เอล คนทะลุมิติ chapter 1
-
เขียนโดย pong43
วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.34 น.
48 ตอน
0 วิจารณ์
56.21K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556 20.29 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
14) เอล คนทะลุมิติ ตอนที่ 14
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเงาดำ
“อีกไม่นานก็จะถึงวันประหารชีวิตลีโอ บัสโซ่ฆาตกรซึ่งได้กระทำการอันเหี้ยมโหดไร้ความปราณี แต่ยังมีผู้คนอีกมากที่ยังคงกังขาว่าเขาได้ทำเรื่องเลวร้ายนั้นจริงหรือไม่ จึงเป็นที่ถกเถียงกันว่าที่จริงแล้วเขาสมควรที่จะได้รับการลงโทษตามกฏหมายบ้านเมืองหรือไม่ ถึงแม้ว่าได้รับการตัดสินให้ได้รับโทษที่รุนแรงแล้วก็ตาม เป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่ว่าทำไมลีโอจึงไม่คิดอุทธรณ์หรือนั่นเป็นเพราะว่าเขาสำนึกผิดและต้องการรับโทษประหารนั้นด้วยความเต็มใจแล้ว”
เอลนั่งดูทีวีซึ่งกำลังรายงานข่าว ซึ่งนักข่าวหนุ่มกำลังยืนรายงานอยู่จากมุมหนึ่งใกล้ประตูเรือนจำกลาง แต่จู่ๆ ทีวีก็ดับวูบลง จนเขาอารมณ์เสีย
“พังอีกแล้วเหรอเนี่ย…”
เอลตบที่ด้านข้างทีวีอย่างแรง ภาพจึงปรากฏขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
“ยอด...”
เอลสั่นศีรษะให้กับทีวีเครื่องนี้ มันอายุมากแล้วจึงใช้การไม่ค่อยได้ แต่เขายังไม่มีเงินซื้อเครื่องใหม่ เขาชมอยู่เสมอว่าเจ้าเครื่องนี้ทนทายาททีเดียว ตั้งแต่ใช้มาเขาซ่อมแซมมันเพียงสองสามครั้ง มันมีอายุนับห้าสิบปีเป็นของรักของคุณปู่ของเขา พ่อบอกว่าปู่รักทีวีเครื่องนี้มาก มันเป็นทีวีเครื่องสุดท้ายไม่กี่เครื่องที่ยังหลงเหลืออยู่ในโลกยุคนี้
แต่ยังไงเสียเอลก็ยังแอบสนใจทีวีขนาด 50 นิ้วรุ่นพิเศษที่สามารถรับสัญญาณโทรทัศน์ได้จากทั่วโลกโดยไม่ต้องติดจานดาวเทียม เขากะว่าต้องทำงานพิเศษจึงสามารถผ่อนมันได้
“จบรายงานข่าวด่วน รายงานโดยเบน เอฟเวอร์เรส สำนักข่าววินฟาส”
ภาพข่าวตัดกลับไปยังห้องส่ง เสียงนักข่าวในห้องส่งรายงานข่าวอื่นต่อ แต่เอลกลับหันไปสนใจที่บอร์ดบนผนังเหนือโต๊ะทำงาน มีรูปภาพที่ตัดจากหนังสือพิมพ์บ้าง พิมพ์มาจากอินเตอร์เนตบ้างติดด้วยหมุดอยู่ทั่วบอร์ด มันคือข้อมูลรูปภาพและข่าวทั้งหมดเกี่ยวกับคดีของลีโอทั้งสิ้น
จะยอมรับชะตากรรมแล้วเหรอลีโอ...
บนโต๊ะทำงานของเขามีหนังสือคอสโมทรีโอนิตยสารบันเทิงซึ่งออกวางจำหน่ายเมื่อสองปีที่แล้วในนั้นมีบทสัมภาษณ์ลีโอ บัสโซ่ในมุมมองความรักที่มีต่อภรรยานักออกแบบโซเฟีย บัสโซ่ ตอนนั้นลีโอได้รับรางวัลนักเขียนนวนิยายดีเด่นแห่งปี งานของลีโอได้รางวัลมาแล้วสองปีซ้อน นั่นทำให้แฟนๆของเขาถึงกับทึ่งเป็นอย่างมาก
เอลเปิดค้างไว้ที่บทสัมภาษณ์ของลีโอที่ให้ไว้ก่อนที่จะเกิดคดีฆาตกรรมไม่นานนัก และนั่นคือช่วงเวลาสูงสุดในชีวิตของลีโอก่อนที่เหตุการณ์ชั่วข้ามคืนได้พลิกผันทำลายชีวิตของเขาให้พังทลายย่อยยับลงไป ลีโอให้สัมภาษณ์ไว้ว่าโซเฟียนั้นคือผู้อยู่เบื้องหลังงานเขียนของเขามาตั้งแต่ต้น ถ้าไม่มีเธอก็คงไม่มีเขา ความสำเร็จและชื่อเสียงนั้นมาจากภรรยาสุดที่รักทั้งสิ้น เขารักเธอมากและจะไม่มีสิ่งใดมาพรากความรักของเขากับเธอได้
ความตายเท่านั้นที่จะพรากทั้งคู่ได้
คู่รักคู่นี้ยังได้รับการโหวตจากนิตยสารคอสโมทรีโอว่าเป็นคู่รักแห่งปีเลยทีเดียว ผู้คนจึงตั้งคำถามกันมาตลอดว่า คนที่รักกันเช่นนี้จะทำร้ายกันได้ลงคอเชียวหรือ
เอลตั้งใจจะนำเอาบทสัมภาษณ์นี้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของรายงาน เขาเงยหน้าขึ้นมองรูปของลีโอขนาดโปสการ์ดซึ่งมีหมุดปักอยู่ที่บอร์ด
ถ้านายไม่ได้ฆ่า แล้วใครฆ่าล่ะ.. อาจจะมีใครที่โกรธแค้นนายและฆ่าเมียนาย...ใส่ร้ายนายเพื่ออันใดกัน...
เอลกำลังวาดภาพในสมอง เป็นภาพของชายลึกลับคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆ ศพของโซเฟีย มันมองไปที่ร่างไร้วิญญาณของเบนเพื่อนของโซเฟีย เมื่อได้ยินเสียงประตูด้านล่างดังขึ้น มันจึงรีบปีนออกไปทางหน้าต่างห้องนอน คนที่กลับเข้ามาในบ้านคือลีโอ เมื่อเขาเดินขึ้นไปบนห้องก็พบกับร่างไร้วิญญาณทั้งสอง เขาตกใจสุดขีดร้องเสียงหลงวิ่งเข้าไปที่ร่างของเมียรัก...
เอลสลัดความคิดนั้นทิ้งและกลับสู่โลกแห่งความจริง เขาหยิบหนังสือเฮเว่นเกตเล่มหนามามองหน้าปก
หรือว่านายถูกใส่ร้ายจริงๆ แต่หลักฐานทุกอย่างมันปรักปรำนายจนดิ้นไม่หลุดนี่นา..
ที่จริงภาพความคิดของเอลนั้นไม่ได้มาจากความคิดของเขาเสียทีเดียว มันมาจากหนังสือเฮเว่นเกต เป็นฉากหนึ่งในนั้นซึ่งผลักดันให้ตัวเอกของเรื่องต้องโทษประหารชีวิตเช่นกัน
เขาคิดไม่ตกว่าทำไมตัวเอกในเรื่องถึงประสบชะตากรรมเดียวกับลีโอในขณะนี้ จะพูดแบบนั้นคงไม่ใช่ น่าจะพูดว่าทำไมลีโอถึงได้ประสบชะตากรรมเดียวกันกับตัวเอกในเรื่องเสียมากกว่า แม้จะไม่เหมือนเปี้ยบ แต่ก็เหมือนมาก มีแฟนนิยายจำนวนมากคิดเช่นเดียวกันนี้ นั่นแสดงว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับลีโอนั้นเกี่ยวพันกับเฮเว่นเกต อาจจะเป็นไปได้ว่าชะตากรรมของลีโอถูกใครสักคนทำให้เหมือนกับนิยาย แล้วใครกันล่ะเป็นคนสร้างเรื่องพวกนี้ขึ้นมา เจ้าคนๆนั้นมันทำบ้าอะไรกัน
หรือว่าลีโอมีนิมิตเห็นอนาคตและเขียนเรื่องราวของตนเองใส่ลงไปในเฮเว่นเกต เหมือนคำพูดของลองก์ที่ว่า “คนร้ายอาจต้องการจะทำให้ลีโอเป็นเหมือนในเฮเว่นเกต”
มันต้องการทำลายลีโอ ลีโอมีศัตรูที่ไหนอีกล่ะ เอลคิดไม่ออก ตัวเอก อันโดล ซึ่งโดนอำนาจลึกลับเล่นงานใส่ร้ายเขาว่าเป็นผู้ก่อเหตุฆาตกรรมภรรยาและชายชู้ การฆาตกรรมสยองในบ้านของอันโดลในเฮเว่นเกตถูกจัดฉากให้เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับลีโอ การลงมือฆาตกรรมด้วยอาวุธแบบเดียวกัน ตำแหน่งที่ถูกแทงก็เหมือนกัน ต่างกันที่โซเฟียตายในห้องนอน ส่วนมาเรียภรรยาอันโดลตายในห้องครัว ทั้งหมดเกิดขึ้นจากฝีมือปีศาจชั่วร้ายตนหนึ่ง ปีศาจซึ่งมีอำนาจเหนือมนุษย์ มันสิงสู่ในร่างมนุษย์ และก็ใช้ร่างนั้นทำเรื่องเลวร้ายมากมายเพื่อให้ได้ในอำนาจแห่งเฮเว่นเกต
เป็นไปได้หรือไม่ที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลีโอนั้นเกิดจากฝีมือปีศาจ หรือว่าปีศาจมีอยู่จริงบนโลก พวกเหนือมนุษย์ที่เฮเว่นเกตพูดถึงยังมีอยู่เลย เขาคือประจักษ์พยานนั้น แม้ไม่เคยเผชิญหน้ากับปีศาจซึ่งๆหน้ามาก่อน เขาก็ยังรู้สึกหวาดหวั่น เขากำลังนึกไปถึงอะไรบางอย่างซึ่งไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่าอะไรดี
เงาดำลึกลับ...
เขาเคยเห็นเงาดำน่ากลัวในโลกต่างมิติ ขณะที่เขาได้พบกับจิตหลงทางจิตหนึ่ง เด็กสาวอายุน้อยกว่าเขาแต่งกายในชุดนักเรียนมัธยมต้น ผมสีทองตาสีฟ้ากำลังวิ่งมาหาเขา
“ช่วยด้วย...”
เด็กสาววิ่งเข้ามาเกาะกุมแขนเขาเอาไว้ เขารีบสะบัดมือของเธอทิ้งแล้วร้องว่า
“เธอเป็นใคร”
เด็กสาวเมื่อถูกสะบัดแบบนั้นจึงถอยห่างจากเอล ก่อนจะถามขึ้น
“แล้วเธอล่ะเป็นใคร ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่”
“เธอวิ่งหนีอะไรมา” เอลถาม
“เงาดำนั่น” เด็กสาวชี้ขึ้นไปเหนือศีรษะ เอลมองตามขึ้นไปก็ถึงกับตกตะลึง
เงาดำ...เงาดำร่างเหมือนมนุษย์ในชุดคลุมศีรษะมองไม่เห็นหน้าตา แผ่คลุมบรรยากาศเหนือศีรษะจนทั่ว
“อะไรกัน”
“ไม่รู้สิ มันตามฉันมา”
เงาดำนั้นเคลื่อนไหวเหมือนผ้าคลุมพลิ้วคล้ายโดนลมแรงพัด แต่เอลกลับไม่สัมผัสกับลมสักนิด
“เธอเป็นใคร..”
มันคือคำถามยอดฮิตซึ่งเอลมักถามพวกจิตหลงทางอยู่เสมอ แต่เขาไม่เคยได้รับคำตอบ
“ไม่รู้ ฉันไม่รู้..รู้แต่ว่าฉันกลัวเงาดำนั่น..”
พวกมนุษย์ เธอคนนี้เป็นจิตมนุษย์ ดูการแต่งกายนั้นเหมือนเด็กมัธยมทางฝั่งยุโรป เขามองขึ้นไปเหนือศีรษะก็พบว่าเงาดำนั้นเริ่มเคลื่อนไหว แต่เมื่อมันเคลื่อนไหวก็กลับกลายเป็นป้านดำแผ่ขยายไปทั่วและหายไปจากสายตาในทันที
“มันจะเล่นงานฉัน ช่วยฉันด้วย” เด็กสาวกลัวลนลานหันหลังมาชนหลังเอล
“เล่นงานอะไร ฉันไม่เห็นอะไรสักนิด”
เอลจับมือของจิตนั้นไว้ ทำให้เด็กสาวคลายความหวาดกลัวได้เล็กน้อย เขากวาดสายตามองไปรอบๆ
“ไม่เห็นมีอะไรเลย”
“มันอยู่ตรงนั้น” เด็กสาวหันมากอดเอลไว้และชี้สะเปะสะปะไปทั่ว
“ปีศาจอยู่ตรงนั้น มันอยู่ตรงนั้น”
เด็กสาวร้องอย่างเสียขวัญซุกหน้าไว้ที่อกของเอล นอกจากไมอิน้องสาวแล้วก็ยังไม่เคยมีใครมากอดเขาแน่นแบบนี้ เอลพยายามสะบัดเธอออกแต่ยิ่งสะบัดยิ่งรัดแน่นเข้าไปอีก
“บ้าน่าไม่เห็นมีอะไรเลย”
เด็กสาวเปิดตามอง
“มันมี มันอยู่ตรงนั้น”
ทันใดนั้นเงาดำก็วูบไหวขึ้นรอบตัวไปมา ไม่ยอมปรากฏตัวตนที่แท้จริงออกมา ที่สุดมันก็หายไป แม้เอลจะเห็นเงาดำนั้นแต่ก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่ามันคือปีศาจเสียทีเดียว แต่ทำไมเด็กคนนี้ถึงได้กลัวนัก
“ช่วยด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
เธอแผดเสียงร้องลั่นและพริบตานั้นร่างของเธอก็หายวับไปจากการเกาะกุมของเอล ร่างที่กอดเขาไว้เมื่อครู่กลายเป็นความว่างเปล่า เมื่อมองหาเงาดำนั้นก็ไม่พบกับเห็นอีก เขายืนนิ่งตัวแข็งค้างในโลกพิศวงนั้นด้วยความแปลกใจ
“นี่มันอะไรกันนี่”
จิตของเด็กสาวจากไปโดยทิ้งปริศนาเอาไว้เช่นเดิม หากมีพวกปีศาจจริงทำไมเขาจึงมองไม่เห็น วิทยาการใดใดบนโลกไม่ยอมรับเรื่องภูติผีปีศาจเพราะถือว่าเป็นเรื่องที่อยู่เหนือการพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์
แต่ถ้ามีมนุษย์พิเศษแบบเรา มีจิตมนุษย์ซึ่งดับสูญจากโลก ก็ต้องมีอะไรที่คาดไม่ถึงอีกมากมายบนโลกนี้ได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะปริศนาโลกต่างมิติที่เรามองเห็นแต่ไปไม่ถึงที่สุดนั่น
เอลกลับนิยายเฮเว่นเกตไปที่หลังปก เขาเห็นคำโปรยหลังปกนิยายเฮเว่นเกตที่เขียนเอาไว้ว่า
“อาถรรพณ์อาจซ่อนอยู่ในหนังสือเล่มนี้ จงอ่านมันอย่างระมัดระวัง”
ฉันอยากเจอพวกแกจริงๆ ออกมาให้เห็นหน้าบ้างสิ...เจ้าพวกปีศาจ
..............................................................................
“อีกไม่นานก็จะถึงวันประหารชีวิตลีโอ บัสโซ่ฆาตกรซึ่งได้กระทำการอันเหี้ยมโหดไร้ความปราณี แต่ยังมีผู้คนอีกมากที่ยังคงกังขาว่าเขาได้ทำเรื่องเลวร้ายนั้นจริงหรือไม่ จึงเป็นที่ถกเถียงกันว่าที่จริงแล้วเขาสมควรที่จะได้รับการลงโทษตามกฏหมายบ้านเมืองหรือไม่ ถึงแม้ว่าได้รับการตัดสินให้ได้รับโทษที่รุนแรงแล้วก็ตาม เป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่ว่าทำไมลีโอจึงไม่คิดอุทธรณ์หรือนั่นเป็นเพราะว่าเขาสำนึกผิดและต้องการรับโทษประหารนั้นด้วยความเต็มใจแล้ว”
เอลนั่งดูทีวีซึ่งกำลังรายงานข่าว ซึ่งนักข่าวหนุ่มกำลังยืนรายงานอยู่จากมุมหนึ่งใกล้ประตูเรือนจำกลาง แต่จู่ๆ ทีวีก็ดับวูบลง จนเขาอารมณ์เสีย
“พังอีกแล้วเหรอเนี่ย…”
เอลตบที่ด้านข้างทีวีอย่างแรง ภาพจึงปรากฏขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
“ยอด...”
เอลสั่นศีรษะให้กับทีวีเครื่องนี้ มันอายุมากแล้วจึงใช้การไม่ค่อยได้ แต่เขายังไม่มีเงินซื้อเครื่องใหม่ เขาชมอยู่เสมอว่าเจ้าเครื่องนี้ทนทายาททีเดียว ตั้งแต่ใช้มาเขาซ่อมแซมมันเพียงสองสามครั้ง มันมีอายุนับห้าสิบปีเป็นของรักของคุณปู่ของเขา พ่อบอกว่าปู่รักทีวีเครื่องนี้มาก มันเป็นทีวีเครื่องสุดท้ายไม่กี่เครื่องที่ยังหลงเหลืออยู่ในโลกยุคนี้
แต่ยังไงเสียเอลก็ยังแอบสนใจทีวีขนาด 50 นิ้วรุ่นพิเศษที่สามารถรับสัญญาณโทรทัศน์ได้จากทั่วโลกโดยไม่ต้องติดจานดาวเทียม เขากะว่าต้องทำงานพิเศษจึงสามารถผ่อนมันได้
“จบรายงานข่าวด่วน รายงานโดยเบน เอฟเวอร์เรส สำนักข่าววินฟาส”
ภาพข่าวตัดกลับไปยังห้องส่ง เสียงนักข่าวในห้องส่งรายงานข่าวอื่นต่อ แต่เอลกลับหันไปสนใจที่บอร์ดบนผนังเหนือโต๊ะทำงาน มีรูปภาพที่ตัดจากหนังสือพิมพ์บ้าง พิมพ์มาจากอินเตอร์เนตบ้างติดด้วยหมุดอยู่ทั่วบอร์ด มันคือข้อมูลรูปภาพและข่าวทั้งหมดเกี่ยวกับคดีของลีโอทั้งสิ้น
จะยอมรับชะตากรรมแล้วเหรอลีโอ...
บนโต๊ะทำงานของเขามีหนังสือคอสโมทรีโอนิตยสารบันเทิงซึ่งออกวางจำหน่ายเมื่อสองปีที่แล้วในนั้นมีบทสัมภาษณ์ลีโอ บัสโซ่ในมุมมองความรักที่มีต่อภรรยานักออกแบบโซเฟีย บัสโซ่ ตอนนั้นลีโอได้รับรางวัลนักเขียนนวนิยายดีเด่นแห่งปี งานของลีโอได้รางวัลมาแล้วสองปีซ้อน นั่นทำให้แฟนๆของเขาถึงกับทึ่งเป็นอย่างมาก
เอลเปิดค้างไว้ที่บทสัมภาษณ์ของลีโอที่ให้ไว้ก่อนที่จะเกิดคดีฆาตกรรมไม่นานนัก และนั่นคือช่วงเวลาสูงสุดในชีวิตของลีโอก่อนที่เหตุการณ์ชั่วข้ามคืนได้พลิกผันทำลายชีวิตของเขาให้พังทลายย่อยยับลงไป ลีโอให้สัมภาษณ์ไว้ว่าโซเฟียนั้นคือผู้อยู่เบื้องหลังงานเขียนของเขามาตั้งแต่ต้น ถ้าไม่มีเธอก็คงไม่มีเขา ความสำเร็จและชื่อเสียงนั้นมาจากภรรยาสุดที่รักทั้งสิ้น เขารักเธอมากและจะไม่มีสิ่งใดมาพรากความรักของเขากับเธอได้
ความตายเท่านั้นที่จะพรากทั้งคู่ได้
คู่รักคู่นี้ยังได้รับการโหวตจากนิตยสารคอสโมทรีโอว่าเป็นคู่รักแห่งปีเลยทีเดียว ผู้คนจึงตั้งคำถามกันมาตลอดว่า คนที่รักกันเช่นนี้จะทำร้ายกันได้ลงคอเชียวหรือ
เอลตั้งใจจะนำเอาบทสัมภาษณ์นี้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของรายงาน เขาเงยหน้าขึ้นมองรูปของลีโอขนาดโปสการ์ดซึ่งมีหมุดปักอยู่ที่บอร์ด
ถ้านายไม่ได้ฆ่า แล้วใครฆ่าล่ะ.. อาจจะมีใครที่โกรธแค้นนายและฆ่าเมียนาย...ใส่ร้ายนายเพื่ออันใดกัน...
เอลกำลังวาดภาพในสมอง เป็นภาพของชายลึกลับคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆ ศพของโซเฟีย มันมองไปที่ร่างไร้วิญญาณของเบนเพื่อนของโซเฟีย เมื่อได้ยินเสียงประตูด้านล่างดังขึ้น มันจึงรีบปีนออกไปทางหน้าต่างห้องนอน คนที่กลับเข้ามาในบ้านคือลีโอ เมื่อเขาเดินขึ้นไปบนห้องก็พบกับร่างไร้วิญญาณทั้งสอง เขาตกใจสุดขีดร้องเสียงหลงวิ่งเข้าไปที่ร่างของเมียรัก...
เอลสลัดความคิดนั้นทิ้งและกลับสู่โลกแห่งความจริง เขาหยิบหนังสือเฮเว่นเกตเล่มหนามามองหน้าปก
หรือว่านายถูกใส่ร้ายจริงๆ แต่หลักฐานทุกอย่างมันปรักปรำนายจนดิ้นไม่หลุดนี่นา..
ที่จริงภาพความคิดของเอลนั้นไม่ได้มาจากความคิดของเขาเสียทีเดียว มันมาจากหนังสือเฮเว่นเกต เป็นฉากหนึ่งในนั้นซึ่งผลักดันให้ตัวเอกของเรื่องต้องโทษประหารชีวิตเช่นกัน
เขาคิดไม่ตกว่าทำไมตัวเอกในเรื่องถึงประสบชะตากรรมเดียวกับลีโอในขณะนี้ จะพูดแบบนั้นคงไม่ใช่ น่าจะพูดว่าทำไมลีโอถึงได้ประสบชะตากรรมเดียวกันกับตัวเอกในเรื่องเสียมากกว่า แม้จะไม่เหมือนเปี้ยบ แต่ก็เหมือนมาก มีแฟนนิยายจำนวนมากคิดเช่นเดียวกันนี้ นั่นแสดงว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับลีโอนั้นเกี่ยวพันกับเฮเว่นเกต อาจจะเป็นไปได้ว่าชะตากรรมของลีโอถูกใครสักคนทำให้เหมือนกับนิยาย แล้วใครกันล่ะเป็นคนสร้างเรื่องพวกนี้ขึ้นมา เจ้าคนๆนั้นมันทำบ้าอะไรกัน
หรือว่าลีโอมีนิมิตเห็นอนาคตและเขียนเรื่องราวของตนเองใส่ลงไปในเฮเว่นเกต เหมือนคำพูดของลองก์ที่ว่า “คนร้ายอาจต้องการจะทำให้ลีโอเป็นเหมือนในเฮเว่นเกต”
มันต้องการทำลายลีโอ ลีโอมีศัตรูที่ไหนอีกล่ะ เอลคิดไม่ออก ตัวเอก อันโดล ซึ่งโดนอำนาจลึกลับเล่นงานใส่ร้ายเขาว่าเป็นผู้ก่อเหตุฆาตกรรมภรรยาและชายชู้ การฆาตกรรมสยองในบ้านของอันโดลในเฮเว่นเกตถูกจัดฉากให้เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับลีโอ การลงมือฆาตกรรมด้วยอาวุธแบบเดียวกัน ตำแหน่งที่ถูกแทงก็เหมือนกัน ต่างกันที่โซเฟียตายในห้องนอน ส่วนมาเรียภรรยาอันโดลตายในห้องครัว ทั้งหมดเกิดขึ้นจากฝีมือปีศาจชั่วร้ายตนหนึ่ง ปีศาจซึ่งมีอำนาจเหนือมนุษย์ มันสิงสู่ในร่างมนุษย์ และก็ใช้ร่างนั้นทำเรื่องเลวร้ายมากมายเพื่อให้ได้ในอำนาจแห่งเฮเว่นเกต
เป็นไปได้หรือไม่ที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลีโอนั้นเกิดจากฝีมือปีศาจ หรือว่าปีศาจมีอยู่จริงบนโลก พวกเหนือมนุษย์ที่เฮเว่นเกตพูดถึงยังมีอยู่เลย เขาคือประจักษ์พยานนั้น แม้ไม่เคยเผชิญหน้ากับปีศาจซึ่งๆหน้ามาก่อน เขาก็ยังรู้สึกหวาดหวั่น เขากำลังนึกไปถึงอะไรบางอย่างซึ่งไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่าอะไรดี
เงาดำลึกลับ...
เขาเคยเห็นเงาดำน่ากลัวในโลกต่างมิติ ขณะที่เขาได้พบกับจิตหลงทางจิตหนึ่ง เด็กสาวอายุน้อยกว่าเขาแต่งกายในชุดนักเรียนมัธยมต้น ผมสีทองตาสีฟ้ากำลังวิ่งมาหาเขา
“ช่วยด้วย...”
เด็กสาววิ่งเข้ามาเกาะกุมแขนเขาเอาไว้ เขารีบสะบัดมือของเธอทิ้งแล้วร้องว่า
“เธอเป็นใคร”
เด็กสาวเมื่อถูกสะบัดแบบนั้นจึงถอยห่างจากเอล ก่อนจะถามขึ้น
“แล้วเธอล่ะเป็นใคร ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่”
“เธอวิ่งหนีอะไรมา” เอลถาม
“เงาดำนั่น” เด็กสาวชี้ขึ้นไปเหนือศีรษะ เอลมองตามขึ้นไปก็ถึงกับตกตะลึง
เงาดำ...เงาดำร่างเหมือนมนุษย์ในชุดคลุมศีรษะมองไม่เห็นหน้าตา แผ่คลุมบรรยากาศเหนือศีรษะจนทั่ว
“อะไรกัน”
“ไม่รู้สิ มันตามฉันมา”
เงาดำนั้นเคลื่อนไหวเหมือนผ้าคลุมพลิ้วคล้ายโดนลมแรงพัด แต่เอลกลับไม่สัมผัสกับลมสักนิด
“เธอเป็นใคร..”
มันคือคำถามยอดฮิตซึ่งเอลมักถามพวกจิตหลงทางอยู่เสมอ แต่เขาไม่เคยได้รับคำตอบ
“ไม่รู้ ฉันไม่รู้..รู้แต่ว่าฉันกลัวเงาดำนั่น..”
พวกมนุษย์ เธอคนนี้เป็นจิตมนุษย์ ดูการแต่งกายนั้นเหมือนเด็กมัธยมทางฝั่งยุโรป เขามองขึ้นไปเหนือศีรษะก็พบว่าเงาดำนั้นเริ่มเคลื่อนไหว แต่เมื่อมันเคลื่อนไหวก็กลับกลายเป็นป้านดำแผ่ขยายไปทั่วและหายไปจากสายตาในทันที
“มันจะเล่นงานฉัน ช่วยฉันด้วย” เด็กสาวกลัวลนลานหันหลังมาชนหลังเอล
“เล่นงานอะไร ฉันไม่เห็นอะไรสักนิด”
เอลจับมือของจิตนั้นไว้ ทำให้เด็กสาวคลายความหวาดกลัวได้เล็กน้อย เขากวาดสายตามองไปรอบๆ
“ไม่เห็นมีอะไรเลย”
“มันอยู่ตรงนั้น” เด็กสาวหันมากอดเอลไว้และชี้สะเปะสะปะไปทั่ว
“ปีศาจอยู่ตรงนั้น มันอยู่ตรงนั้น”
เด็กสาวร้องอย่างเสียขวัญซุกหน้าไว้ที่อกของเอล นอกจากไมอิน้องสาวแล้วก็ยังไม่เคยมีใครมากอดเขาแน่นแบบนี้ เอลพยายามสะบัดเธอออกแต่ยิ่งสะบัดยิ่งรัดแน่นเข้าไปอีก
“บ้าน่าไม่เห็นมีอะไรเลย”
เด็กสาวเปิดตามอง
“มันมี มันอยู่ตรงนั้น”
ทันใดนั้นเงาดำก็วูบไหวขึ้นรอบตัวไปมา ไม่ยอมปรากฏตัวตนที่แท้จริงออกมา ที่สุดมันก็หายไป แม้เอลจะเห็นเงาดำนั้นแต่ก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่ามันคือปีศาจเสียทีเดียว แต่ทำไมเด็กคนนี้ถึงได้กลัวนัก
“ช่วยด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
เธอแผดเสียงร้องลั่นและพริบตานั้นร่างของเธอก็หายวับไปจากการเกาะกุมของเอล ร่างที่กอดเขาไว้เมื่อครู่กลายเป็นความว่างเปล่า เมื่อมองหาเงาดำนั้นก็ไม่พบกับเห็นอีก เขายืนนิ่งตัวแข็งค้างในโลกพิศวงนั้นด้วยความแปลกใจ
“นี่มันอะไรกันนี่”
จิตของเด็กสาวจากไปโดยทิ้งปริศนาเอาไว้เช่นเดิม หากมีพวกปีศาจจริงทำไมเขาจึงมองไม่เห็น วิทยาการใดใดบนโลกไม่ยอมรับเรื่องภูติผีปีศาจเพราะถือว่าเป็นเรื่องที่อยู่เหนือการพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์
แต่ถ้ามีมนุษย์พิเศษแบบเรา มีจิตมนุษย์ซึ่งดับสูญจากโลก ก็ต้องมีอะไรที่คาดไม่ถึงอีกมากมายบนโลกนี้ได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะปริศนาโลกต่างมิติที่เรามองเห็นแต่ไปไม่ถึงที่สุดนั่น
เอลกลับนิยายเฮเว่นเกตไปที่หลังปก เขาเห็นคำโปรยหลังปกนิยายเฮเว่นเกตที่เขียนเอาไว้ว่า
“อาถรรพณ์อาจซ่อนอยู่ในหนังสือเล่มนี้ จงอ่านมันอย่างระมัดระวัง”
ฉันอยากเจอพวกแกจริงๆ ออกมาให้เห็นหน้าบ้างสิ...เจ้าพวกปีศาจ
..............................................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ