เอล คนทะลุมิติ chapter 1
เขียนโดย pong43
วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.34 น.
แก้ไขเมื่อ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556 20.29 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
2) เอล คนทะลุมิติ ตอนที่ 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเฮเว่นเกต
กฏเหนือโลกควบคุมวิถีชีวิตของมนุษย์และพลังอำนาจต่างๆ ทั้งบนโลกมนุษย์และโลกต่างมิติอื่นๆ
8.06 น. ของเช้าวันหนึ่ง ที่โรงเรียนเซนต์แองเจิล โรงเรียนมัธยมชื่อดังแห่งหนึ่ง
นี่เป็นช่วงเวลาก่อนเข้าเรียนในคาบแรกของวันนี้ ที่ห้องเรียนซีซึ่งเป็นห้องเรียนมัธยมปีที่สอง บนชั้นสามของตึกเอ ตึกหลังแรกซึ่งอยู่ใกล้หน้าประตูโรงเรียนที่สุด ห้องเรียนนี้เป็นห้องเรียนใหญ่จุนักเรียนได้ถึงสี่สิบคน
ที่โต๊ะเรียนด้านติดหน้าต่างตัวที่สี่จากกระดานดำเป็นที่นั่งของเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง ผมดำยาวถึงไหล่ แต่งกายผิดแผกจากเด็กนักเรียนทั่วไปซึ่งใส่สูทผูกไทค์ เขากลับไม่ผูกไทค์และใส่สูท เสื้อก็ยังปล่อยลอยชายผิดระเบียบ
เด็กหนุ่มเป็นเพียงไม่กี่คนที่ไม่ย้อมสีผมตามแฟชั่น ผมของเขาดำสลวยสวยงาม แต่เด็กเกินครึ่งห้องกลับตัดผมทรงแปลกๆ และย้อมสีสันต่างๆ นานา เขานั่งเอนหลังเหยียดขาตรงยันไปข้างหน้าหลับตาพริ้ม การนั่งหลับตาแบบนี้เป็นบุคลิกประจำตัวของเขาซึ่งเพื่อนในห้องต่างชินตาและเข้าใจในตัวตนของเขาดี เด็กหนุ่มเป็นคนเก็บตัวไม่ค่อยชอบจะสุงสิงพูดคุยอะไรกับใครนอกจากเพื่อนสองคนที่สนิทที่สุด เขาไม่คิดจะสนิทกับใครแม้กระทั่งพวกสาวหน้าตาน่ารักที่นั่งกันอยู่เต็มห้อง
ช่วงที่ครูยังไม่มาถึงห้อง เสียงพูดคุยอื้ออึงของเด็กทั้งห้องเป็นเรื่องธรรมดา
จู่ๆ พ๊อคเก็ตบุ๊คเล่มหนาเล่มหนึ่งก็วางดังตึงบนโต๊ะนั้น
เด็กหนุ่มเจ้าของโต๊ะก็ยังคงหลับตานิ่ง
“ไม่สนใจเหรอ”
เสียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นตรงหน้า
“เห็นทวงทุกวัน ก็เลยซื้อมาคืนไง”
เด็กหนุ่มชำเลืองตามองพ๊อคเก็ตบุ๊คเล่มนั้นแว่บหนึ่ง มองไปที่หน้าปกซึ่งเขียนชื่อว่า “Heaven Gate” เฮเว่นเกตคือชื่อของนิยายแนวลึกลับเขย่าขวัญเรื่องดังซึ่งกำลังเป็นที่กล่าวขวัญของผู้คนทั่วบ้านทั่วเมือง
“ไม่ขอบใจฉันเลยเหรอ” เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลยืนเท้าสะเอว “เอลนายฟังอยู่หรือเปล่า”
เด็กหนุ่มซึ่งถูกเรียกว่า เอล เขาคือผู้แปลกแยกเพียงไม่กี่คนของโรงเรียนเซนต์แองเจิลแห่งนี้ มีคนตั้งฉายาเขาว่าผู้ที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร
เอลลืมตาเงยหน้ามองเพื่อน
“ไม่มีมารยาทเลยนะลองก์”
เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลถูกเรียกว่าลองก์
“ไม่มีมารยาทเหรอ อุตส่าห์ซื้อของให้ ยังมาว่าอีก”ลองก์ร้องลั่น
“ใครสั่งให้นายซื้อปกแข็ง” เอลโวย แต่กลับอมยิ้มเพราะรู้สึกพอใจกับหนังสือ
“ไม่ต้องแกล้งโวย” ลองก์หย่อนก้นนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ ซึ่งเป็นที่นั่งประจำของตน ขณะที่เอลหยิบพ๊อคเก็ตบุ๊คเล่มนั้นขึ้นมาเปิดดูอย่างพินิจพิเคราะห์
“งั้นก็ขอบใจนะ”
“ต่อไปฉันไม่กล้ายืมอะไรของนายแล้ว”
“ใครสั่งให้ทำหายล่ะ”
ทั้งคู่นั่งติดกันเสมอตั้งแต่มัธยมต้น ทะเลาะกันอยู่บ่อยๆแต่ไม่เคยโกรธกันข้ามวันสักครั้ง
“ยืมอะไรก็ทำหายทุกทีสิน่า”
“ก็ของมันจะหาย ใครจะไปรู้ล่วงหน้าล่ะ” ลองก์พูดเรื่อยเปื่อย
“ตอนจบมันยังไงๆ ไม่รู้นะ ทิ้งท้ายเหมือนกับจะมีตอนต่อ..” ลองก์พูดขึ้น
“จะมีตอนต่อได้ไง คนเขียนกำลังจะโดนประหารอยู่แล้ว”
เอลอึ้งไปนิด ก่อนจะรำพึงรำพัน “ตอนนี้ลีโอเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้...”
“จนป่านนี้นายยังเชื่อว่าลีโอบริสุทธิ์อยู่อีกเรอะ...” ลองก์พูดแทรกขึ้น
“ก็บอกแล้วไงว่าคดีของลีโออาจเป็นการเข้าใจผิด...”
“ตอนนี้ยอดขายพุ่งกระฉูดเป็นอันดับหนึ่งมาสามเดือนแล้ว..” ลองก์พูดอย่างแปลกใจ คนเขียนหนังสือถูกพิพากษาให้ประหารชีวิตแต่หนังสือกลับขายดีเป็นเบสต์เซลเลอร์แห่งปี
“ดังเป็นพลุแตก ทั้งที่ใกล้ตาย เจ้าของโรงพิมพ์รับเละ..”
“เขาฆ่าโซเฟียร้อยเปอร์เซนต์ รับรองสิ” จังก์ซึ่งนั่งอยู่ด้านหลังของเอลพูดแทรกมาอีกคน
“ยุ่งอะไรด้วย”
จู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “นักเรียนทุกคนเคารพครูแฟรงค์” เสียงหัวหน้าห้องดังลั่นทำให้เด็กนักเรียนทุกคนตื่นตัวลุกขึ้นทำความเคารพ
“สวัสดีครับคุณครู” “สวัสดีค่ะคุณครู”
เด็กนักเรียนทั้งห้องลุกขึ้นโค้งทำความเคารพคุณครูแฟรงค์ร่างท้วมไว้หนวดเรียวโดยพร้อมเพรียงกัน
เอลเก็บหนังสือนิยายเล่มโปรดลงกระเป๋าก่อนจะพึมพำขึ้น
“ลีโอ บัสโซ่..นายต้องไม่ใช่ฆาตกรนะ”
…………………………………………………………………..
ปีศาจฆาตกร
ตีสองยี่สิบนาที
ณ เรือนจำกลางซึ่งตั้งอยู่ในเขตโอลด์ทาวน์เมืองเก่าซึ่งสร้างขึ้นมาพร้อมๆกับเมืองนี้เมื่อห้าสิบปีที่แล้วเรือนจำกลางนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก เป็นที่คุมขังนักโทษมากกว่าสองพันคน นักโทษประหารคนดัง ลีโอ บัสโซ่ ก็อยู่ที่นี่ด้วย เขาอยู่ที่ห้อง 505 แดนสี่
ลีโอนอนจ้องมองดวงจันทร์เต็มดวงลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้านอกหน้าต่างมีลูกกรงกั้นอยู่ มันทอแสงนวลสวยงามจับใจผู้พบเห็น
ชายหนุ่มกำลังคิดถึงอดีตอันแสนสุข ความสุขที่ไม่มีวันหวนกลับมาเหมือนเดิมได้อีกแล้ว หลังเกิดเหตุ เขาเคยคิดว่าจะได้พ้นมลทินอย่างผู้บริสุทธิ์เพราะเขาไม่ได้เป็นคนทำเรื่องเลวร้ายนั้น แต่มาถึงวันนี้เขายอมแพ้ต่อโชคชะตาอันแสนอัปยศนั้นแล้ว มันช่างปวดร้าวใจเพียงใดที่ต้องทำใจยอมรับข้อกล่าวหาทั้งที่ไม่ได้ทำ
“โซเฟีย...”
เขาเรียกชื่อภรรยาผู้ล่วงลับซึ่งใครๆ คิดว่าเขาเป็นคนสังหารเธออย่างเลือดเย็น
จู่ๆ ก็รู้สึกว่ามีใครบางคนมายืนอยู่ที่หน้าห้อง
ผู้คุม....ผู้คุมหน้าเข้มใส่แว่นตาดำคนหนึ่งยืนอยู่หน้าห้องจริงๆ
ลีโอรีบหันหลังให้ประตู ผู้คุมเปิดช่องมองที่ประตูมองลอดเข้ามา ก็คิดว่าเขากำลังหลับอยู่
“หลับแล้วหรือลีโอ” ผู้คุมพูดขึ้น
ลีโอไม่ตอบ
“กำลังคร่ำครวญถึงอดีตที่ไม่มีวันหวนคืนหรือ”
“...........” ลีโอตาลุกวาว แต่นิ่งเงียบไม่พูดอะไร
“ฆ่าหญิงชั่วนั่นเป็นเรื่องสมควรแล้วมิใช่หรือ คนทรยศตายไปได้ก็ดีแล้วนี่นา”
“หุบปากได้แล้ว” ลีโอลุกขึ้นหันกลับไปตวาดด้วยความโมโห “หุบปากซะ”
“ยังไงเจ้าก็ล้างเลือดที่เปื้อนมือออกไม่หมดหรอก”
ลีโอลุกขึ้นยืนตะโกนลั่น “...ฉันไม่ได้ฆ่าโซเฟีย “
“ไม่รู้สึกเลยหรือไงว่าชีวิตของเจ้าเหมือนในนิยายที่เจ้าเขียนขึ้นไม่ผิดเพี้ยน”
“นิยาย........”
ลีโอยืนตะลึง มันแทงใจดำของเขา เพราะเขาก็รู้สึกเช่นนั้น ยังเคยคิดเลยว่าเขาเขียนอนาคตของตนเองไว้ในหนังสือหรืออะไรกัน หรือไม่ก็มีใครจงใจสร้างเรื่องเลวร้ายให้เหมือนในนิยายนั่น มันอาจจะเป็นไปได้ทั้งสองอย่าง แต่นั่นเป็นเรื่องไร้สาระแท้ๆ ใครจะทำกับเขาแบบนั้น และทำไปทำไมกัน เขาทำให้ใครเจ็บแค้นอย่างนั้นหรือ
“เคยคิดหรือไม่ว่าเฮเว่นเกตเขียนจากชีวิตจริงของเจ้าเอง”
“แกพูดบ้าอะไรของแก”
ลีโออึ้ง เขารู้สึกว่าคนที่อยู่หลังประตูนั้นทำไมรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แล้วสรรพนามที่เจ้านั่นใช้ก็ดูแปลกๆพิกล จู่ๆ เขาก็รู้สึกหูอื้อ ความคิดสับสนว่าหูแว่วไปเอง ที่จริงที่หลังประตูนั่นไม่มีใคร เขาไม่ได้คุยกับใคร เขาคุยกับตัวเอง
“เจ้ากำลังคุยกับข้า ผู้กำหนดชีวิตของเจ้ายังไงล่ะ”
เขาได้ยินเต็มสองหูนี่นา เขาไม่ได้คุยกับตัวเอง
“เฮเว่นเกตเขียนเจ้า มิใช่เจ้าเขียนเฮเว่นเกต”
“แกเป็นใครกันแน่ ทำไมรู้เรื่องนี้” ลีโอร้องอย่างสับสน
“นิยายนั่นฉันเป็นคนแต่งขึ้นมาเองกับมือ”
“แสดงว่าเจ้าไม่รู้ความลับของเฮเว่นเกตจริงๆ”
ลีโอก้าวเท้าเดินไปเกาะประตู
“แกคือใคร บอกฉันมานะ เฮเว่นเกตมีอะไรหรือ มันมีความลับอะไร” เขามองที่ช่องมองแต่ก็มองไม่เห็นใคร
“หรือว่าแกคือคนๆนั้น...” ลีโอตาเหลือกโพลงเมื่อคิดถึงคนที่เขาพูดถึง “จะเป็นไปได้ยังไง แกไม่มีตัวตนนี่นา...ฉันเขียนแกขึ้นมานี่นา..”
ลีโอได้ยินเสียงรองเท้าของชายลึกลับเหมือนกำลังจะเดินจากไป
“แกไม่ใช่คนๆ นั้น.. แกไม่มีตัวตน อย่าเพิ่งไปสิ กลับมาก่อน”
ลีโอทุบประตูไปสองสามที เขาไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าแล้ว “หรือว่าแกคือปีศาจ” แต่ใจของเขากลับบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ไม่มีปีศาจหรอก
“อย่าเพิ่งไปนะไอ้บ้า” ลีโอทุบประตูและร้องลั่น จู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากห้องตรงข้าม
“คนจะนอน หนวกหูจริงๆเว้ย ถ้ายังไม่หยุดส่งเสียง แกเจอดีแน่ลีโอ”
เสียงนั้นทำให้ลีโอชะงักมือค้าง ไม่กล้าทุบประตูอีก
เขากำลังคิดถึงโซเฟีย เธอช่วยเขาแต่ง เฮเว่นเกต เขารักเธอ เขานึกถึงภาพของเธอในอ้อมกอด เขายังจำภาพนั้นได้ดี เขาไม่มีทางฆ่าเธอหรอก มีคนใส่ร้ายเขา ไอ้คนที่วางแผนใส่ร้ายเขาต้องเป็นคนที่อยู่ข้างนอกนั่นแน่
“ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่ได้ฆ่าเธอนะ ฉันไม่ได้ฆ่าเธอ ปีศาจต่างหากที่ฆ่าเธอ มันฆ่าเธอ”
ลีโอคลุ้มคลั่งร้องลั่นออกมา เมื่อหวนคิดถึงอดีตอันหวานชื่น เขามักออกอาการเช่นนี้เสมอ เขาจะร้องไห้คร่ำครวญเหมือนคนเสียสติ ทันใดนั้นที่ช่องมองประตูก็เปิดขึ้น ดวงตาคู่หนึ่งมองลอดผ่านช่องมองนั้นเข้ามา
“นี่มันครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่แกกวนประสาทชาวบ้านกลางดึก”
ลีโอเริ่มได้คิด เขาหันหลังเดินกลับไปหย่อนตัวลงนอนที่เตียงอีกครั้ง แต่ก็ยังพึมพำอยู่ในลำคอ
“ฉันไม่ได้ฆ่าเธอ...”
“นอนได้แล้ว บ่นไปจะได้ประโยชน์อะไร ไม่ว่าใครจะฆ่าเธอ ก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้วรู้มั้ย”
พูดจบผู้คุมก็ปิดช่องมองและเดินจากไป
“นอน ทุกคนนอนต่อกันได้แล้ว”
ผู้คุมเดินไปถึงประตูกั้นแดนก่อนจะปิดประตูเสียงดัง
ลีโอกลับคิดขึ้นได้ว่าผู้คุมคนนี้ไม่น่าจะใช่ผู้คุมคนแรกนั้น หรือว่าเจ้าคนแรกคือปีศาจจริงๆ
................................................................................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ