เอล คนทะลุมิติ chapter 1
เขียนโดย pong43
วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.34 น.
แก้ไขเมื่อ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556 20.29 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
45) เอล คนทะลุมิติ ตอนที่ 45 ตามกลิ่น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ตามกลิ่น
เอลยักคิ้วก่อนพูดต่อ
“..แล้วถ้าฉันอยู่ในรถนั่น มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่เจ้านั่นหายตัวไปล่ะ”
“นายโกหกอะไรฉันหรือเปล่า”
สีหน้าท่าทางของเอลทำให้เดลรู้สึกว่าเขากำลังโกหก
“จะโกหกไปทำไม ใครจะกล้าโกหกตำรวจ โดยเฉพาะสุดยอดนักสืบอย่างนาย”
“ไม่ก็ไม่...”
“ฉันไม่รู้จักเจ้านั่นเป็นการส่วนตัว เคยพูดคุยด้วยไม่กี่ครั้งตอนทำกิจกรรม แต่ก็รู้มาว่าเจ้านั่นไม่ค่อยถูกกับพ่อแม่ ตอนนี้อาจจะหนีพ่อแม่อยู่ก็ได้”
“ใครเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง”
“ตอนนี้เรื่องเจ้านั่นเขาลือกันให้แซ่ดโรงเรียน มันพวกรักร่วมเพศ พ่อแม่ไม่ยอมรับ เจ้านั่นจึงออกมาจากบ้านและมีที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง เดี๋ยวอยู่เดี๋ยวย้าย...ตอนนี้มันอาจจะอยู่ไหนสักแห่งในเมืองนี้ก็ได้”
“............”
“เห็นคนเคยเล่าว่าพ่อแม่เคยมาเจอเจ้านั่นที่โรงเรียนแต่งหน้าทาปาก เลยโดนพ่อตบหน้าไปทีหนึ่ง”
พูดจบเอลก็เงียบไม่พูดต่อ มองออกไปทางนอกหน้าต่าง เพราะรู้สึกว่าพูดมากเกินไปแล้ว
“มีข้อมูลอื่นอีกมั้ย” เดลจึงถามต่อ
“ไม่มีแล้ว”
“นายบอกว่าไม่รู้จักเอ็ท แต่รู้เรื่องตั้งเยอะ”
“ก็เขาเม้าท์กันให้แซ่ดทั้งโรงเรียน”
“เอาล่ะ...เชื่อแล้ว ฉันก็พอได้ยินเรื่องพวกนั้นมาบ้าง”
“นี่ฝากความคิดถึงแอนนาด้วยนะ ไม่เจอหน้าหลายวันแล้ว เธอยังทำใจไม่ได้อีกหรือ”
คำพูดของเอลเสียดแทงใจของเดล จนเขากลั้นความโกรธไว้ไม่อยู่
“ยังจะมาพูดอีก..ไม่เป็นลูกผู้ชายเอาเสียเลย ตั้งแต่เกิดเรื่องมานายเคยออกมารับผิดชอบอะไรมั้ย”
“รับผิดชอบอะไรอีกล่ะ ก็ฉันบอกว่าไม่ได้ทำยังไง มีคนกลั่นแกล้งฉัน”
“ทำไมไม่พิสูจน์ล่ะ”
“ปัญหาอยู่ที่ว่าฉันไม่รู้ว่าใครน่ะสิ”
“นายมีศัตรูอยู่เยอะนี่นา ฉันพอรู้เรื่องนี้ แต่ไม่น่าจะทำให้แอนนาเสื่อมเสียไปด้วย”
“ใครอยากให้เป็นแบบนั้นล่ะ”
“ฉันกำลังคิดว่าจะให้แอนนาย้ายโรงเรียน..”
“เพิ่งย้ายมาไม่นานเอง จะย้ายไปไหนอีกล่ะ”
“ขืนอยู่ไปเจ้าบ้านั่นหาเรื่องแกล้งอีกล่ะ ฉันรู้ว่าเจ้าคนๆนั้นยังอยู่ในโรงเรียนและคอยหาโอกาสเล่นงานนายอยู่”
“มันไม่อยู่แล้ว...” เอลเผลอปากพูดออกไปเบาๆ
“พูดอะไร..” เดลได้ยินไม่ชัด
“เปล่า ไม่ได้พูดอะไรสักคำ”
“ฝากขอโทษแอนนาด้วย บอกว่าฉันเสียใจ”
“ฉันจะให้นายแก้ตัวอีกครั้ง ไปขอโทษเธอ แล้วหาเจ้าวายร้ายนั่นให้ได้ ถ้าทำได้ฉันจะยกโทษให้นาย”
“จริงเหยอ” เอลแปลกใจในท่าทีของเดล
“ดูจากเทปนั่นใครๆก็รู้ว่า นายโดนแกล้ง นายกับแอนนาอาจจะถูกวางยา ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆว่ามันแค้นเคืองอะไรน้องสาวฉัน อยากรู้จริงๆว่ามันคือใคร”
เห็นเดลพูดแบบนี้ เอลจึงแน่ใจว่าเดลน่าจะค้นพบเบาะแสอะไรสักอย่าง ยิ่งมาถามเรื่องเอ็ท จะอย่างไรเขาก็พูดเรื่องเอ็ทไม่ได้ เพราะถ้าเดลรู้เรื่องเอ็ท เขาจะตกเป็นผู้ต้องหาฆ่าเอ็ทไปในทันที
จะพูดเรื่องเอ็ทให้เดลฟังไม่ได้เด็ดขาด หัวเด็ดตีนขาดก็พูดไม่ได้
“แต่ฉันยังไม่เลิกล้มความคิดที่ว่านายมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้นะ..ยังไงก็ตามถ้าวันหนึ่งฉันจับได้ว่านายเป็นคนสร้างเรื่องบ้านี่ขึ้น ฉันไม่ไว้นายแน่”
เอลได้ยินแบบนั้นถึงกับกลืนน้ำลายดังเอื้อก
เจ้าบ้านี่จะเอายังไงกันแน่วะ..
เขารู้สึกว่าคำขู่ของเดลไม่ใช่เรื่องล้อเล่น คล้ายกับว่าเดลอาจจะรู้ว่าเอ็ทมีส่วนร่วมในเรื่องนี้อย่างนั้น
แต่จะยังไงล่ะ ฉันเป็นผู้เสียหายนะ ฉันไม่กลัวคำขู่นี่หรอกนะ..
เดลลุกขึ้นหมายจะกลับ เอลรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก
“ไปล่ะนะ โทษทีที่มารบกวนแต่เช้าแบบนี้”
เดลพูดจบจึงก้าวเท้าเดินออกจากห้อง เอลกลับยืนอ้าปากค้าง
จู่ๆก็มา จู่ๆก็ไป...
...........................................................................................................................................
เดลเดินไปถึงรถยนต์ซึ่งจอดอยู่ข้างทาง
เขาคิดว่าการมาครั้งนี้ไม่มาเสียเที่ยว ได้สังเกตุเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของเอล เมื่อได้ยินชื่อของเอ็ท และเมื่อโดนถามเรื่องเอ็ทมากๆเข้า เอลกลับแสดงพิรุธออกมาให้เห็น
เขาคิดว่าเอลคงนึกไม่ถึงว่าได้ถูกสงสัยเข้าให้แล้ว
และเป็นจริงอย่างที่เขาคิด
เอลรู้สึกโล่งอกและคิดว่าเดลไม่ได้สงสัยตนเองแล้ว
เฮ้อ..รอดตัวไป…นี่หรือนักสืบตาทิพย์ที่ใครๆพูดถึง ฉายานั้นตั้งจากอะไรนะ ไม่เห็นจะใช่เลย...
แต่เอลไม่สงสัยเลยว่า ทำไมเขาไม่ได้ยินความคิดของเอลเลยสักนิด
ตาทิพย์เพราะมีญาณวิเศษหรือว่าเห็นอนาคตนะ ฉายานักสืบตาทิพย์ของเดลซึ่งร่ำลือกันมานานอาจจะมาจากความอัจฉริยะของเดลมากกว่า ด้วยระดับไอคิวเกินร้อยแปดสิบทำให้เดลสามารถวิเคราะห์และตีโจทย์คดีต่างๆออกและสามารถปิดคดีฆาตกรรมหลายสิบคดีทั่วโลกได้ในระยะเวลาอันสั้น ทำให้มีคำเปรียบเปรยว่าเหมือนมีตาทิพย์เสียมากกว่า
หมอนี่คงไม่ได้มาหยั่งเชิงเราหรอกนะ..
คงไม่สงสัยว่าเราเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเจ้าเอ็ทหรอกนะ...
อย่างไรเสียเราคือผู้เสียหาย จะไปกลัวอะไรเดลล่ะ ไม่มีหลักฐานอะไรสักอย่าง จะเอาผิดเราไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะ...
เอลมองเดลกำลังขึ้นรถ รถยนต์เวมส์บีย์สีดำคันนั้นทำให้เขาถึงกับอ้าปากค้าง ตะลึงลานกับความงามของรถ
“เวมส์บีย์สีดำ สามพันซีซี โอ้โห รวยจริงๆ”
นั่นคือรถในฝันของเขา เขามองรถคันงามจนลับตา
จู่ๆก็รู้สึกว่ามีคนแอบดูอยู่ เขาหันไปก็พบกับชาร์ลีเพื่อนข้างห้องยืนอยู่ จึงทักทาย
“ตื่นเช้านะชาร์ล ไม่มีอะไรหรอก เพื่อนน่ะ”
“นายมีเพื่อนเป็นตำรวจเหรอเท่ห์จัง”
“ไม่มีอะไรหรอกน่า เขาเป็นพี่ของเพื่อนน่ะ”
“เขาดังออกนะ ฉันจำได้” ชาร์ลีจำหน้าเดลได้
“พอดีเอาการบ้านของน้องสาวมาฝากส่งครูน่ะ” เอลโกหกกลบเกลื่อนทั้งที่ไม่จำเป็นโกหกสักนิด เขาคิดเช่นนั้น
“งั้นไม่รบกวนล่ะนะเอล” พูดจบชาร์ลีก็เดินเข้าห้องปิดประตูห้องดังปัง
เอลก็เข้าห้องตั้งใจจะเข้าไปนอนต่อ แต่กลับคิดได้ว่า
บ่ายนี้เรามีนัดสำคัญนี่นา.. ท่าจะนอนไม่ได้แล้วล่ะ.. เสื้อผ้ายังไม่ได้ซักอีกตั้งตะกร้า
เอลรวบเสื้อผ้าหลายตัวในตระกร้าเดินลงไปยัดใส่ตู้ซักผ้าอัตโนมัติที่ด้านล่าง พลางคิดถึงนัดหมายในบ่ายวันนี้ เขาได้รับอนุญาตให้เข้าไปสัมภาษณ์ลีโอ บัสโซ่ที่เรือนจำกลางอย่างคาดไม่ถึง
…………………………………………
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ