มันคงเป็นความรัก
7) มันคงเป็นความรัก 006 สบตา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ1 ปีก่อน ณ บริษัท S.M.
รัฐภูมิ โตคับทรวง ยังรู้สึกค้างคาใจนับตั้งแต่วันที่ หม่ำ วงศ์วานร ประธานบริษัทS.M.เลือกเป็นลูกเขย
“เออ…จะดีเหรอครับท่านประธาน…” ชายหนุ่มถามท่านประธานไปอย่างไม่มั่นใจในสิ่งที่ได้ยิน
“ดีสิ…นี่ผมเลือกสรรจากบรรดาชายหนุ่มผู้มากความสามารถทั้งแหล่ที่ผมรู้จักเลยนะ…แล้วคุณเองก็สร้างผลงานดีเลิศมาตลอด…ดังนั้นผมจึงเลือกคุณไง” ถึงแม้ชายหนุ่มได้ยินคำยืนยันจากตัวประธานแต่ยังคงรู้สึกข้องใจไม่เปลี่ยนแปลง
“ก็ดีนะได้ดีเป็นลูกเขยประธานบริษัท…แบบนี้พ่อแม่เราที่อยู่บนสวรรค์คงภูมิใจในตัวเราแน่”
รัฐภูมิกล่าวถึงพ่อที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เด็กๆ เพียงลำพังหลังจากที่แม่เสียไปด้วยโรคลูคีเมียระยะสุดท้าย เขามัวแต่หมกมุ่นอยู่กับการร่ำเรียน เพื่อหวังจะหางานดีๆทำ จนเมื่อพ่อป่วยกระเสาะกระแสะเนื่องจากตรากตรำทำงานหนักเพื่อส่งเสียเขาได้จากไปอย่างสงบ เหตุนั้นเขาจึงเสียใจมาก ในฐานะลูกชายคนเดียวควรจะดูแลพ่อที่เหลือเป็นสมาชิกคนสุดท้ายของครอบครัวให้ดี แต่กลับมัวแต่ร่ำเรียนจนเสียพ่อไป เขาตัดสินใจผละจากการเรียนปริญญาเอกกลับมาหางานทำ และได้งานที่บริษัทเครื่องสำอางค์ S.M.แห่งนี้ เขามุ่งมั่นอยู่กับงาน…จนลืมสิ่งสำคัญในชีวิตโดยเฉพาะการมีครอบครัว ผู้หญิงสำหรับเขากลายเป็นส่วนเกินกระทั่งในเวลานี้
동방신기
“แต่มีข้อแม้นะ คุณรัฐภูมิ” หม่ำ วงศ์วานร ประธานบริษัทS.M.เอ่ย
“อะไรครับ” ร่างบางถามออกไปอย่างสงสัย
“คุณจะเป็นประธานของเราจนกว่ามาริโอ้ลูกชายสุดที่รักของผมจะพร้อม เมื่อนั้นคุณต้องสละตำแหน่งให้ลูกชายของผมทันที”
เมื่อได้ยินดังนั้นร่างบางก็คิดในใจว่า มาริโอ้ลูกชายสุดที่รักของท่านประธานยังเป็นเด็กอยู่เลย แต่ท่านประธานก็จะเกษียนตัวเอง อย่างน้อยๆ เราน่าจะได้ครองตำแหน่งนี้ก็ประมาณสัก10 ปีแน่ๆ เมื่อคิดได้อย่างนั้นเลยตอบออกไปว่า
“อ้อ ครับ ไม่มีปัญหา”
“คุณรัฐภูมิ ผมมั่นใจในตัวคุณ ขอฝากบริษัท สมบัติทั้งหมดและลูกสาวของผมด้วยนะ นับจากนี้ผมเป็นแค่อดีตท่านประท่าน นัฝากด้วยนะ ท่านประธานคนปัจจุบัน”
อดีตท่านประธาน หม่ำ วงศ์วานร กล่าวฝากความหวังไว้กับลูกเขย เชิงล้อเล่น แต่กลับทำให้จุนกิกลับประหม่ายิ่งนักว่าเขาจะรับช่วงได้ดีหรือเปล่า
“เอ้า…เจ้าสาวมาแล้ว…ไหว้คุณรัฐภูมิซะซิลูก”
ผู้เป็นพ่อเตือนเบาๆ เป็นผลให้หล่อน มีเรีย วงศ์วานร ลูกสาวคนโตของอดีตท่านประธานยกมือไหว้อย่างแข็งๆ แต่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองเขา ซึ่งเป็นเจ้าบ่าวของเธอแม้แต่น้อย
รัฐภูมิมองเจ้าสาวของตัวเองอย่างเกร็งๆ แต่พอมองเลยไปข้างหลังหล่อนก็พบกับเด็กหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งยืนยิ้มอยู่
เอ๊ะใครนะ ยิ้มซะเห็นแบททีเรียในซอกฟันแหน๊ะ
“อ่อ..นี่ยังไม่เคยเจอกันซินะ นี่ มาริโอ้ วงศ์วานร ลูกชายคนสุดท้องของผมเอง แกเพิ่งเข้ามหาลัยปีนี่นะ” อดีตท่านประธานแนะนำลูกชายของตนให้รู้จักกับพี่เขย
“หวัดดีครับ…วันนี้พี่เขยหล่อมากเลยนะครับ” เด็กหนุ่มที่ชื่อมาริโอ้เริ่มทักทายพี่เขยของตัวเองอย่างเป็นกันเอง
“อะ…ครับขอบคุณครับ คุณมาริโอ้” รัฐภูมิตอบไปพลางสังเกตุเด็กหนุ่มตรงหน้า
แววตาเป็นประกายแวววาว หน้าตาสะอาดสะอ้าน ผิวขาว ตาตี่ๆ คิ้วดำเข้ม ผมสีน้ำตาลเข้มยาวละต้นคอ ดูเป็นวัยรุ่นอินเทรนด์ แต่รูปร่างกลับสูงใหญ่แผงอกกว้าง…ตัวโตพอๆ กับเขาเลย
เด็กเดี๋ยวนี้โตเร็วจัง
รัฐภูมิคิดเปรียบเทียบตนเองกับมาริโอ้ซึ่งเด็กกว่า แต่ตัวกลับโตพอๆ กับเขา และอีกไม่นานคาดว่าเด็กหนุ่มจะตัวโตกว่าเขาอีกหลายเท่าแน่ๆ
แต่ชายหนุ่มก็คิดเรื่องมาริโอ้ได้ไม่นาน อดีตท่านประธานหรือพ่อตาก็นำเจ้าบ่าวเจ้าสาวไปทำพิธีสาบานตนตามศาสนาคริสต์ …กระทั้งพิธีผ่านไปเรียบร้อย…ถ้าใครสังเกตสักนิดก็จะรู้ว่า เจ้าสาว ไม่ได้มองหน้า เจ้าบ่าว สักนิดด้วยซ้ำ หล่อนมองสูงที่สุดในตัวเขาก็แค่ปมเนคไทด์เท่านั้น ซึ่งผิดกับ น้องชายของเจ้าสาว ที่มอง เจ้าบ่าวของพี่สาว ตาเป็นมัน น่าแปลกเหมือนกันที่ น้องเขย ทำท่าสนใจในตัว พี่เขย มากขนาดนั้นแต่คงไม่มีใครสังเกต
동방신기
“ไงครับท่านประธานรัฐภูมิ โตคับทรวง วันนี้คงเหนื่อยแย่เลย ตกถังข้าวสารทั้งที” คุณณเดช คูกิมิยิ หัวหน้าแผนกฝ่ายการตลาดแซวหนุ่มร่างบางกว่าอย่างเป็นกันเอง
“นิดหน่อยครับ..แต่คืนนี้คงเหนื่อยทั้งคืนเลย” รัฐภูมิตอบล้อเล่นออกไปบ้าง
“เจ้าสาวของคุณสวยมากเลยครับ” คุณธีรเดช วงพันพัว หัวหน้าแผนกฝ่ายบุคคลกล่าวแซวหนุ่มร่างบางกว่าบ้าง
“ยินดีด้วยนะครับคุณรัฐภูมิ” คุณอธิชาติ ชุมนานัน หัวหน้าแผนกฝ่ายขาย กล่าวแสดงความยินดีกับผมด้วยน้ำเสียงจริงใจ แต่แววตาฉายแววกังวลเล็กน้อย
รัฐภูมิรู้สึกได้ถึงสายตานั้นแต่ไม่ได้ติดใจอะไร
“เอาเถอะส่งแขกแค่นี่แหละ กลับไปหาเจ้าสาวของคุณเถอะ” พวกเขาทั้งสามกล่าวคำอำลาผมแล้วจากไปอย่างสงบ
ระหว่างนั้นรัฐภูมินึกถึงเจ้าสาวของตนเอง…กริยาที่เจ้าสาวมีเรียมีต่อเขา คงไม่ใช่ความเขินอาย…รัฐภูมิรู้ดีจากท่าเดินที่มั่นคง และต้นคอระหงที่เชิดตรงเสมอนั้น
ในช่วงพิธีการบนเวที หลังจากสัมภาษณ์คู่บ่าวสาวแล้วน้องชายของเจ้าสาว ได้ขึ้นเวทีร้องเพลงเพลงสบตา-แอนเดรีย
เห็นเงาในตาฉันไหม เห็นเธออยู่ในนั้นไหม รู้ใจกันบ้างไหม ว่าฉันนั้นคิดอะไร ขอเพียงสักครั้ง แค่หันมาสบตาข้างเดียวก็พอ…
เสียงของเด็กหนุ่มช่างไพเราะรับกับเนื้อหาเพลงที่ซึ้งบ่งบอกถึงคนขับร้องว่าคงไปตกหลุมรักสาวเข้าแล้ว
และแล้วเวลาก็ผ่านไปจนกระทั้งอยู่กันตามลำพังในเรือนหอ
“เหนื่อยไหมครับ…คุณมีเรีย” จุนกิออกปากถามเจ้าสาวของตน แล้วแววตากลมโตใสกระจ่างก็ค่อยๆ เลื่อนขึ้นสบตากับเขาเป็นครั้งแรก…เพียงแค่เห็นหล่อนเยื้องย่างมาหาตอนพิธีสาบานตนเป็นเจ้าบ่าวเจ้าสาว…ก็เล่นเอาหัวใจกระตุกไปทีเดียว บัดนี้ได้เห็นหล่อนชัดๆ ใกล้แค่เอื้อม…เขาถึงกับถอนหายใจดัง
“เฮือก”
“นิดหน่อยค่ะ”
หล่อนตอบเสียงเย็น แล้วก็หุบปากสีชมพูนั้นสนิทเมินสายตาไปเสียจากเขา…บรรยากาศสบายๆ ตอนผู้หลักผู้ใหญ่ยังอยู่เมื่อครู่ แปรเปลี่ยนเป็นอึดอัดได้อย่างไม่น่าเชื่อ…แต่ทันใดนั้นเจ้าสาวที่ทำเมินใส่ผมเมื่อครู่ก็หันมายื่นแก้วน้ำส้มให้
“ดื่มซิค่ะ…คุณคงเหนื่อย”
“หา!!!...”
รัฐภูมิไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เจ้าสาวที่ทำท่าเย็นชาใส่กับเขาตลอดพิธีแต่งงาน แต่ตอนนี้กลับ เอาน้ำส้มให้เขาดื่มเพราะเห็นว่าเหนื่อย
“ดื่มซิคะ” สายตาของมีเรียตอนนี้ทำให้ชายหนุ่มแปลกใจขึ้นไปอีก มันฉาบแววบางอย่างที่อ่านไม่ออก แต่โอกาสนี้คงหาไม่ได้ง่ายๆ รัฐภูมิจึงรับแก้วน้ำส้มมาดื่มรวดเดียวหมด…จะได้ทำในสิ่งที่เจ้าบ่าว ควรจะทำกับ เจ้าสาว ซักที
“ขอบคุณครับ” ทันทีที่ชายหนุ่มดื่มน้ำส้มแก้วนั้นหมด…รัฐภูมิกลับรู้สึกทุกๆอย่างรอบตัวหมุนคว้างไปทั่ว
ในขณะที่เขากำลังมึนๆ อยู่นั้นก็เหลือบไปเห็นรอยยิ้มเย้ยหยั้นของ มีเรีย เจ้าสาวหมาดๆเขาเอง
“คุณ…” ไม่ทันที่รัฐภูมิ จะพูดอะไรออกมา เขาก็ล้มฟุ่บลงบนเตียงนุ่มๆ ในเรือนหอซะแล้ว โดยที่ไม่รู้เลยว่ามาเรียเจ้าสาวของเขาวางแผนชั่วร้ายอะไรไว้
To be Con
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ