Friend With Benefit เพื่อนกันฉัน(แอบ)รักเํธอ

9.8

เขียนโดย StrawberryTKCuTe

วันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 22.16 น.

  8 ตอน
  226 วิจารณ์
  26.20K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 19.17 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

5)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
 
“โอ๊ยย! เจ็บ....ฉันเจ็บ”
 
 
            ความดุดัน ร้อนแรงของส่งผลให้ฉันร้องออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งที่พยายามกัดริมฝีปากแน่นจนห้อเลือดไปหมดฉันก็ยังไม่อาจควบคุมตัวเองได้เลย โทโมะทำแบบนี้ทำไม...เขารังเกียจในตัวฉันไม่ใช่เหรอ เขาพูดเองไม่ใช่หรือว่าฉันเป็นผู้หญิงแบบนั้น แล้วเขาเอาตัวเองเข้ามายุ่งกับฉันทำไมกัน...
 
 
 
“ฉันจะย้ำให้เธอได้รู้อีกครั้งนะแก้ว ว่าเธอ...เป็นของฉัน และเป็นของฉันแค่คนเดียว ไอ้เวรหน้าไหนก็มาเอาเธอไปจากฉันไม่ได้ ฉันไม่ให้!”
 
 
 
            ฝ่ามือร้อนที่กำลังลากไล้ไปทั่วร่างกายของฉัน ปั่นประสาทฉันจนเบลอพร่าไปหมดแล้วไหนจะยังคำพูดแบบนั้นอีก เขาต้องการจะหน่วงเหนี่ยวฉันเพื่อความสะใจ หรืออันที่จริงแล้ว...เป็นเพราะเขารักฉัน เขาถึงรั้งฉันเอาไว้เหมือนที่ฉันเองก็รั้งเขามาตลอด ฉันไม่กล้าคิดไปไกลแบบนั้นเลย...ฉันยังจะคาดหวังอะไรกับผู้ชายใจร้ายคนนี้ได้อีก  เวลานี้...คงได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลช้าๆ และทุกอย่าง...เขาเป็นคนควบคุม
 
 
 
“เราปะ...เป็นเพื่อนกันนะ...ยะ...อย่าลืม!”  ฉันพยายามเปล่งเสียงร้องห้ามให้เขาหยุดทุกการกระทำและดูเหมือนว่าจะเป็นผล โทโมะหยุดนิ่งไปและมองฉันด้วยแววตาดุดัน คล้ายกับว่าสิ่งที่ฉันพูด...มันผิด!
 
 
“เพื่อน? เลิกโง่...แล้วมองฉันอีกที มองสิ...ผู้ชายคนนี้คือเพื่อนของเธอหรอกหรือ?”
 
 
 
 
            โทโมะทำให้ฉันสับสนจนแทบเป็นบ้า เขาประคองใบหน้าฉันขึ้นก่อนจะพูดประโยคกำกวมออกมาและแน่นอน...ฉันไม่เข้าใจเลยสักนิดเดียว ไม่สิ...เราไม่สมควรจะเป็นเพื่อนกันด้วยซ้ำ ทุกสิ่งที่เราทำร่วมกันมาตั้งแต่ต้นมันฟ้องอยู่แล้วว่าเราทั้งคู่ถลำลึกมาไกลเกินกว่าจะกลับไปใช้คำว่าเพื่อนได้อีก ถ้าจะเป็นไปได้...ก็คงเป็นได้แค่คนแปลกหน้า...และเพื่อนร่วมโลกก็เท่านั้น แค่นั้นจริงๆ...
 
 
“นายบอกฉันเอง นายบอกฉัน...ฮึก...นายบอก นายบอกฉัน!”  ฉันรัวกำปั้นแล้วทุบลงบนหน้าอกเขาดังอั้กหลายๆทีอย่างไม่กลัวว่าโทโมะจะโกรธ ฉันเสียใจ น้อยใจเขา ฉัน...ฉันรู้สึกแบบนั้นทั้งที่ไม่สิทธ์ไปรู้สึกอะไรเลย
 
 
 
“งั้นฉันจะบอกเธอใหม่...”
 
 
 
            ไม่เพียงแต่คำพูดของเขาที่รังแต่จะทำให้ฉันใจสั่น การกระทำของเขาก็ด้วยเช่นกัน โทโมะคว้าฉันไปกอดจูบ....อย่างลึกซึ้ง นุ่มนวลและไม่มีความดุเด็ดเผ็ดร้อนแฝงอยู่ในฉันรู้สึกระคายเลยแม้แต่นิดเดียว เขาดึงร่างฉันเข้าสู่อ้อมกอด อ้อมกอดอันคุ้นเคยและฉันก็ต้องการให้เขากอดมาตลอด ไม่ว่าอ้อมกอดนั่นเขาจะใช้ทำร้ายฉันมาเนิ่นนานก็ตามที
 
 
 
 
            ริมฝีปากของเราสัมผัสกันเนิ่นนาน อีกครั้ง...อีกครั้ง...และอีกครั้งอย่างโหยหาในกันและกันไม่รู้อิ่ม  โทโมะกอดฉันไว้แน่นด้วยมือเพียงข้างเดียว ส่วนอีกข้างเขาเลื่อนขึ้นมาประคองใบหน้าของฉันไว้...เพียงจูบเดียว จูบเดียวของเขา...ทำให้ฉันลืมสิ้นว่าผู้ชายคนนี้ทำร้ายอะไรฉันไว้บ้าง สายตาอ่อนหวานคมคายมองเรือนร่างของฉันด้วยรอยยิ้มซุกซนเหมือนเก่าที่เขาชอบทำ ริมฝีปากร้ายกาจเข้าสำรวจทุกซอกมุมของร่างกายฉันราวกับเขารู้ดีเหลือเกินเหมือนกับว่า...เขาคืออีกคนที่เป็นเจ้าของร่างกายนี้
 
 
 
            ฉันสะดุ้งสุดตัวทุกครั้งที่ริมฝีปากร้านผ่าวลากไล้ไปตามร่างกาย ลมหายใจของฉันติดใจจวนเจียนจะขาดลงดื้อๆ อยากผลักไสเขาออกไปให้ไกลห่างหรือไม่ก็ข่วนหน้าแรงๆให้สาแก่ใจ แต่ทำไม...ฉันถึงทำแบบนั้นไม่ได้เสียที ฉันรักโทโมะมากเกินกว่าจะกล้าทำร้ายเขา ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นฝ่ายที่ทำร้ายฉันมาโดยตลอดก็ตาม...ฉันรักโทโมะ รัก...และก็อยากให้เขารักฉัน ทำไมล่ะ...ทำไมโทโมะถึงไม่รักฉัน...ทำไม...
 
 
“อื้อ...อื้อออ~”
 
 
 
            ความเสียวซ่านบาดแหลมจากรสสัมผัสของเขาส่งผลให้ฉันไม่อาจควบคุมตัวเองได้เลยสักครั้ง ฉันผวากอดรอบเอวของเขาเอาไว้แน่นและเผลอกัดเนื้อตรงไหล่เขาเต็มแรงเมื่อความรู้สึกหลากหลายโจมตีกันจนยุ่งเหยิง แต่...ผู้ชายคนนี้ดูจะไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลยทั้งสิ้น เขายังคงตักตวงความหอมหวานจากร่างกายของฉันได้อย่างไม่ยอมล่าถอย จากนิ่มนวลเป็นเผ็ดร้อนรุนแรง...และลึกล้ำรวดเร็วขึ้นไปอีก...จนถึงจุดที่เราต้องแตกดับด้วยกันทั้งคู่
 
 
 
            ร่างสูงเลื่อนมานานข้างฉันพร้อมกับเกี่ยวเอวของฉันไปนอนกอดจนแผ่นหลังของฉันแนบชิดไปกับร่างกายของเขา ใบหน้าหล่อเหลาที่ฉันแสนจะหลงใหลเลื่อนมานอนซบกับต้นคอของฉันจนลมหายใจรินร้อนเป่ารดผิวเนื้อของฉันจนแสบร้อนไปหมด และเขาก็กระซิบออกมาเบาๆพอให้ฉันได้ยิน...
 
 
 
“ฉันต้องการแค่เธอ...”  ฉันแค่นยิ้มให้กับตัวเองอย่างสมเพชก่อนจะตอบเขาออกไปอ่างที่ใจคิด
 
 
 
“นายไม่ได้ต้องการฉัน...”
 
 
 
“...”
 
 
 
“นายต้องการแค่...ร่างกายของฉัน...แค่นั้น”  ฉันสะบัดตัวหนีห่างจากเขาพร้อมกับหยิบความผ้าขนหนูที่ตกหล่นอยู่ข้างเตียงขึ้นมาพันตัวแล้วลุกขึ้นมายืนให้ไกลจากโทโมะ ฉันไม่ไว้ใจเขา...เขามือไวและอันตรายกับฉันเสมอ
 
 
 
“ฉันพูดถูกใช่มั้ยล่ะ เหอะ...กลับห้องตัวเองไปซะก่อนที่ฟางจะกลับมา แล้วขอร้องล่ะ...เลิกยุ่งกับฉันเสียที ขอให้คืนนี้ระหว่างเราเป็นคืนสุดท้าย ทุกอย่างจบแล้ว ฉันกับนายไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”
 
 
 
 
            ไม่รู้หรอกนะว่าโทโมะจะสังเกตได้หรือเปล่าว่าในขณะที่ฉันยืนหันหลังให้เขาแบบนี้ ฉันจะกำลังร้องไห้สะอื้นเพราะเขาอยู่ ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าน้ำตาที่เสียให้กับโทโมะไปมันหมดไปเท่าไหร่แล้ว ฉันไม่รู้เลยจริงๆ เพราะมันมากเกินกว่าที่ฉันจะมานั่งนับได้ เขาไม่รู้หรอกว่าฉันกล้ำกลืนแค่ไหนที่ต้องพูดประโยคนั้นออกไป ขอให้เขาเลิกยุ่ง...แล้วฉันล่ะ ฉันถามตัวเองหรือยังว่าฉันจะเลิกรักเขาได้หรือเปล่า ถึงจะเป็นอะไรที่ทำแล้วไม่เป็นผลดีต่อหัวใจตัวเอง ฉันก็ต้องทำ ฉันต้องเลือกทางที่เจ็บน้อยที่สุดให้กับตัวเองไม่ใช่หรือไง...
 
 
 
“ขอโทษ...”  เสียงนั้นกระซิบแผ่วเบาข้างหู ร่างกายที่เคยเหน็บหนาวกลับรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อฉันต้องเข้าไปอยู่ภายใต้อ้อมกอดอบอุ่นของเขา
 
 
 
            โทโมะกอดฉันจากทางด้านหลัง ไออุ่นจากตัวของเขาคลายความหนาวเย็นในหัวใจของฉันได้อย่างแปลกประหลาด ใบหน้าหล่อเหลาวางเกยกับไหล่ของฉันแล้วโยกตัวไปมา วงแขนโอบกระชับฉันไว้แน่นเหมือนกับว่าเขาทำผิดและต้องการที่จะง้องอนฉัน
 
 
 
“ไม่ต้องขอโทษ ฉันไม่ได้โกรธนาย...ไม่สิ ไม่มีสิทธิ์โกรธอะไรนายอยู่แล้ว”  ฉันไม่ได้ตัดพ้อโทโมะนะ ฉันพูดออกมาตามความเป็นจริง ไม่กล้าหวังเลยว่าเขาจะง้อฉัน ไม่กล้าคิดอะไรทั้งนั้น ทุกวันนี้ที่ฉันเจ็บช้ำอยู่แบบนี้มันไม่ใช่เพราะฉันคิดไปเองคนเดียวหรือไง
 
 
 
“คนดี...ฉันขอโทษนะ ฉันไม่ได้อยากทำร้ายเธอแบบนี้ ฉันแค่ไม่ต้องการให้ไอ้เวรหน้าไหนมายุ่งกับเธอและฉันก็ไม่ได้อยากจะต่อว่าเธอแบบนั้นด้วย ที่ฉันพูดไป...”
 
 
 
“เลิกพูดเสียทีเถอะ ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัวอะไรของนายอีก! นายตบหัวแล้วคิดจะมาลูบหลังฉันหรือไง นายเป็นคนไล่ฉันแล้วอยู่ๆนายก็กลับมารั้งฉันไว้ ทำไม ไอ้การที่ได้ล้อเล่นกับความรู้สึกของฉันเนี่ย...มันทำให้นายสนุกมากนักใช่มั้ย เอาสิ! แกล้งฉันให้ขาดใจตายไปเลยก็ยังได้ อย่ามาทรมานกันแบบนี้...!”
 
 
 
 
            โทโมะใจร้ายกับฉันเกินไปจริงๆนะ เขาด่าว่าฉันให้ฉันเจ็บช้ำน้ำใจเล่นๆ แล้วอยู่ๆก็ดึงฉันมากอดปลอบ ผลักฉันลงอเวจีแล้วก็ดึงฉันขึ้นสวรรค์ เดี๋ยวอีกไม่นานเขาก็หันกลับมาผลักฉันลงนรกอีกรอบ เขาทำให้ฉันไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าวันพรุ่งนี้หรือแม้แต่วินาทีต่อไปของฉันจะจบลงอีท่าไหน เขาไม่ปล่อยให้ฉันตาย...แต่กลับไปฝ่ายฆ่าฉันทั้งเป็นด้วยมือของเขาเอง เชื่อสิ...ว่าการที่ฉันจะกรีดข้อมือตัวเองยังไม่เจ็บเท่ากับการได้รับอ้อมกอดร้อนแรงที่เหมือนไฟแผดเผาจองจำฉันเอาไว้แบบนี้เลย!
 
 
 
“นายมันคนใจร้าย...ฮึก”
 
 
“จะทุบ จะตียังไงก็ได้นะ แต่ฉันอยากบอกเธอเอาไว้ตรงนี้เลยว่าฉัน...ไม่ได้อยากทำร้ายเธอ ใช่...ฉันต้องการเหนี่ยงรั้งเธอไว้ และฉันไม่ต้องการให้เธอหนีหายออกไปจากชีวิต ไม่ว่าเธอจะอยู่ในฐานะอะไรก็ตาม...คนดี ขอโทษนะ ฉันขอโทษ...”
 
 
 
 
            โทโมะเลื่อนใบหน้าขึ้นจากการที่เขาเกยไหล่ฉันไว้แล้วจุมพิตเบาๆที่แก้มของฉัน เขาอ่อนโยนกับฉัน กอดฉันแนบชิดจนฉันรุ่มร้อนไปหมด ไม่รู้จะวางตัวยังไงดี แค่นี้ฉันก็ยอมให้เขามากมาพอแล้ว ฉันอยากจะรู้เหลือเกินว่าบนโลกใบนี้ยังจะมีผู้หญิงที่โง่เง่าอย่างฉันอยู่อีกมั้ย
 
 
“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน ฉันมันผู้หญิงสกปรก ใครลากไปไหนก็ไป รู้แบบนี้แล้วยังจะมายุ่งกับฉันอีกเหรอ นายบอกเองไม่ใช่หรือไงว่าฉันมันเป็นผู้หญิงแบบนั้น!”  ฉันหมุนตัวเข้าหาเขาในจังหวะที่โทโมะเผลอและฉัน...ก็ผลักเขาออกเต็มแรงจนอีกฝ่ายที่ไม่ทันตั้งตัวเซลงไปนั่งบนเตียง
 
 
 
“แก้ว...”
 
 
 
“อย่ามาเรียกชื่อฉัน ฉันเกลียดนาย! ฉันเกลียดนายมาก...โทโมะ ฉันเกลียดนาย แค่เสียงนายฉันก็ไม่ต้องการจะได้ยิน...”   ฉันอยากจะตบหน้าเขาให้หัน แต่จำต้องข่มใจไว้เพราะไม่อยากจุดชนวนให้เรื่องราวมันลุกลามไปมากกว่านี้
 
 
 
 
            นัยน์ตาคมเข้มของเขาสะกดให้ฉันไม่อาจขยับเขยื้อนไปไหนได้ มันแฝงไปด้วยความอ่อนแรง อ่อนล้าราวกับเขาเหนื่อยใจที่ต้องมานั่งง้อฉันแบบนี้ เหอะ...ทำเลวกับฉันสารพัดแล้วก็กลับมาทำดีด้วย แบบนี้จะให้ฉันแปลความหมายว่าอะไร ต้องการตัวฉันก็พูดดี พอได้สมดังใจก็ถีบหัวส่งเหมือนฉันเป็นผักปลา ฉันเกลียดเขา เกลียดที่สุด!
 
 
 
“นี่...!!!”   ฉันร้องประท้วงเมื่อคนที่นั่งอยู่ต่อหน้าดันรวบเอวของฉันเข้าไปกอดได้อย่างหน้าตาเฉยแถมเขายังซบใบหน้าหล่อแนบชิดกับหน้าท้องของฉันเสียด้วย บ้า! บ้าที่สุด คิดว่าทำแบบนี้แล้วฉันจะหายโกรธ ยอมให้อภัยเขาหรือไง สิ้นคิดที่สุด!
 
 
 
“ต้องให้ฉันทำยังไงเธอถึงจะยอมหายโกรธล่ะคนดี...บอกมาสิ ฉันจะทำให้ทุกอย่าง...”
 
 
 
“ไม่ต้องการ ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น แค่อย่ามายุ่งกับฉัน แล้วก็ปล่อยฉันด้วย!”  ฉันพยายามที่จะสะบัดตัวออกจากเขาแล้ว แต่คนแรงเยอะกว่าไม่เปิดโอกาสให้ฉันหนีไปได้ อะไรอีกล่ะ ต้องการอะไรจากผู้หญิงคนนี้อีก ฉันไม่มีอะไรจะให้เขาแล้วนะ!
 
 
“ฉันให้ตามที่เธอขอไม่ได้...ถ้าเป็นเรื่องอื่น ฉันยอม...”
 
 
 
“งั้นก็ช่วยออกไปจากห้องของฉันตอนนี้ ฉันไม่อยากเห็นหน้านายอีก!” 
 
 
 
            คราวนี้ คนใจร้ายยอมทำตามที่ฉันบอกอย่างว่าง่ายเขายอมปล่อยให้ฉันเป็นอิสระและก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป ผู้ชายมือไวคนนี้กลับคว้าฉันเข้าไปจูบอีกครั้ง แม้จะไม่ได้เป็นจูบที่รุนแรงอะไรมาก แต่มันก็ทำให้ฉันร้อนได้เสมอ ฉันเกลียดที่เขาเป็นคนแบบนี้จริงๆให้ตายเหอะ ใจร้าย ใจร้ายที่สุดในสามโลก!
 
 
“ออกไปนะ!” 
 
 
 
          ฉันผลักร่างเขาออกจนโทโมะเซเสียหลักจนแผ่นหลังกว้างของเขาปะทะกับบานประตู แต่ถึงกระนั้นคนใจร้ายก็ยังยิ้มได้อย่างไม่สะทกสะท้าน ไม่เข้าใจเลยว่าผู้ชายคนนี้โรคจิตหรือยังไงกัน อารมณ์แปรปรวนยิ่งกว่าดินฟ้าอากาศเสียอีก บทจะดีก็เหมือนสายลมอบอุ่นยามสาย บทจะร้ายก็เหมือนพายุทอร์นาโดที่พร้อมจะกวาดทุกอย่างให้พังพินาศเพราะเงื้อมมือของเขา!
 
 
            ฉันแทบจะตามออกไปผลักร่างของเขาให้ออกจากห้องไปให้พ้นๆเสียจริงๆ โทโมะยังคงกรีดยิ้มเยาะฉันได้อย่างเลือดเย็นที่เห็นฉันเป็นบ้า และเมื่อเห็นว่าเขาเปิดประตูออกไปฉันเลยต้องรีบจัดการห้องให้อยู่ในสภาพปกติก่อนที่ฟางจะกลับมา ไม่อย่างนั้นทุกอย่างเป็นเรื่องคูณสองแน่!
 
 
“พวกแกสนุกกันมากมั้ย...ที่ทำแบบนี้...”
 
 
            เสียงนิ่มหวานที่แฝงไปด้วยความตึงเครียดดังขึ้นและแน่นอนว่ามันไม่ใช่เสียงของโทโมะแต่เป็นเสียงของ...ฟาง ถึงแม้ว่าฉันจะไม่หันกลับไปดูก็พอจะรู้อยู่หรอกว่าตอนนี้สถานการณ์มันเป็นยังไง ทุกอย่างจบแล้ว....ความลับไม่ใช่ความลับอีกต่อไป...
 
 
 
“ฉันได้ยินเรื่องของพวกแกสองคนทั้งหมด และทุกเรื่อง...นายทำแบบนี้ได้ยังไงโทโมะ นายทำร้ายเพื่อนฉันแบบนี้ได้ยังไง ยังมีความเป็นคนอยู่หรือเปล่า แค่เรื่องที่นายแอบคบกับแก้วแล้วปิดบังฉัน...ฉันที่เป็นเพื่อนพวกแกสองคนมาตั้งแต่เด็กก็มากเกินพอแล้ว แล้วนี้อะไร...นายังมายืนข้อเสนอบ้าๆกับแก้วแบบนี้อีกเหรอ ไอ้บ้า! นาย...นายมัน!”
 
 
            ฟางไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ยัยนี่รีบตรงเข้ามาตบหน้าโทโมะซ้ำๆและเขาก็ไม่คิดที่จะหลบเลี่ยงเลยแม้แต่นิดเดียว เป็นฉันเสียอีกที่เข้าไปห้ามเพราะไม่อยากให้เขาถูกทำร้าย ฉันปกป้องเขา...ฉันดง่เหลือเกินที่ยอมทำอะไรแบบนี้เพื่อคนที่ไม่เคยรักฉัน
 
 
“ฟาง...พอ พอเถอะ...ฟาง หยุด...ฟาง...”
 
 
“แก้ว...มานี่!” ฟางดึงตัวฉันไปหลบอยู่ด้านหลังของตัวเองก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับโทโมะอย่างท้าทาย และไม่ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น ฉันรู้ว่าฟางเสียใจมากและฉัน...ก็เสียใจไม่แพ้กัน พวกเราทุกคนเจ็บปวดด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีใครเจ็บมากเจ็บน้อยไปกว่าใคร!
 
 
“ฉันไม่เคยคิดเลยว่านายจะทำเรื่องบัดซบกับเพื่อนฉันถึงขนาดนี้ เหอะ...ทำไมฉันไม่เอะใจตั้งแต่วันที่กลับจากโรงแรมวันนั้นนะ ฉันว่าแล้วทำไมแก้วถึงอยากให้ฉันกลับเร็วๆ มันเป็นเพราะเพื่อนฉันไม่อยากอยู่กับนายนี่เอง นายรังแกแก้ว นายทำร้ายแก้วแบบนี้ได้ยังไง ไอ้บ้าโทโมะ...”
 
 
 
“...”
 
 
 
“นายไม่รู้หรอกเหรอว่าแก้วรักนายแค่ไหน ถึงแม้ฉันจะไม่รู้เรื่องอะไรด้วยแต่ฉันก็พอจะมองสายตาเพื่อนฉันออก ทุกครั้งที่นายพาผู้หญิงมานอนที่บ้าน นายเคยฉุกคิดซักครั้งบ้างมั้ย...คิดบ้างหรือเปล่าว่าแก้วจะรู้สึกยังไง นายมันเห็นแก่ตัวมากเกินไปแล้วนะโทโมะ นายมีสิทธิ์ในตัวแก้วทุกอย่างในขณะที่แก้วกลับไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวนายเลย พูดออกมาได้ยังไง...ทุกอย่างตั้งอยู่บนคำว่าเพื่อน เพื่อน! เพื่อนงั้นเหรอ...เพื่อนที่นายกอดจูบเช้าเย็นเห็นเขาเป็นผักปลา เป็นเครื่องระบายความใคร่ เป็นอะไรก็ได้ที่นายอยากจะให้เป็นแบบนี้น่ะเหรอ ไอ้เลว!”
 
 
เพียะ! เพียะ! เพียะ!
 
 
            ฟางฟาดฝ่ามือหนักๆลงบนใบหน้าของโทโมะเต็มแรงและติดกันหลายทีจนมุมปากของเขามีเลือดซึม และฉันได้แต่ยืนร้องไห้ตัวโยนโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย สิ่งที่ฟางพูดเป็นความจริงทุกประการ โทโมะเองก็ได้แต่นิ่งเงียบเพราะเขาก็คงไม่มีอะไรจะปฏิเสธ เขาปฏิเสธความจริงไม่ได้หรอก...
 
 
 
“ฉันรู้ว่าฉันเห็นแก่ตัว...แต่ถ้าจะโทษ ก็โทษฉันคนเดียวพอ เรื่องที่ฉันคบกับแก้วมาก่อนเป็นเรื่องจริงและฉันก็บอกเขาเองว่าไม่ให้บอกเธอและคนอื่นๆเพราะฉัน...ฉันไม่รู้จักพอ ฉันกลัวว่าถ้าผู้หญิงคนอื่นรู้ว่าฉันมีแฟนแล้ว เรตติ้งของฉันก็จะตกลงไป ฉันยอมรับว่าตอนนั้น ฉันไม่ต้องการจะหยุดอยู่ที่แก้ว...”
 
 
 
            แม้จะรู้ดีอยู่ในใจลึกๆแต่คำที่เขาพูดออกมาก็อดไม่ได้ที่ฉันจะต้องสะเทือนใจ โทโมะไม่เคยรักฉันเลย ไม่สักนิด ไม่คิดจะรัก ไม่ได้รู้สึกอะไรกับฉันเหมือนที่ฉันรู้สึกอะไรกับเขา
 
 
“นายมันเลวมากขนาดนี้เลยเหรอโทโมะ ฉันผิดหวังในตัวนายจริงๆ แกก็ด้วยแก้ว...ทำไมถึงยอมโง่ให้ไอ้บ้านี่หลอกซ้ำซากอยู่ได้ แกไม่คิดบ้างหรือไงว่าความสัมพันธ์บ้าๆที่พวกแกหยิบยกขึ้นมาเล่นกันมันจะไม่ย้อนมาทำร้ายตัวแกเอง แกทำใจได้เหรอที่วันนี้นอนกับมันแล้วพรุ่งนี้ก็กลับไปเป็นเพื่อนกัน...หัวใจของพวกแกสองคนแข็งแรงพอที่จะยอมรับกฎของมันแล้วหรือยังไง!”
 
 
 
“...ฉันไม่รู้ ไม่รู้...”   ฉันตอบปฏิเสธเสียงสั่น
 
 
“ถ้าฉันไม่กลับมารอที่บ้านตั้งแต่แรก ป่านนี้ฉันก็ยังคงเป็นยัยโง่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยสินะ...”
 
 
“เพราะเธอจงใจจะยัดเยียดให้แก้วไปกับไอ้บ้านั่นใช่มั้ยฟาง!”  คราวนี้โทโมะดูจะโกรธขึ้นมาบ้าง เขาจ้องมาที่ฟางอย่างคนโกรธจัดไม่แพ้กัน และแน่นอนว่าฟางก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะยอมลดราวาศอกให้เขาซักนิด
 
 
 
“ใช่! ฉันเป็นคนนัดป๊อปปี้ให้มาทำความรู้จักกับแก้วเอง เพราะฉันสังเกตเห็นพฤติกรรมของแก้วกับนายแล้วมันอดที่จะคิดไม่ได้ว่าพวกเธอสองคนกำลัง ‘มีอะไรๆ’ ต่อกัน ฉันเลยแนะนำป๊อปปี้ให้กับแก้วเพราะเคาเป็นคนดีพอ...อย่างน้อยๆก็มากกว่านาย! หรือไม่จริง!”
 
 
 
“มันจะมากไปแล้วนะฟาง เธอไม่มีสิทธิ์มาบงการชีวิตแก้ว! แก้วเป็นของฉัน เธอไม่มีสิทธ์มาเจ้ากี้เจ้าการจัดหาผู้ชายให้เขา อย่าทำแบบนี้...”  โทโมะตวาดเสียงดังหลังจากที่ฟางสารภาพออกไปหมดเปลือก ฉันไม่ถือโทษฟางหรอก ฉันรู้ว่าเพื่อนหวังดีกับฉัน...แต่กับป๊อปปี้ ฉันคงคิดเป็นอื่นนอกจากเพื่อนไม่ได้จริงๆ...
 
 
 
“ฉันรักเพื่อนของฉัน ฉันผิดตรงไหน! นายเองก็ควรจะรำลึกไว้ด้วยนะโทโมะ นายไม่มีสิทธิ์ในตัวแก้วเพราะนายเป็นแค่ ‘เพื่อน’ อย่าล้ำเส้นไปมากกว่านี้หน่อยเลย พอกันทีกับเรื่องบ้าๆที่นายสร้างขึ้น ต่อจากนี้นายไม่ใช่เพื่อนของฉันกับแก้วอีกต่อไป ต่างคนต่างอยู่ ฉันกับแก้วจะย้ายออกจากบ้านหลังนี้ภายในวันพรุ่งนี้ เลิกทรมานแก้วเสียทีโทโมะ ถ้านายยังหลงเหลือความเป็นคนอยู่!”
 
 
 
            ฉันยอมรับว่าใจหายมากเหลือเกินที่พวกเราสามคนต้องมามีจุดจบแบบนี้ เป็นเพราะฉัน...ถ้าฉันไม่ยอมเขาตั้งแต่ทีแรกเรื่องก็คงไม่บานปลาย พวกเราคงได้เป็นเพื่อนกันไปอีกนานแสนนาน ฉันทำลายมิตรภาพของเราที่สั่งสมมานานให้สลายลงในพริบตาเพียงไม่กี่นาที ....
 
 
 
            ฟางฉุดข้อมือฉันให้เดินตามเข้าห้องไปทันทีที่พูดจบ ฉันมองผู้ชายตรงหน้าเป็นครั้งสุดท้ายด้วยน้ำที่ไหลอาบเอ่อและยากที่จะหยุดยั้ง หัวใจของฉันเจ็บปวดเหลือเกิน ไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือต้องไกลห่างจากเขา โทโมะยังทำให้ฉันร้องไห้และเจ็บปวดได้ดีเสมอ เขาเองก็ไม่ได้พูดอะไร...ได้แต่ยืนก้มหน้านิ่งเงียบ...และหมุนตัวเดินกลับเข้าห้องตัวเองไป ราวกับว่าเขาไม่ได้สนใจสักนิดเรื่องที่พรุ่งนี้ฉันกับฟางจะย้ายออกไปจากที่นี่แล้ว...
 
 
 
จะมีสักวินาทีบ้างมั้ยที่นายจะแคร์ฉัน...
 
 
“ขอโทษนะที่ต้องทำแบบนี้ ฉันไม่อยากเห็นแกเจ็บปวดเพราะไอ้บ้านั่นอีก”
 
 
 
“ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ ฉันทำลายมิตรภาพของพวกเรา...ฉันขอโทษ...”  ฟางดึงฉันเข้าไปกอดปลอบอย่างให้กำลังใจ ฉันรู้ว่าเธอหวังดีกับฉันและพวกเราก็รักกันมาก ฟางไม่ต้องการเห็นฉันเจ็บปวดจึงตัดสินใจแบบนั้นออกไป และฉันก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธความหวังดีของเพื่อนได้ มันก็ดีแล้วที่ทุกอย่างจบลงแบบนี้....ฉันคงตัดใจจากโทโมะได้เสียที
 
 
 

โอ้เย้! มาช้าดีกว่าไม่มานะครับบบบบบ
 
ภารกิจเยอะไปนิดหน่อยแต่นุกจะพยายามอัพให้มากที่สุด
 
เพราะทนไม่ได้ที่จริญชอบทำตัวน่ารัก ก็เลย..ต้องกาโอกาสให้ผีดิบ
 
รังแกอยู่ตลอดๆๆๆๆ ฮิฮิฮิ *ยิ้มชั่ว*

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา