Friend With Benefit เพื่อนกันฉัน(แอบ)รักเํธอ
9.8
เขียนโดย StrawberryTKCuTe
วันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 22.16 น.
8 ตอน
226 วิจารณ์
26.20K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 19.17 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
3)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความมหาวิทยาลัย Z
“โอ๊ย! นี่คิดว่ามหาลัยเป็นโรงแรมกันหรือไง ทำอะไรประเจิดประเจ้อ น่าเกลียดที่สุด!”
เสียงหวานเจือโมโหบ่นออกมาด้วยความหงุดหงิดเมื่อเห็นเพื่อนชายคนสนิทอย่างโทโมะจี๋จ๋าอย่างออกนอกหน้ากับแฟนสาวของเขา ทั้งที่นี้มันคือสถานศึกษาชัดๆ! ก็ยังอุตส่าห์จะมานั่งอิงแอบแบชิดไม่แคร์สายตาประชาชีนับร้อยนับพันกันบ้าง อย่างน้อย...ก็น่าจะเห็นหัวเพื่อนสนิทอย่างเธอกับแก้วที่นั่งมองอยู่บ้างก็น่าจะดี!
“ช่างเขาเหอะน่า...” แก้วพยายามสะกิดเตือนฟางไม่ให้ไปสนใจเขา แต่สุดท้ายตัวเองนั่นแหละที่ยังคงคอยมองการกระทำของเขาเป็นระยะ รู้ทั้งรู้ว่ามีแต่เจ็บกับเจ็บแต่ก็ยังไม่เลิกพาตัวเองไปสู่ความเจ็บนั้นเสียที!
“ถ้าหมอนั่นไม่ใช่เพื่อนของเราฉันจะไม่อะไรเลยนะแก้ว...ถามจริง ทำใจได้เหรอ?”
“ทำไมฉันต้องทำใจด้วย...”
“ไม่รู้สิ...ฉันก็แค่รู้สึกแปลกๆ แต่...ช่างเหอะ ไปเรียนกันดีกว่า เบื่อจริ๊งงงพวกไม่อายฟ้าดิน!” ฟางหันมาฉุดข้อมือของแก้วให้เดินตามเธอเข้าตึกเรียนไป และประโยคสุดท้ายเธอก็ยอมรับว่าจงใจพูดเสียงดังใส่เผื่อว่าคนที่ยังไม่ได้หูหนวกตาบอดจะมองเห็นถึงการกระทำของตัวเองได้บ้าง
ฉันเดินตามฟางมาจนถึงตึกเรียนที่หนึ่ง...แล้วเราก็แยกกันตรงนั้นเพื่อเข้าไปเรียนตามคณะของตัวเอง ซึ่งฉันเองก็ยอมรับว่าสิ่งที่ฟางพูดเป็นเรื่องจริง สองคนนั้นไม่ควรจะมาทำอะไรประเจิดประเจ้อที่นี่ หรือถ้าเขารักกันมากและต้องการแสดงความรักต่อกันก็ควรจะไปที่อื่น...ไม่ใช่หรือไง
บางที...ฉันก็นึกอิจฉาผู้หญิงคนนั้นอยู่ในใจ ถึงแม้ว่าโทโมะจะมีผู้หญิงคนอื่นอีกมากหมายลับหลังเธอ แต่เวลาอยู่กับเธอ เขาก็เลือกที่จะแสดงออกอย่างเปิดเผยว่าเขากับพิมเป็นคนรักกัน ไม่ต้องหลบซ่อน หรือต้องอยู่ลับหลังใครแบบฉัน...ฉันไม่ควรเอาตัวเองไปเทียบกับผู้หญิงคนนั้นเลยจริงๆ
ฉันเป็นใคร แล้วเขาเป็นใคร ทำไมฉันถึงไม่จำใส่กะลาหัวตัวเองเสียทีว่าฉันมันก็แค่คนเบื้องหลัง....ที่ได้แต่รอเวลาที่เขาจะเฉดหัวทิ้งก็เท่านั้น
“มานั่งเหม่ออะไรอยู่คนเดียว ทำไมไม่เข้าห้องล่ะ?” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นจากทางด้านหลังจนฉันเองที่มัวแต่จมอยู่กับภวังค์ต้องสะดุ้งนิดๆแล้วหันกลับไปหาต้นเสียงนั่น
“...?”
“แค่นี้ถึงกับตกใจเชียว...” ใบหน้าหล่อๆแค่นยิ้มให้ฉันราวกับเขามีความสุขมากที่ได้เห็นฉันทำหน้างงๆใส่เขา ‘ป๊อปปี้’ ผู้ชายคนนี้คือหนึ่งในเพื่อนร่วมคณะของฉันเอง
ปกติแล้วเขาเป็นคนค่อนข้างเงียบ แล้วก็ดูจริงจังกับการเรียนมากจนฉันยังเคยเผลอคิดว่าเขาน่ะเย็นชาและหยิ่งจนไม่ยอมคบใครก่อน ถ้าคนๆนั้นไม่ไปทักเขาน่ะ แต่ตอนนี้ดูท่าจะไม่ใช่แบบนั้นนะ...
“นาย...พูดกับฉันเหรอ?”
“ชอบเขาเหรอ”
ป๊อปปี้ไม่ตอบคำถามฉัน แต่เขากลับพูดในสิ่งที่ฉันไม่คิดว่าจะได้ยินออกจากปากเขา บอกทีเถอะ...ว่าเขาต้องการจะสื่ออะไรกับฉัน
“ผู้ชายคนนั้นน่ะ ชอบเขาเหรอ”
และฉันก็พอจะรู้แล้วล่ะว่าผู้ชายที่ป๊อปปี้ว่าคือใคร...เขาเห็นสินะว่าฉันกำลังนั่งมองชายหญิงคู่นึงอยู่ตรงริมระเบียง ฉันนั่งอยู่บนริมระเบียงชั้นสองของตึก A และมันก็ทำให้ฉันมองเห็นคนสองคนที่กำลังนั่งอิงแอบกันอยู่อีกฝากสนามได้อย่างเด่นชัด นี่ฉันแสดงออกมากเกินไปหรอกเหรอ...ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงเดาใจฉันออกล่ะ
“เปล่า..” แล้วฉันก็ไม่ยอมรับความจริงอีกจนได้
“เปล่าอะไร ก็เห็นมองเขาอยู่ตั้งนานสองนาน”
“นายแอบมองฉัน!”
“เปล่า... ” เขาตอบปฏิเสธฉันด้วยน้ำเสียงที่ติดแววทะเล้นและฉันก็ดูออกว่าเขาต้องการจะกวนประสาทฉันเท่านั้น เหอะ...คิดว่าฉันจะเชื่อหรือไง ไม่มีทางซะหรอก!
“ถ้านายไม่แอบมองฉัน แล้วนายรู้ได้ไงว่าฉันมองเขาอยู่!”
“แล้วไหนว่าไม่ได้มอง?”
บ้าจริง! ผู้ชายคนนี้แกล้งยั่วโมโหเพื่อให้ฉันหลุดพูดความจริงออกมางั้นเหรอ...ให้ตายเถอะ ทำไมฉันถึงคิดตามมุขตื้นๆของเขาไม่ทันกันนะ ตอนนี้ฉันทั้งโกรธทั้งอายที่ถูกเขาจับได้จนอยากจะเอาหน้ามุดดินหนีเลยจริงๆ
“แล้ว...แล้วฉันมองเพื่อนสนิทฉันมันผิดตรงไหน ว่าแต่นายเถอะ...สนิทกับฉันหรือก็ไม่ แต่ก็ยังแอบมายืนมองฉันอยู่นานสองนานแบบนี้เนี่ยนะ เหอะ!” ถึงมันจะเป็นการแก้ตัวน้ำขุ่นๆแต่ฉันก็ต้องทำ จะว่าไปมันก็แปลกไม่ใช่หรือไงที่คนไม่เคยแม้แต่จะคุยกันกลับมาแอบมองฉันอยู่ตั้งนาน จะให้ฉันคิดอะไรเป็นอื่นได้อีกล่ะ ถ้าเขาไม่ใช่พวกโรคจิตน่ะ!
“ฉันก็แค่อยากทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมคณะ ผิดตรงไหน...” ป๊อปปี้ใช้คำพูดของฉันย้อนกลับมาเล่นงานฉันแล้วล่ะ บ้าเหอะ...ร้ายกาจไม่เบาเหมือนกันนะเนี่ย เห็นหน้านิ่งๆเงียบๆแบบนี้ก็เถอะ!
“ชิ...ฉันชื่อแก้วแล้วฉันก็รู้ด้วยว่านายชื่อป๊อปปี้ เรารู้จักกันแล้ว...ฉันขอตัวนะ” ฉันแนะนำตัวเล็กน้อยก่อนจะหาทางหนีหน้าเขา ไม่รู้ทำไมต้องหนีเหมือนกัน ฉันแค่รู้สึกว่าเขาอาจจะมองเห็นถึงความรู้สึกของฉันมากเกินไปก็ได้ และฉันก็ไม่ต้องการให้ใครรู้ด้วยว่าฉันรู้สึกอะไรยังไง กับใคร!
“เย็นนี้ไปกินไอศกรีมที่ร้านเปิดใหม่ข้างมหาลัยกันได้มั้ย...ฉันเลี้ยงเอง”
“...?”
“ไปนะ...แก้ว...ฉันอยากรู้จักเธอให้มากกว่านี้...”
น้ำเสียงของเขาฟังดูอ่อนลงและฉันก็พอรู้ว่าเขาอยากจะเป็นมิตรกับฉันจริงๆ ไม่รู้สิ...ฉันว่าฉันมองแววตาคู่นั้นออก เขาไม่ได้มาร้ายอะไรกับฉัน แต่จะให้ฉันไว้ใจเขาในขณะที่เราเพิ่งจะคุยกันหลังจากที่เรียนด้วยกันมาไม่เคยแม้แต่จะพูดกันมันไม่ดูง่ายไปหน่อยเหรอ?
“ไม่ต้องห่วงว่าฉันจะหลอกเธอไปทำมิดีมิร้ายหรอกนะ...ฟางไปด้วย”
“ฟาง...นายรู้จักฟางด้วยเหรอ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย?” ปกติแล้วเพื่อนของฟางฉันเองก็รู้จักดีทุกคน แต่ฟางไม่เห็นจะเคยแนะนำป๊อปปี้ให้รู้จักในฐานะเพื่อนเลยนี่นา
“ฉันเป็นเพื่อนของเพื่อนฟางอีกที ฉันก็เพิ่งจะคุยกับฟางได้ไม่นานมานี้หรอก ฟางบอกว่ามีเพื่อนที่เรียนอยู่คณะเดียวกับฉันและคนๆนั้นก็คือเธอ...ฉันเลยอยากเป็นเพื่อนเธอ ได้มั้ย...”
“งั้น...ตกลง”
ฉันตอบตกลงเมื่อได้ยินเขาบอกว่าฟางจะไปด้วยก่อนที่เราทั้งสองจะแยกย้ายกันเข้าเรียน จนเวลาล่วงเลยหมดคลาสพอดี ฉันกับป๊อปปี้ออกจากห้องและเดินมารอฟางที่ชั้นล่างของตึกตามที่เขาบอกว่าฟางนัดเอาไว้ และตอนนี้ฉันก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติรอบตัวได้อย่างทันทีเลยล่ะ มีสายตาหลายคู่จับจ้องมาทางฉันกับป๊อปปี้อย่างเปิดเผยพอฉันหันกลับไปมอง คนเหล่านั้นก็ป้องปากซุบซิบกันแล้วมองมาทางฉันอีกครั้ง...
หวังว่าเขาคงไม่เข้าใจว่าฉันกับป๊อปปี้เป็นแฟนกันหรอกนะ อ้อ..ฉันลืมบอกไป ถึงเขาจะดูเงียบและเย็นชาเป็นน้ำแข็งแต่เขาก็ถือว่าเป็นดาวเด่นของมหาวิทยาลัยเลยนะ เขาเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลที่สร้างชื่อเสียงได้มากมายพอๆกับโทโมะเลยล่ะ
“เฮ้~ มากันเร็วจังนะสองคนเนี่ย รู้จักกันแล้วใช่มั้ยล่ะ” ยัยฟางวิ่งมาจากอีกตึงนึงก่อนจะทักทายฉันกับเขาอย่างอารมณ์ดีพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้มดูเหมือนว่าฟางกำลังมีความสุขมากเลยล่ะที่เห็นฉันกับป๊อปปี้อยู่ด้วยกันน่ะ
อะไรของเขาน่ะ ยัยเพื่อนคนนี้!?
“อื้ม...รู้จักกันแล้ว ว่าแต่เราไปกันเหอะ นั่งอยู่ตรงนี้ร้อนจะตาย..”
“เอ่อ...ขอโทษนะ ฉันไปกับพวกเธอไม่ได้แล้วล่ะ” ฟางหันมายิ้มแหยให้ฉัน ส่วนฉันน่ะเหรอ ใจแป้วไปแล้วล่ะ ถ้าฟางไม่ว่างไปฉันก็คงไม่ไปกับป๊อปปี้ตามลำพังหรอก มันดูไม่ดีและฉันก็ไม่อยากให้คนอื่นๆมองฉันในทางที่ไม่ดีด้วย
“งั้นฉันไม่...”
“แต่แกต้องไปกับป๊อปนะ คือ...คือฉันต้องไปงานวันเกิดเพื่อนน่ะ วันนี้อาจต้องกลับดึกด้วย ยังไงซะฉันฝากนายไปส่งเพื่อนฉันที่บ้านด้วยนะ อ้อ...แล้วถ้าเจอผู้ชายกวนประสาทคนนึงอยู่ในบ้านก็ไม่ต้องสงสัย หมอนั่นนะเพื่อนสนิทของฉันกับแก้วเอง ไปนะ ฉันต้องรีบไปแล้ว...ไว้เจอกันนะแก้ว”
“ฟาง...เดี๋ยวสิ...”
ยังไม่ทันที่ฉันจะโต้แย้งอะไรได้ ยัยนั่นก็รีบแย่งฉันพูดก่อนจะรีบวิ่งออกไปด้วยความรวดเร็ว ทั้งที่ฉันไม่ทันจะบอกเลยด้วยซ้ำว่าจะไปกับเขาน่ะ เหอะ...ยัยตัวแสบเล่นดักฉันไว้ทุกทางแบบนี้แล้วฉันจะทำยังไงล่ะ ไม่สิ...ฉันไม่ต้องทำยังไงหรอก ฉันไม่มีวันไปกับป๊อปปี้สองต่อสองแน่ บอกตรงๆถึงเขาจะดูเป็นคนดี แต่ฉันก็ยังไม่อยากไว้ใจใครง่ายๆ โดยเฉพาะผู้ชายน่ะ...ฉันเจ็บมาเยอะแล้ว
“ถ้าลำบากใจไม่ต้องไปกับฉันก็ได้นะแก้ว...ฉันเข้าใจแล้วก็ไม่อยากให้ใครมองเธอในทางที่ไม่ดีด้วย”
“ขอบคุณนะที่เข้าใจ ไว้วันหลังแล้วกัน...” ฉันหันไปยิ้มบางๆให้กับเขาเป็นเชิงขอโทษแล้วก็ขอบคุณที่เขาให้เกียรติฉัน เหอะ...เขาดูเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าผู้ชายอีกคนเป็นร้อยเท่าเลยล่ะ บ้าเถอะ!แล้วทำไมฉันจะต้องไปนึกถึงผู้ชายคนนั้นด้วย
“นั่นเพื่อนโทโมะนี่...แหม ควงกับป๊อปปี้อยู่นี่เอง ไม่น่าล่ะวันนี้คนทั้งมหาลัยเขาลือกันให้แซด...” ผมหันไปมองภาพของหญิงชายคู่หนึ่งที่เดินลงมาจากตึกด้วยกันพร้อมรอยยิ้มและเสียงพูดคุยอย่างเป็นกันเองด้วยความรวดเร็วทันทีที่พิมบอกกับผม
แก้ว...กับผู้ชายที่ชื่อป๊อปปี้อะไรนั่นเดินพูดคุยกันอย่างสนิทสนม แก้วดูมีความสุขและนี่เป็นครั้งแรกในรอบสองปีที่ผมได้เห็นรอยยิ้มสดใสแบบนั้นของแก้ว เป็นรอยยิ้มที่ทำให้แก้วดูน่ารักและก็สวยที่สุดในสายตาของผู้ชายคนนึง ซึ่งมันไม่ได้เกิดขึ้นกับผม...แก้วไม่เคยยิ้ม ไม่เคยหัวเราะกับผมแบบนี้มากว่าเกือบสองปีแล้ว...
“ใครพูดอะไรเกี่ยวกับสองคนนั้น” ผมหันไปถามพิมที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยอาการใจเต้นไม่เป็นจังหวะ และไม่ต้องการที่จะได้ยินสิ่งที่พิมกำลังจะพูดมากนักแต่ความอยากรู้ทำให้ผมต้องถามออกไป
“ก็ลือกันว่าสองคนนั้นเพิ่งจะคบกันเมื่อเช้าน่ะสิ อย่าไปสนใจเลยนะโทโมะ จะว่าไปเขาก็เหมาะสมกันดีนะ...เพื่อนโทโมะก็สวย ป๊อปปี้ก็ดูดี แต่ยังไงก็สู้เราไม่ได้หรอก...นี่ โทโมะ จะไปไหน...”
“...โทโมะ!!!”
ยังไม่ทันที่พิมจะพูดอะไรจบ สัญชาติญาณของผมก็สั่งให้ตัวเองเดินตรงไปที่สองคนนั่นโดยไมสนใจเสียงเรียกของผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่า ‘แฟน’ เลยสักนิด จะให้พูดยังไงล่ะ ผมไม่พอใจมากเลยล่ะที่เห็นแก้วอยู่กับผู้ชายคนอื่น ไม่ได้หึงแก้วอย่างที่ทุกคนเข้าใจหรอกนะ...ผมแค่ไม่พอใจ
“เอ๊ะ!” ฉันร้องขึ้นเบาๆเมื่อถูกฝ่ามือของใครบางคนเลื่อนมากุมมือฉันอย่างแนบแน่นและเขาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน...เขาเป็นคนที่ฉันไม่อยากจะเจอหน้าในตอนนี้มากที่สุดน่ะสิ!
“จะไปไหนกัน”
น้ำเสียงห้วนห้าวของ ‘โทโมะ’ ดังขึ้นและมันก็แฝงไปด้วยความไม่พอใจอยู่นิดๆ และฉันว่าฉันรู้สึกได้ดี เขาบีบมือฉันแน่นยิ่งกว่าเดิมพร้อมกับนัยน์ตาคมเข้มที่จับจ้องมองฉันสลับกันผู้ชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆฉันอย่างแข็งกร้าว
ฉันอยากจะถามออกไปจริงๆว่ามันเรื่องอะไรของเขากันล่ะ!
“ฉันกำลังจะเดินไปส่งแก้วขึ้นรถ...”
“ฉันกับป๊อปจะไปเที่ยวกัน”
ป๊อปปี้หันมามองหน้าฉันทันทีที่ฉันพูดจบ ใช่...ยอมรับว่าฉันประชดเขา ตอนแรกฉันก็แค่จะเดินกลับบ้านตามปกติแต่วันนี้แค่มีป๊อปปี้เดินมาส่งฉันที่ท่ารถแทนฟางก็เท่านั้น แต่มันไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้ว...ฉันยังไม่อยากเจอหน้าโทโมะตอนนี้และฉันก็จำเป็นจะต้องเปลี่ยนแผน...เพื่อหลีกเลี่ยง
“ไปกันเถอะ...ส่วนนาย ปล่อยมือฉันได้แล้ว ไว้เจอกันที่บ้านนะ” ฉันยิ้มให้กับโทโมะเพื่อตบตาป๊อปปี้ที่ยืนอยู่ข้างฉันกันไม่ให้เขาสงสัยอะไร ในขณะที่มือของฉันก็พยายามจะแกะมือที่กำลังบีบฉันแน่นออกอย่างถึงที่สุด
เขาจะรู้มั้ยว่าฉันเจ็บมากแค่ไหน!
“ฉันไปด้วย...”
“ไม่ต้อง!” คนเอาแต่ใจพยายามจะเข้าแทรกแซงฉันกับป๊อปปี้ทุกทาง ซึ่งฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าเขาจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร แน่นอน...ฉันไม่คิดว่าเขากำลังหึงฉันหรอก ฉันไม่กล้าคิดเลยจริงๆ แล้วฉันก็ไม่กล้าหวังอะไรกับโทโมะอีกแล้วด้วย...
“ถ้าห้ามฉันได้...อย่ามาเรียกฉันว่าโทโมะ...”
พูดไม่พูดเปล่า! โทโมะยังฉุดมือที่ยังกุมมือของฉันไว้แน่นแล้วออกแรงกระชากฉันเดินนำหน้าป๊อปปี้ไป วินาทีนั้นฉันอยากจะร้องให้เขาช่วยแต่ก็รู้ดีว่าไม่ควรทำแบบนั้น ถ้าขืนทำ...เขาคงได้หาว่าฉันชอบโทโมะอีกแน่ และมันก็ไม่ส่งผลดีอะไรกับตัวฉันเลย...ตอนนี้ฉันถูกโทโมะลากเข้ามานั่งภายในรถของเขาโดยมีป๊อปปี้ที่ขับรถมาตามหลัง โทโมะไม่ได้พาฉันไปร้านเค้กเปิดใหม่อย่างที่ฉันข้าใจ เขาขับรถวกมาอีกทางซึ่งฉันเองก็ไม่รู้จักเส้นทางนี้เหมือนกัน...
พอฉันมองไปทางด้านหลังก็ไม่พบกับรถของป๊อปปี้ที่เมื่อกี๊ยังขับตามมาแล้ว บ้าเถอะ! โทโมะจะเล่นอะไรบ้าๆกับฉันอีก เห็นฉันเป็นตัวอะไรกันถึงได้ลากไปลากมาแบบนี้ ฉันเกลียดเขาที่สุดเลย!
“จะไปไหน...ทำแบบนี้ทำไม!” ฉันตะคอกถามผู้ชายที่กำลังขับรถเสียงดัง แต่นอกจากเขาจะไม่ยินดียินร้ายอะไรแล้ว ผู้ชายคนนี้ยังไม่ยี่หระกับสิ่งที่ตัวเองกำลังแม้แต่นิดเดียว
“ถามตัวเองดีกว่านะแก้ว...ว่าทำแบบนี้ไปทำไม!”
โทโมะเลี้ยวรถวกกลับมาทางเดิมอีกครั้งและมุ่งหน้ากลับสู่บ้านของเรา เขาลากฉันเข้าไปในบ้านแล้วเหวี่ยงร่างของฉันลงกับโซฟากลางห้องรับแขกอย่างแรง จนฉันทรุดลงด้วยความเจ็บ เจ็บทั้งข้อมือและข้อเท้าที่เกิดจากการกระทำของเขา
ผู้ชายตรงหน้ากระชากแขนทั้งสองข้างของฉันแล้วบีบมันเสียจนฉันคิดว่าในอีกไม่ช้ากระดูฉันคงจะแหลกคามือเขา นัยน์สีนิลคู่นั้นวาวโรจน์ด้วยความไม่พอใจอะไรบางอย่างอย่างถึงที่สุด แล้วประโยคที่เขาพูดก็ทำให้ฉันต้องรู้สึกมึนงงกับผู้ชายตรงหน้าอีกระลอก อะไรกันล่ะ...ฉันไปสร้างความไม่พอใจอะไรให้เขากัน!
“ฉันทำอะไร ฉันเห็นแต่นายนั่นแหละทำบ้าอะไรก็ไม่รู้ นายพาฉันมาที่นี่ทำไม...พาฉันหนีมาจากเพื่อนของฉันทำไม บ้าบอที่สุด”
“เพื่อนเหรอ? เหอะ...เธอคิดว่าฉันโง่นักหรือไงถึงมองไม่ออกว่าเธอต้องการคบไอ้บ้านั่นเพื่อประชดฉัน ตอบมาสิ!”
“ปล่อยฉันนะ ฉันเจ็บ!...และฉันก็ไม่คิดจะทำอะไรแบบที่นายว่าด้วย เพื่อนก็คือเพื่อน นายได้ยินมั้ยคำๆนี้น่ะ คำที่นายเฝ้าบอกฉันอยู่เช้าเย็น...คำที่ฉันต้องจดจำใส่สมองบื้อๆของฉันไปจนตายไง!”
ฉันพยายามสลัดท่อนแขนแข็งแรงที่คว้าฉันเข้าสู่อ้อมกอด ไม่สิ...มันคือเครื่องจองจำฉันไว้ต่างหาก ร่างกายของฉันเหมือนกำลังโดนเปลวไฟจากร่างของเขาลวกลามไปตามผิวหนังจนมันแสบร้อนไปหมด แทนที่ฉันจะรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเวลาที่เขากอด...
“ดี...ฟังแล้วจำใส่สมองของเธอไว้ด้วยนะ ว่าเธอไม่มีสิทธิ์จะไปมีผู้ชายอื่นที่ไหนทั้งนั้น เธอเป็นของฉัน...และฉันก็ไม่ต้องการให้คนอื่นมาซ้ำรอยฉันเด็ดขาด ถ้ามันอยากได้ ก็รอให้ฉันใช้จนเบื่อก่อนแล้วกัน ฝากไปบอกมันด้วย!”
คำพูดของเขา...มันไม่ต่างอะไรกับการที่โทโมะมองฉันเป็นของใช้ เป็นเครื่องระบายอารมณ์เลยสักนิด เขากล้าพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง ผู้ชายคนนี้ตรงการอะไรจากฉันกันแน่...แววตาของเขาเต็มไปด้วยความโมโหและเยาะเย้ยฉันอย่างสาแก่ใจเป็นที่สุด คงไม่ต้องให้ฉันบอกหรอกนะว่าตอนนี้หัวใจของฉันยับเยินมากแค่ไหน มันพังสลายจนฉัน...แทบไม่มีแรงหายใจอีกต่อไปแล้ว
“นายมองฉันเป็นของใช้มาตลอดเลยใช่มั้ย...”
“มีสมองก็น่าจะรู้ตัวดีนี่...ว่าเธอเป็นได้แค่ไหน ฉันขอย้ำเธออีกครั้งนะแก้ว เธอไม่มีสิทธิ์จะไปนอนกับใครทั้งนั้น คนที่มีสิทธิ์ในตัวเธอ...คือฉันคนเดียว!”
เพียะ!!
ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าไปเอาเรี่ยวแรงจากไหนมาตบหน้าเขาฉาดใหญ่แบบนั้น แต่เชื่อสิ! เขาเจ็บได้ไม่ถึงครึ่งนึงที่ฉันเจ็บหรอก แล้วก็ไม่รู้อีกเหมือนกันว่าน้ำตาที่มารวมตัวกันอยู่ใต้เปลือกตาของฉันมันมาจากไหนมากมาย มันถึงได้ไหลเอ่ออาบแก้มของฉันจนท่วมท้นแบบนั้น...
“ฉันไม่ใช่เครื่องระบายความใคร่ของนาย! แล้วก็โปรดรู้ไว้ด้วยว่าถ้าฉันจะถวายตัวให้เขา...ใครหน้าไหนก็ห้ามฉันไม่ได้ทั้งนั้น นายเองก็ควรจะรำลึกสิ่งที่นายเคยพูดไว้ด้วยนะโทโมะ...นายบอกฉันเองไม่ใช่หรือไงว่าเราไม่มีสิทธิ์ในตัวของกันและกัน ไม่มีสิทธิ์หึง ไม่มีสิทธิ์หวง เราจะคบใครก็ได้ถ้าต่างฝ่ายต่างพึงพอใจ..”
“...”
“ในเมื่อนายเองก็มั่วผู้หญิงได้เป็นสิบเป็นร้อย แล้วทำไมฉันจะมั่วบ้างไม่ได้ เหอะ...สิทธิของเรามันก็เท่าเทียมกันนั่นแหละ ถ้านายมองฉันเป็นเครื่องระบายความใคร่ ฉันก็จะมองนายแบบนั้น...แล้วรู้ไว้ด้วยเลยนะ ถ้าฉันจะรักผู้ชายสักคน คนๆนั้นจะไม่ใช่นายอีกต่อไป...”
นุกจะพยายามอัพทุกเรื่องก่อนจะลาไปเรียนอย่างหนัก-^-
ขอให้ฟินไว้ก่อนเปิดเทอมไม่แคร์ค้าาาาาาาาาาาาาา^o^
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ