ปฎิบัติการรัก จักรกลทะยานฟ้า : ภาค จิตวิญญาณแห่งนกไฟ

9.4

วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 เวลา 15.46 น.

  6 Chapter
  34 วิจารณ์
  18.66K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 มีนาคม พ.ศ. 2556 19.07 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

5) [Chapter 5]การต่อสู้ และ ขนนกแห่งเปลวเพลิง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

[Chapter theme fight song : Time judged all]

 

          ...การต่อสู้แบบเต็มรูปแบบครั้งแรกของฉัน
          ...ถ้าเป็นไปได้ ไม่มีใครอยากยอมแพ้แม้กระทั้งตัวฉันเอง
          ...ถึงเวลาที่จะซัดสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้หมอบ
          ...เพราะฉันคือผู้ที่เหนืออยู่ทุกสรรพสิ่งยังไงล่ะ


          การเรียนคาบบ่ายวันนี้ ดวงอาทิตย์ที่แผดจ้า ถือเป็นวันพิเศษอีกวันของสภาบันโรงเรียน IS ที่จะมีการจัดประลองกันระหว่างผู้ที่มีชุดเกราะจักรกล IS ส่วนตัว และถือว่าเป็นการต้อนรับน้องใหม่สำหรับ อัคคี เพลิงศาสตรา นักเรียนคนใหม่ที่ได้ก้าวเข้ามาเรียนที่นี่


          ภายในห้องเตรียมตัวสำหรับผู้ที่ประลองการแข่งขันของสนามประลองของโรงเรียน ภายในห้องจะดูเหมือนคล้ายๆที่ออกตัวของเครื่องบินแต่ว่ารันเวย์นั้น เป็นรันเวย์เล็กๆสำหรับให้ IS ได้พุ่งทะยานบินออกไป ภายนอกห้องเตรียมตัวนั้น ก็มีนักเรียนนั่งชมรอบๆที่นั่งคนดูจนเต็มโดมสนามประลองซึ่งมีการป้องกันต่างๆหนาๆไว้อย่างดี เพื่อป้องกันสิ่งต่างๆที่จะเข้ามาโดนคนดูได้


          นักเรียนที่เข้ามาดู ไม่ใช่แค่ห้องของอัคคีกับอิจิกะอย่างเดียว แต่เป็นนักเรียนชั้นปี1ทุกคนที่เข้ามาชมในนี้ ส่วนหนึ่งนั้น เพราะอยากเห็นหน้าตาของเด็กใหม่ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งธรรมดาแล้วที่ผู้หญิงนั้นก็ค่อนข้างๆอยากจะเข้ามาชมอะไรใหม่ๆเป็นธรรมดา เสียงรอบๆของผู้คนที่นั่งอยู่เต็มสนามดังระงมไปหมด แต่ก็ไม่ดังเท่าคนที่มาดูสนามฟุตบอลจนเต็มมากนัก


          ในห้องเตรียมตัวนั้น มีคนกลุ่มหนึ่งที่ทำหน้าที่ ควบคุมดูแลการประลองครั้งนี้ นั่งควบคุมระบบต่างๆในห้องควบคุมซึ่งติดกับห้องเตรียมตัวของผู้ประลอง คั่นกลางห้องเตรียมตัว ทั้งสองห้อง


          "อัคคี เป็นอย่างไรบ้าง การสู้ครั้งแรกของนายน่ะ" อิจิกะเดินเข้ามาข้างๆอัคคีที่กำลังยืนนิ่งมองออกไปทางข้างนอกรันเวย์ที่ท้องฟ้าสว่างตรงนั้น

          "ครั้งที่สองต่างหาก"อัคคีตอบเรียบๆ กันหันไปมองอิจิกะที่กำลังส่งยิ้มบางๆให้

          "ถึงแม้ฉันอยากจะช่วยนาย แต่พี่จิฟุยุสั่งห้ามไม่ให้ฉันเป็นโอเปอเรเตอร์ช่วยเหลือนายน่ะสิ ขอโทษด้วยนะ"

          "ไม่เป็นไร ขอบคุณมาก...แต่คนที่อยู่เหนือทุกสรรพสิ่งอย่างฉันน่ะ แม้จะไม่มีใครช่วยเหลือ ฉันต้องชนะอยู่แล้ว"

          "นายดูมั่นใจมากเลยนะ เอาเป็นว่า สู้ให้เต็มที่ล่ะ" อิจิกะยกนิ้วให้พลางตบบ่าอีกฝ่ายเบาๆอย่างเป็นมิตร

          "อืม"ชายหนุ่มเมืองไทยพยักหน้าเบาๆ ก่อนที่จะได้ยินเสียงใครให้เรียกอิจิกะกลับเข้ามาในห้องคสบคุม

          "เอาล่ะ พี่จิฟุยุเรียกฉันแล้วล่ะ เกือบลืม ! ฉันจะบอกอะไรบางอย่างนะ บลู เทียร์สของเซซิเลียน่ะ เป็นประเภทโจมตีระยะไกล ระวังจุดนี้ให้ดี โชคดีนะ"อิจิกะกล่าวกับอัคคีอย่างรีบร้อนก่อนที่จะวิ่งเข้าไปในห้องควบคุม เหลือแต่อาจารย์มายะที่ทำหน้าที่จัดเตรียมในการปล่อยตัวของอัคคี


          อาจารย์มายะขยับแว่นของเธอที่เลื่อนลงมาจากสายตาก่อนที่จะกล่าวกับอัคคีให้เตรียมตัว


          "อัคคีคุง อีก2นาทีจะเริ่มการประลองแล้วนะ ขอให้เธอเตรียมสวมชุด ISได้เลยค่ะ"

          "เข้าใจแล้วครับ อาจารย์มายะ"


          อัคคีในชุดนักเรียนภาคปฎิบัติรัดรูปได้เดินเข้าไปที่จุดปล่อยตัวของหุ่น IS ก่อนที่จะสูดลมหายใจลึกๆ มือขวาของเขาค่อยๆเคลื่อนมาที่จี้สร้อยคอรูปเปลวไฟสีดำของเขาแล้วหลับตาลงช้าๆ แสงสว่างที่เกิดจากปฎิกิริยาตอบรับของชุดเกราะเริ่มทำงาน ระบบเทคโนโลยีเริ่มกระบวนการสวมชุดเกราะที่ถูกย่อส่วนในจี้สร้อยคอทันที


          ชุดเกราะISสีดำเงาแบบลายไทยอันปราณีตวิจิตศิลป์ได้ออกมาสวมใส่กับเจ้าของเหมือนราวกับเป็นมายากลเวทย์มนต์โดยที่อัคคีแทบไม่ต้องขยับตัวอะไรมากนักจนเขาสวมชุดเกราะจนเสร็จสมบูรณ์ ทำให้ตัวเขาที่เป็นหนึ่งเดียวกับชุดเกราะสูงกว่าอาจารย์มายะที่ยืนข้างๆเป็นเท่าตัว


          "เอาล่ะ ที่เหลือก็ยืนบนแท่นปล่อยตัว IS ติดกับผนังนี้เลยค่ะ อัคคีคุง" มายะกล่าวแล้วส่งยิ้มให้


          ไม่รอช้าเขายืนอยู่บนแท่นปล่อยตัวซึ่งใต้เท้าจะมีตัวขับเคลื่อนพุ่งทะยานออกไปซึ่งเป็นเครื่องปล่อยตัวของ IS นั้นเอง


          หลังจากนั้น เสียงประกาศจากห้องควบคุมก็ดังขึ้นไปถึงสนามทั้งหมดโดยเสียงนี้เป็นเสียงของ โอนิมุระ จิฟุยุ อาจารย์ประจำชั้นของอัคคีและอิจิกะ ซึ่งเธอจะเป็นผู้ควบคุมการประลองวันนี้


          "ณ. เวลานี้ อีก1นาที จะเป็นการประลองระหว่างผู้ที่มีชุดเกราะ IS ส่วนตัวด้วยกันระหว่างห้อง ซึ่งการประลองครั้งนี้เป็นการประลองเพื่อรับนักเรียนใหม่และถือเป็นเคสอย่างหนึ่งที่พวกเธอต้องศึกษาไว้ด้วย"เสียงของจิฟุยุดังผ่านไปทั้วทั้งสนาม มอนิเตอร์เป็นจอโพโรแกรมขนาดใหญ่ ฉายภาพคู่ประลองทั้งสองขึ้นบนเหนือโดมสนามฝึกประลอง


          อัคคีเริ่มแสดงความประมาทเล็กน้อยเพราะด้วยความตื่นเต้นและเป็นการต่อสู้เต็มรูปแบบครั้งแรกจนเหงื่อไหลผุดจากต้นคอ


          "การประลอง ระหว่าง เซซิเลีย อัลคอตต์ ตัวแทนนักเรียนจากห้องหนึ่งผู้ที่อาสาเป็นคู่ประลองให้กับเด็กใหม่...และ อัคคี เพลิงศาสตรา นักเรียนใหม่ห้องหนึ่ง กติกามีอยู่ว่า ใครที่ทำให้พลังงานเกราะป้องกันของอีกฝ่ายหมดลงก่อนถือเป็นผู้ชนะ การประลองจะเริ่มต้น ณ.บัดนี้ ปล่อยคู่้ประลองได้ !"


          อีกห้องหนึ่งของห้องเตรียมตัว เซซิเลีย อัลคอตต์ ได้สวมชุดจักรกลสีน้ำของเธอ บลู เทียร์ส รอเอาไว้อยู่แล้ว และเธอก็ขึ้นบนแท่นปล่อยตัว


          "จงเตรียมใจบอกยอมแพ้ตอนนี้ก็ยังไม่สายนะคะ คุณอัคคี" เซซิเลียติดต่อทางเสียงระหว่างชุดเกราะจักรกลซึ่งแสดงผลทางโพโรแกรมหน้าจอของตัวชุดเกราะ มาทางคู่ประลองอีกฝ่าย เป็นทักทายที่ออกจะเหมือนแนวดูถูกไปสักหน่อย

          "เธอต่างหากที่ต้องกลับคำ เซซิเลีย" อัคคีตอบกลับผ่านทางตัวชุดเกราะเช่นกันก่อนที่จะตัดสายทางเสียงออกไป
          

          หลังจากนั้นสักพัก จิฟุยุก็ได้ติดตามทางเสียงเข้ามาทั้งสองฝ่าย เพื่อให้สัญญาณในการปล่อยตัวทันที


          พอสัญญาณปล่อยตัวเริ่มขึ้นแท่นปล่อยตัวก็ดีดพุ่งทั้งสองคนออกมาข้างหน้าทันที ทันใดแล้วปล่อยตัวเองบินทะยานลอยตัวกลางอากาศหลังจากที่ดีดตัวออกมาจากแท่นสู่สนามประลองภายนอก


          เซซิเลียนั้นออกตัวบินขึ้นสู่กลางอากาศได้อย่างไร้ที่ติและงดงาม แต่ไม่ใช่กับอัคคีที่ไม่ทันตั้งตัว เกือบหัวโหม่งพื้นแต่ก็ยังทรงตัวลอยขึ้นกลางอากาศได้ มันเป็นการออกตัวครั้งแรกที่ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่นัก


          "อุ๊ย ! ตายจริงค่ะแค่ขนาดออกตัวนี่ก็จะเกือบทิ้งตัวลงพื้นแล้วเหรอคะ ถ้าสู้กันจริงๆคงไม่ทันทำอะไรหรือทำอะไรดิฉันได้แน่นอน น่าหัวเราะเสียจริงๆค่ะ"เซซิเลียหัวเราะในมุมปากอย่างพูดดี แสดงการเยาะเย้ยอีกฝ่ายตามนิสัยที่หยิ่งยะโสของเธอนั้นเอง

          "ก็แค่การออกตัว อย่าเพิ่งตัดสินด้วยเรื่องเพียงแค่นี้" อัคคีแม้จะรู้สึกอายและแอบเจ็บใจที่ว่าออกตัวได้ไม่ได้ดีเท่าไหร่เพราะเขาเพิ่งได้มาต่อสู้ต่อหน้าผู้ชมทั้งหมดในสนาม ทำให้ความประหม่าและความตื่นเต้นเริ่มก่อขึ้นมาในจิตใจ ต่อให้อัคคีทำหน้านิ่งแค่ไหน แต่หัวใจกลับรุ้สึกหวั่นไหวอยู่ดี

          "ดูจากชุดเกราะของคุณก็สวยดีนะคะ แต่ดูเหมือนว่า ตามข้อมูลที่ได้มา เป็น IS ที่ไม่มีอาวุธสินะคะ...เอาเป็นว่า จะมาคุกเข่าขอโทษต่อหน้าแล้วบอกยอมแพ้ซะก็ได้ค่ะ ถือเป็นโอกาสสุดท้ายค่ะ"       

          
http://www.keedkean.com


          ท่าทางที่ดูหยิ่งยะโสของเซซิเลีย บนตัวชุดเกราะสีน้ำเงินที่เป็นอาวุธรอบตัว จับจ้องอีกฝ่ายที่ยังคงทำหน้านิ่งแต่อาการประหม่าเล็กน้อยของอัคคีก็ส่อแววออกมาให้เซซิเลียได้เห็น แต่ถึงอย่างนั้น อัคคีก็ไม่สามารถถอยหลังกลับ ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ก็ตาม เขาจะสู้เต็มที่แม่จะไม่มีอาวุธอะไรเลยในตัวก็ตาม


          จู่ๆอัคคีก็เริ่มมีทีท่าที่สงบลง ค่อยๆหลับตาลงแล้วค่อยๆยกมือขึ้น ยกนิ้วชี้ฟ้าอย่างช้าๆแล้วกล่าวประโยค ประโยคหนึ่งต่อหน้าเซซิเลียว่า


          "ฟ้ากำลังจะบอกฉันว่า...กิ่งไม้นั้นก็สามารถชนะดาบชั้นดีได้ เพราะว่าฉันคือผู้ที่อยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง แม้ อัคคามิฬของฉันนั้นไม่มีอาวุธ แต่มันก็สามารถเอาล้มเธอได้ด้วยเพียงแค่หมัด.....ไม่สิ ฉันจะล้มเธอให้ได้ ภายในสองหมัดตามที่ได้เคยพูดเอาไว้" ท่าทางของอัคคีเริ่มสงบลง ราวกับว่าสติเริ่มมาหลังจากที่หวั่นไหวอยู่พักหนึ่ง

          "ไม่มีวันแม้กระทั้งปลายนิ้วจะมาแตะต้องตัวดิฉันค่ะ ในเมื่อโอกาสสุดท้ายคุณไม่ยอมรับมัน ดิฉันก็จะไม่ออมมือค่ะ !" เซซิเลียบินถอยหลังจากอัคคีทันทีเพื่อสร้างระยะห่าง จากนั้นเธอก็เล็งปากกระบอกปืนบีมไรเฟิลจากมือขวา ยิงใส่อัคคีทันที


          กระสุนไรเฟิลบีมยิงออกมาด้วยความเร็วสูงโดยไม่ทันตั้งตัว มันได้พุ่งเข้าใส่เป้าหมาเต็มๆ แต่ทว่า ปฎิกิริยาของอัคคีก็ไวพอกันได้ยกแขนป้องกันสิ่งที่พุ่งเข้ามาหาตัว จนแรงของกระสุนไรเฟิลบีมได้พลักใส่ตัวอีกฝ่ายจนติดพื้นดิน


          โครม !!!! อัคคีตกลงสู่พื้นเบื้องล่างจนเป็นหลุมตื้นๆ เพราะพื้นนั้นเป็นดินแข็งๆ เกิดฝุ่นควันขึ้นเพราะระอองเศษดินได้กระจายตัวออกไป


          "น่าเบื่อเสียจริงๆค่ะ ไม่เห็นจะทำได้อย่างที่ปากพูดเลย !"เซซิเลียที่บินอยู่เหนือหัวอัคคี แสดงอาการเบ่อหน่ายเล็กน้อยก่อนที่จะเล็งปากกระบอกปืนบีมไรเฟิลใส่จุดที่อัคคีตกลงซ้ำๆหลายนัดเพื่อรีบยุติการต่อสู้ที่เหมือนกับว่า สิงโตกำลังรังแกลูกนกอยู่แบบนั้น


          แต่อัคคีใช่ว่าจะยอมง่ายๆ หลังจากที่ตกลงสู่พื้นเบื้องล่างเพราะหลังจากโดนยิง ทำให้สถานะของ พลังงานเกราะป้องกันลดลงไปส่วนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เจ็บอะไรมากนัก เขารีบถีบตัวเองออกมาจากจุดนั้นแล้วพุ่งตัวออกมาโดยใช้ไอพ่นที่อยู่ในหลังเท้าของตัวชุดเกราะออกมาอย่างเร็วดรวดโดยเฉียดกระสุนบีมไรเฟิลนั้นที่พุ่งใส่ตกลงมาแบบเส้นยาแดงผ่าแปด


          "แบบนี้ค่อยน่าสนุกขึ้นมาหน่อยค่ะ แต่ทว่าดิ้นรนไปก็เท่านั้นค่ะ !" เธอหันปากกระบอกปืนบีมไรเฟิลเล็งใส่อีกฝ่ายไม่ยั้งมือ


          อัคคีเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันทีเพราะต้องพุ่งหลบคมกระสุนบีมไรเฟิลที่พุ่งลงมาข้างล่างอย่างต่อเนื่องจนอัคคีต้องเริ่มทำอะไรสักอย่าง ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถเข้าถึงตัวอีกฝ่ายได้แน่ๆ เขาจึงได้ใส่คำสั่งลงไปในตัวชุดเกราะเพื่อทำการเปิดระบบบางอย่างออกมา


          ขณะที่หลบการโจมตีอยู่นั้นชุดเกราะสีดำเงาของอัคคี ก็ได้ปล่อยไอร้อนเป็นควันรอบตัว พร้อมกับช่องปล่อยความร้อนได้ปล่อยออกมาจากเกิดไอร้อนๆรอบตัว และไอร้อนนั้นก็ค่อยๆแผ่ขยายเป็นวงกว้างเรื่อยๆโดยที่เซซิเลียไม่รู้สึกตัว


          "Mirage effect : On" โพโรแกรมหน้าจอแสดงข้อความให้อัคคีได้เห็นว่า ระบบที่เขาได้ลงมือตอนนี้ ได้เปิดออกแล้ว ก็เหลือเพียงแค่เวลา ที่จะทำให้ทั้งสนามนี้ รู้สึกร้อนระอุเหมือนอยู่ในทะเลทรายแห้งแล้ง แต่ตอนนี้ต้องหลบกระสุนไรเฟิลบีมไปก่อนเรื่อยๆ

          "จะหลบไปอีกนานหรือเปล่าคะ !?"ความได้ใจของตัวเอง เริ่มเล็งยิงอัคคีที่วิ่งหลบไปเรื่อยๆราวกับเป้าเคลื่อนที่


          แต่ก็หารู้ไหมว่า อัคคีได้เริ่มแผนที่จะเข้าประชิดคู่ต่อสู้แล้ว


          อัคคีทำการหลอกล่อหลบอยู่สักพักหนึ่ง บรรยากาศร้อยๆรู้มีไอระเหยขึ้นจนเริ่มสังเกตุได้ รอบๆทั้งสนามเริ่มร้อนระอุขึ้น และรอบข้างตัวของอัคคีนั้น ห่อหุ่มไปด้วยไอร้อนรอบตัวเขา และเมื่อแสงอาทิตย์ตกกระทบมาที่ตัวอัคคี ทำให้เกิดการหักเหของแสงขึ้น อัคคียิ้มมุึมปากทันที


          "เอาล่ะ เซซิเลีย เชิญยิงมาได้เลย" อัคคียืนเงยมองอีกฝ่ายที่ลอยขึ้นฟ้า

          "เอ๋ ? จะยอมตอนนี้แล้วเหรอคะ ์ แต่ก็สายไปแล้วค่ะ !"เธอหันปากกระบอกปืนบีมระเฟิลแล้วยิงใส่เป้าหมายทันที


          ตู้ม !!! กระสุนบีมไรเฟิลกระทบเป้าหมายจนเกิดควันและดินกระจายบนพื้น


          เซซิเลียแสดงสีหน้าที่มั่นใจว่าโดนเข้าเต็มๆ แต่พอฝุ่นควันหายไป ปรากฎว่าเธออัคคีกลับไปยืนในอีกตำแหน่งหนึ่งใกล้ๆกัน โดยที่อัคคีไม่ได้ทำทีว่าจะหลบหรืออะไรเลย ทำให้เกิดความประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย


          "เกิดอะไรขึ้น !"เซซิเลียตกใจเล็กน้อยทั้งที่เธอเล็งไปตรงนั้น แต่ปรากฎว่า จู่ๆอัคคียืนอีกที่หนึ่งราวกับเธอเห็นภาพหลอน


          ส่วนทางฝั่งผู้ที่ดูการประลองในห้องควบคุม จิฟุยุ อิจิกะ และมายะ ต่างกำลังตกใจกับความสามารถ IS ของอัคคีไม่น้อย


          "พี่จิฟุยุ...นี่มัน ?"อิจิกะเอ่ยถามขึ้นด้วยความตกใจเล็กน้อย เพราะไม่เคยเห็นความสามารถนี้มาก่อน

          "นี่คือระบบ Mirage Effect เป็นความสามารถเฉพาะตัวของ IS ของอัคคี โดยการปล่อยไอร้อนรอบๆตัวเพื่อสร้างปรากฎการเรือนกระจกแบบที่เราอยู่ในทะเลทราย เมื่ออากาศที่ร้อนมากในบนพื้นดินรอบๆ ร้อนกว่าอากาศที่อยู่บนฟ้า แสงตกกระทบเกิดการหักเหอย่างมากของแสงเกิดคลาดเคลื่อน สายตาของมนุษย์มองไปที่วัตถุนั้นเปลี่ยนตำแหน่งไป ก็จะคิดว่าอยู่ตรงนั้น แต่จริงๆ มันอยู่อีกที่ต่างหาก"จิฟุยุกล่าวพร้อมกับสนใจความสามารถของอัคคีในเวลานี้

          "แบบนี้อัคคีก็มีโอกาสที่จะชนะสูงมากเลยสินะคะ อาจารย์จิฟุยุ"มายะกล่าวถาม

          "ไม่เลย ถึงความสามารถของอัคคีจะได้ใช้ออกมาแล้ว แต่ก็ใช่ว่าอัคคีจะชนะเพราะการทำแบบนั้นเท่ากับว่าเป็นการเข้าทางของเซซิเลียต่างหาก อย่าลืมสิว่าอาวุธของเซซิเลียไม่ได้มีแค่บีมไรเฟิลอย่างเดียว"

          
          ในทางฝั่งคนดูหลายคนพาต่างกันดูด้วยความสนใจ แต่มีผู้หญิงสี่คนที่นั่งใกล้อยู่แถวด้านบนสุดกันกำลังจับตาดูความสามารถของอัคคีที่ยังไม่เคยเห็นพร้อมกับพูดไปด้วย

          "หมายความว่ายังไงเหรอครับพี่จิฟุยุ ?"

          "บอกว่าในเวลาเรียนให้เรียกอาจารย์ไงครั้งแรกอุตสาห์จะไม่พูดแล้วนะ !"จิฟุยุกำหมัดเขกหัวชายหนุ่มอีกฝ่ายทันทีก่อนที่จะพูดต่อว่า "ถ้าเซซิเลียรู้ตัวว่าอัคคีใช้ความร้อนสร้างภาพลวงตา เซซิเลียคงต้องงัดอาวุธนั้นมาใช้"


          หลังจากนั้นในห้องควบคุม ประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับ สาวๆทั้ง4คนได้เดินเข้ามาในห้อง


          "ทุกคน" อิจิกะหันไปมองหญฺงสาวในชุดเครื่องแบบสถาบันเข้ามา

          "ขอโทษด้วยค่ะ ที่มาช้า"โฮวกิก้มหัวกล่าวขอโทษไปที่จิฟุยุ


          ไม่ใช่แค่โฮวกิที่ก้มหัวขอโทษคนเดียว แล้วก็ตามด้วย หลิน ชาร์ล็อตต์ และลอร่า ต่างก็เข้ามาขอโทษเกือบพร้อมเพรียงกัน

          
          "เอาล่ะ ช่างมันเถอะ แต่ที่เรียกพวกเธอมาเนี่ยเพราะพวกเธอมีเครื่องชุดเกราะจักรกล IS ส่วนตัวกันทุกคน ฉันต้องการให้พวกเธอมาดูความสามารถของอัคคีให้ได้ใกล้ชิดและเต็มที่" จิฟุยุมองไปที่จอโพโรแกรมขนาดใหญ่ที่ฉากภาพการต่อสู้ระหว่างอัคคีและเซซิเลียอยู่

          "ว่าแต่ ทำไมเซซิเลียยิงแบบนั้น ปกติเธอออกจะยิงได้แม่นยำนะ ?"หลิน-อินได้เอ่ยขึ้นมาพร้อมแสดงความแปลกใจ

          "เพราะเซซิเลียกำลังถูกภาพลวงตาโดยความสามารถการทำปรากฎการ มิราจ ของอัคคีน่ะ ทำให้ยิงเป้าหมายคลาดเคลื่อนไป"อิจิกะได้ตอบออกมาให้

          "ฉันพลาดท่าก็เพราะ มิราจของเจ้าลูกหมานั้น" ลอร่าเงยมองดูอย่างใจจดใจจ่อบนโพโรแกรมขนาดใหญ่ ราวกับว่ากำลังหาอะไรสักอย่างกับการต่อสู้ครั้งนี้

          "ว่าแต่ อาจารย์คะ ตั้งแต่ที่เริ่มสู้ อัคคีไม่มีอาวุธอะไรเลยเหรอคะ ?" โฮวกิเอ่ยถามขึ้น
          
          "จากที่เช็คดูข้อมูลแล้ว IS ของอัคคีไม่มีอาวุธเลยสักชิ้นเดียว แต่ฉันก็พบอะไรบางอย่างในการเช็คครั้งนี้ด้วย"จิฟุยุตอบแล้วยืนกอดอกทำหน้าครุ่นคิด

          "บางอย่างในที่นี้หมายถึงอะไรเหรอครับอาจารย์"ชาร์ล็อตต์ได้พูดขึ้นมา

          "IS ของอัคคีน่ะ มีบางอย่างซ่อนอยู่ตั้งมากมาย แต่ฉันกลับไม่สามารถดูได้เพราะระบบได้ปิดล๊อคไว้แน่นหนามาก คาดว่านั้นคือพลังที่แท้จริงของ IS ของเด็กคนนั้น แต่แค่ถูกผนึกไว้ราวกับมันยังเป็นไข่ของนกที่รอการฟักออกมา"สีหน้าของจิฟุยุดูเคร่งขรึมขึ้นมา เธอกำลังกังวลอะไรบางอย่าง


          ตอนนี้ทั้งเซซิเลียและอัคคีกำลังต่อสู้กันอยู่ในสนาม อัคคีรอให้ปรากฎการมิราจที่สร้างขึ้นมาจาก IS ของเขาให้สมบูรณ์ เพื่อที่จะเข้าตัวระยะประชิดให้ง่ายที่สุด ในสนามนั้นกำลังร้อนขึ้นเรื่อยๆจนเซซิเลียรู้สึกเหงื่อเริ่มไหลลงลูบไล้ต้นคอของเธอ


          "คิดจะหลบอย่างเดียวงั้นเหรอไงคะ !?"เซซิเลียเริ่มหัวเสียมากขึ้นเพราะเวลาเธอยิงใส่เป้าหมายแต่ละครั้ง เหมือนรู้สึกว่า เธอกำลังอากาศทั้งที่เธอเห็นอัคคียืนอยู่จุดนั้นโดยไม่เคลื่อนไหวอะไรเลย


          แต่หารู้ไหมนั้น มันทำให้เข้าทางของอัคคี


          เขาอาศัยที่เซซิเลียเริ่มหัวเสียและกำลังสับสนจากภาพลวงตา บินเข้าหาเซซิเลียไปที่ข้างหลังอย่างรวดเร็วจนถึงระยะที่สามารถแตะเนื้อต้องตัวอีกฝ่ายได้


          เซซิเลียหันควับทันทีเพราะเล็งปากกระบอกปืนใส่ทันที แต่ทว่าร่างของอัคคีได้หายไปอย่างๆไร้ร่องรอย


          "แน่จริงอย่าหดหัวแบบนี้สิคะ !"เซซิเลียเริ่มหงุดหงิดมากขึ้นและอากาศโดยรอบที่ร้อนขึ้นจนถึงระดับหนึ่งและเริ่มคงที่ แต่มันก็สามารถทำให้คู่ต่อสู้นั้นรู้สึกทำอะไรลำบากเพราะความร้อนนั้นเอง

          "โผล่มาก็ได้" อัคคีบินพุ่งออกมาโผล่จากทางด้านซ้ายมือของเซซิเลียแล้วยกฝ่ามือแล้วกระแทกใส่สีข้างของเซซิเลียด้วยกำลังที่เขามี


          ปึ๊ก !!! เสียงฝ่ามือที่พุ่งกระแทกด้วยความเร็วจนดูคล้ายมันแหวกอากาศมา กระแทกเข้าสีข้างเซซิเลียอย่างจัง


          "บะ....บ้าน่ะ...."เซซิเลียเริ่มร่วงลงสู่เบื้องล่างก่อนที่จะรู้สึกจุกทางสีข้างเพราะถูกกระแทกเสียอีก แต่สติของเธอนั้นได้ช่วยเอาไว้ก่อนที่เธอจะตกลงสู่พื้นดิน 


          เซซิเลียได้บินหนีทิ้งระยะห่างพอสมควรก่อนที่จะตั้งหลักลอยอยู่บนอากาศแล้วเริ่มคิดอะไรบางอย่างได้ทันที


          "เหลืออีกหนึ่งหมัด ฉันจะซัดเธอให้ตกลงสู่พื้นดิน"อัคคีกล่าวเรียบๆด้วยสีหน้ามั่นใจขึ้นมาทันที

          "ฉันประเมินคุณต่ำเกินไปค่ะ แต่ก็คงทำได้แค่นี้แหละค่ะเพราะฉันจับทางได้หมดแล้ว"เซซิเลียกางปีกสีน้ำเงินของเธอขึ้นพร้อมกับปากกระบอกปืนเครื่องยิงจรวจที่ติดอยู่ข้างๆปีกของเธอ กำลังเล็งมาที่ฝ่ายตรงข้าม และมีตัวลักษณะคล้ายยานบินขนาดเล็กที่เรียกว่า โดรน มาก่อนที่จะกล่าวต่อ "ฉันจะทำให้คุณได้ลิ้มรสการที่หนีเท่าไหร่ก็ไม่รอด และฉันก็จะปิดฉากด้วยบีมไรเฟิล Star light MK3 ของฉันอย่างสวยงามค่ะ" เซซิเลียยิ้มมุมปากขึ้นมาก่อนเริ่มโจมตีอย่างหนักหน่วงทันที


http://www.keedkean.com


          เครื่องยิงจรวจที่อยู่ข้างลำตัวของเธอได้ทำการยิงจรวจมิซไซส์ขออกมาหลายลูก เข้าไปที่จุดหมายเดียวกันทันทีอย่างไม่ลังเล


          อัคคีเห็นแบบนั้นก็ดันตัวเองบินขึ้นสู่ที่สูงขึ้น พร้อมกับการใช้ปรากฎการ มิราจ ที่เขาสร้างขึ้น แต่ทว่าเขากลับสลัดไม่พ้นของการติดตามด้วยจรวจของเธอ


          "หนียังไงก็ไม่พ้นหรอกค่ะ เพราะจรวจของฉันติดตั้งอินฟาเรดติดตามความร้อนค่ะ !"เธอเปลี่ยนรูปแบบการยิงไรเฟิลบีมของเธอเป็นรูปแบบการยิงเป้าหมายโดยตรวจจับความร้อน ทำให้เธอพบว่า เธอกำลังถูกปรากฎการณ์ มิราจ ลวงตาแต่สามารถเห็นตัวจริงได้โดยการตรวจจับความร้อน


          โพโรแกรมและกล้องเล็งกำลังขยายของเซซิเลียกำลังเล็งเพื่อทำการล๊อคเป้าหมายภายในชั่วอึดใจ


          "จบเกมกันแค่นี้แหละค่ะ !"สัญญาณล๊อคเป้าของไรเฟิลบีมส่งสัญญาณ เธอลั่นไกปืนใส่เป้าหมายจากระยะไกลด้วยความชำนาญทันที


          ฟิ้ว !!! เสียงคมกระสุนไรเฟิลบีมได้ทะยานเข้าไปแล้วแหวกอากาศด้วยความเร็วสูง


          อัคคีเจอทั้งคมกระสุนบีมไรเฟิลและจรวจมิซไซส์ติดตามความร้อนปะทะพร้อมกัน ก็ทำให้เขายากที่จะหนี ทำให้บนอากาศเกิดระเบิดขึ้นจากการประทะเป้าหมาย


          ตู้ม !!! เสียงแผดกัมปนาทดังขึ้นบนท้องฟ้า เซซิเลียถือปากกระบอกปืน เงยมองดูผลงานอย่างน่าพอใจก่อนที่จะเห็นอัคคีในสภาพพลังงานเกราะลดลงจนถึงศูนย์แล้วร่วงลงมาราวกับนกน้อยที่ถูกนายพรานสอยลง


          ภาพโพโรกราฟแสดงบนหน้าจอในตัวชุดเกราะของเซซฺเลียบอกว่า เป้าหมายไม่มีพลังงานเกราะเหลืออยู่แล้วเป็นเครื่องยืนยันว่าเธอได้รับชัยชนะในครั้งนี้


          "Akkhi man down..."เธอพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษ มองอัคคีที่ร่วงหล่นอย่างสะใจ "คนไทยไม่เห็นจะแข็งแกร่งตรงไหนเลยค่ะ"
       
          "คนไทยน่ะ...ไม่แพ้ชาติใดในโลกหรอก..."อีกไม่กี่เมตรก่อนที่อัคคีจะร่วงลงพื้นจู่ๆเกราะพลังงานISของเขาก็ค่อยๆฟื้นฟูขึ้นมา แต่ก็อยู่ในระดับหนึ่งแล้วพลิกตัวบินเลียดลงระนาบกับพื้นก่อนที่จะทะยานขึ้นสู่ฟ้ามุ่งไปตรงที่เซซิเลีย

          "ไม่จริงน่ะ ! พลังงานเกราะหมดไปแล้วจู่ๆกลับพื้นฟูตัวเองได้...แต่เอาเถอะค่ะ ถึงคุณจะมีอะไรมาอีก ฉันก็จะสอยจนกว่าจะร่วงค่ะ ! "เซซิเลียตกใจเล็กน้อย เธอบินถอยหลังรักษาระยะห่างแล้วยิงด้วยเครื่องยิงจรวจ ปล่อยจรวจตรวจจับความร้อนใส่เป้าหมายหลายลูก พร้อมกับ ปล่อยอุปกรณ์ โดรน ซึ่งเป็นอุปกรณ์ติดตามเป้าหมายและโจมตีด้วยเลเซอร์ 4 ตัว ตามไปยิงอัคคีพร้อมกัน


          แต่คราวนี้อัคคีไม่บินหลบ แต่กลับพุ่งเข้ามาแล้วกางแขนออกมาช้าๆ ทำท่าลักษณะของนกชนิดหนึ่งที่กำลังโผบิน จากนั้นจู่ๆก็มีสิ่งแปลกประหลาดเกิดขึ้นบนหลังของอัคคี


          ลำแสงรูปคล้ายหางของหงส์จำนวนมากมายได้แผ่กว้างขึ้นเหมือนเป็นหางของหงส์จริงๆ แต่จริงๆนั้นคือ การชาร์จพลังบีมบลาสเตอร์ในรูปของการยิงกระจายจากกลางหลังขึ้นเขาซึ่งเป็นตัวรวบรวมพลังงานในส่วนนี้ เพื่อใช้ในการยิงหลายเป้าหมาย แต่ที่น่าแปลกคือ อัคคีนั้นมีพลังและการโจมตีแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน และที่สำคัญ ใช้ได้อย่างไรทั้งที่ตัว IS นั้น และข้อมูลที่ได้เช็คมานั้นเป็นแค่ IS ที่ธรรมดาๆ ไม่มีอาวุธโจมตีระยะไกล


          "หงส์ โบกสะบัด !" อัคคีเหวี่ยงแขนไปข้างหน้าราวกับนกเริงระบำ ขนนกทั้งหลายที่แผ่กว้างอยู่ข้างหลังกลายเป็นบีมบลาสเตอร์พุ่งโจมตีใส่เป้าหมายราวกับห่าฝน


          บลาสเตอร์นับไม่ถ้วนประทะกับจรวจมิซไซส์ของเซซิเลียแตกระเบิดกลางอากาศเสียทั้งหมด และโดรนของเธอก็ถูกบลาสเตอร์ที่กระหน่ำหนึ่งอันได้รับความเสียหายจนเกิดระเบิดขึ้น และคมขนนกที่เหลือกำลังโจมตีเข้าใส่เซซิเลีย

          "มะ...ไม่จริงนะ !"เซซิเลียตกใจ เบิกตากว้างก่อนตั้งสติหลบวิถีการโจมตีของอัคคีทันทีโดยการบินถอยหลัง


          เธอกวาดสายตาไปรอบๆ อัคคีก็หายไปจากสายตาของเธอแล้ว แต่ที่แปลกตอนนี้คือ โพโรแกรมใบหน้าของเธอแสดงผลค่าพลังงานเกราะของอัคคีที่แสดงไว้ที่ค่าต่ำสุด ซึ่งก่อนหน้านั้นพลังงานเกราะของเขาก็หมดลงตั้งแต่ถูกยิงก่อนหน้าไปแล้ว


          คลาดสายตาไปชั่ววูบ อัคคีโผล่มาจากข้างใต้แสงดวงอาทิตย์ ทำให้เซซิเลียเงยมองขึ้นมาแสงย้อนเข้าตาทำให้มองไม่ถนัด อัคคีใช้ช่วงเวลาสั้นๆที่เขาได้เปรียบ กระแทกฝ่ามือลงไปที่ช่วงอกของเซซิเลียทันทีแบบเน้นๆ


          พลั๊ก !! การโจมตีคราวนี้ไม่ได้รุนแรงเหมือนอัคคีโจมตีได้ครั้งแรก แต่มันทำให้เซซิเลียทึ่งจนไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ดวงตาสีฟ้าของเธอจับจ้องชายหนุ่มผู้ซึ่งไร้อาวุธอะไรเลย มีเพียงแค่มือเปล่าสองมือเท่านั้นที่ได้แตะตัวและโจมตีเซซิเลียได้สองครั้งอย่างที่ปากบอก


          เซซิเลียกำลังจะร่วงหล่นสู่พื้นดินอัคคีใช้แรงที่เหลือบินเข้าไปรับตัวเซซิเลียแล้วบินร่อนลงสู่พื้น แม้จะไม่ได้ร่อนลงนิ่มนวลอะไรมากนักก็ตามแต่


          "อะ...อัคคี !?" เซซิเลียได้สติก็รู้ตัวว่าอยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่ายเสียแล้ว ทำให้เธอออกอาการเขินนิดๆ ซึ่งแสดงออกมาทางใบหน้าที่แดงระรือ

          "ฉันได้ซัดเธอให้ร่วงได้สองครั้ง เรียบร้อย"หลังจากอัคคีพูดเสร็จแววตาของเขาเลื่อนลอยลงแล้วจู่ๆก็วูบหมดสตินอนล้มลงไป


          ร่างกายของอัคคีล้มลงนอนไปบนพื้น ชุดเกราะที่เขาสวมใส่แปรสภาพกลายเป็นสร้อยคอรูปเปลวไฟสีดำเหมือนเดิม สภาพร่างกายของเขาดูเหมือนจะฝืนขีดจำกัดแล้วรับภาระหนักเกินไป ทำให้อีกฝ่ายสลบลงไปแบบนั้น


          "เป็นอะไรไปน่ะ !?"เซซิเลียเห็นอีกฝ่ายล้มลง ชุดเกราะของเธอได้แปรสภาพมาเป็นเพชรหยดน้ำตาในรูปแบบของต่างหูสีน้ำเงินแล้วเข้าไปเขย่าร่างที่แน่นิ่งของเขา


          เสียงของจิฟุยุจากห้องควบคุมได้ดังขึ้นประกาศผลการต่อสู้ทันที


          "การต่อสู้จบลงแล้ว !! เซซิเลียเป็นฝ่ายชนะ !" จิฟุยุกล่าวผ่านไมค์โครโฟนในห้องควบคุม 


          พวกอิจิกะที่ดูอยู่ในนั้นต่างก็ตกใจไม่น้อยเลยทีเดียว แต่มีคนหนึ่งที่แสดงสีหน้าได้กังวลที่สุดคือจิฟุยุเพราะเพิ่งจะรู้ว่า มีบางสิ่งบางอย่างที่ได้ไปจุดให้ภาพในหัวบางอย่างปรากฎขึน้ในหัวของเธอ


          "ทำไมเซซิเลียโจมตีอัคคีจนพลังงานเกราะลดเหลือศูนย์ แล้ว..."ลอร่าที่ดูตกใจน้อยที่สุดในกลุ่มได้ยืนกอดอกเอ่ยถามขึ้น

          "เพราะระบบทีส T.E.E.S ในตัวของอัคคีน่ะสิ"จิฟุยุกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

          "อาจารย์คะ ? ระบบนี้มันได้เคยถูกยกเลิกพัฒนาเมื่อสมัยการสร้าง IS รุ่นที่สองแล้วนิ"โฮวกิเอ่ยขึ้นมาพร้อมเต็มไปด้วยความสงสัย

          "ใช่...ระบบ T.E.E.S หรือ Trade Energy Emegency System เป็นระบบฉุกเฉินที่ได้พัฒนาขึ้นเพื่อเตรียมการในการใช้ทางทหารในสมัยที่พัฒนาISรุ่น 1.5 ระบบนี้จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อค่าพลังเกราะของ IS เหลือศูนย์แต่ผู้ใช้นั้นยังมีสภาพพร้อมและยังสู้ต่อได้ ระบบจะดึงพลังงานในร่างกายมาเป็นพลังงานเกราะของ IS แทนเพื่อให้สามารถต่อสู้ได้ต่อ แต่ระบบนี้ได้ถูกยกเลิกหลังการสร้างISรุ่นที่สองขึ้นมาเพราะ มีผลข้างเคียงกับผู้ใช้สูงและไม่ค่อยมีความจำเป็นในการใช้เพราะสนธิสัญญา อลาสก้าได้ระบบว่าห้ามใช้ในการทหาร จึงได้เอาระบบนี้ออกไป"จิฟุยุกล่าวเสียยืดยาว

          "แล้วพลังบลาสเตอร์ที่คล้ายขนนกนี่คืออะไรเหรอคะ ?"หลิน-อินกล่าวถามขึ้น

          "นี่แหละคือสิ่งที่ฉันกังวล...ว่า IS ขออัคคีนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าการโจมตีด้วยบลาสเตอร์ที่พุ่งออกไปหลายลูกคืออะไร เพียงแต่ว่ายังหาทางดูข้อมูลทั้งหมดไม่ได้เพราะระบบปิดตัวเองแน่นหนามาก"

          "เอาเป็นว่า พวกเรารีบไปดูอาการของอัคคีเถอะ ตอนนี้น่าจะส่งไปที่ห้องพยาบาลแล้ว"อิจิกะกล่าวด้วยความเป็นห่วงเพื่อน

          "นั้นสินะครับ ไม่รู้ว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง"ชาร์ล็อตต์กล่าวเสริม

          "พวกเธอรีบไปก่อนเถอะ ฝากดูด้วยนะว่าอัคคีเป็นอย่างไรบ้าง ฉันขอดูวีดีโอการต่อสู้ย้อนหลังที่นี่ล่ะ"จิฟุยุกล่าวตอบก่อนที่จะไปนั่งดูการต่อสู้ย้อนหลังเมื่อครู่

          "ครับ / ค่ะ" ทั้งหมดก็เกินออกจากห้องควบคุมไปเหลือแต่ จิฟุยุกับ มายะเท่านั้นที่

          
          ภายในห้องก็เหลือแต่มายะกับจิฟุยุเท่านั้น บรรยายเงียบงั้นและความตึงเครียดขึ้นมาทันที

          "มายะ อย่างที่ฉันคิดไว้จริงๆ อัคคามิฬ ของ อัคคีนั้น ต้องสร้างจากตาแก่นั้น"

          "ตาแก่นั้น ใครเหรอคะ ?"

          "ลูกศิษย์มือขวาของ ทาบาเนะ....'เปลว เพลิงศาสตรา' ยังไงล่ะ" เธอจับจ้องไปที่การต่อสู้ในฉากที่อัคคีกำลังปล่อยบลาสเตอร์แล้วกดย้อนดูฉากนั้นซ้ำไปซ้ำมา

          "เอ๋ คุณจิฟุยุคะ ? ฉันไม่เคยได้ยินเลยนะคะว่า คุณทาบาเนะมีลูกศิษย์ด้วย"

          "ฉันก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดมากนักหรอก แต่ฉันเคยคุยกับทาบาเนะเธอบอกว่า เมื่อ11ปีก่อน เธอมีลูกศิษย์แก่ๆจากคนไทยคนหนึ่ง และบอกว่าเขามีโครงการที่จะสร้าง ISให้คนไทย ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นในประเทศไทยมีคนที่ออกแบบ ISได้มีเพียงคนเดียวคือลูกศิษย์เธอ ถึงแม้ฉันไม่เคยเห็นหน้าก็เถอะ"


          จิฟุยุเริ่มตั้งคำถามขึ้นกับตัวเองตั้งแต่แรก ทั้งที่ตอนไปประเทศไทย จู่ๆก็มีเด็กชายชื่ออัคคีขับISหนีไป ชุด IS ที่จู่ๆก็สามารถปลดล๊อคระบบพลังออกมาได้ทั้งที่ก่อนหน้าทางผู้เชี่ยวชาญก็ได้นำ IS ของอัคคีไปวิเคราะห์แต่ก็ไม่สามารถเช็คดูข้อมูลอย่างระเอียดได้ราวกับมันปิดกั้นตัวเอง


          เรื่องแบบนี้มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่อาจจะเป็นการจงใจเพื่อการใดการหนึ่งก็เป็นได้...


          ...


          ในห้องพยาบาลที่มีแสงของดวงอาทิตย์อ่อนๆยามเย็นสีแดงอมทองกำลังฉายส่องมาที่หน้าต่าง แสงนั้นทอดลงมาที่เตียงพักผู้ป่วยซึ่งอัคคีนอนอยู่ ซึ่งอาการของเขาไม่ได้น่าเป็นห่วงอะไรนักนอกจากร่างกายภายนอกบอบช้ำจากการประลอง ซึ่งเป็นธรรมดาอยู่แล้ว


          เขาค่อยๆลืมตาขึ้นแล้วลุกขึ้นมานั่ง สำรวจตัวเองว่ายังใส่ชุดฝึกอยู่มีผ้าห่ม และมีสาวน้อยผมแกละที่ใส่ชุดนักเรียนนั่งอยู่ข้างๆ จากนั้นก็ถูกจู่โจมด้วยตะเกียบที่มีชิ้นเนื้อเคลือบน้ำซอสเข้าที่ปากอัคคีเกือบจะทันที


          "กินเข้าไป เจ้าเด็กใหม่ !" หลิน-อินใช้ตะเกียบคีบเนื้อหมูแล้วเหมือนจะทำท่า เอายัดเข้าปาก มากกว่าที่จะป้อนเข้าปากเสียมากกว่า "ถ้าอิจิกะไม่ขอร้องให้ช่วยจัดการข้าวเย็นหลังนายฟื้นขึ้นมา ฉันคงปล่อยให้นายนอนอยู่คนเดียวแล้วล่ะ !"

          
          อัคคีถึงจะยังงงๆอยู่ว่า จู่ๆก็มีคนที่ทำการ ยัดอาหารเข้าปากให้ เพราะอะไรก็ตาม แต่ก็อ้าปากกินแต่โดยดี เขาเหลือบมองที่โต๊ะคนไข้มีจานอาหาร 'หมูผัดเปรี้ยวหวาน' อยู่ใกล้ๆ


          "หมูผัดเปรี้ยวหวานสินะ"

          "ใช่แล้ว ! เรื่องอาหารน่ะฉันทำหมูผัดเปรี้ยวหวานได้อร่อยที่สุดอยู่แล้ว"

          "แล้วทำไมต้องมาป้อนให้ฉันล่ะเนี่ย ?"

          "ก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนี้หรอกนะ ! แต่อิจิกะเป็นห่วงนายน่ะ แล้วกลัวว่านายหิวเพราะนายยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เช้า เลยขอร้องให้ช่วยจัดการเรื่องอาหารเย็นเพราะฉันทำอาหารเป็น....อิจิกะบอกมาแบบนี้ ก็เลยช่วยไม่ได้ ! อีกอย่างนายเพิ่งตื่นคงจะเจ็บตัวไม่น้อย ให้ฉันป้อนน่ะดีแล้ว ! อย่าเข้าใจผิดล่ะ !" หลิน-อินจับจ้องไปที่จานอาหารก่อนที่จะใช้ตะเกียบคีบชิ้นเนื้อให้ใหม่

          "อร่อยดี...ขอบใจ"อัคคีหรี่ตามองที่ตัวตะเกียบ ก่อนที่ใบหน้าของเขาจะแดงขึ้นนิดๆเพราะเขาไม่เคยถูกผู้หญิงคนไหนป้อนข้าวให้มาก่อน ถึงแม้จะเฉพาะกิจก็ตาม

          "อ้าปากสิ !"

          "หลิน-อินสินะ ถ้าจำไม่ผิด"

          "มีอะไร !" เธอคีบเนื้อก่อนที่จะมาจ่อที่ปากอีกฝ่าย

          "คนอื่นๆล่ะ ?" อัคคีค่อยๆอ้าปากแล้วงับชิ้นเนื้อไปกิน

          "จิฟุยุเรียกตัวไปอีกรอบน่ะ ! แต่ชั้นกลับถูกให้มาเฝ้านาย ให้ตายสิ !" เธอแอบหงุดหงิดใส่เพราะอาจจะเป็นว่า อยากจะไปกับพวกอิจิกะจริงๆ

          "เธอไปเถอะ ฉันไม่เป็นไรแล้วล่ะ ที่เหลือฉันจัดการเอง" อัคคีหยิบจานอาหารกับตะเกียบมาจากมือหลิน-อิน

          "พูดเองนะ !" หลิน-อิน รีบลุกออกจากที่นั่งให้ไวทันที


          อัคคีนั้นอยู่ในห้องพยาบาลเงียบๆคุยกันไปเรื่อยเปื่อยๆภายในห้องโดยที่ไม่มีอะไรขึ้นอีก อัคคีคงนอนในห้องนั้นอีกหนึ่งคืนเพราะเขาต้องรอตรวจเช็คร่างกายอีกรอบ


          "ปู่ครับ..."อัคคีนั่งเงียบๆ จับจ้องไปที่จานอาหารที่ถือตรงหน้าก่อนหามุมที่นั่งใกล้ๆ ค่อยๆกินจนหมด


          วันนี้ถึงจะพ่ายแพ้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้หัวใจของชายหนุ่มสั่นคลอนนัก แต่ว่าแม้เพียงเล็กน้อย มันก็ไปกระทบถึงส่วนลึกของเด็กหนุ่มแล้ว....สิ่งที่เขา อยากได้พลัง อยากแข็งแกร่งขึ้นอีก...ต้องทำอย่างไรกันนะ ?


[To be continued. Next chapter]

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา