[Beast] feeling fic [short fic]
เขียนโดย Rikail
วันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 22.51 น.
แก้ไขเมื่อ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2556 17.46 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
1) The day closes mate[DongwoonxYoseob]
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
Story/The day closes
Mate/Dongwoon &Yosoeb
Writer/D.S.MAILL
Rating/G
เปิดเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกครับเรื่องสั่นๆที่ผมคิดว่ามันออกจะเศร้าไปสักหน่อยสำหรับใครหลายคคแต่ก็ช่วยลองอ่านกันหน่อยนะครับ
one day
ท่ามกลางผู้คนมากมายในเมืองใหญ่ผมคงเป็นเพียงชายหนุ่มที่ได้แต่ไล่ตามความฝันที่หายไปและไม่รู้ว่าเมื่อไรจะเจอมันอีกครั้งตอนนี้ผมคงได้แต่เงยหน้ามองท้องฟ้าแล้วคงพูดได้แค่ว่า
“พี่ครับผมเหนื่อยจังเมื่อ...”
แต่พอผมพูดยังไม่ทันจบชายหนุ่มคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาชนผมอย่างจังจนผมต้องคว้าร่างเล็กนั้นๆไว้กลัวว่าเขาจะล้มไป
“โอ๊ะ! ขอโทษครับ”
ชายร่างเล็กในอ้อมกอดผมเอ่ยขึ้น
“ไม่เป็นไรนายละเจ็บตรงไหนหรือป่าว?”
ผมส่งคำถามไปเพื่อไม่เสียมารยาทพร้อมกับปล่อยตัวเขาให้เป็นอิสระ
“ไม่ละขอบใจที่ช่วยนะ นาย...?”
“ผมซนดงอุนครับ แล้ว...?”
“ฉันยังโยซอบยินดีที่ได้รู้จัก ถ้าไม่รังเกียจไปกินข้าวด้วยกันสักมื้อไหม”
“เอ่อ...”
“งั้นเป็นอันตกลง ปะ”
เอ่อคือว่า...ผมยังไม่ทันได้ตอบรับอะไรหลังจากที่แนะนำตัวกันผู้ชายร่างเล็กที่ชื่อยังโยซอบก็ลากผมพาเข้ามาในร้านอาหารที่ผมไม่คิดว่าจะเยียบย่างเข้าไปเพราะราคาอาหารที่แพงแสนแพงแถวย่านนี้
“อยากกินอะไรเอาสิเลือกเลยฉันเลี้ยง”
“เอ่อ แต่เราพึ่งรู้จักกัน แล้ว...”
“ไม่ต้องเกรงใจ งั้นฉันสั่งให้ละกัน”
ไม่ต้องเกรงใจ? อะไรกันละนี้ผู้ชายคนนี้มาแปลกแหะมันเหมือนกับ...
“คิดว่าฉันเป็นพี่ชายของนายคนหนึ่งก็ได้”
“อะ อ่า ครับๆ”
ผมไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมความรู้สึกที่เหมือนได้เจอกับเหตุการ์ณเดจาวูแบบนี้ เพราะครั้งหนึ่งผมก็เคยเจอกับใครคนหนึ่งที่เข้ามาทำให้ผมมีความสุขรวมไปถึงมีความฝันทุกอย่างร่วมกันแต่แล้วเขาก็จากผมไปปล่อยทิ้งผมให้อยู่กับความว่างเปล่าที่ผมต้องเผชิญอยู่คนเดียวทุกวันนี้แต่มันก็นานมาแล้ว นานจนผมจำหน้าคนๆนั้นไม่ได้แล้วละ...
“คิดอะไรอยู่น่ะ ไม่กินเหรอไงเดียวเย็นแล้วมันจะไม่อร่อยนะ”
“ครับๆ”
ผมหันกับมาตอบรับร่างเล็กที่นั่งฝั่งตรงข้ามอย่างรนๆเพราะเมื่อกี้ดันนั่งเหม่อไม่สนใจเขาเลย
“ไม่สบายเหรอเห็นนั่งเหม่อ เรียกกี่ที่ก็ไม่หัน?”
“เปล่าครับ คิดอะไรเรื่อยไปนะครับ”
ผมยิ้มบางๆให้กับร่างเล็กพร้อมกับตักพาสต้าเข้าปากอย่างไม่ค่อยอยากกินเท่าไร
“ไม่อร่อยเหรอ”
“อร่อยครับ”
ผมตอบแค่นั้นก่อนจะละเลียมันเข้าไปจนหมดแต่ท่าทางนั้นคงทำให้คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามไม่พอใจสักเท่าไรเพราะเขาจ้องผมเขม่งเลย
“มีอะไรติดหน้าผมอย่างงั้นเหรอ”
“ยังไงนายก็ยังเป็นนายไม่เคยเปลี่ยน เฮออ”
อีกแล้วนะ ทำไมเขาถึงทำเหมือนรู้จักกับผมละ?
“เอาเถอะๆงั้นเราไปเดินเล่นกัน เช็คบิลด้วยครับ”
ผมได้แต่นั่งงงในหัวมีแต่คำถามว่าเขาเป็นใคร?มาจากไหน?แล้วอะไรมากมายที่ลอยคว้างอยู่ในหัว แต่ก็ไม่ได้ถามออกไป
“อ่า อันนี้ๆสวยจังเลยเหมาะกับนายมากเลยนะดงอุน”
ผมเดินออกมาจากร้านอาหารสไตล์อิตาลีโดยที่ข้างๆมีคนร่างเล็กเดินอยู่ด้วยพอเราเดินตรงออกมาจากร้านก็เจอทางสี่แยกที่มีของขายเต็มไปหมดส่วนผมก็ได้แต่เดินตามเพราะมือของผมนั้นถูกคนร่างเล็กจับไว้อยู่พร้อมกับลากไปผมลากมาผมเข้าร้านนู่นออกร้านนี้ไปเรื่อยจนตอนนี้ก็เลยเข้ามาช่วงบ่ายแต่คนข้างๆผมยังคงสาละวนกับการเลือกสร้อยคอให้ผมอยู่มาเป็นชั่วโมงแล้ว
“อืมม มันก็สวยดีนะครับแต่ราคา...”
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าฉันเลี้ยงเอง ถือเป็นการไถ่บาปกับเรื่องที่ฉันเคยทำไว้กับนายไงละ”
“เราเคยรู้จักกันมาก่อนเหรอครับ”
ในที่สุดผมก็ถามมันออกไปแต่คำตอบที่ได้กับเป็นรอยยิ้มจางๆที่แป๊บเดียวมันก็หายไป
“อืม! เราไปร้านนั้นกันดีกว่า”
ว่าแล้วผมก็โดนลากไปอีกร้านหนึ่งโดยที่ไม่ได้รับคำตอบอะไรจากร่างเล็กนี้อีก
“เฮอออ เหนื่อยจังเลย แต่ก็คุ้มนะฉันซื้อของให้นายได้ตั้งเยอะแหนะ”
ผมก้มลงมองถุงใส่ของมากมายที่คนข้างๆซื้อให้อย่างลำบากใจเล็กน้อยก่อนจะโค้งให้เขาอย่างขอบคุณ
“ขอบคุณนะครับที่ซื้อของให้ผมซะเยอะขนาดนี้ทั้งที่พึ่งเคยเจอกันแท้ๆ”
“เอ่อ... ไม่เป็นไรหรอก”
เอาอีกแล้วรอยยิ้มเศร้าๆนั้น
“ผมถามจริงๆนะครับเราเคยรู้จักกันใช่ไหม”
“อืมม ฉันรู้จักนายแต่นายคงลืมฉันไปแล้วละ มันก็สมควรแล้วละเพราะฉันมันเป็นคนบาป”
“เอ๊ะ?”
เขารู้จักผมแต่ทำไมผมกลับจำไม่ได้หรือว่าเขาจะเป็น...
“พี่ขอโทษดงอุนที่ทิ้งนายไว้คนเดียว ขอโทษที่ปล่อยนายทิ้งไว้ให้สู้คนเดียว คำโกหกเหล่านั้น
คำสัญญาอะไรนั้นมันไม่เป็นจริงเพราะพี่เองยกโทษให้พี่นะ”
แล้วในที่สุดผมก็ได้รู้แล้วว่าเขาเป็นใครแต่ผมก็ทำใจให้เชื่อไม่ได้อยู่ดีก็ในเมื่อ...
“อะไรกันปะ...เป็นไปไม่ได้พี่ชายคนนั้นตายไปแล้ว นายอย่ามาโกหกกันนะ”
“พี่ไม่ได้โกหกดงอุน นี้คือพี่จริงๆพี่ไปขอร้องกับพระเจ้าเพราะพี่ทนเห็นนายที่ต้องเจ็บปวดอย่างนี้ไม่ไหวเพราะมันเป็นความผิดของพี่ที่ทำให้นายต้องทรมานอย่างนี้ ถ้าไม่เชื่อนายก็ไปดูที่ป้ายหลุมศพที่นายไปทุกวันที่14กุมพาฯดูสิ”
ผมก้าวถอยหลังออกไปอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่อีกคนพูดก่อนจะหันหลังแล้ววิ่งออกมจากตรงนั้นอย่างไม่คิดชีวิตจนในที่สุดก็มาถึงหน้าสุสานที่ผมมักจะมาทุกวันวาเลนไทน์และผมก็เดินมาหยุดตรงหน้าป้ายหลุมศพของใครคนนั้นแล้วน้ำตาของผมก็ไหลออกมาช้าๆเพราะเมื่อสายตาของผมกวาดมองไปเห็นชื่อที่สลักไว้บนหน้าหลุมศพมันก็เป็นชื่อ...
YANG YOSEOB
LAND TO REST
NO MOURNING PLAESE AT HIS REQUSE
“เป็นจริงเหรอ ไม่ ผมไม่เชื่ออ...อ๊ากก”
ผมตะโกนออกมาอย่างคนเสียสติแต่สิ่งที่ได้คือเสียงที่สะท้อนกลับมาเท่านั้น…
ผมเดินกลับมาหลังจากไปสงบสติอารมณ์อยู่คนเดียวและพอเดินกลับมาผมก็เห็นร่างเล็กของคนที่ผมมักนึกถึงแต่จำหน้าเขาไม่ได้นั่งอยู่ที่เดิมทั้งที่ตอนนี้มันใกล้จะเย็นแล้ว
“ยังอยู่อีกเหรอครับ”
“รอนายกลับมาน่ะ อีกไม่นานวันนี้ของพี่ก็จะจบลงอีกครั้งแล้วมันเร็วจังเลยนะว่าไหม”
ผมเดินมาหยุดตรงหน้าร่างเล็กพร้อมคำถามและคำตอบที่ได้กลับมาก็เป็นรอยยิ้มกับคำพูดเสแสร้งแกล้งยิ้มว่าตัวเองมีความสุข
“พี่เลิกโกหกผมสักที่ได้ไหม ผมอยากฟังแล้วนะ”
“พี่ขอโทษนะดงอุน แต่...”
ผมไม่รอให้ร่างเล็กของคนตรงหน้าพูดอะไรออกมาอีกผมรั้งร่างทั้งร่างนั้นเข้ามากอดเอาไว้แนบอกพร้อมกับลูบผมอ่อนนุ่มนั้นเบาๆ
“ถ้าเวลาของพี่ใกล้จะจบลงผมขอกอดพี่ไว้แทนที่จะฟังพี่พูดอะไรอย่างนั้นดีกว่า ขอบคุณนะครับที่กลับมาหาผมขอโทษที่ทำตัวไม่ได้เรื่องต่อไปนี้ผมจะเข้มแข็งครับพี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงผมอีกไงครับ”
ผมกอดร่างเล็กที่ยืนนิ่งเอาไว้แน่นเหมือนกับหัวใจของผมที่กำลังจะแตกสลายอีกครั้ง
ผมกำลังจะเสียเขาไปอีกแล้วสินะ พระเจ้าผมขอให้เวลาในวันนี้หยุดลงได้ไหม...
ผมได้แต่คิดในใจเพราะถึงจะขอไปยังไงมันก็ไม่มีทางเป็นจริงขึ้นมาได้
“สร้อยนี้พี่ซื้อให้นายนะ สวมไหวแล้วมันจะเหมือนมีพี่ข้างๆเสมอ พี่ไปนะดูแลตัวเองแล้วหัดกินของดีด้วย”
“พี่ก็เหมือนกันนะครับ”
“อืม หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะ...”
ผมยืนมองร่างเล็กที่ค่อยๆเดินหายไปภายในใจผมหนักอึ้งก่อนจะตะโกนคำพูดหนึ่งออกไปโดยที่ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินมันหรือป่าว...
“แล้วเจอกันนะครับพี่...”
end
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ