TOMO'S SECRET...ความลับของผม 'โทโมะ K-OTIC'
เขียนโดย StrawberryTKCuTe
วันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 18.29 น.
แก้ไขเมื่อ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 13.01 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
SF : Tomo x Kaew
TOMO’S SECRET ความลับของผม...โทโมะ-เคโอทิค
Just so you know
This feelings takin control Of me and I can't help it
I won’t sit around I can't let him win now
Though you should know I've tryed my best to let go of you
But i don't want to I just gutta say it all before you go
Just so you know...
แค่อยากให้เธอรู้ไว้
ความรู้สึกนี้มันควบคุมฉันอยู่...และฉันทำอะไรไม่ได้เลย
ฉันจะไม่นั่งอยู่เฉยๆแล้ว ฉันปล่อยให้เขาชนะฉันไม่ได้หรอก
คิดว่าเธอควรจะรู้ไว้นะ ฉันพยายามที่สุดแล้วที่จะไปจากเธอ
แต่ฉันไม่อยากไปเลย...ฉันแค่จะบอกเธอให้หมดทุกเรื่องก่อนที่ฉันจะจากไป
แค่อยากให้เธอรู้ไว้นะ...
‘ผมยิ้มทั้งน้ำตา...กับการที่จะต้องจากไป และใครบางคน...ทำให้หัวใจของผมเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง เมื่อพบหน้ากัน…’
ผมเดินออกมาจากห้องสี่เหลี่ยมโถงกว้างภายในบริษัทที่เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของผมพร้อมกับเพื่อนรักที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาหกปีกว่า พวกเราทั้งสามมองหน้ากัน...ยิ้มให้กำลังใจกัน และ...กอดกัน เมื่อวันสุดท้ายเดินทางมาเยี่ยมเยือนพวกเราโดยสมบูรณ์แบบ พวกเราใช้เวลาทำเพลง กิน นอน เล่น เต้น อยู่ที่นี่ด้วยกันในสมัยก่อนนั้นทั้งห้าคน จากห้าคนมาเป็นสามคน จากสามคนมาเป็นหนึ่งคน และแต่ละคน...คงต้องเดินบนทางของตัวเองที่ต่างกันออกไป...
ไม่มีโปรเจคของเราทั้งสามคนอีกแล้ว...พรุ่งนี้ผมจะได้มาทำงานที่นี่เป็นวันสุดท้ายแล้วครับ ถ้าถามว่าเสียใจไหม...ก็ตอบเลยว่าเสียใจ หัวใจของผมแข็งแรงนะ แต่ไม่ใช่กับทุกเรื่อง ผมอยากจะร้องไห้ ผมคิดว่าสักวันนึงพวกเราคงได้กลับมาทำงานร่วมกันอีกครั้ง กลับมาเป็นเด็กอีกครั้งในวันที่ ‘เคโอทิค’ อยู่ครบทั้งหมดห้าคน ...
มีบอสที่น่ารักอย่างป๊อปปี้ มีพี่ที่น่าเคารพอย่างจองเบ มีเพื่อนที่อยู่เคียงข้างแบบเคนตะ และมีน้องชายผู้แสนดีอย่างเขื่อนคอยอยู่กับผม...โทโมะ ในวันนี้ แต่...ทุกอย่างมันจบลงแล้วล่ะ จบแล้วจริงๆ ผมเสียใจนะ ผมเสียใจ...
ผมอยากร้องไห้แต่ผมก็ต้องฝืน ฝืนยิ้ม...ถ่ายรูปให้กับแฟนคลับที่น่ารักกับพวกเราเสมอมา ผมไม่อาจใจร้ายพอที่จะร้องไห้ให้พวกเขาเห็น ถึงแม้ข้างในมันกำลังทุนทุรายอยู่ก็ตาม...ผมยิ้มอีกแล้ว ผมถ่ายรูปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ในวันนั้น ทุกคนเห็นความเศร้าในแววตาของผมบ้างไหม ถ้าเห็น...ผมขอโทษนะ ผมขอโทษที่กักเก็บมันไว้ไม่มิด ผมขอโทษที่ทำให้ทุกคนร้องไห้...ผมเองก็อยากร้องไห้ไม่แพ้กัน
ผมจะต้องไปจากที่นี่แล้ว...ผมจะต้องพูดคำว่า ‘ลาก่อน’ กับเพื่อนอีกหลายๆคนที่นี่ รวมถึง... ‘เธอคนนั้น’ ด้วย เพื่อนสนิทของผมยังไงล่ะ ตอนนี้เธอโตเป็นสาวแล้ว ผมคงเข้าไปกอดลาเธอเหมือนก่อนไม่ได้แล้วล่ะ เธอโตแล้ว...และเธอก็มีเจ้าของแล้วด้วย ถ้าผมทำแบบนั้น...ผมจะเป็นเพื่อนที่ดูไม่ดีเลย ผมเสียใจอีกแล้ว ทำไมผมถึงต้องยอมเก็บทุกอย่างเอาไว้แบบนี้
แม้กระทั่งจะไปแล้ว ก็ยังไม่ยอมที่จะพูดอะไรๆเสียที ทุกอย่างสายเกินไปหมดสำหรับผมคนนี้...
“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร...”
เธอคนนั้น...เดินมาดักหน้าผมเอาไว้ นัยน์ตาคู่สวยเสมือนดาวฤกษ์บนท้องฟ้าคู่นั้นมองผมด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย จนหัวใจของผม...สั่นสะท้าน เธอเอื้อมมือมาแตะข้างไหล่ผมด้วยล่ะ ข้างไหล่ของผมที่เธอเคยซบหน้าแนบลงมาเมื่อครั้งก่อน...อยากดึงเธอมากอดเหลือเกิน ทำแบบนั้นได้มั้ยนะ โทโมะทำแบบนั้นได้มั้ย...ขอร้องล่ะ กอดผมเถอะ กอดผมที ผมต้องการอ้อมกอดของเธอจริงๆ ผมไม่ไหวแล้ว...ผมเจ็บหนึบที่หัวใจไปหมด
“ขอบคุณนะ”
ผมตอบเธอไปเพียงแค่คำสั้นๆ แล้วก็ต้องตัดใจเดินหนี...ผมเจ็บไปหมด ไม่รู้ว่าหัวใจของผมมันผิดปกติตั้งแต่แรกหรือว่าเธอเป็นคนทำให้มันเป็นแบบนั้น ผมไม่ควรรู้สึกแบบนั้นเลย...มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่แค่อยากให้รู้...รู้ว่าผมคนนี้รักเธอมากเหลือเกิน ผมพยายามอย่างสุดความสามารถแล้วนะที่ต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้ ผมไม่ควรได้พบเธอแต่เมื่อพบ...หัวใจกลับพองโตขึ้นมาดื้อๆ เมื่อได้พบผมกลับหันหนีไปไหนไม่ได้...
“อย่าร้องไห้นะ แก้วอยู่ตรงนี้เสมอ...อย่าทิ้งกันก็พอ”
‘แก้ว’ ดึงแขนผมไว้แล้วพาร่างของเธอเข้าสู่อ้อมกอดของผม ใบหน้าสวยหวานซบลงนิ่งๆบนแผ่นอกของผม ไม่มีคำพูดใดๆ...มีเพียงน้ำตาร้อนชื้นที่ค่อยๆไหลซึมสาบเสื้อของผมทีละช้าๆ เคนเป็นมั้ยครับ...อาการที่เรียกว่าเจ็บจนพูดไม่ออก ทำอะไรไม่ได้ ร้องไห้ไม่เป็น? นั่นล่ะ...อาการของผมตอนนี้ ขอโทษนะแก้ว...โทโมะคนนี้อ่อนแอเหลือเกิน ทุกครั้งผมยายามที่จะทำตัวให้เป็นปกติเวลาที่เราพบกัน ผมกอดเธอด้วยความรู้สึกของผู้ชายคนนึง...ไม่ใช่เพื่อน
แค่อยากให้เธอรู้ไว้นะ...ว่าฉันคนนี้รักเธอเหลือเกิน
แย่แล้วล่ะ...ผมไม่สามารถต้านทานเสียงเรียกร้องข้างในได้เลย ผมกำลังกอดเธอ กอดร่างนั้นที่ผมต้องการมากที่สุด ไม่มีคำพูดใดๆระหว่างเราสองคน สัมผัสของร่างกายในตอนนี้บ่องบอกทุกความรู้สึกที่ผมมีต่อแก้ว ไม่รู้หรอกนะ...ว่าแก้วจะรับรู้มันหรือเปล่า แต่ผมก็ทำมันลงไปแล้ว ผมขอกอดแบบนี้...จะไม่ขอพูดอะไรจริงๆ ผมพูดอะไรออกไปไม่ได้หรอก ผมทำผิดแบบนั้นไม่ได้...
“อย่าลืมกันนะ อย่าลืม...”
เมื่อไหร่ที่ผมจะหยุดความรู้สึกนี้ได้เสียที ผมไม่เข้าใจเลย เธอมีคนรักแล้วนะ...แล้วเธอก็ไม่ได้รักผมแบบนั้น แต่มันจะผิดอะไรถ้าผมจะบอกรักเธอในฐานะเพื่อนคนนึง เธอจำได้ไหม...เพื่อนคนนี้ไงที่เธอเรียกว่าเพื่อนสนิท ได้มั้ย...จะเป็นอะไรหรือเปล่าที่ผมจะบอกว่ารักเธอ คนของแก้วจะไม่ว่าอะไรผมใช่มั้ย...ตอบที ตอบทีเถอะ ผมเจ็บช้ำไปหมดแล้วนะ
“แก้วก็รู้ว่ามันจะไม่มีวันนั้น...”
นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของผมที่มีให้กับเธอ ผมคลายอ้อมกอดนั่นที่ผมไม่สมควรได้รับแล้วเดินจากมา ....กว่าจะพาตัวเองกลับมาถึงคอนโดนได้ก็ยากลำบากพอตัว ผมต้องต่อสู้กับทุกสิ่งอย่าง ทุกความรู้สึกนึกคิดตลอดจนนึกถึงวิธีการกำจัดมันด้วย ไม่หรอก...ผมคงไม่ต้องทำแบบนั้น อีกไม่นานผมก็จะไปจากที่นี้แล้ว เมื่อไมได้เจอ...ทุกอย่างก็คงจะดีขึ้น
ผมปิดไฟทุกดวงภายในห้องให้มืดมิดปล่อยให้แสงของพระจันทร์ที่ลอยเด่นทำหน้าที่ขอมันต่อไป ผมทรุดตัวลง...ด้วยหัวใจที่อ่อนล้าเกินกว่าจะยืนไหว มันยากเหลือเกินที่ผมจะพูดอะไรๆออกไปเวลาที่อยู่ต่อหน้าแก้ว เธอเรียกความมั่นใจให้ผมได้ในวันที่ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังอ่อนแอ ในขณะเดียวกัน คนๆเดียวกันนี้กลับทำให้ความมั่นใจของผมลดวูบลงไปที่จุดเริ่มต้น...
เราเป็นเพื่อนสนิทกันมาหลายปี เราไม่เคยห่างกันนานๆ จะมีช่วงหลังนี่แหละที่เราไม่ค่อยได้เจอกันเพราะเวลางานไม่ตรงกัน ไม่ค่อยได้มีผลงานร่วมกันแล้ว และเธอ...ต้องให้เวลากับคนของเธอมากกว่าเพื่อนอย่างผมอยู่แล้ว ผมเข้าใจ ผมเข้าใจดีว่าคนมีความรักก็ต้องการอยู่กับคนที่ตัวเองรัก เหมือนกับผมก็เคยมีช่วงเวลาแบบนั้นกับผู้หญิงอีกคน...แต่ มันจบไปแล้วล่ะ ผมจบความรู้สึกกับเธอคนนั้นได้อย่างรวดเร็ว แต่ทำไมกับเธอคนนี้...พยายามมาก็ตั้งหลายที มันก็ไม่สำเร็จอยู่ทุกครั้ง เพราะอะไรเหรอ...ตอบผมทีได้มั้ยพระเจ้าว่าเพราะอะไรทำไมผมถึงต้องรักเธอมากขนาดนี้
ปิ๊ง ป่อง...
เสียงออดที่ดังขึ้นทำให้ผมหลุดจากภวังค์ของตัวเองและค่อยๆก้าวออกไปเปิดประตูต้อนรับผู้มายืนที่ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นใคร ผมเปิดประตูออกไป...เห็นเธอ คนที่ผมเพิ่งกอดลามาเมื่อครู่ แก้วยืนก้มหน้าลงองพื้นก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้นสบตากับผมด้วยน้ำใสๆที่ไหลอาบทั่วใบหน้าที่เคยสดใสอยู่ทุกวัน ผมมองภาพนั้นด้วยความทรมาน...อย่างถึงที่สุด
“คุยอะไรด้วยหน่อยได้มั้ย ไม่ต้องไล่นะ เดี๋ยวกลับเองถ้าทุกอย่างแก้วไม่ติดใจอะไรแล้ว...”
ผมไม่รู้จะทำตัวยังไงให้เป็นปกติ ได้แต่เดินตามแผ่นหลังบางเข้ามาเงียบๆ มันสะท้อนความว่างเปล่าได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ ทั้งๆที่เออยู่ใกล้ผมเพียงแค่นี้ แต่ทำไม...ผมกลับคว้าอะไรไว้ไม่ได้เลย คงทำได้เพียงแค่ปล่อยเธอไปและคิดว่าแก้วเป็นเพียงอากาศ ผมจับต้องเธอไม่ได้ แต่เธอยังคงอยู่รอบๆตัวผม ไม่ว่าผมจะอยู่ที่ใด แก้วจะอยู่กับผม...จะอยู่ในลมหายใจของผมตลอดไป ฟังดูน้ำเน่าใช่มั้ยล่ะ...แต่หัวใจของผมมันบอกแบบนั้นจริงๆ
“แก้วมีอะไรเหรอ สงสัยอะไร?”
แก้วหันกลับมามองผมด้วยสายตาว่างเปล่าชินชาจนผมเจ็บแปล๊บอย่างห้ามไม่ได้ ความว่างเปล่าที่เธอหยิบยืนให้ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าผมให้ตายทั้งเป็นเลย แก้วจะมองสายตาผมออกบ้างมั้ย...ทุกครั้งที่ผมมองแก้ว แก้วไม่เคยรับรู้อะไรเลยเหรอ ผมไม่ชัดเจนพอใช่หรือเปล่า ผมพลาดอะไรๆไปหลายอย่างเลยงั้นสิ...
“รักแก้วเหรอ...”
ประโยคคำถามของเธอ ทำให้ผมต้องหยุดทุกความรู้สึกเอาไว้ รวมถึงหัวใจของผมที่กำลังจะหยุดเต้นด้วยเช่นกัน...อะไรที่เธอเลือกที่จะถามคำถามแบบนี้กับผม ถามทั้งที่แก้วไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมแม้สักนิดเดียว เป็นผมเสียอีกที่เป็นฝ่ายรู้สึกกับแก้วแต่กลับไม่มีความกล้าพอที่จะพูดออกไป ได้แต่เฝ้ารอว่าสักวันเธอจะหันมามองคนๆนี้บ้าง หัวใจของผมมันเป็นแบบนี้มานานแล้วแต่เพียงแค่ไม่ได้พูดออกมาก็เท่านั้น...ผมรออะไร ทำไมผมต้องรอ...
“ถามทำไม”
“...ตอบมาสิ”
“...”
คนตัวเล็กเดินเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆและผมก็ไม่คิดจะถอยหนี ผมแค่กำลังมึนงงกับสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ แก้วต้องการอะไรจากผมอีก ให้ความหวังผมเหรอ...อย่าเลย ผมรู้ตัวดี ผมไม่ใช่ผู้ชายคนนั้น คนที่เธอรักนักหนา คนเดียวที่เธอต้องการให้อยู่ข้างๆ เป็นคนเดียวที่เธอรักหมดทั้งใจ ผมไม่คิดที่จะหวัง ไม่สิ...ไม่กล้าที่จะหวัง ผมกลัวความผิดหวังเมื่อผมเคยพบเจอกับมันมาแล้วรอบนึงในวันที่ 8 ก.ย. สองปีที่แล้ว วันที่เธอบอกกับใครต่อไปว่าเขาคนนั้นคือคนรักของเธอ...
แค่อยากให้รู้ไว้นะ...ว่าผมทำใจไม่ได้มาตั้งแต่นั้น...
“พูดไม่ได้หรอก โทโมะพูดในสิ่งที่แก้วอยากรู้ไม่ได้...”
“ถ้ารู้สึกแบบนั้น แก้วยืนอยู่ตรงหน้าแล้วนี่ไง...”
ลมหายใจของเราสองคนอยู่ใกล้ชิดกันมากจนเกินไปแล้ว ถึงแม้ว่าห้องของผมจะมืดแต่มันก็ยังพอมีแสงจากข้างนอกสาดส่องเข้ามาบ้าง ผมเห็นได้อย่างถนัดตาเลยล่ะ...ว่าผู้หญิงตรงหน้ากำลังเจ็บปวดไม่แพ้กับผม ผมพยายามแล้ว..พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้เข้าใกล้เธอไปมากกว่านี้ แต่ในเมื่อแก้วก็รับรู้แล้วว่าผมรู้สึกยังไง...จะมีประโยชน์อะไรล่ะที่ผมจะต้องปิดบัง
ผมจะบอกให้หมด ก่อนที่ผมจะจากไปอย่างไม่มีอะไรติดค้างกับเธออีก...
ผมจะเห็นแก่ตัวมั้ยนะ ที่ผมกำลังคิดอยากจะเอาชนะเขาคนนั้น โทโมะผิดมากเกินไปหรือเปล่า...?
“โทโมะรักแก้ว จะพูดแบบนี้...จะผิดมากเกินไปหรือเปล่า แก้วอย่าบอกเขานะ โทโมะไม่อยากให้แก้วมีปัญหากับเขา รักกับเขาให้นานๆ เหมือนที่โทโมะก็จะรักแก้วนานๆแบบนี้เหมือนกัน...”
“....”
“อย่างน้อย เราสองคนคงยังเป็นเพื่อนกันได้ใช่มั้ย...อย่าเกลียดกันนะ สงสารกันเถอะ แค่นี้ก็ไม่รู้จะเจ็บยังไงดีแล้ว มันชาไปหมดเลยล่ะ...”
“...”
“ก็แค่อยากจะบอกในสิ่งที่แก้วควรจะได้รู้ ก่อนที่เราจะจากกัน...โทโมะไม่อยากติดค้างอะไรอีก แค่อยากให้รู้ไว้แค่นั้น...”
ผมพูดทุกสิ่งออกไปแล้ว แก้วได้แต่ยืนฟังนิ่งๆและแล้วน้ำตาของเธอก็ไหลลงมาอีกครั้ง ผมไม่อยากให้แก้วร้องไห้เลย หัวใจของผมชาหนึบไปหมดแล้ว มันทรมานกว่าตอนที่ผมร้องเองเป็นไหนๆ การที่ได้เห็นคนที่เรารักร้องไห้ มันไม่ใช่เรื่องที่ผมปรารถนาเลยจริงๆ พระเจ้าเลิกทำร้ายผมเถอะ...ผมขอร้อง อย่าทำให้ผู้หญิงที่ผมรักต้องเสียน้ำตาอีกเลย
“...แล้วทำไมไม่บอก”
แค่อยากให้รู้ไว้นะ...ผมแค่อยากให้แก้วรู้เอาไว้เฉยๆ ผมรู้ดีว่าเรื่องระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้ ผมจะบอกยังไงในเมื่อทุกครั้งที่เห็นหน้ากัน...เธอมีเขาคนนั้นคอยกุมมืออยู่ตลอดเวลา ผมบอกกับตัวเองและคนอื่นๆว่าเธอเป็นเพื่อนของผม เป็นเพื่อนสนิทกันมานานและก็คงจะเป็นอย่างนั้นตลอดไปทุกครั้ง มันคือเรื่องจริงล่ะ...มันคือเรื่องจริง
ตอนนี้หัวใจของผมเต้นแรงเหลือเกิน แรงขึ้น...แรงขึ้นทุกครั้งเมื่อแก้วเข้ามามาใกล้ทุกเซนติเมตร ทุกมโนสำนึกภายใต้จิตใจที่กำลังปั่นป่วนของผมกำลังฟ้องว่าผู้หญิงตรงหน้ามีเจ้าของแล้ว เธอเป็นของคนอื่นแล้ว...ไม่นะ ผมไม่ควรประคองใบหน้าของเธอไว้แบบนี้เลย อย่านะ...ได้โปรดหยุดการกระทำของตัวผมเองที ไม่เอา...ผมไม่ควรทำกับเธอแบบนี้ ขอร้องล่ะ...
ความรู้สึกหลากหลายภายในกำลังต่อสู้กันจนผมชาหนึบไปทั้งหัวใจ ผมจะทำยังไงดี...เจ็บปวดเหลือเกิน ผมไม่ควร...’จูบ’…เธอแบบนี้เลย ผมค่อยๆประคองใบหน้าสวยหวานนั้นขึ้นสบผสานนัยน์ตากับผม และจงใจใช้ริมฝีปากของตัวเองประทับลงแผ่วเบากับริมฝีปากที่ผมต้องการทะนุถนอมที่สุด...หยุดความต้องการของตัวเองไม่ได้ ไม่ได้ซักที...
“เราใกล้กันเกินไปแล้ว...” ผมบอกกับแก้วและพร้อมจะหยุดทุกเมื่อถ้าหากว่าเธอไม่ต้องการ เธอมองหน้าผม...ด้วยความเจ็บปวดที่มีไม่แพ้กัน ทำไมนะ...ทำไมผมถึงเป็นคนที่เห็นแก่ตัวแบบนี้ ถ้าผมไม่พูด แก้วก็ไม่เจ็บและไม่ต้องร้องไห้
แต่ขอร้องเถอะ...ผมอยากพูดกับแก้วทุกอย่างก่อนที่ผมจะจากไป
“ถ้าจะใกล้กว่านี้...จะเป็นอะไรไปล่ะ?”
แก้วตอบผมกลับด้วยคำพูดที่ผมไม่อาจจะทานทนนิ่งเฉยได้อีกต่อไป จะน่าอายไปหน่อยไหมถ้าผมจะคิดเข้าข้างตัวเองว่า...บางทีแก้วอาจจะรู้สึกแบบเดียวกับผม แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเขาคนนั้นยังคงยืนอยู่เคียงข้างเธอในฐานะ ‘คนรัก’ อยู่เลย พระเจ้า...เลิกทรมานผมเถอะครับ แค่ผมหลงรักผู้หญิงคนนี้ก็เจ็บมากพออยู่แล้ว อย่าให้ผมต้องเจ็บซ้ำสองเพราะความหวังที่เธอหยิบยื่นให้เลย
“Just so you know I shouldn’t see you but I can’t move…”
ผมกระซิบกับเธอเบาๆแล้วฝังจูบลงบนแก้มใสๆนั่นด้วยความหลงรักอย่างถึงที่สุด มือทั้งสองข้าง อ้อมแขนของผม...กอดรัดเธอเอาไว้แน่น ริมฝีปากยังคงทำหน้าที่ของมัน ผมจูบแก้ว...จูบอีกแล้ว คนดี...คนดีของผมยอมให้ผมจูบด้วยล่ะ ผมรักเธอเหลือเกินนางฟ้าของผม...ถึงมันจะเป็นสิ่งที่ไม่สมควรและผมควรที่จะหยุดดีกว่าปล่อยให้เรื่องมันเลยเถิด..
ไม่เอาได้มั้ย...ผมไม่อยากหยุดเวลานี้แล้วล่ะ ขออยู่กับแก้ว...’แบบนี้’…ทั้งคืนเถอะนะ
I shouldn't love you but I want to
I just can't turn away
I shouldn't see you but I can't move
I can't look away
ฉันไม่ควรไปรักเธอเลย แต่ฉันก็อยากเหลือเกิน
ฉันหันหนีจากเธอไปไม่ได้เลย
ฉันไม่ควรจะหันกลับไปมองเธออีก แต่ฉันก็ขยับไม่ได้
ฉันละสายตาไปไม่ได้จริงๆ
แก้วยิ้มให้ผม...เจือจางเหลือเกิน แต่มันเป็นความเจือจางที่ชัดเจนมากที่สุดในความรู้สึกของผม เราสองคนนอนกอดกันด้วยร่างกายเปล่าเปลือย บ่งบอกให้รู้ได้เป็นอย่างดีกว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นระหว่างเราสองคน ไม่ว่าใครจะมองยังไงก็แล้วแต่...สำหรับผม มันไม่ใช่ความมักง่าย ไม่ใช่ความหลง...แต่มันคือความรัก และผมก็รักของผมทั้งหัวใจด้วย
“ขอโทษนะ...” ผมเอ่ยคำๆนี้กับแก้วเป็นรอบที่ไม่รู้เท่าไหร่ของวัน เจ้าของนัยน์กลมใสเงยหน้าขึ้นมองผม ขยับร่างเข้ามาใกล้...และซบใบหน้าลงมาบนไหล่ของผม มือบางกอดรอบเอวของผมไว้แน่น...แก้วถอนหายใจหนักคล้ายจะพูดอะไรออกมาบางอย่าง...
“เรื่อง?”
“ทุกเรื่อง”
“ไม่จำเป็น...แก้วเต็มใจ”
แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ...บอกได้เลยว่าวันนี้มันคุ้มเกินคุ้มจริงๆ ผมพูดสิ่งที่ผมค้างคาใจมาตลอดหลายปีให้เธอได้รับรู้แล้ว ถึงจะทำผิดไปในสิ่งที่ไม่ควรจะทำ ยังไงซะ...ผมก็ได้บอกเธอไปแล้ว เราคงต้องจากกันแล้วจริงๆ ผมอยากอดเธอเอาไว้แบบนี้ตลอดชีวิตและผมก็ได้แต่หัวเราะกับความคิดของตัวเองเรื่อยมา...บ้าสิ คนที่จะได้กอดแก้วแบบนี้คือเขาต่างหาก ไม่ใช่ผม...แต่ ยังไงวันนี้ก็เป็นวันของผมนะ วันนี้ผมชนะเขาได้แล้วล่ะ...แม้จะเป็นเพียงแค่วันเดียวก็ตามที
รู้สึกผิดบาปจริงๆนะ...หัวใจของผมยับเยินไปหมดในขณะเดียวกันมันกลับพองโตได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ โอ้...เกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่ ตอบที...คนดี...ตอบฉันทีว่าเธอคนนี้ร่ายเวทมนตร์อะไรไว้กับหัวใจของผม คิดจะจองจำผมไปถึงเมื่อไหร่กัน อีกนานแค่ไหนผมถึงจะหลุดจากเธอได้ คนดี...แก้วใจคนดีของโทโมะ
“กอดแก้วแบบนี้ อุ่นขึ้นมั้ย...ดีขึ้นบ้างหรือเปล่า?” เสียงใสเอ่ยถามผม น้ำเสียงนั้นสั่นสะท้านเกินกว่าที่เจ้าตัวจะควบคุมปิดบังได้มิด มือเล็กขยับกอดผมแน่น ไม่แพ้ผม...ที่กอดรัดเธอไว้แน่นเช่นเดียวกัน ผมแนบแก้มของตัวเองลงบนหน้าผากของคนตัวเล็กในอ้อมกอด...
รัก...รัก...และรัก!
“แก้วรู้ดีอยู่แล้ว”
“พูดสิ...” นัยน์ตากลมสวยพร่างพราวระยับไปด้วยน้ำตาที่กำลังหล่อเลี้ยงระรื่นคล้ายกับกำลังจะรินไหลงมาอาบแก้มใสที่ผมประทับจูบคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง ทำไมนะ...สาวน้อย ทำไมถึงต้องทำกิริยาแบบนี้กับผมด้วย
ถึงจะไม่ได้รัก...อย่างน้อยก็อย่าให้ความหวังกันเลย ที่ให้มาจนถึงตอนนี้ผมก็ซึ้งในพระคุณมากพอแล้ว
ผมไม่ได้ประชดนะ...ผมพูดจากหัวใจที่ผมรู้สึกจริงๆ
“อยากกอดแบบนี้...ตลอดไป แต่คง...ไม่มีวัน...ลาก่อนนะ หลับเถอะคนดีของโทโมะ ตื่นขึ้นมาจะได้สดใส”
ผมเกลี่ยหยาดน้ำตาที่ไหลเปรอะแก้มใสออกให้อยากแผ่วเบา โค้งริมฝีปากไปจุมพิตเธอเบาๆ กระซิบเสียงแผ่วๆบอกให้เธอหลับฝันดี ผมอยากทะนุถนอมแก้วไว้จนถึงวินาทีสุดท้ายที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน อยากนิ่มนวล อ่อนหวาน ลึกซึ้งกับเธอให้มากที่สุดก่อนจะไม่มีโอกาสได้ทำแบบนี้อีก...แก้วหลับตาแน่นพลางเลื่อนศีรษะลงมานอนซบกับแผ่นอกของผม กอดผมไว้แน่นไม่แพ้กัน...
“ทำไมแก้วรู้สึกเหมือนกับว่า...เราสองคนกำลังจะจากกัน...ตลอดไป หรือไม่...ก็อีกนานแสนนานกว่าที่เราจะได้พบกัน...ทำไม...”
It's getting hard to Be around you
There’s so much I can't say
Do you want me to hide the feelings
And look away…
มันยากเหลือเกินที่จะต้องอยู่ใกล้ๆเธอ
มีอะไรมากมายที่ฉันพูดไม่ได้
เธออยากให้ฉันเก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้
แล้วหันไปทางอื่นหรือเปล่าล่ะ...
กริ๊ง!
เสียงแหลมบาดแก้วหูดังขึ้นจนผมรู้สึกมึนงงไปหมด เมื่อหันไปมองทางด้านข้างเตียงผมก็พบกับเจ้านาฬิกาปลุกสีเขียว ของขวัญวันเกิดที่เพื่อนสนิทของผมอย่าง ‘แก้ว’ ซื้อให้เมื่อปีที่แล้ว...เพื่อนสนิท...แก้ว? ใช่สิ!...ผมกวาดตามองในอ้อมแขนของตัวเองกลับไม่พบใครอยู่เลย มันว่างเปล่าเสียจนผมเริ่มใจหาย ข้างกายของผมมีเพียงหมอนข้างเท่านั้น และภายในห้องเงียบสงัดมีเพียงเสียงลมหายใจของผมและเจ้านาฬิกาปลุกที่ยังคงกรีดร้องไม่หยุดหย่อน...
แก้วหายไปไหน...หรือเธอไม่เคยมาที่นี่เลยกันแน่?
ไม่นะ...ความอบอุ่นจากตัวของแก้วยังคงอบอวลอยู่ภายในห้องแห่งนี้ อ้อมกอดของเธอที่พาดผ่านลงบนรอบเอวของผมยังไม่เจือจางหายไป
ไม่เอานะ...ไม่ใช่สิ....ผมไม่คิดว่ามัน......เป็นเพียงแค่ฝัน......ต้องไม่ใช่แบบนั้นสิ!
ผมพยาพยามสะบัดหัวไล่ความมึนงงอยู่หลายที จนเริ่มแน่ใจแล้วว่า...ผมตื่นแล้วจริงๆ เรื่องที่แก้วมาหาผมเมื่อคืนไม่ใช่ความจริง และสิ่งที่ไม่ใช่ความจริงที่สุดก็คือ...ผมยังไม่ได้บอกอะไรแก้วไปเลยสักอย่าง ผม...ชาชินไปหมดแล้วในตอนนี้เมื่อรับรู้ได้ว่าทุกอย่างเป็นเพียงฝันไป แก้วจะมาหาผมได้ยังไง...ในเมื่อก่อนเดินออกจากตึก ผมเห็นเขาคนนั้นมารับเธอไปต่อหน้าต่อตา...ผมบ้า ผมบ้าไปแล้ว!
หัวใจของผมบอบช้ำอีกแล้วล่ะ...เจ็บเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้อีกต่อไปแล้ว ผู้หญิงคนนี้มีอิทธิพลต่อผมเหลือเกิน ไม่ว่าจะเจอหน้าหรือแม้แต่ภาพของเธอในมโนสำนึกของผมเอง เธอยังทำร้ายผมได้อย่างเลือดเย็นทุกที่ ทุกเวลาและทุกนาทีที่เข็มนาฬิกาเดินไป ผมได้แต่แค่นหัวเราะให้กับตัวเองอย่างสมเพช...เหอะ ก็แค่ฝันไป ก็แค่ความฝันลมๆแล้งๆ...
เมื่อตั้งสติได้ผมจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยอาการน๊อตหลุด เพิ่งเข้าใจจริงๆว่ามันเป็นแบบนี้...เหมือนมีใครบางคนเอาค้อนปอนด์ที่ทั้งใหญ่และหนักฟาดใส่หัวของผมซ้ำไปมา จนภาวะความทรงจำของผมแหลกเหลว ไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีก...แต่เปล่าเลย ไม่ใช่ ผมก็อยากให้เป็นแบบนั้นอยู่หรอกนะ...แต่ผมลบภาพของเธอคนนั้นออกไปไม่ได้
...ผมกลับมาที่บริษัทอีกครั้งเพื่อบอกลาเพื่อนทุกคนและผมก็กำลังจะไปจากที่นี่ ไม่มีกำหนดกลับหรือไม่ก็อาจจะไปญี่ปุ่นถาวร ไม่สิ...ผมไปได้ไม่นานหรอก ยังไงผมก็ต้องกลับมา...กลับมาหาหัวใจของผม แค่ไม่รู้ว่ามันจะเป็นเมื่อไหร่ก็เท่านั้นเอง มาที่นี่...ผมเจอเพื่อนมากมาย ผมบอกลาพวกเขา พวกเขาร้องไห้และต่างหูกันเข้ามากอดผม ผมดีใจมากนะ...ที่ครั้งนึงในชีวิตได้มายืนอยู่ตรงจุดนี้ ไม่เคยเสียใจเลยสักครั้งกับสิ่งที่ได้ทำลงไป...
ผมเฝ้ารอเพื่อนสนิทของผม...เธอคนนั้น เธอยังไม่เห็นมา ไม่เห็นแม้แต่เงา จนผมเริ่มหมดความหวังที่จะรอ ไว้ผมกลับถึงญี่ปุ่นในวันพรุ่งนี้ผมจะติดต่อกลับมาหาเธออีกทีก็ได้...ผมบอกตัวเองแบบนั้น ถึงแม้ไม่ได้กอดลากันก็ตาม ทุกอย่างที่เป็นแก้ว...ผมก็ดีใจมากที่สุดแล้ว แต่ยังไม่ทันที่ผมจะก้าวออกไปจากที่นี่...บีเอ็มดับบลิวคันหรูก็แล่นปราดมาจอดตรงหน้าผมพอดิบพอดีราวกับนัดกันไว้...และเธอคนนั้นก็ก้าวลงมาจากรถ รถของคนรักของเธอ...
“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร...”
รถคันหรูขับออกไปแล้ว เหลือเพียงแก้วกับผมที่ยืนเผชิญหน้ากันอยู่ตอนนี้ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะสดใสของแก้วหมดลงเมื่อรถยนต์คันนั้นเคลื่อนออกไป มีเพียงแค่ประโยคปลอบใจผมพร้อมกับแววตาที่แสนว่างเปล่าคู่นั้น ไม่เหมือนเมื่อคืนเลย...เมื่อคืนแววตาคู่นี้ยังอ่อนหวานกับผมอยู่เลย ผมบ้าอีกแล้วล่ะ...เก็บความฝันงี่เง่ามาใส่ใจทำไมกัน
“ขอบคุณนะ”
ผมยิ้มตอบแม้ในใจกำลังร้องไห้ เจ็บจนสั่นสะท้านไปหมดแล้ว...แก้วยิ้มออกมาทั้งน้ำตาแล้วโผเข้ากอดผม มันเป็นคล้ายๆภาพเสมือนของเมื่อวาน เจ็บปวดแค่ไหน...วันนี้เจ็บกว่าร้อยเท่า ผมจะต้องไปจากเธอแล้วจริงๆเหรอ? ผมจะห่างจากเพื่อนสนิทคนนี้จริงๆแล้วใช่มั้ย? ผมต้องทำยังไงดี...ผมพูดประโยคเหล่านั้นไม่ได้อีกต่อไปแล้ว...ผมทำได้เพียงกอดตอบรับสัมผัสนั้นอย่างแผ่วเบา...แล้วยิ้มให้เธออย่างอ่อนโวยเหมือนที่เคยเป็นมา
“อย่าลืมกันนะ อย่าลืม...”
“แก้วก็รู้ว่ามันจะไม่มีวันนั้น...”
ทุกสิ่งรอบตัวของเราเหมือนถูกสะกดเอาไว้ ไม่มีคำพูดอะไรนอกจากน้ำตาที่ไหลออกจากดวงตาคู่สวยของแก้ว แค่นี้ผมก็ดีใจแล้วล่ะ เธอร้องไห้...แปลว่าเธอคงต้องคิดถึงผมถึงแม้จะในฐานเพื่อนก็ตาม ไม่เห็นเป็นไรเลย...ไม่เป็นไรจริงๆ เพราะยังไงผมก็ต้องไปแล้ว ผมค่อยๆแกะมือเล็กที่เกาะกุมแขนของผมเอาไว้ออกอย่างแผ่วเบา และตัดสิใจหันหลังเดินจากมา...
เดินจากมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงอย่างช้าๆ ไม่ต้องการให้คนเบื้องหลังได้เห็นว่าผมกำลังร้องไห้
ทุกสิ่งสำหรับผมคือความว่างเปล่า...ไร้ค่า ผมได้แต่สงสัยอยู่ในใจว่าทำไมผมถึงต้องทนรอมานานแสนนานขนาดนี้...
ในวันที่ผมต้องไปผมถึงได้มีโอกาสมองย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้น ผมรู้แล้ว...ทุกสิ่งทุกอย่างในใจของผมอยู่กับแก้วเสมอมา
แต่ผมไม่ได้พูดมันออกไป...และได้แต่รอก็แค่นั้นเอง
This emptiness is killing me
I'm wondering why I’ve waited so long
Looking back I realize it was always there to be spoken
Now I'm waiting here…Been waiting here
ความว่างเปล่านี้มันกำลังทำร้ายฉัน
และฉันสงสัยว่าทำไมฉันถึงถึงรอมานานแสนนาน
พอมองย้อนกลับไป ฉันก็ได้รู้ ว่ามันอยู่ตรงนั้นเสมอ แค่ไม่เคยได้พูดออกมา
ฉันยังรออยู่ตรงนี้นะ...
“กลับมานะ...”
นั่นคือเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินและผมก็บันทึกมันไว้ในความทรงจำเป็นที่เรียบร้อยแล้วถึงแม้จะไม่ได้หันกลับไปมองเจ้าของเสียนั้นเลยก็ตาม ผมเก็บทุกตัวอกษรของแก้วเอาไว้ ทุกภาพ ทุกเสียง ทุกอย่างถูกบันทึกลงในความจำและหัวใจของผม...ผมจะไปแล้วนะ ผมกำลังจะไปแล้ว และผมจะกลับมาเห็นแก่ตัวแน่ๆในอีกสักวันหนึ่ง ผมจะกลับมาบอกรักแก้วและพูดทุกอย่างออกไปอย่างที่ใจต้องการ รอผมนะ อย่าลืมผมนะคนดี...เธอรู้อะไรบ้างมั้ย...
ผู้ชายคนนี้กำลังบอกรักเธออยู่ตลอดเวลา...
แค่อยากให้เธอรู้ไว้นะ...ว่าโทโมะคนนี้ รักแก้วตลอดเวลา....
JUST SO YOU KNOW…
-FINISH STORY-
ไม่ขอใช้คำว่า THE END เพราะเรื่องราว 'ของเรา' มันยังไม่สิ้นสุดแค่นี้...
Please Enjoy ♥♥♥
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ