินต่างหาก นายเอาน้องชางมินของฉันคืนมาเดี๋ยวนี้เลย!”ทวงเสร็จยังแบมือพร้อมกระดิกนิ้ว แหม...ทำยังกับว่ามันวางลงบนมือแล้วจะได้คืน
“มาอาบน้ำก่อนแล้วจะคืนให้”ชางมินส่ายหน้าอ่อนใจกับคำขอนั่น จะลากคุณแฟนให้มาอยู่ใต้ฝักบัวด้วยกัน แล้วเปิดก๊อกให้สายน้ำไหลกระทบผิวกายของทั้งตัวเองและอีกคน
“อ่ะนี่สบู่ ทนกลิ่นมันหน่อยแล้วกัน มีแต่พวกสบู่ฆ่าเชื้อ”ชางมินกดครีมอาบน้ำสีเขียวลงบนฝ่ามือให้มินโฮ
“อือ ไม่เป็นไร”มินโฮไม่ได้ใส่ใจกับกลิ่นของสบู่มากนักเพราะที่ชมรมบาสเองกลิ่นก็คล้ายๆกันแค่ไม่แรงขนาดนี้เท่านั้นเอง
เพราะตอนนี้เวลาเกือบจะหนึ่งทุ่มแล้ว ทั้งชางมินและมินโฮจึงต้องรีบอาบให้เสร็จถึงจะเป็นนักกีฬาแต่ไม่ใช่ว่าจะเจ็บป่วยไม่ได้ ดังนั้นชางมินจึงไม่ได้คิดแกล้งอะไรมินโฮอีก ยกเว้น ตอนที่มินโฮหันบั้นท้ายสวยๆมากระแทกตาเขาอ่ะนะ
หมับ
“อ้ะ เฮ้ยย จะทำอะไรวะ!”แรงกอดจากด้านหลังทำเอามินโฮสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะเหลียวหันกลับมาแล้วพยายามทั้งผลักทั้งดันไอ้เด็กแรงควายให้ถอยห่างจากตัวเอง แต่แขนที่กอดรอบเอวเอาไว้ก็รัดแน่นจนดิ้นไม่หลุด
แผ่นหลังขาวแนบชิดไปกับแผ่นอกกว้าง ซอกคอที่เพิ่งผ่านการฟอกด้วยสบู่กลิ่นฉุนแต่มันไม่อาจกลบกลิ่นหอมเฉพาะตัวได้กำลังถูกรุกรานจากริมฝีปากหนา จูบซับหยาดน้ำที่เกาะจนทั่วลำคอขาว ก่อนจะลากไล้มาที่ใบหูขบเม้มสร้างความปั่นป่วนแปลกๆให้จนคนที่ได้รับมันต้องครางอือ
“อื้อ..อ..ป..ปล่อย”
มือข้างหนึ่งลูบวนหน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อสวยแล้วลากลงสู่เบื้องล่าง ปัดผ่านแกนกายแล้วกอบกุมเอาไว้ ขยับมือเบาๆเป็นการปลุกเร้าอารมณ์
“มินโฮ~”
“อ๊ะ....อื้ออ...ป...ป ล่อย...ย...อย่า...อา...”
เสียงทุ้มหวานร้องห้ามกระท่อนกระแท่นไม่เป็นคำสลับกับครางเครือ มือเรียวจับข้อมือหนาให้หยุดขยับ อีกข้างเอื้อมไปด้านหลังคอยผลักให้ร่างสูงออกห่าง เมื่อถูกรุกหนักเข้าแรงห้ามที่มีอยู่น้อยนิดก็หมดไป ขาเรียวแทบทรงตัวไม่อยู่จนต้องทิ้งตัวไปด้านหลังปล่อยให้ชางมินประคองตัวเองไว้ทั้งหมด
มือหนาเริ่มชักรูดแท่งร้อนขึ้นลงเป็นจังหวะ จากเนิบนาบในตอนแรกก็เริ่มความเร็วขึ้นจนคนที่ถูกมอบสัมผัสวามให้หลุดเสียงครางหวานออกมาให้ได้ยิน
“ช...ชาง..มิ น...อ๊าาา..”ส่วนปลายของแท่งร้อนมีน้ำปริ่ม ร่างกายมันร้อนไปหมด ความปวดหนึบแล่นริ้วไปทั่วแกนกายเพราะใกล้ถึงฝั่งฝันเต็มที มือหนาขยับอีกไม่กี่ครั้งน้ำรักสีขาวขุ่นก็พุ่งทะลักออกมาเต็มมือ อกบางกระเพือมขึ้นลงตามจังหวะการหอบหายใจ
ชางมินกดจูบหัวไหล่มนสองสามครั้งก่อนจะจับมือบางทั้งสองข้างยันไว้กับผนังห้องอาบน้ำ จับเรียวขาแยกกว้าง นิ้วยาวถูกส่งเข้าไปสำรวจช่องทางแคบ
“..อึ่ก..เ จ็บ...”มินโฮผวากับความเจ็บจากสิ่งแปลกปลอมที่ค่อยๆผลุบหายเข้าไปในร่างกายทีละน้อย มินโฮหลับตาแน่นเมื่อนิ้วเรียวที่สอดใส่ขยับเร็วขึ้น หมุนวนหาจุดกระสันที่ซ่อนอยู่ภายใน แล้วนิ้วที่สองและสามก็ค่อยๆแทรกตามเข้าไป
“ฮ้า...อ่ะ...พ อ...หยุดเถอะ...”เสียงหวานครางสลับกับขอให้หยุด แต่อารมณ์ของร่างสูงมาไกลเกินกว่าจะหยุด ชางมินถอนนิ้วออก จับสะโพกมนไว้ให้ได้ระดับ จับส่วนแข็งขืนของตนจ่อเข้าที่ช่องทางคับแคบ
“หายใจลึกๆ อย่าเกร็งจะได้ไม่เจ็บ”เสียงทุ้มเอ่ยบอกแล้วกดจูบที่ขมับของคนที่ตัวสั่น
“อ๊า!!!”ร่างบางร้องลั่นเมื่อร่างสูงค่อยๆกดท่อนเนื้อร้อนเข้าไปจนสามารถเข้าไปได้ทั้งหมด ความเจ็บที่แล่นริ้วขึ้นตามไขสันหลัง เจ็บร้าวราวกับร่างกายนี้จะปริแตก เรียวขาสั่นจนยืนแทบไม่อยู่ ปลายเล็บจิกลงบนผนังสีขาวจนเจ็บ แต่มันก็เทียบไม่ได้กลับความทางด้านหลังสักนิด
“...อา~”ชางมินพรูลมหายใจออกมา ช่องทางตอดรัดและอุ่นร้อน รู้สึกดีสุดๆ
“..อ๊ะ...อื้ออ...อ๊าา..”มินโฮซบหน้าลงกับท่อนแขน เสียงครางสั้นยาวตามจังหวะที่กายท่อนล่างถูกกระแทกกระทั้น ความเจ็บยังคงรุมเร้า เสียงครางที่ร่างสูงได้ยินจึงปนเปไปกับเสียงสะอื้น ร่างสูงยึดสะโพกมนไว้แน่นก่อนจะลดแรงขยับให้นุ่มนวลขึ้น เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องทั่วห้องอาบน้ำที่ไร้ผู้คน มือหนากอบกุมส่วนอ่อนไหวรูดดึงเป็นจังหวะเร่งให้คนในอ้อมกอดปลดปล่อยเร็วขึ้น
“..อื้อออ....อ๊าาา..”ใบหน้าหวานเชิดสูง เสียงครางหวีดดังขึ้นเมื่อถูกกระตุ้นทั้งด้านและด้านหลัง ช่องทางร้อนตอดรัดแน่น ชางมินครางเสียงต่ำพึงใจกับความรูสึกสุขสมที่ได้รับ
“...อ๊าา...ฮ้าา..”เสียงหวานครางยาวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะกระตุกตัวเกร็ง ปลดปล่อยอารมณ์ออกมาเต็มมือหนา ชางมินเร่งขยับตัวให้เร็วขึ้นก่อนจะขยับอีกสองสามครั้งก็ฉีกน้ำรักเต็มช่องทางคับแคบ ชางมินปล่อยให้ตัวเองแช่ไว้โพรงร้อนสักพักก่อนจะถอนตัวออกมา
“รีบอาบน้ำกันดีกว่า อยู่ในนี้นานๆเดี๋ยวไม่สบาย”ชางมินประคองคนที่หมดแม้กระทั่งแรงยืนให้พิงผนังห้องอาบน้ำ แล้วรีบจัดการทำความสะอาดล้างตัวให้อย่างดี
เออ! เพิ่งจะรู้หรือไง น่าจะรีบตั้งนานแล้วไอ้เด็กบ้า!
เสร็จสิ้นกิจกรรมอาบน้ำมาราธอน มินโฮถูกประคองให้นั่งลงตรงมานั่งและก็เป็นชางมินที่ตามเก็บเสื้อผ้าของมินโฮที่ตัวเองเป็นถอดทิ้งตามรายทางไปห้องอาบน้ำ มาสวมคืนให้กับเจ้าของมัน ถึงมินโฮไม่อยากจะให้เจ้าเด็กแรงควายมาวุ่นวายกับร่างกายตัวเองอีก แต่จะขยับมากก็ไม่ได้
เจ็บก้นอ่ะ TT
“เจ็บมากเหรอ”ร่างสูงถามออกมาตอนที่กำลังกลัดกระดุมให้คนที่ยู่หน้าทุกครั้ที่ขยับ
“รอให้ฉันหาย แล้วนายมาลองโดนดูบ้างมั้ยล่ะ!”
“ก็ถ้ามินโฮกดผมลงได้ ผมยอมนะ”
“เฮ๊อะ วันนี้เพราะฉันไม่ทันได้ตั้งตัวต่างหาก ไม่งั้นนายไม่ได้แอ้มหรอก”
“ถ้างั้นวันนี้ก็ขอบคุณนะครับ ที่ให้ผมแอ้ม”
“นาย! ไอ้บ้า!”
แต่งตัวให้ทั้งเองและคนที่นั่งหน้าบูดเสร็จ ก็ทิ้งตัวลงนั่งข้างรุ่นพี่ที่ตอนนี้เปลี่ยนสถานะมาเป็นแฟนตัวเองแล้ว แต่อีกคนดูจะไม่อยากอยู่ใกล้ตัวอันตรายสำหรับตัวเองเท่าไหร่ พอร่างสูงนั่งลงปุ๊บ มินโฮก็ค่อยๆเขยิบออกห่าง ชางมินกลั้นหัวเราะให้กับท่าทางระแวงนั่น
“นี่นาย ที่...ที่ฉันถามตอนนั้นอ่ะ”
“ที่ขอเป็นแฟนนะเหรอ”
“ไม่ใช่~ ตอน...ตอนนั้นอ่ะ ที่ฉันถามว่าทำไมน่ะ”ชางมินทำหน้าคิดสักพักก่อนจะร้อง อ๋อ ออกมา
“ผมแค่จะบอกว่า ไม่ใช่แค่มินโฮคนเดียวหรอกที่แอบมอง ผม...ก็มองมินโฮอยู่เหมือนกัน”เหมือนคำสารภาพรักกลายๆ ยิ่งมองเข้าไปในแววตาที่แน่วแน่ของชางมิน ผู้ชายแมนๆอย่างชเวมินโฮก็หวั่นไหวได้เหมือนกันนะ
“.......................”
“ตอนแรกกะว่าจะให้ยุนโฮช่วยคิดแผนสารภาพรัก แต่พอดีมินโฮดันเข้าสารภาพรักกับผมก่อน แผนมันเลยเปลี่ยนนิดหน่อย”
“...เอ๋...”
“เพราะแผนเปลี่ยนนิดหน่อย มินโฮถึงได้มานั่งอยู่ตรงนี้ไง”ชางมินพูดยิ้มๆก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปจุ๊บปากคนที่นั่งทำตาโตเบาๆ
“อ๊ะ...ไอ้เด็กบ้า! เอาน้องชางมินของฉันคืนมาเลยนะ!”มินโฮผลักชางมินออกแล้วถอยให้ห่างออกมาอีกนิด ก่อนจะเริ่มทวงแฟนตัวจริงของตัวเองคืน
“มินโฮอยากได้คืนจริงๆเหรอ....งั้น...”ชางมินยื่นข้อเสนอด้วยการเอียงหน้าแล้วจิ้มที่แก้มตัวเอง
“จุ๊บตรงนี้สักที ผมจะคืนให้มินโฮก็ได้”
“จริงนะ”ถึงจะอยากได้น้องชางมินคนสวยคืนแค่ไหน แต่กับหมอนี่ก็ไว้ใจไม่ค่อยได้ จึงต้องถามเพื่อความแน่ใจก่อน
“อื้ม แต่ถ้ามินโฮช้าผมอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้”คนเป็นต่อก็ลอยหน้าลอยตาพูด แม้จะมองเห็นสีหน้าลำบากใจของมินโฮ แต่ชางมินก็ยังอยากแกล้งอยู่ดี
จุ๊บ!
เบาและเร็วจนคนถูกจุ๊บแทบไม่รู้สึก แต่ก็เอาเถอะยังไงวันนี้ก็ได้กำไรมาเยอะแล้ว จะยอมให้สักครั้งแล้วกัน
“ทำแล้ว ที่นี้ก็คืนมาเร็วๆเลย”มินโฮจ้องอีกฝ่ายตาเขม็งกลายๆบังคับให้รีบๆคืนสุดที่รักของตัวเองมาซักที
“ครับ...ชางมินอยู่นี่ครับพี่มินโฮ”
“......................”
ชางมินรักพี่มินโฮนะครับ”
- / / / / / / -
FIN.
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ