เอล คนทะลุมิติ chapter 1
-
เขียนโดย pong43
วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.34 น.
48 ตอน
0 วิจารณ์
56.22K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556 20.29 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
5) เอล คนทะลุมิติ ตอนที่ 5
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความความลับของเอล
เด็กหนุ่มละสายตาจากทีวีและหันไปดูหน้าเว็บซึ่งกำลังลงข่าวตามหาตัวฮีโร่ลึกลับกันให้วุ่น มีผู้คนเข้าไปโพสต์ถึงเรื่องนี้มาเกือบหนึ่งอาทิตย์แล้ว และแต่ละเว็บที่คลิกเปิดไปจะมีหน้าต่างแทรกข้อความเรียกร้องให้ฮีโร่ลึกลับ มิสเตอร์ล่องหน ให้ปรากฏตัวออกมาเสียที
“ออกมาเถอะฮีโร่ของพวกเรา พวกเราต้องการคุณ”
“บุรุษลึกลับที่จะมากอบกู้สังคมเสื่อมโทรม”
“มิสเตอร์ล่องหน ออกมาพิทักษ์โลกเถอะครับ”
“ฮีโร่ของเราโปรดปรากฏตัวออกมาด้วย เราอยากเห็นหน้าคุณ”
“โลกต้องการคุณ เผยโฉมออกมาเถอะครับมนุษย์ล่องหน”
“ไม่มีใครได้เจอมิสเตอร์นั่นหรอก..” เอลพึมพำก่อนจะปิดเว็บทั้งหมดและปิดเครื่องคอม
ฉันผิดสัญญากับตัวเอง...ฉันจะไม่ช่วยใครอีกแล้ว...ที่ทำไปวันนั้นเพราะสถานะการณ์บังคับ ฉันไม่ใช่ฮีโร่หรอกนะ โชคดีที่กล้องนั่นพัง เลยไม่มีใครรู้ว่าฉันเป็นใคร ...และถ้าวันนั้นกล้องใช้ได้ล่ะ...เราคงถูกเปิดเผยตัวไปแล้ว..
เอลหลับตาเพราะไม่อยากคิด
ยังไงก็ไม่มีใครเห็น...ความเร็วถึงขนาดนั้นใครจะเห็นล่ะ..ถ้ามีคนเห็นแสดงว่าเจ้าคนนั้นเป็นพวกเดียวกับเรา....คนตาทิพย์ไม่มีอยู่บนโลกหรอก...
ดวงตากลมโตของเอลเบิกกว้าง “..หรือว่า..มี...”
ถ้ามีก็ดีสิ คนมีพลังความเร็วยังมีเลย ทำไมจะไม่มีคนตาทิพย์เห็นอะไรทะลุปรุโปร่งล่ะ...
……………………………………………………………………………….
เมื่อวานนี้
เอลยังนอนไม่หลับกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง เขาลุกขึ้นมานั่งหงุดหงิด รู้สึกว่าจะเป็นไข้ เอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักข้างเตียงเพื่อจะหยิบยาแก้ปวด แต่เมื่อควานหาทั่วลิ้นชักก็ไม่พบยานั้น
“นี่ฉันต้องลงไปซื้อยาหรือนี่โธ่เอ้ย..”
เอลร้องอย่างหัวเสีย ไม่อยากลงไปซื้อยาเลยให้ตายสิ ขาแข้งแทบจะไม่มีแรงอยู่แล้ว ถ้าไม่กินยา พรุ่งนี้อาจจะแย่ก็ได้..
เขาพยายามกัดฟันเดินโซซัดโซเซลงไปที่ร้านขายยาฝั่งตรงข้ามที่พัก แต่ก็พบว่าร้านปิด จึงตัดสินใจเดินเข้าซอยลัดไปที่ร้านมินิมาร์ทของลิมซึ่งอยู่ห่างไปถึงร้อยเมตร
เซ็ง...เอลได้แต่พาร่างอันโซซัดโซเซเดินตากน้ำค้างไปถึงมินิมาร์ท แต่เมื่อผลักประตูร้านเข้าไปก็พบกับภาพที่ชวนตกตะลึงพรึงเพริด เขาเห็นชายคนหนึ่งใช้ผ้าปิดหน้าตั้งแต่จมูกลงมาถึงคอถือปืนจี้ลิมอยู่ ส่วนอีกคนหนึ่งซึ่งปิดหน้าในลักษณะเดียวกันกำลังเข้าไปโกยเงินในลิ้นชักมาใส่กระเป๋าเป้ที่เตรียมมา ลิมพยายามขัดขืนจึงถูกซัดด้วยด้ามปืนจนล้มฟุบสลบอยู่ที่เคาน์เตอร์รับเงิน
เฮ้ย ลิม... เอลตกตะลึง เพราะตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเห็นการปล้นต่อหน้าต่อตาแบบนี้มาก่อน
ทำไงดี ทำไงดี..
วายร้ายทั้งสองยังไม่เห็นเขา เขาบอกกับตัวเองว่าเฉยไม่ได้แล้ว..เด็กหนุ่มมองไปที่ไม้เช็ดพื้นและเห็นเชือกไนล่อนขดหนึ่งที่ชั้นวางใกล้ๆกันนั้น วินาทีนั้นเขาได้ตัดสินใจทำเรื่องๆ หนึ่งซึ่งต่อมาได้กลายเป็นเหตุการณ์ซึ่งกล่าวขวัญกันไปทั่วเมืองและดังไปทั่วโลกในชั่วข้ามคืน
“ย๊ากซ์ซซซซซซซซซซซซซ”
เขาวิ่งไปหยิบไม้เช็ดพื้นและฟาดไปที่มือคนถือปืนจนปืนในมือกระเด็นร่วง เขาไม่รอช้าที่จะฟาดซ้ำเข้าไปที่หน้าอกของมันอย่างแรงจนร่างนั้นล้มไปชนกับชั้นวางของทางด้านหลังจนพังกระจัดกระจายไปหมด วายร้ายอีกคนอ้าปากหวอ เอลตวัดไม้เช็ดพื้นทิ่มใส่พุงกระทิของมัน ก่อนที่จะพลิกมือฟาดเข้าไปที่ก้านคอจนมันร้องไม่ออกล้มลงไปกับพื้น
เอลลืมอาการไข้ไปเสียสนิท และมันในอารมณ์อย่างมากที่ได้จัดการกับคนชั่ว เขามัดสองโจรด้วยเชือกไนล่อนเส้นนั้น แต่เมื่อหันหน้าไปก็พบกับลิมหนุ่มรุ่นพี่ซึ่งหัวแตกอยู่ที่เคาน์เตอร์กำลังจ้องมองมา เขาตกใจจนอ้าปากค้าง แต่ก็คิดได้ว่าลิมไม่มีทางมองเห็นเขาหรอก ก็แค่จ้องมาทางนี้เท่านั้นเอง ไม่ได้เห็นอะไรหรอก
ลิมยังไม่หายตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นเมื่อครู่นี้ แม้ตาข้างหนึ่งจะบวมปูดเพราะถูกชกอย่างแรง แต่เขาก็แน่ใจว่าได้เห็นเชือกไนล่อนเส้นนั้นมัดร่างของสองวายร้ายอย่างรวดเร็วจนมองไม่ทันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ความเร็วของเชือกนั้นเร็วจนเกินว่าสายตามนุษย์จะมองได้ทัน เขาไม่ได้เห็นเอลอย่างที่เอลคิดจริงๆ
ไม่ว่าใครก็ตามที่เห็นภาพนั้นต้องบอกว่าเหตุการณ์นั้นเกิดจากฝีมือของสิ่งเร้นลับแน่นอน ไม่มีมนุษย์คนไหนทำได้แบบนี้ ไม่มีใครเห็นร่างของเอล
สมองของลิมมึนสับสนวุ่นวายไปหมด ทั้งเจ็บทั้งเบลอ
เอลมองลิมแล้วเกิดนึกไม่แน่ใจว่าลิมเห็นตนเองหรือเปล่า จึงสำรวจตัวเองว่ายังล่องหนอยู่หรือเปล่า
ก็ยังล่องหนอยู่นี่นา.. โลกต่างมิติคือห้องอีกห้องหนึ่งซึ่งทำให้เขาเหมือนเดินอยู่บนโลก แต่ที่จริงแล้วเขาไม่ได้อยู่ เขากลายเป็นมนุษย์ล่องหนที่ไม่ว่าใครก็ตามบนโลกมนุษย์ใบนี้ไม่มีทางมองเห็น
นี่คือพลังอำนาจเหนือมนุษย์ของเขา
เพราะเขาไม่ใช่มนุษย์อย่างลิม เขาจึงมีพลังอำนาจพิเศษที่มนุษย์ไม่มี เขาแหงนมองไปที่กล้องวงจรปิดที่มุมห้อง มันถ่ายเหตุการณ์เมื่อครู่ไว้หรือเปล่า เขารู้ว่ามันเสียเพราะเมื่อตอนเย็นมันยังเสียอยู่ และลิมเป็นคนบอกเขาเอง กล้องวงจรปิดเสีย เขาเดินไปหยิบยาแก้ปวดที่เคาน์เตอร์หนึ่งแผงโดยไม่จ่ายสตางค์
"ถือว่านี่เป็นค่าช่วยเหลือก็แล้วกันนะลิม"
เขาพูดคนเดียวก่อนจะผลักประตูเดินออกจากร้านไปอย่างอิดโรย อาการปวดศีรษะของเขาดูจะเป็นมากกว่าเดิมเสียแล้ว ต้องรีบกลับไปนอนแล้ว..ไม่ไหวแล้ว เขาผลักประตูร้านออกไป
ลิมมองตามไปที่ประตูที่เปิดออกนั้น เขามองออกไปนอกร้านเพื่อมองหาคนที่ลงมือช่วยเขาเมื่อครู่ ทีแรกเขาคิดว่าเป็นผี หรือไม่ก็ มนุษย์ล่องหน
เอลไม่มีทางรู้ว่ากล้องวงจรปิดนั้นได้รับการซ่อมแล้วเมื่อช่วงหัวค่ำและกล้องนั้นได้บันทึกทุกอย่างไว้แล้ว แต่มันไม่ได้บันทึกตัวตนของเขา เพราะกล้องมองไม่เห็นเขา
เช้าวันรุ่งขึ้น ข่าวโจรปล้นร้านสะดวกซื้อก็ดังเป็นพลุแตก ฮีโร่ล่องหนช่วยเด็กร้านมินิมาร์ทจากเงื้อมมือของโจร คำให้การของลิมและภาพจากกล้องวงจรปิดที่เกิดใช้ขึ้นมาได้นั้นทำให้หนังสือพิมพ์มากกว่ายี่สิบฉบับตีพิมพ์ข่าวนี้จนกลายเป็นทล๊อคออฟเดอะทาวน์ และอาจจะดังข้ามโลกไปแล้วก็ได้
"ปรากฏตัวออกมาด้วยฮีโร่ของเรา"
"ฮีโร่ล่องหนของเราคือใครออกมาหน่อยสิ"
เย็นวันต่อมาผู้คนหลายล้านคนทั่วโลกต่างพากันเรียกร้องฮีโร่ลึกลับให้ปรากฏตัวออกมาเพื่อเป็นผู้พิทักษ์ให้กับชาวโลก ผู้คนครึ่งค่อนโลกต่างแปลกใจกับภาพวิดีโอจากกล้องวงจรปิดนั้นเพราะทุกคนเชื่อว่าคนซึ่งมองไม่เห็นซึ่งจัดการกับโจรสองคนนั้นเป็นพวกมนุษย์มหัศจรรย์เหมือนในภาพยนตร์ซึ่งเขาเคยดูกัน
แต่ไม่มีใครรู้ว่าฮีโร่คือเอลเด็กหนุ่มจอมแปลกแยกผู้นี้
“ไม่น่าช่วยเจ้านั่นเลย ไม่น่าผิดสัญญากับตัวเองเลย..ให้ตายสิ เรื่องมันใหญ่โตไปแล้ว”
เอลโทษตัวเองไม่หยุดเพราะเขาเคยสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ใช้พลังที่มีเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของผู้อื่น แต่เขาพลาดไปจนได้
ที่เขาคิดเช่นนั้นเพราะพลังนั้นทำให้เขารู้สึกว่าตนเองไม่เหมือนมนุษย์ทั่วไปบนโลก ทำให้เป็นปมด้อยสำคัญสำหรับเขา เขาต้องเก็บงำความลับนี้ไว้ไม่ให้รู้ถึงหูของใคร เขาคือมนุษย์ประหลาด ไม่ได้เป็นฮีโร่สักนิด ก็แค่เป็นมนุษย์ประหลาดที่หายตัวได้เพราะพลังความเร็วที่ไม่มีมนุษย์ตนไหนบนโลกทำได้ ก็เท่านั้น
เขาคือพวกเหนือมนุษย์ผู้โดดเดี่ยว เขาไม่เคยพบใครที่มีความสามารถเหมือนกับเขา ตัวประหลาดผู้อ้างว้างโดดเดี่ยวสุดจะบรรยาย ไม่เห็นจะดีกว่ามนุษย์ธรรมดาบนโลกเลยสักนิด ถ้าเลือกได้ เขาขอเป็นมนุษย์ธรรมดาเหมือนกับล้องก์และเพื่อนคนอื่นๆ
จู่ๆ เขาก็ตื่นจากภวังค์ เมื่อมองเห็นแมวตัวหนึ่งเดินอยู่ที่ราวตากผ้า มันสีน้ำตาลมีลายดำทั้งตัวเหมือนเสือปลา
“เจ้าเหมียว ฉันเป็นคนน่าเศร้าที่สุดในโลกใช่มั้ย” เขายื่นหน้าออกไปทักทายมัน
แมวจ้องหน้าเขาและเอียงหัวเล็กน้อยเหมือนพยายามจะฟังเรื่องที่เขาพูด
“รู้หรือเปล่าเจ้าเหมียว ฉันจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับตลอดไป”
ไม่ทันขาดคำแมวน้อยตัวนั้นก็กระโจนไปยังระเบียงอีกห้องหนึ่ง
นี่เป็นความลับที่เขาไม่เคยบอกใคร แม้แต่ครอบครัวของเขาเอง ความลับนี้จะจบสิ้นไปพร้อมกับตัวเขาในวันตาย
จะคิดท้อแท้แบบนั้นทำไมกันหา... เสียงหนึ่งดังขึ้นในใจ ทำไมไม่คิดว่าโลกนี้ยังมีคนที่เหมือนกับเราอีกมากมายล่ะ..
เอลมองไปที่ท้องฟ้าดำมืดเบื้องนอก
ใช่สิ.. ต้องแก้ปมปริศนาในตัวเราให้ได้ ต้องหาคนที่เป็นเหมือนกับเราให้ได้....
หลายครั้งเขาสัมผัสตัวตนของพวกเดียวกันได้ พวกนั้นอยู่บนโลกใบนี้มากกว่าอยู่ในโลกต่างมิติอื่น
จู่ๆ เขารู้สึกได้ว่าใกล้เต็มทีแล้วที่จะพบกับคนพวกนั้น หลังจากข่าวนี้ประโคมไปทั่วโลก ต้องมีพวกเดียวกันออกมาตามหาเขาแน่
และไม่ว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรูก็ตาม เขาต้องพบคนพวกนั้นให้ได้
....................................................................................................................
เด็กหนุ่มละสายตาจากทีวีและหันไปดูหน้าเว็บซึ่งกำลังลงข่าวตามหาตัวฮีโร่ลึกลับกันให้วุ่น มีผู้คนเข้าไปโพสต์ถึงเรื่องนี้มาเกือบหนึ่งอาทิตย์แล้ว และแต่ละเว็บที่คลิกเปิดไปจะมีหน้าต่างแทรกข้อความเรียกร้องให้ฮีโร่ลึกลับ มิสเตอร์ล่องหน ให้ปรากฏตัวออกมาเสียที
“ออกมาเถอะฮีโร่ของพวกเรา พวกเราต้องการคุณ”
“บุรุษลึกลับที่จะมากอบกู้สังคมเสื่อมโทรม”
“มิสเตอร์ล่องหน ออกมาพิทักษ์โลกเถอะครับ”
“ฮีโร่ของเราโปรดปรากฏตัวออกมาด้วย เราอยากเห็นหน้าคุณ”
“โลกต้องการคุณ เผยโฉมออกมาเถอะครับมนุษย์ล่องหน”
“ไม่มีใครได้เจอมิสเตอร์นั่นหรอก..” เอลพึมพำก่อนจะปิดเว็บทั้งหมดและปิดเครื่องคอม
ฉันผิดสัญญากับตัวเอง...ฉันจะไม่ช่วยใครอีกแล้ว...ที่ทำไปวันนั้นเพราะสถานะการณ์บังคับ ฉันไม่ใช่ฮีโร่หรอกนะ โชคดีที่กล้องนั่นพัง เลยไม่มีใครรู้ว่าฉันเป็นใคร ...และถ้าวันนั้นกล้องใช้ได้ล่ะ...เราคงถูกเปิดเผยตัวไปแล้ว..
เอลหลับตาเพราะไม่อยากคิด
ยังไงก็ไม่มีใครเห็น...ความเร็วถึงขนาดนั้นใครจะเห็นล่ะ..ถ้ามีคนเห็นแสดงว่าเจ้าคนนั้นเป็นพวกเดียวกับเรา....คนตาทิพย์ไม่มีอยู่บนโลกหรอก...
ดวงตากลมโตของเอลเบิกกว้าง “..หรือว่า..มี...”
ถ้ามีก็ดีสิ คนมีพลังความเร็วยังมีเลย ทำไมจะไม่มีคนตาทิพย์เห็นอะไรทะลุปรุโปร่งล่ะ...
……………………………………………………………………………….
เมื่อวานนี้
เอลยังนอนไม่หลับกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง เขาลุกขึ้นมานั่งหงุดหงิด รู้สึกว่าจะเป็นไข้ เอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักข้างเตียงเพื่อจะหยิบยาแก้ปวด แต่เมื่อควานหาทั่วลิ้นชักก็ไม่พบยานั้น
“นี่ฉันต้องลงไปซื้อยาหรือนี่โธ่เอ้ย..”
เอลร้องอย่างหัวเสีย ไม่อยากลงไปซื้อยาเลยให้ตายสิ ขาแข้งแทบจะไม่มีแรงอยู่แล้ว ถ้าไม่กินยา พรุ่งนี้อาจจะแย่ก็ได้..
เขาพยายามกัดฟันเดินโซซัดโซเซลงไปที่ร้านขายยาฝั่งตรงข้ามที่พัก แต่ก็พบว่าร้านปิด จึงตัดสินใจเดินเข้าซอยลัดไปที่ร้านมินิมาร์ทของลิมซึ่งอยู่ห่างไปถึงร้อยเมตร
เซ็ง...เอลได้แต่พาร่างอันโซซัดโซเซเดินตากน้ำค้างไปถึงมินิมาร์ท แต่เมื่อผลักประตูร้านเข้าไปก็พบกับภาพที่ชวนตกตะลึงพรึงเพริด เขาเห็นชายคนหนึ่งใช้ผ้าปิดหน้าตั้งแต่จมูกลงมาถึงคอถือปืนจี้ลิมอยู่ ส่วนอีกคนหนึ่งซึ่งปิดหน้าในลักษณะเดียวกันกำลังเข้าไปโกยเงินในลิ้นชักมาใส่กระเป๋าเป้ที่เตรียมมา ลิมพยายามขัดขืนจึงถูกซัดด้วยด้ามปืนจนล้มฟุบสลบอยู่ที่เคาน์เตอร์รับเงิน
เฮ้ย ลิม... เอลตกตะลึง เพราะตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเห็นการปล้นต่อหน้าต่อตาแบบนี้มาก่อน
ทำไงดี ทำไงดี..
วายร้ายทั้งสองยังไม่เห็นเขา เขาบอกกับตัวเองว่าเฉยไม่ได้แล้ว..เด็กหนุ่มมองไปที่ไม้เช็ดพื้นและเห็นเชือกไนล่อนขดหนึ่งที่ชั้นวางใกล้ๆกันนั้น วินาทีนั้นเขาได้ตัดสินใจทำเรื่องๆ หนึ่งซึ่งต่อมาได้กลายเป็นเหตุการณ์ซึ่งกล่าวขวัญกันไปทั่วเมืองและดังไปทั่วโลกในชั่วข้ามคืน
“ย๊ากซ์ซซซซซซซซซซซซซ”
เขาวิ่งไปหยิบไม้เช็ดพื้นและฟาดไปที่มือคนถือปืนจนปืนในมือกระเด็นร่วง เขาไม่รอช้าที่จะฟาดซ้ำเข้าไปที่หน้าอกของมันอย่างแรงจนร่างนั้นล้มไปชนกับชั้นวางของทางด้านหลังจนพังกระจัดกระจายไปหมด วายร้ายอีกคนอ้าปากหวอ เอลตวัดไม้เช็ดพื้นทิ่มใส่พุงกระทิของมัน ก่อนที่จะพลิกมือฟาดเข้าไปที่ก้านคอจนมันร้องไม่ออกล้มลงไปกับพื้น
เอลลืมอาการไข้ไปเสียสนิท และมันในอารมณ์อย่างมากที่ได้จัดการกับคนชั่ว เขามัดสองโจรด้วยเชือกไนล่อนเส้นนั้น แต่เมื่อหันหน้าไปก็พบกับลิมหนุ่มรุ่นพี่ซึ่งหัวแตกอยู่ที่เคาน์เตอร์กำลังจ้องมองมา เขาตกใจจนอ้าปากค้าง แต่ก็คิดได้ว่าลิมไม่มีทางมองเห็นเขาหรอก ก็แค่จ้องมาทางนี้เท่านั้นเอง ไม่ได้เห็นอะไรหรอก
ลิมยังไม่หายตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นเมื่อครู่นี้ แม้ตาข้างหนึ่งจะบวมปูดเพราะถูกชกอย่างแรง แต่เขาก็แน่ใจว่าได้เห็นเชือกไนล่อนเส้นนั้นมัดร่างของสองวายร้ายอย่างรวดเร็วจนมองไม่ทันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ความเร็วของเชือกนั้นเร็วจนเกินว่าสายตามนุษย์จะมองได้ทัน เขาไม่ได้เห็นเอลอย่างที่เอลคิดจริงๆ
ไม่ว่าใครก็ตามที่เห็นภาพนั้นต้องบอกว่าเหตุการณ์นั้นเกิดจากฝีมือของสิ่งเร้นลับแน่นอน ไม่มีมนุษย์คนไหนทำได้แบบนี้ ไม่มีใครเห็นร่างของเอล
สมองของลิมมึนสับสนวุ่นวายไปหมด ทั้งเจ็บทั้งเบลอ
เอลมองลิมแล้วเกิดนึกไม่แน่ใจว่าลิมเห็นตนเองหรือเปล่า จึงสำรวจตัวเองว่ายังล่องหนอยู่หรือเปล่า
ก็ยังล่องหนอยู่นี่นา.. โลกต่างมิติคือห้องอีกห้องหนึ่งซึ่งทำให้เขาเหมือนเดินอยู่บนโลก แต่ที่จริงแล้วเขาไม่ได้อยู่ เขากลายเป็นมนุษย์ล่องหนที่ไม่ว่าใครก็ตามบนโลกมนุษย์ใบนี้ไม่มีทางมองเห็น
นี่คือพลังอำนาจเหนือมนุษย์ของเขา
เพราะเขาไม่ใช่มนุษย์อย่างลิม เขาจึงมีพลังอำนาจพิเศษที่มนุษย์ไม่มี เขาแหงนมองไปที่กล้องวงจรปิดที่มุมห้อง มันถ่ายเหตุการณ์เมื่อครู่ไว้หรือเปล่า เขารู้ว่ามันเสียเพราะเมื่อตอนเย็นมันยังเสียอยู่ และลิมเป็นคนบอกเขาเอง กล้องวงจรปิดเสีย เขาเดินไปหยิบยาแก้ปวดที่เคาน์เตอร์หนึ่งแผงโดยไม่จ่ายสตางค์
"ถือว่านี่เป็นค่าช่วยเหลือก็แล้วกันนะลิม"
เขาพูดคนเดียวก่อนจะผลักประตูเดินออกจากร้านไปอย่างอิดโรย อาการปวดศีรษะของเขาดูจะเป็นมากกว่าเดิมเสียแล้ว ต้องรีบกลับไปนอนแล้ว..ไม่ไหวแล้ว เขาผลักประตูร้านออกไป
ลิมมองตามไปที่ประตูที่เปิดออกนั้น เขามองออกไปนอกร้านเพื่อมองหาคนที่ลงมือช่วยเขาเมื่อครู่ ทีแรกเขาคิดว่าเป็นผี หรือไม่ก็ มนุษย์ล่องหน
เอลไม่มีทางรู้ว่ากล้องวงจรปิดนั้นได้รับการซ่อมแล้วเมื่อช่วงหัวค่ำและกล้องนั้นได้บันทึกทุกอย่างไว้แล้ว แต่มันไม่ได้บันทึกตัวตนของเขา เพราะกล้องมองไม่เห็นเขา
เช้าวันรุ่งขึ้น ข่าวโจรปล้นร้านสะดวกซื้อก็ดังเป็นพลุแตก ฮีโร่ล่องหนช่วยเด็กร้านมินิมาร์ทจากเงื้อมมือของโจร คำให้การของลิมและภาพจากกล้องวงจรปิดที่เกิดใช้ขึ้นมาได้นั้นทำให้หนังสือพิมพ์มากกว่ายี่สิบฉบับตีพิมพ์ข่าวนี้จนกลายเป็นทล๊อคออฟเดอะทาวน์ และอาจจะดังข้ามโลกไปแล้วก็ได้
"ปรากฏตัวออกมาด้วยฮีโร่ของเรา"
"ฮีโร่ล่องหนของเราคือใครออกมาหน่อยสิ"
เย็นวันต่อมาผู้คนหลายล้านคนทั่วโลกต่างพากันเรียกร้องฮีโร่ลึกลับให้ปรากฏตัวออกมาเพื่อเป็นผู้พิทักษ์ให้กับชาวโลก ผู้คนครึ่งค่อนโลกต่างแปลกใจกับภาพวิดีโอจากกล้องวงจรปิดนั้นเพราะทุกคนเชื่อว่าคนซึ่งมองไม่เห็นซึ่งจัดการกับโจรสองคนนั้นเป็นพวกมนุษย์มหัศจรรย์เหมือนในภาพยนตร์ซึ่งเขาเคยดูกัน
แต่ไม่มีใครรู้ว่าฮีโร่คือเอลเด็กหนุ่มจอมแปลกแยกผู้นี้
“ไม่น่าช่วยเจ้านั่นเลย ไม่น่าผิดสัญญากับตัวเองเลย..ให้ตายสิ เรื่องมันใหญ่โตไปแล้ว”
เอลโทษตัวเองไม่หยุดเพราะเขาเคยสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ใช้พลังที่มีเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของผู้อื่น แต่เขาพลาดไปจนได้
ที่เขาคิดเช่นนั้นเพราะพลังนั้นทำให้เขารู้สึกว่าตนเองไม่เหมือนมนุษย์ทั่วไปบนโลก ทำให้เป็นปมด้อยสำคัญสำหรับเขา เขาต้องเก็บงำความลับนี้ไว้ไม่ให้รู้ถึงหูของใคร เขาคือมนุษย์ประหลาด ไม่ได้เป็นฮีโร่สักนิด ก็แค่เป็นมนุษย์ประหลาดที่หายตัวได้เพราะพลังความเร็วที่ไม่มีมนุษย์ตนไหนบนโลกทำได้ ก็เท่านั้น
เขาคือพวกเหนือมนุษย์ผู้โดดเดี่ยว เขาไม่เคยพบใครที่มีความสามารถเหมือนกับเขา ตัวประหลาดผู้อ้างว้างโดดเดี่ยวสุดจะบรรยาย ไม่เห็นจะดีกว่ามนุษย์ธรรมดาบนโลกเลยสักนิด ถ้าเลือกได้ เขาขอเป็นมนุษย์ธรรมดาเหมือนกับล้องก์และเพื่อนคนอื่นๆ
จู่ๆ เขาก็ตื่นจากภวังค์ เมื่อมองเห็นแมวตัวหนึ่งเดินอยู่ที่ราวตากผ้า มันสีน้ำตาลมีลายดำทั้งตัวเหมือนเสือปลา
“เจ้าเหมียว ฉันเป็นคนน่าเศร้าที่สุดในโลกใช่มั้ย” เขายื่นหน้าออกไปทักทายมัน
แมวจ้องหน้าเขาและเอียงหัวเล็กน้อยเหมือนพยายามจะฟังเรื่องที่เขาพูด
“รู้หรือเปล่าเจ้าเหมียว ฉันจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับตลอดไป”
ไม่ทันขาดคำแมวน้อยตัวนั้นก็กระโจนไปยังระเบียงอีกห้องหนึ่ง
นี่เป็นความลับที่เขาไม่เคยบอกใคร แม้แต่ครอบครัวของเขาเอง ความลับนี้จะจบสิ้นไปพร้อมกับตัวเขาในวันตาย
จะคิดท้อแท้แบบนั้นทำไมกันหา... เสียงหนึ่งดังขึ้นในใจ ทำไมไม่คิดว่าโลกนี้ยังมีคนที่เหมือนกับเราอีกมากมายล่ะ..
เอลมองไปที่ท้องฟ้าดำมืดเบื้องนอก
ใช่สิ.. ต้องแก้ปมปริศนาในตัวเราให้ได้ ต้องหาคนที่เป็นเหมือนกับเราให้ได้....
หลายครั้งเขาสัมผัสตัวตนของพวกเดียวกันได้ พวกนั้นอยู่บนโลกใบนี้มากกว่าอยู่ในโลกต่างมิติอื่น
จู่ๆ เขารู้สึกได้ว่าใกล้เต็มทีแล้วที่จะพบกับคนพวกนั้น หลังจากข่าวนี้ประโคมไปทั่วโลก ต้องมีพวกเดียวกันออกมาตามหาเขาแน่
และไม่ว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรูก็ตาม เขาต้องพบคนพวกนั้นให้ได้
....................................................................................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ