CHANGMINHO AGORA
10.0
เขียนโดย AGORAROMIA
วันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 10.33 น.
5 session
0 วิจารณ์
11.47K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2556 14.26 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
4) [SF] My Immortal
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความTitle : My Immortal
Couple : Changminho
Genre : Romantic Drama
Author : winx
แสงแดดที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา ปลุกให้คนขี้เซางัวเงียตื่นขึ้นมาในตอนสายของวันหยุดแสนสบาย ร่างสูงยันกายขึ้นนั่งบิดกายไล่ความขี้เกียจสองสามที ก่อนจะลุกจากที่นอนอุ่นๆ ที่มันจะอุ่นยิ่งกว่าหากใครคนนั้นยังคงนอนอยู่ข้างๆกันภายใต้ผ้าห่มผืนหนา ปากหยักยกยิ้มเมื่อคิดถึงคนที่ตื่นแต่เช้าเป็นนิสัย ตอนนี้คงกำลังเตรียมอาหารเช้าอย่างเช่นทุกวัน
"ชางมินตื่นรึยัง ข้าวเช้าเสร็จแล้วนะ"นั่นไงล่ะ เป็นที่คิดไว้จริงๆด้วย เสียงทุ้มหวานดังผ่านประตูมาก่อนเจ้าตัวเสียอีก เป็นอย่างนี้แทบทุกเช้า จนเป็นเรื่องคุ้นชินและคุ้นเคยที่ชางมินคิดว่าถ้าหากวันไหนที่เหตุการณ์แบบนี้หายไป เขาจะทำอย่างไร
"อ้าว ตื่นแล้วนี่ ทำไมยังไม่เก็บที่นอนอีกล่ะ เฮ้ออ ไปๆ ไปอาบน้ำเลย จะได้ทานข้าวกัน"คิ้วเรียวขมวดมุ่นทันทีที่เข้ามาภายในห้องนอนแล้วเห็นว่าคนที่เพิ่งตื่นยังไม่จัดการตัวเองให้เรียบร้อยทั้งที่มันก็สายมากแล้ว แต่ถึงปากจะบ่นแต่มือเรียวก็เริ่มจัดเก็บเตียงที่ใช้ร่วมกับอีกฝ่ายอยู่ดี
ชางมินยิ้มอีกครั้งให้กับภาพตรงหน้า มินโฮเหมือนแม่บ้านเข้าไปทุกทีตั้งย้ายมาอยู่ด้วยกันเมื่อเกือบสามปีก่อน เขาชอบเวลาที่มินโฮบ่นแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคอยทำนู่นทำนี่ ดูแลเขาในทุกๆเรื่องมาตลอด มินโฮไม่ใช่คนขี้บ่นแต่เป็นเขาที่ชอบทำให้ร่างบางอดไม่ไหวต้องบ่นอยู่เป็นประจำ
"ยังจะมายืนยิ้มอยู่อีก ไปอาบน้ำเร็วๆเลย"เมื่อเห็นว่าคนที่ตัวเองไล่ให้ไปอาบน้ำนานแล้วยังมายืนทำหน้าหล่อไม่ไปไหนเสียที มินโฮจึงละมือจากกองผ้าห่มแล้วดันหลังร่างสูงให้เข้าห้องน้ำไป ชางมินหัวเราะชอบใจ การที่ได้เห็นคนรักทำหน้าแบบนี้ทุกเช้ามันก็เป็นความสุขอีกอย่างหนึ่งเหมือนกันนะ
ก็เวลาที่มินโฮบ่นน่ะ มันน่ารักน้อยซะที่ไหน
"อย่าลืมโกนหนวดด้วยนะ!"มินโฮตะโกนบอกหลังจากจัดการยัดคนตัวโตเข้าห้องน้ำไปได้เรียบร้อยแล้ว
ชางมินลงมือโกนหนวดที่เริ่มยาว เพราะเขาชอบแกล้งคนรักด้วยการซุกหน้ากับซอกคอขาวๆนั่นแล้วถูไรหนวดไปตามลำคอจนมันขึ้นรอยแดงนั่นแหละ มินโฮเลยสั่งให้เขาโกนมัน แม้จะเสียดายนิดๆที่ต้องโกนทิ้งเพราะเขายังแกล้งมินโฮไม่หนำใจ แต่ไม่เป็นไรเขายังมีวิธีอื่นเอาไว้แกล้งคนรักอีก
ชางมินใช้เวลาจัดการกับตัวเองไม่นาน ก่อนจะย้ายตัวเองออกมาจากห้องนอน แล้วเดินตรงไปยังส่วนของห้องครัว ร่างสูงยืนมองคนรักที่กำลังสาละวนจัดอาหารหน้าตาน่าทานลงจานที่เตรียมไว้อย่างตั้งอกตั้งใจ แม้แต่มินโฮในแบบนี้เขาก็ชอบ จะว่าไปไม่ว่ามินโฮในแบบไหนๆเขาก็ชอบทั้งนั้น ไม่ว่าจะยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ งอแงเหมือนเด็ก เอาแต่ใจ หรือจะขี้บ่นมากแค่ไหน ชางมินก็ยังคงรักคนๆนี้เหมือนเดิมและดูจะเพิ่มขึ้นในทุกๆวันด้วยซ้ำไป
ชางมินเดินเข้าไปเงียบๆไม่ให้คนที่ง่วนกับจานอาหารได้ทันรู้ตัว แล้วรวบเอวบางเข้ามากอดไว้หลวมๆ ซบหน้ากับลาดไหล่บาง ฉวยโอกาสกดจูบที่ซอกคอหอมเบาๆ
"วันนี้มีอะไรกินบ้าง หื้ม"มินโฮสะดุ้ง แต่ไม่ได้ตกใจเพราะมินโฮคุ้นเคยกับสัมผัสนี้เป็นอย่างดี
"อ๊ะ อาบเสร็จแล้วเหรอ"คนในอ้อมกอดหมุนตัวกลับมาถาม มินโฮยกมือซ้ายที่ว่างจากการถือจานขึ้นลูบใบหน้าคม ที่ตอนนี้สะอาดเกลี้ยงเกลาปราศจากไรหนวดตามที่ตัวเองสั่ง "อื้ม โอเค ใช้ได้" รอยยิ้มสวยถูกมอบให้ ก่อนที่แขนเรียวจะเลื่อนขึ้นโอบรอบคอแกร่งแล้วริมฝีปากนุ่มก็กดจูบที่ปลายคางของร่างสูงเบาๆเป็นการให้รางวัล
"อย่ามาทำตัวน่ารักสิ เดี๋ยวก็ไม่ได้ออกไปไหนกันพอดี"มือหนาลูบไล้เอวบางเบาๆ สื่อความหมายของคำพูด
"งั้นนายก็ปล่อยสิ จะได้ทานข้าวสักที"มินโฮเบี่ยงตัวหลบใบหน้าคมที่นอกจากมือจะเริ่มซน จมูกโด่งก็ซุกไซ้ไปตามเรียวคอขาว
ชางมินเดินตามมินโฮไปนั่งลงที่โต๊ะอาหาร มองอาหารสองสามอย่างที่วางอยู่ตรงหน้าแล้วยิ้มออกมา "อะไรของนาย ยิ้มอยู่ได้" มินโฮถามอย่างอยากรู้จริงๆเพราะตั้งแต่ที่ชางมินตื่น เขายังไม่เห็นว่าชางมินจะหุบยิ้มสักที "ขอบคุณนะ"คำขอบคุณที่หลุดออกแบบไม่มีที่มาที่ไปทำคนฟังทำหน้างงไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการสื่อ
"ขอบคุณ? ฉัน?"
"อืม นายนั่นแหละ"
"ขอบคุณทำไม"
"ขอบคุณที่ดูแลฉัน แล้วก็รักฉันไง"ร่างสูงอธิบายพร้อมกับรั้งคนรักเข้ามาใกล้ กุมมือเรียวเอาไว้แล้วจุมพิตลงบนฝ่ามือทั้งสองข้างแทนคำขอบคุณ
"คิดยังไงมาทำโรแมนติกตอนนี้ หื้ม"มือเรียวบีบมือหนาเบาๆ ยิ้มรับความอ่อนโยนที่คนรักมอบให้
"คิดว่าฉันรักนายไง"ตาคมสบกับตากลมโต ก่อนคำพูดแสนหวานไม่ต่างกันจะถูกเอ่ยออกมา
"ฉันก็รักนายชางมิน"
มื้อแรกของวันจบลงด้วยบรรยากาศหวานๆ ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกไปทำตามแพลนที่วางไว้สำหรับวันหยุดนี้ เริ่มจากดูหนัง ก่อนจะไปช้อปปิ้ง ตลอดเวลามีแต่เสียงหัวเราะและรอยยิ้ม ไม่บ่อยนักที่ทั้งคู่จะได้มาเดทแบบนี้ แต่ทั้ง ชางมินและมินโฮก็ได้สนใจอะไรนัก เพราะขอแค่ยังมีกันและกันอยู่ข้างๆไม่ว่าที่ไหนก็เป็นที่ที่พิเศษเสมอ
อีกสามวันจะเป็นวันครบรอบสามปีที่ชางมินกับมินโฮย้ายมาอยู่ด้วยกัน ชางมินวางแผนคร่าวๆไว้แล้ว รวมทั้งของที่เตรียมไว้เซอไพรส์คนรัก ชางมินคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่เขาควรจะพูดคำๆนี้เสียที ชางมินยิ้มกว้างเมื่อจินตนาการถึงวันนั้น นึกไปว่าเมื่อมินโฮได้ยินจะทำหน้าแบบไหน จะเขินจนหน้าแดงหรือร้องไห้ไปเลยนะ ชางมินมั่นใจว่าอีกสามวันข้างหน้าจะเป็นวันที่เขาและมินโฮมีความสุขที่สุด
แล้ววันที่หัวใจสองดวงรอคอยก็มาถึง 15 พฤศจิกายน ครบรอบสามปีที่ชางมินกับมินโฮเริ่มต้นใช้ชีวิตด้วยกัน ชางมินได้จองโต๊ะที่ร้านอาหารที่มินโฮชอบไว้สำหรับดินเนอร์มื้อพิเศษ ที่ชางมินเลือกร้านนี้ไม่ใช่แค่เพราะเป็นร้านโปรดของคนรัก แต่มันยังสะดวกสำหรับมินโฮที่มักจะเลิกงานช้าเสมอ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินไปไกล ชางมินมาถึงสถานที่นัดหมายได้สักพักแล้ว เขาเลือกที่จะยืนรอมินโฮอยู่หน้าร้าน คอยยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลาแทบจะทุกนาที ชางมินก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร รู้แค่ว่าถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคนคนนี้ หัวใจของเขามักจะเต้นแรงอยู่เสมอ
เหมือนกับวันแรกที่เราได้พบกัน
โทรศัพท์เครื่องเล็กที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงสั่นเตือนเจ้าของว่ามีสายเข้า มือหนาล้วงโทรศัพท์ออกมาดู ก่อนจะยิ้มกว้าแล้วรีบกดรับ
"ว่าไง เลิกงานหรือยัง"
"ฉันอยู่ฝั่งตรงข้ามนี่เอง เห็นมั้ย"ชางมินรีบมองไปที่ฝั่งตรงข้ามทันที มินโฮที่ยืนถือโทรศัพท์แนบหูไว้ โบกมืออีกข้างให้ร่างสูงที่มองมา และในตอนที่สัญญาณไฟให้ข้ามถนนเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียว...
"...มิ น...ชา งมิ น...ชางมิน!!"เสียงหวานตะเบ็งเรียกเจ้าของชื่อ เพราะแจจุงทั้งเรียกทั้งเขย่าก็แล้ว ไม่มีทีท่าว่าคนที่นั่งเหม่อลอยอยู่จะรับรู้หรือตอบสนองต่อสรรพสิ่งใดๆรอบกายสักนิด ชางมินนั่งนิ่งๆอยู่บนโซฟาแบบนี้มาสามวันแล้ว ไม่ว่าใครจะพูดหรือเรียกสิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเงียบ ร่างสูงไม่พูดไม่คุย ไม่หือไม่อือ ไม่...แม้แต่จะทานหรือดื่มอะไรด้วยซ้ำ ตลอดสามวันที่ผ่านมาสิ่งที่ชางมินทำคือลูบแหวนเกลี้ยงที่ประดับอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของตัวเอง
ดวงตาคมที่ไม่ว่าใครที่ได้มอง คงยากที่จะละสายตาไปได้ บัดนี้คงเหลือไว้เพียงความแห้งแล้งในแววตา มีแค่เพียงความเลื่อนลอยไม่รู้จุดหมาย ความโศกเศร้าถูกถ่ายทอดออกมาจากแววตาคู่นั้น
ช่างขัดกับรอยยิ้มที่ติดอยู่บนใบหน้านั้นอย่างสิ้นเชิง
เมื่อจนใจไม่รู้จะทำอย่างไรจริงๆแล้ว แจจุงจึงหันไปมองคนรักที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างขอความเห็น ยุนโฮเพียงแค่บีบมือบางเบาๆอย่างให้กำลังใจ แล้วดึงเข้าไปกอดปลอบ ในตอนที่แจจุงคิดว่าจนปัญญาเสียงที่เปรียบดังน้ำหยดเล็กๆหลั่งรินลงบนต้นกล้าแห่งความหวังก็ดังขึ้น
"...แจจุง..."เสียงแรกคำพูดแรกในรอบสามวันที่เขาคอยอยู่มาแล้ว มันมาแล้ว แจจุงรีบเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของตัวเองลวกๆ แล้วฉีกยิ้มให้น้องชาย แต่ยิ้มกว้างๆกลับต้องหุบลง "...หิว...มินโฮทำกับข้าวเสร็จหรือยัง" น้ำตาเม็ดเล็กที่เพิ่งเลือนหายกลับค่อยๆไหลลงมา แจจุงโผเข้ากอดน้องชายแน่น เสียงสะอื้นที่ดังอยู่ข้างหูไม่ทำให้ชางมินรับรู้อะไร แจจุงไม่รู้ว่าในหัวของชางมินตอนนี้มีเรื่องราวอะไรอยู่ข้างใน แต่ละวันที่ผ่านมาชางมินอยู่ด้วยความคิดแบบไหน อยู่ด้วยความรู้สึกอย่างไร
พระเจ้าท่านช่างใจร้ายเกินไป เล่นตลกกับหัวใจของมนุษย์แบบนี้ ถ้าวันนั้นตอนที่มินโฮกำลังข้ามถนน ถ้ารถที่วิ่งมาคนขับไม่คึกคะนองเพราะถนนที่ค่อนข้างไร้ผู้คน จนขับรถฝ่าไฟแดง วันนี้...เขาคงยืนอยู่ในงานแต่งงานที่มีเจ้าบ่าวรูปหล่อและเจ้าสาวที่น่ารักกำลังฉีกยิ้ม
ไม่ใช่งานศพ ที่มีคนรักของน้องชายเขานอนหลับอย่างไม่มีวันตื่นอยู่ใต้พื้นดินอย่างนี้!!
เรื่องอุบัติเหตุแจจุงรู้อะไรไม่มากนัก แต่เรื่องที่ชางมินเตรียมขอมินโฮแต่งงานแจจุงรู้ดี คงเพราะความตื่นเต้นชางมินจึงคอยเล่าและถามเขาอยู่เสมอว่าทำแบบนั้นดีแล้วหรือยัง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข ไม่ว่าจะคิดยังไงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสามวันที่แล้วเขาก็ยังไม่อยากเชื่ออยู่ดี
ในตอนที่แจจุงไปถึงโรงพยาบาล หน้าห้องฉุกเฉินชางมินอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหน เสื้อสูทเนื้อดีเต็มด้วยคราบเลือดสีแดง ในมือหนายังคงกำกล่องกำมะหยี่สีแดงเอาไว้แน่น แจจุงรีบเดินเข้าไปหาน้องชาย "ชางมิน!!" ชางมินหันกลับมาตามเสียงเรียก แววตาหวาดหวั่นปนหวาดกลัวก็ฉายชัดอยู่ในดวงตาคู่นั้น
มินโฮหายเข้าไปในห้องฉุกเฉินนานกว่าสองชั่วโมง ก่อนที่หมอจะออกมาพร้อมกับข่าวร้าย นับจากวินาทีนั้น ชิมชางมินคนเดิมก็ได้หายไป
เหลือเพียงชิมชางมินคนใหม่ที่มองว่าโลกใบนี้คือความว่างเปล่า เมื่อไม่มีชเวมินโฮ
งานศพเต็มไปด้วยเพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงานและญาติๆ คนมากมายที่มาร่วมงานไม่มีใครสามารถทำให้ชางมินเอ่ยปากพูดอะไรออกมาได้ ไม่เว้นแม้แต่พ่อแม่ของทั้งชางมินและมินโฮ ชางมินไม่มีน้ำตาไม่ร้องไห้ จนกระทั่งวันสุดท้ายที่จะได้มองดวงหน้าที่ตัวเองหลงรัก
วันนั้นชางมินยืนอยู่ข้างๆโลงสีขาวสะอาด ในมือถือช่อบูเก้สีขาวเขียวเป็นช่อดอกไม้แบบที่มินโฮชอบเอาไว้ ก่อนจะวางลงบนอกบางแล้วจับมือบางข้างขวาทับไว้มองดูคล้ายกับว่ามินโฮกำลังถือช่อดอกไม้อยู่ ก่อนจะเปิดกล่องกำมะหยี่สีแดงออก ข้างในกล่องมีแหวนสองวงวางคู่กันอยู่ ชางมินหยิบวงที่เล็กว่าอีกวงอีกออกมา และถือแหวนไว้ด้วยมือข้างขวา แล้วใช้มือข้างซ้ายจับมือบางข้างซ้ายอย่างทนุถนอม แล้วเอ่ยคำที่ไม่มีใครคิดว่าจะได้ยินในสถานที่นี้ และในงานงานแบบนี้
"แต่งงานกันนะมินโฮ"
"ไม่ว่าในยามสุขหรือยามทุกข์ ในวันที่สบายดีหรือเจ็บป่วย ฉันสัญญาว่าจะรักนาย อยู่เคียงข้างนาย จะไม่ทำให้นายเสียใจ ขอแค่นายรักฉัน...อย่างนี้ตลอดไป"
เป็นคำขอแต่งงานกึ่งคำสาบานในงานแต่ง ทั้งที่มีคนแวดล้อมอยู่มากมาย แต่ช่วงเวลานี้กลับเหมือนมีแค่ชางมินกับมินโฮเท่านั้น ในโลกที่มีแค่เขาสองคน
ชางมินสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของร่างบาง แล้วยกมือบางขึ้นจูบ ก่อนจะโน้มตัวลงไปจุมพิตเบาๆที่ริมฝีปากนิ่มที่ตอนนี้ซีดจางและเย็นชืด แต่ไม่ใช่กับชางมินที่ไม่ว่าจะเป็นยังไงเขาก็ยังรู้สึกว่ามันหอมหวานและอบอุ่นอยู่เสมอ จูบสุดท้ายที่หน้าผากมนก่อนที่ประตูจะปิดกั้นทั้งสองคนให้แยกจากกัน
"หลับฝันดีนะที่รัก"
แผ่นหินบนหลุมฝังศพสลักชื่อ "ชิมมินโฮ ผู้เป็นที่รักตลอดไป" เอาไว้อย่างปราณีต แม้จนถึงวันนี้วันเวลาเลยผ่านมานานนับปี แต่ชางมินกลับไม่เคยก้าวเท้ามายังที่แห่งนี้ ชีวิตแต่ละวันของร่างสูงในห้องสี่เหลี่ยมที่เคยอาศัยอยู่กับคนรัก ไม่ต่างจากเมื่อตอนที่มินโฮยังอยู่บนโลกใบนี้
จะต่างกันตรงที่ร่างสูงไม่รับรู้เรื่องราวใดๆนอกจากเรื่องราวที่เคยเกิดในภายในห้องแห่งเท่านั้น
Changminho’s love never end.
TALK :: สำหรับฟิคเรื่องนี้เราแต่งและลงในบอร์ดเด็กดีประมาณเดือนธันวาคม ปี 54
และประมาณเดือนมกราคมหรือกุมภาพันธ์เราไม่แน่ใจ มีข่าวคล้ายๆกับฟิคที่เราแต่ง
เราค่อนข้างตกใจ คือ ไม่คิดว่าในชีวิตจริง จะมีเรื่องอะไรแบบนี้อยู่ ตอนแรกเราไม่รู้แต่มีน้องทวิต
มาบอก เราก็แบบ เฮ้ย มันไม่ใช่แล้วอ่ะ เราผวาไปเลย
อย่างไรก็ดี เราก็ขอขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ หวังว่าฟิคของเราจะทำให้คนอ่านทุกคนยิ้มได้
ขอบคุณค่ะ ^^
Couple : Changminho
Genre : Romantic Drama
Author : winx
แสงแดดที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา ปลุกให้คนขี้เซางัวเงียตื่นขึ้นมาในตอนสายของวันหยุดแสนสบาย ร่างสูงยันกายขึ้นนั่งบิดกายไล่ความขี้เกียจสองสามที ก่อนจะลุกจากที่นอนอุ่นๆ ที่มันจะอุ่นยิ่งกว่าหากใครคนนั้นยังคงนอนอยู่ข้างๆกันภายใต้ผ้าห่มผืนหนา ปากหยักยกยิ้มเมื่อคิดถึงคนที่ตื่นแต่เช้าเป็นนิสัย ตอนนี้คงกำลังเตรียมอาหารเช้าอย่างเช่นทุกวัน
"ชางมินตื่นรึยัง ข้าวเช้าเสร็จแล้วนะ"นั่นไงล่ะ เป็นที่คิดไว้จริงๆด้วย เสียงทุ้มหวานดังผ่านประตูมาก่อนเจ้าตัวเสียอีก เป็นอย่างนี้แทบทุกเช้า จนเป็นเรื่องคุ้นชินและคุ้นเคยที่ชางมินคิดว่าถ้าหากวันไหนที่เหตุการณ์แบบนี้หายไป เขาจะทำอย่างไร
"อ้าว ตื่นแล้วนี่ ทำไมยังไม่เก็บที่นอนอีกล่ะ เฮ้ออ ไปๆ ไปอาบน้ำเลย จะได้ทานข้าวกัน"คิ้วเรียวขมวดมุ่นทันทีที่เข้ามาภายในห้องนอนแล้วเห็นว่าคนที่เพิ่งตื่นยังไม่จัดการตัวเองให้เรียบร้อยทั้งที่มันก็สายมากแล้ว แต่ถึงปากจะบ่นแต่มือเรียวก็เริ่มจัดเก็บเตียงที่ใช้ร่วมกับอีกฝ่ายอยู่ดี
ชางมินยิ้มอีกครั้งให้กับภาพตรงหน้า มินโฮเหมือนแม่บ้านเข้าไปทุกทีตั้งย้ายมาอยู่ด้วยกันเมื่อเกือบสามปีก่อน เขาชอบเวลาที่มินโฮบ่นแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคอยทำนู่นทำนี่ ดูแลเขาในทุกๆเรื่องมาตลอด มินโฮไม่ใช่คนขี้บ่นแต่เป็นเขาที่ชอบทำให้ร่างบางอดไม่ไหวต้องบ่นอยู่เป็นประจำ
"ยังจะมายืนยิ้มอยู่อีก ไปอาบน้ำเร็วๆเลย"เมื่อเห็นว่าคนที่ตัวเองไล่ให้ไปอาบน้ำนานแล้วยังมายืนทำหน้าหล่อไม่ไปไหนเสียที มินโฮจึงละมือจากกองผ้าห่มแล้วดันหลังร่างสูงให้เข้าห้องน้ำไป ชางมินหัวเราะชอบใจ การที่ได้เห็นคนรักทำหน้าแบบนี้ทุกเช้ามันก็เป็นความสุขอีกอย่างหนึ่งเหมือนกันนะ
ก็เวลาที่มินโฮบ่นน่ะ มันน่ารักน้อยซะที่ไหน
"อย่าลืมโกนหนวดด้วยนะ!"มินโฮตะโกนบอกหลังจากจัดการยัดคนตัวโตเข้าห้องน้ำไปได้เรียบร้อยแล้ว
ชางมินลงมือโกนหนวดที่เริ่มยาว เพราะเขาชอบแกล้งคนรักด้วยการซุกหน้ากับซอกคอขาวๆนั่นแล้วถูไรหนวดไปตามลำคอจนมันขึ้นรอยแดงนั่นแหละ มินโฮเลยสั่งให้เขาโกนมัน แม้จะเสียดายนิดๆที่ต้องโกนทิ้งเพราะเขายังแกล้งมินโฮไม่หนำใจ แต่ไม่เป็นไรเขายังมีวิธีอื่นเอาไว้แกล้งคนรักอีก
ชางมินใช้เวลาจัดการกับตัวเองไม่นาน ก่อนจะย้ายตัวเองออกมาจากห้องนอน แล้วเดินตรงไปยังส่วนของห้องครัว ร่างสูงยืนมองคนรักที่กำลังสาละวนจัดอาหารหน้าตาน่าทานลงจานที่เตรียมไว้อย่างตั้งอกตั้งใจ แม้แต่มินโฮในแบบนี้เขาก็ชอบ จะว่าไปไม่ว่ามินโฮในแบบไหนๆเขาก็ชอบทั้งนั้น ไม่ว่าจะยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ งอแงเหมือนเด็ก เอาแต่ใจ หรือจะขี้บ่นมากแค่ไหน ชางมินก็ยังคงรักคนๆนี้เหมือนเดิมและดูจะเพิ่มขึ้นในทุกๆวันด้วยซ้ำไป
ชางมินเดินเข้าไปเงียบๆไม่ให้คนที่ง่วนกับจานอาหารได้ทันรู้ตัว แล้วรวบเอวบางเข้ามากอดไว้หลวมๆ ซบหน้ากับลาดไหล่บาง ฉวยโอกาสกดจูบที่ซอกคอหอมเบาๆ
"วันนี้มีอะไรกินบ้าง หื้ม"มินโฮสะดุ้ง แต่ไม่ได้ตกใจเพราะมินโฮคุ้นเคยกับสัมผัสนี้เป็นอย่างดี
"อ๊ะ อาบเสร็จแล้วเหรอ"คนในอ้อมกอดหมุนตัวกลับมาถาม มินโฮยกมือซ้ายที่ว่างจากการถือจานขึ้นลูบใบหน้าคม ที่ตอนนี้สะอาดเกลี้ยงเกลาปราศจากไรหนวดตามที่ตัวเองสั่ง "อื้ม โอเค ใช้ได้" รอยยิ้มสวยถูกมอบให้ ก่อนที่แขนเรียวจะเลื่อนขึ้นโอบรอบคอแกร่งแล้วริมฝีปากนุ่มก็กดจูบที่ปลายคางของร่างสูงเบาๆเป็นการให้รางวัล
"อย่ามาทำตัวน่ารักสิ เดี๋ยวก็ไม่ได้ออกไปไหนกันพอดี"มือหนาลูบไล้เอวบางเบาๆ สื่อความหมายของคำพูด
"งั้นนายก็ปล่อยสิ จะได้ทานข้าวสักที"มินโฮเบี่ยงตัวหลบใบหน้าคมที่นอกจากมือจะเริ่มซน จมูกโด่งก็ซุกไซ้ไปตามเรียวคอขาว
ชางมินเดินตามมินโฮไปนั่งลงที่โต๊ะอาหาร มองอาหารสองสามอย่างที่วางอยู่ตรงหน้าแล้วยิ้มออกมา "อะไรของนาย ยิ้มอยู่ได้" มินโฮถามอย่างอยากรู้จริงๆเพราะตั้งแต่ที่ชางมินตื่น เขายังไม่เห็นว่าชางมินจะหุบยิ้มสักที "ขอบคุณนะ"คำขอบคุณที่หลุดออกแบบไม่มีที่มาที่ไปทำคนฟังทำหน้างงไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการสื่อ
"ขอบคุณ? ฉัน?"
"อืม นายนั่นแหละ"
"ขอบคุณทำไม"
"ขอบคุณที่ดูแลฉัน แล้วก็รักฉันไง"ร่างสูงอธิบายพร้อมกับรั้งคนรักเข้ามาใกล้ กุมมือเรียวเอาไว้แล้วจุมพิตลงบนฝ่ามือทั้งสองข้างแทนคำขอบคุณ
"คิดยังไงมาทำโรแมนติกตอนนี้ หื้ม"มือเรียวบีบมือหนาเบาๆ ยิ้มรับความอ่อนโยนที่คนรักมอบให้
"คิดว่าฉันรักนายไง"ตาคมสบกับตากลมโต ก่อนคำพูดแสนหวานไม่ต่างกันจะถูกเอ่ยออกมา
"ฉันก็รักนายชางมิน"
มื้อแรกของวันจบลงด้วยบรรยากาศหวานๆ ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกไปทำตามแพลนที่วางไว้สำหรับวันหยุดนี้ เริ่มจากดูหนัง ก่อนจะไปช้อปปิ้ง ตลอดเวลามีแต่เสียงหัวเราะและรอยยิ้ม ไม่บ่อยนักที่ทั้งคู่จะได้มาเดทแบบนี้ แต่ทั้ง ชางมินและมินโฮก็ได้สนใจอะไรนัก เพราะขอแค่ยังมีกันและกันอยู่ข้างๆไม่ว่าที่ไหนก็เป็นที่ที่พิเศษเสมอ
อีกสามวันจะเป็นวันครบรอบสามปีที่ชางมินกับมินโฮย้ายมาอยู่ด้วยกัน ชางมินวางแผนคร่าวๆไว้แล้ว รวมทั้งของที่เตรียมไว้เซอไพรส์คนรัก ชางมินคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่เขาควรจะพูดคำๆนี้เสียที ชางมินยิ้มกว้างเมื่อจินตนาการถึงวันนั้น นึกไปว่าเมื่อมินโฮได้ยินจะทำหน้าแบบไหน จะเขินจนหน้าแดงหรือร้องไห้ไปเลยนะ ชางมินมั่นใจว่าอีกสามวันข้างหน้าจะเป็นวันที่เขาและมินโฮมีความสุขที่สุด
แล้ววันที่หัวใจสองดวงรอคอยก็มาถึง 15 พฤศจิกายน ครบรอบสามปีที่ชางมินกับมินโฮเริ่มต้นใช้ชีวิตด้วยกัน ชางมินได้จองโต๊ะที่ร้านอาหารที่มินโฮชอบไว้สำหรับดินเนอร์มื้อพิเศษ ที่ชางมินเลือกร้านนี้ไม่ใช่แค่เพราะเป็นร้านโปรดของคนรัก แต่มันยังสะดวกสำหรับมินโฮที่มักจะเลิกงานช้าเสมอ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินไปไกล ชางมินมาถึงสถานที่นัดหมายได้สักพักแล้ว เขาเลือกที่จะยืนรอมินโฮอยู่หน้าร้าน คอยยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลาแทบจะทุกนาที ชางมินก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร รู้แค่ว่าถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคนคนนี้ หัวใจของเขามักจะเต้นแรงอยู่เสมอ
เหมือนกับวันแรกที่เราได้พบกัน
โทรศัพท์เครื่องเล็กที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงสั่นเตือนเจ้าของว่ามีสายเข้า มือหนาล้วงโทรศัพท์ออกมาดู ก่อนจะยิ้มกว้าแล้วรีบกดรับ
"ว่าไง เลิกงานหรือยัง"
"ฉันอยู่ฝั่งตรงข้ามนี่เอง เห็นมั้ย"ชางมินรีบมองไปที่ฝั่งตรงข้ามทันที มินโฮที่ยืนถือโทรศัพท์แนบหูไว้ โบกมืออีกข้างให้ร่างสูงที่มองมา และในตอนที่สัญญาณไฟให้ข้ามถนนเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียว...
"...มิ น...ชา งมิ น...ชางมิน!!"เสียงหวานตะเบ็งเรียกเจ้าของชื่อ เพราะแจจุงทั้งเรียกทั้งเขย่าก็แล้ว ไม่มีทีท่าว่าคนที่นั่งเหม่อลอยอยู่จะรับรู้หรือตอบสนองต่อสรรพสิ่งใดๆรอบกายสักนิด ชางมินนั่งนิ่งๆอยู่บนโซฟาแบบนี้มาสามวันแล้ว ไม่ว่าใครจะพูดหรือเรียกสิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเงียบ ร่างสูงไม่พูดไม่คุย ไม่หือไม่อือ ไม่...แม้แต่จะทานหรือดื่มอะไรด้วยซ้ำ ตลอดสามวันที่ผ่านมาสิ่งที่ชางมินทำคือลูบแหวนเกลี้ยงที่ประดับอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของตัวเอง
ดวงตาคมที่ไม่ว่าใครที่ได้มอง คงยากที่จะละสายตาไปได้ บัดนี้คงเหลือไว้เพียงความแห้งแล้งในแววตา มีแค่เพียงความเลื่อนลอยไม่รู้จุดหมาย ความโศกเศร้าถูกถ่ายทอดออกมาจากแววตาคู่นั้น
ช่างขัดกับรอยยิ้มที่ติดอยู่บนใบหน้านั้นอย่างสิ้นเชิง
เมื่อจนใจไม่รู้จะทำอย่างไรจริงๆแล้ว แจจุงจึงหันไปมองคนรักที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างขอความเห็น ยุนโฮเพียงแค่บีบมือบางเบาๆอย่างให้กำลังใจ แล้วดึงเข้าไปกอดปลอบ ในตอนที่แจจุงคิดว่าจนปัญญาเสียงที่เปรียบดังน้ำหยดเล็กๆหลั่งรินลงบนต้นกล้าแห่งความหวังก็ดังขึ้น
"...แจจุง..."เสียงแรกคำพูดแรกในรอบสามวันที่เขาคอยอยู่มาแล้ว มันมาแล้ว แจจุงรีบเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของตัวเองลวกๆ แล้วฉีกยิ้มให้น้องชาย แต่ยิ้มกว้างๆกลับต้องหุบลง "...หิว...มินโฮทำกับข้าวเสร็จหรือยัง" น้ำตาเม็ดเล็กที่เพิ่งเลือนหายกลับค่อยๆไหลลงมา แจจุงโผเข้ากอดน้องชายแน่น เสียงสะอื้นที่ดังอยู่ข้างหูไม่ทำให้ชางมินรับรู้อะไร แจจุงไม่รู้ว่าในหัวของชางมินตอนนี้มีเรื่องราวอะไรอยู่ข้างใน แต่ละวันที่ผ่านมาชางมินอยู่ด้วยความคิดแบบไหน อยู่ด้วยความรู้สึกอย่างไร
พระเจ้าท่านช่างใจร้ายเกินไป เล่นตลกกับหัวใจของมนุษย์แบบนี้ ถ้าวันนั้นตอนที่มินโฮกำลังข้ามถนน ถ้ารถที่วิ่งมาคนขับไม่คึกคะนองเพราะถนนที่ค่อนข้างไร้ผู้คน จนขับรถฝ่าไฟแดง วันนี้...เขาคงยืนอยู่ในงานแต่งงานที่มีเจ้าบ่าวรูปหล่อและเจ้าสาวที่น่ารักกำลังฉีกยิ้ม
ไม่ใช่งานศพ ที่มีคนรักของน้องชายเขานอนหลับอย่างไม่มีวันตื่นอยู่ใต้พื้นดินอย่างนี้!!
เรื่องอุบัติเหตุแจจุงรู้อะไรไม่มากนัก แต่เรื่องที่ชางมินเตรียมขอมินโฮแต่งงานแจจุงรู้ดี คงเพราะความตื่นเต้นชางมินจึงคอยเล่าและถามเขาอยู่เสมอว่าทำแบบนั้นดีแล้วหรือยัง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข ไม่ว่าจะคิดยังไงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสามวันที่แล้วเขาก็ยังไม่อยากเชื่ออยู่ดี
ในตอนที่แจจุงไปถึงโรงพยาบาล หน้าห้องฉุกเฉินชางมินอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหน เสื้อสูทเนื้อดีเต็มด้วยคราบเลือดสีแดง ในมือหนายังคงกำกล่องกำมะหยี่สีแดงเอาไว้แน่น แจจุงรีบเดินเข้าไปหาน้องชาย "ชางมิน!!" ชางมินหันกลับมาตามเสียงเรียก แววตาหวาดหวั่นปนหวาดกลัวก็ฉายชัดอยู่ในดวงตาคู่นั้น
มินโฮหายเข้าไปในห้องฉุกเฉินนานกว่าสองชั่วโมง ก่อนที่หมอจะออกมาพร้อมกับข่าวร้าย นับจากวินาทีนั้น ชิมชางมินคนเดิมก็ได้หายไป
เหลือเพียงชิมชางมินคนใหม่ที่มองว่าโลกใบนี้คือความว่างเปล่า เมื่อไม่มีชเวมินโฮ
งานศพเต็มไปด้วยเพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงานและญาติๆ คนมากมายที่มาร่วมงานไม่มีใครสามารถทำให้ชางมินเอ่ยปากพูดอะไรออกมาได้ ไม่เว้นแม้แต่พ่อแม่ของทั้งชางมินและมินโฮ ชางมินไม่มีน้ำตาไม่ร้องไห้ จนกระทั่งวันสุดท้ายที่จะได้มองดวงหน้าที่ตัวเองหลงรัก
วันนั้นชางมินยืนอยู่ข้างๆโลงสีขาวสะอาด ในมือถือช่อบูเก้สีขาวเขียวเป็นช่อดอกไม้แบบที่มินโฮชอบเอาไว้ ก่อนจะวางลงบนอกบางแล้วจับมือบางข้างขวาทับไว้มองดูคล้ายกับว่ามินโฮกำลังถือช่อดอกไม้อยู่ ก่อนจะเปิดกล่องกำมะหยี่สีแดงออก ข้างในกล่องมีแหวนสองวงวางคู่กันอยู่ ชางมินหยิบวงที่เล็กว่าอีกวงอีกออกมา และถือแหวนไว้ด้วยมือข้างขวา แล้วใช้มือข้างซ้ายจับมือบางข้างซ้ายอย่างทนุถนอม แล้วเอ่ยคำที่ไม่มีใครคิดว่าจะได้ยินในสถานที่นี้ และในงานงานแบบนี้
"แต่งงานกันนะมินโฮ"
"ไม่ว่าในยามสุขหรือยามทุกข์ ในวันที่สบายดีหรือเจ็บป่วย ฉันสัญญาว่าจะรักนาย อยู่เคียงข้างนาย จะไม่ทำให้นายเสียใจ ขอแค่นายรักฉัน...อย่างนี้ตลอดไป"
เป็นคำขอแต่งงานกึ่งคำสาบานในงานแต่ง ทั้งที่มีคนแวดล้อมอยู่มากมาย แต่ช่วงเวลานี้กลับเหมือนมีแค่ชางมินกับมินโฮเท่านั้น ในโลกที่มีแค่เขาสองคน
ชางมินสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของร่างบาง แล้วยกมือบางขึ้นจูบ ก่อนจะโน้มตัวลงไปจุมพิตเบาๆที่ริมฝีปากนิ่มที่ตอนนี้ซีดจางและเย็นชืด แต่ไม่ใช่กับชางมินที่ไม่ว่าจะเป็นยังไงเขาก็ยังรู้สึกว่ามันหอมหวานและอบอุ่นอยู่เสมอ จูบสุดท้ายที่หน้าผากมนก่อนที่ประตูจะปิดกั้นทั้งสองคนให้แยกจากกัน
"หลับฝันดีนะที่รัก"
แผ่นหินบนหลุมฝังศพสลักชื่อ "ชิมมินโฮ ผู้เป็นที่รักตลอดไป" เอาไว้อย่างปราณีต แม้จนถึงวันนี้วันเวลาเลยผ่านมานานนับปี แต่ชางมินกลับไม่เคยก้าวเท้ามายังที่แห่งนี้ ชีวิตแต่ละวันของร่างสูงในห้องสี่เหลี่ยมที่เคยอาศัยอยู่กับคนรัก ไม่ต่างจากเมื่อตอนที่มินโฮยังอยู่บนโลกใบนี้
จะต่างกันตรงที่ร่างสูงไม่รับรู้เรื่องราวใดๆนอกจากเรื่องราวที่เคยเกิดในภายในห้องแห่งเท่านั้น
Changminho’s love never end.
TALK :: สำหรับฟิคเรื่องนี้เราแต่งและลงในบอร์ดเด็กดีประมาณเดือนธันวาคม ปี 54
และประมาณเดือนมกราคมหรือกุมภาพันธ์เราไม่แน่ใจ มีข่าวคล้ายๆกับฟิคที่เราแต่ง
เราค่อนข้างตกใจ คือ ไม่คิดว่าในชีวิตจริง จะมีเรื่องอะไรแบบนี้อยู่ ตอนแรกเราไม่รู้แต่มีน้องทวิต
มาบอก เราก็แบบ เฮ้ย มันไม่ใช่แล้วอ่ะ เราผวาไปเลย
อย่างไรก็ดี เราก็ขอขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ หวังว่าฟิคของเราจะทำให้คนอ่านทุกคนยิ้มได้
ขอบคุณค่ะ ^^
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ