เอล คนทะลุมิติ chapter 1
-
เขียนโดย pong43
วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.34 น.
48 ตอน
0 วิจารณ์
56.52K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556 20.29 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
13) เอล คนทะลุมิติ ตอนที่ 13
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความกินจิต
“ไอ้บ้าแกกกกก”
เอลร้องลั่น เขาไม่รู้ตัวว่าได้เข้ามาเผชิญหน้ากับมันอย่างใกล้ที่สุดแล้ว เขาอยู่ห่างมันไม่ถึงสิบเมตร
“แกกินจิตมนุษย์..อภัยให้ไม่ได้แล้ว....”
จู่ๆ เอลก็สำนึกได้ว่าไหนๆ ก็ไหนๆแล้ว
ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้บ้า...
เขาหันหลังวิ่งหนีสุดชีวิต เขารู้สึกว่ามันไม่ได้ตามเขาไป จึงหันไปดูก็พบว่ามันกระโดดข้ามกำแพงเข้าไปในซอยฝั่งตรงข้าม
“อ้าว..” เอลรู้สึกโล่งอก “...หรือว่ามันกลัวเรา..”
หรือว่าอาจจะมีเหตุผลอื่น มันคงไม่ได้กลัวหมัดของเราหรอกนะ...
เอลมองซ้ายมองขวาอย่างไม่แน่ใจ กลัวว่ามันอาจจะแอบมาโจมตีเขาทางด้านหลัง
เรามีพลังแค่ไหนกันนะ หมัดที่ชกใส่และล้มมันได้นั่น น่าจะมีพิษสงอยู่บ้างนะ...
หรือว่ามันกลัวพวกเหนือมนุษย์...
.................................................................................................................................................
เดลเดินกลับไปยังจุดเกิดเหตุในตอนแรกซึ่งอยู่ไกลพอสมควรและที่นั่นไม่มีใครอยู่แล้ว ชายชุดดำหายไปแล้ว มองด้วยตาเปล่าก็ไม่เห็นร่องรอยหลงเหลืออยู่อีกทั้งแสงสว่างไม่เพียงพอ
ตำรวจหนุ่มเกาศีรษะ คิดไม่ออกว่าสองคนเมื่อครู่หายไปไหน หรือว่าตอนนั้นแค่สลบ เมื่อรู้สึกตัวคงหลบหนีไปแล้ว พวกเขาคือตำรวจหรือนักสืบอะไรหรือ..
เขาพยายามหาหลักฐานที่คิดว่าอาจจะหลงเหลืออยู่ ขณะที่เอลยืนกอดอกมองเขาอยู่ใกล้ๆ โดยที่เขาไม่รู้ตัวสักนิด เอลไม่รู้ว่าเขากำลังหาอะไรเพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น
เอลจึงลองลำดับเหตุการณ์ในส่วนที่เขาไม่เห็นดู
เจ้านี่คงตามเจ้าคนที่ถูกสิงนั่นจากตรงนี้ ผ่านร้านข้าวแกงไป
เขาเดาได้เกือบถูก เพียงแต่ไม่มีชายชุดดำสองคนซึ่งอันตรธานหายไปนั้น
………………………………………………………..
เดลกำลังนึกย้อนหลังไปเมื่อสักครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ขณะที่เขากำลังเดินไปยังย่านไชน่าทาวน์เพื่อซื้ออาหารจีนใส่กล่องกลับไปฝากน้องๆที่บ้าน จู่ๆ ภาพนิมิตก็ผุดขึ้นมาในสมอง ลางสังหรณ์หรือที่เขาเรียกว่านิมิตบอกเขาว่าในซอยเล็กๆเปลี่ยวที่ตัดจากถนนสายเก่าหลังตึกบัญชาการกรมตำรวจมีอะไรบางอย่างรอคอยเขาอยู่
แล้วเขาก็ได้เห็นชายชุดดำสองคนกำลังไล่ล่าชายลึกลับอย่างเอาเป็นเอาตายไปจนมุมในซอยเปลี่ยวนั้น
เขาคิดไปถึงช่วงเวลาที่เขาอยู่ใกล้ๆ ศพชายลึกลับนั้น เขารู้สึกกระอักกระอ่วน อึดอัดแน่นหน้าอกอย่างมาก เหมือนไม่มีอากาศหายใจ
แต่เขาเห็นนิมิต ใบหน้าของชายลึกลับในสภาพตื่นกลัวยืนอยู่ใกล้ๆ
หรือว่านั่นคือจิต....
แต่ถ้าไม่ใช่แล้วมันอะไรกันล่ะหรือว่าใบหน้าศพนั้นติดตาทำให้เราจินตนาการไปไกล...
เดลคิดอย่างสับสน
ตำรวจตาทิพย์หรือฉายาของเขา เพราะเขาพิชิตคดีได้มากมายเหมือนตาเห็น
นิมิตของเดลทำงานอย่างเป็นขั้นเป็นตอนเสมอ เหมือนกับว่าเขาเห็นอะไรล่วงหน้า เขาเองกลับไม่เชื่อ พยายามจะพิสูจน์อยู่เสมอ แต่ก็ไม่ได้เรื่องอะไร แม้จะยอมรับว่านิมิตช่วยไขคดีให้เขาได้อยู่เสมอ แต่เขาก็ไม่ยอมปักใจเชื่อว่า มันเป็นเรื่องจริง
แต่นานวันเข้า กลับกลายเป็นว่าเขากลับรู้สึกเชื่อในนิมิตหรือลางสังหรณ์นั้นมากขึ้น แต่จะให้เขายอมรับเขากลับทำไม่ได้
เขาเจอหลักฐาบางอย่างใกล้ถังขยะ มันเป็นที่ติดเนคไทสลักชื่อสามตัวอักษร
เอส ไอ ที...
มันคือชื่อย่อของอะไรสักอย่างนี่นา...
เขานึกได้ว่ามันเป็นชื่อย่อของหน่วยปราบปรามอะไรสักอย่าง
ซู...
ซูคือเพื่อนสาวของเขาซึ่งทำงานเป็นหัวหน้าของหน่วยปราบปรามนั้น
“ต๊อดดดดดดด ดดดดดดดดดด”
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของเขา เขารับสายและพูดผ่านทางอุปกรณ์ไร้สายที่ข้างหู
“พี่มีธุระนิดหน่อย ตอนนี้กำลังเดินทางกลับบ้านแล้ว ซื้อบะหมี่ไปฝากด้วย”
พูดมาถึงเรื่องบะหมี่ เดลก็นึกขึ้นได้ว่าบะหมี่ที่ซื้อไว้เมื่อครู่หล่นหายไปตั้งแต่แรกแล้ว เขาคิดจะเดินไปซื้อใหม่ที่ตลาดไชน่าทาวน์ใกล้ๆ นั้น
“แอนนา พี่กำลังกลับ รอทานบะหมี่ด้วยกันนะ”
เขาพูดกับน้องสาวของเขาที่ชื่อแอนนา
.............................................................................................................................................
เอลยังคงยืนอยู่ใกล้ๆ เดล
เขามองเห็นเดลจับที่ติดเนคไทแต่ไม่ได้สนใจว่ามันคืออะไร
เขายกมือกุมท้อง เสียงท้องร้องเพราะน้ำย่อยเริ่มทำงานอีกแล้วทั้งที่เพิ่งกินอิ่มไปเมื่อครู่นี้เอง
เฮ้อ หิวอีกแล้วเรา...
เขาคลำท้อง ตั้งใจจะไปกินข้าวแกงต่อจึงเดินจากเดลไป
ขณะที่เดลก็เดินตามเขาไปติดๆ โดยไม่เห็นเขา เขาหวนนึกได้ว่าเมื่อครู่นี้เห็นใครอีกคนแว่บเข้ามาในห้วงความคิด
เป็นเด็กหนุ่มอายุน้อยกว่าเขาหลายปี เด็กมัธยมปลาย แต่เขาไม่เห็นหน้า
หรือว่าเห็นแต่จำหน้าไม่ได้ต่างหาก
แต่เขาเริ่มเห็นเค้าหน้าเลือนรางขึ้นมาแล้ว
เจ้าเด็กนั่น...
เขาพึมพำจนเอลได้ยิน หันมาก็เห็นเขาเดินตามอยู่ข้างหลัง
“ใครกันนะ”
เขาร้องออกมาคล้ายกับว่าเห็นใครแอบมองตนเองอยู่
ไม่มีใคร...
เขาสั่นศีรษะไม่เข้าใจจิตของตนเองสักนิด จิตอันอ่อนไหวแบบนี้จะให้ใครรู้ไม่ได้...
จู่ๆ เอลจึงคิดจะทดสอบตำรวจหนุ่ม
เขาหยุดและหันไปยืนขวางเดลเอาไว้ เดลกำลังเดินผ่านร่างของเขาไป แต่กลับชะงักไม่เดินต่อ เขาอยู่ใกล้เอลเพียงแค่ก้าวเท้าเดียว
“อ๊ะ”
เขาตกใจเพราะเดลยกมือขวาขึ้นแตะต้องอากาศเบื้องหน้าซึ่งที่จริงแล้วคือบริเวณใบหน้าของเขา เดลลูบคลำอากาศบริเวณนั้นด้วยความแปลกใจ
หรือว่ามันเห็นเรา...
เอลรู้สึกตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาคิดขึ้นมาว่ามนุษย์อาจจะสัมผัสถึงการมีอยู่ของเขาในโลกต่างมิติก็ได้
เจ้านี่ไม่เบาแฮะ...ไม่หรอกน่า ไม่เห็นหรอกน่า แค่เพี้ยนๆเท่านั้น...
เอลคิดเรื่อยเปื่อย แต่จู่ๆ เขากลับมองเห็นอะไรบางอย่างขึ้นมา
ภาพใบหน้าเด็กสาวหน้ารักคนหนึ่งกับชายหน้าตุ้ยนุ้ยหน้าคล้ายๆตำรวจหนุ่มปรากฏขึ้นตรงหน้า ทำให้เขาต้องสะบัดหน้า
ใครกันนะ..หน้าใคร...
หรือว่าจะเป็นน้องสาวของเจ้านี่ ที่เมื่อกี้โทรคุยอยู่...แล้วอีกคนล่ะ..
อะไรกันนะ อยู่ใกล้เจ้านี่ทำให้เราเห็นภาพอะไรก็ไม่รู้...
เขามองเดลด้วยความสงสัย เดลเดินเลี้ยวซ้ายไปทางที่จะออกไปยังตึกบัญชาการกรมตำรวจ เพื่อเดินไปไชน่าทาวน์ซื้อก๋วยเตี๋ยว
ไปกินข้าวต่อดีกว่า..
เมื่อคิดว่าลับตาคนแล้วเขาจึงออกจากโลกต่างมิติและเดินผ่านเจ้าสายฟ้าซึ่งจอดอยู่ใกล้ๆร้านข้าวแกงพลางร้องสั่งข้าวแกงสองจาน
วันนี้เอลก็ได้พบความจริงที่เขาไม่เคยแน่ใจมาก่อน ความจริงที่ว่าปีศาจสิงสู่ร่างมนุษย์ได้ และการสิงสู่นั้นอาจจะหมายถึงการสิงสู่เข้าไปในจิตมนุษย์โดยตรง
.................................................................................................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ