เอล คนทะลุมิติ chapter 1
-
เขียนโดย pong43
วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.34 น.
48 ตอน
0 วิจารณ์
56.26K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556 20.29 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
39) เอล คนทะลุมิติ ตอนที่ 39 ผู้ชะตาขาด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความผู้ชะตาขาด
เอลมองไปที่มือขวาก็พบว่ามือนั้นเลือนรางลงไปทุกที
“มือ มือเรากำลังหาย....”
“แกใกล้แพ้แล้ว เพราะเจ้านั่นอยู่ที่หน้าห้องของแกแล้ว ที่สำคัญมันมีกุญแจอยู่ชุดนึงนี่นา.. ”
“แก....”
“เป็นไปไม่ได้ ยังไงมันก็เข้าไปในห้องไม่ได้ ฉันลงกลอนด้านในไว้ ยังไงกุญแจก็ไขเข้ามาไม่ได้”
“แน่ใจเรอะ เมื่อกี้ตอนที่แม่สาวน้อยนั่นเรียกแกอยู่ที่ข้างล่าง แกรีบเข้ามาห้อง แต่แกแน่ใจนะว่าลั่นกลอนแล้ว คิดให้ดีนะเอล”
เอลคั่งแค้นใจที่ผ่านมาถูกเจ้านี่คอยเฝ้ามองอยู่ตลอดเวลา ไม่งั้นมันคงไม่มีทางรู้ว่าเขาเพิ่งให้กุญแจกับล้องก์ไว้ชุดหนึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว มันคงอยู่ใกล้ๆ แถวนี้ไม่เช่นนั้นมันคงไม่เห็นเขากับซินแน่
“เจ้าสารเลว...แก..”
“ฉันวางแผนให้แกเข้ามาติดกับด้วยความยากลำบาก แต่การรอคอยของฉันเห็นผลที่น่าชื่นใจ อีกสักครู่ พลังของแกก็จะตกเป็นของฉันแล้ว ฉันจะเป็นผู้ค้นพบปริศนาโลกต่างมิติด้วยตัวเอง เพราะยังไงเสียแกก็แก้ปริศนานี้ไม่ได้”
“ฉันไม่ยอมให้แกทำเช่นนั้นหรอก”
“อย่าปากดีไปหน่อยเลยเจ้าหนู”
..............................................................................................................................................
“ก๊อกๆๆๆๆ”
ล้องก์มายืนเก้ๆ กังๆ ที่หน้าห้องพักของเอลจริงๆ
ไปไหนของมันวะ....
“เอล เอล อยู่หรือเปล่า”
เขาป้องปากตะโกนเบาๆ
“ถ้าหลับไปแล้วโทรเรียกให้ฉันมาทำไมวะ” ล้องก์บ่นก่อนจะควักกุญแจที่ยัดไว้ในกระเป๋าสตางค์ออกมาเพื่อไขประตูห้อง
ล้องก์กำลังจะทำให้แผนการของวายร้ายเป็นผลสำเร็จ
ประตูเปิดออก ล้องก์ก็เห็นร่างของเอลนอนอยู่ที่พื้น เขาถึงกับตาเหลือกลานด้วยความตกใจ คิดในทันทีว่าเอลต้องเป็นอะไรไปแล้วแน่
“เกิดอะไรขึ้น..เอล อย่าเป็นอะไรนะ”
เขาวิ่งเข้าหาเอลในทันที แต่วินาทีที่จะถึงร่างของเอล ...
เอลเห็นภาพของล้องก์ทางจิต ภาพล้องก์กำลังสโลว์โมชั่นเข้าหาร่างของเขาอย่างช้าๆ เขาใจหายวาบถึงกับต้องแผดเสียงด่าล้องก์ลั่น
“ไอ้บ้าล้องก์อย่าจับฉัน”
เห็นล้องก์เข้ามาใกล้แบบนี้ แม้ปากจะบอกว่าไม่เชื่อเรื่องที่วายร้ายพูดแต่เขาก็ไม่ยอมเสี่ยงเด็ดขาด เพราะถ้าเป็นความจริงขึ้นมา แผนของวายร้ายจะสำเร็จลงในเสี้ยววินาทีนี้
“อย่าแตะตัวฉันนะโว้ยยยยยยยยยยยยไอ้บ้า”
เอลตะโกนสุดเสียงเพื่อหยุดล้องก์
“ไหนบอกว่าไม่เชื่อ แล้วแหกปากทำไมล่ะ ไม่แน่จริงนี่หว่า”
เขาไม่ฟังมันพูด หลับหูหลับตาตะโกนออกไปเพื่อจะให้เสียงของเขาดังเข้าหูของล้องก์
“ล้องก์อย่าาาาาาาาาาาาา”
ได้ผลอย่างน่าประหลาด เสียงของเอลดังเข้าหูของล้องก์จริงๆ
“เอ๊ะ”
ล้องก์หยุดชะงักมือของเขาไว้
“เจ้าบ้าแกอย่าแกล้งทำเป็นหลับตาโว้ย เดี๋ยวฉันทุบให้หรอก” ล้องก์พูดขณะกำหมัดจะทุบลงไปที่ร่างของเอล
ทันใดนั้นเอลซึ่งใจหายวาบกลับพบว่าฮัคตรงหน้าก็ตาเหลือกลานเช่นกัน...
………………………………………………………………….
ก่อนหน้านั้นไม่ถึงห้านาที
ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินทางมายังเจ็ทคอนโดมิเนียมซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมสูงสิบเก้าชั้นแห่งหนึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ กับหอพักของเอล เขาขึ้นลิฟต์มายังชั้นแปดซึ่งมีห้องพักเรียงรายกันสองด้าน ด้านละสิบกว่าห้องและพาตัวเองมาหยุดยืนที่หน้าห้องๆหนึ่ง
ห้องหมายเลข 808 เขายกมือเคาะประตูห้องสองสามครั้ง
ไม่มีการตอบรับใดใดจากคนในห้อง เขาจึงส่งเสียงร้องเรียก
“มีใครอยู่ไหมครับ...”
ชายหนุ่มมองกระดาษโน๊ตซึ่งจดเบอร์ห้องนี้เพื่อให้แน่ใจว่ามาถูกห้อง ก่อนจะยกมือเคาะประตูอีกครั้ง รอจนไม่มีทีท่าว่าประตูจะเปิดจึงมองซ้ายมองขวาแล้วจับลูกบิดกลอนประตูบิดไปมา
ประตูนั้นกลับเปิดออกมา เขายังไม่กล้าเข้าไป แต่เมื่อเหลือบมองเข้าไปข้างในซึ่งปิดไฟมืด เขาจึงตัดสินใจเดินเข้าไป พร้อมส่งเสียงเรียกคนในห้อง
ภายในห้องปิดไฟมืด มีแสงสว่างเล็กน้อยอยู่ที่ด้านใน เขาไม่เห็นคนในห้องจึงเดินเข้าไปหา ชายคนหนึ่งนั่งหันหลังให้อยู่ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ แสงสว่างนั้นออกมาจากจอคอมซึ่งเปิดอยู่
“ขอโทษที่เข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตครับ ผมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีเรื่องบางอย่างจะสอบถามคุณฮัค เฟนดีครับ คุณใช่คุณฮัคหรือเปล่าครับ”
ชายนั้นไม่ตอบ
“คุณใช่คุณฮัคหรือเปล่าครับ”
เงียบ
ร่างนั้นยังคงนั่งนิ่ง ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล จึงเดินเข้าไปหา ข้ามกองหนังสือและกล่องอาหารที่วางไว้เกลื่อนพื้นห้อง
เขาเห็นใบหน้าเจ้าของห้องแล้ว ชายหนุ่มอายุประมาณสามสิบเศษไว้หนวดแหลมเรียวกำลังนั่งหลับตาพิงเก้าอี้ตัวตรงมือทั้งสองข้างวางราบอยู่กับแคร่พิมพ์ดีด กำลังนั่งหลับตาอยู่
“คุณ”
ไม่มีการตอบรับ แม้เขาจะส่งเสียงดังแล้วก็ตาม
“ขอโทษครับ..”
“คุณเป็นคนดูแลติดตั้งกล้องวงจรปิดให้โรงเรียนเซนต์แอนเจิ้ลใช่มั้ยครับ”
ไม่มีปฏิกริยาตอบสนอง
หลับลึก...
เขาจึงยอมเสียมารยาทเอื้อมมือไปเขย่าไหล่เจ้าของห้องเบาๆ แต่ร่างนั้นยังคงนั่งนิ่ง เขาออกแรงเขย่าแรงขึ้น
ก็ไม่มีปฏิกริยาตอบสนองอะไรกลับมา จู่ๆ เขาก็ต้องสะดุ้งเพราะร่างนั้นกลับฟุบลงหน้าทิ่มไปกับโต๊ะคอม
ชายหนุ่มตกใจรีบลงไปประคองร่างนั้นขึ้น
ไม่มีชีพจรแล้ว ไม่มีลมหายใจแล้ว...
ชายผู้ซึ่งอ้างตัวเป็นตำรวจคือ เดลยอดนักสืบคนนั้น
เขาตกใจมากที่พบว่าร่างนั้นสิ้นใจแล้ว
เดลเดินทางมายังห้องพักแห่งนี้เพื่อตามตัวฮัค เฟนดีผู้ซึ่งมีส่วนเกี่ยวพันกับเหตุวุ่นวายที่โรงเรียนเซนต์แอนเจิ้ลซึ่งทำให้เอลและแอนนาเสียชื่อเสียง เพราะเขาเชื่อว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำ หนทางเดียวที่จะกู้เกียรติยศศักดิ์ศรีให้กับน้องสาวของเขาได้คือต้องพิสูจน์ความจริงให้ได้ว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
........................................................................................................................................................
จอมบงการ
เวลาต่อมา
ทีมชันสูตรพลิกศพได้มาถึงที่นั่นและแพทย์ได้ระบุสาเหตุการตายและช่วงเวลาตายของฮัค เฟนดีอย่างคร่าวๆ ว่าหัวใจวายกระทันหัน และตายไปแล้วไม่เกินสองชั่วโมง
ชายคนนี้คือ ฮัค เฟนดีที่เดลตามหาตัว
เดลแปลกใจมาก
ไม่เกิสองชั่วโมง..เป็นไปได้อย่างไรกัน...
เมื่อเขาหักลบเวลาตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องนี้ กลับพบว่ามันพอดีเวลาซึ่งเขาเดินเข้ามาในห้องนี้ บวกลบกันไม่เกินหนึ่งนาที
เขาคิดว่าการระบุเวลาตายยังมีข้อผิดพลาด แต่ถ้าเป็นจริงนั่นหมายความว่า ฮัคตายในเวลาที่เขากำลังแตะเข้าไปแตะไหล่พอดี
ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะก่อนหน้านี้ ฮัคยังนั่งนิ่งที่เก้าอี้อยู่เลย แต่พอถูกเขาแตะไหล่ก็ตายเลยหรือ
มีเรื่องอย่างนี้ด้วยหรือ....
แค่แตะถูกก็ตาย... ไม่มีทางเป็นไปได้...
ไร้สาระ.. ต้องรอยืนยันผลจากห้องแลปอีกครั้ง
เวลานี้เดลรู้สึกว่ากำลังมืดแปดด้านเพราะหลักฐานชิ้นเดียวที่เหลืออยู่ได้หายไปแล้ว
จู่ๆ เขากลับคิดว่า เขานั่นแหละเป็นคนทำให้ชายคนนี้ตายไปในทันทีที่เขาแตะถูกไหล่ เขาพยายามนึกย้อนไปดูว่าทำไมต้องคิดแบบนี้
คิดอะไรบ้าๆ...
ขณะที่ทีมหาหลักฐานกำลังสำรวจไปทั่วห้อง เขากลับนึกขึ้นมาได้ว่า ก่อนหน้าที่เขาจะเข้ามาในห้องนี้ เขาเห็นอะไรบางอย่าง นิมิตส่งภาพเข้ามาแว่บหนึ่งแล้วก็หายไป
ใบหน้าคน...
เขาจำได้แล้วว่าเขาเห็นภาพใบหน้าของชายสองคนแล่นเข้ามาในสมอง ใบหน้าแรกคือชายเจ้าของห้องคนนี้ ฮัค เฟนดี อีกคนคือเด็กหนุ่มอ่อนวัยกว่า
ชายเจ้าของห้องคนนี้กำลังคุยกับเด็กหนุ่มคนนั้น เขาจำหน้าเด็กหนุ่มไม่ได้จึงพยายามใช้สมาธิเค้นเอาใบหน้าเด็กหนุ่มให้ออกมาจากความทรงจำ
“เจ้านั่น...”
เขาถึงกับร้องออกมาเมื่อเห็นใบหน้านั้น
“เอล”
เขาตกใจที่ใบหน้าเด็กหนุ่มคือเอล
เจ้านั่นกับเจ้าคนนี้ หรือว่าสองคนนี้คบคิดกัน ...
เขามองไปที่กล้องส่องทางไกลซึ่งวางแอบอยู่ใต้ผ้าม่านหน้าต่าง เขายังไม่ได้แตะต้องหรือขยับวิถีกล้องจึงมองลงไปในช่องมองเพื่อจะดูว่ากล้องมองไปทิศทางใด
เขาสันนิษฐานในเบื้องต้นว่าเจ้าของห้องใช้กล้องตัวนี้ไว้แอบดูผู้คนในบริเวณนี้เป็นแน่ เมื่อดูจุดซึ่งเป็นวิถีของกล้องก็พบว่ากล้องนั้นเล็งไปยังหน้าห้องพักของใครคนหนึ่ง เมื่อลองเลื่อนมุมกล้องดู จึงพบว่าที่นั่นเป็นหอพักแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณนั้นไปราวสามร้อยเมตร
“หอพักนักเรียนชาย..เซเว่นครับ”
ตำรวจลูกทีมซึ่งใช้กล้องส่องทางไกลยืนส่องดูในวิถีเดียวกันพูดขึ้น
“คนที่ห้องนั้นคือเป้าหมาย..”
เดลพอจะเดาได้แล้วว่าห้องพักนั้นเป็นของใคร เขารู้เพราะว่าได้ไปที่นั่นมาแล้ว
หอพักเซเว่น.. ห้องของเจ้าเอลนั่น...
มันคือหอพักชายซึ่งเอลอาศัยอยู่นั่นเอง มาถึงเวลานี้เขาสามารถปะติดปะต่อเรื่องทั้งหมดได้เกือบหมดแล้ว
“ฮัค เฟนดี อายุสามสิบห้าคือเจ้าของห้องพักนี้ครับ เขาเป็นผู้รับเหมางานด้านไฟฟ้าของโรงเรียนเซนต์แอนเจิ้ลครับ” ตำรวจหนุ่มรายงาน “ประวัติของเขาเมื่อสมัยวัยรุ่นพัวพันกับยาเสพติดและคดีลักขโมยมาแล้วหลายคดี”
เดลมั่นใจแล้วว่าวายร้ายคอยจับตาเอลอยู่ตลอดเวลา และน่าจะเป็นผู้วางแผนเล่นงานเอลและแอนนา แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นแอนนา
เอลไปทำอะไรให้ล่ะ....
เดลหน้าเครียดทันทีเมื่อคิดถึงแอนนา ทำไมต้องทำกับแอนนา
หรือว่าแอนนาชอบเจ้าเอลนั่น..
ไม่น่าจะใช่นะ แอนนาก็เพิ่งย้ายมาเอง หรือว่าเอลแอบชอบแอนนา แล้วเจ้านี่รู้เข้า...
เขารู้สึกเจ็บใจไม่หายที่น้องสาวสุดที่รักโดนทำร้ายเช่นนี้
เจ้าเอลก็มีส่วน.. และถ้าเจ้านี่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด ก็สมควรแล้ว พวกเลวทราม..
เขากำหมัดแน่นด้วยความโกรธ ชำเลืองหางตามองไปที่ศพฮัคจนตำรวจลูกทีมแปลกใจ เขารีบสลัดความโกรธทิ้งเพราะคิดขึ้นได้ว่ากำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ควรเก็บอารมณ์ให้มากกว่านี้ และคงต้องมีหลักฐานมากกว่านี้จึงจะปักใจเชื่อว่า ฮัคคือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด
ในที่สุดเขาก็พบหลักฐานมากมายทั้งวิดีโอเทปและรูปภาพ เขาเห็นภาพของเอลและแอนนาหลายสิบภาพในลิ้นชัก นั่นยิ่งจุดชนวนให้เขารู้สึกโกรธจนระงับอารมณ์ไม่อยู่ เมื่อตำรวจจะหยิบรูปพวกนั้นมาดูเขาจึงแย่งเอามาถือไว้ ตำรวจลูกทีมมีน้อยคนที่รู้ว่าเด็กสาวในรูปหรือน้องสาวของเขา มีภาพลับแอบถ่ายของหญิงสาวมากหน้าหลายตาซึ่งถ่ายเอาไว้เพื่อแบล็คเมล์ นั่นย่อมหมายความว่าฮัค เฟนดีคือพวกมิจฉาชีพตัวร้าย
กรรมตามสนอง..
เดลคิดว่าวายร้ายผู้นี้ได้ชดใช้กรรมไปแล้ว เขารู้สึกโล่งใจที่เห็นคนอันตรายคนหนึ่งได้จบชีวิตลงไป
เขาดูภาพลับๆของเด็กนักเรียนหญิงมากมายที่ถูกแอบถ่ายจากสถานที่ต่างๆ จนไปพบกับภาพลับของเอ็ทในอิริยาบถต่างๆ ทำให้เขาไม่แน่ใจว่าภาพพวกนี้ถ่ายโดยฮัคเพียงผู้เดียว หรือมีเอ็ทร่วมมือด้วย เขาได้ยินจากปากชิลด์ว่ามีคนพูดว่าเอ็ทมีคู่ขาคนหนึ่งเป็นช่างไฟฟ้า แต่เขาไม่มีหลักฐานอันใดยืนยันในความสัมพันธ์ของทั้งคู่
เมื่อเห็นภาพกอดก่ายของทั้งคู่ก็เพียงพอที่จะยืนยันได้ว่า ฮัคและเอ็ทนั้นคือคู่ขาซึ่งมีความสัมพันธ์กันอย่างลับๆ มีความเป็นไปได้สูงที่ทั้งคู่จะร่วมมือกันกระทำเรื่องเลวร้ายนั้นกับเอลและแอนนาน้องสาวของเขาอย่างไม่น่าให้อภัย
สมควรตาย... เขาอุทานเบาๆ ...คนชั่วพวกนี้เมื่อไหร่จะหมดไปจากสังคมเสียทีนะ...
แล้วพวกนี้มันโกรธเกลียดอะไรเจ้านั่นล่ะ
ไม่มีหลักฐานใดใดที่บอกถึงความแค้นส่วนตัวของทั้งคู่กับเอล เขาคิดว่าการหายตัวไปของเอ็ทมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกี่ยวข้องกับฮัค เอ็ทอาจจะถูกฮัคฆ่าปิดปากไปแล้ว ส่วนศพนั้นคงหายไปตลอดกาลพร้อมกับการตายของฮัคผู้นี้
ยังไงเสียก็คงต้องตามตัวเอลมาให้ปากคำด้วยอีกคน
ว่าแต่ว่าตอนนี้มันอยู่ที่ไหนล่ะ...หรือว่าตอนนี้อยู่ในห้องนั้น..
เขารีบไปดูหน้าห้องพักเอลด้วยกล้องส่องทางไกลอีกครั้ง
ความมั่นใจอย่างหนึ่งของเดลคือ เขาเป็นต้นเหตุให้ฮัคผู้นี้เสียชีวิต ทั้งที่ไม่มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มาอธิบายได้เลยสักนิด ที่เขาตามมาถึงห้องพักนี้ได้ก็เพราะเขาได้ค้นพบเครื่องส่งสัญญาณขนาดจิ๋วเครื่องหนึ่งติดตั้งอยู่เหนือฝ้าในห้องน้ำบนตึกเรียน ทางโรงเรียนต้องการปิดเรื่องนี้เป็นความลับจึงได้แจ้งให้เดลพิสูจน์เรื่องนี้อย่างลับๆ เพราะอย่างไรเสียแอนนาน้องสาวของเขาคือผู้เสียหายจากเหตุการณ์ก่อนหน้า และเขาจะแก้ข้อสงสัยทั้งหมดและคืนความถูกต้องให้กับแอนนา
เดลจึงคิดว่าเครื่องส่งสัญญาณเครื่องนั้นต้องมีส่วนพัวพันเกี่ยวข้องกับภาพเหตุการณ์อันอื้อฉาวของเอลและแอนนาในวันนั้นแน่ และเมื่อเขาได้ข้อมูลของฮัคจากผู้อำนวยการโรงเรียนว่าฮัคคือผู้ทำหน้าที่ดูแลคอมพิวเตอร์ทั้งหมดรวมทั้งเครื่องส่งสัญญาณต่างๆในโรงเรียน อุปกรณ์ทุกชิ้นเขาเป็นคนรับเหมาดูแลจัดการให้กับทางโรงเรียน
เขาจึงเดินทางมาหาฮัคที่ห้องพักนี้เพื่อสอบถามความจริง เขาไม่รู้ว่าได้ทำลายแผนการอันชั่วร้ายของฮัคอย่างไม่ตั้งใจ เกมมรณะของฮัคที่ว่าใครถูกแตะต้องตัวก่อนนั้นเป็นความจริง และฮัคได้ถูกเดลแตะตัวก่อนที่ล้องก์เข้าไปแตะตัวเอล
ฮัคจึงพ่ายแพ้เพราะความสับเพร่าของตนเอง เขารีบร้อนจนลืมปิดประตูห้องก่อนที่จะถอดจิตเข้าสู่โลกวิญญาณเพื่อเล่นงานเอล
เรื่องของฮัคและเอ็ทจบลงอย่างเป็นปริศนาคาใจของเดล หลังจากนี้ไม่มีใครได้พบคนทั้งสองอีกไม่ว่าบนโลกนี้หรือโลกมิติใดใดในจักรวาลนี้
..............................................................................................................................
เอลมองไปที่มือขวาก็พบว่ามือนั้นเลือนรางลงไปทุกที
“มือ มือเรากำลังหาย....”
“แกใกล้แพ้แล้ว เพราะเจ้านั่นอยู่ที่หน้าห้องของแกแล้ว ที่สำคัญมันมีกุญแจอยู่ชุดนึงนี่นา.. ”
“แก....”
“เป็นไปไม่ได้ ยังไงมันก็เข้าไปในห้องไม่ได้ ฉันลงกลอนด้านในไว้ ยังไงกุญแจก็ไขเข้ามาไม่ได้”
“แน่ใจเรอะ เมื่อกี้ตอนที่แม่สาวน้อยนั่นเรียกแกอยู่ที่ข้างล่าง แกรีบเข้ามาห้อง แต่แกแน่ใจนะว่าลั่นกลอนแล้ว คิดให้ดีนะเอล”
เอลคั่งแค้นใจที่ผ่านมาถูกเจ้านี่คอยเฝ้ามองอยู่ตลอดเวลา ไม่งั้นมันคงไม่มีทางรู้ว่าเขาเพิ่งให้กุญแจกับล้องก์ไว้ชุดหนึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว มันคงอยู่ใกล้ๆ แถวนี้ไม่เช่นนั้นมันคงไม่เห็นเขากับซินแน่
“เจ้าสารเลว...แก..”
“ฉันวางแผนให้แกเข้ามาติดกับด้วยความยากลำบาก แต่การรอคอยของฉันเห็นผลที่น่าชื่นใจ อีกสักครู่ พลังของแกก็จะตกเป็นของฉันแล้ว ฉันจะเป็นผู้ค้นพบปริศนาโลกต่างมิติด้วยตัวเอง เพราะยังไงเสียแกก็แก้ปริศนานี้ไม่ได้”
“ฉันไม่ยอมให้แกทำเช่นนั้นหรอก”
“อย่าปากดีไปหน่อยเลยเจ้าหนู”
..............................................................................................................................................
“ก๊อกๆๆๆๆ”
ล้องก์มายืนเก้ๆ กังๆ ที่หน้าห้องพักของเอลจริงๆ
ไปไหนของมันวะ....
“เอล เอล อยู่หรือเปล่า”
เขาป้องปากตะโกนเบาๆ
“ถ้าหลับไปแล้วโทรเรียกให้ฉันมาทำไมวะ” ล้องก์บ่นก่อนจะควักกุญแจที่ยัดไว้ในกระเป๋าสตางค์ออกมาเพื่อไขประตูห้อง
ล้องก์กำลังจะทำให้แผนการของวายร้ายเป็นผลสำเร็จ
ประตูเปิดออก ล้องก์ก็เห็นร่างของเอลนอนอยู่ที่พื้น เขาถึงกับตาเหลือกลานด้วยความตกใจ คิดในทันทีว่าเอลต้องเป็นอะไรไปแล้วแน่
“เกิดอะไรขึ้น..เอล อย่าเป็นอะไรนะ”
เขาวิ่งเข้าหาเอลในทันที แต่วินาทีที่จะถึงร่างของเอล ...
เอลเห็นภาพของล้องก์ทางจิต ภาพล้องก์กำลังสโลว์โมชั่นเข้าหาร่างของเขาอย่างช้าๆ เขาใจหายวาบถึงกับต้องแผดเสียงด่าล้องก์ลั่น
“ไอ้บ้าล้องก์อย่าจับฉัน”
เห็นล้องก์เข้ามาใกล้แบบนี้ แม้ปากจะบอกว่าไม่เชื่อเรื่องที่วายร้ายพูดแต่เขาก็ไม่ยอมเสี่ยงเด็ดขาด เพราะถ้าเป็นความจริงขึ้นมา แผนของวายร้ายจะสำเร็จลงในเสี้ยววินาทีนี้
“อย่าแตะตัวฉันนะโว้ยยยยยยยยยยยยไอ้บ้า”
เอลตะโกนสุดเสียงเพื่อหยุดล้องก์
“ไหนบอกว่าไม่เชื่อ แล้วแหกปากทำไมล่ะ ไม่แน่จริงนี่หว่า”
เขาไม่ฟังมันพูด หลับหูหลับตาตะโกนออกไปเพื่อจะให้เสียงของเขาดังเข้าหูของล้องก์
“ล้องก์อย่าาาาาาาาาาาาา”
ได้ผลอย่างน่าประหลาด เสียงของเอลดังเข้าหูของล้องก์จริงๆ
“เอ๊ะ”
ล้องก์หยุดชะงักมือของเขาไว้
“เจ้าบ้าแกอย่าแกล้งทำเป็นหลับตาโว้ย เดี๋ยวฉันทุบให้หรอก” ล้องก์พูดขณะกำหมัดจะทุบลงไปที่ร่างของเอล
ทันใดนั้นเอลซึ่งใจหายวาบกลับพบว่าฮัคตรงหน้าก็ตาเหลือกลานเช่นกัน...
………………………………………………………………….
ก่อนหน้านั้นไม่ถึงห้านาที
ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินทางมายังเจ็ทคอนโดมิเนียมซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมสูงสิบเก้าชั้นแห่งหนึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ กับหอพักของเอล เขาขึ้นลิฟต์มายังชั้นแปดซึ่งมีห้องพักเรียงรายกันสองด้าน ด้านละสิบกว่าห้องและพาตัวเองมาหยุดยืนที่หน้าห้องๆหนึ่ง
ห้องหมายเลข 808 เขายกมือเคาะประตูห้องสองสามครั้ง
ไม่มีการตอบรับใดใดจากคนในห้อง เขาจึงส่งเสียงร้องเรียก
“มีใครอยู่ไหมครับ...”
ชายหนุ่มมองกระดาษโน๊ตซึ่งจดเบอร์ห้องนี้เพื่อให้แน่ใจว่ามาถูกห้อง ก่อนจะยกมือเคาะประตูอีกครั้ง รอจนไม่มีทีท่าว่าประตูจะเปิดจึงมองซ้ายมองขวาแล้วจับลูกบิดกลอนประตูบิดไปมา
ประตูนั้นกลับเปิดออกมา เขายังไม่กล้าเข้าไป แต่เมื่อเหลือบมองเข้าไปข้างในซึ่งปิดไฟมืด เขาจึงตัดสินใจเดินเข้าไป พร้อมส่งเสียงเรียกคนในห้อง
ภายในห้องปิดไฟมืด มีแสงสว่างเล็กน้อยอยู่ที่ด้านใน เขาไม่เห็นคนในห้องจึงเดินเข้าไปหา ชายคนหนึ่งนั่งหันหลังให้อยู่ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ แสงสว่างนั้นออกมาจากจอคอมซึ่งเปิดอยู่
“ขอโทษที่เข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตครับ ผมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีเรื่องบางอย่างจะสอบถามคุณฮัค เฟนดีครับ คุณใช่คุณฮัคหรือเปล่าครับ”
ชายนั้นไม่ตอบ
“คุณใช่คุณฮัคหรือเปล่าครับ”
เงียบ
ร่างนั้นยังคงนั่งนิ่ง ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล จึงเดินเข้าไปหา ข้ามกองหนังสือและกล่องอาหารที่วางไว้เกลื่อนพื้นห้อง
เขาเห็นใบหน้าเจ้าของห้องแล้ว ชายหนุ่มอายุประมาณสามสิบเศษไว้หนวดแหลมเรียวกำลังนั่งหลับตาพิงเก้าอี้ตัวตรงมือทั้งสองข้างวางราบอยู่กับแคร่พิมพ์ดีด กำลังนั่งหลับตาอยู่
“คุณ”
ไม่มีการตอบรับ แม้เขาจะส่งเสียงดังแล้วก็ตาม
“ขอโทษครับ..”
“คุณเป็นคนดูแลติดตั้งกล้องวงจรปิดให้โรงเรียนเซนต์แอนเจิ้ลใช่มั้ยครับ”
ไม่มีปฏิกริยาตอบสนอง
หลับลึก...
เขาจึงยอมเสียมารยาทเอื้อมมือไปเขย่าไหล่เจ้าของห้องเบาๆ แต่ร่างนั้นยังคงนั่งนิ่ง เขาออกแรงเขย่าแรงขึ้น
ก็ไม่มีปฏิกริยาตอบสนองอะไรกลับมา จู่ๆ เขาก็ต้องสะดุ้งเพราะร่างนั้นกลับฟุบลงหน้าทิ่มไปกับโต๊ะคอม
ชายหนุ่มตกใจรีบลงไปประคองร่างนั้นขึ้น
ไม่มีชีพจรแล้ว ไม่มีลมหายใจแล้ว...
ชายผู้ซึ่งอ้างตัวเป็นตำรวจคือ เดลยอดนักสืบคนนั้น
เขาตกใจมากที่พบว่าร่างนั้นสิ้นใจแล้ว
เดลเดินทางมายังห้องพักแห่งนี้เพื่อตามตัวฮัค เฟนดีผู้ซึ่งมีส่วนเกี่ยวพันกับเหตุวุ่นวายที่โรงเรียนเซนต์แอนเจิ้ลซึ่งทำให้เอลและแอนนาเสียชื่อเสียง เพราะเขาเชื่อว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำ หนทางเดียวที่จะกู้เกียรติยศศักดิ์ศรีให้กับน้องสาวของเขาได้คือต้องพิสูจน์ความจริงให้ได้ว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
........................................................................................................................................................
จอมบงการ
เวลาต่อมา
ทีมชันสูตรพลิกศพได้มาถึงที่นั่นและแพทย์ได้ระบุสาเหตุการตายและช่วงเวลาตายของฮัค เฟนดีอย่างคร่าวๆ ว่าหัวใจวายกระทันหัน และตายไปแล้วไม่เกินสองชั่วโมง
ชายคนนี้คือ ฮัค เฟนดีที่เดลตามหาตัว
เดลแปลกใจมาก
ไม่เกิสองชั่วโมง..เป็นไปได้อย่างไรกัน...
เมื่อเขาหักลบเวลาตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องนี้ กลับพบว่ามันพอดีเวลาซึ่งเขาเดินเข้ามาในห้องนี้ บวกลบกันไม่เกินหนึ่งนาที
เขาคิดว่าการระบุเวลาตายยังมีข้อผิดพลาด แต่ถ้าเป็นจริงนั่นหมายความว่า ฮัคตายในเวลาที่เขากำลังแตะเข้าไปแตะไหล่พอดี
ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะก่อนหน้านี้ ฮัคยังนั่งนิ่งที่เก้าอี้อยู่เลย แต่พอถูกเขาแตะไหล่ก็ตายเลยหรือ
มีเรื่องอย่างนี้ด้วยหรือ....
แค่แตะถูกก็ตาย... ไม่มีทางเป็นไปได้...
ไร้สาระ.. ต้องรอยืนยันผลจากห้องแลปอีกครั้ง
เวลานี้เดลรู้สึกว่ากำลังมืดแปดด้านเพราะหลักฐานชิ้นเดียวที่เหลืออยู่ได้หายไปแล้ว
จู่ๆ เขากลับคิดว่า เขานั่นแหละเป็นคนทำให้ชายคนนี้ตายไปในทันทีที่เขาแตะถูกไหล่ เขาพยายามนึกย้อนไปดูว่าทำไมต้องคิดแบบนี้
คิดอะไรบ้าๆ...
ขณะที่ทีมหาหลักฐานกำลังสำรวจไปทั่วห้อง เขากลับนึกขึ้นมาได้ว่า ก่อนหน้าที่เขาจะเข้ามาในห้องนี้ เขาเห็นอะไรบางอย่าง นิมิตส่งภาพเข้ามาแว่บหนึ่งแล้วก็หายไป
ใบหน้าคน...
เขาจำได้แล้วว่าเขาเห็นภาพใบหน้าของชายสองคนแล่นเข้ามาในสมอง ใบหน้าแรกคือชายเจ้าของห้องคนนี้ ฮัค เฟนดี อีกคนคือเด็กหนุ่มอ่อนวัยกว่า
ชายเจ้าของห้องคนนี้กำลังคุยกับเด็กหนุ่มคนนั้น เขาจำหน้าเด็กหนุ่มไม่ได้จึงพยายามใช้สมาธิเค้นเอาใบหน้าเด็กหนุ่มให้ออกมาจากความทรงจำ
“เจ้านั่น...”
เขาถึงกับร้องออกมาเมื่อเห็นใบหน้านั้น
“เอล”
เขาตกใจที่ใบหน้าเด็กหนุ่มคือเอล
เจ้านั่นกับเจ้าคนนี้ หรือว่าสองคนนี้คบคิดกัน ...
เขามองไปที่กล้องส่องทางไกลซึ่งวางแอบอยู่ใต้ผ้าม่านหน้าต่าง เขายังไม่ได้แตะต้องหรือขยับวิถีกล้องจึงมองลงไปในช่องมองเพื่อจะดูว่ากล้องมองไปทิศทางใด
เขาสันนิษฐานในเบื้องต้นว่าเจ้าของห้องใช้กล้องตัวนี้ไว้แอบดูผู้คนในบริเวณนี้เป็นแน่ เมื่อดูจุดซึ่งเป็นวิถีของกล้องก็พบว่ากล้องนั้นเล็งไปยังหน้าห้องพักของใครคนหนึ่ง เมื่อลองเลื่อนมุมกล้องดู จึงพบว่าที่นั่นเป็นหอพักแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณนั้นไปราวสามร้อยเมตร
“หอพักนักเรียนชาย..เซเว่นครับ”
ตำรวจลูกทีมซึ่งใช้กล้องส่องทางไกลยืนส่องดูในวิถีเดียวกันพูดขึ้น
“คนที่ห้องนั้นคือเป้าหมาย..”
เดลพอจะเดาได้แล้วว่าห้องพักนั้นเป็นของใคร เขารู้เพราะว่าได้ไปที่นั่นมาแล้ว
หอพักเซเว่น.. ห้องของเจ้าเอลนั่น...
มันคือหอพักชายซึ่งเอลอาศัยอยู่นั่นเอง มาถึงเวลานี้เขาสามารถปะติดปะต่อเรื่องทั้งหมดได้เกือบหมดแล้ว
“ฮัค เฟนดี อายุสามสิบห้าคือเจ้าของห้องพักนี้ครับ เขาเป็นผู้รับเหมางานด้านไฟฟ้าของโรงเรียนเซนต์แอนเจิ้ลครับ” ตำรวจหนุ่มรายงาน “ประวัติของเขาเมื่อสมัยวัยรุ่นพัวพันกับยาเสพติดและคดีลักขโมยมาแล้วหลายคดี”
เดลมั่นใจแล้วว่าวายร้ายคอยจับตาเอลอยู่ตลอดเวลา และน่าจะเป็นผู้วางแผนเล่นงานเอลและแอนนา แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นแอนนา
เอลไปทำอะไรให้ล่ะ....
เดลหน้าเครียดทันทีเมื่อคิดถึงแอนนา ทำไมต้องทำกับแอนนา
หรือว่าแอนนาชอบเจ้าเอลนั่น..
ไม่น่าจะใช่นะ แอนนาก็เพิ่งย้ายมาเอง หรือว่าเอลแอบชอบแอนนา แล้วเจ้านี่รู้เข้า...
เขารู้สึกเจ็บใจไม่หายที่น้องสาวสุดที่รักโดนทำร้ายเช่นนี้
เจ้าเอลก็มีส่วน.. และถ้าเจ้านี่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด ก็สมควรแล้ว พวกเลวทราม..
เขากำหมัดแน่นด้วยความโกรธ ชำเลืองหางตามองไปที่ศพฮัคจนตำรวจลูกทีมแปลกใจ เขารีบสลัดความโกรธทิ้งเพราะคิดขึ้นได้ว่ากำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ควรเก็บอารมณ์ให้มากกว่านี้ และคงต้องมีหลักฐานมากกว่านี้จึงจะปักใจเชื่อว่า ฮัคคือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด
ในที่สุดเขาก็พบหลักฐานมากมายทั้งวิดีโอเทปและรูปภาพ เขาเห็นภาพของเอลและแอนนาหลายสิบภาพในลิ้นชัก นั่นยิ่งจุดชนวนให้เขารู้สึกโกรธจนระงับอารมณ์ไม่อยู่ เมื่อตำรวจจะหยิบรูปพวกนั้นมาดูเขาจึงแย่งเอามาถือไว้ ตำรวจลูกทีมมีน้อยคนที่รู้ว่าเด็กสาวในรูปหรือน้องสาวของเขา มีภาพลับแอบถ่ายของหญิงสาวมากหน้าหลายตาซึ่งถ่ายเอาไว้เพื่อแบล็คเมล์ นั่นย่อมหมายความว่าฮัค เฟนดีคือพวกมิจฉาชีพตัวร้าย
กรรมตามสนอง..
เดลคิดว่าวายร้ายผู้นี้ได้ชดใช้กรรมไปแล้ว เขารู้สึกโล่งใจที่เห็นคนอันตรายคนหนึ่งได้จบชีวิตลงไป
เขาดูภาพลับๆของเด็กนักเรียนหญิงมากมายที่ถูกแอบถ่ายจากสถานที่ต่างๆ จนไปพบกับภาพลับของเอ็ทในอิริยาบถต่างๆ ทำให้เขาไม่แน่ใจว่าภาพพวกนี้ถ่ายโดยฮัคเพียงผู้เดียว หรือมีเอ็ทร่วมมือด้วย เขาได้ยินจากปากชิลด์ว่ามีคนพูดว่าเอ็ทมีคู่ขาคนหนึ่งเป็นช่างไฟฟ้า แต่เขาไม่มีหลักฐานอันใดยืนยันในความสัมพันธ์ของทั้งคู่
เมื่อเห็นภาพกอดก่ายของทั้งคู่ก็เพียงพอที่จะยืนยันได้ว่า ฮัคและเอ็ทนั้นคือคู่ขาซึ่งมีความสัมพันธ์กันอย่างลับๆ มีความเป็นไปได้สูงที่ทั้งคู่จะร่วมมือกันกระทำเรื่องเลวร้ายนั้นกับเอลและแอนนาน้องสาวของเขาอย่างไม่น่าให้อภัย
สมควรตาย... เขาอุทานเบาๆ ...คนชั่วพวกนี้เมื่อไหร่จะหมดไปจากสังคมเสียทีนะ...
แล้วพวกนี้มันโกรธเกลียดอะไรเจ้านั่นล่ะ
ไม่มีหลักฐานใดใดที่บอกถึงความแค้นส่วนตัวของทั้งคู่กับเอล เขาคิดว่าการหายตัวไปของเอ็ทมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกี่ยวข้องกับฮัค เอ็ทอาจจะถูกฮัคฆ่าปิดปากไปแล้ว ส่วนศพนั้นคงหายไปตลอดกาลพร้อมกับการตายของฮัคผู้นี้
ยังไงเสียก็คงต้องตามตัวเอลมาให้ปากคำด้วยอีกคน
ว่าแต่ว่าตอนนี้มันอยู่ที่ไหนล่ะ...หรือว่าตอนนี้อยู่ในห้องนั้น..
เขารีบไปดูหน้าห้องพักเอลด้วยกล้องส่องทางไกลอีกครั้ง
ความมั่นใจอย่างหนึ่งของเดลคือ เขาเป็นต้นเหตุให้ฮัคผู้นี้เสียชีวิต ทั้งที่ไม่มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มาอธิบายได้เลยสักนิด ที่เขาตามมาถึงห้องพักนี้ได้ก็เพราะเขาได้ค้นพบเครื่องส่งสัญญาณขนาดจิ๋วเครื่องหนึ่งติดตั้งอยู่เหนือฝ้าในห้องน้ำบนตึกเรียน ทางโรงเรียนต้องการปิดเรื่องนี้เป็นความลับจึงได้แจ้งให้เดลพิสูจน์เรื่องนี้อย่างลับๆ เพราะอย่างไรเสียแอนนาน้องสาวของเขาคือผู้เสียหายจากเหตุการณ์ก่อนหน้า และเขาจะแก้ข้อสงสัยทั้งหมดและคืนความถูกต้องให้กับแอนนา
เดลจึงคิดว่าเครื่องส่งสัญญาณเครื่องนั้นต้องมีส่วนพัวพันเกี่ยวข้องกับภาพเหตุการณ์อันอื้อฉาวของเอลและแอนนาในวันนั้นแน่ และเมื่อเขาได้ข้อมูลของฮัคจากผู้อำนวยการโรงเรียนว่าฮัคคือผู้ทำหน้าที่ดูแลคอมพิวเตอร์ทั้งหมดรวมทั้งเครื่องส่งสัญญาณต่างๆในโรงเรียน อุปกรณ์ทุกชิ้นเขาเป็นคนรับเหมาดูแลจัดการให้กับทางโรงเรียน
เขาจึงเดินทางมาหาฮัคที่ห้องพักนี้เพื่อสอบถามความจริง เขาไม่รู้ว่าได้ทำลายแผนการอันชั่วร้ายของฮัคอย่างไม่ตั้งใจ เกมมรณะของฮัคที่ว่าใครถูกแตะต้องตัวก่อนนั้นเป็นความจริง และฮัคได้ถูกเดลแตะตัวก่อนที่ล้องก์เข้าไปแตะตัวเอล
ฮัคจึงพ่ายแพ้เพราะความสับเพร่าของตนเอง เขารีบร้อนจนลืมปิดประตูห้องก่อนที่จะถอดจิตเข้าสู่โลกวิญญาณเพื่อเล่นงานเอล
เรื่องของฮัคและเอ็ทจบลงอย่างเป็นปริศนาคาใจของเดล หลังจากนี้ไม่มีใครได้พบคนทั้งสองอีกไม่ว่าบนโลกนี้หรือโลกมิติใดใดในจักรวาลนี้
..............................................................................................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ