My warning คำเตือน!!เปลี่ยนใจมารักฉันซะ
9.6
เขียนโดย ruktomokaew
วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 16.08 น.
25 บท
209 วิจารณ์
47.65K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2556 14.04 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
2)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเรื่อง My warning คำเตือน!!เปลี่ยนใจมารักฉันซะ
"แก้วคิดถึงพี่นะ...พี่จะเป็นอย่างไงบ้าง...พี่ยังรอแก้วอยู๋รึเปล่า...พี่จะจำแก้วได้มั้ย" เธอพล่ามบอกแล้วหยิบกรอบรูปนั้นมาแนบอกพร้อมปล่อยน้ำตาออกมาอย่างไม่ขาดสาย
+
+
+
"คุณค่ะ...ลูกคงทรมานน่าดูเลยนะคะถ้ารู้เรื่อง..."
ผู้เป็นแม่แทบเข่าอ่อนลงไปเมื่อได้ยินคำพูดที่แสนอัดอั้นของลูกสาวตน...ความจริงเธอกะว่าจะมาเซอร์ไพร์แต่เธอดันมาเห็นลูกสาวของเธอนั่งร้องไห้พร้อมกอดกรอบรูปไว้เธอก็รู้ทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น...
"ผมว่ารอให้เค้าได้เจอกันก่อนดีกว่าคุณอย่าพึ่งด่วนสรุปไปก่อนเลย...อีกอย่างฝ่ายนู้นก็เป็นคนมาขอลูกสาวเราเองแสดงเค้าก็ต้องมีใจให้กันมาตลอดนั่นแหละน่า" ผู้เป็นสามีเอ่ยปลอบใจภรรยาที่เริ่มแสดงความกังวลในเรื่องที่พวกเค้าต่างก็รู้กันเอง...
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
"มาถึงแล้วหรอลูกสาวของม๊า...ไหนมาให้ม๊ากอดให้หายคิดถึงหน่อยสิ^^" เธอรีบปาดน้ำตาแล้วปรับสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อได้ยินเสียงของแม่เธอ
"สวัสดีค่ะป๊า...สวัสดีค่ะม๊า"
เธอลุกขึ้นยืมแล้วพนมมือไหว้ทักทายพ่อแม่ของเธอถึงแม้ว่าเธอจะไปร่ำเรียนต่างประเทศต่างวัฒนธรรมแต่เธอไม่ก็เคยลืมวิธีการทักทายแบบไทยๆที่แสดงถึงเอกลักษณ์อันสวยงาม เธอไม่เห็นความจำเป็นเลยว่าทำไมเธอต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตไปตามยุคของเทคโนโลยี เธอว่าวัฒนธรรมประจำประเทศนี่สิที่สมควรอนุรักษ์
"แหมๆม๊านึกว่าเราจะลืมวิธีการทักทายแบบไทยๆไปแล้วซะอีก" ผู้เป็นแม่ลูบศรีษะเธอเบาๆด้วยความเอ็นดู...ว่านอนสอนง่ายจริงๆลูกแม่
"แก้วไม่ลืมหรอกค่ะ" เธอส่งยิ้มแห้งๆไปให้ผู้เป็นแม่แล้วเสมองไปทางผู้เป็นพ่อที่ยืนอมยิ้มอยู่หน่อยๆ
"แล้วนี่ยัยกิ่งไปไหนซะแล้วล่ะลูก..." เธอคว้าตัวลูกสาวมานอบอกตัวเอง...คิดถึงลูกจังไม่ได้เจอกันเป็นสิบๆปีน้ำตาแม่จะไหลแล้ว><
"ม๊าคะเรื่องอาทิตย์หน้า..."
เธอไม่อยากให้เรื่องมันค้างๆคาๆแบบนี้จึงจำเป็นที่จะต้องเป็นคนเปิดประเด็นทั้งๆที่เธอแทบจะไม่อยากเอ่ยถึงมันแต่ก็นะ...ให้มันจบได้เร้ซๆซะก็ดีบางที...ถ้ามันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดเธออาจจะขอบิดามารดาของเธอไม่ใช้ชีวิตที่ต่างประเทศตลอดไปเลยก็ได้
"อย่าพึ่งพูดเรื่องนั้นเลยนะลูก...มาเหนื่อยๆป๊าว่าเราพักผ่อนก่อนดีกว่า" ผู้เป็นพ่อเอ่ยขัดภรรยาตัวเองก่อนที่จะหลุดปากพูดเรื่องนั้นออกไปเพราะคิดว่าลูกสาวของเธออาจจะรับไม่ได้....
"แต่ม๊าว่าเราคุยกันตอนนี้ก็ดีเหมือนกันนะจ๊ะ" ผู้เป็นสามีหันควับราวกับว่าเราลงตกกันแล้วแต่ทำไมภรรยาของตนถึงได้เอ่ยออกไปอย่างนั้นกัน!
+
+
+
และแล้วตอนนี้ทั้งสามคนแล้วนั่งเรียงรายกันอยู๋บนโซฟาตัวสวยหรู โดยที่ผู้เป็นพ่อนั่งอยู๋ข้างๆภรรยาแล้วลูกสาวนั่งอยู่โซฟาข้างๆอีกตัว ทุกอย่างเข้าสู่ความเงียบเธอได้แต่นั่งมองบิดามารดาของเธอสลับกันไปมา เธอสังเกตุเห็นความผิดปกติไปของมารดาตัวเองทั้งๆที่มารดาของเธอเป็นคนบอกเองว่าจะเป็นคนเล่าเรื่องทุกอย่างให้เธอฟังแต่ไหนกลับมานั่งเงียบกันซะได้ล่ะ
"พูดมาเถอะค่ะแก้วรับได้..." เธอเป็นคนเอ่ยทำลายความเงียบและยืนยันว่าเธอพร้อมจะทำใจและรับให้ได้
"เรื่องของพี่กราฟน่ะ..." ผู้เป็นแม่ของเธอเอ่ยแค่นั้นแล้วเสมองหน้าของบิดาเธอเสมือนว่าให้พูดต่อจากเธอที
"เอ่อ...แก้วเคยสงสัยใช่มั้ยเรื่องที่พี่เค้าขาดการติดต่อจากเราไป" บิดาของเธอเริ่มการชี้แจงเพื่อให้เธอกระจ่างในแต่ละเรื่องที่เธอสงสัยมานาน
"ค่ะ...." เธอรับคำเบาๆแล้วนั่งฟังอย่างใจจดใจจ่อแต่ในขณะเียวกันเธอก็สังเกตสีหน้าของมารดาตัวเองที่ใบหน้าเริ่มซีดลงเรื่อยๆ
"หลังจากที่แก้วไปเรียนต่อได้ประมาณครึ่งปี...พี่เค้าประสบอุบัติเหตุ"
ผู้เป็นพ่อเอ่ยบอกเสียงแผ่วเบาถ้าเลือกได้เค้าอยากจะให้ลูกสาวของเค้าความจำเสื่อมแล้วอะไรๆไม่ได้เลยเสียยังดีกว่าจะมานั่งฟังเรื่องราวแบบนี้
"ไม่จริงใช่มั้ยค่ะม๊า...บอกแก้วมาสิค่ะว่ามันไม่จริง" เธอหันไปส่งสายตาอ้อนวอนให้มารดาเพื่อหวังเรื่องที่พึ่งได้ยินมานั้นมันเป็นเรื่องโกหก
"ฟังม๊าก่อนนะลูก..."
"แล้วเรื่องที่ม๊าบอกว่าให้แก้วกลับมาหาเค้า...ม๊าก็..." เธอเว้นวรรคไว้ในฐานที่เข้าใจกันทั้ง2ฝ่าย นัยน์ตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำใสๆที่รอเวลาล่วงลงมาก็เท่านั้น
"ใช่ม๊าโกหก...แต่ม๊าก็มีคนดีๆมาให้เรารู้จักด้วยนะลูก" มารดาของเธอพยายามเกลี้ยกล่อมเธอแต่ขอบอกเลยว่าตอนนี้เธอยังไม่พร้อมที่จะเจอใครทั้งนั้น!
"ม๊าหมายความว่าม๊ากำลังคลุมถุงชุนแก้วใช่มั้ยค่ะ" เธอกลั้นใจถามเสียงสั่นกลัวเหลือเกินกลัวว่าคำตอบมันจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิดเลย
"..."
มารดาเธอไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่พยักหน้าเบาๆไม่ใช่ว่าหล่อนไม่นักหนักใจที่จะต้องใช้วิธีนี้แต่ถ้ามันเป็นอะไรที่จะทำให้ลุกสาวของเธอลืม...เค้าคนนนั้นได้หล่อนก็จะทำ!
+
+
+
ปัง!!
"ไม่จริง..."
หลังจากที่เธอได้ฟังเรื่องราวที่แท้จริงแล้วว่าตลอดเวลา10ปีที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้น เธอก็ขอปรีกตัวเองนั่งคิดอะไรๆคนเดียวอยู่ในมุมที่ยังไม่ได้เปิดไฟ ตอนนี้เธอขอเวลาทำใจซะหน่อย เธอยังคงตกตะลึงกับเรื่องที่ได้ยินมาเมื่อสักครู่เธอก็แทบจะปล่อยน้ำตาเสียตรงนั้นแต่ในเมื่อเธอสัญญาไว้แล้วว่าเธอจะรับมันให้ได้เธอก็ต้องทำให้ได้!!
แถมเธอจะต้องมานั่งปวดหัวกับเรื่องที่แม่ของเธออ้อนวอนให้เธอได้ทำตามเพื่อความสบายของเธอเองก็เถอะแต่เรื่องของหัวใจใครมันบังคับกันได้ล่ะ เธอต้องเสียบุคคลที่เฝ้ารอมาเป็น10ปีแต่เธอต้องมาใช้ชีวิตคู่ใครอีกคนที่เธอไม่รู้จัก เป็นใคร...ใครจะทำใจได้กันล่ะ
ฟึบ!!
"แก้ว!!"
เสียงประตูถูกเปิดขึ้นแล้วตามด้วยเสียงกระวนกระวายของพี่สาวเธอแต่มันไม่ได้ทำให้เธอตกใจแต่อย่างใด เวลานี้คงไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้ช็อคได้เท่ากับเรื่องนั้นแล้วล่ะ...
"คะ..."
เธอขาดรับเบาๆแล้วลุกขึ้นเดินไปเปิดไฟ เมื่อทุกอย่างในห้องสว่างพี่สาวของเธอก็ออกอากาiตกตะลึงเมื่อได้เห็นใบหน้าของน้องสาวตน...แทบดูไม่ได้
"เราไหวมั้ย..." เธอลูบศรีษะของน้องสาวแล้วกดลงมาเพื่อให้ไหล่ของตัวเองที่ระบาย
"ต้องไหวสิค่ะ" น้องสาวเธอตอบเพียงแค่นั้นแต่ก็ก้มลงไปฝากน้ำตาไว้บนไหล่ของพี่สาว
"เจ๊รู้ว่าแกไม่ไหวหรอก...ปล่อยออกมาเหอะ"
ทั้งห้องเหลือแต่เพียงเสียงสะอื้นของเธอที่ซบใบหน้าสวยหวานลงบนไหล่ของพี่สาว แรงสะอื้นเป็นเครื่องบ่งบอกได้ดีว่าตอนนี้น้องสาวของกำลังเสียใจแค่ไหน..แน่สิเป็นใครก็คงรับไม่ไหวหรอกขนาดเธอที่ว่าเข้มแข็งแต่ถ้าเจอเรื่องแบบนี้เธอก็อาจจะเป็นหนักกว่าน้องเธอก็เป็นได้....
...ruktomokaew...
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ตอนที่2ออกมาแล้วยังมีใครรอฟิคเรามั้ยเอ่ย5555 วันนี้เราอาจจะอัพอีกเรื่องนะแต่ก็ไม่แน่อาจจะไม่อัพรอดูความไหวของมันสมองอันน้อยนิดก่อน555 เม้นกันด้วยนะคะ ขอเยอะๆเลย เราว่าจะเปิดเรื่องนี้นานแล้วแต่ก็ยังไม่มีโอกาส วันนี้ถ้าเม้นเรื่องนี้เยอะเราก็ว่าจะอัพNever too late อีกเรื่องด้วย จะอัพคู่กันไปแต่ถ้าเม้นไม่เยอะก็ยกเลิกโปรแกรมทั้งหมด!5555
"แก้วคิดถึงพี่นะ...พี่จะเป็นอย่างไงบ้าง...พี่ยังรอแก้วอยู๋รึเปล่า...พี่จะจำแก้วได้มั้ย" เธอพล่ามบอกแล้วหยิบกรอบรูปนั้นมาแนบอกพร้อมปล่อยน้ำตาออกมาอย่างไม่ขาดสาย
+
+
+
"คุณค่ะ...ลูกคงทรมานน่าดูเลยนะคะถ้ารู้เรื่อง..."
ผู้เป็นแม่แทบเข่าอ่อนลงไปเมื่อได้ยินคำพูดที่แสนอัดอั้นของลูกสาวตน...ความจริงเธอกะว่าจะมาเซอร์ไพร์แต่เธอดันมาเห็นลูกสาวของเธอนั่งร้องไห้พร้อมกอดกรอบรูปไว้เธอก็รู้ทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น...
"ผมว่ารอให้เค้าได้เจอกันก่อนดีกว่าคุณอย่าพึ่งด่วนสรุปไปก่อนเลย...อีกอย่างฝ่ายนู้นก็เป็นคนมาขอลูกสาวเราเองแสดงเค้าก็ต้องมีใจให้กันมาตลอดนั่นแหละน่า" ผู้เป็นสามีเอ่ยปลอบใจภรรยาที่เริ่มแสดงความกังวลในเรื่องที่พวกเค้าต่างก็รู้กันเอง...
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
"มาถึงแล้วหรอลูกสาวของม๊า...ไหนมาให้ม๊ากอดให้หายคิดถึงหน่อยสิ^^" เธอรีบปาดน้ำตาแล้วปรับสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อได้ยินเสียงของแม่เธอ
"สวัสดีค่ะป๊า...สวัสดีค่ะม๊า"
เธอลุกขึ้นยืมแล้วพนมมือไหว้ทักทายพ่อแม่ของเธอถึงแม้ว่าเธอจะไปร่ำเรียนต่างประเทศต่างวัฒนธรรมแต่เธอไม่ก็เคยลืมวิธีการทักทายแบบไทยๆที่แสดงถึงเอกลักษณ์อันสวยงาม เธอไม่เห็นความจำเป็นเลยว่าทำไมเธอต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตไปตามยุคของเทคโนโลยี เธอว่าวัฒนธรรมประจำประเทศนี่สิที่สมควรอนุรักษ์
"แหมๆม๊านึกว่าเราจะลืมวิธีการทักทายแบบไทยๆไปแล้วซะอีก" ผู้เป็นแม่ลูบศรีษะเธอเบาๆด้วยความเอ็นดู...ว่านอนสอนง่ายจริงๆลูกแม่
"แก้วไม่ลืมหรอกค่ะ" เธอส่งยิ้มแห้งๆไปให้ผู้เป็นแม่แล้วเสมองไปทางผู้เป็นพ่อที่ยืนอมยิ้มอยู่หน่อยๆ
"แล้วนี่ยัยกิ่งไปไหนซะแล้วล่ะลูก..." เธอคว้าตัวลูกสาวมานอบอกตัวเอง...คิดถึงลูกจังไม่ได้เจอกันเป็นสิบๆปีน้ำตาแม่จะไหลแล้ว><
"ม๊าคะเรื่องอาทิตย์หน้า..."
เธอไม่อยากให้เรื่องมันค้างๆคาๆแบบนี้จึงจำเป็นที่จะต้องเป็นคนเปิดประเด็นทั้งๆที่เธอแทบจะไม่อยากเอ่ยถึงมันแต่ก็นะ...ให้มันจบได้เร้ซๆซะก็ดีบางที...ถ้ามันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดเธออาจจะขอบิดามารดาของเธอไม่ใช้ชีวิตที่ต่างประเทศตลอดไปเลยก็ได้
"อย่าพึ่งพูดเรื่องนั้นเลยนะลูก...มาเหนื่อยๆป๊าว่าเราพักผ่อนก่อนดีกว่า" ผู้เป็นพ่อเอ่ยขัดภรรยาตัวเองก่อนที่จะหลุดปากพูดเรื่องนั้นออกไปเพราะคิดว่าลูกสาวของเธออาจจะรับไม่ได้....
"แต่ม๊าว่าเราคุยกันตอนนี้ก็ดีเหมือนกันนะจ๊ะ" ผู้เป็นสามีหันควับราวกับว่าเราลงตกกันแล้วแต่ทำไมภรรยาของตนถึงได้เอ่ยออกไปอย่างนั้นกัน!
+
+
+
และแล้วตอนนี้ทั้งสามคนแล้วนั่งเรียงรายกันอยู๋บนโซฟาตัวสวยหรู โดยที่ผู้เป็นพ่อนั่งอยู๋ข้างๆภรรยาแล้วลูกสาวนั่งอยู่โซฟาข้างๆอีกตัว ทุกอย่างเข้าสู่ความเงียบเธอได้แต่นั่งมองบิดามารดาของเธอสลับกันไปมา เธอสังเกตุเห็นความผิดปกติไปของมารดาตัวเองทั้งๆที่มารดาของเธอเป็นคนบอกเองว่าจะเป็นคนเล่าเรื่องทุกอย่างให้เธอฟังแต่ไหนกลับมานั่งเงียบกันซะได้ล่ะ
"พูดมาเถอะค่ะแก้วรับได้..." เธอเป็นคนเอ่ยทำลายความเงียบและยืนยันว่าเธอพร้อมจะทำใจและรับให้ได้
"เรื่องของพี่กราฟน่ะ..." ผู้เป็นแม่ของเธอเอ่ยแค่นั้นแล้วเสมองหน้าของบิดาเธอเสมือนว่าให้พูดต่อจากเธอที
"เอ่อ...แก้วเคยสงสัยใช่มั้ยเรื่องที่พี่เค้าขาดการติดต่อจากเราไป" บิดาของเธอเริ่มการชี้แจงเพื่อให้เธอกระจ่างในแต่ละเรื่องที่เธอสงสัยมานาน
"ค่ะ...." เธอรับคำเบาๆแล้วนั่งฟังอย่างใจจดใจจ่อแต่ในขณะเียวกันเธอก็สังเกตสีหน้าของมารดาตัวเองที่ใบหน้าเริ่มซีดลงเรื่อยๆ
"หลังจากที่แก้วไปเรียนต่อได้ประมาณครึ่งปี...พี่เค้าประสบอุบัติเหตุ"
ผู้เป็นพ่อเอ่ยบอกเสียงแผ่วเบาถ้าเลือกได้เค้าอยากจะให้ลูกสาวของเค้าความจำเสื่อมแล้วอะไรๆไม่ได้เลยเสียยังดีกว่าจะมานั่งฟังเรื่องราวแบบนี้
"ไม่จริงใช่มั้ยค่ะม๊า...บอกแก้วมาสิค่ะว่ามันไม่จริง" เธอหันไปส่งสายตาอ้อนวอนให้มารดาเพื่อหวังเรื่องที่พึ่งได้ยินมานั้นมันเป็นเรื่องโกหก
"ฟังม๊าก่อนนะลูก..."
"แล้วเรื่องที่ม๊าบอกว่าให้แก้วกลับมาหาเค้า...ม๊าก็..." เธอเว้นวรรคไว้ในฐานที่เข้าใจกันทั้ง2ฝ่าย นัยน์ตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำใสๆที่รอเวลาล่วงลงมาก็เท่านั้น
"ใช่ม๊าโกหก...แต่ม๊าก็มีคนดีๆมาให้เรารู้จักด้วยนะลูก" มารดาของเธอพยายามเกลี้ยกล่อมเธอแต่ขอบอกเลยว่าตอนนี้เธอยังไม่พร้อมที่จะเจอใครทั้งนั้น!
"ม๊าหมายความว่าม๊ากำลังคลุมถุงชุนแก้วใช่มั้ยค่ะ" เธอกลั้นใจถามเสียงสั่นกลัวเหลือเกินกลัวว่าคำตอบมันจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิดเลย
"..."
มารดาเธอไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่พยักหน้าเบาๆไม่ใช่ว่าหล่อนไม่นักหนักใจที่จะต้องใช้วิธีนี้แต่ถ้ามันเป็นอะไรที่จะทำให้ลุกสาวของเธอลืม...เค้าคนนนั้นได้หล่อนก็จะทำ!
+
+
+
ปัง!!
"ไม่จริง..."
หลังจากที่เธอได้ฟังเรื่องราวที่แท้จริงแล้วว่าตลอดเวลา10ปีที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้น เธอก็ขอปรีกตัวเองนั่งคิดอะไรๆคนเดียวอยู่ในมุมที่ยังไม่ได้เปิดไฟ ตอนนี้เธอขอเวลาทำใจซะหน่อย เธอยังคงตกตะลึงกับเรื่องที่ได้ยินมาเมื่อสักครู่เธอก็แทบจะปล่อยน้ำตาเสียตรงนั้นแต่ในเมื่อเธอสัญญาไว้แล้วว่าเธอจะรับมันให้ได้เธอก็ต้องทำให้ได้!!
แถมเธอจะต้องมานั่งปวดหัวกับเรื่องที่แม่ของเธออ้อนวอนให้เธอได้ทำตามเพื่อความสบายของเธอเองก็เถอะแต่เรื่องของหัวใจใครมันบังคับกันได้ล่ะ เธอต้องเสียบุคคลที่เฝ้ารอมาเป็น10ปีแต่เธอต้องมาใช้ชีวิตคู่ใครอีกคนที่เธอไม่รู้จัก เป็นใคร...ใครจะทำใจได้กันล่ะ
ฟึบ!!
"แก้ว!!"
เสียงประตูถูกเปิดขึ้นแล้วตามด้วยเสียงกระวนกระวายของพี่สาวเธอแต่มันไม่ได้ทำให้เธอตกใจแต่อย่างใด เวลานี้คงไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้ช็อคได้เท่ากับเรื่องนั้นแล้วล่ะ...
"คะ..."
เธอขาดรับเบาๆแล้วลุกขึ้นเดินไปเปิดไฟ เมื่อทุกอย่างในห้องสว่างพี่สาวของเธอก็ออกอากาiตกตะลึงเมื่อได้เห็นใบหน้าของน้องสาวตน...แทบดูไม่ได้
"เราไหวมั้ย..." เธอลูบศรีษะของน้องสาวแล้วกดลงมาเพื่อให้ไหล่ของตัวเองที่ระบาย
"ต้องไหวสิค่ะ" น้องสาวเธอตอบเพียงแค่นั้นแต่ก็ก้มลงไปฝากน้ำตาไว้บนไหล่ของพี่สาว
"เจ๊รู้ว่าแกไม่ไหวหรอก...ปล่อยออกมาเหอะ"
ทั้งห้องเหลือแต่เพียงเสียงสะอื้นของเธอที่ซบใบหน้าสวยหวานลงบนไหล่ของพี่สาว แรงสะอื้นเป็นเครื่องบ่งบอกได้ดีว่าตอนนี้น้องสาวของกำลังเสียใจแค่ไหน..แน่สิเป็นใครก็คงรับไม่ไหวหรอกขนาดเธอที่ว่าเข้มแข็งแต่ถ้าเจอเรื่องแบบนี้เธอก็อาจจะเป็นหนักกว่าน้องเธอก็เป็นได้....
...ruktomokaew...
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ตอนที่2ออกมาแล้วยังมีใครรอฟิคเรามั้ยเอ่ย5555 วันนี้เราอาจจะอัพอีกเรื่องนะแต่ก็ไม่แน่อาจจะไม่อัพรอดูความไหวของมันสมองอันน้อยนิดก่อน555 เม้นกันด้วยนะคะ ขอเยอะๆเลย เราว่าจะเปิดเรื่องนี้นานแล้วแต่ก็ยังไม่มีโอกาส วันนี้ถ้าเม้นเรื่องนี้เยอะเราก็ว่าจะอัพNever too late อีกเรื่องด้วย จะอัพคู่กันไปแต่ถ้าเม้นไม่เยอะก็ยกเลิกโปรแกรมทั้งหมด!5555
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.6 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ