KyuMin in my mind
เขียนโดย minja
วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 23.13 น.
แก้ไขเมื่อ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 23.44 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
4) ระยะห่างของหัวใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“เราไม่ยอม!! ยังไงคยูก็ต้องมารับเราตามที่สัญญาไว้” เสียงเล็กๆแข็งกร้าวขึ้นเมื่อได้ยินใครอีกคนบอกข้อความผ่านทางโทรศัพท์
(ซองมินฟังหน่อยสิ..ฉันติดธุระด่วนจริงๆนะ..พี่ที่เราสนิทด้วยมาหา..พี่มยองซูน่ะ.ซองมินจำได้มั้ย..ฉันกับพี่ไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว..พี่เค้าโทรมานัดฉันไปดื่มเมื่อเช้านี้..)
“คยูจะบอกว่าติดธุระด่วน..ทั้งที่เรานัดเราไว้น่ะหรอ..เราไม่สำคัญเลยใช่มั้ย”
(ไม่ใช่นะซองมิน..เพราะอย่างนี้ไงฉันถึงจะให้ลูกน้องไปส่งซองมินที่บ้าน)
“งั้นวันหลังคยูก็ให้ลูกน้องของคยูมารับเรา มากินข้าวกับเรา มาเที่ยวกับเราสิ”
(มันคนละเรื่องกันเลยนะ .. ฉันติดธุระจริงๆ แล้วนี่ซองมินก็แค่กลับบ้านเองนะ)
“อืม..ก็แค่เรากลับบ้าน..ถ้าคยูติดธุระก็ไม่ต้องมาก็ได้ เราขอบอกคยูให้รู้ไว้นะว่าเรานั่งรถกลับบ้านเองได้ แต่ที่เรานัดคยูให้ไปส่งเราที่บ้านเพราะเราจะได้มีเวลามาเจอกันบ้าง คยูกับเราว่างไม่ตรงกันเลย..คยูรู้มั้ยว่าแค่ห้านาทีที่เราเจอกันก็มีค่าสำหรับเรานะ” เสียงเล็กๆสั่นเครือด้วยความน้อยใจ
(โถ่..ซองมิน เดี๋ยวเราก็ได้เจอกัน เรื่องแค่นี้เองจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ทำไม??)
“อือ..มันไม่ใช่เรื่องใหญ่..งั้นคยูก็อยู่กับเพื่อนๆพี่ๆของคยูไปนะ..อย่ามาสนใจเรื่องเล็กๆอย่างเราเลย” เมื่อได้ฟังว่าอีกคนไม่เห็นความสำคัญที่จะได้เจอกัน น้ำตาก็ไหลเปรอะทั่วแก้มใส เสียงสะอื้นเบาๆแต่ก็ดังให้อีกคนได้ยิน
(ซองมิน..จะร้องไห้ทำไม..ฉันบอกแล้วไงว่าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้)เสียงทุ้มแข็งขึ้นราวกับโมโหคนที่ร้องไห้ปลายสายที่ไม่ฟังเหตุผลและความจำเป็นของเค้าเลย
“คยูมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็ก แต่เรามองว่าเป็นเรื่องใหญ่..เพราะเราใส่ใจและให้ความสำคัญกับทุกๆเรื่องที่เป็นของเราสองคน..อืม..เรามองต่างกันจริงๆ” เสียงที่เคยใส..ตอนนี้กลับฟังดูเศร้าๆคล้ายกับจะตัดพ้อให้อีกคนได้รู้สึกและเห็นว่าตนเองไม่ได้งี่เง่า
(เออ..งั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน!!ซองมินรอให้พี่เค้ากลับไปก่อนแล้วฉันจะไปรับ)เสียงทุ้มตะคอกกลับอย่างหัวเสีย..ทำไมนะ..เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ซองมินต้องมาทำให้มันดูวุ่นวาย..
“ฮึก!..คยู..ขึ้นเสียงกับเราทำไม..คยูไม่เคยขึ้นเสียงใส่เราเลยนะ”พูดจบก็มีเสียงสะอื้นดังขึ้นกว่าเก่า..ซึ่งมันก็คงจะดังไปกระแทกใจอีกคนได้อย่างดีทีเดียว
(เอ่อ...ซองมิน..อ่า....) คำพูดต่างๆมันจุกอยู่ที่คอ..แม้แต่คำปลอบโยนที่อยากจะบอกออกมาให้ซองมินหยุดร้องไห้มันก็ไม่สามารถเปล่งออกมาได้..ไม่ใช่เหตุผลอะไรหรอก..คยูฮยอนแค่ตกใจที่เผลอตะคอกใส่ซองมินจนทำอะไรไม่ถูก
“ ฮึก..คยู..อย่ารับปากว่าจะมารับเราเลย..เราไม่อยากรอแล้วคยูก็มาไม่ได้อีก”
(....แล้ว...ซองมินจะให้ฉันทำยังไง....พี่เค้าโทรมากระทันหัน.....จะให้ปฏิเสธหรอ..เค้าตั้งใจมาหาจริงๆ..)
“ไม่เป็นไรหรอก..เราชินที่โดนคยูเลื่อนนัดเราแล้วล่ะ..เราน่าจะรู้ตัวตั้งแต่แรก..ไม่น่าทำตัวงี่เง่าใส่คยูให้คยูต้องอารมณ์เสียเลย” เสียงตัดพ้อปนประชดประชันหลุดออกมา..ทั้งๆที่ไม่อยากจะพูด..แต่บางครั้งซองมินก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกันกับการที่โดนเลื่อนนัดบ่อย..จนคิดว่าตัวเองไม่ได้มีความสำคัญอะไรสำหรับคยูฮยอนเลย
(ทำไมต้องประชดฉันด้วยซองมิน..เอาเหตุผลมาคุยกันสิ)
“เราไม่ได้ประชด..เราพูดตามที่เราคิด..เรานัดกับคยูตั้งแต่สามวันก่อน..แต่พอมาถึงวันคยูก็เลื่อนนัดเรา มันเป็นแบบนี้มาหลายครั้ง..จนเราไม่รู้เลยว่าเราสำคัญพอสำหรับคยูรึป่าว”
(ซองมิน..ฉันติดธุระจริงๆ..เข้าใจบ้างสิ..ทำไมเราต้องมาทะเลาะกันเพราะเรื่องแค่นี้ด้วย..)
“เรารู้..งั้นคยูตอบเราหน่อยได้รึป่าวว่า..มีกี่ครั้งกันที่เราจะเรียกร้องแล้วก็ทำตัวงี่เง่าไม่ฟังเหตุผลของคยูอะไรแบบนี้..แล้ว..เราผิดด้วยหรอ??ที่เราอยากเจอคยู”..
(..................) เงียบ..ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกคน
“บอกเรามาแค่ครั้งเดียวก็ได้..ว่าครั้งไหน..มีรึป่าว”
(..ไม่มีเลยสักครั้ง..)
“อื้อ..ไม่มีเลยสักครั้ง..แล้วคยูรู้มั้ย..ว่าเพราะอะไร..ที่เราไม่เคยเรียกร้องหรือทำตัวงี่เง่าแบบนี้กับคยู..” ไม่มีการตอบรับจากอีกคน มีเพียงเสียงลมหายใจที่เล็ดรอดออกมาทำให้ซองมินรู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่ได้วางสาย “ไม่แปลกเลยที่คยูจะตอบไม่ได้..เพราะขนาดตัวเราเองยังไม่เข้าใจเลย..ว่าทำไมเราไม่ทำทั้งๆที่เราก็มีสิทธิ์ในฐานะคนรักของคยู..บางครั้งเราก็อยากจะทำนะ..แต่พอเราคิดว่า..ถ้าทำไปแล้ว..คยูอาจจะไม่สบายใจหรือต้องมาทะเลาะกันเราเลยเลือกที่จะเก็บไว้”
(เอ่อ..ซองมิน..ฉันขอโทษนะ..พอดีช่วงนี้งานมันยุ่งจริงๆ..ยุ่งจนฉันลืมที่จะใส่ใจซองมิน...)
“เราเข้าใจแล้ว..ว่าคยูงานยุ่งมากจริงๆ..คงจะยุ่งจนลืมว่าวันนี้เป็นวันเกิดแม่ของเรา..ขอโทษนะที่เราทำตัวงี่เง่า..คยูงานยุ่งมากพอแล้วเรายังจะหาเรื่องมาทะเลาะอีก”
(ฉันบอกแล้วไงว่าขอโทษ ซองมินจะมาพูดประชดอีกทำไม.. ช่วงนี้งานยุ่งจริงๆ ปัญหาก็เยอะ..ซองมินไม่รู้หรอก..ว่าฉันมีเครียดมากแค่ไหน)
“ใช่..เราไม่รู้..พูดไปก็เหมือนแก้ตัว..แต่..ทุกครั้งที่เราถามคยูก็จะบอกแค่ว่า..ไม่มีอะไร..อย่าสนใจเลย..คยูจัดการได้..เราเลยไม่อยากถามต่อเพราะเรากลัวว่าจะทำให้คยูรำคาญ..”
(ที่ฉันไม่บอกซองมินก็เพราะฉันเห็นว่าซองมินเครียดเรื่องงานของตัวเองก็มากพอแล้ว..ไม่อยากจะทำให้ซองมินห่วงฉันมากไปกว่านี้)
“อื้อ..ขอบใจนะที่ยังห่วงเรา..แค่เรารู้ว่าคยูห่วงเราก็ดีใจแล้ว..คยูไปหาพี่มยองซูเถอะ..ออกมาคุยโทรศัพท์นานแบบนี้เดี๋ยวจะเสียเวลา”
(งั้น..เดี๋ยวฉันคุยกับพี่มยองซูเสร็จแล้วจะรีบไปรับซองมินกลับบ้านนะ)
“อย่าเลย..เราไม่กลับแล้ว..ไปถึงบ้านแม่คงจะนอนแล้วล่ะ..นี่มันจะสามทุ่มแล้วนะ..แค่นี้นะ..เราจะโทรไปหาแม่” ยังไม่ทันที่จะฟังว่าปลายสายจะตอบกลับอะไรมา..ซองมินก็จัดการกดวางสายและปิดเครื่องทันที
..ร่างอวบๆทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนนุ่ม..ดวงตากลมตอนนี้มันบวมและแดงช้ำไปหมด..ซองมินหลับตานึกถึงภาพใบหน้าคมของใครอีกคน.. ตลอดระยะเวลาหลายปีที่คบกันมาไม่มีครั้งไหนที่คยูฮยอนจะขึ้นเสียงหรือตะคอกใส่ซองมิน..ถ้าจะให้พูดจริงๆ..เราไม่เคยทะเลาะกันเลยก็ว่าได้..เพราะในครั้งแรกที่ตกลงคบกัน..คยูฮยอนและซองมินตกลงกันว่าหากมีปัญหาอะไร..จะคุยกันด้วยเหตุผล..ซึ่งทุกครั้งมันก็ผ่านมาด้วยดี..
..แต่..กับเหตุการณ์เมื่อครู่..ซองมินไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเกิดขึ้นได้...อาจเป็นเพราะช่วงนี้ซองมินกับคยูฮยอนต้องอยู่ไกลกัน..เพราะต่างคนต่างต้องทำงาน..หลังจากที่เรียนจบมาซองมินเข้าทำงานที่บริษัทเอกชนในกรุงโซล ส่วนคยูฮยอนก็เป็นวิศวที่ต้องคอยดูแลไซน์งานตามที่ต่างๆแล้วแต่บริษัทจะมอบหมายให้ดูแล..คยูฮยอนเป็นคนที่เต็มที่กับทุกๆเรื่องที่ทำส่งผลให้ผลงานออกมาดีเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าที่มักจะเจาะจงว่าให้เค้าเป็นผู้ควบคุมดูแล..ตอนนี้งานในมือของคยูฮยอนที่ต้องรับผิดชอบจึงมีเยอะมาก..ไม่ต่างจากซองมิน..ที่ทำงานจนมีผลงานเป็นที่น่าพอใจ..ประกอบกับบริษัทกำลังจะขยายกิจการ..และซองมินก็ถูกรับเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้ดูแลและวางแผนงาน..ทำให้เวลาเจอกันของคยูฮยอนกับซองมินลดน้อยลงมาก..เพราะบางครั้งคยูฮยอนก็ต้องเดินทางไปต่างจังหวัดและค้างคืนอยู่ที่นั่นหลายๆวันบ่อยๆ ส่วนซองมินก็ยุ่งกับการทำงานจนแทบจะใช้ชีวิตอยู่ที่บริษัท
....ถ้าจะถามว่าเวลาดูแลตัวเองของแต่ละคนยังไม่มีเลย..แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปใส่ใจคนใกล้ตัว....
...แล้วถ้าถามว่าก่อนหน้านี้ทำไมถึงไม่มีใครสักคนที่พูดหรือนึกถึงเรื่องนี้เลย..ก็คงจะบอกได้ว่าทั้งคยูฮยอนและซองมินต่างก็รับรู้และเข้าใจว่า อีกคนมีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบของตัวเอง..โดยไม่อยากเก็บเอาเรื่องนี้มาคิดมากให้เป็นปัญหากวนใจให้อีกฝ่ายต้องเสียงาน...เพราะทั้งสองเพิ่งเริ่มต้นการทำงานได้ไม่นานแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงที่ต่างฝ่ายต่างต้องพิสูจน์ตัวเองในเรื่องงาน...
...แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าซองมินจะเป็นฝ่ายที่เริ่มรู้สึกถึงความห่างเหิน..จึงพยายามที่จะหาเวลาที่ว่างมาเจอกันบ้าง...แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาอันน้อยนิด..ยังไงก็ยังดีกว่าปล่อยให้ผ่านเลยไป..
..แต่ทว่าคยูฮยอนคงจะตั้งใจทำงานและทุ่มเทเวลาให้กับงานมากเสียจนมองไม่เห็นถึง “ช่องว่าง”ที่เกิดขึ้น..
.............
............................
เปลือกตาบางลืมขึ้นช้าๆ ตากลมโตที่ตอนนี้ไม่มีหยาดน้ำตาแต่ก็ยังคงหลงเหลือร่องรอยแห่งการบวมช้ำ ..มือขาวหยิบเอาโทรศัพท์มากดเบอร์ที่คุ้นเคยลงไป...
รอสายเพียงสักครู่..ปลายสายก็กดรับ...
(ว่ายังไงลูก)
“แม่ฮะ..วันนี้มินกลับบ้านไม่ได้แล้วนะฮะ..งานยุ่งมากจริงๆ”
(ไม่เป็นไร..ว่าแต่ลูกเป็นอะไรรึป่าวครับ..น้ำเสียงฟังดูไม่ดีเลย)
“อ่ะ! เอ่อ...คือไม่หรอกฮะ คงเพราะเหนื่อยๆน่ะฮะ..แต่แม่ไม่ต้องห่วงนะมินนอนแป๊บเดียวก็หายเหนื่อยแล้ว”
(อย่าทำงานจนลืมดูแลตัวเองนะครับ แม่เป็นห่วงลูกนะ อ้อ..แล้วคยูล่ะ เป็นยังไงบ้าง)
“คยูเค้าช่วงนี้ก็งานเยอะเหมือนกันฮะ..เห็นว่าต้องดูแลไซน์งานเพิ่มอีกแล้ว”
(จ้า...ยังไงแม่ก็ฝากความคิดถึง ถึงคยูเค้าด้วยล่ะ..ลูกไปอาบน้ำให้สบายตัวแล้วนอนพักผ่อนเถอะ จะได้หายเหนื่อย..อ้อ..อย่าลืมหาอะไรทานด้วยนะครับ)
“ฮะ..สุขสันต์วันเกิดนะฮะ..วันนี้ไม่ได้กลับไปแต่มินสัญญาว่าวันหยุดที่จะถึงนี้มินจะเคลียร์งานกลับไปให้ได้เลย..คิดถึงแม่จังเลยฮะ”
“แม่ก็คิดถึงลูก..ไปพักผ่อนได้แล้ว..เดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่มีแรงตื่นนะครับ”
“ฮะ..มินรักแม่นะฮะ”
......เมื่อวางโทรศัพท์จากแม่แล้วซองมินก็ไปจัดการกับตัวเองก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้าง..ที่ตอนนี้มันดูเหมือนจะกว้างมากขึ้นเพราะ “ขาด”คนที่ร่วมใช้พื้นที่นี้ด้วยกัน..ซองมินยื่นมือไปลูบเบาๆบริเวณที่ที่เป็นของใครอีกคน..หวังเพียงแค่จะมีไออุ่นของคนที่เคยนอนตรงนี้หลงเหลือให้ได้รู้สึกอุ่นใจบ้าง.....
................
...............................
ตอนนี้คยูฮยอนนั่งอยู่ตรงโต๊ะด้านริมสุดในผับที่มีเสียงเพลงดังกระหึ่ม...สองตาคมทอดมองออกไปแบบไม่มีจุดหมาย..แม้ว่าในผับแสงจะสลัวแต่ก็ใช่ว่าจะมองไม่เห็นอะไรเลย..มีกลุ่มคนที่มาเที่ยวมากมาย..หลายคนลุกเต้นอย่างสนุกสนาน หลายคนก็เลือกที่จะนั่งดื่มพร้อมกับมองสิ่งสวยงาม ที่เต้นโยกย้ายยั่วยวนตา..แต่..ในหัวของคยูฮยอนตอนนี้กลับมีแต่ภาพของใบหน้ากลมอิ่มของ..อี ซองมิน..
“เฮ้ย!!คยู..เป็นอะไรวะ..นานๆพี่มาหาสักทีมานั่งทำหน้าเครียด”เสียงของรุ่นพี่ที่นั่งอยู่ข้างๆเรียกให้ร่างสูงหลุดออกจากอาการเหม่อแล้วหันมาหาตน
“เอ่อ..เปล่าครับ..พอดีคิดเรื่องงานนิดหน่อยน่ะครับ”
“โธ่..เรื่องงานน่ะเก็บเอาไว้ก่อน..นานๆทีเราจะได้เจอกันต้องสนุกให้เต็มที่หน่อยสิ”
“ครับ..เอ่อ..แล้วพี่เป็นยังไงบ้าง..หายไปนานเลย..นึกว่าจะลืมผมไปแล้วนะเนี่ย”
“เฮ้ย..ลืมได้ไง..น้องรักทั้งคน..” พูดจบก็ยกมือขึ้มมาตบเบาๆที่หลังของคยูชฮยอน ก่อนจะยกแก้วที่มีน้ำสีอำพันขึ้นมาชวนให้อีกคนชนแก้ว... “เฮ้ย..ชนหน่อย..วันนี้ไม่เมาไม่เลิกนะเว้ย” เสียงแก้วกระทบกันบางเบาก่อนที่คยูฮยอนจะเอ่ยขึ้น
“เมาไม่ได้ว่ะพี่..ไม่งั้นใครจะขับรถกลับอ่ะ”
“โห..ไอ้คยูน้องรัก..เมา!!ขับรถกลับไม่ได้..ก็หานอนแถวๆนี้ไง..มึงดูสิ..สวยๆเพียบ” ไม่พูดเปล่า..มยองซูยังคงทำตัวเป็นรุ่นพี่ที่ดี จับใบหน้าคมของคนเป็นน้องให้หันไปมองสาวๆในร้าน..แล้วมันก็ค่อนข้างได้ผลตอบรับที่ดี..เพราะมีผู้หญิงเหล่านั้นหลายคนจ้องมองมาที่โต๊ะของเค้าบ้างเหมือนกัน..อย่างว่าแหละเนอะ..ก็สถานที่แบบนี้..หากเป็นหญิงสาวมาเที่ยวกันเองแบบไร้คู่ก็เป็นธรรมดาที่จะเป็นจุดสนใจของผู้ชาย..ไม่ต่างอะไรกับการที่ผู้ชายมาเที่ยวกันเองก็ย่อมเป็นที่สนใจของผู้หญิงเหมือนกัน...แล้วนี่..ผู้ชายหน้าตาดีสองคนมาแบบไร้คู่..จะให้ไม่เป็นที่สนใจ..ก็คงไม่ได้...
“เฮ้ย..พี่ ผมไม่เอาหรอก..เอาเป็นว่า..พี่เต็มที่เลย..เดี๋ยวผมดูแลพี่เอง”
“ได้ไงวะ..มาเที่ยวทั้งที..มันต้องมีของติดมือ”
“ไม่อ่ะพี่..ผมตั้งใจกลับบ้านว่ะ..”
“อะไรเนี่ย..กลับไปทำไม..บ้านน่ะเมื่อไหร่ก็กลับได้..หาอะไรสนุกๆทำดีกว่า”
“ซองมินรออยู่ว่ะ..ส่วนพี่เต็มที่เลยแล้วกัน..เดี๋ยวผมดูแลให้”
“หึ!! กี่ปีก็ยังกลัวเมียเหมือนเดิมนะไอ้คยู..พี่แนะนำว่าเปลี่ยนรสชาติมั่งดีกว่า” พูดจบก็ยกแก้วเหล้าดื่มจนหมดแก้ว.. “มึงอยู่ตรงนี้นะไอ้คยูน้องรัก เดี๋ยวพี่มา” พูดจบร่างสูงๆของมยองซูก็เดินเข้าไปในกลุ่มสาวสวยที่เมื่อกี้เหมือนส่งสายตาเชื้อเชิญมาทางพวกเข้า.. มยองซูคุยกระซิบกับผู้หญิงรูปร่างบอบบางคนหนึ่งก่อนจะชี้ชวนให้หันมามองทางคยูที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ..สายตาหญิงสาวที่ส่งมาหวานฉ่ำ..ประกอบกับการแต่งกายที่รัดรูปมาก..แม้จะตัวเล็กแต่ก็มี”อะไรๆ”ให้น่ามอง..ก่อนหญิงสาวจะยกแก้วเหล้าชูขึ้นพร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานมาให้.. ขณะเดียวกันนั้นมยองซูก็คุยกับเพื่อนอีกคนหนึ่งของเธอ..ก่อนที่จะพากันเดินมาที่โต๊ะ...
“นั่งเลยครับ...เฮ้ย! คยู นี่น้องเจสสิก้า” ทันทีที่พากันเดินมาถึงโต๊ะที่มีคยูฮยอนนั่งอยู่ มยองซูก็จัดการจัดให้คนที่ชื่อเจสสิก้าเข้าไปนั่งข้างๆคยูแล้วแนะนำให้รู้จักกัน ก่อนที่ตัวเองจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวเดิมพร้อมกับผู้หญิงอีกคน
“ครับ” คยูฮยอนที่ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่ตอบรับเบาๆ
“เออ..ส่วนนี่น้องยุนอา.” มยองซูพูดจบคยูฮยอนก็ก้มหัวเล็กน้อยเป็นการตอบรับคำทักทายของยุนอาที่ส่งมาให้
“พี่คยูชอบดื่มแบบไหนคะ..เดี๋ยวเจสจะชงให้” เมื่อเห็นว่าปริมาณเหล้าในแก้วของคยูฮยอนหมดลง หญิงสาวก็รีบหยิบขึ้นมาพร้อมบริการเต็มที่
“เอ่อ..ไม่เป็นไรครับ..เดี๋ยวผมชงเองก็ได้.”
“เฮ้ย..คยูจะเรื่องมากอะไรวะ..ก็น้องเค้าเต็มใจทำให้ก็อย่าไปขัดความหวังดีของน้องเค้าสิ” เมื่อเห็นท่าทีอึกอักของคยูฮยอน มยองซูก็อดไม่ได้ที่จะพูดขัดขึ้น..
“เอ่อ..ของผม..เอาผสมบางๆพอครับ” เมื่อได้ยินดังนั้นมือเรียวที่แต่งแต้มด้วยสีแดงสดบนเล็บรีบจัดการผสมเครื่องดื่มตามที่อีกฝ่ายต้องการก่อนที่จะยกขึ้นมาจรดที่ริมฝีปากได้รูปของเจ้าของแก้ว
“พี่คยูดื่มสิคะ..เดี๋ยวเจสป้อนให้”
“เอ่อ..ไม่เป็นไรครับ พี่ดื่มเองถนัดกว่า” มือหนารีบรับแก้วขึ้นมาดื่มเอง..โดยที่มีอีกสองคนที่นั่งกอดกันนัวเนียอยู่ตรงข้ามมองมาอย่างขำๆ..
“แหม..พี่คยูนี่ดูถือตัวจังเลยนะคะ ไม่ชอบเพื่อนยุนอาขนาดนั้นเลยหรอ??”
“ไม่หรอกครับยุนอา..ไอ้คยูมันยังไม่คุ้นเคย..รอมันคุ้นกว่านี้อีกสักนิดสิครับ”มยองซูพูดจบก็ก้มลงไปหอมที่แก้มยุนอาที่นั่งเบียดกันจนแทบจะเกยอยู่บนตัก
“คิกๆ พี่มยองซูอ่า...ยุนอาเขินนะ พี่คยูคะ รีบๆทำความคุ้นเคยกับเจสเร็วๆนะคะ” พูดจบยุนอาก็หันไปให้ความสนใจกับมยองซู..โดยปล่อยให้อีกสองคนที่เหลือเค้าจัดการกันเอง
..เมื่อมยองซูกับยุนอาเข้าสู่โหมด “ส่วนตัว” คยูฮยอนจึงได้แต่หันมาส่งยิ้มแห้งๆให้กับคนที่นั่งข้างๆ..
“เอ่อ..พี่คยูคะ..ถ้าพี่ไม่พอใจหรือรำคาญ..เจสก็ขอโทษด้วยนะคะ” ใบหน้าสวยที่แต่งแต้มมาอย่างดีแสร้งก้มหน้าลงเหมือนกำลังสำนึกผิดว่าเป็นฝ่ายที่ทำให้ร่างสูงข้างๆอึดอัดใจ.
“เอ่อ..ไม่หรอกครับ เพียงแต่ผมยังไม่ค่อยคุ้นก็เลยไม่รู้จะชวนคุยอะไรดี” จบคำพูดจากคยูฮยอน เจสสิก้าก็เงยหน้าขึ้นสบตากับร่างสูงพร้อมทั้งส่งรอยยิ้มไปให้..
“แหม..ถ้าอย่างนั้น เรามาทำความคุ้นเคยกันก็ได้ค่ะ..อ่ะ..พี่คยูดื่มนะคะเดี๋ยวเจสป้อนให้เอง” คยูฮยอนมีท่าทีอึกอักแต่ก็ยังไม่ยอมดื่มเหล้าจากแก้วที่หญิงสาวยกขึ้นมาป้อน.. “อ่า..พี่คยูคงไม่ชอบเจสจริงๆ”
“เอ่อ..ไม่ใช่นะครับ” เมื่อได้ยินแบบนั้น คยูฮยอนก็รีบแก้ขึ้นมาทันทีเพราะไม่อยากให้หญิงสาวคิดอะไรมาก..แม้ว่าตัวเองนั้นจะไม่อยากยุ่งกับผู้หญิงคนนี้สักเท่าไหร่..แต่ด้วยความที่เค้ามีมารยาทมากพอที่จะไม่หักหาญน้ำใจของหญิงสาว..เพราะถือว่ายังไงซะพี่มยองซูเป็นคนพามา..แล้วอีกอย่างเค้าก็ไม่คิดจะสานสัมพันธ์อะไรด้วยอยู่แล้ว..
“งั้นพี่คยูดื่มสิคะ”มือบางยกแก้วเหล้าขึ้นป้อน ก่อนจะยกยิ้มพรายเมื่อคยูฮยอนยอมดื่มเหล้าที่เธอป้อน
“เอ๊ะ..พี่คยูกับเจสคงอยากจะทำความคุ้นเคยกันสองต่อสองแล้วมั้ง?? พี่มยองซูคะ..ยุนอาว่าเราไปหาที่คุยกันเงียบๆดีกว่ามั้ย..เปิดโอกาสให้เค้าสองคนหน่อย” ยุนอาที่หันมาเห็นว่าคยูฮยอนยอมรับสิ่งที่เจสสิก้าทำให้ จึงหันไปบอกกับคนที่ตัวเองนั่งซ้อนอยู่บนตัก..ซึ่งผลตอบรับก็เป็นไปตามที่ต้องการ..มยองซูจับเอวคอดของหญิงสาวประคองให้ลุกขึ้นก่อนตัวเองจะลุกตามแล้วโอบกอดยุนอาไว้ ก่อนจะหันไปบอกกับคนที่นั่งอยู่
“เฮ้ย!!คยู เดี๋ยวพี่มานะ ขอเวลาไปหาที่คุยกับยุนอาเงียบๆก่อน ตรงนี้เสียงดังคุยไม่รู้เรื่อง”
“อ้าวพี่..นานรึป่าว..ผมจะได้กลับก่อน” เมื่อเห็นว่ารุ่นพี่คงจะต้องคุยธุระกับคนที่โอบไว้นาน คยูเลยจะขอตัวกลับก่อน
“แป๊บเดียว..แค่อยากลุกเดินให้สร่างหน่อยว่ะ เมื่อกี้ล่อเพียวๆไปหลายแก้วเหมือนกัน..มึงก็ไม่ต้องรีบกลับอยู่เป็นเพื่อนคุยกับเจสไปก่อน” พูดจบก็พากันเดินออกไปทางหลังร้าน..ที่มีมุมสำหรับให้แขกที่มาเที่ยวได้ออกมานั่งพักหรือคุยโทรศัพท์
“พี่คยูคะ..ดื่มอีกมั้ย” เมื่อเห็นว่าสองคนนั้นเดินออกไปแล้ว เจสสิก้าก็พยามยามที่จะป้อนเหล้าให้กับคยูฮยอนอยู่เรื่อยๆ ทว่าคยูฮยอนก็ปฏิเสธอยู่บ่อยครั้ง เพราะตั้งใจแล้วว่าจะไม่ดื่มให้เมาจนขับรถไม่ได้..
..หญิงสาวยกแก้วขึ้นดื่มเองเรื่อยๆ เมื่อเห็นทีท่าว่าคยูฮยอนคงจะไม่ยอมให้ป้อนอีกเป็นแน่..เมื่อเห็นว่าผู้ชายที่นั่งด้วยกันไม่ได้มีทีท่าสนใจอะไรนัก เจสสิก้าพยายามส่งสายตายั่วยวนให้คนข้างกายแต่ผลตอบรับก็เหมือนเดิม..คยูฮยอนเพียงแค่มองแล้วยิ้มให้น้อยๆก่อนจะละสายตามองบรรยากาศภายในร้านแทน..
...เกินไปแล้ว..ไม่เคยมีผู้ชายสักคนที่จะปฏิเสธเจสสิก้า..มีแต่จะวิ่งเข้าหา..แต่นี่อะไร??ผู้ชายคนนี้กล้ามากเลยนะที่ทำเหมือนเธอไม่มีตัวตนขนาดนี้..เฮอะ!!โจ คยูฮยอน รู้จักเจสสิก้าคนนี้น้อยไปแล้ว...
เจสสิก้ายกแก้วเหล้าขึ้นดื่มทีเดียวหมดแก้วก่อนจะย้ายตัวเองลุกขึ้นแล้วเคลื่อนกายเต้นยั่วยวนร่างสูงที่นั่งอยู่ด้วย เรียวขาขาวภายใต้กระโปรงสั้นขยับโยกย้ายทำให้กระโปรงที่สั้นมากอยู่แล้วกลับร่นสูงขึ้นไปอีก ร่างบางระหงโยกย้ายร่างกายไปมาตามจังหวะเพลง..แต่..ก็ยังไม่วายที่จะสัมผัสกับคนที่นั่งอยู่ เจสสิก้าแกล้งก้มลงต่ำเพื่อหยิบแก้วเหล้า เผยให้เห็นเนินเนื้ออวบที่อยู่ภายใต้ชุดสวยผ่านทางคอเสื้อที่คว้านลึก ..เหมือนจงใจจะให้อีกฝ่ายเห็น..หญิงสาวยังคงเต้นยั่วเย้าคยูฮยอนพร้อมกับยกแก้วดื่มไปเรื่อยๆโดยไม่สนใจว่าอีกคนจะทำหน้าแบบไหน..
..เอาสิ!! คยูฮยอนทนได้ก็ทนไป..แต่จะนานแค่ไหนล่ะ?? เพราะเท่าที่ผ่านมาไม่เคยมีใครทนได้นานสักที..
..อดทน อดกลั้น..คำนี้คงจะเหมาะกับคยูฮยอนตอนนี้ที่สุด..เพราะรู้ว่าหญิงสาวต้องการอะไร..แต่..เค้าต้องอดใจไม่ให้เกินเลย.. “ไม่อยากทำผิดกับซองมิน” คยูฮยอนท่องคำนี้อยู่ในใจ แม้ร่างกายจะรู้สึกร้อนขึ้นมามากแค่ไหน.. ก็นะ เค้าก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆคนนึง..ถ้าเจออะไรที่ยั่วยวนแบบนี้มันก็ต้องมีบ้างแหละที่เผลอไผลไป..แต่..ถ้าให้เลือก..คยูฮยอนขอเลือกกลับไปหาร่างกลมๆนิ่มๆที่บ้านดีกว่า..
..หลังจากที่เต้นสักพัก ประกอบกับดื่มไปเยอะด้วย ทำให้ตอนนี้เจสสิก้านั่งซบลงไปกับไหล่ของคยูฮยอนโดยที่เจ้าตัวไม่ว่าอะไรเพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงเมาจนประคองร่างกายไม่ไหว..มีบ้างที่หญิงสาวจะชวนพูดคุย..ซึ่งคยูฮยอนก็ยังคงทำได้เพียงถามคำตอบคำ..
..เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง วี่แววของรุ่นพี่กับคู่ควงก็ยังไม่กลับมา..คยูฮยอนก็ยังคงนั่งจิบเหล้าบางๆไปเรื่อยๆรอเวลา แต่เจสสิก้านี่สิ..ตอนนี้คงจะเมามากในระดับหนึ่งแล้ว..ถึงได้นั่งคอพับคออ่อนพิงไปกับอกแกร่งของคยูฮยอนอย่างเต็มตัว..บางครั้งหญิงสาวก็พลิกตัวไปมามันทำให้อะไรๆบางส่วนของหญิงสาวเสียดสีไปกับตัวเค้า..จะผลักออกก็ดูเหมือนจะใจร้ายเกินไป..เพราะเจสสิก้าคงจะไม่รู้เรื่องจริงๆ..แต่ถ้าจะบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลย..คยูฮยอนก็คงโกหก..แต่ที่อดทนไว้ก็เพราะใบหน้ากลมและน้ำเสียงที่เจือสะอื้นของคนที่โทรคุยเมื่อตอนค่ำมันยังอยู่ในหัวใจและความคิด..ทำให้คยูฮยอนไม่เผลอใจไปกับสิ่งยั่วยุอื่นๆ..
จนเมื่อถึงเวลาใกล้ปิดร้าน คยูฮยอนถึงได้เห็นสองร่างที่หายไปนานเดินประคองกอดกันเข้ามา...แม้จะพากันเดินมาถึงโต๊ะแล้วแต่มยองซูก็ยังไม่ปล่อยให้ยุนอาได้นั่งอย่างอิสระ มือหนายังคงโอบกอดลูบไล้บนเรือนร่างของหญิงสาวไปเรื่อยๆ โดยที่ฝ่ายหญิงก็ไม่ได้ว่าอะไร
“เฮ้ย..พี่ ผมว่ากลับเลยดีกว่า จะตีหนึ่งแล้ว อีกอย่างร้านก็จะปิดแล้วด้วย” คยูฮยอนเห็นว่าอีกฝ่ายเดินกลับมาแล้วแต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับบ้าน แถมยังมัวแต่สนใจคู่ควงจนเหมือนจะลืมว่าจุดประสงค์ของการมาดื่มครั้งนี้คือ “ไม่ได้เจอกันนาน” แต่เอาจริงๆไอ้รุ่นพี่นี่มันไม่ได้สนใจเค้าเลย...
“เออ..กลับก็ได้วะ..มึงไปส่งน้องเจสเค้าที่บ้านด้วยนะ..เพราะพี่จะต้องไปส่งยุนอา” เมื่อได้ยินรุ่นน้องชวนกลับบ้าน มยองซูจึงละสายตาจากเรือนร่างเย้ายวนหันมาคุยกับคยูฮยอน
“เอ่อ..พี่คยูคะ ยุนอารบกวนพี่คยูด้วยนะคะ ดูท่าทางแล้วเจสคงกลับเองไม่ได้แน่ๆ” ยุนอาเหลือบมองเพื่อนสาวที่มาด้วยกันแต่ตอนนี้นอนหลับซบอยู่ที่อกคยูฮยอน
“เอ่อ...ครับ”จะปฏิเสธก็ใช่ที่ เพราะเจสสิก้าเมาหลับไปขนาดนี้ จะปล่อยได้ยังไง อีกอย่างคืนนี้ยุนอาก็คงจะไปต่อกับรุ่นพี่ของเค้าแน่ๆ
“ขอบคุณค่ะ..ยุนอาฝากด้วยนะคะ บ้านของเจสอยู่ที........” ยุนอายิ้มหวานเมื่อได้รับคำตอบที่พอใจก่อนที่จะบอกที่อยู่ของเพื่อนตัวเองให้กับคยูฮยอน
“เออ..งั้นเรียกเช็คบิลเลย”
“เรียบร้อยแล้วพี่”
“เออ..งั้นกลับเลยดีกว่า..ป่ะ..ยุนอา ครับ กลับเลยเนอะ..”เมื่อรู้ว่าคยูฮยอนจ่ายเรียบร้อยแล้วมยองซูจึงลุกขึ้นก่อนจะหันไปหายุนอาที่ยืนมาเคียงกัน “อ้อ..ไอ้คยู ไปส่งน้องเจสสิก้าให้ถึงบ้านด้วยนะ ทางที่ดี ถึงสวรรค์เลยก็ได้นะเว้ย” ก่อนที่จะเดินออกไปมยองซูยังไม่วายที่จะหันมากระซิบกับคยูฮยอนที่กำลังจัดการกับ “ภาระ”ที่จำเป็นต้องรับผิดชอบ...
“ไอ้รุ่นพี่ครับ ถ้าไม่ช่วยก็เงียบไปเลย” คยูฮยอนหันหน้ามาถลึงตาใส่รุ่นพี่ที่ตอนนี้หัวเราะร่ากับการได้แหย่ คยูฮยอน ก่อนที่จะพากันเดินออกไปทิ้งคยูฮยอนให้ประคองร่างหญิงสาวที่เมาหลับเดินออกไปที่รถ
..เอาวะ!!รีบๆไปส่งจะได้รีบกลับไปง้อ “เมีย” ..
เมื่อจัดการให้หญิงสาวเข้ามานอนตรงที่นั่งข้างคนขับพร้อมกับจัดระเบียบเรียบร้อย คยูฮยอนก็รีบออกรถไปยังบ้านของเธอทันที...
..สายตาคมมัวแต่จับจ้องอยู่บนท้องถนนเพราะรู้ตัวว่าดื่มไปเยอะพอสมควร..เริ่มมึนๆเหมือนกัน..แต่ก็ยังพอรู้ตัวและมีสติที่จะขับรถกลับเองได้..คงเพราะเอาสติไปอยู่กับการขับรถมากเกินไปทำให้มองไม่เห็นรอยยิ้มร้ายบนริมฝีปากที่เคลือบไปด้วยลิปสติกสีสดของคนที่ “แกล้ง”หลับอยู่เบาะข้างๆ...
เวลาเกือบๆครึ่งชั่วโมงคยูฮยอนก็นำรถมาจอดที่คอนโดแห่งหนึ่ง แล้วลงจากรถแล้วมาเปิดประตูด้านที่เจสสิก้านอนอยู่ ก่อนจะลองปลุกหญิงสาว
“เจส..เจสครับ” มือแกร่งเอื้อมมาเขย่าตัวหญิงสาวเบาๆ “เจส..ถึงบ้านแล้วครับ”
“อ๊ะ...อืมมมมม....” เจสสิก้าปรือตาน้อยๆก่อนจะกระพริบตาเพื่อปรับสายตา “อ่า..ถึงแล้วหรอคะ..”
“เอ่อ..คุณเดินไหวมั้ย?? เอ่อ..” คยูฮยอนอึกอักที่จะถาม..เพราะในใจน่ะอยากกลับบ้านแล้ว
“พี่คยูคะ..ช่วยไปส่งเจสที่ห้องทีนะคะ เจสมึนหัวมากเลยค่ะ”
“อ่ะ..เอ่อ..ครับ” หน้าคมพยักรับเบาๆก่อนจะรับเอาร่างบางที่ลุกออกมาจากรถแล้วโถมใส่เค้าเต็มตัว
“เอ่อ..เจสขอโทษค่ะ..” เอ่ยขอโทษแต่ก็ยังไม่ยอมผละตัวออกมา ทำให้คยูฮยอนต้องประคองเอาไว้ก่อนจะเอื้อมมือมาปิดประตูแล้วประคองร่างหญิงสาวเข้าไปในคอนโดตามที่เจสสิก้าบอก..เมื่อถึงหน้าห้องแทนที่หญิงสาวจะปล่อยให้คยูฮยอนกลับไป....แต่กลับ..
“พี่คยูคะ..เจสไม่ไหวจริงๆ เหมือนโลกหมุนจนเจสมึนหัวมากเลย..รบกวนพี่คยูเดินไปส่งเจสข้างในหน่อยได้มั้ยคะ..แค่ตรงโซฟาก็ได้ค่ะ”
“เอ่อ...ครับ” ไหนๆก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เอาเธอไปส่งให้ถึงที่ก่อนก็ได้(วะ) ร่างสูงเอื้อมมือไปเปิดห้องหลังจากที่เจสสิก้าใช้คีย์การ์ดวางทาบตรงหน้าห้องแล้ว..ก่อนจะพยุงหญิงสาวเข้าไปในห้องแล้วพาเธอไปนั่งตรงโซฟารับแขก..ระหว่างที่กำลังประคองให้เธอนั่งลง
“อ๊ะ!!” เจสสิก้าแกล้งทำเป็นหมดแรงทิ้งตัวลงกับโซฟา โดยที่คยูฮยอนไม่ทันระวังตัวเลยล้มลงไปตามแรงดึงเพราะแขนของหญิงสาวที่ยังโอบอยู่ตรงเอวหนาตั้งแต่ตอนที่คยูฮยอนประคองเข้ามาส่ง
“เอ่อ..ผมว่าเจสเมามากแล้ว..นอนพักนะครับ” พูดจบก็พยายามดันร่างตัวเองออกมา
“อื้อ..ใครว่าเจสเมา..” มือเรียวพยายามจะขืนกายแกร่งของคยูฮยอนไว้ ริมฝีปากบางก็พยายามที่จะคลอเคลียที่ซอกคอของชายหนุ่ม..แต่..คยูฮยอนที่แม้จะมึนหัวจากการดื่มเหล้าแต่ก็ยังมีสติดีพอที่จะรับรู้..จึงได้ขืนตัวออกมาในทันที..
“ผมกลับก่อนนะครับ พอดีภรรยาผมรออยู่ที่บ้าน” พูดจบก็เดินออกจากห้อง ทิ้งให้หญิงสาวนั่งโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่ไม่สามารถยั่วยวนได้สำเร็จ
..ก็ในเมื่อปฏิเสธแบบนิ่มนวลแล้วไม่ได้ผล คยูฮยอนก็ต้องเอาจริงแล้วล่ะ..เฮ้อ..ผู้หญิงอะไรเจอกันแป๊บเดียวแต่มาเชื้อเชิญได้ขนาดนี้..ถ้าเป็นเมื่อก่อนเค้าคงไม่ปฏิเสธอาการเชื้อเชิญผู้หญิงคนนี้แน่ๆ.แต่..ตอนนี้เค้ามีซองมินแค่นี้เค้าก็พอแล้ว..อีกอย่างตอนนี้แค่ “เวลา” เค้ายังไม่มีให้ซองมินเลย แล้วทำไมจะต้องมา “เสียเวลา”โดยไร้ประโยชน์กับผู้หญิงแบบนี้..สู้เอาเวลากลับไปง้อเมียที่บ้านไม่ดีกว่าหรอ??..
........
...................
คยูฮยอนใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ขับรถกลับถึงบ้าน ทันทีร่างสูงเปิดประตูเข้าไปก็พบกับโพสอิทสีชมพูใสแปะที่บอร์ดข้างๆประตูที่มีไว้สำหรับติดข้อความไว้เตือนหรือบอกกับอีกคน
“ถ้าหิวเราทำข้าวต้มไว้ให้” ขายาวๆก้าวเข้าไปในส่วนของห้องครัวก็พบว่ามีข้าวต้มวางอยู่บนโต๊ะ แม้อยากจะอาบน้ำให้หายมึนหัว แต่คยูฮยอนก็เลือกที่จะกินข้าวต้มให้หมดก่อน เพราะรู้ดีว่าในทุกครั้งที่เค้าไม่ได้บอกซองมินว่าจะไปนอนที่ไซส์งาน ซองมินก็จะต้องเตรียมอาหารไว้รอเค้าเสมอและก็มีอีกหลายครั้งที่ซองมินจะต้องทำอาหารรอเค้าเก้อ เพราะเค้าติดงานกะทันหันหรือเคลียร์งานไม่เสร็จจนต้องนอนค้างที่อื่นบ่อยๆ..คยูฮยอนรู้ตัวว่าช่วงนี้ “เรา” ห่างเหินกันมาก อยู่บ้านเดียวกันแต่แทบจะไม่ได้เจอกันเลย..แต่จะให้ทำยังไงในเมื่อตอนนี้ต่างฝ่ายต่างต้องรับผิดชอบในหน้าที่ตัวเอง ช่วงสามสี่เดือนมานี้เค้าได้เจอกับซองมินไม่ถึงสิบครั้ง มันก็ไม่แปลกหรอกที่..เราจะทะเลาะกัน..ในเรื่องเล็กน้อยแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน..อีกอย่างวันนี้เค้าเผลอขึ้นเสียงใส่ซองมินไปด้วย..คยูฮยอนรู้ว่าซองมินคงตกใจไม่น้อยเพราะไม่เคยเจออะไรแบบนี้..
ทานข้าวเสร็จแล้วร่างสูงก้าวเข้าไปในห้องเงียบๆเพราะไม่อยากให้เสียงดังรบกวนให้คนตัวกลมที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงต้องตื่น มือหนาเอื้อมไปหยิบชุดนอนที่ซองมินเตรียมไว้ให้(เหมือนเคย) เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะต้องมานั่งมองคนที่นอนหลับลึกให้หายคิดถึง.. คยูฮยอนไล้หลังมือไปบนใบหน้าเนียนเบาๆ ร่องรอยแห่งการร้องไห้ยังมีให้เห็นบนใบหน้าหวาน มันสะท้อนให้คยูฮยอนรู้สึกผิดที่เผลอทำให้ซองมินต้องร้องไห้ แค่เรื่องที่เค้าผิดนัดและก็ไม่มีเวลาให้ซองมินมันก็แย่พอแล้ว..แต่เค้ากับมาตะคอกใส่อีก...ฉันขอโทษจริงๆนะซองมิน..
“อืมมมม” ใบหน้าหวานขยับเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นมา “อ่า..คยูกลับมาแล้วหรอ” ซองมินถามเบาๆราวกับว่าไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเมื่อตอนค่ำ ก่อนจะดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งโดยที่มีคยูฮยอนช่วยประคองขึ้น
“อือ..ฉันมากวนให้ซองมินตื่นเลย..นอนไปต่อเถอะ เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำก่อน”
“ไม่เป็นไร เรารอนอนพร้อมคยูดีกว่า อ๊ะ” เมื่อสายตาปรับโฟกัสได้ดีขึ้น สายตากลมเหลือบไปเห็นร่องรอยบางอย่างบริเวณต้นคอของคยูฮยอน ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบเบาๆพร้อมกับจ้องไปที่ตาคม “คยู!!ถ้าจะกลับมาแล้วให้เราต้องเห็นอะไรแบบนี้อย่ากลับมาดีกว่า” เสียงของซองมินแข็งขึ้นมาทันที
“อะไรอีกล่ะซองมิน”
“ก็รอยนี่ยังไง..มันเต็มไปหมด ถึงว่าอยากจะไปเจอกับรุ่นพี่มากจนไม่อยากกลับบ้านกับเรา” นิ้วอวบๆชี้ไปยังแหล่งที่มาของปัญหา ซึ่งมันก็ไม่ได้มีแค่ตรงต้นคอเท่านั้น มันกับมีประปรายไปทั่วแม้กระทั่งตรงอก ใบหน้าคมก้มต่ำลงมองตามนิ้วของซองมิน..ก็ไม่ได้คิดอะไรเลยไม่ได้ระวังตัว จนลืมนึกถึงร่องรอยเจ้าปัญหาพวกนี้ “พี่มยองซูคงไม่ได้ใช้ลิปสติกสีแดงหรอกมั้ง” เสียงหวานเริ่มสั่นเครือเล็กน้อย
“ซองมิน มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ มันไม่มีอะไรแค่น้องเค้ามานั่งด้วยแล้วเค้าเมาไม่รู้เรื่อง” คยูฮยอนรีบอธิบายให้คนตรงหน้าเข้าใจ
“คงไม่รู้เรื่องมากเลยเนอะ ถึงได้ทิ้งร่องรอยไว้ได้ขนาดนี้”ตอนแรกที่ตื่นมาเจอ ก็คิดว่าจะไม่ชวนทะเลาะเรื่องอะไรที่ผ่านมาแล้วก็ปล่อยผ่านไป แต่พอเห็นรอยลิปสติกมากมายขนาดนี้มันก็อดไม่ได้ที่จะ “คิดมาก”
“ซองมิน ถ้าฉันทำอะไรแบบนั้นจริงๆจะทิ้งร่องรอยให้ซองมินเห็นแบบนี้หรอ??” สีหน้าของคยูเคร่งเครียด อธิบายพร้อมกับจ้องไปที่ตากลมหวานเพื่อยืนยันความจริงผ่านสายตา
“งั้นก็แปลว่าที่ผ่านๆมาคยูเคยทำแล้วก็ปิดบังเราน่ะสิ..แต่ก็อย่างว่าแหละไม่ค่อยได้เจอกัน..เราคงต้องทำใจรับเรื่องแบบนี้ใช่มั้ย”
“ซองมิน !! นี่อย่าคิดไปเองอะไรแบบนี้สิ ฉันไปทำงานก็คือทำงาน แล้วฉันไม่เคยที่จะทำอะไรแบบนั้นด้วย..แม้แต่จะคิดฉันก็ไม่เคย”
“ไม่เป็นไรหรอกคยู เราเข้าใจ คยูทำอะไรแล้วสบายใจคยูก็ทำเถอะ”ซองมินไม่ได้อยากงี่เง่าชวนทะเลาะนะ แต่ตอนนี้มันบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร ความน้อยใจ ความเสียใจ และความเหงาในช่วงเวลาที่ต้องห่างกันมันทำให้ซองมิน..งี่เง่าอยากเรียกร้องความสนใจจากคยูฮยอน.. แค่นั้นเอง
“ซองมิน..ฟังกันบ้างสิ!!ฉันบอกแล้วไงว่าไม่เคยแม้แต่จะคิด แล้วยังจะมาพูดอะไรแบบนี้อีกทำไม” มือหนาเผลอบีบไปที่ไหล่ขาวเพราะแรงอารมณ์โมโหเริ่มกรุ่นๆเพราะซองมินไม่รับฟังอะไรเลยแถมยังจะพูดจาชวนทะเลาะอีก
“ฮึก!!คยู เราเจ็บ”เสียงสั่นของซองมินนั่นแหละที่เรียกสติของคยูฮยอนได้ มือหนาละออกมาจับที่มือของซองมินแทน “คยูไม่เคยทำกับเราแบบนี้ ตั้งแต่ช่วงที่เราห่างกันนี่แหละที่คยูเปลี่ยนไป จากไม่เคยผิดนัดเราก็ผิดนัดบ่อยขึ้นมาก คยูไม่เคยแม้แต่จะพูดจาให้เราเสียใจแต่ตอนนี้คยูกลับตะคอกใส่เรา..แล้วจะไม่ให้เราคิดมากได้ยังไง”
“ซองมินฟังฉันบ้างสิ มันไม่มีอะไรจริงๆ ฉันทำแต่งานทุกวันนี้งานยุ่งมาก งานเยอะขึ้นปัญหาก็เยอะขึ้น แค่เรื่องงานฉันก็มีเรื่องให้ปวดหัววุ่นวายมากพอแล้ว กลับมาบ้านฉันก็อยากจะพักผ่อนไม่ใช่มานั่งทะเลาะกันแบบนี้”
“ขอโทษที่เราสร้างเรื่องปวดหัวให้คยูเพิ่ม จริงนั่นแหละกลับมาแทนที่คยูจะได้พักผ่อนเรากลับมาชวนคยูทะเลาะอีก งั้นคยูไปอาบน้ำแล้วนอนเถอะ เดี๋ยวเราจะไปนอนที่ห้องเล็กแล้วกัน คยูจะได้นอนพักผ่อนสบายๆ” พูดจบก็หันหน้าเมินไปอีกทางพร้อมกับพยายามดึงมือให้หลุดจากการที่ถูกมือหนากุมไว้..ซองมินรู้ตัวดีว่าพูดแบบนี้ออกไปมันอาจจะทะเลาะกันหนักขึ้น..แต่อย่างที่บอกในช่วงที่ผ่านมาเราสองคนห่างเหินกันมากทั้งที่พยายามเข้าใจอีกฝ่ายแต่ด้วยระยะเวลาห่างเหินที่ยาวนานมีนทำให้ซองมินคิดวุ่นวายไปหลากหลายเรื่อง แล้วเมื่อซองมินพยายามปรับการทำงานของตัวเองเพื่อ “ลด”ช่องว่างที่เกิดขึ้น “ระหว่างเรา”ให้แคบลงแต่คยูฮยอนยังคงเหมือนเดิม มันทำให้ซองมินเหนื่อยกับความพยายามอยู่คนเดียว พอทะเลาะกันคราวนี้ก็เลยเผลอพูดจาประชดประชันออกไป
จบคำพูดประชดประชันของซองมินปุ๊บ อารมณ์ที่พยายามเก็บไว้ของคยูฮยอนมันก็ขาดผึ่งออกมา..มันน่าโมโหคนตรงหน้านี้มั้ยล่ะ ทั้งๆที่เค้าบอกแล้วว่าไม่มีอะไรก็ไม่ฟัง อุตส่าห์รีบกลับมาง้อเพราะรู้ว่าวันนี้ทำผิด แต่พอกลับมาถึงกับโดนหาเรื่องทะเลาะแทนที่จะฟังเหตุผลแล้วคุยกันดีๆให้เข้าใจ
“ไม่ต้องไปนอนห้องนั้นหรอกซองมินนอนห้องนี้แหละ เพราะถ้าไม่อยากนอนกับฉันก็บอกตรงๆก็ได้ ฉันจะได้ไปนอนที่อื่นสักพัก เว้นช่วงให้เราสองคนได้คิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา..”
“ฮึก...คยูพูดแบบนี้เพราะอยากเลิกกับเราใช่มั้ย?? อย่าเว้นช่วงเลยดีกว่า เราว่าเลิกกันไปเลย!!” เสียงพูดสั่นเครือทั้งๆที่พยายามจะกลั้นไม่ให้ตัวเองร้องไห้..
“ซองมินรู้ตัวรึป่าวว่าพูดอะไรออกมา ฉันเคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าพูดคำนี้ถ้าไม่ได้อยากเลิกกันจริงๆ เอาเป็นว่าฉันจะถือว่าไม่ได้ยินคำนี้แล้วกัน แต่ถ้าจะให้มานั่งเคลียร์เรื่องทุกอย่างตอนนี้ก็คงไม่ไหว เพราะตอนนี้ซองมินไม่ได้ใช้เหตุผลมาคุย ยิ่งคุยก็ยิ่งทำให้ทะเลาะกัน ฉันก็โกรธเหมือนกันที่ซองมินไม่ฟังอะไรเลย เอาเป็นว่าซองมินพร้อมเมื่อไหร่ค่อยมาคุยกันนะ ตอนนี้นอนเถอะ ฉันจะไปนอนที่อื่นสักพัก” คยูฮยอนยันตัวเองลุกขึ้นก่อนจะหยิบเอาชุดนอนที่วางไว้ข้างกายถือกลับออกไป ..
เสียงประตูปิดลงแล้ว ซองมินที่ตอนแรกพยายามกดอารมณ์ตัวเองไว้ไม่ให้ร้องไห้ แต่เพียงแค่แผ่นหลังกว้างเดินออกไปแค่นั้นน้ำตาที่เก็บกักไว้ไหลออกมาเปรอะทั่วแก้มนวล ซองมินร้องไห้จนตัวโยน ในใจก็คิดโทษตัวเองที่เป็นฝ่ายชวนทะเลาะทั้งๆที่คยูฮยอนกลับมาหา ในตอนนี้ซองมินโกรธตัวเองมากที่ทำตัวงี่เง่าไม่น่ารัก แต่ถ้าใครไม่มาอยู่ตรงจุดนี้ก็คงไม่เข้าใจ
...ซองมินอยากจะถามว่าผิดหรอที่ซองมินจะคิดมากเรื่องที่อีกฝ่ายมีคนอื่น ผิดหรอที่ซองมินอยากได้ความเอาใจใส่จากคนรักเหมือนเดิม แล้วผิดหรอที่ซองมินจะเรียกร้องความสนใจจากคนรัก .. ก็ในเมื่อซองมินคิดว่าคู่เราห่างกันมาก ห่างกันจนเกิดเป็นช่องว่างในใจที่มากพอจะทำให้ซองมินคิดกลัวว่าจะมี “อะไร” มาแทรกตรงกลางระหว่างช่องว่างนั้น...
............
.......................
รถยนต์สีดำขับอยู่บนท้องถนนด้วยความเร็วสูง..คยูฮยอนเลือกที่จะระบายอารมณ์โกรธโดยการเหยียบคันเร่งแล้วปล่อยใจไปกับความเร็ว..หวังว่าจะให้ความเร็วกระชากอารมณ์พวกนี้ออกไปจากใจ ทั้งที่ตอนแรกตั้งใจจะกลับไปหาคนตัวกลมแล้วนอนกอดให้หายเหนื่อย แต่นี่กลับต้องมาทะเลาะกันแทนแล้วซองมินยังหลุดปากคำว่าเลิกกันมาอีก..จะอะไรกันนักหนา..ความเชื่อใจ ความเข้าใจ ความมั่นใจที่ซองมินเคยมีให้เค้าตลอดมาหายไปไหนหมด ??..เค้าพยายามทำงานอย่างหนักก็เพราะอยากจะสร้างครอบครัว อยากจะรับผิดชอบซองมินให้เต็มที่ ไม่อยากให้ซองมินต้องทำงานหนัก แล้วช่วงนี้เป็นช่วงที่เค้าต้องกอบโกยและสร้างชื่อเสียงในเรื่องการทำงานเค้าจึงทุ่มทั้งแรงกายแรงใจ..แต่ก็ไม่คิดว่าผลของมันจะออกมาในรูปแบบนี้
นิ้วเรียวถูกยกขึ้นมากดตรงหว่างคิ้วและหัวตาเพื่อกระตุ้นให้ลดอาการง่วงนอนลงไปบ้าง..ตอนนี้คยูฮยอนรู้ตัวเองว่าเหนื่อยล้ามากแล้ว..จะกลับไปนอนที่ไซส์งานก็คงขับรถไม่ถึงแน่ๆ มือหนาควานหาโทรศัพท์ที่วางอยู่ตรงช่องวางของข้างๆเบาะเพื่อจะโทรไปบอกเพื่อนรักว่าจะเข้าไปนอนด้วย เมื่อหยิบได้แล้วก็ยกขึ้นมากดเพื่อหารายชื่อของ คิบอม สายตาคมก้มลงมองที่จอโทรศัพท์ก่อนจะเหลือบขึ้นมาจับจ้องบนท้องถนน
“เฮ้ย!!!!!!!!!”
.....ฟิ้ว.....
...เอี๊ยด......
“โครม!!!!!!!!!!!!!”
......................
.................................
... กริ๊ง...
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในขณะที่ซองมินร้องไห้จนเผลอหลับไป..ตากลมลืมตาขึ้นแล้วเหลือบมองนาฬิกาที่โต๊ะข้างเตียงเข็มสั้นชี้ตรงเกือบๆเลขสี่ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าใครจะโทรมาหาตอนนี้??มืออวบหยิบโทรศัพท์ออกมาดูหน้าจอที่ปรากฏเบอร์โทรศัพท์ของคนที่ออกไปตอนตีสองกว่าๆเมื่อกดรับยังไม่ทันที่ซองมินจะพูดอะไร กลับมีเสียงของผู้ชายที่ไม่คุ้นแทรกขึ้นมาก่อน
(สวัสดีครับ ผมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนะครับ ไม่ทราบว่าคุณรู้จักหรือทราบข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าของเบอร์โทรนี้มั้ยครับ)
“ครับ..มีอะไรรึป่าวครับ?? ผมเป็นญาติของคยูฮยอนครับ” ตกใจมาก!! ตอนนี้ซองมินตกใจมากที่รู้ว่าบุคคลที่โทรมาเป็นใคร..
(พอดีตอนนี้เค้าเกิดอุบัติเหตุ รถชนข้างทางเราได้นำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลXXXยังไงผมขอเชิญคุณมาที่โรงพยาบาลด้วยนะครับ) เสียงคุณตำรวจบอกรายละเอียดเบื้องต้นให้รับรู้ ตอนนี้น้ำตาที่เพิ่งแห้งไปจากตากลมหวานกลับไหลลงมาอีกครั้ง ดูท่าครั้งนี้จะเยอะกว่าครั้งก่อนมาก..ซองมินไม่รู้ว่าคุณตำรวจวางสายไปเมื่อไหร่..ซองมินรู้แค่ว่าตอนนี้ “คนที่ซองมินรักที่สุด” อยู่ที่ไหน ซองมินบอกกับตัวเองว่าคยูฮยอนไม่เป็นอะไร..
...
................
ซองมินก้าวลงจากรถพร้อมกับพยายามวิ่งไปห้อง ICU ให้เร็วที่สุด ด้วยความที่รีบออกมาจากบ้านทำให้สภาพของซองมินตอนนี้มีเพียงเสื้อคลุมที่ใส่ทับชุดนอนกับรองเท้าสลิปเปอร์แต่ซองมินก็ไม่ได้สนใจ เพราะตอนนี้ใจของซองมินถูกส่งไปอยู่กับคนที่นอนไม่รู้เรื่องอยู่ภายในห้อง ซองมินใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีในการขับรถมาโรงพยาบาลหลังจากที่ได้รับโทรศัพท์จากคุณตำรวจ
เมื่อมาถึงหน้าห้องที่คุณตำรวจบอกไว้ ซองมินก็เห็นว่ามีตำรวจอยู่สองท่านแล้วก็ผู้ชายสูงอายุอีกหนึ่งคน ขาเล็กจึงก้าวเข้าไปก่อนจะโค้งทักทาย “สวัสดีครับ”เสียงใสที่ติดจะหอบเล็กน้อยจากการวิ่งเรียกให้ทุกคนหันมามอง “เอ่อ..ผมซองมิน เป็นญาติของผู้ป่วยครับ”
“ครับคุณซองมิน พอดีเราเห็นเบอร์โทรศัพท์คุณเป็นเบอร์สุดท้ายที่โทรออกก็เลยลองโทรไปครับ” คุณตำรวจวัยกลางคนเป็นคนบอกให้ซองมินรู้ที่มา ก่อนจะชวนซองมินให้นั่งลง
“ขอบคุณนะครับ แล้วคยูเป็นยังไงบ้างครับ” สายตาซองมินจ้องมองไปทางประตูห้องบานใหญ่ที่ปิดอยู่..ตอนนี้ใบหน้าหวานมีริ้วรอยแห่งความกังวลและมีร่องรอยของคราบน้ำตาที่เหมือนเพิ่งจะแห้งไป..
“ดูจากสภาพภายนอกแล้วก็พอสมควรครับ..แต่ยังดีที่คนเจ็บคาดเข็มขัดนิรภัยแล้วระบบเซฟตี้ก็ช่วยได้ค่อนข้างเยอะ” คุณตำรวจพูดเสร็จก็หันไปหยิบของที่วางอยู่บนเก้าอี้ใกล้ๆตัวก่อนจะยื่นให้ซองมินที่ตอนนี้นั่งน้ำตาคลอ “นี่เป็นของมีค่าที่พบในตัวและก็รถของคนเจ็บครับ ส่วนของอื่นๆยังอยู่ที่รถ ตอนนี้เราเอารถไปไว้ที่สถานีตำรวจแล้ว” คุณตำรวจหยุดพูดแล้วมองที่ใบหน้าเปรอะน้ำตาของซองมิน “คุณไม่ต้องคิดมากหรอกครับ เพราะคนเจ็บถึงมือหมอแล้ว คุณหมอเค้าพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยคนเจ็บอยู่แล้วครับ”
“ครับ ผมขอบคุณคุณตำรวจมากนะครับ” หลังมือเล็กถูกยกขึ้นมาปาดน้ำตา
“อ้อ..นี่คุณคัง เค้าเห็นเหตุการณ์ตอนที่เกิดอุบัติเหตุแล้วก็เข้ามาช่วยคนเจ็บน่ะครับ” ซองมินหันมองตามสายตาของคุณตำรวจไปยังชายสูงอายุที่นั่งอยู่บริเวณนั้นตั้งแต่แรก ก่อนจะค้อมตัวต่ำลงเพื่อทำการทักทาย
“สวัสดีครับคุณคัง และต้องขอบคุณที่ช่วยคยูนะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกลูก..พอดีลุงขับรถอยู่ข้างหลังพ่อหนุ่มคนนั้นพอดีก็เลยพอจะเห็นน่ะ” รอยยิ้มอบอุ่นส่งมาให้ซองมินพร้อมกับแววตาที่ห่วงใย “ลุงเห็นรถเค้าขับเร็วแต่ก็ส่ายไปสายมาเหมือนกัน แล้วสักพักก็เสียหลักชนเข้ากับข้างทาง..แต่หนูไม่ต้องกังวลมากนะลูก พ่อหนุ่มคนนั้นเค้าต้องตื่นมาหาหนูแน่ๆ” ใบหน้าที่มีริ้วรอยตามวัยส่งยิ้มให้กำลังใจซองมินหลังจากที่เห็นว่าคนตัวเล็กนี่ห่วงคนที่นอนรักษาในห้องมากเพียงใด
“ขอบคุณจริงๆครับถ้าไม่ได้คุณคัง คยูก็คงได้รับการช่วยเหลือช้ากว่านี้ ขอบคุณคุณตำรวจด้วยนะครับ” ซองมินลุกขึ้นยืนโค้งให้กับผู้สูงวัยตรงหน้า
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ เดี๋ยวถ้าคนเจ็บฟื้นดีแล้ว ผมจะมาสอบสวนเพิ่มเติมนะครับถึงจะไม่มีคู่กรณีแต่ผมก็ต้องเก็บไว้เป็นหลักฐาน”
คุณตำรวจลุกขึ้นพร้อมกับเดินออกไปพร้อมกับคุณคังแล้ว ซองมินได้แต่นั่งภาวนาอยู่ที่หน้าห้อง ระยะเวลาไม่กี่นาทีแต่ซองมินรู้สึกยาวนานเหมือนกับเป็นปี
..การคาดหวังบนความรอคอยที่ไม่แน่นอน มักจะทรมานและยาวนานเสมอ..
ซองมินเดินไปเดินมา สายตาก็คอยแต่ชะเง้อผ่านเข้าไปในห้อง ก็รู้อยู่ว่าไม่สามารถที่จะเห็นหรือทำอะไรได้ แต่ซองมินก็ยังหวัง..หวังเพียงว่าอาจจะมีความเคลื่อนไหวแม้เพียงเล็กน้อยส่งผ่านมาให้รับรู้บ้าง
เวลาผ่านไปจนท้องฟ้าที่มืดก็สลัวๆขึ้นมาก่อนจะเริ่มมีแสงสว่างให้เห็น ผู้คนในโรงพยาบาลก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ..ตอนนี้ซองมินหมดแรงที่จะเดินแล้ว .. ร่างเล็กๆย้ายตัวเองมานั่งอยู่กับพื้น พิงหลังกับประตูหน้าห้องเพราะกลัวว่าถ้าไปนั่งบนเก้าอี้แล้วเผลอหลับ ถ้าคุณหมออกมาจะไม่รู้ตัว.. ซองมินงอขาทั้งสองขึ้นมากอดไว้แล้วก้มลงร้องไห้อย่างไม่สนใจเจ้าหน้าที่หรือผู้ป่วยที่เดินผ่านไปผ่านมา...
..แกร๊ก..
หลังจากที่นั่งร้องไห้จนเผลอหลับไป ซองมินก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงเปิดประตู คนตัวเล็กรีบลุกขึ้นไปหาคุณหมอที่กำลังเดินออกจากห้องมา
“คุณหมอครับ คยู เอ่อ..คนเจ็บเป็นยังไงบ้างครับ”
“ตอนนี้คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วครับ อาการภายนอกตอนนี้หมอผ่าตัดดามเหล็กขาที่หักเรียบร้อยแล้ว ส่วนอาการบาดเจ็บภายในหมอต้องขอตรวจดูอย่างละเอียดอีกรอบเพราะคนไข้ได้รับแรงกระแทกค่อนข้างสูงแต่ญาติไม่ต้องเป็นห่วงนะครับเพราะเท่าที่หมอเช็คดูก็ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงคง ตอนนี้หมอย้ายคนไข้ไปพักฟื้นต่อที่ห้องพิเศษนะครับ อ้อ..คนไข้คงจะรู้สึกตัวประมาณเย็นๆของวันนี้นะครับ ยังไงรบกวนญาติไปติดต่อเรื่องเอกสารและประวัติคนไข้ก่อนนะครับ อีกสักพักพยาบาลจะนำผู้ป่วยไปที่ห้องครับ” คุณหมอขอตัวออกไปแล้ว ซองมินจึงรีบไปติดต่อเรื่องเอกสารและประวัติของคยูฮยอนที่ฝ่ายทะเบียนทันที
..........
...........................
สภาพของร่างสูงที่นอนหลับอยู่บนเตียงเรียกให้น้ำตาที่แห้งหายไปจากใบหน้าหวานย้อนกลับมาอีกครั้ง ซองมินก้าวเท้าเร็วๆไปยังเตียงผู้ป่วยที่ตั้งอยู่กลางห้อง มือเล็กๆเอื้อมไปลูบเบาๆที่ใบหน้าคม
...อยากจะก้มลงไปกอดแต่ก็กลัวว่าคนที่หลับจะเจ็บมากไปกว่านี้...
ซองมินมองใบหน้าของคยูฮยอนที่ตอนนี้มีรอยฟกช้ำประปราย ตรงหางคิ้วมีผ้าก๊อตปิดบาดแผลอยู่ มือเล็กไล้เบาๆเรื่อยๆลงมาตามแนวคางมาถึงแขนเรียวที่มีรอยฟกช้ำไม่ต่างจากใบหน้า แต่บางรอยดูจะหนักกว่ามาก ส่วนแขนอีกข้างก็มีสายน้ำเกลือติดอยู่ น้ำใสหยดลงจากดวงตาหวานไม่ขาดสายโดยเฉพาะตอนที่หันไปเห็นขาแกร่งที่ถูกพันแผลไว้
ตอนนี้ซองมินนั่งอยู่ข้างเตียงมือเล็กเอื้อมแตะเบาๆที่มือของคยูฮยอนเผื่อว่า ความห่วงใย ความรัก จะส่งให้คนที่นอนอยู่รับรู้บ้างและถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะแบ่งเอาความเจ็บปวดมาที่ตัวเอง..คยูฮยอนจะได้เจ็บน้อยลง..
“คยู รีบๆตื่นมาหาเราเร็วๆนะ ฮึก..ถ้าคยูตื่นมาตอนนี้เราจะไม่งี่เง่าไม่เอาแต่ใจ คยูจะทำงานนานๆเราก็จะไม่ว่าเรา..เราจะไม่ทำให้คยูต้องลำบากใจอีก..ฮึก..” เสียงเล็กๆยังคงสั่นเครือ “คยูต้องเจ็บแบบนี้ก็เพราะเรา เรานี่แย่จังเลย คยูทำงานมาเหนื่อยๆเราก็ยังจะหาเรื่องทะเลาะกับคยูอีก..เราขอโทษนะ..ตอนนี้เรายอมทุกอย่างแล้วเราขออย่างเดียว ขอแค่คยูรีบตื่นมาหาเรา เราคิดถึงคยูนะ เราอยากกอดคยูมากเลย..คยูรีบๆตื่นมาให้เรากอดเร็วนะ กอดของใครก็ไม่อุ่นเท่ากับกอดของคยู รีบตื่นมานะ มาบอกให้เรารู้ว่าคยูไม่เจ็บ ไม่เป็นอะไรแล้ว เพราะถ้าคยูยังนอนอยู่แบบนี้เราก็ยังไม่กล้ากอดคยูหรอก เรากลัวคยูจะเจ็บมากกว่าเดิม..” ใบหน้าหวานซบลงบนที่นอนนุ่ม น้ำตายังคงไหลลงมาเปรอะแก้มนวลไม่ขาดสาย ....
“คุณคะ” เสียงของคุณพยาบาลถูกส่งมาพร้อมกับแรงเขย่าเบาๆจากมือที่แตะลงบนหลังบางเพื่อเรียกให้คนที่ฟุบหลับข้างเตียงตื่นขึ้น... “คุณย้ายไปนอนบนเตียงนั้นดีกว่ามั้ยคะ นอนตรงนี้จะเมื่อยนะคะ”คุณพยาบาลชี้ไปที่เตียงที่เตรียมไว้สำหรับคนที่ต้องมานอนเฝ้าผู้ป่วย
“เอ่อ..ผม..ไม่เป็นไรครับ”
“ไปนอนที่เตียงดีกว่าคะ เพราะกว่าคนไข้จะฟื้นก็คงจะเย็นๆ ถ้าคุณนอนแบบนี้คงหลับไม่เต็มที่ เดี๋ยวจะไม่มีแรงดูแลคนป่วยนะคะ” รอยยิ้มใจดีถูกส่งมาให้ซองมินที่ตอนนี้มีร่องรอยของความอ่อนล้า “อีกอย่างเดี๋ยวดิฉันจะขอเช็คร่างกายคนไข้หน่อยน่ะค่ะ”
“เอ่อ..ครับ” ซองมินคงทำอะไรไม่ได้นอกจากจะลุกออกมาเพื่อให้คุณพยาบาลได้เช็คร่างกายคยูฮยอนได้สะดวก ก่อนที่จะเดินไปล้างหน้าเพราะรู้สึกว่าตัวเองก็ชักจะล้าๆเหมือนกัน ..ตอนนี้คุณพยาบาลออกไปแล้ว ซองมินนึกได้ว่ายังไม่ได้โทรไปแจ้งข่าวและลางานที่บริษัทของคยูฮยอนและก็ลางานที่บริษัทของตัวเอง ซองมินหยิบโทรศัพท์ต่อสายไปยังที่หมายแล้วแจ้งความประสงค์ไว้..เสร็จจากการโทรลางานซองมินกดโทรศัพท์ไปยังเบอร์ที่คุ้นเคยอีกครั้ง..รอสัญญาณแป๊บเดียวปลายสายก็กดรับ..
(ว่ายังไงซองมิน) เสียงทุ้มถูกส่งมาทักทายอย่างคุ้นเคย
“อ่า..คิบอม ตอนนี้คยูอยู่โรงพยาบาล”ทันที่ที่ซองมินบอกไป..ปลายสายก็ร้อนใจขึ้นทันที..ก็ไอ้เพื่อนบ้านั่นเคยเป็นอะไรกับเค้าที่ไหนล่ะ..
(มันเป็นอะไร??)
“เมื่อคืนคยูขับรถชนข้างทางน่ะ ตอนนี้ปลอดภัยแล้วแต่ยังไม่ฟื้น”
(ซองมินใจย็นๆนะ เดี๋ยวเราจะรีบไปแล้วนี่โทรบอกทงเฮรึยัง)
“ยังเลย เรา..เรามัวแต่ตกใจ พอนึกได้ก็โทรลางานแล้วก็โทรหาคิบอมนี่แหละ งั้นเราโทรบอกทงเฮก่อนนะ”
(ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราบอกเองแล้วจะรีบไปนะ)
“อือ..เราขอบใจคิบอมมากนะ” ซองมินบอกห้องและชื่อโรงพยาบาลให้อีกคนรับรู้แล้วกดปุ่มวางสาย
ตากลมเหลือบมองนาฬิกาที่ฝาผนังพบว่าเข็มสั้นมันเลยเลขสิบสองไปนิดหน่อย ตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้อง..แต่ถ้าพูดตามจริงก็ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นน่ะแหละ แต่จะให้ซองมินไปหาอะไรทานแล้วทิ้งคยูฮยอนไว้ตอนนี้ก็ไม่เอาหรอก..ก็ถ้าเกิดคยูตื่นขึ้นมาก่อนแล้วไม่เจอใครเลยคงไม่ดีแน่ๆ..ซองมินหันไปที่ตู้เย็นขนาดเล็กแล้วก็เดินไปเปิดออก พบว่ามีน้าผลไม้และนมอยู่อย่างละสองกล่อง ซองมินเลือกหยิบเอานมมาดื่มกันท้องว่างแล้วเดินมาทิ้งตัวนั่งข้างเตียงคนป่วยอีกครั้ง..
“คยู..เมื่อไหร่จะตื่นสักที..นอนตั้งแต่เช้าจนตอนนี้จะบ่ายแล้วนะ ยังนอนไม่พออีกหรอ??..อ่ะ..ไม่เป็นไร เราให้คยูนอนเยอะๆก็ได้ ทำงานมาเยอะแล้วก็พักผ่อนให้พอนะตื่นขึ้นมาจะได้สดชื่นแล้วก็ยิ้มหล่อๆให้เราไงเนอะ .. อ่า..แต่จริงๆแล้วเราก็ไม่อยากให้คยูทำงานเยอะๆหรอก เพราะคยูทำงานเยอะก็ไม่มีเวลาให้เรา รู้รึป่าวว่าตอนที่คยูไม่อยู่นะเราเหงามากเลย อีกอย่างเราก็กลัวว่าความห่างของเราจะทำให้อะไรๆมันเปลี่ยนแปลง คยูเคยบอกเราว่าที่ทำงานเยอะจะได้ดูแลและก็รับผิดชอบเราได้ คยูอยากให้เราอยู่เฉยๆไม่ต้องทำอะไร..แต่เราไม่ต้องการแบบนั้นหรอก เรายอมทำงานเองแต่ว่าตอนเย็นเลิกงานแล้วเราก็กลับมาเจอกัน ทำกับข้าว นั่งดูทีวีหรือไปเที่ยวด้วยกันมากกว่า เราจะมีเงินเยอะๆไปทำไมถ้าเราต้องห่างกัน ต่อให้เราขับรถหรูๆไปกินอาหารแพงๆด้วยกันแต่มันจะไปมีค่าอะไรถ้าเราต้องรีบกินให้เสร็จแล้วรีบไปทำงาน สู้เรากินรามยอนถ้วยเดียวกันแต่เรามีเวลาอยู่ด้วยกันมันก็ดีกว่าใช่มั้ยล่ะ?? ..คยูเห็นด้วยกับเราใช่มั้ย..อ่า..ถึงเราจะอยากให้เป็นแบบนี้ แต่เราจะไม่บังคับคยูหรอกนะเราตามใจ คยูจะตัดสินใจยังไงก็ได้เราจะคิดว่าสิ่งที่คยูทำคือสิ่งที่ดีที่สุดที่คยูพยายามทำเพื่อเรา..อ่า..เราเห็นคยูนอนแล้วรู้สึกอยากนอนตามคยูเลยนะเนี่ย..เดี๋ยวเราไปล้างหน้าสักนิดดีกว่า แล้วเราจะมาเล่าซีรีย์ที่คยูเคยนั่งดูกับเราบ่อยๆให้ฟังนะ ตอนนี้มันจบไปนานแล้วล่ะแต่เราคิดว่าคยูคงไม่ได้ดูตอนจบหรอกเพราะมัวแต่ทำงาน” ซองมินยันตัวลุกขึ้นยืนก่อนจะก้มลงไปมองใบหน้าคนที่หลับอยู่ “ดูสิ คยูอ่ะทำแต่งานจนหน้าแก่แล้วนะ..อ๊ะ..ดูสิขนาดนอนเจ็บอย่างนี้คิ้วยังขมวดเลย”นิ้วกลมๆจิ้มเบาๆไปที่หว่างคิ้วพร้อมกับส่งรอยยิ้มให้คนที่นอนหลับตา “เรื่องงานนี่มันตามเข้าไปหาคยูในฝันเลยรึไง?? คิกๆๆ”
..ซองมินหันหลังเดินหายไปในห้องน้ำ พร้อมกับหยาดน้ำเล็กๆที่ไหลออกมาจากคนที่นอนหลับอยู่บนเตียง..
ซองมินอยากอาบน้ำให้สดชื่นแต่ไม่สะดวกในหลายๆอย่างทำให้ซองมินเลือกที่จะล้างหน้าแล้วก็รีบออกมาเฝ้าคยูฮยอนต่อ ปากสีเชอรี่ขยับเล่าเรื่องซีรีย์ที่คยูฮยอนเคยนั่งดูด้วยกัน ในคราแรกคนตัวสูงบ่นอุบอิบเพราะอยากดูอย่างอื่นมากกว่า พอซองมินจะเสียสละไปใช้โทรทัศน์เครื่องเล็กในห้องนอนแล้วให้คยูฮยอนได้ดูทีวีตามชอบ คยูฮยอนก็โอดโอยว่าอยากจะให้ซองมินนั่งอยู่ด้วย แต่ในเมื่อซองมินอยากดูซีรีย์มากกว่าทำให้คยูฮยอนเลือกที่จะเป็นฝ่ายยอมนั่งดูกับซองมินแต่ก็มีข้อแม้ว่าซองมินจะต้องนั่งนิ่งๆอยู่ในอ้อมแขนแกร่งจนกว่าซีรีย์จบ เมื่อดูด้วยกันบ่อยๆกลับกลายเป็นว่าคยูฮยอนเสียอีกเป็นฝ่ายที่ติดซีรีย์เรื่องนี้จนต้องดูทุกตอน แต่พอระยะหลังๆที่คยูฮยอนงานเยอะขึ้นก็ทำให้ไม่ได้ดูไปโดยปริยาย
..ก๊อกๆ..
เสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะของเสียงใสๆที่นั่งเล่าเรื่องต่างๆให้คนป่วยฟังหลังจากที่เล่าซีรีย์จบไปแล้วหนึ่งเรื่อง ซองมินหันหลังไปมองที่ประตูก็พบ ทงเฮและคิบอมเดินถือของพะรุงพะรังเข้ามา
“ไอ้คยูมันเป็นยังไงบ้าง” คิบอมร้องถามซองมินพร้อมกับเอาของที่ถือมาไปวางไว้บนโต๊ะแล้วถลามาที่เตียง ชะโงกหน้าไปดูคนป่วย
“ก็อย่างที่เห็น คุณหมอบอกว่าจะฟื้นตอนเย็นๆน่ะ” คิบอมที่ได้ฟังแล้วก็หันหน้าไปหาคนป่วยอีกครั้ง
“ไอ้คยู รีบๆตื่นมานะโว๊ย..กูรู้ว่ารถชนแค่นี้ไม่ทำให้มึงตายง่ายๆหรอก ไม่ต้องมาสำออยเรียกร้องความสนใจจากซองมิน” คิบอมพูดได้แค่นั้นก็ร้องโอ๊ย!!ขึ้นมาเพราะถูกตีที่แขนโดยคนรักของตัวเอง ทงเฮที่วางของบนโต๊ะเสร็จก็เดินมาดูคยูฮยอนข้างๆคิบอม
“ก็คิบอมพูดแบบนี้ทำไม คยูเค้าเจ็บอยู่นะ”
“โธ่..ด๊องอ่า..ก็ตอนที่มันดีๆอยู่มันอยากทำแต่งานจนทิ้งซองมินไว้คนเดียวบ่อยๆเอง..”พูดกับทงเฮเสร็จก็หันไปยักคิ้วให้เพื่อนรักที่นอนเจ็บไม่รู้เรื่อง “ไอ้คยู มึงรีบๆตื่นมาเลย ตอนมึงดีๆก็ปล่อยซองมินไว้แล้วทำแต่งาน แล้วนี่มึงยังมัวแต่นอนทำให้ซองมินเป็นห่วงมึงอีก เดี๋ยวเหอะ..กูจะยุให้ซองมินมีแฟนใหม่..หน้าตาน่ารักแบบซองมินหาใหม่ได้ดีกว่าไอ้คนไม่หล่อแล้วยังบ้างานแบบมึงอีก” ทงเฮที่ส่ายหัวให้กับความกวนของคนรักก่อนจะเดินมาหาซองมินที่ยืนอมยิ้มมองดูเพื่อนรักเค้าทักทายกัน??
“ซองมิน นี่นายยังไม่ได้พักผ่อนเลยใช่มั้ย??”
“เราได้หลับไปบ้างแล้วล่ะ” ซองมินส่งยิ้มบางๆให้เพื่อนรักที่แสดงอาการเป็นห่วงมาให้
“เฮอะ!!นายนอนแป๊บเดียวเองล่ะสิ ดูน้าตาสิ อิดโรยมาก แล้วนี่ยังไม่ได้กินอะไรใช่มั้ย นายนี่น๊า..”
“เราไม่เป็นอะไรหรอก..ด๊องไม่ต้องห่วง”
“ซองมิน..จะไม่ให้เราห่วงได้ยังไง คยูก็นอนเจ็บแบบนั้น แล้วนายก็เฝ้าคยูจนไม่ดูแลตัวเองเกิดเป็นอะไรอีกคนขึ้นมาจะทำยังไง เป็นแบบนี้มีหวังได้มาเพิ่มเตียงอีกอันแล้วนายก็มานอนป่วยข้างคยูนี่แหละ” เสียงของทงเฮที่บ่นออกมาประกอบกับหน้าเจื่อนๆของซองมินที่โดนเพื่อนรักบ่นเรียกรอยยิ้มบนใบหน้าของคิบอมที่เดินมานั่งตรงโซฟาได้ไม่ยาก
“ด๊อง..อย่าดุซองมินสิ ดูหน้าซองมินตอนนี้เหลือสองนิ้วแล้ว”
“คิบอมเงียบเลย..ซองมิน มานี่เลย..ไปอาบน้ำก่อนเราเอาเสื้อผ้ามาให้ใส่ไปก่อนแล้วเดี๋ยวเอากุญแจห้องมาแล้วเราจะไปเอาชุดของซองมินมาให้พรุ่งนี้แต่เช้า” พูดเสร็จทงเฮก็ดันหลังให้ซองมินเดินเข้าไปอาบน้ำก่อนจะหันมาจัดการกับของที่ซื้อมาบนโต๊ะ ด้วยความที่เป็นห้องพิเศษ ในห้องเลยมีไมโครเวฟและชุดจานชามอยู่ ทงเฮเตรียมอาหารไว้รอซองมิน พอซองมินอาบน้ำออกมาทงเฮก็จัดการลากให้มานั่งตรงที่เตรียมไว้
“ทำไมเยอะขนาดนี้อ่ะ”
“เยอะที่ไหน กินให้หมดเลยนะ ไม่งั้นเราโกรธมาก!”
“ด๊องอ่า...เราไม่หิวจริงๆนะ”
“ไม่หิวก็ต้องกิน นายต้องดูแลตัวเองรู้มั้ย มัวแต่ห่วงคยูจนกินอะไรไม่ลงแบบนี้จะมีแรงที่ไหนไปดูแลคยูมันได้ แล้วอีกอย่างถ้าคยูมันรู้ว่านายห่วงมันจนไม่กินไม่นอนเนี่ย คยูจะเสียใจขนาดไหน”
“ด๊อง..” ซองมินพูดได้แค่นั้น ก็พูดต่อไม่ได้มันรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรมาขวางอยู่ที่คอ
“กินนะซองมิน เราห่วงจริงๆ ดูสิเราเลือกแต่ของที่ซองมินชอบมาเลยนะ”
“ขอบคุณนะด๊อง...เราขอบคุณจริงๆเราจะกินเยอะๆให้สมกับความเป็นห่วงของด๊องเลยนะ” ซองมินยิ้มจนเต็มแก้ม ทั้งๆที่หยาดน้ำคลออยู่ที่ดวงตากลม
“อื้อ..ขอบใจที่จะกินเยอะๆ” สองสายตายิ้มให้กัน “งั้นเราเอาขนมไปให้คิบอมก่อนนะ ป่านนี้คงนั่งกวนคนป่วยอยู่แน่ๆ ต้องรีบเอาขนมไปปิดปากไว้” ซองมินพยักหน้ารับก่อนจะทานอาหารที่ทงเฮเตรียมไว้ให้ พออิ่มแล้วก็จัดการเก็บล้างเรียบร้อยแล้วรีบเดินไปยังส่วนของที่พักผู้ป่วย ก็พบคู่รักนั่งคุยกันอยู่ ทงเฮหันมาเห็นซองมินก็รีบลุกขึ้นไปสั่งให้ซองมินนอนพักผ่อนก่อน แล้วเจ้าตัวกับคิบอมอาสาจะเฝ้าคยูฮยอนเอง
“แต่ว่าเรา.....” ซองมินท้วงขึ้นมาเพราะยังไม่อยากนอน
“ซองมินต้องพักผ่อนนะ เพราะถ้าคยูฟื้นมาแล้วซองมินต้องดูแลคยูคนเดียว อีกอย่างตอนนี้คยูยังไม่ฟื้นหรอก เรากับคิบอมจะช่วยดูให้ก่อน เราสัญญาว่าถ้าคยูกระดิกตัวนิดเดียวเราจะรีบปลุกซองมินให้ตื่นมายืนข้างเตียงแบบคยูลืมตาปุ๊บก็เจอซองมินคนแรกเลย..ดีมั้ย” ซองมินสวมกอดทงเฮทันทีที่พูดจบ ทงเฮก็เอื้อมมือกอดตอบเช่นกัน
“ขอบคุณจริงๆนะด๊อง เรา..เราไม่รู้จะทำยังไง มันทำอะไรไม่ถูก เราตกใจ เราเป็นห่วงคยูแล้วเราก็กังวลไปหมด เราทำอะไรไม่ถูกจริงๆถ้าไม่ได้ด๊องเราคงแย่จริงๆ” ซองมินร้องไห้ออกมา เหมือนว่าความพยายามที่จะเข้มแข็งมันหายไปเพราะความห่วงใยของเพื่อนรัก
“ซองมินกับเราเป็นเพื่อนกันมานานขนาดไหน ก่อนที่เราจะรู้จักสองคนนั่นอีกนะ แบบนี้จะไม่ให้เรารักและห่วงซองมินได้ยังไง”
..ก็จริงอย่างที่ทงเฮพูด ทั้งสองเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ม.ต้น พอเข้ามหาวิทยาลัยถึงได้แยกย้ายกันไปเรียนคนละที่แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังติดต่อและนัดเจอกันทุกอาทิตย์ ตอนปีหนึ่งเทอมสองคยูฮยอนเริ่มตามจีบซองมิน แต่ตอนนั้นซองมินใจยังไม่ตอบรับสักทีจนขึ้นปีสองซองมินก็ยังไม่ใจอ่อน ทำให้คยูฮยอนสงสัยจึงแอบตามซองมินอยู่นาน ก็พบว่าทุกๆอาทิตย์ซองมินต้องมาเจอกับทงเฮอย่างน้อยๆก็สองครั้งถ้าไม่ติดธุระจำเป็น ตอนแรกคยูฮยอนก็คิดว่าทงเฮเป็นแฟนซองมินแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้คอยตื้อซองมินอยู่เรื่อยจนรู้ว่าทงเฮเป็นเพื่อนสนิท ส่วนทงเฮที่สงสารและชอบคยูฮยอนที่จริงใจและพยายามจึงคอยช่วยเหลือซองมินอยู่บ่อยๆ จนจบปีสองนั่นแหละกระต่ายตัวกลมถึงตกลงยกใจให้หมาป่า ส่วนคิบอมเป็นเพื่อนของคยูฮยอนที่ตอนหลังคยูฮยอนมักจะชวนไปด้วยเวลาที่ซองมินนัดเจอกับทงเฮโดยอ้างว่าเวลาเพื่อนรักปลากระต่ายเจอกันทีไรก็ลืมหมาป่าอย่างเค้าทุกที และก็บังเอิญว่าคิบอมหลงใหลในความน่ารักของทงเฮ คู่รักคยูมินเลยผันตัวใฃมาเป็นกามเทพให้คนทั้งสองจนสำเร็จ..
“อื้อ..เราก็รักด๊องมากๆเหมือนกัน”
“ถ้าซองมินรักเราซองมินก็ต้องทำตามที่เราบอกนะ” ทงเฮลูบหัวกลมๆของเพื่อนเบาๆก่อนจะจับที่ไหล่แล้วดันซองมินออกจากการกอด “ดุสิกระต่ายตัวกลมของเราร้องไห้จนตาบวมเลย เดี๋ยวหมาป่ามันฟื้นมาจะมาฆ่าเราโทษฐานที่ไม่ดูแลกระต่ายของมันให้ดี” ทงเฮเอื้อมไปเช็ดน้ำตาให้ซองมินเบาๆก่อนจะลากแขนให้ไปนอนพักที่เตียงที่มีไว้สำหรับคนเฝ้า เมื่อจัดการให้เพื่อนรักนอนแล้วก็เดินไปที่คยูฮยอน
“คยู ถ้านายไม่รีบตื่นมาปลอบกระต่ายอ้วน เราจะเอาเพื่อนเราคืน” พูดเสร็จก็เดินกลับมานั่งกับคิบอมที่นั่งดูทีวีอยู่ตรงโซฟา
“คิบอม..วันนี้เรากลับดึกหน่อยได้มั้ย..ด๊องอยากอยู่เป็นเพื่อนมินนานๆอ่ะ”
“ได้สิ..ว่าไอ้คยูน่าเป็นห่วงแล้ว แต่ซองมินดูท่าจะน่าเป็นห่วงมากกว่า”
“อื้อ..รายนั้นน่ะมีอะไรก็ไม่ค่อยพูด กลัวว่าจะทำให้คนอื่นเป็นห่วง ขนาดมีเรื่องกับคยูยังไม่ยอมบอกเลยถ้าด๊องไม่ขู่ว่าจะไม่คุยด้วย” ทงเฮนึกไปถึงตอนที่ซองมินดูเศร้าๆในช่วงที่คยูฮยอนไม่ค่อยกลับบ้าน ตอนแรกไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่กว่าจะเค้นออกมาได้ก็ต้องเอาความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนมาขู่ ซองมินถึงยอมเล่าให้ฟัง
“อื้อ..” มือหนาของคิบอมลูบบนกลุ่มผมนิ่มก่อนจะย้ายไปกอดเอวทงเฮไว้แล้วก็นั่งดูทีวีไปด้วยกัน
ตอนนี้สองร่างที่เคยนั่งอยู่ตรงโซฟาต่างเปลี่ยนมาเป็นนอนเอกเขนกแข่งกันเล่นเกมจากโทรศัพท์เครื่องหรู ทงเฮนอนยาวไปตามโซฟาเบด ส่วนคิบอมนอนพาดตัวไปกับโซฟาขนาดสามที่นั่งในชุดเดียวกัน สองหัวนอนชนกัน ต่างฝ่ายก็ต่างตั้งใจทำคะแนนของตัวเองให้สูงหลังจากที่นั่งดูทีวีจนเบื่อ..
“บอม..ด๊องหิวน้ำอ่า..บอมเอาน้ำในตู้เย็นให้ทีสิ ด๊องไม่อยากลุก”
“หืม..ด๊องอ่ะ นี่ผมกำลังจะทำคะแนนได้เลยนะ”
“คิม คิบอม!!” เสียงสังหารถูกส่งมาเต็มยศขนาดนี้ คิบอมจะทำอะไรได้นอกจากเดินไปรินน้ำให้คนน่ารัก แต่..ไหนๆก็ลุกขึ้นแล้วขอเดินไปดูไอ้คนป่วยหน่อยสิ
“ไอ้คยู..จะเย็นแล้วยังไม่ยอมตื่นอีกนะมึง จะหลับฝันไปถึงไหน เออ..แต่มึงฝันไปนานๆเลยกูจะได้ยุให้ซองมิมินหาแฟนใหม่..เพื่อนๆที่บริษัทกูนี่หล่อ รวย นิสัยดี ไม่บ้างานเยอะแยะ แนะนำให้ซองมินสักคนสองคนน่าจะดี” คิบอมยักคิ้วหลิ่วตาล้อคนที่นอนหลับตา “เฮ้ย!” คิบอมตกใจที่เห็นว่าคนที่นอนอยู่เริ่มขยับตัวเล็กน้อย “ด๊อง..ด๊องครับ..ปลุกซองมินเร็วๆไอ้คยูมันเริ่มขยับตัวแล้ว” คิบอมส่งเสียงบอกคนรักที่นอนเล่นเกมอยู่ พอได้ยินแบบนั้นโทรศัพท์ในมือก็ลงไปนอนบนโซฟาพร้อมกับทงเฮที่รีบปลุกซองมิน
พอรู้ตัวคนที่เพิ่งตื่นก็วิ่งมาเกาะขอบเตียงพร้อมๆกับคนที่นอนอยู่เริ่มเปิดเปลือกตาขึ้นมา ซองมินส่งยิ้มให้กับคนที่นอนอยู่..
“ซะ..ซองมิน” เสียงแหบพร่าเอ่ยเรียกแผ่วเบา แต่ก็ดังมากในความรู้สึกของคนฟัง
“คยู คยูฟื้นแล้ว”ซองมินหันมายิ้มให้กับเพื่อนทั้งสองที่ยืนใกล้ๆกัน แต่คิบอมยังมีสติอยู่ก็กดปุ่มตรงหัวเตียงเพื่อเรียกหมอ
“ซองมิน..โอ๊ย..” คยูฮยอนเอื้อมมือมาหวังจะจับที่ใบหน้าหวานแต่ความเจ็บทำให้ต้องหยุดไว้
“คยู..อย่าเพิ่งขยับนะรอคุณหมอมาตรวจก่อน อ่า..ดีใจจริงๆที่คยูตื่นมาหาเราแล้ว..”ซองมินยิ้มทั้งน้ำตา เอื้อมมือไปลูบเบาๆที่ใบหน้าของคยูฮยอนก่อนที่จะหลีกทางให้คุณหมอที่เดินเข้ามาทำการตรวจเช็คร่างกายของคนป่วยได้เต็มที่ คุณหมอทำการตรวจเช็คร่างกายของคยูฮยอนอยู่สักพักก็หันมาพูดคุยกับซองมินแล้วก็เดินออกจากห้องไป
“หิวน้ำจังเลย”เสียงแหบแห้งถูกส่งออกมาทันทีที่เห็นคนรักรีบถลามาเกาะข้างเตียง ซองมินก็เหมือนกันพอได้ยินคยูฮยอนพูดเท่านั้นแหละก็รีบหันไปเทน้ำมาป้อนให้ถึงที่..คนป่วยส่งสายตาวิบวับมาออดอ้อนเรียกความหมั่นไส้ให้กับสองคนที่ยืนมองอยู่ใกล้ๆเหมือนกัน
“น้อยๆหน่อยไอ้คยู พอลืมตามาก็รีบอ้อนเมียเชียวนะ ทีเมื่อก่อนล่ะก็ทำแต่งานพอใกล้ตายถึงจะนึกได้ว่ามีเมีย” แล้วคิบอมก็เป็นฝ่ายที่ทนเก็บความหมั่นไส้ไม่ได้ ขอแขวะมันสักทีเถอะ
“ไอ้บอม ถ้ามึงจะมาอยู่แล้วกัดกูแบบนี้ ด๊องพามันกลับไปเถอะ”แรงจะพูดก็ยังไม่ค่อยมี แต่เมื่อโดนเพื่อนรักกัดมาคยูก็ขอกัดคืนนะครับ..
“พอเลย คยูเพิ่งฟื้นมาก็นอนเฉยๆเถอะ แรงยังไม่ค่อยมียังจะไปถียงกับคิบอมอีก” ซองมินร้องห้ามพร้อมกับส่งค้อนอันใหญ่ๆไปให้คนป่วยที่ดันทุรังแบบไม่ดูสภาพตัวเอง ทำให้คิบอมได้ใจยักคิ้วกวนๆส่งมาให้
“ไอ้..”พุดได้แค่นั้นคนป่วยก็รีบหุบปากทันที ไม่ใช่กลัวเถียงกะเพื่อนหน้าบวมไม่ทันแต่เป็นเพราะสายตาหวานๆที่ส่งรังสีความดุมาให้นั่นแหละ “อ่า..ซองมิน ก็ดูไอ้บอมสิมันล้อเลียนฉันอ่ะ” สายตาออดอ้อนของคนป่วยที่ส่งมาเรียกเสียงหัวเราะให้กับคู่รักคิเฮแต่กับซองมินมันไม่ใช่!!
“คิบอมอ่า..ไปแกล้งคยูทำไม..ป่ะ..ไปนั่งรอตรงโน้นเลย..” ทงเฮที่เห็นว่าคิบอมก่อกวนคู่คยูมินมากเกินไปเลยจัดการลากคนแก้มบวมให้ไปนั่งรอตรงโซฟา จะได้ปล่อยให้คนป่วยได้อ้อนเต็มที่
“นอนเฉยๆไปเลย ดูตัวเองบ้างนอนสภาพนี้แล้วยังจะเก่งไปสู้กับคิบอม” ซองมินกอดอก แก้มกลมป่องขึ้นอย่างงอนๆพร้อมกับส่งสายตาดุๆไปให้คนที่นอนบนเตียง..แต่คยูฮยอนขอบอกเลยว่าท่าทางแบบนี้น่ารักจนอยากจับมาฟัดให้หนำใจ..ไม่เพียงแค่คิดในใจ คนป่วยที่มันไม่เคยนึกถึงสังขารตัวเองพยายามยันตัวขึ้นพร้อมกับยกแขนหวังจะมาหยิกแก้มกลมเบาๆ
“โอ๊ะ..โอ๊ย..”ขยับได้นิดเดียว(ย้ำว่านิ๊ดเดียวจริงๆๆ)เท่านั้นก็ต้องยอมแพ้ลงไปนอนต่อเฉยๆ แต่ผลที่ได้ก็คุ้มค่าเพราะเสียงร้องที่แสดงถึงความเจ็บเรียกความสนใจจากซองมินได้ไม่ยาก
“คยูเจ็บตรงไหน เจ็บมากรึป่าว เราตามหมอดีกว่านะ”ซองมินที่ได้ยินเสียงร้องเท่านั้นก็ลนลาน กลัวว่าคยูฮยอนจะเจ็บแผลหรือเป็นอะไรมากกว่าเดิม ส่วนทงเฮที่นั่งมองอยู่ก็ตกใจจะลุกขึ้นมาแต่มือหนาของคิบอมห้ามไว้พร้อมกับส่งสายตาเจ้าเล่ห์ บอกให้ทงเฮนั่งดูเฉยๆ
“ไม่ต้องตามหมอหรอก..ฉันแค่เจ็บแผลเฉยๆ ซองมินดูให้หน่อยสิว่าแผลตรงนี้ของฉันมันเป็นอะไรมากรึป่าว ฉันถึงได้เจ็บจัง”นิ้วเรียวชี้มาตรงบริเวณอกแกร่ง ซองมินชะโงกหน้าไปใกล้ๆเพื่อดูร่องรอยบาดแผลแต่มันอยู่ใต้เสื้อนี่สิ !! ซองมินเหลือบตามองคนป่วย พอเห็นแววตาที่(แสร้ง)แสดงออกมาว่าเจ็บจริงๆ ทำให้มือเล็กเอื้อมมาแกะปมเชือกที่ผูกไว้ และคงตั้งใจมากไปหน่อยทำให้...จุ๊บ!!
“อ๊ะ..คยู”ซองมินปล่อยมือจากเสื้อแล้วเปลี่ยนมาลูบที่แก้มของตัวเองเบาๆ หน้าหวานตอนนี้เริ่มขึ้นสีระเรื่อ
“ก็ใครใช้ให้ซองมินมาทำหน้าน่ารักๆใกล้ๆฉันล่ะ”คนป่วย??ส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาให้ รอยยิ้มกรุ้มกริ่มบนใบหน้า ทำให้ซองมินหน้าแดงหนักกว่าเก่าก่อนจะบอกว่าไปอุ่นอาหารที่ทงเฮซื้อมาให้แล้วก็เดินออกไปแก้เขิน .. งื้อ..ก็ไม่ได้ทำอะไรหวานๆแบบนี้มานานอ่า..
คิบอมกับทงเฮที่เห็นว่าคนป่วยคงไม่เป็นอะไรมากมายให้ต้องห่วงแล้วจากที่ตั้งใจจะอยู่เป็นเพื่อนซองมินนานๆก็เปลี่ยนใจ...
“ไอ้คยูกูกลับก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูจะมาขัดขวางเวลาสวีทของมึงใหม่”
“หึ เป็นไปได้มึงไม่ต้องมา ให้ด๊องมาอยู่เป็นเพื่อนซองมินคนเดียวก็พอ มึงมาด้วยกูมีแต่จะแย่ลง” ถึงจะลับคมฝีปากกันแค่ไหน แต่สองเพื่อนซี้ต่างก็รู้ดีว่าต่างคนต่างมีความห่วงใยให้กันและกันโดยไม่จำเป็นที่ต้องพูดออกมา..ก็นะผู้ชายหล่อๆสองคนกอดกันแล้วบอกว่าห่วงอย่างนั้นอย่างนี้ ถึงจะหล่อมากแค่ไหนมันก็ชวนให้ขนลุกได้อยู่ดี
“ขอบคุณมากนะด๊องที่มาอยู่กับเราวันนี้ตั้งนาน แถมยังซื้อของมาให้เราเยอะแยะเลย”สองร่างเดินออกมาจากส่วนที่แยกเป็นที่ทานข้าวตรงมายังเตียงคนป่วย
“ไม่เป็นไรหรอก เราเห็นคยูฟื้นแล้วไม่เป็นอะไรมากก็โล่งใจแล้ว คยูดูแลตัวเองด้วยนะ อย่าดื้อกับคุณพยาบาลจำเป็นล่ะ” ทงเฮที่ส่งรอยยิ้มสวยให้กับเพื่อนรักแล้วก็หันไปสั่งคนป่วยที่ดูท่าว่าจะกวนเพื่อนรักเค้าให้เหนื่อย(เพราะหัวใจเต้นแรง)บ่อยๆแน่ๆ
“อืม..ฉันไม่มีแรงดื้อหรอก ทางที่ดีด๊องรีบเอาไอ้บวมนี่กลับไปเถอะขืนให้มันอยู่นานกว่านี้ฉันได้ตายก่อน”
“เฮอะ..ไอ้คยูทำพูดดีไปเถอะ ไปด๊องเราไปสวีทกันใต้แสงเทียนให้ไอ้หมาบ้านี่มันอิจฉาเล่นดีกว่า”
“อะ..” คนป่วยกำลังจะขยับปากพูดแต่ก็ต้องหยุดไว้
“พอเลยคยู คิบอมเราขอบใจมากนะ วันนี้รบกวนหลายเรื่องเลย”
“อื้อ..ไม่เป็นไร..ยังไงก็ฝากดูไอ้หมาบ้านี่ดีๆแล้วกัน แต่ท่าทางมันอีกไม่กี่วันก็หายแล้วล่ะ ขนาดเพิ่งฟื้นยังปากเก่งได้ขนาดนี้”
“คิบอม อีกแล้วนะ เรากลับก่อนนะมินแล้วพรุ่งนี้เราจะเอาเสื้อผ้าของซองมินมาให้แต่เช้าเลยนะ”
ลับร่างของเพื่อนรักทั้งสอง คุณพยาบาลก็เข็นรถอาหารเข้ามาส่ง พร้อมทั้งอธิบายถึงยาที่จะต้องกิน คุณพยาบาลจัดแจงอาหารวางไว้ให้เรียบร้อยก็ออกไป ซองมินเลื่อนตัวมาหาคยูฮยอนมือเล็กกดปุ่มปรับเตียงนอนให้ยกขึ้นได้ระดับที่คนป่วยสามารถทานข้าวได้ง่ายๆ
“ทานข้าวเลยนะ คยูจะได้กินยา”
“ไม่เอา อยากให้ซองมินกินด้วย ซองมินเอาข้าวมากินพร้อมกันนะ” คนป่วยขอร้องแบบนี้ซองมินเลยต้องลุกไปหยิบอาหารของตัวเองที่อุ่นเอาไว้ออกมาทานไปพร้อมๆกับป้อนคยูฮยอน พอกินไปได้สามสี่คำคนป่วยก็ตั้งท่างอแงไม่ยอมอ้าปากรับอาหารขึ้นมาอีก ซองมินส่งสายตาเป็นคำถาม
“อาหารไม่อร่อยเลย อยากกินข้าวต้มที่ซองมินทำ”
“ตอนนี้ป่วยอยู่ก็ต้องกินแบบนี้แหละ คยูก็กินเยอะๆสิจะได้หายเร็วๆ อีกอย่างที่นี่ไม่มีอุปกรณ์อะไรเลยนอกจากไมโครเวฟ ถ้าคยูอยากให้เราทำ เราคงต้องกลับไปทำที่บ้าน”
“ถ้าซองมินต้องกลับบ้าน..งั้นฉันยอมกินข้าวของโรงพยาบาลก็ได้” คนป่วยบ่นหงุงหงิงเรื่องอาหารต่ออีกเล็กน้อยแต่ก็ยอมกินข้าวและทานยาจนคุณพยาบาลจำเป็นพอใจ จากนั้นซองมินก็เลื่อนถาดอาหารไปเก็บ ล้างจานในส่วนของตัวเองแล้วก็มานั่งดูทีวีข้างๆคนป่วยที่ยังไม่อยากนอน
“ซองมิน”นั่งดูไปได้สักพักคยูฮยอนก็ส่งเสียงเรียกให้อีกคนหันมาพร้อมกับทำมือตบปุๆ ลงบนที่นอนข้างตัว ใบหน้าหวานเอียงมองอย่างสงสัย “ขึ้นมานั่งบนนี้เถอะ”
“ไม่เอาหรอก คยูยังเจ็บอยู่เดี๋ยวเราไม่ระวังไปโดนแผลคยูจะทำยังไงล่ะ”
“ที่ตั้งกว้างไม่ต้องกลัวหรอก ถ้าซองมินไม่ขึ้นมาฉันจะลงไปนั่งกับซองมินเอง คิดดูนะว่าฉันจะเจ็บแผลกว่ารึเปล่า” ซองมินพรูลมหายใจออกมาแรงๆก่อนจะย้ายขึ้นไปนั่งบนเตียงตามที่คนเอาแต่ใจตัวเองสั่งไว้
“ไปนั่งอะไรไกลขนาดนั้น เดี๋ยวก็ตกเตียงพอดี”
“เอ่อ..แค่นี้แหละพอแล้ว” เมื่อซองมินดื้อไม่ยอมมานั่งใกล้ คยูฮยอนเลยพยายามกระเถิบตัวเองมาแทน ใบหน้าคมแสดงอาการเจ็บขึ้นมาทันทีที่ต้องขยับตัวแรงๆ “เรายอมแล้วคยู” ซองมินย้ายตัวเองไปนั่งตรงที่มือหนาชี้ระบุพิกัดว่าควร(เอาก้นที่สวยที่สุด)มานั่งตรงจุดไหน หลังบางของซองมินตอนนี้เกร็งมากเพราะกลัวว่าขยับตัวแล้วจะทำให้คนที่ซ้อนอยู่ข้างหลังเจ็บ และคยูฮยอนก็คงรู้สึกได้ มือหนายกขึ้นมากดใหล่เล็กให้หงายหลังมาพิงที่อก ซองมินดูตกใจจะผละออก
“พิงมาเถอะ นอกจากแผลผ่าตัดที่ขาแล้ว ตรงอื่นฉันก็ไม่ได้เจ็บมากมาย ซองมินพิงมาที่ฉันนี่แหละ แต่ถึงมันจะเจ็บเพราะซองมินมาพิง ฉันก็ยอมเจ็บนะ” ศีรษะกลมขยับขึ้นลงเบาๆให้อีกคนรับรู้ มือเล็กเอื้อมหยิบมือแกร่งมาจับไว้ สายตาของซองมินตอนนี้ทอดยาวไปที่โทรทัศน์ตรงหน้า แต่กลับไม่รับรู้ถึงเรื่องราวในจอเลยสักนิด ในดวงเล็กเต้นเร็วผิดจังหวะเพราะลมหายใจร้อนพรูอยู่แถวๆใบหู
“ขอโทษ..ซองมินฉันขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมานะ..ตอนที่ฉันยังไม่ตื่นฉันได้ยินซองมินพูดทุกอย่าง อยากลุกมากอดปลอบใจมากแต่ทำไม่ได้ ฉันได้แต่นอนฟังไปเรื่อยๆ ฉันนี่เป็นคนรักที่แย่จริงๆไม่เคยถามหรือมองเลยว่าแท้จริงแล้วซองมินต้องการอะไร คิดไปเองว่าถ้าทำงานมีเงินเยอะๆซองมินจะได้สบายไม่ต้องทำงานอยู่บ้านเฉยๆ แล้วก็ทำอาหารรอต้อนรับฉันกลับมาตอนทำงานก็พอ..” เสียงสะอื้นดังแผ่วๆมาจากคนข้างหน้า แผ่นหลังเล็กสั่นไหวน้อยๆมือเล็กบีบเบาๆที่มือแกร่งเพื่อให้เจ้าของมือรู้ว่าเค้าตั้งใจฟังอยู่ “ซองมินเหงามากสินะตอนที่ฉันไม่อยู่น่ะ ตอนแรกฉันก็ไม่ได้คิดอะไรเห็นว่าซองมินทำงานเยอะเหมือนๆกันก็คงจะไม่คิดอะไร ส่วนฉันพองานออกมาดีก็มีลูกค้าสนใจมากขึ้น ฉันก็ไม่อยากปล่อยโอกาสพวกนั้นหลุดมืออยากสร้างผลงานเยอะๆพอรู้อีกทีงานที่มีอยู่ก็เยอะมาก มากจนทำให้ฉันละเลยซองมินไป..” คยูฮยอนพยายามใช้แขนที่ไม่ได้โดนสายน้ำเกลือจับให้ซองมินหันหน้ามาหา.ตอนนี้ใบหน้าหวานเปรอะไปด้วยหยาดน้ำตาจะถามว่าเสียใจก็คงไม่ใช่ ที่ซองมินร้องไห้คงเป็นเพราะดีใจและโล่งใจมากกว่าที่อย่างน้อยๆคยูฮยอนก็เข้าใจในความรู้สึกและความคิดของซองมิน ตาคมจ้องไปที่ใบหน้าหวานก่อนจะก้มลงพรมจูบซับน้ำตาที่ไหลเปรอะแก้มนวล คยูฮยอนหยุดการเคลื่อนไหวของริมฝีปากไว้ตรงมุมปากสีเชอรี่สด “ซองมินรู้มั้ยตอนที่ฉันโมโหแล้วบอกให้เราห่างกันสักพัก แต่ซองมินกลับบอกว่า..ให้เราเลิกกัน.. ฉันไม่อยากได้ยินเลยรีบตัดบทแล้วออกมา เพราะไม่อยากให้ทะเลาะมากไปกว่านี้..ฉันอยากบอกว่าถ้าเราต้องเลิกกันจริงๆ...ฉันคงยิ้มได้ประมาณสี่ชั่วโมงเพราะว่าฉันคงไปหาเพื่อนกินเหล้าประชดไปเรื่อยเปื่อย แต่ หลังจากนั้นฉันคงต้องร้องไห้ทั้งชีวิตเพราะฉันต้องเสียคนรักที่ดีที่สุดไป.. ตอนที่เกิดอุบัติเหตุความคิดสุดท้ายที่ฉันมีก็คือความกลัว..กลัวว่าจะไม่ได้กลับมาปรับความเข้าใจกับซองมิน กลัวจะไม่ได้เจอซองมินอีก..แต่ต้องขอบคุณพระเจ้านะที่ยังช่วยฉันให้กลับมา..ต่อไปนี้ฉันจะพยายามทำงานให้น้อยลงแล้วให้เวลาซองมินมากขึ้นนะ” ซองมินเอื้อมแขนไปโอบรอบเอวคนป่วยเบาๆก่อนจะแตะจูบเบาๆที่ริมฝีปากหนา ก่อนจะผละออกมามองหน้าคม “เราก็ขอบคุณนะที่คยูกลับมาหาเรา..อ่า..ดูสิ คยูทำเราตาบวมหมดเลย เดี๋ยวคุณหมอจะเข้ามาตรวจคยูอีกครั้ง..เราไปอาบน้ำก่อนดีกว่าคุณหมอตรวจเสร็จจะได้นอนเลยเนอะ” คยูฮยอนยิ้มกว้างก่อนจะปล่อยให้ซองมินขยับลงจากเตียงไป..
...อาบน้ำเรียบร้อยซองมินก็เดินออกมาด้านนอกก็เห็นคนป่วยหน้าบึ้งกับคุณพยาบาลและผู้ช่วยที่ยืนทำหน้าเจื่อนๆ ซองมินรีบสาวเท้าก้าวไปหาทันที
“ซองมิน เช็ดตัวให้ฉันนะ”พอเดินมาถึงป๊บคนป่วยก็แจ้งความประสงค์ทันที..นี่สินะสาเหตุที่ทำให้คุณพยาบาลต้องหน้าเจื่อนลงขนาดนั้น
“เอ่อ..คุณพยาบาลฮะเดี๋ยวผมเช็ดตัวให้เค้าเองฮะ” คุณพยาบาลกับผู้ช่วยระบายยิ้มให้ซองมินพร้อมกับให้คำแนะนำเล็กๆน้อยๆก่อนจะออกไป..ทิ้งให้คุณพยาบาลส่วนตัวทำความสะอาดคนป่วยหน้าหล่อ..
“คยูอ่ะดื้อจังเลย ทำไมไม่ให้คุณพยาบาลทำให้ล่ะ” ถึงปากจะบ่นแต่มือของซองมินก็ค่อยไล้ผ้าเช็ดไปตามตัวอย่างแผ่วเบาด้วยสีหน้าระเรื่อ..
“ได้ยังไงกัน.. ฉันไม่ให้ใครมาเห็นหรือจับต้องทั้งนั้น..ร่างกายของฉันเป็นของซองมินคนเดียวนะ ซองมินไม่หวงรึไง..” แค่นี้สีหน้าที่ระเรื่ออยู่แล้วก็ยิ่งขึ้นสีไปอีก ซองมินรีบเข็ดตัวแล้วก็รีบหลบไปเก็บของให้เรียบร้อย ขืนอยู่ตรงนี้นานหน้าจะได้ร้อนจนระเบิดกันพอดี..ก็ตั้งแต่คยูฮยอนฟื้นมาก็ทำให้ซองมินอายไปหลายรอบแล้ว..ขอพักหายใจสักเจ็ดวินาทีก็ยังดี..
“คยู นอนเลยมั้ย” ซองมินที่จัดการเก็บของดูอะไรต่างๆในห้องเรียบร้อยแล้วก็ไล่ปิดไฟจนเหลือแต่ส่วนของหัวเตียงคนไข้ ก็ชะโงกหน้ามาถามคนที่นอนอยู่
“ยังไม่ง่วงเลย..ซองมินนอนดูทีวีเป็นเพื่อนหน่อยสิ..”
“ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวเราเผลอหลับแล้วจะเบียดคยูน่ะ”
“ก็ฉันอยากให้ซองมินนอนด้วยกันนี่นา นอนด้วยกันอุ่นดี อย่างน้อยๆฉันก็อุ่นใจที่รู้ว่าซองมินอยู่ใกล้ๆ”
“งั้นถ้าเราเผลอนอนแล้วดิ้นไปโดนแผลคยูห้ามว่าเรานะ”
“อื้อ..เรายอมเจ็บมากๆเลยก็ได้ถ้าซองมินจะมานอนทับตัวเรา..มาเร็วๆสิ”
ซองมินพาร่างกายตัวเองมานอนเบียดคนป่วยบนเตียง..อ่ะ..ถึงจะเกร็งๆที่ต้องคอยนอนระวังไม่ให้โดนแผลคนข้างๆไปบ้าง..แต่ซองมินก็รู้สึกอุ่นใจที่สุด..
................
...........................
จากวันที่ประสบอุบัติเหตุ วันนี้ก็เป็นวันที่สิบแล้วที่คยูฮยอนและซองมินต้องย้ายมานอนโรงพยาบาลแทน อาการของคยูฮยอนดีขึ้นอย่างรวดเร็ว คงเหลือแต่แผลที่ผ่าตัดดามเหล็กไว้นั่นแหละที่ต้องดูแลเป็นพิเศษอยู่ซองมินที่จะต้องไปเคลียร์งานเพราะลาหยุดติดต่อกันหลายวันทำให้งานค่อนข้างเยอะ แต่ทุกครั้งที่ต้องไปซองมินจะไปไม่เกินครึ่งวันแล้วหอบงานกลับมาทำต่อที่โรงพยาบาลโดยมีเพื่อนๆที่ทำงานของคยูฮยอนสลับกันมาเยี่ยม ส่วนคู่รักคิเฮก็มาเยี่ยมและมาอยู่เป็นเพื่อนคู่รักคยูมินทุกวันจนเจ้าหน้าที่และพยาบาลของชั้นนี้เริ่มชินแล้วหากว่ามีเสียงทุ้มของคนสองคนเถียงกันแล้วสอดแทรกด้วยเสียงหวานคอยห้ามและวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ซองมินต้องเข้าบริษัทเพราะพรุ่งนี้คุณหมออนุญาตให้คยูฮยอนออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ซองมินเลยต้องรีบเคลียร์งานให้เสร็จ เพราะเท่าที่ดูแล้วคงต้องลางานดูแลคนป่วยที่บ้านอีกสักสองวัน
ซองมินหอบงานกลับมาที่โรงพยาบาลเช่นเคย พอเปิดประตูห้องมาก็พบว่าคนป่วยนั่งรออยู่พร้อมกับแขนที่อ้ากว้างรอให้คนที่เพิ่งกลับมาเดินเข้าไปในอ้อมกอด ซองมินที่เห็นอย่างนั้นก็รีบวางงานแล้วเข้าสู่อ้อมกอดคุ้นเคยทันที
“เหนื่อยมั้ยซองมิน”
“ไม่อ่ะ..แค่คยูกอดเราก็หายเหนื่อยเลย” แรงกอดแน่นเข้าไปทันทีที่ซองมินพูดจบ คยูฮยอนหอมลงไปที่กลุ่มผมนุ่มแล้วสูดลมหายใจลึกๆ
“นานเท่าไหร่แล้วนะที่ฉันไม่ได้กอดซองมินทุกวันแบบนี้..ถ้าฉันไปเกิดเรื่องก็คงไม่มีโอกาสได้หยุดคิดเลย..ต่อไปนี้ฉันสัญญานะว่าจะกอดซองมินทุกวันให้ซองมินเบื่อเลยล่ะ” ซองมินผละออกมาจ้องลงไปที่ตาคมอย่างสงสัย “วันนี้ตอนที่ซองมินเข้าบริษัทหัวหน้ามาเยี่ยมฉัน..ฉันเลยขอลดงานดูแลไม่เกินสองงานเท่านั้น ฉันไม่อยากทำงานเยอะแล้ว..ตอนที่ซองมินไปทำงานนะฉันยังคิดถึงซองมินแทบตายอยากให้ซองมินกลับมาเร็วๆ ..นี่ขนาดแค่ครึ่งวันนะ..แล้วซองมินที่ต้องรอฉันกลับมาจากทำงานเป็นอาทิตย์ บางครั้งก็เกือบเดือนซองมินทนได้ยังไง..ฉันเลยคิดว่าไม่เอาดีกว่าไม่บ้างานเพื่อหวังความสุขภายหน้าที่ยังมองไม่เห็น สู้เอาเวลามาอยู่กับความสุขที่มีอยู่จริงของวันนี้ ตอนนี้ที่ได้อยู่กับซองมินดีกว่าเยอะเลย”
“ฮึก..ขอบคุณนะคยูฮยอน..” ซองมินโผซบที่อกแกร่งอีกครั้ง..มือหนาเอื้อมมากอดเอวกลมไว้พร้อมกับโยกตัวไปมา
“ต่อไปนี้ “เรา”จะอยู่ด้วยกันทุกวัน แล้วซองมินห้ามบ่นว่าเบื่อฉันนะ..เพราะถึงซองมินจะเบื่อฉันก็จะไม่ไปไหน” ซองมินที่ตอนนี้กลับไปกอดตอบคยูฮยอนอีกครั้ง..พร้อมกับยืดตัวขึ้นไปหอมแก้มบนใบหน้าคม
“อื้อ..เราไม่มีทางบ่นว่าเบื่อคยูหรอก”
..เรื่องราวที่เกิดขึ้นก็คงเป็นเพียงบททดสอบที่ใครสักคนส่งมาเพื่อให้คยูฮยอนและซองมินได้มีโอกาสพิสูจน์รักแท้ที่มีให้แก่กันและกัน..เมื่อผ่านมันมาได้..อะไรๆก็สวยงาม..
..ตอนนี้ช่องว่างระหว่างหัวใจของทั้งสองมันได้ลดระยะลงมาจนแนบชิดกันเหมือนเดิม..
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ